#การเดิมพันครั้งใหญ่(ภาคแรร์)
ในเมื่อรู้ใจตัวเองแล้วไซร้...ก็มิใช่ปัญหา....แต่มันขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายจะรู้ใจตัวเองแล้วหรือยัง
คือถ้าจะให้คิดแบบนายแรร์ ก็จะขอบอกว่า จะคิดบวกแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ
ซึ่งตามที่คำนวณเอาไว้ ไม่น่าจะพลาด...ปฏิบัติการครั้งนี้มีหัวใจทั้งหมดหนึ่งดวงเป็นเดิมพัน
หากไม่รอบคอบก็อาจจะหมดตัวได้เลยทีเดียว
เริ่มต้นแผนการด้วย..การหายหน้า
ไม่โทรหา ไม่ไปวนเวียนใกล้ๆเหมือนเคย แต่ผลที่ตอบกลับมา คือความ'เงียบ'ซะงั้น
ไอ้ลิงเอ๋อมันไม่ยอมเคลื่อนไหวใดๆ นิ่งสนิท! ....ฮึ่ม
ด้วยสมองอันชาญฉลาด
นายแรร์คนนี้จึงได้คิดแผนการอันแยบยลออกมาได้
โทรศัพท์มือถือที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างเตียงถูกควานหามาใช้งานอีกครั้ง
ไล่กดหาเบอร์ 'เพื่อนปั่น' แล้วใช้วิชามารทั้งหมดที่มี'แกล้งป่วย' จะเป็นจะตาย ทำเสียงแหบแห้งไอค่อกๆแค่กๆ หอบแห่กๆคล้าย
จะตายได้ในเร็ววัน
"ปั่น ช่วยไปเอางานที่ตึกนั้นให้หน่อย แค่กๆ"ทิ้งท้ายด้วยอาการไอนิดหน่อยแต่พองาม
"เป็นมากเหรอแรร์ ไปหาหมอไหม?" ไอ้คุณเพื่อนผู้แสนดีก็หลงเชื่อเข้าเต็มเปา
(ขอโทษว่ะครับ...เอาไว้จะพาไปเลี้ยงมื้อใหญ่)
เพราะงานนี้นายแรร์คนนี้ลงทุนทุ่มหมดตัวไปแล้ว เหลือแต่รอ...ว่าผลตอบกลับจะมาแบบไหน
และคงต้องใช้ตัวช่วยส่งสารยามจำเป็นเช่นเพื่อนปั่นนี่แหละ หึหึ
"ไม่เป็นไร แค่พักซักวันคงดีขึ้นเอง ช่วยหน่อยนะ"น้ำเสียงเรียกความสงสารทีใช้ได้ผลมานักต่อนัก
"อืมๆ ได้ๆ เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วงนะ พักผ่อนให้สบาย..."เออ...ท่อนแรกก็พอจะฟังดูดี แต่มาท่อนหลังนี่ซิ ทำไมมันแหม่งๆคล้ายคำแช่งเลยวะ
"เออ..เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ที่ร้านกาแฟเขาบอกว่าลืมเงินทอนไว้ แวะไปเอาด้วยล่ะ
จะเอามาให้หลายครั้งแล้วก็ลืมเหมือนกัน ไหนๆก็แวะไปแล้ว..." หึหึ
ไอ้คุณแรร์ก็ยังไม่วายเนียนหยอดไปอีกมุข เพื่อความแน่ใจว่าไอ้คุณเพื่อนมันจะต้องแวะไปแน่ๆ
"ได้ๆ หายเร็วๆนะ"หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการกระชับวงล้อม(กรอบ)ไอ้ลิงแว่นได้แล้ว
คราวนี้ก็ได้เวลารอผลลัพท์ซิครับท่าน
แล้วมันก็...เงียบ!! ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีแม้ข้อความถามไถ่อาการ หรือแม้แต่โทรมาหาถามโน่นนี่หรือจี้ให้ไปช่วยงานที่ร้าน
วันนี้วันที่สามแล้วนะ ทำไมไม่มีอะไรตอบกลับมา...นิ่งสนิท!...หรือที่คิดไว้..จะผิดไป...
