三
เสียงจักจั่นเรไรในฤดูร้อนแบบนี้อาจทำให้คนเราหงุดหงิดมากขึ้นก็เป็นได้ ยิ่งหากสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาหลายดิฉันก็คงยิ่งทำให้ทวีความร้อนระอุขึ้นไปอีก ฟูจิมัตสึเดินอย่างเชื่องช้า ร่มสีขาววาดลวดลายดอกเบญจมาศสีสดเข้ากันกับชุดกิโมโนโทนสีส้ม มืออีกข้างถือกระเป๋าใบเล็กที่ปักคริสตัลแวววาว ทุกสิ่งดูสวยงามเหมาะสมกันดี เว้นเพียงแต่...
“ฟูจิมัตสึจัง ทำไมทำหน้าหงิกแบบนั้นล่ะ” ชิราโทริเน่ซังหันมาถามไมโกะรุ่นน้องเสียงใส ฟูจิมัตสึเหลือบมองรุ่นพี่แล้วถอนหายใจ
“เน่ซังไม่ร้อนหรือคะ ดิฉันเนี่ยร้อนจนจะบ้าอยู่แล้ว”
“ก็ร้อนสิจ๊ะ แต่ด้วยอาชีพอย่างเราเนี่ยไม่เหมาะกับการทำหน้าบูดบึ้ง เราพยายามยิ้มเข้าไว้นะ” แต่เหมือนว่าวันนี้คงเป็นวันหม่นหมองของฟูจิมัตสึ เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ทำตัวสดใสไม่ไหว
“อะไรกันฟูจิมัตสึจัง วันนี้ดูไม่สดใสเอาซะเลย” ท่านประธานบริษัทผ้าทอเดินมาแตะที่ไหล่ของฟูจิมัตสึเบาๆ ไมโกะสาวหันไปมองแล้วพยายามยิ้มให้อย่างอ่อนหวานที่สุด แม้ว่าไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศจะไม่ช่วยอะไรเลยก็ตาม
“อากาศร้อนค่ะ ดิฉันเลยรู้สึกไม่ค่อยดี..” ท่านประธานคนนี้เป็นคนที่ใจดีกับเธอเสมอ ฟูจิมัตสึจึงต้องทำดีกับเขาให้มากที่สุด
“เอาน่าๆ เดี๋ยวก็จะได้ฟังข่าวดีแล้ว น่าจะอารมณ์ดีได้นะ ฮ่ะๆ” ฟูจิมัตสึขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ข่าวดีอะไรกัน วันนี้ไม่ใช่วันพิเศษอะไรนี่นา เธอก็แค่ออกมาทำงานนอกสถานที่ตามปรกติ
“ข่าวดีอะไรหรือคะ ดิฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า”
“ฮ่าๆ บอกไม่ได้หรอก ไม่งั้นก็จะไม่เซอร์ไพรส์” แล้วท่านประธานก็เดินจากไป ทิ้งฟูจิมัตสึให้ยืนงงคนเดียว
“ฟูจิมัตสึจัง มาทางนี้เร็ว มัวยืนเหม่ออะไรอยู่” ชิราโทริเน่ซังดึงแขนฟูจิมัตสึไปในห้องรับรองทั้งที่ไมโกะสาวยังคงทำหน้างงอยู่ แต่พอเข้ามาภายในห้องรับรองที่มีแขกอยู่เต็มจึงต้องรีบปรับสีหน้าให้ดี
“เดี๋ยวเธอจะต้องรำโนะ ส่วนดิฉันจะเล่นซามิเซ็นเองนะ” ฟูจิมัตสึรับคำโดยการพยักหน้าและแอบนึกในใจว่าเธอจะรำได้หรือ การรำที่ต้องใช้ความอ่อนช้อย แต่ตอนนี้เธอหงุดหงิดเหลือเกินจะแสดงการรำที่แสนอ่อนช้อย
แต่ก็ไม่มีเวลาให้ฟูจิมัตสึคิดได้นานนัก พอเสียงซามิเซ็นดังขึ้น เธอก็เตรียมร่ายรำ แขกทุกคนที่กำลังพูดคุยจึงหันมาสนใจการแสดงแทน ทุกสายตาที่จับจ้องมามีบางอย่างที่ทำให้ฟูจิมัตสึใจเต้นตึกตัก ช่วงจังหวะท่าที่ต้องยกชายกิโมโนขึ้นเพื่ออวดลวดลายงดงามที่แขนชุดกิโมโน ทุกสายตาจับจ้องเหมือนต้องมนต์สะกด แม้ว่าจะวุ่นวายใจเพียงใด แต่เมื่อถึงเวลาแสดง ก็ต้องทำให้ดีที่สุด
“ยอดเยี่ยมมาก!” เสียงปรบมือและเสียงชมอื้ออึง ฟูจิมัตสึโค้งคำนับอย่างอ่อนช้อย และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ได้สบตากับคนที่เธอไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่มาก่อน
“ฮานาบุสะซัง...” ฟูจิมัตสึครางเสียงอ่อน... เขานั่นเองสาเหตุที่ทำให้เธอฟุ้งซ่านแม้จะยังไม่เห็นหน้า..
