
ตอนที่
23.
พะเยาเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งแห่งล้านนาไทย เดิมมีชื่อว่า “ภูกามยาว” ซึ่งแปลว่า “หมู่บ้านดอยยาว” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1638 โดยพ่อขุนศรีจอมธรรม กษัตริย์แห่งราชวงศ์ลัวะจังคราชหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเจริญรุ่งเรืองสูงสุดปกครองโดยพ่อขุนงำเมือง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองตามอิทธิพลของอาณาจักรต่าง ๆ ที่ผลัดกันมีอำนาจในดินแดนแถบนี้ จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพะเยา และวันที่ 28 ส.ค.20 จึงได้จัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย
ในเวลาราวบ่ายสองโมง รถคันที่คนบนรถเพิ่งปรับความเข้าใจกัน เริ่มแล่นเข้าสู่ตัวเมือง ขณะนั้นมีขบวนแห่ศพไปที่ป่าช้า ขวางอยู่ข้างหน้า รถทั้งขาขึ้นขาล่องต้องหยุด เพื่ออำนวยความสะดวก..
สุริยามองภาพตรงหน้าแล้วก็อดที่จะเล่าตามประสาที่ชอบใคร่รู้เห็นไม่ได้..
“ไม่เหมือนภาคกลางหรอก เขาจะมีป่าช้ากลาง..หลาย ๆ หมู่บ้านจะมาเผาที่เดียวกันไม่เผาในวัด”
“พี่ยานี่รู้ทุกอย่างเลยเนอะ” แสงทองชม..แต่รุ่งโรจน์เย้าว่า
“เขาเรียกว่าแสนรู้ใช่ป่ะ”
“นั่นมันใช้กับหมา..” สุริยาเริ่มมีอารมณ์นิด ๆ เมื่อถูกรวนด้วยคนที่เพิ่งออกฤทธิ์ออกเดชจนต้องเดินผ่าสายฝนไปตามรถ ด้วยเหตุนั้นทำให้ขณะนี้สุริยาจึงเริ่มมีน้ำมูกฟุด ๆ ฟิด ๆ
“แดดก็บ่ฮ้น ฝนก็บ่ฮัม จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด จึงได้พระนามว่า งำเมือง” แสงทองรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยคงรำคาญที่จะต้องเห็นผู้ชายสองคนงอนเง้ากัน..
“ที่ตากมีพระเจ้าตาก ลำพูนมีพระนางจามเทวี เชียงใหม่ มีอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เชียงรายมีพ่อขุนมังราย..ที่ไหนอีก..”
“เพชรบูรณ์มีพ่อขุนผาเมือง สุโขทัยมีพ่อขุนรามคำแหง พิษณุโลกมีสมเด็จพระเนรศวรมหาราช ลพบุรีมีพระนารายณ์มหาราช โคราชแม่ย่าโม อยุธยาของแท้มีเพียบเลย..สิงห์บุรีมีคนบางระจัน..ใช่แล้วพี่รุ่งเราเอาบุคคลสำคัญแต่ละจังหวัดมาเล่นทายปัญหาก็ได้นี่ แบบฝั่งหนึ่งต้องนึกให้ออกชื่อหนึ่งห้ามซ้ำกันโอเคไหม”
“คุณสองคนเก่งกันจังเนอะ รู้ไปหมด..”
