#...พรหมลิขิต(?)
"ในที่สุด...ก็เจอกันจนได้ซินะ".
.
.
เสียงทุ้มรอดไรฟัน แบบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนพูดอยู่ในอารมณ์ไหน คนฟังที่หันหน้ามามองคู่กรณีกำลังยืนสงบนิ่งเหมือนโดนสะกดให้อยู่กับที่ แถมตอนนี้สายเสื้อกันเปื้อนของร้านก็ถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไว้เสียแล้ว เวรแล้วไงล่ะ ถึงว่าซิ เมื่อเช้าตื่นมาถึงได้ขยิบตาขวาไม่หยุด
.
.
~ท้าวความหลังความแค้นฝังหุ่น~
ตื้ด ตื้ด~~~ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นบอกว่ามีสายโทรเข้า เจ้าของโทรศัพท์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างหงุดหงิด เพราะชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอเป็นคนที่ปล่อยให้รอมานานชาติแล้ว ทั้งที่มันก็รู้อยู่ว่าไม่ชอบให้รอ นี่ปาไปเกือบสองชั่วโมง กินข้าวหมดไปสองจาน น้ำอีกสองแก้ว ไอ้เพื่อนเลวมันเพิ่งจะโทรมา..นิสัย!!
"โหล!! นึกว่าตายไปแล้ว" โทรไปสิบกว่าสายได้มั้ง มันไม่ยอมรับ แถมไม่โทรกลับ จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้
"โทษทีไอ้แว่น ลืมบอกว่ะ ว่าวันนี้มีนัดดวลกับพวกเด็กวิทย์ ตอนนี้อยู่ในสนามมาเอาเองได้ไหม" ไอ้แว่นเข้มกำลังสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด เพื่อข่มอารมณ์โมโหทั้งหมดทั้งมวลที่มีตอนนี้ เพียงเพื่อเห็นแก่สมุดรายงานที่จะต้องขอยืมมันมาลอก
"เออ ไม่บอกพรุ่งนี้ไปเลยล่ะวะ นั่งรอจนรากงอกแล้วโว้ย" แต่ด่าไปก็คงเท่านั้น เข้าหูมันรึป่าวก็ไม่รู้ เสียงรอบข้างดังอย่างกับตลาดแตก แถมด้วยสัญญาณไฟจราจรเสียอะไรประมาณนั้น(เสียงนกหวีดปี๊ดป๊าดดังอยู่ไม่ห่าง)
"เฮ้ย หมดพักครึ่งแล้วว่ะ มาเอาที่ยิมเลยนะ แค่นี้นะ..." ติ๊ด~~~ เป็นการมัดมือชกสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางเลือกแล้วซินะไอ้แว่น ถ้าไม่ไปก็ต้องไปค้นรายงานเอาเอง ที่จริงจะทำก็ได้อยู่ เพียงแต่....ไม่มีเวลาแล้ว ไฟลนก้นขนาดนี้ จำต้องใช้วิทยายุทธรอบตัวหาทางเลี่ยงตายเอาดาบนี้
โรงยิมของมหาลัยวันนี้ดูเหมือนมีมหกรรมอะไรซักอย่าง แม้ว่าผู้คนจะไม่ได้เนื่องแน่นเท่าตอนที่มีกีฬาคณะ แต่ก็นับว่ามีคนเข้าชมเยอะพอสมควรโดยเฉพาะคุณสาวๆทั้งหลายที่ต่างพากันมายืนกรี๊ดกร๊าดที่ข้างสนาม ก็แหงล่ะ ไอ้พวกที่วิ่งๆกันอยู่นั่นมันน่ามองน้อยอยู่ซะเมื่อไร แต่...ไม่ใช่แนวของไอ้เข้มหรอกเหอะ