“ฟูจิมัตสึจัง มานั่งข้างว่าที่ดันนะของเธอสิ” ท่านประธานบริษัทผ้าทอตบเบาะรองนั่งข้างทาคาอากิเบาๆ ฟูจิมัตสึหันไปสบตากับชิราโทริและเห็นรอยยิ้มบอกว่าให้ไปนั่งสิ ฟูจิมัตสึก้มหน้างุดและนั่งลงข้างทาคาอากิ สายตาคมระยิบระยับของชายหนุ่มทำให้ฟูจิมัตสึนั่งไม่ติดที่
“ทำไมนั่งยุกยิกล่ะ กลัวอะไรหืม?” น้ำเสียงอ่อนโยนและนิ้วมือที่ไล้ข้างแก้มทำให้ฟูจิมัตสึใจสั่นไม่รู้ตัว
“ไม่มีอะไรค่ะ วันนี้ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย..”
“ขนาดฟูจิมัตสึจังไม่ค่อยสบาย ยังรำได้สวยที่สุดเลยนะ ฮ่ะๆ” ท่านประธานบริษัทผ้าทอยกสาเกขึ้นมาจิบแล้วชมฟูจิมัตสึเสียงดัง
“นั่นสิครับ ผมเองละมองตาค้างเลย”
“สงสัยวันหลังต้องจ้างฟูจิมัตสึจังมาบ่อยๆเสียแล้ว”
เสียงชื่นชมจากบรรดาผู้บริหารทั้งหลายดังอึง ฟูจิมัตสึได้แต่ก้มหน้าขอบคุณไปตามมารยาท แต่พอเอื้อมมือจะรับถ้วยสาเกจากท่านประธานบริษัทผ้าทอมาจิบก็มีมือหนึ่งขัดขวางเสียก่อน
“ขอโทษนะครับบันโดซัง เธอจะรับสาเกจากผมได้เท่านั้น” แล้วทาคาอากิก็ดื่มสาเกแทนเสียเอง บันโด หรือท่านประธานบริษัทผ้าทอหัวเราะเสียงลั่นอย่างถูกใจ
“แหมๆ ที่แท้ฮายาบุสะซังก็หวงไมโกะของตัวเองใช่ย่อย เอาละพวกเรา จริงๆวันนี้ก็เป็นวันฉลองที่ฟูจิมัตสึจังได้ดันนะผู้อุปถัมภ์เป็นตัวเป็นตนสักที งั้นเราก็มาฉลองให้ฮายาบุสะซังด้วยแล้วกัน ฮ่ะๆ” คงไม่ต้องบอกว่าฟูจิมัตสึจะตกใจแค่ไหน เพราะในตอนแรกที่ยายของเธอตกลงวันฉลองเอาไว้ไม่ใช่วันนี้ แต่กลับเลื่อนมาเป็นวันนี้โดยไม่บอกเธอเสียนี่
“ตกใจหรือ?” เสียงนุ่มกระซิบแผวเบาชวนให้วาบหวิว แต่ในตอนนี้ฟูจิมัตสึกลับรู้สึกเหมือนว่ามีไฟสุมอกมากกว่า
“ทำไมถึงไม่เป็นไปตามกำหนดการละคะ ดิฉันคิดว่าอีกสองสัปดาห์เสียอีก”
“ก็...ฉันอยากเป็นเจ้าของเธอเร็วๆ...”
“ด้วยเรื่องแค่นั้นเองหรือคะ...” น้ำเสียงอ่อนหวานเจือเศร้ารำพันเสียงเบา แค่เพียงเพราะอยากเป็นเจ้าของตัวเธอ จึงยอมเลื่อนวันมาให้ไวขึ้นอีก...