“อาชีพนี่คะ..ต้องขวนขวายให้รู้ให้รอบจะได้มีเรื่องไปเล่าได้เยอะ..แต่ก็อดนึกไม่ได้นะมันสะเทือนใจหน่อย ๆ นะ เวลาเห็นประวัติราชวงศ์เก่า ๆ ที่ลบหายไป..เหลือเพียงร่องรอยให้คนสงสัย”
“ยึดไว้มันก็เป็นทุกข์ ก็มีเยอะแยะที่คนไปติดอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ติด ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข พอเสื่อมแล้วทำใจไม่ได้เป็นบ้าเป็นหลัง..สมบัติผลัดกันชม บางสิ่งบางอย่างเป็นบริวาร เป็นสหชาติ เป็นเกียรติรัศมีบุญบารมีของพระมหากษัตริย์องค์นั้น เมื่อถึงคราวท่านสิ้น..สิริก็อันตรธานหายไป..เพราะคนที่มาต่อบางทีบุญก็ไม่ถึงที่จะได้ใช้..” สุริยาต่อให้อีกนิด
“พี่รุ่งนี่ก็คงบุญเยอะเนอะ”
“อ้าวทำไมมาลงที่ผมได้ล่ะ” โดยส่วนตัวนั้นรุ่งโรจน์ไม่ใช่คนชอบอวด ในความมั่งมีของตน สุริยาแทบไม่ได้ยินรุ่งโรจน์เอ่ยถึงเรื่องเมืองนอก หรือวงศ์ตระกูลหรือธุรกิจของทางบ้านให้ได้รับรู้..
นี่จึงเป็นอีกเหตุที่ทำให้สุริยารู้สึกว่าได้เจอะกับคนดีมีคุณค่าแก่การฝากหัวใจไว้
“ข้อดีของพี่รุ่ง คือรู้ทุกอย่างแต่ไม่ชอบอวดว่ารู้” แสงทองชมเหมือนรู้ใจสุริยา
“ว่าคุณสุริยาหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ยังชวนคุยพาดพิงถึงคนที่เพิ่งคืนดีกัน..สุริยารู้ว่ารุ่งโรจน์ต้องการได้ทั้งตัวและหัวใจ...
“พี่ยาเขาแสดงความรู้ในแบบวิทยาทาน ไม่ได้พูดในลักษณะยกตนข่มท่าน มันชวนฟัง” แสงทองเองก็ปัญญาดีใช่ย่อย..
คุยกันได้สักพักรถก็แล่นไปถึงวัดอนาลโย ดอยบุษราคัม พอจอดรถ ทั้งสามคนก็ตรงรี่ไปที่หอพระแก้วซึ่งประดิษฐานพระแก้วมรกต พระบุษราคัม พระเงิน พระทอง และพระนาค..สำรวมใจให้สงบระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัยกราบสักการะพระองค์สำคัญในสถานที่ระลึกนึกถึงบุญคุณของผู้ที่ทำการก่อสร้างไว้..แล้วก็เดินไปจุดชมวิว ดูเมืองพะเยาในมุมสูง..เห็นกว๊านพะเยาและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นไกล ๆ ลงจากดอย คนขับก็พาเข้าเมืองไปสักการะพ่อขุนงำเมือง แล้วเลยไปหาร้านหนังสือ แล้วรุ่งโรจน์คนน่ารักคนเดิมก็กลับมา ชายหนุ่มให้สุริยาและแสงทองเลือกหนังสือที่ถูกใจแล้วเขาก็เป็นคนจ่ายให้..
“มากไปมั้ง”
“เหอะ..มันมีประโยชน์ต่อพวกคุณกับผมด้วย คุณอ่านแล้วก็มาเล่า ผมก็ได้ความรู้โดยไม่ต้องอ่านไม่ดีรึ..” สุริยาคว้าหนังสือนวนิยายเวียงกุมกาม เขียนโดยคุณทมยันตีมาหนึ่งเล่ม..อยากรู้ว่าข้างในจะบอกเล่าอย่างไร..ออกจากร้านหนังสือรถคันโก้ก็มุ่งตรงไปที่วัดศรีโคมคำ ตั้งใจไปสักการะพระเจ้าตนหลวงพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตามธรรมเนียมของตน คือถ้าถึงจังหวัดนั้น ต้องถึงศูนย์รวมใจคนในจังหวัดด้วย..
“ตกลงคืนนี้เราจะนอนกันที่ไหน” รุ่งโรจน์ถามขึ้นเมื่อรถแล่นออกจากวัดจอมทอง มุ่งไปวัดศรีอุโมงค์คำสักการะพระเจ้าล้านตื้อ พระเจ้าแสนแซ่ หรือหลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์..
