อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน  (อ่าน 118326 ครั้ง)

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


 
อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน 
 สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เีขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย

ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon(แอด)hotmail.com

 
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:





อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง


1

   พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงฉานที่อยู่เบื้องหน้ากำลังลาลับขอบฟ้าในชั่วอึดใจ ชายหนุ่มซึ่งกำลังเร่งรีบเดินทางไปให้ถึงจุดหมายด้วยพาหนะสองเท้าถีบรู้สึกอยากจะประวิงเวลาไว้อีกสักนิด... ด้วยระยะทางจากตรงนี้ถึงเขตเมืองราวสิบกิโลเมตร หากออกแรงปั่นจริง ๆ จัง ๆ น่าจะอยู่ที่กิโลเมตรละสามถึงสี่นาที เวลานี้เขาก็ออกแรงปั่นเต็มกำลัง แต่มันไม่สามารถทำเวลาได้ เนื่องจากท้องถนนเป็นพื้นทรายแถมบางช่วงยังเป็นหลุมเป็นบ่อจนทำให้รถจักรยานรุ่นไร้เกียร์ที่เขาเช่ามาจากทิพย์อาภาเกสเฮ้าส์เกือบเสียหลักพาคนปั่นลงไปนอนนับเส้นหญ้าคาริมทางก็ตั้งหลายหน..

   และพระอาทิตย์ดวงกลมโตนั้นคล้ายจะเมินเฉยต่อคำร้องขอ..เรื่องหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่คล้อยต่ำลับเหลี่ยมเขา ..ไม่ตกดิน..ก่อนที่กิจอันพึงกระทำเสร็จสิ้น..

   ในเวลานี้เขานึกถึงแม่สาวน้อยเจ้าของจักรยานซึ่งดูห่วงใย เมื่อเขาบอกว่าต้องการเช่าจักรยานมาที่น้ำพุร้อนแห่งนี้ในเวลาบ่ายแก่ ๆ

   “พี่..คือ หนูเกรงว่าพี่จะกลับมาไม่ทันก่อนค่ำ เปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไม่ดีกว่ารึ”

   เขาจำได้ว่าสั่นศีรษะและเพียงยิ้มเจื่อน ๆ ให้ ‘หนู’ ใจจริงต้องการความสะดวกปลอดภัย แต่กำลังเงินในกระเป๋าที่มีมัน ‘ควร’ ได้เพียงจักรยานไร้เกียร์คันนี้ เมื่อเขาดื้อรั้นเอง เขาก็ควรรับกรรมที่จะเกิดขึ้น ...แต่เอาเถอะ ระยะทางไม่ไกลนัก ถ้าตั้งสติดี ๆ คงผ่านพ้นไปได้ไม่ยาก เขาไม่ใช่คนกลัวผี ถ้าจะกลัวคือ คนด้วยกันมากกว่า

   เมื่อเห็นแสงไฟดวงกลมของรถมอเตอร์ไซค์ทำท่าว่าจะแล่นสวนกันอยู่ไกล ๆ ชายหนุ่มละมือซ้ายจากแฮนด์รถมาคลำที่กระเป๋ากางเกง..แต่อดนึกขำในความระแวดระวังของตัวเองไม่ได้ ด้วยรู้ทั้งรู้ว่าทรัพย์ที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าหากผู้มิประสงค์ดีมันมาปล้นไปจริง ๆ คงไม่คุ้มกับกริยาที่ต้องขู่กรรโชก

   ขณะที่คิดว่ารถต้องมีสวนทางกัน แต่กลับเป็นว่า แสงสว่างดวงกลมนั้นก็เงียบหายไป..หรือมีทางเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เมื่อเขาปั่นสองล้อไปได้สักพักใหญ่ พลันสายตาของเขาก็ไปสะดุดกับมอเตอร์ไซค์คันนั้น..มันล้มพับอยู่กับหนามพุทรา

   อุบัติเหตุ..ชายหนุ่มหยุดรถในทันที พยายามร้องเรียกหาใครสักคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของพาหนะ..

   “โอ๊ย..ช่วยผมด้วย”

   ยังไม่ทันตะโกนซ้ำ ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากใต้ต้นพุทราซึ่งมีกิ่งและพุ่มใบปิดเจ้าของร่างจนเกือบมองไม่เห็น

   ชายหนุ่มไม่อยากจะนึกสภาพว่าเจ้าคนโชคร้ายจะต้องประสบกับอะไรบ้าง เมื่อเขาเพ่งมอง เขาได้เห็นว่ารถล้มลงไปทับขาทั้งสองข้างไว้ ส่วนตัวคนนั้นเกยอยู่กับพุ่มหนามแหลม มันคงจะเจ็บอยู่ไม่น้อย

   คนต้องช่วย รู้สึกสับสน เกรงว่าหากเห็นแผลเหวอะหวะ ตนอาจพลอยเป็นลมล้มพับไปเสียอีกคน เขาก้าวซ้ายก้าวขวาละล้าละลัง ด้วยไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน

   “ช่วยยกรถออกจากขาผมก่อน ผมเจ็บ”

   เมื่อได้ยินคำสั่งเขาจึงกระทำตามอย่างทุลักทุเล

   พอดึงเจ้ารถฮอนด้าสีแดงยกขาตั้งได้ จึงสตาร์ทเปิดไฟสาดไปที่คนเจ็บ จนได้เห็นสภาพไอ้หนุ่มผมยาวซอยสไลด์สไตล์ญี่ปุ่นในสภาพนอนคว่ำหน้าโดยขาข้างซ้ายพับงอขึ้นมาส่วนขาด้านขวาเหยียดตรงสั่นระริกแถมด้วยเลือดไหลออกมาด้วย

   “เป็นอย่างไรบ้าง..ยังไม่ตายใช่ไหม” เขาถามออกไปด้วยคิดอะไรไม่ออก

   “ถ้าตายจะพูดได้หรือไง”

   คนฟังรู้สึกว่าน้ำเสียงที่ได้ยินค่อนไปทางแสลงหู พอ ๆ กับกลิ่นสุราที่คละคลุ้งไม่ควรหายใจเข้าจมูกเหมือนกัน

   “เมาซิน่า มันถึงได้เป็นอย่างนี้” ว่าพลางค่อยดึงขาที่พับของคนเจ็บลงมาให้เหยียดตรงอย่างแรง ด้วยรู้สึกโมโหกับเหตุที่ทำให้ไอ้หนุ่มนี่ต้องมีสภาพแบบนี้..และขณะนั้นก็พยายามมองซ้ายมองขวา เผื่อบางทีมีผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่น ๆ ผ่านมาพอดี แต่เอาเข้าจริง ๆ เขาคนเดียวนั่นแหละที่ต้องค่อย ๆ ใช้เท้าถีบไปที่โคนไม้ขนาดข้อมือเด็กให้กิ่งที่สะลงมาทับตัวคนเจ็บโงนไปอีกทาง หลังจากนั้นก็ออกคำสั่งให้อีกคน ค่อย ๆ พลิกตัวเป็นสภาพนอนหงายเพื่อจะได้หายใจได้คล่องปอด และที่สำคัญ มันทำให้คนเจ็บค่อย ๆ พลิกตัวออกจากกิ่งหนามที่เกี่ยวรั้งเสื้อยืดตัวบางได้ด้วย

   เมื่อเห็นคนเจ็บพ้นจากหนามพุทรา คนช่วยจึงเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกว่าปลาบปลื้มใจที่ได้ช่วยชีวิตคนทั้งคนไว้ว่า

   “คุณต้องไปหาหมอนะครับ”

   “แต่สภาพผมตอนนี้คุณก็เห็นนี่” คนเมาเกือบจะตวาด คงไม่พอใจกับคำสั่ง แกมบังคับ

   “โอเค ผมจะพาคุณไป แต่ปัญหาตอนนี้คือ รถจักรยานของผม ผมเช่าเขามา จะทำอย่างไรกับมัน”

   “คุณก็ผลักมันลงถนนด้านโน้นไปก่อน พาผมไปหาหมอ ด้วยรถคันนี้ แล้วค่อยกลับมาเอารถจักรยานกลับ..โอเค..ถ้ามันหาย ผมรับผิดชอบเอง”

   คนเมาหนักหน้าเปื้อนฝุ่นจนหมดสภาพ ตามฝ่ามือและท่อนแขนมีเลือดไหลซิบ ๆ พูดเสียงห้วน ๆ แล้วก็ล้มพับไปอย่างอ่อนแรง

   หนุ่มที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จำต้องคอยปลุกปล้ำฉุดลากให้เขาขึ้นนั่งซ้อนท้าย ดึงมือทั้งสองข้างมากอดเอวเขาไว้ จนมั่นใจว่า คนมีเวรซ้ำกรรมซัดคนนี้จะไม่ตกจากรถไปเจ็บเป็นคำรบที่สอง
   

   เมื่อรถมอเตอร์ไซค์คันที่ได้รับความเสียหายคือ บังโคลนหน้าแตก ไฟยกเลี้ยวขวาหักกับศูนย์หน้าคดเคลื่อนที่ออกจากจุดเกิดเหตุไปอย่างทุลักทุเล คนขับนั้นอดกังวลกับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญต่อไปไม่ได้ เขาจะพาพ่อหนุ่มเด็กแนวคนนี้ ไปหาหมอที่ไหน ในกิ่งอำเภอปางจันทร์แห่งนี้..เขาเพิ่งก้าวเท้ามาเหยียบเมื่อตอนเที่ยง ยังไม่ได้สำรวจตรวจสอบในแผนที่เสียด้วยซ้ำว่ากิ่งอำเภอเล็ก ๆ ทุรกันดารมีสถานพยาบาลอยู่ตรงไหนบ้าง..ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ รถคันนั้นก็ทะยานเข้าสู่เขตเมือง พร้อมกับที่เขานึกถึงหน้าของเด็กสาวผู้ดูแลเกสเฮ้าส์ซึ่งเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนี้ เจ้าหล่อนเป็นคนที่นี่คงช่วยเขาได้อย่างแน่นอน..

   แต่เมื่อเจ้าหล่อนได้เห็นสภาพรถ

   “ตายห่าล่ะ รถอิฉัน..อภิโธ่..โธ่เอ๊ย..ไอ้เบื๊อกนี่..” หญิงสาวปรี่ไปสำรวจรอบ ๆ รถโดยไม่สนใจคนเจ็บสักนิด จนเขารู้สึกขวางตาพิกล

   “อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้เขาเจ็บมีเลือดไหลตรงขาเธอเห็นไหม เร็ว ๆ เถอะ ช่วยพาเขาไปหาหมอก่อนที่เขาจะตายตรงนี้”

   “ไปอย่างไรล่ะ” เจ้าของรถหน้ามุ่ย แต่พอปรายตาดูสภาพของคนเจ็บ เธอจำต้องกระโดดขึ้นคร่อมและเกาะท้ายไปอย่างเสียไม่ได้

   “โรงพยาบาลขับตรงไปเลี้ยวซ้าย”

   คนขับปฏิบัติตามในทันที..

   หลังจากส่งคนเจ็บเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว ทั้งสองคนก็มานั่งสงบนิ่งรอคอยการรักษาพยาบาลด้วยอาการที่ต่างกัน

   สำหรับชายหนุ่มรู้สึกว่าเป็นปลาบปลื้มใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ตกยาก นี่กระมังที่เขาเรียกว่าบุญ.. แช่มชื่นและอิ่มเอม.. หากเขาไม่ได้ปั่นจักรยานผ่านมา ป่านฉะนี้ ผู้ชายท่าทางสำอางคงนอนหนาวอยู่อย่างนั้น ดีไม่ดีอาจจะถึงเช้าเลยก็ได้ เพราะที่น้ำพุร้อน ในตอนที่เขาปั่นจักรยานออกมา ไม่มีผู้คนหรือนักท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณนั้นแล้ว..

   แต่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน กลับกระสับกระส่ายคล้ายมีธุระสำคัญ

   “น้องจะกลับบ้านก่อนก็ได้นะ จากนี่ไปที่พักไม่ไกลมาก ถ้าเสร็จธุระหรือได้เรื่องอย่างไร เดี๋ยวพี่เดินกลับไปเอง”

   คนได้ฟังหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ทำอย่างนั้นได้ก็ดีซิ..ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ก็คงต้องอยู่คอยเป็นเพื่อนพี่..แต่..ตอนนี้ คือหนูหิวข้าว..พี่หิวไหม ไปหาอะไร อร่อย ๆ กินกันที่หน้าโรงพยาบาล ..”

   พอได้ยิน คนถูกชวนจำต้องลุกขึ้นอย่างว่าง่าย.. ด้วยเห็นในน้ำใจไมตรีที่อีกฝ่ายยื่นให้ และคนที่ยื่นก็เป็นผู้หญิงซึ่งถ้ามองผ่าน ๆ เธอคือผู้หญิงธรรมดาเรียบ ๆ แต่ถ้าเพ่งพิศชิดใกล้ จะได้เห็นเสน่ห์ที่รอยยิ้มแก้มบุ๋ม กับดวงตากลมโตเป็นประกายใส เข้ากับคิ้วดกดำเป็นแผงหนา หน้าตาเกลี้ยงเกลาไร้การแต่งแต้มสีสันจนดูงามเกินวัย..

   “ให้หนูเลี้ยงนะ”

   คนได้เปรียบมองหน้า..แต่อีกคนยิ้มให้ คล้ายกับว่า...น้องหนูจะทอดสะพานสานความสัมพันธ์

   ขณะเดินตามคนผิวขาว ผมบ๊อบหน้าม้า สูงสักร้อยหกสิบห้า สวมเสื้อยืดสีชมพูตัวหลวม ๆ นุ่งกางเกงขาสั้นเข้ารูปถึงเข่า..เดินกระฉับกระเฉง..ไม่นวยนาดจนน่ารำคาญ ..เขาต้องสลัดศีรษะไม่ให้คิดเรื่องที่ยังไม่เกิดไปในทางที่ไม่ดีงาม
   


   ร้านที่สาวเจ้าพามาเป็นเพียงรถเข็นตู้ก๋วยเตี๋ยว ตั้งอยู่บนฟุตบาทบริเวณหน้าโรงพยาบาลเพียงเจ้าเดียว ดูจากสถานการณ์ คืนหนึ่งคงขายได้ไม่กี่ชาม เนื่องด้วยเศรษฐกิจในกิ่งอำเภอนี้ ยังไม่เฟื่องฟู มีเพียงหน่วยงานราชการเพียงไม่กี่แห่งที่ทยอยมาตั้ง นักท่องเที่ยวที่จะดั้นด้นมาถึงที่นี่ก็ต้องตั้งใจมาจริง ๆ ด้วยเป็นเมืองปิด มีสถานที่เรียกนักท่องเที่ยว เพียงน้ำพุร้อนนิด ๆ กับยอดดอยจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นลูกเตี้ย ๆ จึงไม่มีใครมาแล้วกลับไปเขียนบอกเล่าให้ เชิงชื่นชม

   สำหรับเขา เหตุที่ตั้งใจมาที่นี่ ก็คือ รอยพระพุทธบาท บนยอดเขาปางสุดยอดอันไกลโพ้น

   “น้องชื่ออะไร” เมื่อเขาถามอีกคนก็ยิ้ม ขำกิ๊ก ๆ

   “เป็นอะไร”

   “เพิ่งจะมาถาม อยู่ด้วยกันจะครึ่งคืนแล้วพี่”

   “พี่ชื่อสุริยา ไม่มีชื่อเล่น” ตอบแบบตัดรำคาญด้วยไม่ชอบการพูดเล่น...

   “หนูเรียกพี่ยาได้ป่ะ”

   คนได้ฟังไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับ

   “แล้วหนูล่ะ ชื่ออะไร”

   “หนูเกิดตอนพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้านิดนึง คงประมาณเจ็ดโมงเช้า แสงกำลังสวยเชียว แม่บอกว่าเหลือบไปเห็นจากหน้าต่าง ทำคลอดกับหมอตำแย..ก็เลยให้ชื$
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2011 16:31:05 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: อยากให้พระอาทū
«ตอบ #1 เมื่อ13-04-2011 11:11:47 »

“ชื่อนั้นสำคัญไฉน..คนจะดีจะร้ายไม่ได้อยู่ที่ชื่อ อยู่ที่การกระทำ”

   “แล้วทำไม สมัยนี้เขานิยมเปลี่ยน” สาวเจ้าขอความคิดเห็น..

   “พวกขาดความมั่นใจในตัวเองมั้ง..หนู ..ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ชื่อนี้เพราะ.. แล้วมีพี่น้องกี่คน”

   “หนู..เอ๊ะ ทำไมหนูต้องบอกให้พี่รู้ด้วย..”

   พอดีก๋วยเตี๋ยวชามโต ควันลอยฉุยส่งกลิ่นหอมน้ำต้มซุบถูกส่งผ่านหน้า..

   “แหม นังหนูวันนี้มากินกับหนุ่ม ๆ ด้วยนะ”

   “มีแซว ...ถ้าพี่เขาเป็นแฟนหนูก็ดีซิป้า..” พูดคล้ายไม่ได้คิดอะไร แต่อีกคน เขิน..เพราะสายตาของป้าและคงเป็นลูก ๆ ของป้า มองแล้วยิ้มมาทางเขา

   “พอดี แขกที่มาพัก พามอ-ไซค์ไปล้ม พี่เขาช่วยเอากลับมา ตอนนี้ให้หมอทำแผลอยู่ หนูจึงได้มีเวลาอุดหนุนป้านี่ไง” เห็นคนนั่งตรงหน้าทำเขิน จึงต้องรีบแก้แทนให้..

   “เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

   “แข้งแตก กับหนามพุทราปักตามใบหน้าและก็ท้องแขน.. คงเจ็บมากนะป้า ท่าทางสำอางสำออย...มาจากกรุงเทพฯ ..ดีนะได้พี่เขาช่วยไว้... ไม่งั้น..หนูไม่รู้เหมือนกันถ้าเขาหายไปทั้งคืนหนูจะทำอย่างไร”

   “แล้วป้าเอ็งไปไหนล่ะ”

   “ป้าหนู..ไปเที่ยวกับลุง และลูกสาวเค้า” ท้ายประโยคมีแววน้อยใจ..จนคนฟังจับความรู้สึกได้

   “เองก็เรียนให้มันจบ เร็ว ๆ จะได้ทำงานทำการไม่ต้องพึ่งพาอาศัยเขา จะได้ไม่อึดอัด”

   “ป้ารู้ได้ไงหนูอึดอัด”

   “รู้ซิ ป้าเคยอยู่กับคนอื่นมา ถึงเขาจะดีอย่างไร เขาก็ไม่ใช่พ่อแม่เรา เราต้องทำให้เขารัก เขาชอบ ถ้าทำให้เขาเกลียด เขาก็ไม่ให้อภัยเพราะเราไม่ใช่ลูกเขา”

   สุริยาสังเกตสีหน้าของสาวแสงทอง ดูสลดลงในทันที ..คนทุกคนมีเรื่อง เขาก็มีเรื่อง หากแต่ปล่อยมันไว้ข้างหลัง เรื่องบางเรื่องไม่สามารถแก้ได้ เพียงนั่งดูมันเฉย ๆ ดู ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป..ดูให้เหมือนดูละคร..แต่เรื่องบางเรื่องเขากลับต้องเป็นตัวละครโดยไม่ได้ตั้งใจ

   เมื่อก๋วยเตี๋ยวหมดชาม เขาจึงเป็นคนจ่าย..ทั้งที่อีกคนพยายามยัดเยียดเงินให้..

   “พรุ่งนี้เช้าค่อยเลี้ยงข้าวที่บ้านคืนแล้วกัน”

   และขณะจะก้าวขาออกจากร้าน..

   “เอาไปให้ ..ไหม” ไหม..ของคนถาม คือคนที่นอนให้หมอดูอาการ

   “เขาชื่อรุ่งโรจน์”

   “เอาไปให้เขาสักห่อแล้วกัน คงยังไม่ได้กินอะไร ในท้องคงจะเต็มไปด้วยสุรา กลิ่นมันถึงได้หึ่งออกมาจากตัวรัศมีหลายเมตร พี่ล่ะ กินเหล้าปะ..”

   คนถูกถามสั่นหัวเหมือนเคย

   “ดี หนูไม่ชอบผู้ชายกินเหล้า สูบบุรี่ เพราะพ่อของหนูก็ตายด้วยเรื่องพวกนี้แหละ ..” น้ำเสียงของหญิงสาวสั่นเครือ จนเขาต้องหันกลับไปมอง..แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นรอยยิ้มหวาน..

   “อร่อยไหม”

   ชายหนุ่มเบะปาก..อยากจะบอกว่าอร่อยกับผีอะไรอย่างกับน้ำล้างเขียง..แต่ถ้าพูดเหมือนคิดคงได้อดตาย



และเมื่อกลับไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินพยาบาลผู้ยืนเวร ก็รีบกุลีกุจอออกมาบอกอาการ..

   “ญาติคุณรุ่งโรจน์ ศิริรัตนวงศ์ นะคะ..คือตอนนี้คนเจ็บหมอเย็บหน้าแข้งไปสามเข็ม แล้วก็เอาหนามที่ปักตามแขนและใบหน้าออกให้ และก็ทายาให้แล้ว อาการอื่น ๆ คงไม่มีอะไรมาก คงต้องให้กลับบ้าน..สะดวกไหมคะ”

   ทั้งคู่พยักหน้าตอบรับพร้อมกัน

   “งั้นถือนี่ไปที่ห้องจ่ายยาและชำระเงินด้วยค่ะ”

   พูดถึงเรื่องชำระเงิน คนสองคนหันมามองหน้ากัน แล้วใครจะเป็นคนจ่าย เท่าที่ล้วงควักตามกระเป๋าเสื้อและกางเกงนายรุ่งโรจน์ ศิริรัตนวงศ์ ไม่พบอะไรนอกจากตั๋วรถ บขส. เที่ยวมา กับซองบุหรี่เปล่า และไฟแช็คอันละห้าบาทหนึ่งอัน..

   เมื่อรูปการณ์เป็นดังนั้น สุริยาจำต้องถือใบสั่งยาเดินไปทางที่พยาบาลชี้ สักพักเขาเดินกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ด้วยไม่อยากให้อีกคนเห็นถึงความอึดอัดใจเพียงใดกับเงินที่ต้องสำรองจ่ายโดยไม่รู้ว่ามีหวังได้คืนหรือไม่..เมื่อหมออนุญาตให้คนเจ็บกลับ ทั้งสองคนจึงเข้าไปช่วยพยุงลงจากเตียงแล้วก็เข้าปีกประคับประคอง เหมือนคุ้นเคยกันมานานแสนนาน..


   พอมาถึงทิพย์อาภาเกสเฮ้าส์ซึ่งดัดแปลงทำห้องพักจากด้านล่างของบ้านไม้สักหลังใหญ่ในรั้วไม้ระแนงมีสนามหญ้าและร่มไม้ใบใหญ่สงบเย็น ..สาวแสงทอง จึงชี้บอกไปว่า

   “เขาอยู่ห้องเบอร์ 4 ตรงข้ามกับห้องพี่” สุริยาจำต้องประคองคนเจ็บเข้าห้องแต่เพียงผู้เดียว เมื่อไปถึง..เปิดประตูเข้าไป ก็พบเพียงความว่างเปล่า ..เหมือนกับที่แสงทองพูดไว้..