“เธอว่าอะไรนะ?” ทาคาอากิได้ยินไม่ชัดจึงถามซ้ำ แต่ไมโกะสาวเพียงแค่ยิ้มอ่อนหวานและส่ายหัวน้อยๆ
“เปล่าค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ยังอยู่ในเวลาทำงาน” ชั่วขณะที่ฟูจิมัตสึลุกขึ้นและเดินจากไป ทาคาอากิรู้สึกเหมือนว่าใบหน้าหวานนั้นเศร้าสร้อยเกินจะพรรณนา
“ฮานาบุสะซัง วันนี้ก็ขอให้โชคดีนะ” ท่านประธานบันโดตบไหล่ทาคาอากิและหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะกระซิบประโยคถัดมาเสียงเบา
‘ฟูจิมัตสึจังเขายังเด็ก อย่าทำให้กลัวละ’ น่าแปลกใจที่ทาคาอากิรู้สึกเขินขึ้นมาวูบหนึ่ง และยิ่งเผลอหันไปสบตากับไมโกะสาวที่กำลังร่ำลากับรุ่นพี่ก็ยิ่งรู้สึกวูบวาบเหมือนเป็นวัยรุ่นกำลังมีความรักยังไงยังงั้น
“เอาละ ผมไปก่อนนะ” แล้วท่านประธานบันโดผู้อารมณ์ดีเสมอก็เดินจากไป ทาคาอากิเห็นไมโกะสาวเดินตรงมาที่เขา ใบหน้าหวานนั้นเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย
“จะไปกันหรือยังคะ”
“อะ...อืม” ทาคาอากิพยักหน้าให้ไมโกะสาวเดินตามมาที่รถสปอร์ตของตัวเอง ตอนนี้เป็นเวลาเริ่มมืด แต่ก็คงไม่เหมาะที่จะเปิดหลังคา เพราะอาจจะทำให้ผมและเสื้อผ้าของหญิงสาวยุ่งเหยิงได้
“เราจะไปไหนกันคะ” ทาคาอากิหันไปมองไมโกะสาวที่นั่งบนเก้าอี้ข้างคนขับ รถแบบยุโรปเบาะหนังสีดำช่างเข้ากับหญิงสาวในชุดกิโมโนลายดอกเบญจมาศสีสดอย่างไม่น่าเชื่อ และถ้าหากเป็นร่างเปลือยขาวนวลล่ะ จะงดงามเพียงไหน...
“เอ่อ...บ้านของฉันน่ะ พอดีเพิ่งได้เหล้าญี่ปุ่นอายุเกือบร้อยปีมา อยากให้เธอได้ชิม” ทาคาอากิสะบัดศีรษะไล่อารมณ์ชั่ววูบไป ไม่รู้ว่าทำไมแค่เพียงคิดก็ยังทำให้ฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้
ทาคาอากิขับรถมาตามถนนในเมืองที่ยังคงมีผู้คนพลุกพล่าน จนออกมาเขตชานเมืองที่เงียบสงบ ฟูจิมัตสึรู้จักที่นี่ มันคือหมู่บ้านของพวกเศรษฐีที่มีความร่ำรวยติดอันดับของประเทศ ภูมิทัศน์ที่เงียบสงบและร่มรื่น บ้านหลังใหญ่โตหรูหรายิ่งกว่าบ้านของเธอบ่งบอกถึงความต่างดิฉันระหว่างเจ้าของบริษัทแบบเขาและคนทำงานบริการแบบเธอได้เป็นอย่างดี
“ลงมาสิ” ฟูจิมัตสึหันไปมองประตูรถที่เปิดออกและมือของชายหนุ่มที่ยื่นมาแบบงงๆ เธอคิดเพลินจนไม่ทันได้สังเกตข้างทางเลยหรือนี่...