ณ ตอนนี้ไอ้คุณแรร์ผู้มาดมั่น กำลังนั่งชั่งใจตัวเองอยู่ ว่าจะ 'ตัดใจ'หรือ 'ลุยต่อ'ประเด็นหนึ่งมาจากความท้อใจ สิ้นหวัง(ที่ตัวเองเดาพลาด
มิใช่อย่างอื่น)
แต่แล้วตอนที่กำลังจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปตามล่าไอ้ลิงแว่น
เสียงออดที่หน้าประตูห้องก็ดังขึ้น
ทำเอานายแรร์ผู้มาดมั่นถึงกับเซไปสะดุดเข้ากับขาโต๊ะ
..อย่านะ...อย่าได้เข้าใจผิดว่าตื่นเต้นจนเกินเหตุ
ก็แค่รีบไปหน่อย..เพียงเพราะอยากรู้ว่าใครมาก็แค่นั้น
....แล้วมันก็มาส่ง....ของที่กำลังรอ....
(ผ่านไปสามวันเนี่ยะนะ ฮึ่ม!!)
.
.
.
.
"อะ..ถอยออกไปให้ห่างหน่อยได้ไหมเล่า!"ไอ้แว่นเอ๋อมันยังมีหน้ามาร้องขอความเห็นใจ..ทั้งที่ปล่อยให้ทางนี้เกือบจะต้องรอเก้อ
กระวนกระวายใจอยู่ได้ตั้งหลายวัน พอมาได้แวบเดียวก็จะหนีกลับงั้นรึ
ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆหรอกครับท่าน
"มาเพื่อแค่นี้จริงๆนะเหรอ" เพราะไอ้คนมาเยี่ยม มันดันบอกว่า'ผ่านมา'
ทั้งที่คอนโดมันอยู่ห่างจากที่นี่แทบจะเรียกได้ว่าคนละฝั่งเมือง
แล้วมันจะผ่านมาทำซากอะไรแถวนี้ แล้วก็อาการแบบนี้..ต่อให้มันอมเทพเจ้าลิงมาพูดก็ไม่มีใครเชื่อหรอกเหอะ
ทั้งอาการหลบสายตาหน้าแดงก่ำแบบนั้น
"จะกลับแล้ว หละ..หลบไปดิ" ยิ่งเจอคำสั่งแบบนั้น
แขนสองข้างจึงยกขึ้นกั้นไอ้ลิงเอ๋อเอาไว้แน่นหนายิ่งกว่าเดิม แล้วมันจะทำอะไรได้
ก็ในเมื่อหลงเข้ามาเอง ใครจะยอมปล่อยให้ออกไปต้องต้อนให้จนมุม หึหึ
"ก็ไม่ยอมตอบคำถามดีๆ ไหนบอกมาซักข้อซิ" พอลองยื่นหน้าเข้าไปใกล้
ก็ได้กลิ่นเหมือนกาแฟ สมกับที่เป็นเจ้าของร้านจริงๆ
แล้วพอยิ่งเข้าใกล้มันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้อยากเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม
แต่ก่อนที่จะได้แตะต้องลองชิมซาลาเปาขาวเนียนตรงหน้า ไอ้เจ้าของร้านมันก็ยกมือมากันเอาไว้
"ยะ..อย่านะเว้ย ถึงเป็นแบบนี้แต่ก็เลือกนะ ไม่ใช่....อึ้ย!" ไอ้แว่นคนเก่งชะงักคำพูดตอนที่ทางนี้แกล้งฝืนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
ไม่ได้ชิมซาลาเปา แต่ก็ได้แกล้งแตะริมฝีปากลงไปกลางฝ่ามืออย่างจงใจ
จนเจ้าตัวรีบดึงมือกลับไปเยี่ยงเจอของร้อน
"ไม่ให้เลือก!หมดสิทธิ์ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้แล้วแว่น หึหึ" งงดิ..ไอ้แว่นเอ๋อมันทำหน้างง
พยายามทำตัวลีบติดกับกำแพงคล้ายจะหายตัวเข้าไป แต่ด้วยความที่มันเป็นลิงเผือก
ไม่ใช่จิ้งจกก็เลยทำได้แค่หลับตาปี๋หน้าแดงจัดตอนที่จมูกแตะกัน
อืม....ทางนี้ก็ดูท่าจะห้ามใจยากแหะ
"อะ..อะไรเล่า อย่ามาบังคับกันง่ายๆแบบนี้นะเว้ย" หึหึ
ขนาดเสียงสั่นมันยังทำปากดีหาญกล้าเชิดหน้าขึ้นมาเถียงจนได้
"ก็ไม่เห็นจะยากนี่"ไอ้แว่นมันเงยหน้าขึ้นมามองค้อนด้วยความไม่พอใจพร้อมกับเม้มริมฝีปากตัวเอง..คงกำลังโกรธจัด
แต่ทำไมไอ้แรร์มันถึงกำลังยิ้มได้ล่ะครับท่าน ยิ่งเห็นกิริยาแบบนี้แล้ว..ทำไมคำว่า'น่ารัก'ถึงผุดขึ้นมาในหัว ทั้งที่ก็เป็น 'ผู้ชาย'ด้วย
กัน
"ไอ้คิงคองอย่ามายั่วให้โมโหนะ!!"
"หึ! ใครกันแน่ที่ยั่ว?"
"จะเอายังไงกันแน่วะ ไม่อยากให้มาก็บอกดีๆก็ได้" อ้าว...มันนึกว่าโดนแกล้งอีกเหอะ
ไอ้ลิงแว่นนี่มันคงเอ๋อระยะสุดท้ายแบบแก้
ไม่หาย กู่ไม่กลับเสียแล้ว สรุปว่าที่พูดที่แสดงออกไปทั้งหมดนั่น
มันเข้าใจแค่'แกล้ง' สังสัยว่าถ้าไม่เอาจริงเชือดลิงให้ใครๆดู มันคงไม่รู้สำนึก
“แล้วทำไมเพิ่งจะมาเอาป่านนี้ ไม่รอให้ตายก่อน!!” เออ..ทางนี้ก็มีน้ำโหนะเว้ยเฮ่ย ปล่อยทิ้งไว้ตั้งสามวัน
ถ้าป่วยจริงป่านนี้ก็นอนอืดแล้วเหอะ
“อะไรวะ ก็เพิ่งรู้จากคุณปั่นวันนี้
แล้วก็ไม่เห็นจะต้องแกล้งกันแบบนี้เลยนี่หว่า!” ห่ะ..!!
โทรไปบอกมันตั้งแต่เมื่อวาน ไอ้คุณเพื่อนมันเพิ่งแวะไปวันนี้อะนะ ถึงว่าดิ
ทางนี้นอนรอแล้วรออีก ประเด็นที่บอกจะพาไปเลี้ยงเป็นอันปิดจบโครงการ ณ บัดเดี๋ยวนี้เลยเหอะ
งั้น...แสดงว่าพอรู้ความปุ๊บ
ไอ้แว่นมันก็รีบมาเลยใช่ไหม...แบบนี้..ก็สมควรจะดีใจซินะ..
"ไม่ได้แกล้งแต่ 'เอา'จริงๆ" "ห่ะ!!...ว่าอะ..อุ๊บ..อื้ออออออ" ณ ตอนนี้ไอ้คุณแรร์ขี้เกียจจะหาอะไรมาเคลียร์ เพลียจะอธิบายความ
ให้ยืดเยื้อในเมื่อมันซื่อเหลือเกิน ก็เลยตอบยืนยันทุกสิ่งอันด้วยการ..จูบ..มันซะเดี๋ยวนั้น
แรกเริ่มก็เพียงแค่ริมฝีปากแตะกันธรรมดา
คล้ายว่าจะลิ้มรส แต่พอได้ลอง ก็เหมือนกับเด็กที่มีคนหยิบยื่นของหวานมาให้
ยิ่งอีกฝ่ายเผลอตัวยอมเปิดรับด้วยแล้วก็เหมือนจะยิ่งยั้งตัวห้ามใจเอาไม่อยู่
ได้แต่โทษตัวเองที่อาจจะไม่ได้ลิ้มรสหวานนี้มานาน
หรือไม่ก็เพราะหมายตาไว้แต่ไม่ได้แตะต้องซักที
พอได้ก็โอกาสก็เหมือนคนมูมมามอยากได้ทั้งหมดทุกสิ่ง
ท่อนแขนที่ยันผนังห้องไว้ในตอนแรก
กลายเป็นเลื่อนมารั้งตัวอีกฝ่ายเข้ามาหาจนแนบชิด แต่ก็เหมือนยังไม่พอ ยังอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
อยากเป็นเจ้าของคนตรงหน้าผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว
ฝ่ามือข้างหนึ่งจับช้อนท้ายทอยอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้หันหนี
สองมือที่ดันอยู่บนอกตอนแรก กลายเป็นโอบรอบคอเพราะหมดแรง
"คราวนี้รู้ยัง หืม?" ไอ้ลิงแว่นเบือนหน้าหลบสายตา
ริมฝีปากที่เผยอหอบหายใจแดงช้ำ
ก่อนจะซบหน้าลงบนไหล่เพราะทำท่าจะยืนด้วยตัวเองไม่อยู่
"ทะ..ทำไม..?" มันยังจะมีข้อสงสัยอีกนะ
เจ้าของห้องหิ้วปีกลิงแว่นที่หมดแรงเข้าไปข้างใน
พอวางมันลงบนโซฟาได้
ไอ้แว่นมันก็รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีกระเสือกกระสนลนลานพาตัวเองไปซุกอยู่ตรงมุมด้านในของโซฟาด้วยท่านั่งกอดเข่า
เอาหน้าซุกกับขาตัวเอง ทำยังกับใครจะฆ่ามันอย่างงั้น
“กลัวอะไร เห็นทุกทีทำเก่ง” ไอ้แว่นคนเก่งขมวดคิ้วมองมา
มันคงคิดจะเถียงแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเป็นนั่งกอดเข่าหงอยเหมือนเดิม
ยิ่งพอย่อตัวลงไปนั่งข้างๆมันถึงกับสะดุ้ง พยายามจะเบียดตัวเข้าไปในโซฟาให้ได้
...หมดทางหนีแล้ว หึหึ
“เพราะใครกันล่ะ! ก็ไหนบอกไม่ชอบ!” เถียงไปก็หน้าแดงไป แถมยังไม่ยอมหันมาสบตาตรงๆ ทำไมกันนะ
ยิ่งได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งหลงใหล ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร
ไม่เคยอยากได้มากมาย ไม่เคยมีความรู้สึกอยากยึดเอาไว้ อยากครอบครองมากมายถึงขนาดนี้
โป๊ก!!“โอ๊ย!! เจ็บนะ”สมควรจะร้องโอดครวญอยู่หรอก เพราะโดนทางนี้ดีดมะเหงกหน้าผากไปที เรื่องแต่ครั้งเก่า...ไอ้แว่นมันก็ยังคงฝังใจไม่เลิกรา
ไอ้ที่อยากให้รู้ อยากให้เข้าใจมันกลับซื่อบื้อ
แต่ไอ้เรื่องที่สมควรจะลืมมันกลับจำแน่นหนึบ แบบนี้มันน่า...ไหม??
“สม!! ซื่อระยะสุดท้ายจริงๆ” พอเห็นผิวขาวๆ แดงเป็นรอยก็นึกสงสาร
นายแรร์คนนี้ก็เลยใจดียื่นหน้าเข้าไปเป่าให้ คนเจ็บถึงกับนั่งตัวแข็ง
ที่ควรจะแดงแค่ตรงที่โดนดีดก็กลายเป็นแดงมันทั้งหน้า
“อย่ามาว่านะ”ยังจะมาทำเก่งเถียงเสียงแข็งอีกนะ
“ไม่ได้แกล้ง แล้วก็ไม่ได้ชอบ’คนอื่น’เหมือนกัน แค่คนเดียว เข้าใจไหม?”เอานิ้วจิ้มหน้าผากไอ้ลิงแว่นประกอบคำ
ต่อให้เป็นคนที่มีความมั่นใจแค่ไหนก็เถอะครับ
ให้มาพูดความในใจกันตรงต่อหน้าเจ้าตัวแบบแบบนี้ มันก็ต้องมีเขินกันบ้างเหอะ
“ตะ..ตั้งแต่เมื่อไรกัน อื้อ..อย่าเพิ่งซิ”ไอ้ลิงแว่นถามเสียงสั่น คราวนี้ไม่ได้ยื่นไปเป่าหน้าผากให้เฉยๆ
แต่ลองแตะลงบนแก้มเนียนนิ่มตรงหน้าด้วย
...ไม่ใช่อะไรแค่อยากทดลองความรู้สึกของตัวเอง ว่าไม่ใช่แค่อยากได้ของเล่น
แต่เป็นจริงจังจริงๆ
“ก็....ไม่รู้เหมือนกัน ต้องมีระยะเวลาด้วยเหรอ เอาแค่ปริมาณพอไหม”ไม่มีคำตอบกลับ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นยังคงจ้องมองตรงมา
แล้วกระพริบปริบๆเหมือนยังคลางแคลงใจ ...พิสูจน์มันอีกซักรอบ เอ๊ย!! ซักทีดีไหมนะ
“แล้ว...อย่าบอกนะว่าที่ป่วย เป็นแผน!?” อ่า...ในที่สุดลิงเอ๋อมันก็รวบรวมสติตัวเองได้เสียที
ที่นั่งนิ่งคงกำลังคิดทบทวนอยู่ซินะ