   “คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจจริง ๆ พี่คิดดูเถอะ อากาศที่ปางจันทร์ สูงสุดก็ไม่เกิน 25 องศา แต่หมอนั่นยังมาได้แค่เสื้อตัว กางเกงตัว..แล้วอย่างนี้มันจะไปเหลืออะไร พอมาถึงก็มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งแล้ว จริง ๆ หนูจะบอกว่าห้องเต็มอยู่แล้วเชียว แต่เห็นแก่เงินหรอก..จำต้องเปิดรับ..พอมาถึงก็นอนยาวไม่ออกจากห้อง น้ำท่าอาบบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอออกมาก็หายไปนานเลย กลับมาอีกทีประคองขวดเหล้ากลับมา แล้วก็ออกไป ถึงได้เป็นอย่างนี้..”

   สุริยา ค่อย ๆ ประคองคนเจ็บซึ่งครางอ๋อย ๆ ว่าเจ็บ ๆ ...ไปนอนที่เตียง ...แล้วก็มองไปบริเวณบาดแผลที่หน้าแข็งกับริ้วรอยหนามข่วนตามใบหน้ากับริมผีปากที่เห่อขึ้นมาด้วยฤทธิ์จูบกับถนนดินทรายปนหินดินดาน..

   “ขอบคุณนะครับ” ..แววตาคนเจ็บคล้ายเกรงใจ

   “คุณต้องลำบากเพราะผม..”

   “ไม่เป็นไรครับ” บางทีเรื่องที่ผ่านมาแล้ว มันก็ลืมความยุ่งยากในขณะนั้น..อยู่กับปัจจุบัน..แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจึงจะมีความสุข..

   “คุณชื่ออะไร” แววตาคนถาม ต้องการรู้จักคนใจดี..

   “ผมสุริยา” น้ำเสียงคนตอบก็อารีจนรู้สึกเย็น..

   “ผมรุ่งโรจน์”

   คนได้ยินพยักหน้า เป็นเชิงให้รู้ว่ายินดีที่ได้รู้จัก ..กับลูกชายคนดัง.. ศิริรัตนวงศ์ นามสกุลใช่ ใบหน้าก็ละม้าย เจ๊ไฮโซ ที่มีข่าวซุบซิบ ๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน แต่เวลานี้ ประโยชน์อะไรที่เขาจะไปคุยเสนอตัวว่ารู้จักเบื้องหลังอีกคน... รู้จักกันตรงนี้ ช่วยกันแค่นี้แล้วเดี๋ยวก็ลาจาก ..หากแต่ใบหน้าหล่อเหลาชวนมองเช่นนี้เอง เจ้าตัวถึงได้มีข่าวซุบซิบเป็นระยะ ๆ และมีรูปลงนิตยสารเล่มหนัก ๆ ไม่ต่างกับผู้เป็นแม่..

   ทำบุญมาด้วยอะไรหนอ จึงเจริญด้วย รูป ทรัพย์และบริวาร แต่ก็นั่นแหละ..ณ วันนี้ ประมาท มัวเมากับอบายมุข มันถึงได้เป็นแบบนี้..

   “คุณคงอยากพักผ่อน ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมพักอยู่ห้องตรงกันข้ามกับคุณ..เอ้อ ใช่ซิ คุณหิวไหม ผมซื้อก๋วยเตี๋ยวไว้ให้ แขวนอยู่หน้ารถ”

   คนเจ็บพยักหน้า

   สุริยาจึงกุลีกุจอออกไปขอถ้วยขอชาม คนดูแลสถานที่แห่งนี้ หลังจากนั้นก็ถือถ้วยก๋วยเตี๋ยวซึ่งเขาฟันธงไปแล้วว่าไร้ซึ่งความอร่อย..ไปหาคนเจ็บ

   เมื่อคนเจ็บได้งับอาหารในช้อน...ดูสีหน้าแล้ว ประมาณกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน..

   “ไม่อร่อยใช่ไหม”

   “ผมมีทางเลือกอื่นไหมล่ะ” คนต้องกินย้อนถาม ..ก่อนจะตักเข้าปากเนิบ ๆ ค่อย ๆ เคี้ยวอย่างคนที่โตมาในแบบผู้ดี..เมื่อเขากินหมดชาม สุริยาจึงชวนสนทนา..ด้วยคิดว่า เขาคงเหงา เหมือนตัว..

   “แล้วคุณจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่”

   คำตอบคือถอนหายใจออกมาอย่างแรง.. คงมีเรื่องไม่สบายใจที่นั่น คงหนีตัวเอง..ค้นหาบางอย่างที่หายไป..

   “แล้วคุณล่ะกลับเมื่อไหร่”

   “ผมจะไปไหว้พระบาทบนยอดเขาปางสุดยอดก่อน พระอาจารย์ว่าศักดิ์สิทธิ์นัก อธิษฐานอะไรจะสมความปรารถนา..”

   “คุณเชื่อ”

   “ผมศรัทธา..ก็แค่เคยตั้งความปรารถนาไว้ ว่าจะไปในทุก ๆ ที่ที่มีรอยพระบาทพระธาตุเจดีย์”

   “เพื่ออะไร”

   “คุณมาที่นี่เพื่ออะไร”

   “มาเที่ยว” คำตอบคล้ายปัดไปที

   “ก็เหมือนกัน จุดมุ่งหมายอีกอย่างหนึ่งในความสุขของคน ก็คือมีเงินเหลือกินเหลือใช้ แล้วก็เที่ยว ..ไป เพื่อให้ตัวเองมีความสุขกับการได้รู้ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้..ผมก็เป็นอย่างนั้น เพียงแต่ผมมีมุมของศาสนาอยู่ด้วย...อย่างอื่นที่มีอยู่ข้างทางผมก็ได้เห็นเหมือนคนอื่น แต่สิ่งที่ผมได้เห็นมากกว่าหลาย ๆ คนก็คือพุทธเจ้า กับความเชื่อความศรัทธาในแต่ละท้องถิ่นและคำสั่งสอน..การเดินทางของผมก็คือการจาริกแสวงบุญด้วย”

   “รอให้ผมหายก่อนได้ไหม ผมจะขึ้นไปกับคุณด้วย” ดูเขานึกสนุกมากกว่าคิดเป็นอย่างอื่น..

   “ถ้าคุณต้องการเช่นนั้นจริง ๆ คงอีกหลายวัน.แต่ถ้าคุณอยากไป ผมจะรอ..คงไม่เกินสองวันถ้าคุณได้พักผ่อนเต็มที่.. มา..เดี๋ยวผมเอาชามไปล้างเก็บให้..อ้อ..กินยาหลังอาหารด้วยนะ หมอบอกว่าแผลอาจอักเสบจนเป็นไข้..”

   ว่าแล้ว สุริยาก็ค้นถุงยา อ่านฉลาก แล้วแกะยาให้คนเจ็บสองเม็ดส่งให้ถึงฝ่ามือพร้อมน้ำอีกแก้ว คนเจ็บโยนเข้าปาก ดื่มน้ำตามแล้วยิ้มออกมา

   “โชคดีของผมที่เจอะคุณ ไม่งั้นคงได้ตายเหมือน....” พูดพลางคลำตามกระเป๋ากางเกง..

   “เอ่อ คุณเห็นซองบุหรี่ผมไหม”

   “เห็นที่โรงพยาบาล ดึงออกทิ้งไปแล้ว มันหมด”

   “งั้นช่วยไปซื้อให้ผมหน่อยซิ” พูดเหมือนคนคุ้นเคยกัน

   “คงไม่ได้ครับ เพราะ..ผมไม่ชอบเห็นคนสูบบุหรี่”

   “งั้นผมไปเองก็ได้..”

   “ร้านแถวนี้คงเปิดขายคุณหรอก ที่นี่ไม่มีเซเว่นนะครับ อดไปเถอะ คืนเดียวคงไม่ตาย” เริ่มสนิทกันมากขึ้น จึงแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาให้เห็นบ้าง..

   ว่าแล้วสุริยาก็เดินออกไปโดยไม่เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของอีกคน เมื่อกลับถึงห้อง เขาถอดเสื้อผ้านุ่งผ้าเช็ดตัว เพื่อเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านหลังที่พัก..พอเปิดประตูออกมา จึงได้พบคนดื้อยืนพิงประตูห้องตนเอง สีหน้าบอกให้รู้ว่าเจ็บระบมที่ขา..

   “จะไปไหน ผมบอกแล้วว่า ร้านเขาปิด คุณนี่ดื้อจริง ๆ กลับเข้าห้องไปเถอะ”.. น้ำเสียงดุนิด ๆ เพราะคิดว่าทำซ่าเพราะฤทธิ์เมา

   “คือผมจะไปห้องน้ำ ผมปวดฉี่”..

   สุริยายิ้มเจื่อน ๆ ให้ด้วยเข้าใจผิด ก่อนเดินเข้าไปประคอง..ช่วยพาไปที่ห้องน้ำด้านหลัง..เมื่อเขาเสร็จกิจ จึงพากลับไปส่งที่เตียงแล้วก็รีบออกมาด้วยรู้ดีว่าไม่ควรใกล้ชิด..

   ราดน้ำไปได้สี่ห้าขัน ก็ทนกับความเย็นของน้ำไม่ไหว จำต้องรีบเช็ดเนื้อตัวด้วยกลัวจะเป็นไข้..พอเดินกลับมาก็เห็นคนเจ็บมายืนทำหน้ากังวล อยู่ที่หน้าประตูเหมือนเดิม..

   ..มองหน้าสังเกตแววตา

   “กระเป๋าตังค์ผมหาย..คุณเห็นไหม”..

   คนช่วยพามาจากถนนดินทราย สั่นศีรษะตามความเคยชิน..รู้ว่าเขาตกที่นั่งลำบาก ด้วยแสงทองบอกแล้ว มาแต่ตัวจริง ๆ .. เมื่อกระเป๋าเงินหาย ก็เหมือนมือเท้าด้วน..

   “ผมรู้แล้วว่ากระเป๋าคุณหาย..แต่ไม่เป็นไร ผมจะช่วยคุณเท่าที่ผมช่วยได้..คือ..ให้ยืมเท่าที่ผมพอมี..โอเค คืนนี้คุณคงนอนหลับฝันดี..”

   “แต่ผมปวดแผล”

   “ก็ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าดื้อ อย่าเดินเพ่นพ่าน แผลเพิ่งเย็บมา..กลับเข้าห้องไปนอน” ความรู้สึกของสุริยาเหมือนอีกคนเป็นเด็กขี้อ้อนน่าหมั่นไส้..

   พ่อแม่เขารวย คงมีคนคอยให้รับใช้ เลี้ยงมาแบบประคบประหงม จะเอาอะไรก็คงจะได้ดั่งใจ ผิดกับเขาหรอก..โตมาชนิดปากกัดตีนถีบ มีพ่อกับแม่ก็เหมือนไม่มี ส่งเข้าไปพึ่งวัด ‘อัตตาหิ อัตตะโน นาโถ’ เสียตั้งแต่อายุสิบสอง..อยากได้อะไรก็บิณฑบาตจากญาติโยมแล้วก็เก็บหอมรอมริบ..เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ต้องดูแลตัวเอง..

   เมื่ออีกคนล้มตัวลงบนฟูกสำลีปูทับด้วยผ้าลายดอกไม้เต็มผืน.. นึก ๆ ก็อยากคลี่ผ้าห่มคลุมให้ เพราะรู้ว่ามันดูอบอุ่นถ้ามีใครสักคนมาปฏิบัติต่อตนเยี่ยงนั้น แต่ขืนไปทำกับเขาอย่างนั้น ...คงไม่งามแน่..

   “ผมไปนอนแล้วนะ นอนหลับฝันดี พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” สุริยากำลังจะผละออกมา แต่คนที่นอนอยู่ก็ชิงพูดขึ้นว่า..

   “แต่ผมคงฝันดีไม่ได้เพราะผมรู้สึกอยากอาบน้ำ”

   “แต่ขาคุณเป็นแผลถูกน้ำไม่ได้...”

   “แต่ผมอยากล้างหน้าสักหน่อย คุณประคองผมไปที่ห้องน้ำได้ไหม..”

   คนถูกขอร้องเพ่งพิศไปตามใบหน้าและเรือนกายของอีกคน มอมเหมือนลูกหมาคลุกฝุ่น..ผมเผ้าทรงชี้โด่ชี้เด่แบบเด็กญี่ปุ่นกระเซอะกระเซิงดูไม่เป็นผู้คน ใบหน้ายังมีคราบฝุ่น..เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว ได้แต่ถอนหายใจ นึกขำ ๆ ก่อนเดินกลับไปที่ห้องพักของตน กลับมาอีกทีในมือมีผ้าขนหนูผืนเล็กพร้อมกับกระแป๋งน้ำสำหรับซักผ้าของเกสเฮ้าส์ ถ้าไปหากะละมัง เดี๋ยวแม่สาวแสงทองคงได้บ่นอุบอิบ ..

   “งั้นเช็ดตัวแล้วกัน ถอดเสื้อออกซิ กางเกงด้วยก็ได้” สุริยาออกคำสั่งคล้ายอีกคนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ

   คนต้องถอดทำท่ากระบิดกระบวน ด้วยไม่คุ้นเคยกัน...

   “ไม่เป็นไรหรอก เราผู้ชายเหมือนกัน” ว่าแล้ววางผ้ากับกระแป๋งไว้ก่อนเดินกลับไปที่ห้อง กลับมาพร้อมกับเสื้อแขนยาวตัวบางกับกางเกงขาสั้นของตน..

   “คุณคงดูแลตัวเองได้นะ เอ้านี่ เสื้อผ้าผม เปลี่ยนซะ ถอดของคุณออกส่งมา ผมจะไปซักให้ พรุ่งนี้แห้งแล้วคุณจะได้มีใส่..

   หนุ่มรุ่งโรจน์รับผ้าไปถือไว้ ชั่งใจอยู่สักพัก แล้วมุดเข้าในผ้าห่ม ถอดเสื้อและกางเกงนอกและกางเกงในของตนส่งมาให้..อีกคนพอเห็นกางเกงในสีขาวตัวจิŭ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2011 21:08:38 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้วครับ พอดีเพื่อน ๆที่เป็นสมาชิกห้องนี้แนะนำให้มาโพสต์ที่นี่
ผมมีข้อผิดพลาดกับกฏระเบียบของที่นี่อย่างไรแนะนำกันด้วยนะครับ.. ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2011 14:56:10 โดย anop2521 »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: อยากให้พระอาทิ&#
«ตอบ #3 เมื่อ13-04-2011 11:19:59 »

 :mc4: :mc4:เข้ามาอ่านเป็กำลังใจครับ


น่าติดตามมากๆ


รอตอนต่อไป :กอด1:

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
Re: อยากให้พระอาทิ&#
«ตอบ #4 เมื่อ13-04-2011 12:36:30 »

น่าอ่านดีครับผม  แต่ชื่อเรื่องเนี่ย มันอะไรยังไงแน่เอ่ย  อ่านแล้วงงๆนิดนึง

+ ไปเลยครับกับเรื่องใหม่  แล้วมาลงให้จบนะคร้าบ o13

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
2.อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง
   
   พอแสงแรกของวันจับขอบฟ้า สุริยาก็ลืมตา ด้วยระลึกเสมอว่า อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา..เขามาที่ปางจันทร์ด้วยเรื่องงาน มาดูว่าจะมีช่องทางพากรุ๊ปทัวร์เถื่อนของเขามาเที่ยวชมสิ่งที่มี ที่เป็น ที่นี่ ได้หรือไม่ และสิ่งหนึ่งที่สุริยาทัวร์จะมีให้ลูกค้า นั่นก็คือ ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ณ ถิ่นนั้น..พอตั้งสติได้ เขาก็ลุกจากเตียง เข้าห้องน้ำเสร็จกิจแล้ว ออกมาแต่งตัวด้วยกางเกงวอร์มสีกรมท่าตัวเก่ง กับเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวเนื้อหยาบของจีนซึ่งซื้อมาจากตลาดนัดในซอยบ้าน ชีวิตเช่นเขามีได้แค่นี้ก็นับว่าบุญแล้ว ..

   ชายหนุ่มคว้ารองเท้าคู่สีขาวคู่เก่ามาเคาะไล่ฝุ่น อดที่จะนึกถึง..คนในห้องตรงกันข้ามไม่ได้..จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ..แต่ค่อยว่ากันตอนกลับมาจากเป็นขุนแผนเดินตลาด..

   ตลาดเช้าของปางจันทร์เป็นตลาดเล็ก ๆ ชาวบ้านในถิ่นนี้บริโภคข้าวเหนียวนึ่งเป็นหลัก อาหารจึงเป็นลักษณะย่าง ปิ้ง ทอด..ลาบและยำ..พืชผักผลไม้ที่นี่สด ด้วยอากาศดีมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่าน..การกสิกรรมที่ได้เห็นระหว่างนั่งรถสองแถวเข้ามาก็มีไร่กระเทียมปลูกในนาขั้นบันได


   เดิน ๆ ไป ถามตัวเองว่าที่นี่ น่าสนใจไหม ถ้าเทียบกับตลาดเช้าที่แม่สะเรียงหรือว่าตลาดแสงเทียนที่แม่ฮ่องสอน ที่นั่นของมากและหลากหลายกว่า โดยรวมแล้วถ้าคิดจะจัดทัวร์มาคงไม่ประทับใจ..ไม่มีสิ่งปลูกสร้างดึงดูด ไม่มีวัดสวย ๆ ไม่มีเจดีย์สูงตระหง่าน..ไม่มีน้ำตกงาม ๆ

   ชายหนุ่มซื้อข้าวเหนียว 1 ห่อ กับไก่ย่าง 1 ไม้ ใส่บาตรถวายพระ ตามที่ได้ตั้งใจ..ถ้าเช้าใดพบเห็นสมณะจะสละทรัพย์ทำบุญ..ด้วยรู้ว่าตนโตมาได้ด้วยบาตร การจะคืนและตอบแทนได้ ในวันที่ลาสิกขามาสร้างเนื้อสร้างตัวคือ ควักที่มีใส่บาตรลงไปบ้าง รู้ดีว่าจุดประสงค์ในการออกถือบาตรของพระแต่ละรูปต่างกัน..

   เมื่อเดินผ่านน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ ซึ่งมีสภาพ เป็นก้อน ๆ ไม่ประณีตสวยงามเหมือนเมืองอื่น จำต้องซื้อเผื่ออีกคน..

   พอกลับไปถึงเกสเฮ้าส์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดมากนัก ก็พบสาวแสงทองกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดบริเวณเคาน์เตอร์รับแขก..และสาวเจ้าก็ร้องทักเขาก่อนอย่างที่เขาคิดไว้..

   “ไปตลาดมาหรือพี่..ได้อะไรมาบ้าง”




   ชายหนุ่มชูถุงพลาสติกที่มีแปรงสีฟันยาสีฟันและน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋อยู่ข้างในให้ดู ก่อนจะร้องขอแก้วใบใหญ่ เพื่อจัดไปให้อีกคนในที่พัก


   “จะไปใส่ใจอะไรนักหนา ญาติก็ไม่ใช่สักหน่อย” น้ำเสียงรู้ว่าหยอกแต่เขาก็ไม่อยากได้ยิน..ไม่อยากเห็นคนทำใจดำต่อกัน..

   “ช่วยแล้วก็อยากจะช่วยให้ถึงที่สุด ..เอ่อ น้องหนู เสร็จงานหรือยัง..ต้องรีบกลับไปที่เกิดเหตุนะจักรยานยังอยู่ที่นั่น”

   “คงไม่หายหรอก เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าจักรยานยี่ห้อนี้เป็นของที่นี่ ขืนลักไปก็เป็นเรื่อง”

   “ใหญ่คับอำเภอว่างั้นเถอะ” พูดจบชายหนุ่มก็ขอตัวไปดูแลคนนอนเจ็บ
   



   พอเปิดประตูเข้าไป เห็นอีกคนยังหลับตาพริ้ม..เสื้อและกางเกงของเขาวางพาดอยู่บนโต๊ะติดกับหัวเตียง แสดงว่าเขาตัวเปล่าล่อนจ้อน..ที่นี้เมื่อรู้ว่าอีกคนหนึ่งโป๊ คนที่ถือน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋เข้าไปจึงยืนละล้าละลัง พอดีกับที่เขาขยี้ตาตื่นมาทักทาย..

   “มาแต่เช้าเชียว”

   “ขอโทษที่รบกวน เป็นไงบ้าง” สุริยาวางแปรงสีฟัน ยาสีฟัน และถาดแก้วน้ำเต้าหู้กับจานปาท่องโก๋ไว้บนโต๊ะ แล้วนั่งลงบนที่นอนใกล้ ๆ อีกคน..

   “หน้าคุณแดง” พูดจบก็ใช้หลังมือแตะที่หน้าผาก

   “ตัวร้อนด้วย..คงมีไข้..แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้านอน รังเกียจของผมเหรอ”

   “เปล่า..คือผมชอบนอนล่อนจ้อนอย่างนี้แหละ สบายตัวดี..” ว่าพลางก็กระเถิบตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียง จึงเผยให้เห็นช่วงไหล่กว้างกับแผงหน้าอกบึกบึนด้วยคงออกกำลังกายประเภทฟิตเนส จึงทำให้ผิวที่ขาวดั่งไข่ปอกที่เผยให้เห็นน่ามองยิ่งขึ้น..

   และไม่ทันที่อีกคนจะรู้ตัวว่าถูกลอบมอง คนเจ็บก็คว้าเสื้อที่เขาวางไว้ให้เมื่อคืนมาสวม แล้วหยิบกางเกงขาสั้นสีดำเนื้อผ้าร่มบาง ๆ ของอีกคนมุดไปในใต้ผ้าห่ม..

   “เสื้อผ้าผมราคาถูก เนื้อผ้าไม่ดีคุณคงไม่รังเกียจ”

   คนถูกถามสั่นศีรษะ

   “ไม่หรอก..ขอบคุณ คุณมาก ๆ และถ้าจะให้ดีรบกวนคุณดูต้นทางให้ทีเถอะ ผมจะไปห้องน้ำ”

   “ทำไมหรือ”

   “คือ..คุณก็รู้นี่ว่าพวกผู้ชาย ตอนเช้า ๆ มันเป็นอย่างไร ขืนผมเดินออกไปด้วยกางเกงตัวบาง ๆ ของคุณอย่างนี้ ยายเด็กนั่นมาเห็นคงได้ตกอกตกใจน้ำลายฟูมปากตาย”

   เมื่อเห็นความตลกคะนองของอีกคน สุริยาจึงได้แต่หัวเราะแฮะ ๆ ..

   เมื่อเขาลุกขึ้นก็ว่าจะไม่มอง แต่มันก็อดอยากดูของที่อีกคนคุยโวไว้ไม่ได้..
   


   เวลาเช้าอย่างนี้ รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าสีแดงคันนั้น ยิ่งเห็นชัดว่ามันยับเยินไปไม่ใช่น้อย ราคาซ่อมราคาเปลี่ยนบังโคลนกับหน้ากากและไฟยกเลี้ยวคงจะหลายตังค์ แล้วในเวลานี้ คนต้นเรื่องก็ไม่มีกระเป๋าสตางค์ ..แล้วจะทำอย่างไร..