“คุณอยู่คนเดียวหรือคะ?” ฟูจิมัตสึรู้สึกสงสัยเมื่อเห็นความเงียบงันรอบบ้าน ไม่มีแม้กระทั่งวี่แววของสิ่งมีชีวิต
“อืม พวกเมดอยู่บ้านพักถัดไปน่ะ” ทาคาอากิวางมือลงบนช่องที่เป็นกระจกใสตรงประตูหน้าบ้าน ระบบอิเล็กทรอนิคส์บอกสถานะว่ากำลังสแกนมือของชายหนุ่ม
‘ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ฮานาบุสะซัง’ เสียงระบบตอบรับจากเครื่องสแกนมือทำให้ฟูจิมัตสึรู้สึกทึ่ง พอชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน ไฟทุกดวงก็เปิดเองอัตโนมัติ
“นั่งรอที่นี่สิ เดี๋ยวฉันไปเอาแก้วก่อน”
“ให้ดิฉันไปช่วยนะคะ” ฟูจิมัตสึวางกระเป๋าและตั้งท่าจะไปช่วย แต่ชายหนุ่มกลับยกมือห้ามและสั่งให้เธอนั่งลง
ฟูจิมัตสึนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาที่หรูหรา โซฟากำมะหยี่ที่เมื่อนั่งลงไปจะนิ่มเหมือนปุยนุ่นสมราคาแพงระยับ กระจกบานโตตรงกำแพงเรียกร้องให้ฟูจิมัตสึเดินไปยุดมองเงาตัวเอง มือเรียวยกขึ้นลูบที่กระจกแผ่วเบา เรียวปากสีแดงแย้มเผยอหยอกล้อกับกระจก ฟูจิมัตสึคิดเสมอมาว่าสวรรค์คงกลั่นแกล้งเธอให้มีร่างกายที่แท้จริงเป็นผู้ชายขัดกับรูปลักษณ์ภายนอก
“เธอชอบทำหน้ายั่วยวนกับกระจกแบบนี้ด้วยหรือ?” ฟูจิมัตสึสะดุ้งเฮือก เสียงนุ่มที่มากระซิบติดใบหูของเธอกับลิ้นนุ่มที่หยอกล้อคลอเคลียทำเอาขาอ่อนยวบ
“มะ ไม่ใช่นะคะ...” ฟูจิมัตสึอยากจะดำดินหนีเสียเหลือเกิน ไม่รู้ทำไมตั้งแต่ได้รู้จักกับทาคาอากิ เธอถึงชอบทำท่ายั่วยวนแบบนี้อยู่บ่อยๆ
“ฉันเห็นอยู่...ยังจะโกหกอีกนะ...” มือใหญ่ลามมาโอบที่รอบเอวบาง ร่างกายท่อนล่างของทาคาอากิขยับมาบดเบียดกับสะโพกของไมโกะสาว ชายหนุ่มที่ยกเหล้าจากในครัวมาและได้เห็นหญิงสาวกำลังทำท่ายั่วยวนหยอกล้อกับกระจกย่อมต้องอารมณ์กระเจิงอยู่แล้ว หนำซ้ำดีกรีของเหล้าญี่ปุ่นในตัวยังช่วยจุดอารมณ์ให้คุโชนขึ้นมาอีก
“หันมาสิ” ทาคาอากิจับร่างบางให้หันมาเผชิญหน้าและมอบจูบลึกล้ำให้ มือใหญ่บีบที่คางของไมโกะสาวเพื่อให้เผยอปากออก ลิ้นอุ่นสอดเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานของฟูจิมัตสึอย่างเพลิดเพลิน
“อือ...” ร่างบางส่ายหน้าหนีจูบรุกรานจากร่างสูง แต่อิริยาบถของฟูจิมัตสึกลับยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ของชายหนุ่มโหมกระพือ
“ฮืม...เธอนี่มัน...” ทาคาอากิแหวกกิโมโนเข้าไปสัมผัสกับขาเรียวด้านใน กิโมโนหนากว่า 5 ดิฉันไม่ทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเด็กที่กำลังแกะของขวัญด้วยซ้ำ
“อ๊ะ!” วูบเดียวที่ร่างบางลอยหวือและถูกเหวี่ยงลงบนโซฟา ฟูจิมัตสึเห็นเพียงเนคไทที่ถูกเหวี่ยงลงบนพื้น และชายหนุ่มที่กำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างรีบร้อน
“อะ..อย่า อย่าเพิ่งค่ะ..” เสียงหวานสั่นระรัว มือเรียวรวบชายกิโมโนเข้าหากันแล้วพยายามกระถดกายหนีชายหนุ่ม ทาคาอากิจึงได้สติ
“เอ่อ...ขอโทษที..ผมลืมตัวไปหน่อย..” ทาคาอากิขยับไปนั่งอีกฝั่งของโซฟาและเอามือเสยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้า ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขนาดนี้
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ..” ฟูจิมัตสึจัดกิโมโนให้เข้าที่ด้วยท่าทางเขินอาย ก็เธอเองดันไปทำท่ายั่วยวนที่หน้ากระจกนี่นะ จะว่าอะไรเขาได้ล่ะ...