“ไม่รอให้โดนจับกดก่อนแล้วค่อยนึกได้ล่ะ”ยื่นหน้าเข้าไปฟัดแก้มมันอีกที โทษฐานที่มาฉลาดเอาตอนนี้ ไอ้แว่นเบี่ยงตัวหลบพัลวัน
แถมด้วยการพยายามจะประทุษร้ายด้วยการต่อย แต่มันก็ทำได้ไม่ถนัด
อย่างเก่งก็ได้แค่ทุบอกไปหลายที
“ขี้โกงนี่หว่า แบบนี้เขาเรียกมัดมือชก!”ด่าไปก็หน้าแดงไป ....นี่คิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม ว่ามันไม่ได้ปฏิเสธ
“กล้าชกไหมล่ะ แลกกัน..”นายแรร์จอมเจ้าเล่ห์แตะที่ริมฝีปากตัวเอง
ส่วนสายตาก็จับจ้องไปที่ริมฝีปากของฝ่ายตรงข้าม แทบไม่ต้องเดา
คำตอบก็คือ...ไอ้ลิงเอ๋อรีบตะครุบปากตัวเองแล้วส่ายหน้ารัว
“นิสัยไม่ดีว่ะ ชอบบังคับ”คนที่โดนกล่าวหาไม่มีวี่แววว่าจะโกรธเคือง แต่กลับคลี่ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาแทนคล้ายจะบอกว่า
ยอมรับข้อกล่าวหาแต่โดยดี
“ก็ได้..งั้นต่อไปนี้ ห้ามยิ้มให้คนอื่นง่ายๆ ห้ามให้ใครมาแตะ
ห้ามให้ใครมากอด แล้วก็..ห้ามอยู่กับคนอื่นตามลำพังแบบนี้เด็ดขาด นี่คือคำสั่ง
เข้าใจ๋!” คำสั่งที่ได้ยินทำเอาไอ้ลิงแว่นอ้าปากค้าง
นั่งกระพริบตาปริบๆ
“จะ..จะบ้าเหรอ คนขายของไม่ให้ยิ้มได้ไง อย่ามาสั่งนะเว้ย
มีสิทธิ์ไรเหอะ” ยัง...ยังอีก...ไอ้ลิงแว่นมันยังเอ๋อไม่เลิก
ยังจะมากล้าเรียกร้องสิทธิ์อีกงั้นเรอะ
ถ้าไม่พูดให้ชัดเจนมันคงจะไม่เข้าใจใช่ไหม...ได้...!
“สิทธิ์ของคนเป็น’แฟน’มีไรไหม?"ชัดเจน...ไม่เปลี่ยน...นายแรร์คนนี้ไม่ยื่นคำขาด
แต่พูดคำไหนคำนั้นว่ะครับ
“เฮ้ย!...เป็นตั้งแต่เมื่อไร??” ขนาดนี้แล้วมันยังจะถามไม่เลิกนะ สงสัยต้องจับมาอบรมหลักสูตร’แฟน’ใหม่เสียแล้ว
“ตอนนี้ เมื่อกี้ และนับจากนี้เป็นต้นไป” มันยังคงทำหน้าเอ๋อ
..จะให้อธิบายความไหมว่า นับเป็นลิงในกำมือของนายแรร์ไปแล้วตั้งแต่มันตัดสินใจ’ผ่าน’มาแถวนี้นั่นแหละ
จะให้ยอมปล่อยให้หลุดมือไปนะหรือ...ขอบอกว่ายาก!!
“ไอ้คนเอาแต่ใจ ไอ้...!!”
“จะเอามากกว่าใจอีก คอยดูล่ะกัน หึหึ”
คำขู่กลับทำเอาคนฟังถดถอยหนีไปจนติดผนังด้านหลัง นึกสงสารอยู่หรอก
แต่พอเห็นแบบนั้นแล้วก็อยากแกล้งต่ออีกหน่อย
การเดิมพันครั้งนี้ไอ้แรร์ทุ่มไปหมดตัวแล้วนี่...เพราะงั้น...ก็ต้องได้กลับมาทั้งหมดเหมือนกันซิ...หึหึ
สวัสดีค่ะ ตอนใหม่มาเเล้ว อิอิ บูตะจังเน็ตเน่าค่ะเลยพึ่งมาลงได้ ขอให้มีความสุขกับพี่เเรร์น้องเข้มนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ ตอนหน้ามาวันพรุ่งนี้ค่ะ อิอิ เจอกันค่ะ เจอกัน บวกให้หมดเลยนะคะ ทุกคนเลย