   “ก็พี่จะช่วยเขาแล้ว พี่ก็ช่วยให้ถึงที่สุดแล้วกัน”

   เมื่อขับรถออกจากเมืองไปด้วยกัน แสงทองบ่นเรื่องรถพังไปตลอดทาง..

   “นี่นะถ้าป้าหนูกลับมา รู้ว่าหนูให้แขกเช่ามอ-ไซค์ไปนะ หนูโดนด่าอย่างแน่นอน ไอ้เราก็นึกว่า จะเอาไปแล้วขับกลับมาสมบูรณ์ อ่อนหัดจริง ๆ เลยพวกลูกผู้ดี”

   “รู้ด้วยรึว่าเขาเป็นพวกลูกผู้ดี”

   “ทำไมจะไม่รู้..หมอนี่เป็นข่าวกุ๊กกิ๊กกับบรรดานางเอกหนังอยู่บ่อย ๆ ..นี่ไม่รู้ว่าเลิกกับใครอีกถึงได้เมาหัวราน้ำ บอกตามตรงนะ ชีวิตหนูเนี่ย แปลกอยู่อย่าง หนูไม่ชอบ อะไรแบบสร้างภาพ ฉาบฉวย..จริงว่าเท็จ เท็จว่าจริง..วงการมายา ก็คือหลอกลวง”

   “พูดยังกับเคยอยู่ในวงการ”

   “อ๊ะ..ไม่รู้หรือไง สวย ๆ อย่างหนู เคยมีแมวตาเพชรมาทาบนะคะ..ให้ไปแคสติ้ง..เซย์โนค่ะ.. ต้องการอิสรภาพ”

   คนได้ยินทึ่งในความคิดอีกคน..ยากที่จะเห็นผู้หญิงสวยมีโอกาสคิดสวนกระแสนิยม..

   “แล้วหนูชอบงานอะไร”

   “หนูอยากเป็นนักเขียน อยากอยู่กับธรรมชาติ อยากมีชีวิตสงบ ๆ อย่างทำบ้านเป็นเรือนพักนี่ก็ชอบ จริง ๆ ป้าหนูไม่อยากทำหรอก แกขี้เกียจมาดูแล แต่หนูก็บอกว่า มันเป็นน้ำซึมบ่อทราย คือคุณลุงเป็นข้าราชการใกล้จะเกษียณ ถ้ากลับมาอยู่ที่ปางจันทร์ด้วยกัน ก็น่าจะมีอาชีพรองรับ..พอดีกับที่นี่ยังไม่มีโรงแรมใหญ่...เปลี่ยนบ้านเป็นที่พักก็น่าจะไปได้สวย หรือถ้าที่นี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นขยับขยายให้เป็นโรงแรมหรือรีสอร์ตเล็ก ๆ ป้าเขาก็พอมีที่ติดกับลำธารด้านที่เลยโรงพยาบาลไป..”

   “แล้วพ่อแม่ของหนู”

   “ตายหมดแล้ว แม่หนูน้องสาวป้า ออกน้องหนูแล้วตกเลือดตาย..ส่วนพ่อ..ขี้เหล้า..โตมาก็เห็นกินแต่เหล้า แล้วก็มาตาย หนูก็เลยอยู่ในความดูแลของป้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ ป้ากับลุงซึ่งเป็นตำรวจซึ่งย้ายไปเรื่อย ๆ แต่ป้าไม่ยอมย้าย คือจริง ๆ ย้ายมาหลายที่แล้ว แต่ที่นี่ป้าชอบก็เลยกะว่าจะอยู่ถาวร..แล้วเขาก็มีลูกแค่คนเดียว แก่กว่าหนูสามสี่ปี เท่าพี่มั้ง”

   “เกิดพอศออะไร..”

   “2522 แก่กว่าหนูสองปี”

   “เท่าพี่ซิ”

   “ตอนนี้แกเรียนจบโท ทำงานแล้วเงินดี มีโบนัสแยะนี่พากันไปเที่ยว จีน กับฮ่องกง หนูก็เลยกลับมาดูบ้านให้..จริง ๆ พวกแม่บ้าน..ชาวเขาทั้งนั้นนะ ..ก็พอไว้ใจได้..เงิน ๆ ทอง ๆ มันไม่ได้มาก..หนูจะไม่กลับมาก็ได้ แต่นึกอย่างไรก็ไม่รู้ถึงได้มา ..ดวงมันจะเจอพี่กับหมอนั่นมั้ง”..

   ท้ายประโยคทะแม่ง ๆ สุริยาจึงต้องบิดคันเร่งเพื่อยุติการสนทนา..

   พอไปถึงที่เกิดเหตุ..จักรยานคันนั้นยังนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างทาง..สาวเจ้าก็รีบคุยโวสำทับว่า ใครที่ไหนมันจะกล้าลัก พ่อได้ยิงตาย..คงจะหมายถึงลุงซึ่งเป็นตำรวจ..คนมีสีอยู่ที่ไหนก็คับบ้านคับเมือง..

   พอดึงจักรยานขึ้นมา ก็อดมองไปยังร่องรอยชวนขนลุกไม่ได้..หนามทั้งนั้นเชียว กรรมแท้ ๆ รถล้มก็แย่แล้ว ยังจะมาล้มใส่หนามพุทรา..

   “มีที่ให้ล้มตั้งเยอะไม่ล้ม ล้มใส่หนามพุทรา” เสียงของสาวแสงทอง คล้ายรู้ใจจนเขาถึงกับสะดุ้งโหยง และไอ้เพราะสะดุ้ง สายตาจึงไปสะดุดกับกระเป๋าสตางค์สีดำ ซึ่งคงกระเด็นไปตกในที่ข้างถนน..เห็นดังนั้นจึงรีบลงไปหยิบ..เพราะถ้าเจอเงิน หมอนั่นของแม่สาวน้อยก็จะมีเงินซ่อมรถ เขาก็ไม่ต้องเสี่ยงสำรองเงินไปให้ ..รู้ว่าอย่างไรนายรุ่งโรจน์ต้องใช้ แต่ไม่อยากเสียเวลาวัดใจกัน..

   พอหยิบกระเป๋ามา คนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงรี่มาชะโงกหน้ารอให้เขาเปิดดู..และก็พบว่าข้างในว่างเปล่า มีเพียงสารพัดบัตร ซึ่งล้วนแสดงหลักฐานทางการเงินอันมั่นคงของอีกคน..

   “ฮ่วย ไม่มีเงินซักบาท แล้วเขาจะเอาที่ไหนจ่ายหนูล่ะเนี่ย”

   “บัตรเอทีเอ็มนี่ไง”

   “ที่นี่มีแบงก์ที่ไหนพี่..จะกดต้องไปโน่นฮอด..”

   “ก็ให้เขาติดไปก่อน เชื่อเถอะอย่างไร เขาก็ต้องส่งเงินมาใช้”

   “ดูมั่นใจ ได้คุยกันคืนเดียวดูมั่นใจ..”

   “เขาไม่มีตังค์ คืนนี้พี่จะย้ายไปนอนห้องเขานะ จะได้ประหยัด เพราะต่อไปพี่จะต้องเป็นคนจ่ายค่าห้อง ค่าสารพัดอย่างของเขา..”

   “ไม่กลัวเขาโกงเอารึ บางคนมีเงิน แต่อาจจะเป็นพวกโรคจิต ชอบทำร้ายจิตใจคนอื่นก็น่าจะมีนะ”

   “คิดมากไปหรือเปล่าแสงทอง..พี่ก็แค่ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ มันก็ไม่ได้มากอะไร เขาก็รู้ว่าเราไม่ได้ร่ำรวย เมื่อเขาไม่มีวิธีเอาเงินในบัตรมาใช้ เขาก็คงฟังเรา..เราเองเลิกอคติกับเขาได้แล้ว..บางทีเขาอาจจะอึดอัดใจกับการเกิดมาเป็นลูกคนรวยก็ได้ อาจจะถูกบังคับให้ทำนั่นทำนี่และรับผิดชอบเรื่องใหญ่ ๆ”

   “พวกนี้ สุดท้ายโตขึ้นมากันแหกกรอบสร้างปัญหากันทั้งนั้น ดูลูกสาวลุงกับป้าเป็นตัวอย่าง ทิพย์อาภา น่ะชื่อเขานะคะ..ตอนเด็ก ๆ ก็อยู่ในโอวาท แม่พ่อส่งให้เรียนพิเศษอะไร เขาเอาทุกอย่าง แต่พอโตแล้ว เขาก็จะเอาทุกอย่างจากป้าและลุงเหมือนกัน ทั้งคอนโด ทั้งรถ ทั้งเงินทอง ใช้เงินมือเติบ แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด ถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เปลี่ยนแฟนอย่างกับเปลี่ยนรองเท้า”

   “เปรียบซะ”

   “แหมพี่ รองเท้า เปลี่ยนแล้วมันก็เตะทิ้งกันทั้งนั้นแหละ ตอนจะใส่ก็ทะนุถนอม..”

   ยืนคุยกันท่ามกลางบรรยากาศสายลมแสงแดดยามเช้า กับคนมีความคิดคม ๆ มันก็ทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเหมือนกัน..

   “ที่ดินที่นี่แพงไหม” เห็นท่าอารมณ์สาวเจ้าจะดำดิ่งกับอดีตในด้านลบ คู่สนทนาจึงเปลี่ยนเรื่อง

   “จะซื้อหรือไงคะ..ยังไม่แพงหรอก..แต่หลักฐานการทำกินยังไม่มั่นคง ส่วนใหญ่ก็เป็นป่า เป็นเขา มีที่ราบเท่าที่เห็นตรงโน้นตรงนี้..”

   “ชอบเที่ยวไหม”

   “ชอบ ใครก็อยากเที่ยวทั้งนั้นแหละ..แต่ไม่มีเงิน กับเวลาเจ้าค่ะ”

   “ไว้กลับไปกรุงเทพฯ จะชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันจะไปไหม”

   พอได้ยินสาวเจ้ากระโดดโลดเต้นเกาะแขนเกาะไหล่ชายหนุ่มในทันที

   “จริงอ่ะ”

   “จำไว้เลยนะเด็กโง่ พี่คนนี้ไม่ชอบพูดโกหกหนึ่ง..กับไม่ชอบคนพูดโกหกด้วยสอง”

   “พี่น่ารักจัง” ดูมันจะแกล้งเปรย..แต่อีกคนไม่อยากได้ยินคำพวกนี้ จึงเถลไถล ไปสำรวจสภาพรถจักรยานซะงั้น..

   “ขี่รถกลับได้นะ..”

   “หนูขับรถเครื่องไม่เป็น”

   “อ้าว ไหนคุยว่าเก่งนั่นเก่งนี่ เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ทำไม่ได้..”

   “มาหนูปั่นจักรยานกลับเอง พี่ขับรถกลับไปเถอะ”

   “มาพี่มีวิธีไม่ต้องปั่น..ทำแบบนี้”

   ว่าแล้วพี่สุริยาของน้องแสงทอง ก็สั่งให้น้องแสงทอง ปั่นจักรยานนำหน้า ส่วนตัวเองก็ขับมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า ใช้เท้าแตะไปตรงเพลาล้อหลัง แค่นี้จักรยานก็ไปได้ป๋อ แต่สาวเจ้ากลับเกร็งกลัว เพราะจักรยานมันเร็วกว่าพิกัด..

   แล้วเสียงหัวเราะก็ดังแข่งกับเสียงรถ..

   บางทีความสุข มันก็มาเอง โดยไม่ได้ตั้งใจให้เกิด...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2011 15:08:43 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อสองหนุ่มสาวมาถึงทิพย์อาภาเกสเฮ้าส์ก็พบเขาคนนั้นนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโต๊ะหินมีพนักพิงใต้ต้นมะขามใหญ่ ..พอเห็นสองคนกลับเข้ามา ปฏิกิริยาทักทายเพียงแสยะเขี้ยวคล้ายจะอย่างเสียไม่ได้ให้คนทั้งคู่..

   สุริยาเมื่อตั้งรถได้..ก็รีบเดินเข้าไปหา ด้วยรู้ว่าอีกคนคงหิวข้าว..หรือไม่ก็บุหรี่..พอเข้าไปใกล้ จึงได้เห็นว่าเขายังสวมเสื้อของตน ส่วนกางเกง ไปดึงกางเกงตัวเอง ซึ่งท่าทางยังชื้น ๆ มานุ่งทับกางเกงขาสั้นเป็นแน่..

   “หิวข้าวแล้วซิ”..คำถามเพื่อให้ตอบว่าใช่..และมันก็เป็นไปตามนั้น..

   “เช้านี้ หนูจะเลี้ยงพี่สองคนเอง..” แสงทอง ซึ่งสนิทคุ้นเคยกับสุริยาแล้ว ..เดินเข้ามาแจ้งความจำนงของตนด้วยรอยยิ้มหวาน..ให้อีกคน ..แต่กับอีกคนพอปรายตามอง คำถามคล้ายจะเยาะเย้ย..

   “เป็นไงพี่..สบายดีนะ”

   อีกคนเลิกคิ้วพยักหน้าให้อย่างเสียไม่ได้.. พอสาวเจ้าลับตาไป..คนที่เสี้ยนยาอย่างมาก จึงเอ่ยประโยคที่สุริยาเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยิน

   “คุณ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ ผมขอยืมเงินคุณสักร้อยเถอะ ผมอยากสูบบุหรี่ใจจะขาดอยู่แล้ว”
   

   คนที่จะเป็นเจ้าหนี้ทำหน้ากระอักกระอ่วน..ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของความถูกต้องที่ตนเคยปฏิญาณไว้ในใจ ว่าจะไม่ให้การสนับสนุนใด ๆ กับใครทั้งในเรื่องเหล้าและยา และด้วยเหตุนี้เขาจึงหันมาประกอบสัมมาอาชีพที่แสนจะลำบาก...

   ลูกพี่ลูกน้องกันซึ่งทำงานอยู่ร้านอาหารได้ทิปจากแขกคืนละหลายร้อย ยังบ่นและเยาะหยันให้ได้ยินว่า..

   “มัวแต่กลัวบาปกลัวกรรม ก็ปล่อยให้มันอดไป แค่ชงเหล้าให้แขกแค่นี้คิดว่าเป็นเรื่องไม่ดีก็เราไม่ได้กินสักหน่อย”..

   “รับรองผมกลับบ้านไป ผมคืนเงินให้คุณแน่ ๆ ให้ดอกเบี้ยด้วยเอ้า”

   นี่ถ้าแสงทองได้ยิน..คงจะว่า พวกคนรวยมันชอบเอาเงินมาล่อให้คนตาโต..ใจก็ว่าจะไม่ให้..แต่เมื่อมองหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาไร้ริ้วรอยแล้ว ก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้.. สุริยาจำต้องควักแบงก์ร้อยออกมา..แล้วส่งให้..แต่ก็อดที่จะพูดให้รู้ความคิดตัวไม่ได้..

   “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ผมให้ยืมได้ แต่ให้ผมเดินไปซื้อให้ด้วยผมทำไม่ได้..”

   คนที่เสี้ยนยาไม่ฟังหรอกว่าสุริยาจะพูดอะไร..เห็นเงินปุ๊บจึงรีบลุกปั๊บโดยลืมไปว่า ขาตนนั้นถูกเย็บไปสามเข็มและกล้ามเนื้อเส้นเอ็นคงจะมีบอบช้ำอยู่บ้าง พอลุกแบบไม่มีสติ จึงส่งผลให้ ร้อง..ปร๊าด ขึ้นมาทันที..และผู้ชายคนนี้นามรุ่งโรจน์ก็ไม่เก็บอารมณ์ของตนด้วย..

   “โอ๊ย..ยย.ย เจ็บ.. ๆ ๆ” ใบหน้าบูดเบี้ยวเชียว..

   คนใจอ่อนเห็นดังนั้นอดที่จะเข้าไปดูระยะใกล้ไม่ได้..

   “ว่าแล้ว รอยแผลเพิ่งจะเย็บปริเลยนั่น..ระวังหน่อยซิครับ..”

   “คุณจะไม่ช่วยผมอีกสักครั้งหรือ” เมื่อเป็นดังนี้ คนเจ็บจึงได้ทีอ้อน..

   “นะครับ เห็นแก่ลูกนกลูกกาตาดำ ๆ”

   คนที่ต้องไปซื้อ ถอนหายใจออกมา..ปากมันดีอย่างนี้ถึงได้เปลี่ยนแฟนเป็นประจำ..

   “นะคร้าบ” รุ่งโรจน์ยังอ้อน สุดท้าย คนที่ว่าจะไม่ ก็จำต้องดึงเงินจากมืออีกคน ออกเดินทางไปที่ร้านค้าซึ่งอยู่เยื้อง ๆ กับทางเข้าบ้าน...พอกลับมาจากร้านค้า..สุริยาก็เห็นแสงทองเดินออกจากครัวมาพอดี..

   “อ้าวพี่ไปซื้ออะไร”

   อีกคนชูของสำคัญให้เห็น..ส่งผลให้หญิงสาว.. ว้าก.. ในทันที..ด้วยเตี๊ยมกันมาเรื่องกระเป๋าสตางค์แล้วว่าจะยังไม่บอก ยังไม่คืนจนกว่าจะไปถึงอมก๋อย เพราะจะได้กดเงินใช้ให้ที่นั่น จะทรมานพวกลูกอภิอัครมหาเศรษฐีดูสักหน่อยว่าอยู่อย่างไม่มีเงินจะเป็นอย่างไร

   “นี่พี่..เงินก็ไม่ใช่เงินตัว ยังจะทำให้เจ้าของเงินเขาเดือนร้อนอีก..สูบมันเข้าไปบุหรี่ ..ตายผ่อนส่ง ข้างซองเขาก็พิมพ์รูปน่ากลัว ๆ ไว้ พี่ไม่กลัวเป็นอย่างงี้บ้างหรือไง” ว่าพลางก็ดึงบุหรี่จากมือสุริยาไปยื่นให้อีกคน..ทีนี้ส่งผลให้คนเคยถูกตามใจ..หน้างอฉึ่งในทันที...

   “เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าผม” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าไม่พอใจมาก..

   คราวนี้คนถูกถามกลับไม่ต่อปากต่อคำ..สุริยาเริ่มใจระทึก ...เกรงว่าเจ้าของบ้านกับแขกจะฉะกันให้ได้อายชาวบ้าน..

   “ผมจะสูบบุรี่ หรือจะยืมเงินใครมันก็สิทธิ์ของผม” อีกคนยังไม่เลิกระบายอารมณ์ และสาวเจ้าก็คงไม่ใช่คนอดทนกับอะไรได้นาน ๆ หรอก..

   “ค่ะ หนูไม่มีสิทธิ์อะไรไปว่าคุณหรอกค่ะ คุณชาย..แต่หนูกำลังรักษาสิทธิ์ให้เพื่อนหนู หนูผิดด้วยหรือ"

   สุริยาทึ่งในคำตอบ ในน้ำเสียงแบบออมชอมของหญิงสาว

   “พี่สุริยาเขาก็เพื่อนหนู..ตอนนี้กระเป๋าเงินพี่ก็หาย..เป็นหนี้ค่าซ่อมรถ ค่าห้อง ตอนนี้หนูยอมให้..ยังไม่เรียกเก็บ..ก็เพราะพี่สุริยาเค้าค้ำประกันไว้..และที่ได้คุย ๆ กันมา พี่เขาไม่ใช่คนดื่มเหล้าสูบยา..หนูก็ชื่นชม และหนูเองก็พอรู้ค่ะว่า คนที่เขาไม่ดื่ม ไม่สูบเขาก็คงไม่อยากไปข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้หรอก..จริง ๆ แล้ว หนูเองก็มีปัญหากับเรื่องพวกนี้ พ่อหนูกินเหล้าจนตาย..ไม่ใช่ความผิดของคนขายเหล้าแต่ผิดที่พ่อหนูไม่รู้จักคิดเอง..เอาเถอะค่ะ ถ้าหนูล่วงเกินคุณชายหนูก็ขอโทษนะคะ”

   เมื่อพูดจบ คู่กรณีระบายลมหายใจออกมา อย่างลำบากใจ..ก่อนจะพูดว่า..

   “โอเค เธอมีสมุดบัญชีธนาคารไหม ฉันจะไปโทรศัพท์สั่งให้คนรู้จักกันโอนเงินมาให้ ฉันติดหนี้เธอเท่าไหร่”

   “ยังไม่ได้เอารถไปซ่อมยังไม่รู้หรอกค่ะ..แต่ขอโทษที่นี่ไม่มีตู้เอทีเอ็มไม่มีธนาคาร ถึงหนูจะมีบัญชี หนูก็ไม่รู้จะไปเช็คได้ที่ไหนว่าเงินเข้าบัญชีหนูหรือเปล่า อย่างไร นาทีนี้หนูก็ขอเงินสดไว้ก่อนนะคะ คุยกันเองแล้วกัน..”

   ว่าแล้วเจ้าตัวป่วนก็สะบัดก้นจะเดินเข้าบ้าน แต่ยังไม่ทันจะถึงประตู ก็หันกลับมาบอกว่า

   “เชิญพี่ทั้งสองรับประทานอาหารเช้าค่ะ ฝีมือหนูเอง อร่อยเหาะเชียว”

   ทีนี้ส่งผลให้คู่กรณีรวมถึงสุริยา เผลอหัวเราะออกมา..

   แม่คนนี้ ปากร้ายใจดีซะมั้ง..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2011 15:09:32 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: อยากให้พระอาทū
«ตอบ #7 เมื่อ13-04-2011 15:14:47 »

3.อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง..
   
สองวันผ่านไป อาการของคนเจ็บขา เจ็บหน้า เจ็บแขนดีขึ้นเป็นลำดับ..ช่วงนั้นได้หมอและพยาบาลจำเป็นช่วยกันประคบประหงม ..ข้าวปลาอาหารและขนมหาซื้อมาส่ง เพื่อให้อีกคนได้นอนพักผ่อนเอาแรงเพราะแผนถัดไป คือ ทั้งสามคนจะลักลอบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ลัดเลาะไต่เขาขึ้นไปสักการะรอยพระบาทพระบรมศาสดา อย่างที่สุริยาตั้งใจไว้..

   และตั้งแต่ขันอาสาว่าจะเป็นคนพาไป สุริยาก็ได้เห็นแม่สาวน้อยแสงทอง ลุกขึ้นมาเก็บของลงกระเป๋าของตนและส่วนหนึ่ง เจ้าหล่อนบอกว่า เอาไว้ให้พี่ทั้งสองคนช่วยกันแบก..เพราะอาจจะต้องค้างอยู่บนเขา หนึ่งหรือสองคืนขึ้นอยู่กับสมรรถภาพของคนเดินทาง..และสภาพของรุ่งโรจน์ในขณะนี้คงจะทำให้การเดินทางล่าช้าเป็นแน่..

   ด้วยเกรงว่าอีกคนจะเป็นตัวถ่วง คำพูดเยาะหยันให้มุ่งมั่นเดินไปด้วยกัน จึงได้ยินเข้าหูของรุ่งโรจน์เป็นระยะ ๆ และมันก็ได้ผล อย่างที่หญิงสาวคาดไว้...