นั่งอดทนรอกว่าสามสิบนาทีเกมการแข่งขันก็จบลง เสียงเชียร์บวกกับเสียงกรี๊ดยังคงดังไม่หยุด ทีมสายวิทย์เหนือกว่าวันนี้ก็เลยเอาชนะไปอย่างใสๆ ณ จุดนี้ ไอ้แว่นกำลังพยายามชะเง้อคอมองหาคุณเพื่อนแสนดี ไม่รู้ว่าแอบไปช้ำในอยู่ตรงไหนของขอบสนาม ยังไม่ทันจะหาเจอ เสียงกรี๊ดกร๊าดของแม่นางทั้งหลายก็ดังขึ้นให้สมาธิแตกกระเจิง
'กรี๊ดดดดดด เบอร์ 9'
"พี่เบอร์ 9 กรี๊ดดดดดดดดดดด"
"เบอร์ 9 สู้ๆๆๆๆๆ" ไรฟ่ะ!! ไอ้เบอร์เก้ามันมีอะไรดี ถึงต้องกรี๊ดกร๊าดมันถึงขนาดนั้น คนยิ่งกำลังหงุดหงิดอยู่ด้วย ขอดูชมให้เป็นขวัญตาหน่อยเหอะ มีอะไรดีถึงขนาดนั้น ไอ้เบอร์ 9 ที่ว่า..มันก็แค่ นักศึกษาหนุ่มหน้าตาดี ตัวสูง แถมยังมีแก่ใจส่งยิ้มและโบกไม้โบกมือมาให้สาวๆที่ข้างสนาม รอยยิ้มที่แบบว่าใครมองก็เหมือนถูกสะกดให้ต้องมองอยู่แบบนั้น.....ก็แค่ไอ้เบอร์ 9 ที่เผลอมองนานไปหน่อย จนอีกฝ่ายจ้องมองตอบกลับมา ริมฝีปากน่าลูบ เอ๊ย!! ได้รูปก็ขยับพูด พร้อมกับสายตาที่มองตรงมาอย่างไม่คิดปิดบัง....
"กู ไม่ ชอบ ตุ๊ด" บัดดล...เหมือนมีไฟลุกท่วมตัวของไอ้แว่นเข้ม ที่อยู่ห่างไปเกือบสองร้อยลี้(เว่อร์ไป..แค่ข้างสนามก็พอ) มันดันอ่านปากจับเป็นใจความได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ไม่มีตกซักคำ เพราะฝ่ายนั้นมันเล่นพูดแบบช้าๆ และชัดๆ ซักพักพวกเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ใกล้ๆพอได้ยิน ก็ร่วมวงฮาเกรียว
แล้ว ณ วินาทีนั้น จะด้วยความโกรธบังตา หรือโทสะทั้งหมดที่มีในกายมันกำลังปะทุคล้ายลมปราณแตกซ่านไปทั่วร่าง ไอ้แว่นก็เดินลิ่วๆเข้าไปในสนามตอนที่พวกมันกำลังหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างเพลิดเพลิน
"เฮ้ย!!"
ผลั่ก!!
"นี่คือรางวัลสำหรับผู้ชนะ แต่ปากเสียว่ะครับ" ตั้งแต่เกิดมาจนอายุป่านฉะนี้ ไอ้เข้มไม่เคยจะมีเรื่องต่อยตีหรือต้องใช้กำลัง และกำปั้นที่ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้ฟาดปากใคร ตอนนี้มีผู้โชคดีหนึ่งท่าน ที่ลงไปนอนคลุกฝุ่นทำหน้างง พร้อมกับเอามือแตะมุมปากตัวเองที่มีเลือดซิบ....ไอ้เบอร์ 9 ของทุกคน
แล้ว ณ วินาทีนั้นเอง ไอ้เข้มก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าได้กระทำการอันบ้าบิ่นลงไป คล้ายเดินถือมีดบุกเดี่ยวเข้าไปปล้นโรงพักอะไรทำนองนั้น เพื่อนร่วมทีมนักบาสที่ยังยืนหัวเราะกันอยู่เมื่อครู่กลายเป็นยืนอ้าปากค้าง มองหน้าเพื่อนที่ลงไปนั่งเจ็บสลับกับไอ้แว่นตัวแห้งๆที่ใจกล้าซัดนักกีฬาสุดป๊อบลงนั่งพับเพียบกับเพื่อนต่อหน้าต่อตา.....แล้ว....จะอยู่รอให้พวกมันรู้ตัวว่าควรทำอะไรต่อหรือครับท่าน ไอ้แว่นก็รีบตะกุยขาหน้าทั้งสองตามด้วยขาหลัง ออกแรงวิ่งแบบสุดชีวิตต่อให้ปอดปลิ้นก็ไม่มีทางหยุดไอ้เข้มคนนี้ได้