“พี่อยากไปนอนที่เชียงของใช่ไหม” แสงทองอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
“แต่หนูอยากไปภูชี้ฟ้า..แต่มันก็เสียเวลา”
“ขึ้นตอนเย็นก็ได้นี่ พวกเราแค่ไปเห็นลู่ทางก็พอแล้วตอนจัดทัวร์มาค่อยว่ากันอีกที” เป็นความเห็นของสุริยา..รุ่งโรจน์หันมามองหน้า..ประมาณว่านี่กะเอาให้คุ้มทั้งวันเลยรึ..
“อย่างงั้นก็ได้ ออกจากวัดจอมทอง แล้วก็ขับรถไปทางดูน้ำในกว๊านหาอะไรอร่อย ๆ ปลา ๆ กิน แล้วมุ่งไปอำเภอเชียงคำ พระนั่งดิน วัดนันตาราม..น้ำพุร้อนภูซาง แล้วก็ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง เชียงของ..กว่าจะถึงก็ค่ำพอดีซะละมั้ง..”
“ดึกเลยละมั้ง”
และเป็นก็จริงอย่างที่คนขับรถว่าไว้ พอรถวน ๆ เวียนขึ้นเขาทางกิ่งอำเภอภูซางถึงท่าจอดรถที่ภูชี้ฟ้า พระอาทิตย์ก็จวนเจียนจะลับขอบฟ้าพอดี และโอกาสเช่นนี้ก็ถูกอกถูกใจแสงทองยิ่งนัก..ระยะทาง700 กว่าเมตรเดินขึ้นบนภูชี้ฟ้า หญิงสาวเดินนำหน้าเร็วรี่ แล้วก็รีบหันกลับมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ดวงสีแดงฉ่ำด้วยต้องการทำเวลาแข่งกับพระอาทิตย์ลับฟ้า..จนกระทั่งมาสะดุดหกล้มไม่เป็นท่า..สุริยารีบส่งมือมาคว้าพยุงให้ลุกขึ้น..
“ดีนะ กล้องไม่เป็นไร” รุ่งโรจน์แกล้งเย้า..
“มันต้องดีนะ ที่หนูไม่เป็นไร..โกรธนะ..” โกรธแล้วก็รีบเดินหนีขึ้นยอดภู โดยไม่เหลียวหลังดั่งเก่า..
“ถ้ามาตอนเช้าคงจะดีกว่าตอนเย็น..คงหนาวเย็นและก็มีทะเลหมอก..” สุริยาชวนคุย
“รึอยากนอนที่นี่” รุ่งโรจน์ดูจะตามใจ..พูดถึงเรื่องนอน สุริยาจึงเร่งฝีท้าวหนีนิดหนึ่งด้วยยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการกระทำของรุ่งโรจน์เมื่อคืนวาน
เมื่อเดินไปทันกันรุ่งโรจน์ก็คว้าหมับที่หัวไหล่โอบบ่าแล้วเดินไป ถ้าคนอื่นมองไกล ๆ คงเป็นลักษณะเพื่อนชายสนิทสนมกัน..
“ยังไม่หายโกรธผมอีกรึ”..น้ำเสียงรุ่งโรจน์ออดอ้อน..
“โกรธอะไร?” สุริยาเดินตัวแข็งทื่อทำไม่รู้ไม่ชี้..
“เรื่องเมื่อคืน”
“ไม่โกรธ ...แต่ไม่ชอบ” น้ำเสียงของสุริยาจริงจังเพื่อปิดกั้น ขัดขวางใจรุ่งโรจน์ไม่ให้เริงรื่น แต่รุ่งโรจน์เองก็ดูเหมือนจะยอมแพ้กับหมากแห่งรักที่เดินไปแล้วไม่ได้เช่นกัน
“ผมจะทำให้คุณชอบสักวัน และวันนั้นคุณนั่นแหละจะเป็นคนเริ่มต้นเสียเอง..” พูดจบเขาก็ปล่อยมือ ปล่อยให้สุริยาเดินนำออกหน้าแล้วก็ร้องเพลง คนไม่มีแฟน ของพี่เบิร์ดให้ฟังเพลิน ๆ ไปด้วย..
เมื่อได้ยินเสียงเพลง ที่ตนก็ชอบทำให้สลดใจวูบทันที..แต่สุริยาก็ไม่ได้เดินรอให้รุ่งโรจน์เดินมาทันบอกเล่าความในใจใด ๆ อีก..สุริยาคิดแต่ว่าต่อไปต้องระวังดูระยะห่างให้เหมาะสม..
บนยอดภู มองออกไปทางทิศตะวันออกเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา เบื้องลึกลงไปเห็นความเขียวขจีของผืนป่าที่ยังดูอุดมสมบูรณ์ผิดกับอีกฝั่งในประเทศไทย
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สายลมเย็น ๆ จึงรำเพยกลิ่นฝนจากที่ไกล ๆ ให้ได้ชื่นฉ่ำใจจนกระทั่งต้องจามจนกระทั่งน้ำตาน้ำมูกไหล..แสงทองเห็นดังนั้นจึงหยิบกระดาษทิชชู่จากกระเป๋ามาให้
“ไม่สบายแน่ ๆ ลงไปกินยาแก้แพ้อากาศป้องกันไว้สักเม็ดนะคะ..” หญิงสาวดึงกระดาษทิชชู่ส่งให้
“ลงเถอะพี่ยา เดี๋ยวจะหนักกว่านี้..” ว่าแล้วแสงทองก็เดินตามสุริยา..พอถึงจุดที่รุ่งโรจน์ไต่หน้าผาหินลงไป ..แสงทองก็รีบตะโกนบอก
“มันอันตรายนะนั่น กลับมาเร็ว ๆ นะคะ” รุ่งโรจน์ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ..สุริยารู้สึกเสียวปลายมือปลายเท้าเมื่อเห็นภาพนั้น..แต่ครั้นจะห้ามปรามก็คงไม่ได้..
“ดูซิดื้อจริง ๆ” ว่าแล้วแสงทองก็ยกกล้องกดชัตเตอร์ไปที่ลิงค่างที่ป่ายปีนอยู่บนชะง่อนหินที่ยื่นออกทางหุบเหว..
“แสงทอง คนเราไม่ชอบให้ใครขัดใจหรอก เราเองก็เหมือนกัน อะไรที่เราอยากทำแล้วเราถูกขัดใจ เราก็จะยิ่งอยากทำ หรือว่าใครมาบังคับเราให้ทำอะไร เราก็จะต่อต้าน เป็นธรรมดา แต่สุดท้ายคนเราก็เลือกในสิ่งที่หยุดใคร่ครวญแล้วว่าดีว่าเหมาะสมอยู่นั่นเอง..แม้บางครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่เราเคยต่อต้านก็เหอะ”
“อารมณ์ไหน” แสงทองยังงง
“พี่ก็เป็นอย่างงี้แหละ รำคาญตัวเองเหมือนกัน บางทีก็ชอบคิดในสิ่งที่เห็นเป็นเสียอีกทาง..ใกล้ถึงปางจันทร์แล้วนะ เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้างหรือยัง..”
“ยัง” แสงทองยังเกาะแขนสุริยาขณะเดินลงมาจากยอดภู พอรุ่งโรจน์หลุดจากชะง่อนหินได้ ก็รีบวิ่งตามมาด้วยพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปหลายนาทีแล้ว แถมเมฆฝนทางทิศตะวันตกก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับลมที่พัดโชยมาแรงกว่าปกติ..
“คิดไว้บ้างก็ดี เผื่อบางทีมันไม่เป็นดั่งใจเรา เราจะได้ไม่ทุกข์มาก..แต่ก็อีกนั่นแหละ กังวลใจไปเสียเปล่า ๆ สู้อยู่กับปัจจุบันทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเป็นใช้ได้..”
พูดไปก็เช็ดน้ำมูกที่ไหลย้อยไปด้วย จนกระทั่งมาถึงท่ารถ แสงทองรีบหายาแก้แพ้อากาศพร้อมกับน้ำดื่มส่งให้..
“กินแล้วก็พักผ่อน ตกลงดอยผาตั้งอะไรตัดออกไปเลยนะคะ มุ่งไปเชียงของเลยแล้วกัน”