   รุ่งโรจน์ พูดว่า เขาจะต้องขึ้นไปกับทั้งสองคนให้ได้..

   เมื่อต้องอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน..สุริยาจึงต้องพารุ่งโรจน์ไปหาเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยน..

   “ผมใช้ของคุณไปก่อนก็ได้ผมไม่ถือหรอก”

   “แต่ผมว่าคุณน่าจะมีเพิ่มสักสองชุด รวมถึงชุดชั้นในของคุณด้วย”..

   เพราะเห็นว่าอีกคน ละเลยที่จะสวมใส่ ..มันคงไม่ดีกับความรู้สึกเขาเป็นแน่..และด้วยเป็นคนจ่าย สุริยาจึงต้องเอ่ยว่า

   “เนื้อผ้า รูปแบบเสื้อผ้าที่นี่ไม่ค่อยดี ไม่ทันสมัยโนเนม คุณใส่ไปก่อนแล้วกัน พอเราแยกทางกันกลับบ้านเดี๋ยวผมเอาไปใช้ต่อ”

   รุ่งโรจน์จ้องหน้า..มีคำถาม

   “อยู่ด้วยกันมาหลายวันคุณคิดว่าผมเป็นคนอย่างไรรึ”

   “คุณเคยใช้ของดีมีราคา...มีแบรนด์ เผื่อบางที ถ้าคุณขนกลับเอาไป มันอาจจะสร้างภาระให้กับคุณก็ได้ และพอดีหุ่นของเราก็ใกล้เคียงกัน ผมซื้อ คุณใส่ ...เราแยกทางผมเอากลับไปใส่ต่อ คุณก็ไม่ต้องใช้เงินคืนผมในส่วนนี้ ก็เท่านั้น..”

   และเมื่อเดินดูเสื้อผ้าด้วยกัน ..รุ่งโรจน์จึงตัดสินใจที่จะหยิบเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวผ่าอกปักรูปลายแบบท้องถิ่น สีขาวตัว สีดำตัวและกางเกงผ้าฝ้ายเนื้อหนาสีกรมท่ารูปทรงแบบกางเกงกุยเฮงมัดเอวอีกสองตัว พร้อมกับกางเกงชั้นในสีขาวสะอาดตาอีกสองตัวกับผ้าขนหนูผืนขนาดกลาง..

   เป็นเงินเกือบพันบาทที่สุริยาต้องจ่ายให้..

   “เสื้อผ้าพวกนี้ ผมคงจ่ายเอง จริง ๆ ผมก็ชอบมันด้วยล่ะ ใส่แบบฝรั่งที่เข้ามาเมืองไทย..ตามยุคตามถิ่น ไม่แน่นะคุณสุริยา กลับไปคราวนี้ผมอาจจะนึกอยากแบกเป้ไปสำรวจโลกกับคุณบ้างก็ได้..”

   สุริยายิ้ม ๆ เมื่อเห็นอีกคนมีความคิดที่คล้อยตาม..

   “แต่ผมคงจะไปแบบโลโซ นะครับ นอนถูก กินง่าย เน้นสะอาดสะดวก รวดเร็ว”

   พูดจบทั้งคู่ก็มาหยุดที่ร้านขายเนื้อหมูย่างควันฉุย สุริยาสั่งมาสองไม้ พร้อมกับข้าวเหนียวห่อละห้าบาทหนึ่งห่อ..ส่งหมูให้อีกคน และบิข้าวเหนียวสำหรับตัวพร้อมกับส่งที่เหลือไปให้ด้วย..

   อยากลองใจว่า คุณหนูรุ่งโรจน์ จะง่าย ๆ อย่างที่บอกไว้หรือไม่...และคุณหนูเหมือนจะรู้ จึงจำต้องกัดกลืนหมูย่างกับข้าวเหนียวลงคอด้วยท่าทีกล้ำกลืน เดินคุยกัน มองดูสารพัดอาหารป่าในตลาดสด รุ่งโรจน์ก็อดที่จะถามโน่นถามนี่ไม่ได้..ด้วยคงไม่เคยเห็น..เห็ดกระด้างหรือใบเมี่ยง ใบไม้ที่ชาวบ้านเก็บมาขาย..

   “ความสุขของการได้เที่ยวแบบนี้ก็คือได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่ย้อนยุคไปสักนิด..ได้เห็นวิถีชาวบ้านพึ่งพิงอยู่กับธรรมชาติ ผมชอบ..จริง ๆ ผมก็อยากจะไปเที่ยวแบบไฮโซ ซื้อทัวร์แพง ๆ นะคุณรุ่ง..แต่ว่า..เงินตัวเดียวจำต้องประหยัด”

   อีกคนไม่ตอบ จนกระทั่ง เดินมาหยุดที่แผงหนังสือ..

   รุ่งโรจน์เลือกที่จะยืนอ่านข่าวพาดหัว ส่วนอีกคน..เลือกที่จะหยิบนิตยสาร หมวดดารา ซุบซิบ ซอกแซก ปาปารัซซี่ ที่กำลังนิยม..

   “เปลี่ยนสารถีอีกแย้ว หนูแอนนี่..ลูกชายเจ๊ไฮโซ หายไปไหนไม่เรียกใช้บริการเหมือนเก่า” สุริยาเพ่งดูรูปแม่แอนนี่ ดารานางแบบคลื่นลูกใหม่ที่กำลังฮิตฮอตหน้าชื่นอกตูมอยู่ในขณะนี้ มีภาพแบบแอบถ่ายซึ่งอยู่ในอิริยาบถซึ่งฝ่ายชายกำลังเปิดประตูให้ฝ่ายหญิงขึ้นรถสปอร์ตหรู..

   เขาชำเลืองมองไปทาง..ลูกเจ๊ไฮโซ..ในข่าว เห็นว่ากำลังพลิกหน้าในอ่านคอลัมน์

   “กลับกันเถอะ” เขาวางหนังสือลง ด้วยอาการกระแทกกระทั้น จนคนขายจ้องหน้า ..ตำหนิ..

   “ขอโทษครับ เล่มละแปดบาทใช่ไหม”..

   คนขายพยักหน้า ดังนั้นเขาจึงสะกิด..ให้คนต้องจ่าย ควักเงินจ่ายให้..

   “คุณออกค่าอะไรต่อมิค่าอะไรให้ผมไป..คุณจดไว้นะ กลับถึงบ้านผมจะเอาไปใช้คืนให้ .. ทุกบาททุกสตางค์..” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์บอกให้รู้ว่าซึ้งกับมิตรภาพในครั้งนี้ แต่อีกคนกลับทำเป็นไม่ได้ยิน

   เมื่อกลับถึงบ้าน..พบสาวแสงทอง กำลังยืนพิงประตูบ้านมองสองหนุ่มด้วยสายตายิ้ม ๆ โดยเฉพาะ กับคนที่ชื่อสุริยา..

   “มาก็ดีแล้ว จะบอกว่าสาย ๆ วันนี้เราจะลัดเลาะทุ่งนาขึ้นเขาทางด้านหลังวัด เพราะทางนั้น เป็นหนทางที่นักแสวงบุญทั้งหลายใช้กันมาตั้งแต่โบราณกาล เพิ่งจะมาปิดก็ตอนที่ทางราชการประกาศให้เขาปางสุดยอดเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติปางจันทร์ จะขึ้นจะลงจะหาของป่าก็ต้องขออนุญาต..พี่สุริยาพร้อมนะคะ สำหรับ เสื้อผ้าที่จำเป็น และเต็นท์ที่มีอยู่แล้ว..ส่วนคุณรุ่งโรจน์คะ..อย่างไรก็ช่วยพี่เขาแบกขึ้นไปด้วยล่ะ ไม่ใช่ไปตัวเปล่าอ้างแต่ว่าป่วย เห็นอีกคนใจดีก็เอากับเขาใหญ่”

   “ถ้าเธอไม่พูด เธอน่ารักมากนะ” คู่กรณีพูดตรง ๆ ก่อนจะแยกเข้าห้อง.. คงจะไปอ่านข่าวคาวเป็นแน่ แต่สาวแสงทองไม่ให้ทำเช่นนั้น หญิงสาว เดินไปแย่งหนังสือพิมพ์จากมืออีกคน ก่อนจะบอกว่า

   “ขอหนูอ่านก่อน พี่สองคนไปกินข้าวเถอะ หนูทำอาหารเช้าเผื่อ”

   สองวันแล้ว ที่แสงทองปฏิบัติต่อคนทั้งสองฉันท์เพื่อนสนิท..โดยไม่พูดถึงเรื่องกำไรหรือว่าขาดทุน

   สุริยา รุ่งโรจน์รู้และซาบซึ้งในน้ำใจ..ด้วยขณะกินข้าวด้วยกัน หญิงสาวพูดว่า..

   “หนูอยากมีพี่ชาย อยากมีพี่สาวจะได้คุ้มครองปกป้อง พี่สองคน เป็นพี่ชายหนูนะคะ..”

   “ถ้าเธอไม่ดื้อด้านมาก ฉันก็เป็นพี่ชายเธอได้ เพราะฉันไม่มีน้องสาว” รุ่งโรจน์ตอบให้ก่อน..

   ส่วนสุริยา..จ้องหน้าคนสวยไม่ตอบว่าอะไร..

   วันนี้เป็นอีกวันที่สองหนุ่ม รับประทานอาหารกันเต็มที่ ด้วยสาวแสงทองว่า มื้อถัด ๆ ไปคงเป็นได้เพียงข้าวเหนียวนึ่งกับเนื้อย่างเนื้อทอดที่ตนเตรียมขึ้นไปสำหรับ กิจกรรมในครั้งนี้..

   และขณะนั้นแสงทองก็อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเงยหน้าแล้วเอ่ยว่า..

   “เบื่อข่าวดาราที่สุด แต่ก็ต้องเปิดอ่านเป็นข่าวแรกทุกทีไม่รู้เป็นไง...ชีวิตคนพวกนี้นะ อยากรู้จริง ๆ ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริงเรื่องเท็จ..หลอกกันไปมา โดยเฉพาะเรื่องความรัก หนูรู้สึกเองนะว่า ประมาณว่าถ้าไร้คู่คงจะไม่ใช่คนในวงการ วัน ๆ คงไม่เป็นอันได้ทำอะไรหรอก มัวแต่ศึกษากันอยู่นั่นเอง..จะผสมพันธุ์กันให้ลูกออกมาดูดีมีชาติตระกูลทำไมมันยุ่งยากนักก็ไม่รู้”

   คำพูดนั้นส่งผลให้รุ่งโรจน์อิ่มข้าว และลุกออกไปจากห้องทันที

   สุริยาส่งสายตามาปราม ด้วยพอรู้เนื้อหาในข่าวคาวนั่น..

   หนุ่มรุ่งโรจน์ ขว้างโทรศัพท์มือถือลงสระน้ำโรงแรมหลังจากที่มีเรื่องไม่เข้าใจกันกับแม่ดาราสาวสวย..เอ็กซ์ อึ๋ม..

   “เดี๋ยวเขากลับไป เขาก็คือเขา คือดาว บนฟ้า ส่องประกายให้เราวูบวาบหัวใจเล่นเป็นครั้งคราว พวกเรามันดิน เมื่อดาวมันบังเอิญมาใกล้ดิน ก็แค่อยากให้ดาวได้รับรู้ความรู้สึกของดินบ้าง ก็เท่านั้น”

   “แต่บ่อยเกินไปมันก็ไม่ดีนะ แสงทอง”

   สาวแสงทองไม่ต่อปากต่อคำ เพียงเดินเลี่ยงไปสั่งงานคนงานซึ่งอยู่ด้านหลังบ้าน..
   


   เมื่อคณะทั้งสามพร้อม สาวแสงทองจึงให้คนงานขับรถมอเตอร์ไซค์ขนเสบียงไปส่งที่ทางขึ้นเขาซึ่งอยู่ด้านหลังวัด พร้อมกับตน ส่วนสองหนุ่ม ค่อย ๆ เดินไป โดยเจ้าหล่อนให้ทำทีเหมือนเดินเล่นชมเมืองไปเรื่อย ๆ

   “ต้องขนาดนั้นเชียว”

   “เดี๋ยวป่าไม้รู้ได้ตามไปไล่ลงตั้งแต่ยังขึ้นไม่ถึงนะซิ อีกอย่างหนึ่งนะคะ..หนูไม่อยากให้คนในตลาดรู้ว่าหนูขึ้นเขาไปกับพี่สองคน..”

   “กลัวเสียชื่อเสียง มันก็ไม่ต่างกันหรอก..” รุ่งโรจน์เหน็บให้

   “หมายความว่าไง”

   “คนมันก็เป็นดาว อยู่ในตัวทุกคนล่ะ แสงทอง หากแต่ว่ามันจะส่องประกายให้โลกติฉินนินทามากน้อยกว่ากันแค่ไหน..”

   หญิงสาวไม่ตอบรีบเร่งให้คนงานออกรถเสียโดยเร็ว สองหนุ่มมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะ กับการทำตัวมีลับลมคมในอย่างที่หญิงสาวต้องการ

   สุริยาอยู่ในชุดกางเกงผ้าร่มสีน้ำเงิน เสื้อยืดแขนยาวสีดำ กระเป๋าย่ามใบเล็กแบบชาวเขาหนึ่งใบ..ในนั้นบรรจุ ยาสามัญประจำตัวนักท่องเที่ยวมืออาชีพ ธูปเทียนไฟแช็ก..กล้องดิจิตอลและเครื่องเล่น MP3 แบบพกพา พร้อมหูฟัง..

   ส่วนรุ่งโรจน์อยู่ในชุด เสื้อและกางเกงที่เพิ่งซื้อมา รองเท้าผ้าใบคู่เก่าของตน กับเป้สะพายหลังใบขนาดพอเหมาะบรรจุอาหารและน้ำดื่ม ซึ่งสาวแสงทองมายัดเยียดบังคับให้เขาต้องแบกไปตั้งแต่บ้าน ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าและเต็นท์ของสุริยานั้น เจ้าหล่อน กุลีกุจอขนเอาไปรอที่ทางขึ้นหลังวัด..

   เมื่อเดินฝ่าแดดยามสายไปด้วยกัน..สุริยา จึงนึกถึงหมวกคลุมศีรษะที่ควรจะมีของอีกคน..เขาจึงแวะซื้อหมวกสานปีกใหญ่ให้รุ่งโรจน์ เปลี่ยนของตัวจากหมวกแก๊บ ..รวมถึงซื้อให้สาวแสงทองอีกใบ..

   “จะได้ไม่ร้อน และดูเป็นทีมเวิร์ค..”

   “ขอบใจมาก” รุ่งโรจน์โยนก้นบุหรี่ทิ้งแล้วคว้าหมวกสานมาสวมศีรษะ คราวนี้ใบหน้าเนียนในกรอบผมทรงหนูแทะชี้โด่ชี้เด่ จึงเปลี่ยนไปเหมือนเด็กชาวเขาแก้มแดง จนสุริยาอดที่จะมองซ้ำ ๆ ในวงหน้าได้รูปงดงามนั้นไม่ได้..

   “ฟังเพลงไหม..” สุริยายื่นเครื่องเล่นเพลงไปให้ แต่อีกคนปฏิเสธ

   “แล้ววันหนึ่งเธอนั้นก็มา ฉันรู้สึกเธอนั้นคุ้นตา..” สุริยาคลอเพลง ‘คู่แท้’ ของพี่เบิร์ด เบา ๆ ขณะเดินไปเคียงกัน รุ่งโรจน์จึงเอ่ยถามว่า..

   “ชอบแสงทองรึ”

   คนถูกถามสั่นหัว..ยิ้มอาย ๆ ไม่ตอบ..แต่กลับไปร้องเพลงต่ออีกท่อน..

   “เหมือนบางสิ่งฉุดฉันดึงเธอเข้าหา ให้มารักและรู้ใจกัน ...ตั้งแต่เจอะเรานั้นคุ้นเคย..เหมือนรู้จักมาแล้วเนิ่นนาน ถ้าจะบอกเหตุผล เรื่องเธอกับฉัน ก็ไม่เห็นจะมีข้อไหน..บางครั้งฉันคิดเองว่าฟ้าสร้างเรามาอย่างตั้งใจ..ฉันเป็นของ ๆ เธอ คู่แท้ที่หากันเจอ ไม่ว่าครั้งไหน ไม่ว่าชาติไหน...”

   “หยุดร้องทำไม” รุ่งโรจน์ถามเมื่อเห็นอีกคนหยุดร้องแล้วชมนกชมไม้..

   “ตอนที่ผมได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกนะตอนนั้นผมยังอยู่วัด ....คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม..”

   รุ่งโรจน์ทำหน้าไม่เข้าใจ..

   “เรื่องเนื้อคู่นี่แหละ..ถ้าเราเป็นคู่กัน อย่างไร เราจะต้องได้พบกัน..ไม่ว่าจะอยู่ห่างกันสักแค่ไหน”

   “ระหว่างการเดินทางคุณก็มองหาคู่แท้ของคุณด้วยงั้นซิ”

   “เปล่า...ผมเพียงรู้สึกว่า เราคงมองหากันอยู่ เหมือนคนที่หลงทาง...พรากจากกันไป และถ้าเราได้เจอกันในขณะที่เรารู้สึกว่าเขาใช่ เขาก็รู้สึกว่าเราใช่ มันจะเป็นอย่างไร..ผมอยู่วัดมานาน ผมเข้าใจเรื่องบุญธรรมกรรมแต่ง..พรหมลิขิตก็คือกรรมที่เราทำร่วมกันมาลิขิตให้ต้องมาพบกัน”

   “คุณมีแฟนหรือยัง”

   สุริยา ยิ้ม ๆ กับประโยคคำถามของอีกคน..

   “ถ้าจะบอกว่าไม่มี คุณจะเชื่อไหม” จึงย้อนถามกลับ.. แต่อีกคน กลับทำตาเศร้า ๆ คงจะคิดถึงแม่แอนนี่ดอกฟ้านั่น..

   “ถ้าผมมีแฟนแล้วผมจะฟังเพลงคู่แท้รึ..ผมคงชอบเพลง ฝนที่ตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้ เป็นแน่.และบางที ผมก็เหมือนคนไร้หัวใจด้วยมั้ง ทุก ๆ ครั้งที่เริ่มรู้สึกว่าชอบ ผมจะ...เจียมตัว ว่าจน และเจียมใจว่า..เป็นบ่อเกิดของความทุกข์ คุณก็รู้นี่ว่าผมบวชอยู่วัดมานาน ตั้งแต่เด็ก ๆ เรื่องที่จะพบปะพบเจอผู้คน หรือแสดงอารมณ์ทางเพศเต็มที่ ผมไม่เคยทำ มันถูกกดทับด้วยศีลวินัยและหลาย ๆ อย่าง”

   ระหว่างที่อยู่ด้วยกันสองวันก่อนหน้า มีหลายเรื่องทีเดียวที่สุริยาเป็นฝ่ายเล่าให้อีกคนได้รู้..เรื่องครอบครัว พ่อแม่ เรื่องเพลง และอดีตความเป็นมาของตน..

   สำหรับสุริยา รุ่งโรจน์ไม่แม้จะปริปากบอกเล่าเรื่องใด ๆ ..

   “คุณคงลำบากมากนะตอนอยู่วัด”

   “เรื่องที่มันผ่านไปแล้วมันก็เป็นอดีต อดีตมันล้าแต่ก็ลืม แต่มันทำให้เราแกร่งโดยเราไม่รู้ตัว”

   คุยกันไปจนสาวเท้าไปถึงหลังวัด..จุดนัดหมาย สาวแสงทองก็นั่งรอหน้าด้วยอาการหน้ามุ่ย..ด้วยคงรำคาญลูกกะตาที่เห็นหนุ่ม ๆ เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงเหมือนไม่มีเรื่องรีบร้อน..

   “ทำไมเดินช้าจัง จะเที่ยงแล้วนะ ยังไปไม่ถึงไหนเลย ระยะทางเป็นสิบกิโลนะคะคุณพ&#
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2011 21:06:36 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: อยากให้พระอาทū
«ตอบ #8 เมื่อ13-04-2011 15:19:27 »

“ทำไมเดินช้าจัง จะเที่ยงแล้วนะ ยังไปไม่ถึงไหนเลย ระยะทางเป็นสิบกิโลนะคะคุณพี่”

   “ขอโทษที่ให้รอนาน เอ้าหมวก” สุริยาส่งหมวกให้ อีกคนไม่ยื่นมือมารับแต่กลับก้มหัวเพื่อให้อีกคนสวมให้โดยตรง.. สุริยาทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ รุ่งโรจน์จึงเป็นคนคว้าหมวกมากดลงไปด้วยอาการหยอกเย้า..

   “ฤทธิ์เยอะนัก”
   หญิงสาวร้องโอ๊ย..ยย. ด้วยคงตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครก็ทำ หน้าตาเอาเรื่องทันที..

   “เจ็บนะ”

   “ก็ทำให้เจ็บไง..”

   “โอเค..เจอดีแน่” ทำหน้าขู่ไว้ ก่อนจะเดินไปที่กองสัมภาระ

   “กระเป๋าพี่สุริยาหนึ่งใบ เต็นท์หนึ่งหลัง ของหนู ก็มีกระเป๋าหนึ่งใบ..และเต็นท์..พี่รุ่งหิ้วไปละกัน ส่วนน้ำนี่คนละสามขวดนะ..” หญิงสาวแจกน้ำเพื่อให้แต่ละคนยัดใส่เป้ที่หลังของตน..

   “ข้างหลังผมนี่ก็หนักอึ้งแล้ว” รุ่งโรจน์บ่น..

   “เอาเถอะ..ถ้าไม่เอาไป ข้างบนก็มีพวกน้ำซับน้ำซึม ตามข้างทางกินได้ไหมล่ะ ถ้ากินได้ ก็ทิ้งไว้ที่นี่”
   เมื่อจำนนต่อเหตุผล ขบวนนักเดินทางเพื่อไปสักการะรอยพระพุทธบาทจึงยืนดาหน้ากระดานแล้วมองไปที่ยอดเขา..

   “ก่อนจะขึ้น ก็ขออำนาจบารมีพระพุทธเจ้า และเจ้าป่าเจ้าเขา ช่วยให้เราเดินทางไปและกลับโดยสวัสดิภาพ อย่าได้มีภยันตรายใด ๆ มาแผ้วพานได้” สุริยาว่าแล้วก็พนมมือหลับตาพึมพำ..สองคนเมื่อเห็นดังนั้นจึงตั้งจิตคิดในสิ่งที่ดีไปด้วย..

   “เอ้า..ลุย”..


หนึ่งชั่วโมงผ่านไป แสงทองก็นั่งหอบแฮ่ก ๆ อยู่ตรงโขดหินกลางป่าโป่งแห้งแล้งด้วยเป็นเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีสองหนุ่มนอนแผ่หราอยู่ใกล้ ๆ ด้วยอาการไม่แตกต่างกัน

   “โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก” ...รุ่งโรจน์หลุดประโยคว่าท้อแท้ออกมาเป็นคนแรก..