แล้ว....นับจากวันนั้น...ความซวยก็บังเกิด แม้ว่าในวันนั้นจะรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ไปมหาลัย ไอ้เข้มคนนี้ก็ต้องเช็คตารางเรียนทั้งของตัวเองและของไอ้อริเบอร์ 9 ไปด้วย
"โหลๆ วอหนึ่งเรียกวอสองเปลี่ยน สถานการณ์หน้าห้องปลอดโปร่งดีป่าวว่ะ" จะมีใครลำบากเท่ากระผมอีกล่ะไม่มีแล้วมั้งชาตินี้ ก่อนจะเข้าห้องเรียนต้องโทรไปเช็คความปลอดภัยให้ตัวเองเสียก่อน เพราะอะไรนะรึ
เหตุก็เพราะไอ้คุณแรร์(เพิ่งรู้ชื่อมันหลังจากเรียกว่าไอ้เบอร์ 9 มาช้านาน) ก็นับจากวันที่มีเรื่องมีราวกันครานั้น คุณพี่ท่านแกก็ช่างขยันหาเวลาว่างมาตามพบสบตาไอ้แว่นได้ทุกเช้าค่ำ ประเด็นคือ โดนต่อยไม่เท่าไร แต่ดันไปทำมันเสียหน้าต่อหน้าประชาชีนี่แหละข้อหาหนัก
"ไอ้แว่นขึ้นวอ อาจารย์เข้าห้องแล้วเว้ย เดี๋ยวก็โดนเช็คขาดหรอกไอ้บ้า" โดนเช็คชื่อขาดยังไม่น่ากลัวเท่าชะตาชีวิตของไอ้แว่นจะขาดเอานะซิ เกิดไอ้คุณของหายากเบอร์9 นั่นมายืนเฝ้ายามอยู่หน้าห้องอีกล่ะ คงได้โดนลากไปชิมยำเท้านักบาสในมุมอัพของซอกตึกเป็นแน่แท้
"จะหลบไปได้นานแค่ไหนเชียวหว่า สู้เคลียร์ให้จบๆไปก็สิ้นเรื่อง" ขอบคุณมากไอ้คุณเพื่อน เป็นแนวทางหาเรื่องเสี่ยงตายโดยใช่เหตุ ถึงแม้ว่าความสูงดูด้วยตาเปล่าจะไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่...ขนาดลำตัวกับชั้นเชิงมันต่างกันเว้ยเฮ้ย ได้ข่าวว่าอีกฝ่ายเป็นนักกีฬาคณะ แล้วไอ้แว่นที่เอาแต่กิน เที่ยว เปรี้ยว นอน จะเอาแรงที่ไหนไปเคลียร์ คราวที่แล้วทีเผลอหรอกถึงได้สอยไปได้หนึ่งหมัดแล้วชิ่งหนีมาได้
แล้วก็ต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆแบบนั้นเกือบเดือน กว่าที่ไอ้คุณแรร์จะเลิกล้มความตั้งใจไปเสียเอง อันที่จริงเป็นเพราะทางนี้ออกฝึกงานด้วยต่างหาก ก็เลยตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งอย่างไว้ข้างหลังแล้วหนีมา แม้ว่าไอ้คุณเพื่อนๆมันจะบอกว่ายังมีมาตามเฝ้าที่คณะเป็นระยะๆก็ตาม ด้วยความโชคดีบุญพาวาสนาส่งไอ้เข้มก็รอดตายมาได้จนถึงวันนี้...แต่...ตอนนี้....กรรมเก่ากำลังจะเข้ามาแทนที่ล่ะครับท่าน...
