ผมนอนพักที่โรงพยาบาลคืนหนึ่งก็กลับบ้านได้เลยเพราะไม่เป็นไรมาก แค่สำลักน้ำเท่านั้น
สมองก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ปัญหาที่ตามมาคือ มอไซด์เพิ่งส่งได้งวดเดียวเองก็พังยับ
ผมคิดว่าพ่อแม่ต้องกลุ้มใจกับหนี้ก้อนนี้แน่ๆ แต่ความซวยก็ยังไม่จบสิ้น
2-3วันต่อมา จู่ๆพ่อผมเป็นลมกระทันหันต้องหามส่งโรงพยาบาลอีก
“เครียดมากน่ะครับ ต้องให้พักผ่อนเยอะๆ” คุณหมอบอก
“พ่อผมไม่เป็นแน่เหรอครับ”
“ตอนนี้น่ะใช่ครับ หมอแนะนำว่าอย่าให้คนป่วยคิดอะไรมากอีก มีงั้นมีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้นะครับ”
โรคหัวใจ คำนี้น่ากลัวจริงๆ ผมมองแม่ที่หน้าซีดไม่พูดไม่จา เรานั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ
“แม่...พ่อเครียดอะไร เรื่องมอไซด์เหรอ”
“เปล่าหรอก....” แม่กุมขมับพยายามปรับสีหน้า แต่สุดท้ายก็กลั้นไม่ไหว แกยกมือปิดหน้าร้องไห้เงียบๆ
“แม่??”
“พ่อเขาไม่คิดมากเรื่องมอเตอร์ไซด์หรอก มิว... แต่พ่อเขากำลังหาเงินมาใช้ค่าผ่อนรถที่เหลือ.....
เลยไปคุยกับเฮียเส็ง พ่อแค่ไปถามดูว่าให้กู้เท่าไร คิดดอกยังไงเท่านั้นยังไม่ได้กู้เลย
แต่กลับมาถึงหน้าบ้านเขาก็ส่งลูกน้องมา บอกให้พ่อใช้หนี้แสนหนึ่ง”
“ว่าไงนะ”
“พ่อก็งงเหมือนกัน บอกว่าไม่ได้กู้ แต่พวกมันเอาหนังสือกู้ยืมมาให้ดู
บอกว่าพ่อแปะโป้งยืมแล้วเลยเถียงกันจนพ่อเขาหน้ามืดขึ้นมา”
“อะไรนะ...ไอ้เสี่ยนั้นเหรอ มันทำงี้ได้ไง”ผมโมโหสุดขีดลุกตรงไปประตูทางออก
“มิว จะไปไหน??”
“ผมจะไปหามัน แม่รออยู่นี่แหละ”
ตอนนี้ผมโกรธจนหูอื้อแล้วไม่สนใจอะไรทั้งนั้นรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด
แถวบ้านผมไม่มีใครไม่รู้จักเฮียเส็ง เสี่ยใหญ่เปิดร้านขายข้าวสารธรรมดาๆ
แต่หลังร้านแกมีที่ว่างเลยสร้างห้องเปิดให้เล่นไพ่เป็นบางวันแล้วให้กู้ยืมไปทั่ว
แกหน้าเลือดและผมก็คิดว่าคนที่ไปยืมแกน่ะโง่ แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัว ผมผ่านหน้าบ้านตัวเองไปมุ่งไปยังร้านของมัน
“เฮียเส็ง!!!” ผมพรวดเข้าไปถึงหลังร้าน ผ่านหน้าลูกน้องมันหลายคน
เจอมันกำลังหนีบกระเป๋าหนังสีน้ำตาลใต้รักแร้เดินดูคนจั่วไพ่ ผมคว้าตะขอเกี่ยวกระสอบข้าวของมันมาเป็นอาวุธ
“เฮ่ยๆๆๆๆ” ไอ้อ้วนหัวล้านไข่ดาวเห็นก็ร้องเหมือนหมาเลย ลูกน้องมันมาขวางทาง
“เมื่อเช้ามึงทำอะไร?? มึงหลอกพ่อกูเหรอ”
“อะไรว่ะ?”