   “สมัยเป็นเด็กรุ่น ๆ เคยขึ้นภูกระดึงกับพี่ชายยังไม่เท่านี้เลย..นี่อะไร มันชันมากหายใจแทบไม่ทัน..อากาศมันร้อนด้วย”

   “อย่าบอกนะว่ากลับเถอะ มาถึงนี่แล้วขายหน้าแย่ ..ต้องไปต่อ อีกสักกิโลก็เป็นทางราบ ไม่ชันเท่านี้หรอก...เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งรู้ไหม” ว่าไปดูเจ้าหล่อนก็เหนื่อยไม่ใช่น้อย..

   สุริยาลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดน้ำดื่มอัก ๆ ..

   “ไหว้รอยพระบาทที่อื่นก็ได้ไม่ใช่รึ..ที่พระพุทธบาทสระบุรีนั่นก็ว่าของแท้” รุ่งโรจน์ถามออกมา..

   “ผมขอโทษนะที่ทำให้พวกคุณพลอยลำบากไปด้วย..”

   “จริง ๆ หนูเคยขึ้นตั้งแต่สมัยรุ่น ๆ เมื่อก่อนเขายังไม่ประกาศเป็นเขตอุทยาน ประมาณเพ็ญเดือนสาม ทางวัดก็จัดให้มีงานเดินขึ้นมาสักการะรอยพระบาท ตอนนั้นคนมันเยอะ จึงไม่ค่อยเหนื่อย หรือว่าหนูยังเป็นสาววัยกระเตาะด้วยไม่รู้”

   “นี่เธอก็ยังเป็นเด็ก...เด็กปัญญาอ่อน”..รุ่งโรจน์แซว ส่งผลให้อีกคนหน้าคว่ำ..หยุดสนทนาด้วยในทันที.

   ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งพักใช้หมวกพัด สุริยาก็ชื่นชมกับธรรมชาติรายรอบตัว..จะป่าตรงไหนก็เหมือนกัน ที่ไม่เหมือนก็คือ ไปกับใคร..เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางโดยมีเพื่อนในวัยเดียวกัน..มีการหยอกเย้า คุยในเรื่องที่ใกล้เคียงกัน..

   “ยิ้มอะไรพี่ยา” แสงทองเอ่ยถาม..

   “แปลกใจ ที่พวกเรามากันได้อย่างไร โดยเฉพาะเธอ แสงทอง..”

   “กรรมของหนูกระมังอยู่ดีไม่ว่าดี เสี่ยงโดนด่าด้วยนะเนี่ย..แล้วพี่รุ่งล่ะ ถามจริง ๆ นะ ไม่ได้เล่น พี่มาที่ปางจันทร์ทำไม?”

   คนต้องตอบ ทำเป็นมองนกมองไม้มองก้อนหินก้อนใหญ่..

   แสงทองกับสุริยาจึงหันมามองหน้ากันเป็นเชิงให้รู้ว่า เบื่อคนมีความลับ..

   “ก็เราเป็นพี่น้องกันแล้วไงเจ้าคะ บอกน้องให้รู้หน่อยได้ป่ะ..” แสงทองใช้ไม้นวม...

   “อกหัก อย่างในข่าวที่เธออ่านนั่นแหละ”...ว่าแล้วทำท่าจะควักบุหรี่จากกระเป๋ามาสูบ พอดีกับที่แสงทอง ว้ากออกไป

   “มวนที่แล้วเพิ่งจะโยนทิ้งไปเมื่อกี้เอง ถ้าเครียด ถ้าอยากนะพี่..หาอะไรเคี้ยวสิ หมากฝรั่งก็ได้”

   พอได้ยินคนห้าม เขาจึงละมือ..ทำท่าบอกให้รู้ว่าเบื่อ..

   “เหตุที่ผมเลิกกับแฟนหลาย ๆ คนก็มีเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย”

   “มันสมัยใหม่แล้วพี่..ผู้หญิงทุกวันนี้ชอบผู้ชายที่รู้จักตามกระแสนิยม สมัยนี้เขาชอบผู้ชาย..”

   “แบบไหน” รุ่งโรจน์ซัก แต่อีกคนหน้าแดง เมื่อมองไปทางหนุ่มสุริยา..

   “ผู้ชายที่ขยันทำงาน ทำงานบ้านเป็น พร้อมจะช่วยเหลือกันและกันมั้ง..”

   “แล้วเธอล่ะ ชอบผู้ชายแบบไหน”..รุ่งโรจน์ซักอีก ส่งผลให้อีกคนไม่ตอบ แต่กลับลุกขึ้นยกเป้ขึ้นหลัง พร้อมกับเร่งเร้าให้อีกสองคนปฏิบัติตามเพื่อการเดินทางจะได้ไม่เสียเวลา..

   “คืนนี้ถ้าจะให้ดี เราควรพักที่ตรงรอยพระบาท เพราะตรงนั้นเป็นส่วนยอด เป็นลานหินที่สูงขึ้นไปเป็นชั้น ๆ ปลอดภัยต่อพวกสัตว์และยุงในเวลาค่ำคืน”

   “ยังไม่ตอบฉันเลยว่าเธอชอบผู้ชายแบบไหน..” รุ่งโรจน์ยังกลับไปที่เรื่องเดิม เมื่อเดินมาได้เคียงกัน..โดยทิ้งให้สุริยาเดินตามหลัง..

   “ข้อแรกคือไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้าและก็ไม่เจ้าชู้..หลายใจ เข้าใจเรา ยอมเราทุกอย่าง ทุกเรื่อง”

   “นั่นมันเทวดาแล้วมั้ง”

   “ถ้าหาไม่ได้เช่นนี้แสงทองคนนี้ก็ไม่เอาผัวเจ้าค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างมุ่งมั่น ส่งผลให้รุ่งโรจน์หัวเราะตัวงอ จนกระทั่งสุริยาเดินมาทัน เขาจึงบอกสเป็คของสาวสวยให้รู้..

   “คุณทำได้ไหมล่ะ”

   “ถ้าผมรักเขา ผมคงทำได้ แต่ถ้าไม่ได้รัก ผมขอเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด” สุริยาตอบไปอีกทาง

   คราวนี้รุ่งโรจน์จึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องสนทนา..

   “เคยไปภูกระดึงไหม”

   “ไม่เคย ครั้งแรกมั้งที่ผมมาไต่เขา..ปกติก็พาลูกทัวร์ไปแต่วัด นี่วันมาฆบูชาก็จะต้องรีบกลับไปจัดไหว้พระ 9 วัดอยุธยามหามงคล”..

   “แล้ววันวาเลนไทน์นี่ล่ะจัดไปไหน”

   “สิบสี่กุมภา..ตรงกับวันเสาร์..ไหว้พระอยุธยานั่นแหละ สองโปรแกรม ที่เดียวกัน..ผมคงจะเจริญรุ่งเรืองกับทัวร์แนวนี้ ส่วนเรื่องธรรมชาติ คงต้องหาลูกทัวร์อีกกลุ่ม..และที่สำคัญไปไหนไกล ๆ ผมจะต้องออกไปสำรวจ..มันใช้งบประมาณและใช้เวลา ..”

   สุริยาระบายลมหายใจออกมาด้วยเหนื่อยกายและใจกับอุปสรรคที่ตัวเองประสบ..ตลอดมา..ความยากจนคำเดียวมันทำให้หลาย ๆ อย่างไม่เป็นอย่างที่ใจคิด..เติบโตมาในรั้ววัด โตมาด้วยข้าวชาวบ้าน ศึกษาหาความรู้ในวิทยาลัยสงฆ์ก็ด้วยเงินชาวบ้าน..จบออกมา ลาสิกขาออกมาก็ต้องการมีชีวิตมีเงินเดือนด้วยน้ำพักน้ำแรงตนเลี้ยงตัว แต่ก็ติดที่จิตดวงนี้ไม่ปรารถนาที่จะอยู่ในกรอบ และคำสั่งของผู้อื่นตลอดเวลา เขาเคยบอกเล่าเหตุบางอย่างที่ได้หันมาประกอบอาชีพนี้ให้รุ่งโรจน์ได้รับรู้แล้ว ไม่เคยคิดแม้จะปิดบังความเป็นมาเป็นไป...

   “กลับไปถึงกรุงเทพฯ แล้ว คุณอยากไปสำรวจที่ไหนบอกผมนะ ผมยินดีช่วย”

   “ขอบคุณครับ แต่คงไม่หรอก ผมไม่อยากรบกวนคุณ และอีกอย่าง การช่วยเหลือเจือจานให้คุณในครั้งนี้คุณอย่าได้คิดเป็นบุญเป็นคุณเลย ผมโตมาด้วยการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหมู่คณะ ในหมู่คนที่มิใช่ญาติ หากแต่ระลึกเสมอมาว่านั่นคือเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ..เมตตาต่อกัน ให้กันได้ก็ให้..”

   “แต่ผมไม่ใช่คนเช่นนั้น”

   “ชีวิตของคุณกับผมมันต่างกันราวฟ้ากับดินเชียวนะคุณรุ่งโรจน์ เมื่อก่อนผมเห็นคอลัมน์ เยี่ยมมุมโปรดหนุ่มในฝัน ผมยังแอบอิจฉา เครื่องเรือนของคุณเลย ..คุณลองไปดูที่ผมซุกหัวนอนซิ..มันทุเรศทุรัง...อย่างกับรังหนู...”

   ยังไม่ทันที่รุ่งโรจน์จะตอบว่าอะไร พอดีกับที่แสงทอง ทรุดกายลงกับพื้น..ทำให้สองหนุ่มต้องรีบวิ่งเข้าไปหา..

   “เป็นอะไร”

   “จุกนะซิ เจ็บในท้อง”

   “ก็เธอรีบจ้ำเอา จ้ำเอา อย่างนี้มันจะไม่จุกได้อย่างไร” เสียงรุ่งโรจน์เหมือนจะดุเอา ..แต่อีกคนกลับบอกว่า “ค่อย ๆ ไปก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย ทำใจสบาย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก”

   “มา..ช่วยแบกของ” รุ่งโรจน์ รั้งเป้ใบหนักกว่าของตนมาถือไว้..สาวแสงทองจึงกลายเป็นคนตัวเปล่า

   “แน่ใจนะว่าจะแบกไปให้..นี่ต้องขึ้นเขาสูงชันอีกช่วงนะ”...

   “แบกไม่ไหวก็ลากไปซิ”

   “ขอบคุณค่ะ ถ้างั้นไม่ต้องก็ได้..”

   “กินข้าวกันเถอะ บ่ายโมงกว่าแล้ว ที่จุกท้องคงจะหิวด้วยเป็นแน่” สุริยาออกความคิดเห็นด้วยรู้ว่า ที่ทั้งสองคนมาลำบาก ก็เนื่องด้วยเรื่องของตนโดยแท้เชียว..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2011 17:05:46 โดย anop2521 »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: อ่านแล้วยังเดาเนื้อเรื่องไม่ออกจะเป็นยังไงต่อไป   มาต่อเร็วๆนะคะ :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อ่านเรื่องนี้ได้ภาพได้อารมณ์เลยค่ะ
เพราะตัวเองพึ่งกลับจากการไปขึ้นเขา
เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาทเมื่อวันที่ 1 เม.ย.นี่เอง
คู่นี้เหรอคะ สุริยา รุ่งโรจน์ ชีวิตที่ต่างกันสุดขั้ว
รอตอนต่อไป อยากรู้ชีวิตของทั้งคู่ที่จะดำเนินไปค่ะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :L1:มาต่อเรื่อยๆแบบนี้


ต้องเข้ามาดูเรื่อยๆแล้ว

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อ่านแ้ล้วนึกถึงบรรยากาศทางภาคเหนือ แต่ก้อไม่เคยเดินขึ้นเขาทางเหนือนะ เคยไปแต่ภูกระดึง   :L2:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
แนวเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยพบในนิยายวายเลยครับ เรื่องเดินไปเรื่อยๆ บทสนทนาเยอะแต่ไม่น่าเบื่อ
ตัวเอกหญิงก็ดูเป็นคนปกติดี (นิยายวายบางทีชอบเขียนให้ผู้หญิงร้ายจนเกินเหตุ)
การบรรยายและภาษาที่ใช้ก็เยี่ยมครับ
รวมๆ แล้วชวนติดตามมาก

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ขอบวกให้ด้วยความประทับใจอย่างมากค่่ะ
ชอบมุมมองความคิดที่ดีมากๆ ของพระเอก(หรือนายเอก ยังเดาไม่ออก)

ขอบคุณจริงๆ ค่่ะแต่งนิยายดีๆ แบบนี้ให้อ่าน

ปล. รบกวนกดแก้ไขชื่อเรื่องที่ข้อความโพสแรกเวลามาอัพได้ไหมคะ จะไดตามอ่านง่ายขึ้นค่า

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
อารมณ์ของเรื่อง ภาษาของเรื่อง เหมือนพวกเรื่องสั้นเก่าๆเลย พวกที่ให้อ่านเป็นหนังสือนอกเวลาน่ะ
ดูมีคุณค่าแก่การอ่านมากๆ

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
รับเรื่องใหม่ :mc4:
พล็อทน่าสนใจ สนุกดี
+1 เป็นกำลังใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2011 01:39:11 โดย Little Devil »

ออฟไลน์ SecondaryTrauma

  • Today is a gift, that is why call ... "The Present"
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อยากให้พระอาทิตย์ขึ้นตอนตีหกแล้วตกดินตอนเที่ยงคืน

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
4. อยากให้พระอาทิ
«ตอบ #18 เมื่อ14-04-2011 09:43:53 »

4.ขอบคุณสำหรับแรงใจนะครับ สำหรับเรื่องนี้ ผมเปิดฉากด้วย อำเภอที่สมมุติ ขึ้นมา และก็ปิดเรื่อง ที่เกาะสมมุติเช่นกัน แต่ระหว่างเรื่องดำเนินไปตามฉากและแหล่งท่องเที่ยวจริง ๆ ทั้งหมดครับ เป็นงานเกย์ บวกงานศาสนา ครับ หนึ่งหญิงสองชาย แล้วมีเวลาเป็นตัวดำเนินเรื่องครับ ..

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่สร้างสรรค์ตามเนื้องาน(คริคริ))


   
   ถ้าบอกว่าไม่ได้แกล้ง คงไม่มีใครเชื่อ เพราะอาหารที่แสงทองดึงออกมาจากเป้ที่รุ่งโรจน์เป็นคนแบก มีเพียงข้าวเหนียวห่อใบไม้คนละหนึ่งห่อ กินกับเขียดทอดกรอบ และปลาร้าบองใส่ถุงพลาสติก ซึ่งหญิงสาวบอกว่าซื้อมาจากตลาด..

   คนที่โตมาในเมืองและนอกประเทศเช่นรุ่งโรจน์มีหรือจะกล้ำกลืนอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าได้..

   แสงทองแนะนำวิธีการกินและกลืน โดยใช้มือบิข้าวเหนียวแล้วจิ้มไปที่ปลาร้าบอง ส่งเข้าปากแล้วก็เคี้ยวแกล้มด้วยเขียดขายาว
ปากอ้าตัวแบนเสียงดังกรอบ ๆ ..

   รุ่งโรจน์ทำท่าพะอืดพะอม..

   “ไหนบอกว่ากินง่ายอยู่ง่ายไง นี่แหละพี่สุริยา พี่รุ่งโรจน์ วิถีชีวิตชาวบ้านปางจันทร์ล่ะ ไปไร่ไปนา พวกเขาก็มีกันไปแค่นี้ ..นี่ยังดีนะมีเขียด บางคนมีแต่ปลาร้าบอง มีพริกกะเกลือ ไปหาเก็บผักกระถินบ้างยอดมะกอกบ้างแกล้มเอาข้างหน้า.."

   “ไม่มีอย่างอื่นเลยรึ” ชายหนุ่มพยายามจะดึงกระเป๋าเป้ออกมาค้นหาอย่างอื่นที่น่าจะดีกว่านี้..แต่แสงทองรั้งไว้เหมือนจะแกล้ง..

   “ก็ไหนเธอบอกว่ามีเนื้อทอดกับพวกปลากระป๋องไง” สุริยาถามบ้าง..ลำพังตัวเขา อาหารที่เห็นไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เขาเคี้ยวและกลืนได้อย่างหญิงสาว แต่นึกสงสารอีกคนอย่างจับใจ ด้วยพออ่านเกมส์ออกว่าแสงทองคงจะแกล้งให้อีกคนสำนึกในความยากจน ด้วยตอนเช้าเขาได้กลิ่นทอดเนื้อมาจากในครัว แล้วทำไมมื้อนี้มันจึงไม่มี..

   “กินข้าวเหนียวแล้วก็กินน้ำตามไปแล้วกัน เดี๋ยวได้อืดในท้อง อิ่มเหมือนกัน” แสงทอง ไม่พูดถึงอาหารที่ดีกว่านี้..

   เมื่อกินอิ่มหญิงสาวลุกขึ้น ยกเป้ใบที่รุ่งโรจน์แบกมา ขึ้นบ่าตนเอง.. ด้วยไม่ต้องการให้สองหนุ่มรื้อค้นอาหารที่ตนเตรียมมา..

   “ถ้าเธอไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ ฉันก็คงไปกับเธอไม่ได้หรอก..” เสียงของรุ่งโรจน์บอกให้รู้ว่าไม่พอใจที่แสงทองทำอย่างนี้..คงหวังที่จะเอาชนะ แต่หญิงสาวก็ใช่จะยอมง่าย ๆ

   “แล้วเดินกลับถูกหรือคุณพี่ จะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้นะ กลับตัวก็ไม่ได้ ให้ไปก็คงจะไปไม่ถึงใช่ไหม..งั้นรออยู่ที่นี่แล้วกัน..หรือถ้ากลับเอง ขอบอกว่าหลงอย่างแน่นอน และที่นี่ก็ยังมีสัตว์หน้าขนอยู่เยอะแยะ ถ้าไม่อยากตายอย่างเขียดพวกนี้นะ กินข้าวเหนียว แข็งใจเคี้ยวเขียดแล้วก็ดื่มน้ำสักอึกหนึ่ง แล้วรีบตามหนูมา”

   คนที่ต้องจำใจกลืนได้เพียงข้าวเหนียว ส่วนเขียดทอดพยายามแล้วเชียว แต่มันกลืนไม่สำเร็จ สุริยามองอาการเหล่านั้นอดที่จะนึกขำไม่ได้..

   “คุณหัวเราะอะไร”

   “วันพระไม่ได้มีวันเดียวหรอก สักวันผมรู้ถ้าเรายังคิดคบหากันอยู่ นังหนูแสงทองคงถูกเอาคืนแน่”

   “ผมสัญญาเลยว่า เธอจะต้องเจ็บกว่าผมเป็นสิบเท่า”

   “เร็ว ๆ อย่ามัววางแผนแก้แค้นอยู่เลย ถ้าถึงบนยอดเขาหลังพระอาทิตย์ตกดิน รับรอง คุณจะได้เจอกับกองทัพยุงเข้าให้อีก ..เร็ว... ๆ ๆ เดี๋ยวหาว่าสวยไม่เตือน”..

   ช่วงระยะทางตั้งแต่กิโลเมตรที่สามถึงเจ็ดเป็นทางลาดชันไม่มากนัก ทำให้ง่ายต่อการเดินทาง แม้ถึงกระนั้น รุ่งโรจน์ก็ยังพลาดที่จะเหยียบก้อนอิฐพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่หลายรอบ...ใบหน้าที่สดใสในตอนสาย ในเวลานี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยฤทธิ์แดดและฤทธิ์ความร้อนในร่างกายของตน..

   เหงื่อที่ไหลย้อยจนเข้าตาทำให้ชายหนุ่มดึงชายเสื้อขึ้นมาเช็ดอย่างไม่สนใจในความสะอาดของเนื้อผ้า...สุริยาเห็นดังนั้น จึงส่งผ้าเช็ดหน้าของตนให้ซับเหงื่อ รุ่งโรจน์รับมาด้วยรอยยิ้ม ..เขาไม่ปริปากบ่นเรื่องระยะทางอีกเลย ด้วยคงสำนึกว่า จะแพ้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เดินฉับ ๆ ออกหน้านั่นไม่ได้..

   และแม่สาวตัวเล็กก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าหล่อนแข็งแรง ..เกินหน้าผู้ชายสองคนที่เดินตามหลัง พอเดินไปได้สักระยะ เจ้าหล่อนก็หยุด พอสองคนมาใกล้เข้ามาเจ้าหล่อนก็เดินต่อไปอีก..จนกระทั่งถึงระยะสุดท้ายที่เจ้าตัวว่า ชันที่สุด..

   “พอพ้นช่วงนี้ไปได้..ก็ถึงแล้วยอดภู..ปางสุดยอด..เดินไปอีกนิดก็จะถึงรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์ ทนหน่อยนะคะคุณรุ่งโรจน์ เพราะบางที คุณอาจจะอธิษฐานขอน้องแอนนี่คืนได้สำเร็จ”

   คำพูดของหญิงสาวส่งผลให้อีกคนหน้าบอกบุญไม่รับในทันที..

   “...คุณไม่ต้องมาสู่รู้เรื่องในใจผมหรอก..” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าโกรธไม่ใช่น้อย..จนหญิงสาวหน้าเจื่อน ด้วยตนเสียมารยาทที่นำเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวอีกคนมาตอกย้ำ..

   “ขอโทษ..ขอโทษเจ้าค่ะ” ประโยคนี้กระมัง ที่ทำให้สุริยา และรุ่งโรจน์คลายความโกรธลงได้ในทันทีเช่นกัน..เจ้าหล่อนชอบตบหัวแล้วลูบหลัง จนรู้สึกคุ้นเคย...

   “คืนนี้เราจะนอนบนยอดภู ตอนสาย ๆ จึงจะเดินกลับ..อาหารเย็นกินกันบนนี้ ส่วนเรื่องน้ำอาบไม่มี รึถ้าจะมีคงเดินไปไกลเป็นกิโล คงจะมืดก่อน แต่ถ้าคุณพี่สองคนอยากไปเห็นน้ำตกเล็ก ๆ ทางด้านหลังรอยพระบาท หนูก็จะพาไป แต่ต้องในวันรุ่งขึ้นนะ”

   เมื่อรู้กำหนดการคร่าว ๆ ทำให้สองหนุ่มมีกำลังใจที่จะสาวเท้าตามเจ้าตัวเล็ก ที่ป่ายปีนขึ้นเขานำหน้าไป..และระยะสุดท้ายก็มาถึง..โดยเวลาประมาณห้าโมงเย็น ทั้งสามคนก็พาสังขารอันร่วงโรยยืนในจุดที่หมดสภาพพื้นที่ของการป่ายปีน...อีกกิโลเดียวเท่านั้นก็จะถึงจุดหมาย..

   รอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์บนลานหิน..ที่รายล้อมไปด้วยทิวสนและขุนเขานางนอนน้อยใหญ่สลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา

   สุริยาถอนหายใจออกมา มองพระอาทิตย์ดวงสีแดง ซึ่งใกล้จะลับเหลี่ยมเขาดั่งวันวาน เขาหยุดและดึงกล้องถ่ายรูปออกมาจากย่ามใบเล็ก..