"ในที่สุดก็เจอกันจนได้นะ ไอ้ลิงแว่น" เวรแต๊ล่ะ!! ไม่เจอกันตั้งหลายปีอุตส่าห์คิดว่ามันจะจำกันไม่ได้ ไฉนจึงได้แค้นฝังหุ่นขนาดนี้เล่า
"คะ..ใครเป็นลิงวะ ไอ้คิงคองมุมตึก!!" ไหมล่ะ อย่าคิดว่าตัวใหญ่แล้วไอ้เข้มจะกลัวน่ะเฟ้ย ที่นี่ถิ่นใครให้มันรู้ซะบ้าง อย่าได้บังอาจมาอวดเบ่ง เดี๋ยวปั๊ด!!.....เรียกพี่ยอดยามมาลากตัวไปซะหรอก
"อุ๊บ!! ฮ่าๆ" ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด บุคคลนอกอีกหนึ่งก็ดันหัวเราะพรวดออกมาซะงั้น
"หัวเราะไร ไอ้ปั่น!" คนที่กำลังหงุดหงิดเพราะตัวเหนียว แถมต้นเหตุยังไม่ใช่ใครอื่นไกลเป็นโจทก์เก่าเมื่อครั้งวันวานแต่ยังคงจำได้ติดตาเพราะหาทางเอาคืนแต่ไม่ได้เอาคืนจนกลายเป็นฝังใจ อย่างที่เค้าว่า 'แก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย'
"ฮ่าๆ ช่างเถอะๆ แต่สายแล้วว่ะแรร์ เราว่าจะขึ้นไปพรีเซ็นต์งานเอง ไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยนซะล่ะ แล้วอีกชั่วโมงเจอกันข้างล่างนะ" ไอ้คุณเพื่อนปั่นมันยื่นมือมาตบไหล่สองสามที ปากพูดแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ไอ้แว่นเจ้าของกาแฟพร้อมกับคลี่ยิ้มให้(ตาหวานเยิ้มเชียวนะมึง!!) ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแผ่นงานแล้วก้าวยาวๆขึ้นบันไดไป จะเรียกเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ในเมื่อทั้งตัวตอนนี้ไม่เหลือสภาพ เหนียวเหนอะไปทั้งตัว
"แล้วทีนี้ จะเอายังไง?" แรร์หันไปถามไอ้แว่นเจ้าของกาแฟที่ยังคงขยับไปไหนไม่ได้เพราะติดที่สายผ้ากันเปื้อนยังอยู่ในมือ
"เออ...แค่เสื้อผ้าจะชดใช้ให้ก็ได้ ถอดมาดิ" ประโยคแรกก็ฟังดูดี แต่ประโยคจบพร้อมกับรอยยิ้มแล้วก็ยักคิ้วแบบกวนประสาทนี่ซิ....ไม่น่าจะปล่อยให้รอด ท้าใครไม่ท้ามาท้าไอ้แรร์
"เออ...ถอดก็ถอดซิวะ"
=======================
เค้าจะถอดกันแล้วติ๊ล่ะ ว่องไวจริงๆ
กอดทุกคน ไปเล่นน้ำที่ไหนกันมา ตัวดำปิ๊ดกลับมารึป่าว
ตอนนี้ที่ลงยังมิได้ตวจคำผิดแต่อย่างใด เนื่องจากคุงครูกำลังยุ่งอยู่กับต้นฉบับ
และผู้ตรวจการลาหยุดสงกรานต์ อิอิ ผิดพลาดประการใด จะตามมาแก้ที่หลังขอรับ
แอบมาลงยามดึกก่อนไปนอน ขอให้ทุกคนฝันดีขอรับ ปล. เรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตก็ช่าง แต่ชอบบบบบบบบ
ว่าแต่ภาพประจำตัวน้องด้านี่ คือจีมัสกับริโอหรือเปล่าอ่ะ
แม่นแล้วเจ้าค่ะ ลูกหมาของด้าเอง เอิ๊กๆ