“พ่อกูไม่ได้ยืมเงินมึงสักบาท อยู่ดีๆเป็นหนี้มึงได้ไงแสนหนึ่ง”
ผมเอาตะขอเหล็กชี้หน้า ไอ้เสี่ยทำหน้างงพอผมเล่าถึงตรงนี้ถึงร้องอ๋อ
“ลื้อเป็นลูกอาสวายนี่เอง....ช่ายพ่อลื้อมายืมเงินอั๊วจริงๆน่า”
“ยืมพ่อมึงสิ เงินสักบาทกูยังไม่เห็นเลย”
“เอ้า?? แล้วอั๊วจะรู้ด้ายงาย่าพ่อลื้อเอาเงินไปหนาย ยืมก็คือยืม อั๊วมีหนังสือสันยานะ”
“สัญญากะผีสิ พ่อกูเขียนชื่อเป็นเว้ย เขาไม่แปะโป้งหรอก”
“จะปายรู้เหรอ ไว้ปายถามพ่อลื้อสิว่าหยิบจับอะไรของอั๊วซี้ซั๊วหรือเปล่า
คนไม่ฉะลาดก็อย่างงี้แหละต้องช่ายหนี้ไปทางชาด”
ไอ้เฮียเส็งหัวเราะฮา...ฮ่า ตอนนั้นผมฟิวส์ขาดแล้วเงื้อตะขอเหล็กในมือพุ่งเข้าหามัน
“มึงตาย!!!”
ผัวะ!!! ลูกน้องมันพุ่งเข้ารวบตัวผมไว้ได้ก่อน ผมโดนพลั่กล้มลงกับพื้นซีเมนต์หยาบๆ
หน้าโดนกดบดไปมาจนเจ็บเหมือนโดนมีดโกน
“มึงซ่าส์นักเหรอวะ ไอ้เปี้ยก”
“เฮ่ย..พอ อย่ากาทืบมานเดี๋ยวมานเจ็บตัวจาหาเงินมาจ่ายอั๊วมายด้าย
ปล่อยมันไป....ฟังนะลื้อต้องมาจ่ายให้อั๋ว สามพันทุกวาน ม่ายงานดอกจาทบต้นไม่มีวานยุด
เข้าใจไหม ลื้อม่ายจ่ายอั๋วจะส่งเด็ดๆปายทวงกะแม่ลื้อ”
เหลือเชื่อเลย....มันทำยังงี้ได้ยังไง ทั้งที่บ้านผมไม่เคยทำอะไรให้
ก่อนหน้านี้เจอหน้าก็ยังยิ้มทักอยู่แท้ๆ ผมโดนลากขึ้นมาลูกน้องมันจิกหัวพามาหน้าร้าน
“เฮ่ยๆเดี๋ยวสิ” เฮียเส็งตะโกนขึ้นมา
“อั๋วเปี่ยนจายแล้ว....เดี๋ยวลื้อพากันหนีไปหมดทั้งบ้านอั๊วก็ซี้นาสิ.....เอามานไปขังในห้อง
คืนนี้อั๊วจาเอามานไปขายดีก่า ได้เงินมาหักหนี้ทุกวานดีก่าปล่อยมันกับปาย”
“ว่าไงนะ ไอ้สัด” ผมเงื้อเท้าจะเตะปากมันให้หายแค้น แต่เท้าดันยาวไม่ถึง
ผมกลับเจอหมัดสวนเข้ามาเต็มเป้าตา ตูม!! ทุกอย่างมืดไปหมด
*************
“ลงมาได้แล้วเว้ย” มือแข็งๆกระชากผมให้ลุกจากเบาะหนังกลิ่นเหม็นๆออกมา
กลิ่นอากาศข้างนอกนี้ดีกว่าในรถตู้เป็นร้อยเท่า ผมดีใจที่ได้ออกมา แต่ก็ไม่ดีใจที่โดนหิ้วปีกอย่างนี้
พวกมันกำลังจะไปไหนนะ ผมปรับสายตาไม่ทันมองไม่เห็นสถานที่เลยก็โดนลากเข้ามาในร้านแล้ว
กลิ่นส้วมเหม็นๆโชยมาแทนจนรู้สึกอ๊วก ที่นี่สกปรกมาก
แต่พอออกมาด้านหน้าถึงได้กลิ่นแอร์เย็นๆให้ความรู้สึกสะอาดกว่ามาก
“นั่งนี่” พวกมันโยนผมลงนั่งบนโซฟาเก่าๆในห้องทำงานผนังอิฐเปลือยๆ
มีโต๊ะทำงานเอกสารกองพะเนินเกือบท่วมหัวคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรไม่รู้ยุกยิก
ผมเห็นที่ผนังห้องเจาะเป็นช่องติดตู้ปลาทะเลสีสวยมองเห็นข้างนอกได้
ท่าทางจะเป็นร้านอาหารไม่สิ....ร้านเหล้ามากกว่า ผมเห็นข้างนอกมีหนุ่มสาวเต้นกันสุดเหวี่ยงท่ามกลางแสงสีวิบวับ
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาเกือบ 3 ทุ่ม แย่แล้ว....แม่ต้องเป็นห่วงแน่ๆ
ผมจะทำยังไงถึงจะติดต่อแม่ได้นะ อย่างน้อยก็บอกแกว่าไม่ต้องเป็นห่วง
“เท่าไร...”
ผมหันไปมองคนที่นั่งโต๊ะ เขาเป็นหนุ่มใหญ่หน้ามีแต่หลุมสิว ดูก็รู้ว่าไม่น่าคบ
“คิดเป็งรายวันนา”
“คิดเป็นรายวันก็ต้องทำประตูมากหน่อยนะ ไอ้หนูนี่จะไหวเรอะ” เขาว่าพลางส่งสายตามาที่ผม รู้สึกขยะแขยงจัง
“ม่ายวายก็ต้องวายน่า”
“ผมต้องไปห้องน้ำหน่อย” คนสามคนหันมามองขวับ “ผมไม่ได้เข้าห้องน้ำ ตั้งแต่เช้าแล้วนะ”
“เอ่อๆ พามานปายหน่อยสิ”
มือแข็งๆคว้าแขนผมไว้ทันที ยังกะกลัวผมหนี แต่ผมคิดหนีจริงๆ ขอให้มีโอกาสเถอะ
มันพามาที่ประตูยังไม่กำลูกบิด ประตูก็เปิดผ่างเข้ามาดันให้ต้องถอยหลบ
“คุณยอร์ท” ร่างสูงเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนก้าวเข้ามาพร้อมกับเสียงที่ไม่ความเกรงใจ มันทำให้ผมตกใจนิดๆ
“พี่สอนเด็กเฝ้าประตูยังไง ทำไมถึงไม่ยอมให้ผมกับเพื่อนเข้า”
“อ้อ คุณสิท...ขอโทษที” เจ้าของห้องรีบลุกขึ้นต้อนรับ เอาใจ “ไอ้เด็กใหม่มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย เดี๋ยวผมไล่มันออกเลย”
“ไม่ต้อง ผมไม่อยากโดนแช่งตามหลัง ให้มันไปล้างส้วมซะยังจะดีกว่า”
“ครับๆ ผมจะจัดการให้ วันนี้มากับเพื่อนกี่คนครับ”
“กับก้องสองคนเหมือนเดิม”
“งั้นผมเปิดห้อง VIPให้เลยนะครับ” เจ้าของห้องกุรีกุจรมาเปิดประตูให้ ร่างสูงถึงหันมาทางผม เขาชะงักกึกตอนเห็นหน้าผม
“มานี้ได้ไง”
“นาย....??”
“คนรู้จักกันเหรอครับ”
“สิท...” ผมดีใจหาย แต่พอก้าวไปหาได้ก้าวเดียวก็ต้องหยุดกึก ผมจะทำอะไรเนี่ย
ขอให้เขาช่วยเหรอ?? ฐานะอะไร..... เขากับก้องเพิ่งรู้จักผมไม่นาน แล้วพูดจาเลอะเทอะเอาไว้ก็จริง
แต่ผมจะขอร้องอ้อนวอนให้ช่วยยังกะคนสิ้นไร้ไม้ตอกได้หรือ
“สิท...มัวทำอะไร อ้าว??” ก้องโผล่หน้ามาพอดี เขาดูประหลาดใจที่เห็นผมในสถานที่เช่นนี้
“มาทำอะไรที่นี่?”
“รู้จักกันเหรอครับ เด็กคนนี้เป็นเด็กใหม่ของร้านเพิ่งมาวันนี้ครับ”
ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า มันจะบอกว่าผมเป็นไอ้ตัว
“พวกนายจำได้หรือเปล่า” ผมต้องรีบฉวยโอกาสไว้ “ที่ๆเราเคยไปมาแล้ว และพวกนายก็พูดถึงบางอย่าง”
ผมมองหน้าทั้งคู่ไปมาพยายามหาปฏิกิริยาว่าผมยังมีหวังอยู่ไหม
“นายอยากได้ทาสไม่ใช่หรือ....ถ้ายังไม่เปลี่ยนใจล่ะก็......ฉันจะขาย”
“ห่ะ??” สิททำเสียงเหมือนอยากให้พูดซ้ำอีกที
“ฉันจะขายตัวเป็นทาสของนาย”
ติดตามตอนต่อไป