   กดชัดเตอร์ เก็บภาพความประทับใจนี้ไว้..ก่อนจะหันเลนส์ไปทางหนุ่มและสาวซึ่งยืนอยู่ในอิริยาบถที่แตกต่างกัน..แสงทอง สบาย ๆ แต่รุ่งโรจน์เหนื่อยจนหอบ.

   “จะถ่ายคู่กันไหม จะกดชัดเตอร์ให้” สุริยาร้องถาม..

   “ไม่หรอก ไม่อยากมีภาพกับคนดัง ขี้เกียจเอาไปเบ่ง” แสงทองว่าให้ อีกคนได้แต่พ่นลมหายใจออกมาด้วยคงรำคาญวาจาที่กัดไม่เลิกของหญิงสาว..

   “หนูว่าพี่สองคนถ่ายด้วยกันดีกว่า..เห็นกุ๊กกิ๊ก ๆ กันมาตลอดทางเอาไว้เป็นที่ระลึก” แสงทองออกความคิดเห็นพลางเดินไปหาสุริยา..

   สุริยาจำต้องเดินไปยืนเคียงกับหนุ่มในฝันของสาว ๆ ในเมืองไทย โดยทั้งคู่ต่างดึงหมวกสานให้คล้อยไปทางด้านหลัง กอดคอจนหัวชนกันยิ้มให้กับกล้องอย่างคนที่สนิทคุ้นเคย..

   “ตั้งเวลาถ่ายได้ไหม อยากได้รูปแสงทองด้วย” รุ่งโรจน์ร้องถาม

   “ได้” ชายหนุ่มเดินกลับไปที่กล้อง มองหามุมวางกล้องดิจิตอลตัวจิ๋วซึ่งเก็บหอมรอมริบอยู่ตั้งนานกว่าจะได้มาครอบครอง..เมื่อหามุมได้จึงสั่งให้แบบทั้งสองคนไปนั่งเคียงกัน ...โดยมีที่ว่างด้านหลัง..สำหรับตน..และภาพที่ได้นั้นคงเป็นภาพที่ทั้งสามคนคงจะได้เก็บไว้คนละหนึ่งบาน สำหรับระลึกนึกถึงความยากลำบากและมิตรภาพที่ค่อย ๆ เกิดก่อ..
   


   หลังจากถ่ายรูปและพักเหนื่อย ทั้งสามก็เดินมุ่งสู่รอยพระพุทธบาทท่ามกลางพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลับเหลี่ยมเขาเต็มที..

   “ถ้าตกดินก่อนถึงที่หมาย มีหวังคลำที่กางเต็นท์กันแน่”

   “ถ้าพระอาทิตย์ตกดินช้ากว่านี้สักนิดเราคงมีเวลากางเต็นท์และเดินไปทำความสะอาดร่างกายที่น้ำตกเป็นแน่” รุ่งโรจน์เอ่ยขึ้นบ้าง..

   “อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่งจัง ตอนนั้นเราคงกินข้าวและเข้านอนพักเอาแรงกันพอดี” สุริยาเอ่ยขึ้นมาสำทับ ทีนี้ส่งผลให้แสงทองต้องทวนคำ

   “ถ้าพระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่งจริง ๆ แล้วจะทำได้อย่างที่วางแผนไว้หรือเปล่า”

   “ได้ซิ เพราะเวลาอีกตั้งสามชั่วโมงครึ่ง เราคงทำอะไรได้เยอะแยะ”

   “แล้วทำไมก่อนสามชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมาแล้ว เราจึงเดินไม่ถึงจุดนี้” แสงทองตั้งคำถามอีกรอบ แต่เจ้าหล่อนก็ไม่รอคำตอบหรอก..เพราะต้องรีบพากันจ้ำให้ถึงที่หมายจุดกางเต็นท์ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ...
   

   ทันทีที่ถึงจุดกางเต็นท์ พระอาทิตย์ก็ลับเหลี่ยมเขา ทิ้งไว้เพียงประกายแสงสีทองอยู่พักใหญ่ให้ทั้งสามคนได้คลำทางหาเก็บกิ่งไม้แห้ง ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นมากอง สำหรับสุมไฟเพื่อใช้แสงสว่างสำหรับกางเต็นท์ และทำกิจธุระประจำวันให้เสร็จสิ้น...

   ทันทีที่เต็นท์สองหลังตั้งเคียงกันได้ แสงสีทองสุดท้ายก็หายไปจากท้องฟ้า ความหนาวเย็นแผ่กระจายครอบคลุมพื้นที่บนยอดเขาปางสุดยอดจนทั้งสามคนตัวสั่นเทา ด้วยแรงลมโชย ทั้งสามแทบไม่อยากจะลุกหนีไปจากกองไฟที่ใกล้จะมอดไหม้หมดสิ้น..อาหารมื้อเย็นในค่ำวันนี้ดีกว่ามื้อกลางวัน เพราะเป็นข้าวจ้าวคนละหนึ่งถุง มีช้อนสำหรับตักกิน มีปลากระป๋องและเนื้อทอดอย่างที่สุริยาคาดเดาไว้ และมื้อนี้ดูรุ่งโรจน์จะเจริญอาหารจนร้องขอแบ่งข้าวสวยจากแสงทองอย่างไม่เกรงใจ และหญิงสาวเองดูสงบปากคำไม่พูดมากเหมือนเมื่อตอนเดินขึ้นเขา..คงสำนึกผิดที่ทำให้อีกคนมีอาหารติดท้องอยู่นิดเดียว

   รอยพระบาทที่ตั้งใจสักการะอยู่ห่างจากที่พัก หลังก้อนหินก้อนใหญ่ที่ช่วยบังลมได้เพียงเล็กน้อย ไปทางชะง่อนผาเพียงร้อยกว่าเมตร...สุริยาคนปรารถนาจะมาสักการะ ตั้งใจว่าในวันนี้จะไม่ย่างกรายไป ตรงจุดนั้น จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ ด้วยต้องการฝึกการรู้จักหักห้ามใจตน นับว่าเป็นประโยคเด็ดในวันนั้นที่รุ่งโรจน์และแสงทองคล้อยตามด้วยความงุนงง

   “เห็นว่าอยากไปไหว้ แต่พอมาถึงจริง ๆ กลับให้รู้จักหักห้ามใจ รอจนถึงวันพรุ่ง.. ตูละงง”

   แสงทองบ่นอุบอิบ

   หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องอาหาร แสงทองก็รื้อค้นยาคลายกล้ามเนื้อและยาทาบรรเทาอาการปวดขาออกมาจัดการกับตัวเอง และได้ส่งยาจำนวนนั้นให้กับรุ่งโรจน์ เพราะเห็นว่าชายหนุ่มมีอาการขาตึงและจามอยู่ตลอดเวลา

   “กินยาแก้แพ้อากาศสักหน่อยนะคุณชาย ดูแล้วอาการไม่น่าไว้วางใจ”

   “ขอบใจ”

   “ไม่ต้องขอบหรอก ขี้เกียจหามกลับต่างหาก”

   แม้จะพูดอย่างนั้น แต่รุ่งโรจน์รับยามากลืนอย่างว่าง่าย คงไม่อยากเป็นภาระของใครอีก ค่ำคืนนั้น แสงทองรีบดึงเสื้อกันหนาวและกางเกงขายาวออกมาสวมหมดทั้งกระเป๋า หญิงสาวมีถุงมือ ถุงเท้า และหมวกไหมพรมปกปิดมิดชิด..ผ้าแพรผืนบางถูกดึงออกมาคลุมกาย อย่างคนที่พอรู้สถานการณ์ในค่ำคืน

   สำหรับสองหนุ่มละล้าละลัง ไม่มีอุปกรณ์บรรเทาอาการหนาวอย่างหญิงสาว มีเพียงชุดที่สวมมา กับในกระเป๋ามีเพียงเสื้อกันหนาวตัวไม่หนาคนละตัว กับผ้าห่มไหมพรมผืนไม่ใหญ่นักเพียงผืนเดียว..

   “ผมว่าเราเอาไฟฉายไปหาฟืนมาเตรียมไว้เถอะ อากาศที่นี่ท่าจะไม่ธรรมดา ยิ่งดึกคงจะยิ่งเย็นยะเยือกเพราะลมแรงจัง..” เป็นความคิดของรุ่งโรจน์ แต่แสงทอง กลับส่งเสียงมาห้ามไว้

   “อย่าไปเลย ถ้าลงจากจุดนี้ไปมันอันตรายนะ ที่นี่ยังมีสัตว์ป่า ยิ่งเวลาพลบค่ำ พวกมันจะออกมาหากินดินโป่ง และอีกอย่างหนูอยู่คนเดียว หนูกลัว”

   “กลัวก็ไปด้วยกัน”

   “มันหนาว” เจ้าตัวส่งแต่เสียงไม่ยอมมุดหัวออกมาจากเต็นท์

   “ถ้าไม่อยากหนาวมากกว่านี้ก็ออกมาแล้วไปด้วยกัน” เสียงของรุ่งโรจน์ดังเป็นคำสั่งเกือบจะเรียกว่าตวาดด้วยซ้ำ...

   อากาศในเวลาประมาณสองทุ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ แม้ดาวจะเกลื่อนท้องฟ้า แต่ทั้งสามคนก็ไม่มีอารมณ์ที่จะแหงนมองและชื่นชมกับความงดงามนั้น ไม้แห้งที่หล่นจากต้นและพอดีตกลงบนลานหินมีจำนวนไม่มาก เมื่อเดินส่องไฟหาเก็บไปได้สักพัก ทั้งสามคนจำต้องรีบกลับด้วยได้ยินเสียงร้องของสัตว์บางประเภทที่พวกเขาไม่มีวันคุ้นเคยอย่างแน่นอน..

   “ทายว่าเป็นหมาป่านะ” แสงทองว่าอย่างนั้น..

   “ถ้าผมมีปืนสักกระบอกคงจะดี” รุ่งโรจน์รีบบอกด้วยนึกสนุก แต่คนอยู่วัดกลับพูดว่า

   “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เดี๋ยวคืนนี้ผมจะสวดมนต์และก็แผ่เมตตาให้หมู่สัตว์เดรัจฉานและ..สัมภเวสี ต่างคนต่างอยู่ต่างทำกิจของตนไม่ข้องเกี่ยวกัน”

   “จะได้ผลหรือ” ทั้งแสงทองและรุ่งโรจน์ถามเกือบจะพร้อมกัน..

   “ไม่รู้สิ เคยไปอยู่ธุดงขั้นเบสิกกับพระอาจารย์ ท่านให้ปฏิบัติแบบนั้นก็ทำ จากที่กลัวผี กลัวสัตว์เลื้อยคลานมันก็รู้สึกเฉย ๆ หลับเป็นสุข..ด้วยไม่คิดจะทำร้ายกันมั้ง”

   “งั้นคืนนี้สอนผมสวดสักนิดแล้วกัน” รุ่งโรจน์ร้องบอก สุริยาสังเกตสีหน้าเห็นว่าดูมีกังวลอย่างเห็นได้ชัด..เขาคงไม่เคยออกมา
ลำบากลำบนอย่างนี้เป็นแน่

   เมื่อกลับถึงที่พักŬ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2011 09:56:58 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 4 (ต่อ) อยาก
«ตอบ #19 เมื่อ14-04-2011 09:51:34 »

เมื่อกลับถึงที่พักแสงทองก็มุดเข้าเต็นท์ ร้องบอกมาว่า..จะหลับแล้วไม่ต้องชวนคุย..สุริยาหัวเราะ ด้วยรู้ว่า หญิงสาวคงจะเหนื่อยอยู่ไม่ใช่น้อย..เพราะระยะทางเป็นสิบกิโลเมตร ขนาดเขายังระบมไปทั้ง
ท่อนขาข้อเข่าและส้นเท้า ส่วนรุ่งโรจน์แม้ไม่ปริปากบ่นให้ได้ยินแต่ดูจากท่าทางลุกนั่งแล้ว เขาคงจะปวดเมื่อยเหมือนกัน..พอผิงไฟจนรู้สึกอบอุ่น ..รุ่งโรจน์ก็เปิดเต็นท์เข้าไปนอนก่อนโดยทิ้งให้สุริยาพนมมือปากขมุบขมิบสวดมนต์บทต่าง ๆ ไป..สักพักสุริยาก็เปิดเต็นท์ตามมา พบคนหน้าใสนอนลืมตาแป๋วจ้องมาทางตน..สุริยานั่งลงข้าง ๆ หยิบกระเป๋าเป้ของตนมาสำรวจดูของจะแตกหักเสียหาย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเขาจึงถือวิสาสะยกศีรษะของรุ่งโรจน์เพื่อให้อีกคนหนุนกระเป๋านั้นแทนหมอนที่บ้าน..

   “ขอบคุณ”...รุ่งโรจน์ร้องบอก มือยังกอดอกแน่น แถมมีอาการสั่นเทาเล็กน้อย

   “ไม่สบายรึเปล่า ทำไมสั่นถึงขนาดนั้น” สุริยาร้องถามเมื่อเห็นอาการอีกคน ..รุ่งโรจน์ปฏิเสธโดยการส่ายหน้า แต่สุริยาถือว่าสนิทกันจึงเอาหลังมือไปอังที่หน้าผากและซอกคอ ทำเหมือนกับอีกคนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ทีเดียว..

   “ตัวอุ่น ๆ เมื่อกี้กินยาที่แสงทองให้แล้วใช่ไหม ..สักพักคงจะหลับสนิท เพราะมียาแก้แพ้อากาศด้วยกินแล้วง่วง” สุริยาชวนคุยอีกสองสามประโยค พอหันมาอีกที รุ่งโรจน์ก็หลับไปแล้ว ชายหนุ่มจ้องหน้าคนนอนหลับนิ่ง ๆ หายใจเข้าออกขัด ๆ ...รู้สึกหัวใจตนเต้นแรงกว่าปกติ...

   เมื่อสงบสติอารมณ์ได้จึงล้มตัวลงนอนเคียงกัน แบ่งกระเป๋าส่วนที่ยังเหลือมาหนุน คลี่ผ้าห่มคลุมไปที่ตัวรุ่งโรจน์และดึงอีกชายของผ้ามาสำหรับตน..

   ค่ำคืนบนยอดเขาปางสุดยอด หนาวเหน็บจนคนที่นอนอยู่เคียงกันสั่นงก ๆ ..สุริยาพลิกตัวกลับรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของอีกคนที่ระบายออกมาเป็นระยะ ๆ ...เสียงฟันกระทบกันแสดงให้รู้ถึงความหนาวที่เกาะกินถึงข้างใน..เขาลุกขึ้นพับผ้าห่มซ้อนแล้วห่มทับให้

   “หนาวมากซิ”

   “ปวดหัวนิดหน่อย” คนตอบหลับตากอดอกแน่น

   “ออกไปผิงไฟสักหน่อยไหม..เผื่อมันจะดีขึ้น..” ตัวเขาเองพอทนไหว แต่นึกว่าอีกคนเพิ่งจะฟื้นจากไข้คราวก่อน ประกอบกับคงไม่เคยเหนื่อยหนักขนาดนี้ ร่างกายจึงไม่อาจทานทน..

   เสียงบ่นว่าหนาว ๆ ยังดังเบา ๆ ออกจากริมฝีปากคนหน้าขาวเป็นระยะ สุริยาไม่รู้จะทำประการใด เพียงนั่งมองและดึงมืออีกคนมาเกาะกุมไว้ หวังแบ่งความอบอุ่นจากตัวให้แผ่ซ่านไป..

   “นอนเถอะ” รุ่งโรจน์ร้องบอกสั่น ๆ สุริยาปฏิบัติตามในทันที โดยเขาเองก็รู้สึกอ่อนเพลียเหมือนกัน เมื่อกำลังจะเคลิ้ม ๆ สิ่งที่เขาไม่คาดคิด..ก็เกิดขึ้น..

   รุ่งโรจน์ขยับมาจนชิดแล้วกอดเขาจากทางด้านหลังจนแน่น..

   “ขอผมกอดหน่อยนะ ผมหนาว”..พูดแค่นั้นคนหนาวเหน็บก็เงียบไป ทิ้งเพียงลมหายใจอุ่น ๆ รดอยู่ที่แผ่นหลัง..ทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าค่ำคืนอันแสนอบอุ่นนี้คงจะยาวนานเกินไป...
   

เวลาประมาณตีสี่ เสียงไก่ป่าขันเจื้อยแจ้ว..รุ่งโรจน์นอนกอดอกตัวงอเป็นกุ้งนาง เสียงฟันกระทบกันกึ๊ก ๆ ปากก็พร่ำแต่ว่า หนาว ๆ ..หนาวจัง..สุริยาลุกนั่งดูอาการนั้นก่อนจะขยับผ้าห่มคลุมดึงชายมิดชิด ถอดเสื้อกันหนาวของตนห่มคลุมให้อีกชั้น..แต่อีกคนก็ยังร้องครวญครางอยู่อย่างนั้น

   ใจจริง สุริยานึกอยากจะล้มตัวลงไปนอนกกกอดเหมือนอีกคนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ หากขืนทำเช่นนั้น เขาเองก็นึกไม่ถึงว่า รุ่งโรจน์จะปฏิบัติตอบเขามาเช่นไร อาจจะเป็นผลักหรือไม่ก็กอดคืน และถ้าเป็นอย่างหลัง..

   แค่คิดเขาก็สะดุ้งก่อนจะล้มตัวลงนอนจนชิดคนที่บ่นว่าหนาวจนเรียกว่าเบียดก็ได้

   ทีนี้ร้อนถึงคนที่อยู่เต็นท์เคียงกัน แสงทองคงได้ยินเสียงครางฮือ ๆ หญิงสาวถือวิสาสะรูดซิบส่งหมวกและถุงมือมาให้..

   “มันช่วยบรรเทาความหนาวได้ ช่วยสวมให้เฮียเขาเถอะ..” พอส่งถุงมือและหมวกไหมพรมให้ เจ้าตัวก็คว้าไฟฉาย ..ทำท่าจะออกไปข้างนอก

   “จะไปไหน” สุริยาร้องเรียกด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้หญิงตัวคนเดียว

   “ห้องน้ำ” หญิงสาวตอบ ก่อนจะผลุบหายออกไป สุริยาจึงค่อย ๆ ดึงมืออีกคนซึ่งหลับตาพริ้มมาสวมถุงมือให้ ก่อนจะยกศีรษะสวมหมวกไหมพรมเพื่อบรรเทาความหนาวอย่างที่แสงทองบอกไว้..

   “ผมทำให้คุณเดือดร้อนอีกแล้วคุณสุริยา ผมขอโทษนะ” ..

   พอลืมตาได้ รุ่งโรจน์ก็พล่ามประโยคชวนซึ้งออกมา แล้วยื่นมือมาให้สุริยาดึงตนเองลุกนั่ง..และสุริยาก็รู้ภาษากายนั้น โดยดึงคนที่นอนหนาวสั่นลุกขึ้นมา และด้วยดึงแรงไปหรืออย่างไรเจ้าตัวก็ไม่ทราบ พอรุ่งโรจน์ลุกนั่งได้เขาก็โผเข้ากอดสุริยาจนแน่น...เหมือนเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่นจากบุพการีอย่างนั้น..

   “ขอกอดหน่อยนะผมหนาว”..

   สุริยาจำต้องอยู่นิ่ง ๆ ด้วยตัวเองก็รู้สึกอบอุ่นเช่นกัน..

   “ถ้าไม่มีคุณผมคงแย่แน่ ๆ” ..มือทั้งสองข้างกอดรัดที่เอวจนแน่น ใบหน้าซุกอยู่ที่บ่าข้างขวา ปากก็ยังพล่ามไป..เมื่ออาการอีกคนเป็นดั่งนี้ ถ้ามีแสงสว่างเข้ามา รุ่งโรจน์คงจะได้เห็นว่าใบหน้าอีกคนแดงก่ำทีเดียว..

   “ออกไปหาเก็บฟืนก่อไฟผิงเถอะ นอนก็คงไม่หลับแล้ว ..จะได้บรรเทาอาการหนาวนี่ด้วย” เสียงของสุริยา สั่นผิดปกติ..และยังไม่ทันที่รุ่งโรจน์จะตกลงอย่างไร แม่สาวแสงทองก็แผดเสียงร้องดังลั่นมาจากความไกลรัศมีเป็นร้อยเมตร

   “..ว้าย...ช่วยด้วย..”

   สองหนุ่มตาสว่าง รีบผละจากกัน เปิดเต็นท์..ไม่ทันจะสวมรองเท้า ปากก็ตะโกนลั่น

   “แสงทอง..แสงทอง เธออยู่ไหน เป็นอะไรรึ”

   “ทางนี้..ทางนี้ ช่วยที” ระยะทางประมาณเกือบร้อยเมตร ที่มีแสงไฟฉายกวักไหว ๆ พร้อมกับเสียงตื่นตระหนกของเจ้าตัว..

   ทั้งสองหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไป ณ จุดที่หญิงสาวอยู่อย่างไม่คิดชีวิต..แต่เมื่อไปถึงพบว่าสาวเจ้ายืนหัวเราะเห็นฟันจนเกือบครบ 32 ซี่..

   “เล่นอะไรก็ไม่รู้ตกอกตกใจหมด..” รุ่งโรจน์ดุให้ สุริยาเองก็มีสีหน้าขุ่นใจอยู่ไม่น้อย..

   “ก็เห็นมันหนาว อยากให้ออกกำลังกายแบบฉุกเฉินดู จะได้รู้ว่าความหนาว มันต้องแพ้คนจนได้ แหละ..ตกลงหายหนาวแล้วใช่ไหมคุณชาย”

   รุ่งโรจน์เอามือเคาะหัวเจ้าตัวปากดีซะหนึ่งที..ก่อนจะบอกว่า..

   “หายแล้ว..และคงหมดอารมณ์นอนแล้วด้วย”

   “เมื่อกี้เธอไปห้องน้ำตรงไหน” สุริยาถามบ้าง..

   “ในป่าเจ้าคะ คุณชายทำได้หรือเปล่า” แสงทองหมายถึงรุ่งโรจน์

   สีหน้าของรุ่งโรจน์มีแวววิตกกังวลอีกครั้ง..

   “ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ คงจะได้หรอก...”

   “นี่ทิชชู่..อย่างคุณคงใช้ไม้แห้งไม่เป็นหรอก ระคายเคือง”

   “ทะลึ่งจริง ๆ เด็กคนนี้”...

   “ถ้ายังไม่ปวด ก็ไปหาฟืนมาก่อไฟผิงเถอะ..เพราะเราจะได้มีกาแฟร้อนดื่มแบบคู่รักคู่รส ระหว่างดูพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า..”

   “เอามาจากไหน” สุริยายังงุนงง

   “ทรีอินวันคนละสองซอง แก้วกระดาษจากเซเว่นล้างเก็บไว้เอามาจากบ้านและก็ กระป๋องปลากระป๋อง ล้างน้ำคว่ำไว้ตั้งแต่เมื่อวาน รับรอง อร่อยจนบ้านไร่บ้านนากาแฟยังต้องชิดซ้าย..โอเค สองหนุ่มไปหาฟืนได้” ว่าแล้วสาวเจ้าก็ส่งไฟฉายให้แล้วเดินกลับไปที่เต็นท์พัก ทิ้งให้สองหนุ่ม ส่องไฟลงไปหาฟืน ..ระหว่างหาก็กังวลว่าจะเหยียบกับระเบิดที่เจ้าตัวดีหย่อนไว้ไหมนะ
   


   พระอาทิตย์ของเช้าวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2547 สว่างสุกใสตั้งแต่พ้นจากขอบฟ้าอันไกลโพ้น..ดวงกลมสีแดงฉานค่อย ๆ เปล่งประกายเป็นสีทองและทอแสงสว่างเจิดจ้า ยังประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ..