“ลองชิมนี่สิ เหล้าญี่ปุ่นรสดีที่ฉันอยากให้เธอลองชิม” ทาคาอากิเลื่อนแก้วคริสตัลสีดำทึบมาตรงหน้า กลิ่นเหล้าที่ผ่านการหมักบ่มชวนให้ละเลียดไปกับรสชาติเหล้าดิฉันดี
“ขอบคุณมากค่ะ” ฟูจิมัตสึจิบเหล้าที่มีรสสมราคาคุย อาชีพอย่างไมโกะหรือเกอิชามีความจำเป็นให้ต้องคอแข็ง
แม้แต่ฟูจิมัตสึเองยังได้ฉายาว่าคอทองแดง แต่เหล้าญี่ปุ่นนี้มีดีกรีแรงจริงๆ เพียงแค่อึกเดียวลำคอขาวก็รู้สึกร้อนผ่าว
“รสดีมากค่ะ แต่แรงเอาเรื่อง..”
“นั่นละจุดเด่นของมัน เหล้าเนี่ยฉันเอามาจากคนรู้จักอีกที” ทาคาอากิพูดแล้วก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ
“...” ทั้งสองคนเอาแต่นั่งดื่มเหล้ากันโดยไม่พูดจา จนแก้วเหล้าในมือหมดไป ทาคาอากิตั้งท่าจะเติมเหล้าให้ แต่ฟูจิมัตสึก็ยกมือห้ามไว้ก่อน
“ดิฉันคิดว่าเราจะต้องคุยกัน...บางเรื่องค่ะ..”ฟูจิมัตสึก้มมองเท้าตัวเอง มือทั้งสองกุมกันไว้แน่น ท่าทางบ่งบอกว่าเรื่องที่จะคุยนั้นสำคัญเพียงใด
“..ดิฉันอยากขอให้ยกเลิกเรื่องที่คุณจะเป็นดัน-” ฟูจิมัตสึพูดยังไม่ทันจบทาคาอากิก็ตอบเสียงเข้ม
“ไม่มีทาง!” ชายหนุ่มมองหน้าไมโกะสาวตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง
“เธอมีอะไรไม่พอใจกัน ฉันมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย สามารถอุปถัมภ์เธอไปได้ทั้งชาติ หรือเธอกลัวว่าฉันจะทิ้งเธองั้นเหรอ ไม่ต้องกลัวไปหรอก!” ทาคาอากิลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและจ้องหน้าไมโกะสาว เรือนร่างบอบบางและใบหน้าหวานนั้นหันหน้าหนีไม่สบตา ทาคาอากิได้แต่กัดฟันกรอดเพราะไม่อยากใช้กำลัง
“งั้นดิฉันจะบอกบางอย่างกับคุณ บางทีมันอาจช่วยให้คุณเปลี่ยนใจ..” ฟูจิมัตสึเดินผ่านทาคาอากิไปปิดม่านตรงหน้าต่างและระเบียงจนหมด ไหล่บอบบางดูสั่นระริก เธอรวบรวมความกล้าและหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
“เธอ..จะทำอะไรน่ะ..” น้ำเสียงทรงพลังของทาคาอากิต้องกลับมาสั่นไหวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไมโกะสาวลงมือปลดเชือกและโอบิลายดอกไม้สีน้ำตาลอมทองให้ร่วงลงสู่พื้น ส่งผลให้กิโมโนแยกออกจากกัน ซับในผ้าลูกไม้บางเบากำลังกระพือหยอกล้อกับสายลม
มือเรียวค่อยๆปลดกิโมโนออกจากไหล่ ผิวขาวเนียนละลานตาปราศจากแป้งขาวไล่เรื่อยลงมาจนถึงแผ่นอกเรียบเนียน
จุดกึ่งกลางอกสีแดงสดสองจุดตัดกับสีผิวขาวสล้าง ฟูจิมัตสึเงยหน้ามองสบตาชายหนุ่มอย่างแกล้วกล้า แม้ว่าขาทั้งสองข้างจะสั่นเทาจวนล้มลงกับพื้นเมื่อเห็นสายตาตกใจของทาคาอากิ
“เธอ...เป็นผู้ชาย..งั้นเหรอ..”
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-