ขณะที่แสงทองกับรุ่งโรจน์ชี้ชวนกันกดชัตเตอร์เก็บภาพเริ่มต้นแห่งวันกันสนุกสนาน คนที่มีศรัทธาประสาทะอย่างแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนานั่งคุกเข่าจุดธูปเทียนปักกับพื้นหินมีดอกไม้ป่าอีกหนึ่งกำมือเป็นอามิสบูชาสักการะ ส่วนปฏิบัติบูชาสักการะนั้นชายหนุ่ม สวดมนต์ทำวัตรเช้าไล่เรื่อยไปถึงบทชุมนุมเทวดา บทเจ็ดตำนาน บทพาหุงมหากา ลงท้ายด้วยชินบัญชร ตามที่พอจดจำได้จนคล่องปาก.

.หลังจากนั้นก็แผ่เมตตาให้กับตนเองและหมู่เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล.แล้วก็ก้มกราบ งาม ๆ สามครั้ง พร้อมกับ อธิษฐานจิต วางผังชีวิต...

   สุริยานึกถึง ขณะดำรงเพศสมณะ ครั้งนั้นกับการดั้นด้นเดินทางตามหลวงพี่ที่มีบ้านอยู่ในจังหวัดสกลนครเพียงเพื่อไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของลูกพระพุทธเจ้าด้วยกันในถิ่นอีสาน แต่เมื่อไปถึงแล้ว นึกถึงพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองอีสาน จึงตัดสินใจนั่งรถสามล้อเครื่องออกจากหมู่บ้านต่อรถสองแถวมาลงที่ อ.พังโคน จากพังโคนต่อไปสกลนคร จากสกลนครไปถึงวัดพระธาตุพนมที่อำเภอ ธาตุพนม..เมื่อไปถึงที่นั่นในเวลาพระอาทิตย์ใกล้จะลับยอดไม้..พอดีกับทางวัดมีงานฉลองพัดยศตราตั้งพระภิกษุสามเณรที่สอบเปรียญธรรมได้ สถานที่เจดีย์แห่งนั้นจึงยังไม่ปิดให้เข้าไปสักการะ..

   เมื่อเข้าสู่ลานพระเจดีย์เก่าแก่สมัยศรีโคตรบูรณ์ยังรุ่งเรือง..ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานแห่งพระพุทธอุรังคธาตุ อันมีประวัติการก่อสร้างดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน กายที่ร้อนด้วยอากาศในเวลานั้นเย็นยะเยือกอย่างประหลาด องค์พระธาตุสถาปัตยกรรมทรงบัวเหลี่ยมคว่ำสูง 57 เมตรครึ่งสะท้อนแสงทองยามเย็นพาให้จิตใจสบาย อารมณ์สุขและทุกข์ชั่วขณะนั้นไม่มีปรากฏแห่งจิตใจ มิปรารถนาใด ๆ ในเชิงโลกียะทั่วไปเมื่อคราวตั้งจิตอธิษฐาน...

   นึกเพียงแต่เห็นถึงความยากลำบากลำบนดั้นด้นเดินทางมา..ด้วยเดชแห่งบุญญาปรารถนาเพียงให้ได้มีโอกาสไปสักการะพระธาตุเจดีย์ทั่วพื้นพิภพนี้โดยง่าย โดยพร้อม สะดวกปลอดภัย..

   แรงปรารถนาประกอบด้วยศรัทธาในวันนั้น ส่งผลชนิดที่คนอธิษฐานก็คาดไม่ถึงว่าชีวิตจะเดินทางในเส้นทางนักท่องเที่ยวจาริกแสวงบุญได้ถึงเพียงนี้ เริ่มต้นครั้งต่อมากับพระเขี้ยวแก้วซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศจีน..ประดิษฐานให้มหาชนได้สักการะ ณ พุทธมณฑล ครั้งกระนั้นมีคำถามว่าคืออะไร สู่คำตอบคือหนังสือกองใหญ่..อ่านไปก่อให้เกิดแรงศรัทธาอย่างแรงกล้า..

   หนังสือพระธาตุเจดีย์มรดกล้ำค่าของเมืองไทย โดยคุณทศพล จังพานิชย์กุล มีวางขายในท้องตลาด ราคาในตอนนั้น ระหว่างที่ดำรงเพศบรรพชิตถือว่าแพง แต่ก็ยอมจ่ายเพื่อให้รู้ในสิ่งที่เริ่มศรัทธา จึงกลายเป็นสื่อที่เปิดหูเปิดตาตัวเองเป็นครั้งแรก..

   หลังจากนั้นมีเหตุให้ต้องจาริกแสวงบุญไปในถิ่นที่ทุกสถานในประเทศ จึงได้มองเห็นเพียงยอดฉัตรเหนือสุดปรางค์และปล่องไฉน..ผลบุญกุศลผลิบานในดวงใจเมื่อได้ไปสักการะกราบไหว้ ระลึกนึกถึงคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สละชีวิตเป็นเดิมพันสร้างบุญสร้างบารมี เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ ให้ล่วงจากความทุกข์ตรมซึ่งพญามารปิดบังซ่อนเร้นไว้..

   และเส้นทางแห่งธรรมก็สิ้นสุดลงเมื่อมีคนในครอบครัวต้องการความช่วยเหลือ..บิดาป่วย เป็นข้ออ้างร้างจากผ้าเหลือง.. อีกใจหนึ่งเมื่อเรียนจบปริญญาตรีจากวิทยาลัยสงฆ์แล้วก็ปรารถนาที่จะมีชีวิตแบบคนธรรมดาบนโลก.. แต่เอาเข้าจริง ๆ โลกที่คิดว่าเป็นอยู่ง่าย ๆ กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เงินตราที่แลกมาด้วยกฎระเบียบข้อบังคับ มิอาจทำให้คนที่เคยอยู่อย่างสบาย ๆ ในวัดมานานเกินสิบปีกระโจนเข้าใส่ได้..

   งานการสิ่งใดที่มีแม้ส่วนแห่งความฉิบหายวายวอดของชีวิตคนและสัตว์มิปรารถนาแตะต้อง...การทดแทนคุณของพระพุทธศาสนาในรูปแบบของทัวร์ไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และพระธาตุเจดีย์ จึงเกิดขึ้น..ไร้ทุน ไร้ความรู้ มีเพียงใจดวงเดียวที่ปรารถนา ประโยชน์เกื้อกูลกัน โลกไม่ช้ำธรรมไม่พร่อง...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2011 17:08:49 โดย anop2521 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ตอนที่ 4 (ต่อ) อยาก
« ตอบ #19 เมื่อ: 14-04-2011 09:51:34 »





ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
1ใน4ส่วนหลังนี่ อ่านแล้วเหมือนหนังสือธรรมะเลย
โดยส่วนตัวนะ ไม่ชอบการดัดนิสัยที่แสงทองทำ เพราะเป็นการแกล้งด้วยความหมั่นไส้มากกว่าหวังดี
เราไม่ใช่คนดีนะแค่ไม่ชอบแกล้งคนอื่นเท่านั้นแหละ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
นึกว่าอีหนูแสงทองมาเห็นเขากอดกัน


แล้วร้องลั่นป่าซะอีก   อีหนูน่ารักดีอารมณ์ตลอด :กอด1:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ตอน 4 ยังคงความซาบซึ้งและคุณค่าเข้มข้นยิ่งขึ้นค่ะ
ชอบจัง อยากอ่านต่อ เพลินมากๆ ค่ะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เป็นนิยายYที่มีกลิ่นธรรมะ และผู้ถ่ายทอดต้องเป็นผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้มาอย่างแน่นอน
เป็นเรื่องที่ให้อะไรในทางสร้างสรรค์ ที่แตกต่างออกไปจากเรื่องอื่นที่เคยอ่านมา
เป็นเรื่องที่น่าติดตามอีกเรื่องนึงค่ะ

ป.ล. ดิฉันเชื่อในอานิสงส์ของการกำหนดจิตแผ่เมตตาเหมือนกันค่ะ

ออฟไลน์ ลูกลิงตัวอ้วน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
นานๆ มา comment ที

ภาษางามมากครับ อ่านง่าย ไม่ติดขัด

นิยาย Y + ธรรมะ เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่น่าติดตามครับ

Panny

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้อ่านนิยายที่น่าประทับใจแบบนี้มานานแล้ว
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
มาต่ออีกนะคะ

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ขอบคุณครับ ชอบในสำนวนการเขียน ชอบในทรรศนคติหลายๆด้านของแสงทอง o13

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตอนที่ 4 อยากให้&#
«ตอบ #27 เมื่อ16-04-2011 07:36:27 »

5.
   

   น้ำใสสายเล็ก ๆ ที่ไหลรินลงสู่โตรกหินด้านล่าง เรียกว่าน้ำตกเห็นจะไม่ได้ ถ้าเป็นคำว่าน้ำริน ใคร ๆ ก็ไม่อาจเถียง แต่เวลานี้มัวเลือกสิ่งใดได้ ในช่วงที่ใกล้ฤดูร้อน เป็นธรรมดาที่สายน้ำต่าง ๆ บนยอดภูจะหยุดไหล

   ในที่สุดความปรารถนาแห่งใจก็สำเร็จเป็นอัศจรรย์ คำว่ายากของคนอื่น คือคำว่าง่ายของตน สุริยานึกถึงเมื่อครั้ง ได้ข่าวพระพุทธบาทสี่รอยที่อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่..รูปจากอินเตอร์เน็ตส่งผลให้ใจปรารถนา ต่อจากนั้นไม่นานจิตที่ตั้งไว้ด้วยศรัทธาก็มีช่องทางไปถึง.. เมื่อได้จัดทัวร์ไปไหว้พระในคูเมืองเชียงใหม่ จึงเลือกให้พระพุทธบาทสี่รอย พระพุทธบาทรังกาบนยอดเขาอันไกลโพ้นแต่รถเข้าถึงได้เป็นของแถมที่ลูกทัวร์ทั้งหลายรู้สึกยินดีและปลาบปลื้มใจที่เขาได้นำทางท่องเที่ยว นำทางบุญมาสู่..

   “ดูมีความสุข” แสงทองร้องถามเมื่อเห็นใบหน้าของสุริยาสดชื่นแจ่มใส..

   “สมความปรารถนาของคุณแล้ว ผมดีใจด้วย” รุ่งโรจน์เอ่ยขึ้นขณะพากันเดินกลับมาจากสายน้ำรินทางด้านหลังเลยรอยพระพุทธบาทไป..

   อาหารมื้อเช้าในวันนั้นเป็นข้าวเหนียวที่เย็นชืด แต่แสงทองไปหาใบไม้มาห่อและเสียบไม้ปิ้ง..เพื่อให้ได้ความร้อนได้กลิ่นเรียกน้ำลาย

   “เก่งกว่าที่ผมคิดไว้นะสาวน้อยคนนี้” รุ่งโรจน์ชม

   “อยู่แล้วเจ้าคะ...ผู้หญิงคนนี้ยังมีดีอีกหลายอย่าง หากวันหลังอยากได้ร่วมทาง...อย่าลืมโทรชวน”

   “ไปภูกระดึงด้วยกันไหม” รุ่งโรจน์ถามขึ้น..สายตาเป็นประกาย ขณะมองสุริยาและแสงทองที่นั่งเคียงกันบิข้าวเหนียวฉีกเนื้อทอดแบ่งปันกันกิน..

   “รู้สึกเฮียจะมีความหลังที่ภูกระดึงนี่เหลือเกินนะ มันดีอย่างไร บอกหน่อยได้ไหม”..

   “เคยไปกับพี่ชายตอนอายุสิบสามได้มั้ง เป็นครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวแล้วรู้สึกว่ามันลำบากมาก ต้องเดินไต่เขาประมาณนี้แหละ ยากกว่านี้ซิ มีหลายซำ แต่เสน่ห์ของที่นั่น..สมชื่อภูรูปหัวใจ..มีหนุ่มสาวคลอเคลีย มีการช่วยเหลือกัน โรแมนติกซะ บ้างก็รักกันที่นั่น บ้างก็เลิกกันที่นั่น..”

   “อยากหาคนไปลองใจว่างั้นเถอะ”

   “ก็ประมาณนั้น” เจ้าตัวยอมรับหน้าตาเฉย

   “แล้วนึกอย่างไรชวนพวกหนู”

“ก็เราเพื่อนกันไง ก็อยากไปกับเพื่อน แบบชอบลุย บอกตามตรงนะ ผมรู้สึกดีกับคุณสองคนจังเลย..คงเป็นเพราะ..คุณคบผมเหมือนผมเป็นคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งมั้ง..”

   “ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาหาคุณเป็นอย่างไร” สุริยาถามบ้าง

   “มองคุณเป็นเทวดาว่างั้นเถอะ” แสงทองชิงตอบเสียเอง...

   “ประมาณนั้น..”

   “แต่บอกตามตรงนะคุณรุ่งโรจน์..”

   “เรียกผมพี่รุ่งเหมือนกับที่เรียกพี่ยาของคุณก็ได้” รุ่งโรจน์แซวส่งผลให้แสงทองหน้าแดงระเรื่อ

   “ค่ะ..จริง ๆ กลับไปนี่ หนูก็ไม่แน่ใจว่าอยากจะคบกับพี่อยู่อีกหรือเปล่า ณ ปางจันทร์ พี่คือเพื่อนหนูสองคน คนธรรมดา แต่กลับไปแล้ว ไปสู่ถิ่นของพี่ เราย่อมมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน คนในเมืองรู้จักพี่ ทั้งที่ จริง ๆ ไม่อยากรู้จัก พี่ไม่ใช่ดารา แต่พี่ก็คือคนที่อยู่ในแวดวงนั้น คือคนของสื่อ เราสองคน หนูกับพี่สุริยา เดินดินกินข้าวแกง..จะให้ปรับตัวแต่งตัวหรูหราไปนั่งทานเลี้ยงกับคุณพี่ก็เห็นจะไม่ได้”

   “ทำไมเธอดูคิดมากจัง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผม..คุณสุริยา เขายังลิขิตชีวิตที่จะเป็นของตัวเองได้ แล้วทำไมผมจะลิขิตชีวิตตัวเองบ้างไม่ได้..”

   “หนูจะเป็นกำลังใจให้คุณพี่นะคะ..” แสงทองคงแกล้งดักคอ

   “ปีหน้านะ ผมสัญญาว่าเราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่ภูกระดึงด้วยกัน”

   “อย่าสัญญาเลยคุณรุ่ง ชีวิตคนเราเอาแน่ไม่ได้..” สุริยารีบห้าม..

   “เอาแค่กลับไปส่งเงินมาใช้คืนพี่สุริยาของหนูก็พอแล้ว..” แสงทองแกล้งเย้า..ส่งให้อีกคนยิ้มอย่างอาย ๆ ..

   “ถ้าผมไม่เจอคุณสุริยามีหวัง ตายกับตายเป็นแน่ เพราะดูแล้วเจ้าของเกสเฮ้าส์อย่างแสงทองนี่ คงไม่ยอมให้ลูกค้าเอาเปรียบแม้เพียงเล็กน้อย”

   “ไม่ใช่ของหนู หนูเป็นลูกกระจ๊อกเขา ก็ต้องทำตามนโยบาย..แต่ถ้าหนูมีเกสเฮ้าส์เป็นของตัวเองเมื่อไหร่ หนูสัญญาเลย อีกกี่สิบปีก็ตามพี่รุ่ง พี่สุริยา พักฟรีกินฟรีตลอดรายการ”

   “สาธุ..ขอให้ความฝันของเธอเป็นจริง” สุริยาว่าให้

   “แล้วนี่สวดมนต์อธิษฐานจิตเป็นวัน ๆ บอกหน่อยได้ป่ะเรื่องอะไร” แสงทองถามด้วยความข้องใจ

   “จะเรื่องอะไร คนหาเงิน ก็พูดถึงเรื่องงาน เรื่องทัวร์เถื่อนของผม ก็ปรารถนาจะให้เป็นทัวร์ถูกกฎหมาย..ปรารถนามีลูกทัวร์เต็มทุกเที่ยว ได้กำไร ลูกทัวร์ปลอดภัย..คนจัดไม่ถูกตำรวจจับ และที่สำคัญ ให้ได้มีโอกาสเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ในอินเดียโดยเร็วพลันด้วยเทอญ”

   “ความปรารถนาของพี่นี่แต่ละเรื่อง ผิดจากที่เคยได้ยิน”

   “เคยสำเร็จสักเรื่องไหม” ดูรุ่งโรจน์จะสนใจเรื่องพวกนี้อยู่ไม่น้อย..

   “การอธิษฐานกับบนบานมันต่างกัน ผมก็ใช้บุญต่อบุญ ปรารถนาแห่งใจ คุณอยากเป็นอะไรคุณก็คิดและทำเช่นนั้นปล่อย ๆ ใจมีพลังเดี๋ยวมันก็มีช่องทาง..เพียงแต่ช่องทางของผมใช้บุญช่วยเปิดด้วย”

   “เป็นไปได้จริงรึ” รุ่งโรจน์ยังคงซัก

   “ผมเดินมาถึงวันนี้ผมก็ยังงง ๆ ด้วยซ้ำ จะเรียกว่าจับเสือมือเปล่าก็ได้ ผมสึกออกมาไปทำงานบริษัทเป็นเซลแมนขายตรงอยู่พักใหญ่ รู้สึกว่าไม่ใช่ เราไม่ชอบคุยและตามตื๊อคน จึงลาออก ช่วงตกงานผมก็ไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ร้านอาหาร รู้สึกว่าชีวิตทำไมต้องมาคอยส่งเสริมให้คนอื่นทำไม่ดีด้วย”

   “เรื่องเหล้า บุหรี่อีกซิ”

   “หลาย ๆ เรื่อง มีทั้งเรื่องคนเจ้าชู้ ปั้นหน้าเข้าหากัน โกหกโกว่าย รู้สึกอึดอัดคิดว่าเงินไม่ใช่ที่สุดของความสุข ผมก็เลยลาออก แล้วกลับไปหาพระอาจารย์ ท่านบอกว่าเห็นมีคนทำทัวร์แบบนี้ ที่กรุงเทพฯ น่าจะทำได้ ผมก็เริ่ม ๆ ทำ โดยเริ่มชวนคณะญาติโยมที่ศาลาวัดที่ผมไปทำบุญเป็นประจำในวันพระไปไหว้พระ 9 วัดที่อยุธยา ในตอนนั้นผมซื้อหนังสือมาอ่าน มันก็ไม่เหมือนเห็นกับตา ตัดสินใจนั่งรถโดยสารไปหาเช่าจักรยานปั่นรอบเมือง เพื่อสำรวจโดยความรู้สึกของตัวว่าวัดไหนน่าสนใจกว่ากัน”

   “แล้วเป็นอย่างไรจัดครั้งแรก”

   “ผมจัดราคาไม่แพงหรอก นึกสนุก นึกอยากเห็นคนแก่ไปเที่ยวกันบ้าง สังเกตดูคนเหล่านั้น มีเงินแต่ไม่มีใครพาไป พอไปด้วยกันบ่อย ๆ ก็กลายเป็นญาติกันไป เป็นป้าเป็นย่าเป็นยาย ครั้งแรกที่จัดได้กำไรหักจากค่ารถบัสหกล้อ ค่าอาหารเช้าแล้ว เหลือประมาณสองพันบาท ผมก็อาศัยอยู่กับป้าพี่สาวแม่ ป้าแกมาอยู่กรุงเทพฯ นานแล้ว มีบ้านหลังเล็ก ๆ ในชุมชนเกือบจะเรียกว่าสลัมก็ได้ อาศัยซุกหัวนอนไม่เสียค่าเช่า มีก็ช่วยค่าน้ำค่าไฟแก ไม่มีแกก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็อยู่มาได้สองสัปดาห์ หลังจากนั้นก็มานั่งคิดทำเป็นเรื่องเป็นราว..เริ่มหาหนังสือมาอ่าน เริ่มนั่งสมาธิ”

   “นั่งสมาธิ” แสงทองอุทาน

   “ไม่น่าเชื่อ ใช่ไหม บางทีเราก็คิดอะไรดี ๆ ออกมาได้ บางทีสิ่งที่เราคิดได้มันอาจจะไม่ราบรื่นแต่พอเราสวดมนต์และนั่งสมาธิแล้ว ปัญญามันเกิด ปัญหามันก็น้อยลง กำลังใจที่จะสู้มันก็มีมากขึ้น”

   “นับถือ”

   “เมื่อเราไม่ปรารถนาจะเป็นลูกน้องใคร เราปรารถนาเป็นนายตน เราก็ต้องสู้ สู้ยิบตา ..ผมจึงบอกว่าอธิษฐานจิต ถ้าทำเป็นมันก็มีจริง ๆ จากลูกทัวร์หนึ่งศาลาวัด ผมเริ่มทำใบปลิว ไปยืนแจกที่หน้านิคมอุตสาหกรรมประมาณบนสะพานลอยคนผ่านไปมาก็จัดแค่ไหว้พระอยุธยากับอ่างทองนั่นแหละสัปดาห์เว้นสัปดาห์รับลูกทัวร์จำนวนจำกัดแค่รถบัสเดียวเพราะทำคนเดียว”

   “หัวละเท่าไหร่”

   “400 บาท ถูกไหมล่ะ อาหารเช้าอีกมื้อ”

   “แล้วใครบรรยาย คุณเป็นไกด์ด้วยซิ”

   “ครับ เป็นไกด์ ตอนอยู่วัดเคยเป็นอาจารย์สอนนักธรรมตรี โท เอก เคยเทศน์ก็หยิบบุญเก่าตรงนั้นมาใช้ ประวัติศาสตร์บวกพิธีกรรมทางศาสนาบวกกับวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรม..ทำให้ผมมีงานคือการค้นหาข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ เงินทองที่ได้มาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับค่าหนังสือและค่าสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวบนผืนแผ่นดินนี้”

   “แล้วทางบ้านคุณไม่ว่าอะไรรึ”

   “บุญของผมมั้ง ป้าแกเข้าใจ ว่าชอบอะไรก็ทำตามนั้น”

   “ถ้ากลับไปผมขอไปเที่ยวด้วยคนได้ไหม” รุ่งโรจน์ถาม

   “ได้สิ แต่จริง ๆ ถ้ามีคนสนิทกันจริง ๆ ขึ้นทัวร์มาด้วย ผมก็เขินเหมือนกันนะ เพราะบางทีความเงียบนี่คือเรา แต่ขึ้นไปทำหน้าที่ตรงนั้นแล้ว มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ อารมณ์นั้นก็ต้องเฟ้นปัญญากลั่นถ้อยคำเรื่องบุญผสมกับเรื่องประวัติศาสตร์ให้มันสนุกสนาน เรื่องนี้ผมก็อธิษฐานจิต ขอบุญบารมีของพระพุทธเจ้าช่วยให้ดวงปัญญาเกิด เพราะเจตนาของเราดี ปรารถนาเผยแผ่ธรรม อาชีพเกื้อกูลกับพระศาสนา”

   สุริยาเล่าเรื่องของตนอย่างไม่ปิดบัง โดยมีคนสองคนที่มาจากคนละที่ตั้งใจฟังประหนึ่งว่า ฟังพระเทศนาเรื่องอานิสงส์แห่งอธิษฐานจิต

   “ถ้างั้น เดี๋ยวหนูขอกลับไปที่รอยพระบาทอีกครั้งนะ ขออธิษฐานใหม่”

   “เมื่อเช้าอธิษฐานว่าอะไร” สุริยาถาม

   “ก็ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีแต่คนรัก มีเงินใช้ มีการงานดี ๆ มั่นคง”

   “ทำอะไรถึงจะเรียกว่ามั่นคง”

   “เรียนจบสื่อสารมวลชนก็ปรารถนาจะทำงานด้านขีด ๆ เขียน ๆ แต่จริง ๆ ก็ไม่ค่อยชอบไปสาระแนเรื่องชาวบ้านหรอก อยากแค่เป็นคนเขียนหนังสือ บรรยายความรู้สึกนึกคิดผสมจินตนาการสะเปะสะปะ”

   “แล้วฝึกบ้างหรือยัง”

   “ฝึกซิ เขียนไดอารี่ทุกวัน เมื่อคืนก็เขียนนะ เขียนว่า วันนี้เหนื่อยจังเลย เพราะพี่สุริยาแท้ ๆ เชียว ฉันถึงได้ขึ้นมาบนนี้อีกรอบ”

   “แล้วทำไมต้องสุริยาด้วย” รุ่งโรจน์ยังซัก

   “ไม่มีใครปรารถนาจะมาบนนี้หรอก คนแรกในรอบที่เกิดแล้วย้ายมาอยู่ที่ปางจันทร์ ก็เลยอยากจะทำให้ความฝันเขาเป็นจริง”

   “อนุโมทนาบุญกับเธอด้วยแล้วกัน” สุริยายกมือพนม..

   “หมายความว่าไง” รุ่งโรจน์ทำหน้าสงสัย

   “ถ้าผมไม่ได้แสงทองช่วย ผมก็ขึ้นมาทำบุญบนนี้ไม่ได้ ผมคิดว่าผมมาที่นี่ผมได้บุญ แสงทองก็ได้บุญที่ช่วยผม ผมก็ปลื้มกับผลบุญอันนั้นของเธอ..ก็บอกว่าขออนุโมทนาบุญด้วยนะ คือรู้ว่าเธอทำบุญ ยินดีด้วยประมาณนั้น”

   “งั้นผมก็พูดคำนั้นได้ใช่ไหม..อนุโมทนาบุญกับคุณทั้งสองคนด้วยนะ ที่พาผมขึ้นมาบนนี้ได้”

   “สาธุ..สาธุ”

   “อย่ามัวบุญบาปกันอยู่เลย รีบเก็บของเถอะ เดี๋ยวจะมืดระหว่างทาง ขี้เกียจนอนหนาวอีกคืน”

   พอแสงทองพูดเช่นนั้น วงสนทนาจึงยุติลง ต่างคนต่างเก็บสัมภาระของตนเงียบ ๆ จนกระทั่งสุริยาเอ่ยขึ้นว่า

   “แสงทอง พรุ่งนี้ พี่กับพี่รุ่งโรจน์คงต้องกลับกรุงเทพฯ กันแล้วนะ เธอจะกลับด้วยกันไหม”

   พอสุริยาพูดจบ ดูมือไม้ของแสงทองอ่อนในทันที หน่วยตามีน้ำตาคลอ หญิงสาวตอบว่า “จ้ะ” คำเดียวแล้วหันหลังเก็บของเงียบ ๆ

   “เป็นอะไรตัวดี” เหมือนรุ่งโรจน์จะรู้ว่าอีกคนมีน้ำหูน้ำตา

   “เปล่า..ก็แค่”

   “เดี๋ยวเราก็เจอกันอีก พี่สัญญาว่าจะพาเธอทั้งสองคนไปเที่ยวในป่าคอนกรีตบ้าง”...

   “จริง ๆ นะ” ว่าแล้วคนเก่ง ก็มีน้ำหูน้ำตาไหลพราก ๆ ทีนี้ร้อนถึงรุ่งโรจน์ที่ต้องเดินเข้าไปใช้ฝ่ามือลูบไปที่เรือนผมดำขลับ สาวเจ้าเช็ดน้ำตาก่อนจะบอกว่า


   “หนูก็เป็นอย่างนี้ทุกที อยู่ใกล้ใครนาน ๆ ไม่ค่อยได้ มันจ้องแต่จะผูกพัน เด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นก็งี้แหละ อย่าถือสาหนูนะ”

   รุ่งโรจน์ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม ๆ แล้วมองมาทางสุริยาแล้วยิ้มน้อย ๆ สื่อให้รู้ว่าเขาก็รู้สึกใจหายไม่ต่างกับแสงทองเหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2011 07:39:24 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตอนที่ 5 อยากให้&#
«ตอบ #28 เมื่อ16-04-2011 07:42:16 »

พระอาทิตย์ที่ทอแสงเจิดจ้าขับไล่ความหนาวเหน็บในค่ำคืนไปจนหมดสิ้น ความอบอ้าวในราวป่าทวีความรุนแรงจนเหงื่อของคนทั้งสามโทรมกาย เมื่อครั้งเดินขึ้นรู้ว่าเหนื่อยที่หัวอก แต่เมื่อเดินลงอาการกลับเป็นว่าเจ็บที่น่อง หัวเข่าและปลายเท้า..เพราะรองเท้า ซึ่งเวลาเดินลงปลายนิ้วเท้าจะไปกระแทกกับขอบยางด้านใน..


   “ถอดออกแล้วถือเอาซิพี่รุ่ง” แสงทองร้องบอก

   “กลัวหนาม”


   “งั้นพี่ก็ใส่ถุงเท้าเดินเอาแล้วกัน ไปถึงบ้านก็ทิ้งซะ ตอนนี้เอาชีวิตให้รอดก่อน” รุ่งโรจน์ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น เพียงฝืนสังขารเดินโขยกเขยกเกาะแขนสุริยาไปเรื่อย ๆ



   “นี่ถ้าพี่รุ่งเป็นผู้หญิงหนูคงได้เข้าไปตบเพราะทำท่าสำออยเหลือเกิน” น้ำเสียงแสงทองหยอกเย้าส่งผลให้สุริยาส่งสายตามาปราม เจ้าคนปากไม่มีหูรูด

   ระยะทางจากยอดภูถึงหลังวัดเท่ากับทางเดินขึ้นไป แต่เวลาที่ใช้น้อยกว่า ด้วยกะย่องกะแย่งไต่หินลงมาบ้าง วิ่งพรวดพราดไถลจากเขาลงมาบ้าง ที่กะไว้ว่าจะถึงราวบ่ายสี่ถึงห้าโมงเย็นก็เหลือเพียงบ่ายสาม พอมาถึงวัด สองหนุ่มก็นั่งหอบแฮ่ก ๆ ส่วนสาวแสงทองขอไปพบเจ้าอาวาสเพื่อขอยืมโทรศัพท์กลับไปหาคนที่บ้าน

   สักพัก หญิงสาวก็เดินหน้าเสียกลับมา

   “ลุงกับป้ากลับจากฮ่องกงก่อนกำหนด ตายห่าแล้วหนู ทำไงดีล่ะ โอ๊ย..อยากตาย”

   ดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหญิงสาว

   “เธอจะแก้ตัวว่าอย่างไร”

   “ก็คงบอกว่า พี่สองคนว่าจ้างหนู ให้หนูพาขึ้นไปไหว้รอยพระบาทแล้วกัน”

   “แต่ความจริง เธอพาไปฟรีไม่ใช่รึ” รุ่งโรจน์ได้ทีแกล้งรวน

   “สมมุติเอาตัวรอดเจ้าค่ะ ถ้าไม่บอกอย่างนี้ รับรองหนูโดนแน่”

   เมื่อรถมอเตอร์ไซค์จากที่บ้านมารับ แสงทองจึงถือเฉพาะกระเป๋าตนไป ส่วนของสองหนุ่มให้หิ้วกันไปเอง..สุริยาหันมาหัวเราะกับรุ่งโรจน์

   “ดูมันเหอะ ตอนมาเป็นอีกอย่างตอนกลับเป็นอีกอย่าง”

   ว่าแล้วสองหนุ่มก็เดินขากระเผลก ๆ กลับที่ทิพย์อาภาเกสเฮ้าส์โดยไร้เสียงเจรจา เพราะใจก็จดจ่ออยู่ว่า แสงทองจะถูกตำหนิเรื่องอะไรบ้าง

   พอเดินถึงบ้าน รีบผลุบเข้าห้องพัก ปิดประตูแต่ก็ได้ยินเสียงของคนเป็นป้าเป็นแน่ ที่บ่นหลานสาวตัวดี..

   “ป้าบอกแล้วใช่ไหมว่ารถไม่ให้ใครเช่า มันเคยมีฝรั่งมาทำล้มไปทีหนึ่งแล้ว เพราะถนนที่นี่ไม่ค่อยดี..แล้วเรื่องขึ้นเขานี่งามหน้าไหมล่ะ..ไปกับผู้ชายถึงสองคน นี่ถ้าชาวบ้านเขารู้ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน..”

   ไม่มีเสียงต่อปากต่อคำ เจ้าตัวคงจะใช้ความนิ่งสยบอารมณ์หงุดหงิด..

   “ถ้าป่าไม้จับพวกเธอฐานละเมิดกฎหมายอีก ฉันไม่ต้องไปประกันตัวออกมาอีกรึ..ทีหลังอย่าเด็ดขาดนะเรื่องพาคนขึ้นไปข้างบนยอดเขา ทั้งสัตว์ป่า ทั้งไข้ป่า เดี๋ยวได้หามศพลงมากันหรอก..เธอนี่เสียแรงที่ไว้ใจ เห็นโตเป็นสาว บ้านช่องก็ปล่อยให้อีพวกนี้ดูแล มันจะ
ไปรู้เรื่องอะไร มีแขกมาพัก มันคงได้เจรจาไล่ออกจากบ้านไปหมด”

   สองหนุ่มมองหน้ากัน รู้สึกสงสารสาวแสงทองอยู่ไม่น้อย

   รุ่งโรจน์ถอนหายใจออกมา

   “ผมโชคดีนะ เกิดมามีแต่คนมาพินอบพิเทาอยากได้อะไรบางทีเพียงแค่คิด สิ่งเหล่านั้นก็ลอยมาตรงหน้า ส่วนพวกคุณต้องลำบากลำบน”

   “คุณเป็นคนมีบุญ สร้างบุญเก่าไว้ดี มาชาตินี้จึงสบาย”

   รุ่งโรจน์ถอดรองเท้าถุงเท้าถอดเสื้อและกางเกงเหลือเพียงกางเกงในตัวจิ๋ว ก่อนจะดึงผ้าขนหนูผืนเล็กมานุ่งหลวม ๆ ขณะนั่งคุยกับอีกคนที่กำลังรื้อสัมภาระจากเป้ใบที่หิ้วไปบนภู มาจัดเรียงใหม่

   “ใคร ๆ ก็บอกผมอย่างนั้นคุณสุริยา แต่ความทุกข์ของคนมีเงินมันก็มีเหมือนกันนะ วัน ๆ คุณพ่อคุณแม่คิดแต่จะทำอย่างไรให้มีทรัพย์สมบัติเพิ่มพูนกว่าที่มี ทำอย่างไรจึงจะอยู่อย่างมีหน้า มีตา มีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นที่กล่าวขานในวงสังคม พยายามผลักลูก ๆ ให้เป็นข่าว เป็นคนในแวดวงไฮโซ โดยเฉพาะผม ลูกชายคนเล็ก คุณแม่พยายามที่จะปลุกปั้นให้เข้าสู่วงการมายา แต่ผมไม่ปรารถนาชีวิตแบบนั้น ผมอยากเป็นคนธรรมดา..เดินไปไหนมาไหนคิดจะทำอะไรโดยไม่มีสายตาใคร ๆ มาจ้องมอง”

   “วันนี้เห็นคุณจะทำอย่างนั้นได้ยาก”

   “เมื่อผมทำแบบนั้นในสังคมที่พวกคุณเป็นอยู่ไม่ได้ ผมก็ต้องหันไปคบกับเพื่อนที่มีความคิดเหมือนกัน อยู่ในวงสังคมเดียวกัน หรูหรา ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อกับความทันสมัยของโลก ที่ผมโยนโทรศัพท์ทิ้ง ผมอยากจะบอกให้โลกรู้เหมือนกันว่า บางทีมันก็ทำให้เราเป็นทุกข์ได้ จริง ๆ กับน้องแอนนี่ ผมไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรเจ้าหล่อนหรอก คบหากันก็เพราะ คุณแม่ท่านขอร้อง จ้างแม่แอนนี่ให้มาควงกับผมด้วยซ้ำและจุดจบมันก็เป็นอย่างที่คุณรู้  ตามข่าวเลิกรักกัน ทั้งที่ความจริง ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงลักษณะนั้น เธอก็ดีในแบบของเธอ ในแบบคนในวงการมายา”

   เป็นครั้งแรกที่รุ่งโรจน์หลุดปากบอกเล่าความในใจตน

   “กลับไปนี่คุณพ่อคุณแม่ของคุณจะทำอย่างไรกับคุณอีก”

   “บางเรื่องท่านก็ตามใจ ผมไม่ต้องทำงานอะไรหรอก มีหน้าที่เพียงไปเข้าหุ้นกับลูก ๆ นักธุรกิจไฮโซด้วยกัน เปิดร้าน เปิดบริษัทเล็ก ๆ พอให้เป็นข่าวก็เท่านั้น เรื่องกำไรขาดทุนไม่เห็นท่านสนใจ จริง ๆ บางทีพวกเราเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องกำไรขาดทุน ทำแค่ให้คนพอรู้ว่า มีอาชีพนะใช้มันสมองที่ร่ำเรียนมานะ ไม่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่เที่ยวกินใช้เล่นไปวัน ๆ ..แต่จริง ๆ ก็เป็นเช่นนั้น ส่วนน้อยที่ขยันทำมาหากินเป็นเรื่องเป็นราว”

   “อิจฉาชีวิตคุณจัง” พูดพลางเปิดหนังสือคู่มือท่องเที่ยวไทยไปกับนายรอบรู้ของสำนักพิมพ์สารคดีเรื่องจังหวัดเชียงใหม่ไปด้วย

   “คุณสุริยา” รุ่งโรจน์ลุกจากเตียงลงมานั่งขัดสมาธิอยู่เคียงกันก่อนดึงหนังสือจากในมืออีกคนมาถือไว้ สุริยาหันมาสบตา เห็นประกายแห่งความมุ่งมั่นของอีกคน

   “ผมจะช่วยคุณ ผมจะทำให้ความปรารถนาของคุณสำเร็จ ผมชอบนิสัยคุณ”

   สุริยาหน้าแดง เมื่ออีกคนชมซึ่ง ๆ หน้า

   “ขอบคุณครับ..แต่ผมคงไม่เก็บมาใส่ใจจนกว่าคุณจะได้ลงมือทำเช่นนั้นแล้ว”

   “คุณกับแสงทองนี่ มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันนะ เนื้อคู่กันละมั้ง”

   สุริยาไม่ตอบเพียงลุกขึ้นแล้วดึงมืออีกคนให้ลุกขึ้นตาม หลังจากนั้นก็ส่งถุงสบู่ แชมพู ยาและแปรงสีฟันให้

   “รีบไปอาบน้ำเถอะ..เดี๋ยวเย็นกว่านี้อากาศจะหนาว”

   “หนาวก็ไม่เป็นไรเพราะผมมีคุณเอาไว้นอนกอดทั้งคน”

   ว่าแล้ว รุ่งโรจน์ก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้สุริยางุนงงกับคำพูดนั้น
   


   ค่ำวันนั้นสุริยาเดินไปที่เคาน์เตอร์ทิพย์อาภาเกสเฮ้าส์ เคลียร์ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งของตนและของรุ่งโรจน์ ด้วยมีสายตาของคนเป็นป้า มองอยู่ใกล้ ๆ คนที่ทำหน้าที่ตรงนั้น หน้าเรียบเฉยคล้ายคนไม่รู้จักกัน หลังจากคิดค่าใช้จ่าย สุริยาก็ส่งแบงก์พันไปให้ แต่เงินทอนที่ได้รับกลับมามีโน้ตสั้น ๆ บอกว่า ไม่สะดวกคุยด้วย และมีเบอร์โทรมือถือของเจ้าตัว อยู่ตรงตอนท้าย

   “ขอบใจเธอมากนะ มีอะไรโทรไปหาแล้วกัน” สุริยาควักนามบัตรส่งให้อีกคน ขณะจะหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้อง เขาก็ได้ยินเสียงคนเป็นป้าหญิงสาวพูดว่า

   “ถ้าเธอท้องขึ้นมา หนึ่งในสองคนนี่แหละต้องรับผิดชอบ”

   “โธ่ ป้าเชื่อใจหนูเถอะ ไม่มีอะไรจริง ๆ เขาเป็นแค่ลูกทัวร์เท่านั้น”

   ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา เกือบไปแล้วไหมล่ะ เรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นบ้านนอก หากผู้ใหญ่ต้องการอะไรจะเกิดขึ้นก็ได้ บางทีอาจถึงผูกข้อไม้ข้อมืออยู่กินเป็นผัวเมีย เพราะถือว่าหนีตามกันไป โชคดีที่มีรุ่งโรจน์ไปด้วย ไม่งั้น เขาคงได้พาสาวแสงทองกลับไปแนะนำให้ป้ารับรู้ว่านี่เป็นหลานสะใภ้ จะว่าไปหน่วยก้านของสาวเจ้าก็ใช่จะมีที่ติ หากได้เป็นคู่ตุนาหงัน คงไม่ขายหน้าใคร แต่สัมพันธ์ที่มีให้กันวันนี้มันแค่คนเพิ่งรู้จัก

   เมื่อกลับถึงห้อง พบอีกคนนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ช่วงตั้งแต่ลงจากยอดภู สุริยาไม่เห็นว่ารุ่งโรจน์สูบบุหรี่อีกเลย ครั้นจะถาม ก็คงไปกระตุ้น ให้รู้สึกอยาก จึงได้สงบปากและนั่งลงตรงปลายเตียง ก่อนจะยื่น เบอร์โทรของแสงทองให้

   “ผมบันทึกไว้ในเครื่องแล้ว คุณจะเอาไปไหม เผื่อคิดถึงสาวน้อยร้อยชั่งนามแสงทองจะได้โทรหา”

   รุ่งโรจน์รับมาถือไว้..

   “จริง ๆ เธอสวยน่ารักนะ ถ้าแต่งเติมอีกนิดเดียว เธอเป็นดาราได้เชียว แต่สำคัญเสียตรงปากนี่แหละ คิดอะไรคงไม่เคยเก็บไว้หรอก พูดออกมาทั้งหมด เป็นแบบนี้ก็ดีไม่มีเรื่องอึดอัดใจ แต่ที่สำคัญนะ เธอพูดแต่เรื่องจริงด้วยซิ”

   “เมื่อกี้ คุณป้าเธอเปรยมาว่า ถ้าแสงทองท้องขึ้นมา เราสองคนนี่แหละ หนึ่งในสองที่ต้องรับผิดชอบ”

   รุ่งโรจน์เบ้หน้าเมื่อได้ยินประโยคนั้น

   “เธอคงไม่ได้ท้องหรอก เพราะเรานอนอยู่ด้วยกันทั้งคืน”

   น้ำเสียงคล้ายจะแหย่เย้าให้อีกคนได้อาย และยังไม่ทันที่สุริยาจะลุกขึ้นสุดตัว รุ่งโรจน์ก็ดึงแขนข้างหนึ่งไว้จนกระทั่งเสียหลักล้มลงมาทับที่ยอดอก

   “มีอะไรอีก” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่า อย่าเล่นแบบนี้

   “คืนนี้ไม่ต้องนอนที่พื้นหรอก นอนบนเตียงด้วยกันนะ อุ่นดี”

   สุริยาไม่ตอบว่าอะไร เพียงแต่ดันตัวลุกขึ้นด้วยรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นไม่เป็นปกติอีกแล้ว
   


   เสียงสัญญาณปลุกในโทรศัพท์มือถือบอกเวลาว่าตีห้าแล้ว สุริยาตื่นขึ้นมากดปุ่มปิดเสียงแล้วก็หลับตานอนฝันหวานต่อ สักพัก มันก็แผดเสียงรบกวนอีกรอบ คราวนี้ต้องสะดุ้งโหยง เพราะใกล้เวลาที่รถจากปางจันทร์ไปฮอดเที่ยวเช้าจะออก ถ้าพลาดจากเที่ยวนี้มีอีกทีก็เกือบสี่โมงเช้า เสียเวลาอย่างแน่นอน

   เมื่อเป็นดังนั้นจึงหันไปปลุกคนคล้ายกับว่าหลับฝันดี ซึ่งนุ่งกางเกงในตัวจิ๋วขดตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่น

   “คุณรุ่งตื่นเถอะ ใกล้เวลารถออกแล้ว ต้องรีบไปนะครับ”

   พูดจบก็รีบกระโดดลงจากเตียง บิดกายยืดเส้นไล่ความง่วง

   รุ่งโรจน์มีอาการงัวเงีย และก็เป็นดั่งเช้าวันก่อน คือชูมือขึ้นมาให้อีกคนดึงให้ลุกนั่ง พอลุกนั่งได้ก็ โผเขากอดที่เอวของสุริยาแถมมีใบหน้าถูไปที่เนินท้องราบ จนคนยืนข้างเตียงอยู่รู้สึกเสียวซ่าน แต่ก็แข็งใจพูดออกไปว่า

   “อย่ามัวเล่น.. เร็ว..ลุกขึ้น” แกะมืออีกคนหนึ่งออก รีบเปิดประตูไปเข้าห้องน้ำ นั่งทำธุระอยู่ได้ยินเสียงอีกคนเดินออกมาล้างหน้ากับอ่างด้านนอกก็สบายใจว่าถึงฮอดทันเวลาต่อรถไปกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน

   นึก ๆ ไปแล้วก็ใจหายอย่างที่แสงทองเป็น..

   มีพบ มีผูกพัน มีพลัดพราก..

   ท่านว่าเป็นทุกข์...เป็นทุกข์จริง ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2011 07:48:08 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณจากทุก  ๆ  กำลังใจนะครับ ตัวผมเอง เคยบวชเรียนมาครับหลายปีเหมือนกัน เรื่องนี้  เขียนหลังจากสึกมาแล้ว อยากตอบแทนคุณศาสนา ในอีกมุมหนึ่ง ตอนแรกก็ไม่ได้จะให้เรืองเป้น y ตอนนั้น เรื่องพวกนี้ก็ยังไม่เปิดกว้างด้วย แต่พอเขียนไปได้ตอน ..มันเลยเถิดไปได้ไงหว่า..(คริคริ))) ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ เป็นงานเขียนสำนวนเก่า ๆ ครับ จุ๊บ ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด