My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13  (อ่าน 83106 ครั้ง)

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
«ตอบ #210 เมื่อ06-07-2011 20:18:46 »

ผมก็รู้สึกแบบ k.tantalize แต่ตอนนั้นมันก็พูดอะไรไม่ออกนะ ใจนึงก็ดีใจที่เอ็มมันยังแคร์แต่อีกใจนึงก็เจ็บ  :sad4:

ไม่มีเพื่อนเรียนนิติซักคนแต่ได้ข่าวมาว่าข้อสอบเป็นสอบเขียนแบบยาวมากกกกกกกกกก  o19
โชคดีในการสอบนะครับ  :mc4:

ออฟไลน์ Þrestigë

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
«ตอบ #211 เมื่อ08-07-2011 00:31:48 »

แปะ แปะ ขอแปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่านน

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
«ตอบ #212 เมื่อ08-07-2011 01:48:35 »

พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หลังกลับจากเที่ยวมา5วันก็มาอ่านเลย รู้สึกจุกไปกับนิวเลย :z3: :z3:

 :m15: :monkeysad: :sad11: :m16: :m31: :angry2: :serius2: :beat: :เฮ้อ:

 :กอด1: :L2:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
«ตอบ #213 เมื่อ11-07-2011 23:33:19 »

ผมไม่เคยทำใจได้กับเรื่องของเอ็มและแพร หลังจากวันนั้นผมกับเอ็มกินข้าวดูหนังด้วยกันน้อยครั้งมาก บางครั้งที่ผมชวน … ไม่รู้ซิครับผมรู้สึกได้ว่าเขามาเพราะแค่ไม่อยากให้ผมน้อยใจมากกว่าจะมาเพราะว่าอยาก มันเหมือนมาตามหน้าทียังไงไม่รู้ ผมว่าผมไม่ได้คิดมากไปเองนะถ้าดูจากการพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเอ็มในช่วงหลัง

ไม่นานหลังจากที่เอ็บกับแพรคบกัน แพรก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ เครื่องของเเพรออกตอนกลางวันเย็นนั้นผมก็ชวนเอ็มมาเดินเล่นที่งานถนนคนเดิน ผมก็ยังทำตัวเหมือนเดิมคือพยายามไม่รับรู้ว่าเอ็มเขาคบกับแพรอยู่ คืนนั้นเราสองคนเดินเล่นด้วยกันจนดึก เอ็มป้อนขนมผมด้วย ดีใจครับแต่การกระทำของเขามันก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บเพราะพอเอ็มหันไปเห็นเพื่อนเเพรเขาก็รีบดึงผมออกจากตรงนั้น มันเจ็บนะครับ ทำไมผมถึงต้องหลบๆซ่อนๆ

ช่วงที่ไปเรียนต่อต่างประเทศเอ็มกับแพรทะเลาะกันบ่อย คงเป็นเหมือนกันทุกคนมั้ง เวลามันไม่ตรงกันแล้วเอ็มก็เป็นคนติดเพื่อนระดับหนึ่งเหมือนกัน แม้เอ็มจะไม่เคยบอกอะไรแต่ผมอยู่ตรงนั้นตลอดเวลาที่เขาสองคนทะเลาะกัน ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งสงสารเอ็ม ผมไม่ได้จะเปรียบเทียบตัวเองกับใครแต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่า “ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ทำให้เอ็มเสียใจขนาดนี้”

ครั้งแรกที่ผมรู้ว่าเอ็มกับแพรเลิกกัน คืนนั้นผมขับรถกลับมาจากต่างจังหวัดกับเพื่อนที่คณะ เพื่อนคนนึงในกลุ่มผมโทรเข้ามา

“นิว กรูว่ามรึงเตรียมจุดพลุฉลองได้แล้ว” ผมก็งงๆนะครับไม่เขาใจมุกมัน

“อะไรวะ งง”

“กรูว่ามรึงคงเป็นคนที่ดีใจที่รู้ข่าวนี้” เพื่อนผมคนนี้มันรู้ว่าผมไม่ชอบแพรเอามากๆแต่มันไม่รู้สาเหตุ

“เออออ มรึงจะบอกได้ยังกรูอยากรู้แล้วเนี่ย”

“ฟังกูดีๆนะ เอ็ม-เลิก-กับ-แพร-แล้ว”

ความรู้สึกของผมตอนนั้นเหรอครับมันกระวนกระวาย ใจนึงก็ดีใจแต่อีกใจนึงก็เสียใจเพราะผมกลัวเอ็มจะเจ็บ อยากโทรหาเอ็มมากๆแต่ทำไม่ได้เพราะเพื่อนๆนั้งอยู่เต็มรถ ผมรีบเหยียบรถเข้ากรุงเทพ พอส่งพวกมันลงหอ ผมก็จอดรถข้างทางแล้วโทรหาเอ็ม พอมันรับสายผมก็ชวนมันคุยเรื่องโน่นเรื่องนี้ ยังไม่กล้าถามมันตรงๆ ผมแถไปเรื่อยละครับจนสุดท้ายผมก็หมดเรื่องจะคุย ผมเงียบ เอ็มก็เงียบ

“เป็นไงบ้าง”

“ถามถึงเรื่องอะไรละ”

“มรึงก็รู้ว่ากรูถามถึงเรื่องอะไร … เป็นไงบ้าง”

“ก็ดี เสียใจ แต่พอไหววะ”

“อยากให้ไปหาไหม” ตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนแล้วครับแต่ผมก็อยากแวะเข้าไปหาเอ็มอยากไปให้เห็นกับตาว่าเอ็มเขาสบายดี

“ไม่เป็นไร มรึงกลับไปพักเถอะ เดียวกรูก็นอนแล้ว”

“นอนหลับเหรอ”

“ไม่รู้ดิ ต้องลองดูวะ”

“ไม่ให้ไปหาแน่นะ กรูไปนอนเป็นเพื่อนมรึงก็ได้”

“ไม่เป็นไร ขอบใจมรึงละกัน” วันนั้นผมถามตัวเองนะครับว่าหลังจากนี้ผมกับเอ็มจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหมแต่คำตอบที่ได้กลับมามันก็ไม่ต่างอะไรกับการกลืนนำ้ลายตัวเอง อย่างมากผมกับเอ็มก็กลับไปมีความสัมพันธ์คลุมเครือกันแบบเก่า

วันรุ่งขึ้นกลุ่มผมก็นัดรวมตัวกันที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ (ให้ความรู้สึกสภากาแฟคุณลุงมากๆ) และเรื่องที่ทุกคนพูดถึงก็หนีไม่พ้นเรื่องที่เอ็มกับแพรเลิกกันซึ่งก็โชคดีที่เอ็มมาช้ากว่าเวลานัดเกือบชั่วโมง มาถึงมันก็โดนสัมภาษณ์แบบละเอียดทุกรายละเอียดแต่เอ็มมันก็ไม่ได้บอกอะไรมาก ผมว่ามันพูดกับเพื่อนคนนึงในกลุ่มแหละแต่มันไม่บอกและเพื่อนคนนั้นก็ไม่เล่าด้วย ผมไม่ได้น้อยใจอะไรนะ ผมรู้จักนิสัยของเอ็มดีว่ามันเป็นคนไม่พูดลับหลังใคร สำหรับเพื่อนอีกคนมันก็ทำถูกแล้วละเพราะเเม้ว่าพวกเราจะสนิทกันแต่เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเอ็ม

“เอ็ม มรึงรู้ไหมว่าใครดีใจที่สุดที่มรึงเลิกกับเเพร” แล้วไอ้เพื่อนเวรมันก็จะทำผมงานเข้าอีกจนได้

“ใครวะ”

“คนนั้งข้างๆมรึงไง” แล้วมันก็หันมามองหน้าผมด้วยสายตาสงสัย ผมนิ่งครับไม่พูดอะไรเพราะรู้ว่ายังไงเอ็มก็ไม่ถามผมต่อหน้าทุกคนอยู่แล้ว
 
“นิวที่ไอ้xxx มันพูดมันหมายถึงอะไรวะ … อย่างโกหกกรูนะ” แมร่งรู้ทันผมอีก ความซวยของผมครับเพราะเราสองคนจอดรถอีกฝั้งหนึงของถนนผมเลยต้องเดินมากับมัน

“ก็เหมือนที่มันพูดนั้นแหละ”

“ทำไมอะ”

“มรึงกับแพรไม่เหมาะกัน มรึงดีเกินไป … กรูไม่อยากพูดแบบนี้แต่กรูว่ามรึงหาแฟนได้ดีกว่านี้” วันนั้นเลยเป็นวันที่เอ็มรู้ว่าผมไม่ชอบแพรเอามากๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงเพราะไม่ถึง 2 สัปดาห์เอ็มกับแพรก็กลับมาคบกัน

มันเหมือนคนหมดหนทางนะครับ เอ็มเขาเลือกแพรไปแล้วและผมก็ทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนั้นสิ่งที่ผมทำคือพยายามรักษาตำแหน่งคนสำคัญของเอ็มเอาไว้ ผมเอาแต่ใจมากขึ้น โมโหร้าย เรียกร้องอะไรต่างๆนานาจากเอ็ม ผมไม่สนว่าเอ็มจะมีเหตุผลอะไรแต่ถ้านัดผมไว้แล้วเขามาไม่ได้ผมก็จะอารมณ์เสีย และในเมื่อเอ็มก็รู้แล้วว่าผมไม่ชอบแพรผมก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ผมเริ่มพูดประชดแพรให้เอ็มได้ยิน

“ถ้าแพรไป กรูไม่ไป  ไม่อยากไป”

“ถ้ามรึงนัดกรูแล้วแพรไปด้วย กรูไม่ไป มันไม่มีประโยชน์อะไรที่กรูจะไปอยู่ตรงนั้น”

“เชิญมรึงสองคนไปเที่ยวกันเถอะ กรูไม่อยากขัดความสุข”

และผมก็แสดงออกชัดครับว่าไม่ชอบแพร ผมทำอะไรกระทบกระแทกต่อหน้าเอ็มทุกครั้งที่เขาพูดถึงแพร ที่ผมกล้าเพราะรู้ว่าเอ็มไม่กล้าว่าผม มันโอ้ผมจะตาย ยิ่งรู้แบบนี้ผมก็ยิ่งได้ใจแต่ผมทำนิสัยเสียๆแบบนี้อยู่ได้ไม่นานก็รู้สึกตัวครับว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเพราะนอกจากมันจะไม่ทำให้ผมกับเอ็มกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วมันยังทำให้เอ็มลำบากใจ จนสุดท้ายพอผมใจเย็นลงผมก็เลือกที่จะอยู่นิ่งๆ
   
มีคนเคยถามผมว่าทำไมผมถึงตัดใจจากเอ็มไม่ได้ทั้งๆที่ตอนเลิกกับบาสผมสามารถตัดบาสได้อย่างไร้เยื่อใย ผมเก็บเอามาคิดอยู่นานว่าทำไมเรื่องของผมกับเอ็มมันถึงเหมือนเรือที่วนอยู่ในอ่าง พอเจ็บผมก็หายหน้าไป ซักพักผมก็ใจอ่อน คำตอมมันง่ายนิดเดียวคือตอนที่เลิกกันผมกับบาสก็ต่างคนต่างอยู่แต่กับเอ็มมันไม่ใช้แบบนั้น ผมอยู่กลุ่มเดียวกับเอ็มยังไงผมก็ต้องเจอเอ็มเกือบทุกอาทิตย์ ชีวิตผมมีเอ็มเข้ามาเป็นส่วนประกอบมากซะจนทางเดียวที่ผมจะตัดเอ็มได้คือเราสองคนต้องเลิกเจอหน้ากัน

ผมผูกพันกับเอ็มมากนะครับ ในกลุ่มผมกับเอ็มรู้จักกันมานานที่สุด เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นในขณะที่คนอื่นๆมารู้จักเอาตอนมันธยมปลาย บ้านผมกับเอ็มก็สนิทกัน ผมเดินเข้าบ้านเขาได้เหมือนเป็นบ้านตัวเองส่วนเอ็มมันก็คุยกับพ่อผมเหมือนคนในครอบครัว  ยอมรับเลยครับว่าที่ผ่านมาผมใจเเข็งไม่โทรหาเอ็มได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ชีวิตที่ไม่มีเอ็ม สำหรับผมมันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง

และแม้ว่าเอ็มกับแพรจะคบกันแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างผมกับเอ็มดูซับซ้อนน้อยลงเพราะผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าผมเป็นอะไรในชีวิตของเอ็ม … คืนนั้นพวกเพื่อนๆมานั้งเล่นไพ่กันที่บ้านผม กว่าพวกมันจะกลับก็เที่ยงคืนกว่าแล้วและในขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน

“นิวไปกินบะหมี่กัน” คนอื่นยืนกันอยู่เต็มห้องแต่เอ็มมันเลือกที่จะชวนผมคนเดียว ไอ้บิวมันจ้องหน้าผมเลยครับ สายตามันแบบว่า "มรึงอย่าไปนะ”

“ไปดิ” ไอ้บิวส่ายหัวให้ผมแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ

เอ็มเป็นคนขับครับและระหว่างทางแพรก็โทรมา พอเอ็มมันเห็นเบอร์แพรในมือถือมันก็ทำมือให้ผมเงียบไว้

“กำลังขับรถกลับบ้าน … อยู่คนเดียว” ผมหันไปใองหน้าเอ็มทันทีที่มันพูดแบบนี้ ตอนนั้นผมพยายามไม่คิดมากอะไรคิดซะว่าเอ็มเขาก็ตอบไปอย่างนั้นแหละจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับแพร 

"เอออออออ … ยังไม่ถึง กำลังแวะไปกอนข้าว …. กะ กับ นิว” แล้วเอ็มก็คุยกับแพรอีกเกือบ 10นาที ส่วนมากผมก็ได้ยินมันพูดว่าแต่คำว่า "อืม” ผมก็ไม่รู้นะว่าเขาสองคนคุยอะไรกันแต่คงจะทะเลาะกันซะมากกว่าเพราะดูจากสีหน้าเอ็มที่มันหงิกลงๆ   

พอเอ็มวายสายมันก็ถอนหายใจยาวๆหนึ่งที่เเล้วหันมายิ้มแล้วผม มันเล้าให้ผมฟังว่ามันกับเเพรทะเลาะกันแล้วก็ไม่ได้คุยกันมา 2 วันแล้ว วันนี้เป็นครั้งแรกที่คุยกัน

“กลับไหม มรึงจะได้กลับไปเคลียร์กัน” ผมไม่อยากพูดแแบนี้เลย ผมไม่ใช้คนดีอะไร ครับผมยอมรับว่าผมไม่อยากยอมแพ้แพร ผมอยากเป็นที่ 1 สำหรับเอ็ม เป็นคนที่มันเเคร์มากที่สุดแต่ผมก็สงสารเอ็มเหลือเกิน ผมเข้าใจแล้วครับที่เขาบอกกันว่า “การเห็นคนที่เรารักเจ็บแล้วมันเจ็บว่าหลายเท่า” มันเป็นยังไง ผมรู้ว่าในหน้านิ่งๆของมัน มันกำลังคิดมากกับเรื่องแพร

“ไม่เป็นไร กรูอยากกินบะหมี่ ... ช่วงนี้มรึงกับกรูไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันเลยเนอะ คิดถึงมรึงวะ”

"ทำไงได้ เวลามันไม่ตรงกันนิ" ผมตอบไปก็กลืนนำ้ตาตัวเองไป อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม มันยิ่งทำให้ผมใจสั่น

บรรยากาศมันชวนเครียดมากครับเพราะเอ็มมันก็ไม่เปิดวิทยุไในรถมีแต่เสียงแอร์ 

“รออะไรอยู่ … รู้อยู่แล้วว่าเข้ากันไม่ได้แล้วจะยื้อไว้ให้เจ็บทำไม” ผมถามแล้วเอื่อมมือไปกุมมือมันไว้หลวมๆ

“กรูหวังว่าเข้าจะเปลี่ยน”

“เขาจะเปลี่ยนได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่คิดด้วยซำ้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด เป็นกรูๆก็ไม่เปลี่ยน … ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”

“เหนื่อยดิ แต่พอทะเลาะกันกรูก็เสียใจ ... ขอบใจนะที่เป็นห่วงกรูมาตลอด” แล้วมันก็เอื่อมมือมาลูปหัวผม คืนนั้นผมต้องทนเก็บความรู้สึกที่มีให้เอ็มเอาไว้ ผมรักเอ็มมากนะครับ ไม่อยากให้มันเสียใจ อยากบอกเขามากๆ “เอ็ม เลิกกับแพรแล้วมาคบกับเราได้ไหม เราสัญญาว่าจะไม่ทำให้เอ็มเสียใจ”

คืนนั้นผมโทรไปหาไอ้บิวมันก็รู้หน้าที่ครับรอรับโทรศัพท์ผม

“มรึงกรู ...” พูดได้เท่านี้ครับแล้วไอ้บิวมันก็ตัดบทเทศษ์ผมไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่มันจะพูดกับผม

“อะ มรึงอยากเล่าอะไรก็เล่ามา” ผมก็เล่าให้มันฟังทุกอย่างที่ผมเก็บเอาไว้ คุยกับเกือบ 2 ชั่วโมงจนสุดท้ายผมนั้นแหละที่เป็นฝ่ายเครียดมากจนต้องขอมันเปลี่ยนเรื่องคุย เวลาผมโทรไปคุยกับไอ้บิวมันมักจะเป็นแบบนี้ละครับ ไอ้บิวมันเป็นคนใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนมากๆ บางครั้งพูดไปพูดมาจนเกือบทะเลาะกันแล้วอย่างเรื่องของผมนี่บางครั้งมันก็เครียดจนต้องหยุดคุยเรื่องนี้กันไปเลยก็มี อย่างที่ผมบอกว่าสำหรับไอ้บิวผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้หญิงเท่านั้นมันเลยไม่เห็นด้วยกับความรู้สึกของผม แล้วความอคติของมันบางครั้งก็ทำให้ผมน้อยใจว่า “ความรักของผมมันแตกต่างจากของมันตรงไหน”

“บิว มรึงอย่ามีอคตินะ … ถ้ามันไม่ใช้เรื่องของกรูกับเอ็ม มรึงว่ามันมีอะไรเปล่าวะ”

“ถ้าเป็นคนอื่น กรูว่ามี” อยากเอาเท้ายื่นไปถีบหน้ามันครับ ยังไงบิวมันก็อคติกับเรื่องนี้

“แล้วมรึงว่าทุกอย่างที่มันทำให้กรู มันมากกว่าเพื่อนกันเปล่าวะ”

“อืม!! กรูว่ามรึงสองคนเป็นมากกว่าเพื่อนกันวะ” ใจนึงผมก็ดีใจนะครับที่ไม่ใช้ผมที่คิดไปเองคนเดียวแต่อีกใจนึงผมก็เสียใจ ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ผมไม่รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ทำไมทุกอย่างมันถึงดูไม่ชัดเจนแบบนี้ ไม่ชอบเลยเวลาที่ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #214 เมื่อ12-07-2011 08:15:45 »

สงสารบิวอ่ะ
มารอตอนต่อไปนะครับ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #215 เมื่อ12-07-2011 21:15:48 »

-~iK@iZ_KunG~- : สงสารไอ้บิวมันทำไมอะครับ ส่งสารผมเถอะ  :o12: ผมโดนมันด่าเช้าด่าเย็นจนวันไหนไม่ได้ยินเสียงมันแล้วนอนไม่หลับ

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #216 เมื่อ12-07-2011 22:03:43 »

เพิ่งจะอ่านทัน รู้สึกเหมือนได้อ่านไดอารี่ชีวิตของนิวเลยค่ะ
บางทีความสัมพันธ์แบบนี้มันพูดยากมากจริงๆ ไม่รู้จะพิมพ์ว่าอะไรดีค่ะ
แต่อยากเป็นกำลังใจให้.. ชีวิตคนเรามันก็ต้องมีขาขึ้นและขาลงเนอะ
ส่วนเรื่องเอ็ม.. บางทีอาจต้องให้เวลาเอ็มหรือเปล่าคะ เอ็มถึงจะรู้ว่า
ระหว่างเพื่อนผช (ซึ่งก็คือนิว) กับ ผญ ที่อาจจะรู้สึกดี ใครจะสำคัญกว่ากัน
แต่ทำไมพออ่านมาถึงตอนนี้แล้ว เค้าเอนเอียงที่ว่า สิ่งที่เอ็มทำให้นิวอ่ะ
หลายๆอย่างมันเกินกว่าที่เพื่อนธรรมดาเค้าจะทำให้กันนะคะ *w*
นิวไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ แต่เอ็มอ่ะทำให้คิดจริงๆๆๆๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2011 22:10:14 โดย EunJin »

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #217 เมื่อ12-07-2011 22:04:25 »

โอ้ววววววววววววววว  มาที ยาวได้ใจมากๆๆๆ

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #218 เมื่อ12-07-2011 22:30:59 »

นัน่สิ เราก็งงว่าสงสารบิวทำไม หรือว่าสงสารที่มีเพื่อนอย่างคุณนิว 55555+

ออฟไลน์ SungJimun

  • ♥ 끝까지준홍 ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #219 เมื่อ13-07-2011 05:18:06 »

ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน คิคิคิ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องราวสนุกมากเลยค่ะ (แต่คำผิดเยอะไปหน่อย 555+)
เราเข้าใจความรู้สึกนิวนะคะ จากเพื่อนแล้วมาเปนแฟน มันเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ
ไม่มีใครรู้หรอกว่าในชีวิตคนเรา เมื่อไหร่ถึงจะได้เจอคู่แท้ซักที
เห็นบางคู่รักกันมาเปน 10 ปี สุดท้ายก็มีอันต้องเลิกรากันไป
กรณีของนิวยังดีนะ พอเลิกกันก็กลับมาเปนเพื่อนได้ (เปนเรานี่ อย่าเจอกันอีกเลย)
ส่วนเรื่องเอ็ม นิวไม่ผิดหรอกที่เผลอใจไปรักเค้าเปนหัวปักหัวปำ
เป็นใคร ใครก็ต้องหวั่นไหว คอยดูแลทำดีกับเราซะขนาดนั้น เกินเพื่อนมากอ่ะ

สิ่งที่จะทำให้นิวมีความสุขได้คือไม่คาดหวังค่ะ
อย่าไปคาดหวังว่าสิ่งที่เราคิดมันจะต้องได้รับสิ่งนั้นตอบ
ไม่ได้หมายถึงไม่ให้หวังนะ เรียกว่าให้รู้จัก ปลง มากกว่า
ถ้าไม่หวัง ก็จะไม่ผิดหวัง คิดซะว่า สิ่งที่เปนอยู่ทุกวันนี้ก็มีความสุขแล้ว

แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆแนะนำให้ค่อยๆถอยออกมาค่ะ อย่าพยายามไปยื้อแย่งอะไร
สายพินที่ตึงเกินไป ดีดีเล่นทุกวันยังไงมันก็ต้องขาด
เป็นห่วงสุขภาพจิตนิวนะคะ ไม่อยากให้เครียดมาก

ยังไงก็เอาใจช่วยค่า ติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆ อิอิอิ  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
« ตอบ #219 เมื่อ: 13-07-2011 05:18:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #220 เมื่อ14-07-2011 01:00:47 »

EunJin : เรื่องที่ผมเอามาเขียนก็เอามาจาก diary ผมละครับ
            บางเรื่องเกิดขึ้นนานแล้วจำลายละเอียดไม่ได้ก็ต้องกลับไปเปิดดู  :try2:

woodong : ชดเชยที่ไม่ได้มาลงหลายวันไงครับ  :undecided: o1

tantalize : ฮึ!! ผมออกจะเป็นเพื่อนที่ดีนะ แฟนไอ้บิวคนปัจจุบัน (รวมถึงคนก่อนด้วย) นี่ผมเป็นคนไปเลือกของขวัญขอเป็นแแฟนมากับมือเลยนะคร้าบบบบบบ  :m9:

SungJimun : เรื่องคำผิดนี่ผมพยายามแล้วครับ แต่ก็มีหลุดบ้างเน้อออออ ถือว่าไม่เห็นละกันครับ  :m26:
                 "อย่าไปคาดหวังว่าสิ่งที่เราคิดมันจะต้องได้รับสิ่งนั้นตอบ ...​
                  ถ้าไม่หวัง ก็จะไม่ผิดหวัง คิดซะว่า สิ่งที่เปนอยู่ทุกวันนี้ก็มีความสุขแล้ว" -------> กด like ครับ  o13

ราตรีสวัสดิ์นะครับทุกคน  :bye2:

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #221 เมื่อ14-07-2011 01:32:46 »

 :z13: :z13: :z13:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #222 เมื่อ14-07-2011 07:36:20 »

อ้าก!!!!!  :dont2: โดนจิ้ม
จิ้มคืน นี่แนะ  :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:

ออฟไลน์ SungJimun

  • ♥ 끝까지준홍 ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #223 เมื่อ14-07-2011 22:30:42 »

เค้าก็อยากจิ้มนิวมั่ง ฮาๆๆๆๆ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #224 เมื่อ15-07-2011 22:44:09 »

ฮึยยยยย!! มีคนอยากจิ้มเรา  :oni1:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
«ตอบ #225 เมื่อ19-07-2011 00:50:02 »

หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นวันเกิดผม วันนั้นข้อความสุขสันต์วันเกิดเข้ามือถือผมทั้งวันและทุกครั้งที่เสียงจากมือถือดังขึ้นผมก็อดที่จะถอดใจไม่ได้เพราะคนที่ส่งข้อความมานั้นไม่ใช้คนที่ผมรอ ... เที่ยงก็แล้ว 6 โมงเย็นก็แล้ว 5 ทุ่มแล้วก็ยังไม่มี ข้อความจากเอ็ม จนกระทั้งวันนั้นผ่านพ้นไป

น้อยใจมากครับ ที่ผ่านมาเอ็มไม่เคยลืมวันเกิดผมและไม่ว่าเอ็มอยู่ที่ไหนเขาจะเป็นคนแรกเสมอที่โทรมาบอก happy birthday ผมแต่วันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว จากพฤติกรรมของเขาในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่แม้แต่จะโทรหาผม

สัปดาห์นึงหลังจากนั้นเพื่อนๆผมนัดกินข้าวกันที่สยาม ผมมาถึงเป็นคนสุดท้ายเพราะไอ้บิวมันโทรมาชวนผมไปเดินเล่นก่อน เข้ามาร้านผมก็เห็นเพื่อนอยู่ 2-3 คน ผมรู้ว่าเอ็มมาถึงแล้วแต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน ตั้งแต่วันเกิดผม เราสองคนยังไม่ได้คุยกันเลย ผมวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้แล้วเดินขึ้นไปเข้าห้องนำ้ชั้น 2 กลับลงมาอีกที ผมให้พี่ๆทายว่ากระเป๋าใครมาวางอยู่ข้างๆ … กระเป๋าเอ็มครับ ผมแอบขำในใจนะเพราะขนาดผมวางกระเป๋ามั่วๆไม่ได้สนใจอะไรแต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนผมจะไม่มีทางหนีเขาพ้น พอเห็นหน้าผมเอ็มมันก็ยิ้มให้ ผมก็พูดกับเอ็มเหมือนปกติ คือผมงอนมันจนหายงอนไปแล้ว

นั้งกินข้าวกันไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีข้างนอกก็มืดแล้ว ผมกำลังคุยกับไอ้บิวอย่าเมามันแล้วอยู่ๆร้านเขาก็เล่นเพลง happy birthday ตอนแรกผมก็ไม่สนใจครับคิดว่าเป็นวันเกิดคนอื่น จนเหลือไปเห็นแสงเหลืองๆสว่างมาจากข้างๆเลยหันกลับไปมอง เห็นเอ็มกำลังยืนถือเค้กแล้วส่งยิ้มมาให้ อายครับเพราะไม่เคยโดน surprise แบบนี้มาก่อน คนทั้งร้านก็หันมามองผม แล้วพอเพลง happy birthday จบผมอธิฐานแล้วก็เป่าเค้ก … คำอธิฐานของผมเหรอครับ ผมขอให้เรื่องของผมกับเอ็มมันจบลงได้ด้วยดี ไม่ว่าสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ของเรามันจะเป็นอะไรก็ตาม อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้ตลอดไป

กินเค้กเสร็จก็ถึงเวลาฉลองแบบจริงจัง เด็กไอ้แจ๊สครับสั้งเบียร์มา 1 tower เขารินแล้วก็ยื่นแก้วมาให้ผม (เผื่อพี่จะสงสัยเด็กไอ้เเจ๊สเป็น ญ. ครับ น่าตาน่ารักเชียว) ผมก็จำใจรับมา ผมเคยเล่าแล้วเนอะว่าผมนะคออ่อน แล้วในบรรดาเครื่องดื่มนำ้เมาทั้งหลายผมไม่ชอบเบียร์มากที่สุด ผมนั้งจ้องแก้วเบียร์ตาปลิบๆ คิดในใจว่าถ้าหมดแล้วนี้กรูเมากลับบ้านแน่ แต่ซักพักเอ็มมันก็มากระซิบข้างหู

“กินเข้าไปหน่อยนะนิว เดียวเด็กไอ้แจ๊สจะเสียใจ ที่เหลือเดียวกรูช่วย”  :pighaun: ผมแบบว่าแอบกรีดในใจครับ คนอะไรแมร่งจะ man ได้ขนาดนั้น ผมก็ทำตามที่เอ็มบอกยกแก้วชนแล้วก็จิบไปหน่อยนึง พอผมวางแก้วเอ็มก็หยิบไปกินต่อ ผมกินไปไม่ถึงครึ่งที่เหลือฝีมือเอ็มครับแต่แค่นี้ผมก็รู้สึกแล้วนะครับว่าหน้าตัวเองมันร้อนผ่าวไปหมด หลังจากคนอื่นๆแยกย้ายกันผมนั้ง taxi กลับมาพร้อมเอ็ม

“เอ็ม กรูถามมรึงจริงๆนะ ห้ามโกหกกรู”

“อืม เรื่องไร”

“มรึงลืมหรือเปล่า” มันทำหน้าคิดนิดนึงครับ

“โทษที ช่วงนี้งานยุ่งเลยลืม”

“กรูน้อยใจนะ มรึงไม่เคยลืมวันเกิดกรู

“กรูรู้ … กรูถึงขอเป็นคนถือเค้กให้มรึงไง”  :m1:

“แล้วมรึงรู้ได้ไงอะ”

“ไอ้บิวบอก”  ไอ้บิวไอ้เพื่อนเลว  :m16: กรูอุตสาห์บอกมรึงนะว่าอย่าบอกเอ็ม

ช่วงนั้นผมเลยกลับมามีความฝันลมๆแล้งๆอีกครั้ง มันเหมือนเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายอะครับ ผมเอารถไปมหาลัยทุกวันเผื่อว่าเอ็มจะกลับบ้านพร้อมผม ผมโทรหาเขาทุกเย็น ถามเขาว่าอยู่ไหน กลับบ้านด้วยกันไหมแต่มันก็เหมือนตำนำ้พริกละลายแม่นำ้ ผมทำแบบนั้นอยู่ได้เกือบ 2 เดือนก็ต้องเลิกเพราะเอ็มเขากลับบ้านกับผมแค่ครั้งเดียว จะให้ผมทำไงได้ละครับก็เวลาของเรามันไม่ตรงกัน

ถัดมาอีกหน่อยแพรก็กลับมาจากต่างประเทศ แน่นอนครับว่าเวลาของเอ็มส่วนนึงเขาก็ต้องเอาไปให้แพร ผมรู้อยู่แล้วว่าช่วงที่เเพรกลับมาเอ็มเขาไม่มีเวลาให้ผมแต่ผมก็ยังดันทุรังจะนัดเอ็มไปไหนมาไหนซึ่งส่วนมากเอ็มก็จะปฎิเสธ จนมีอยู่เสาร์อาทิตย์นึงผมว่างตรงกับเอ็มเลยชวนเขาดูหนัง เอ็มมันก็อยากดูนะครับแต่ติดอยู่ตรงที่มันทะเลาะกับแพรเมื่อคืนแล้ววันนี้แพรมากินข้าวกับแม่ที่สยาม มันเลยขอมาง้อแพรก่อน ตอนแรกผมก็ไม่อยากไปเพราะกลัวว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นผมที่ต้องรอเก้อแต่เพราะผมอยากใช้เวลาอยู่กับเอ็มผมเลยเลือกที่จะลองเสี่ยง
   
“นิวกรูเกรงใจมรึงวะ ไม่อยากให้มรึงรอกรูนาน”

“ไม่เป็นไรเดียวเดินเล่นรอ”

“เอางี้ไหม ไปกินข้าวเย็นกับกรูกับแพร” ตอนแรกเอ็ม plan ว่าจะไปง้อแพรที่ร้านอาหารแล้วกลับมากินข้าวเย็นกับผม

“ไม่เป็นไร ไปเถอะกรูอยู่คนเดียวได้ ไปไม่นานอยู่แล้วนิ”

“เกรงใจมรึงอะ ไปเฮอะ แพรเขาไม่ว่าหรอก แม่เขาก็ใจดี”

“ฮึ ไม่อะ อยากเดินเล่นมากกว่า” ผมเริ่มอารมณ์เสียแล้วครับ ผมว่าสีหน้าผมก็ออกนะว่าไม่อยากไปแต่เอ็มก็ง้ออยู่นั้น

“นะๆ มรึงไปเถอะ ไปเป็นเพื่อนกรู” ได้ยินมันพูดครั้งที่ 3 ผมถึงฟิลว์ขาด

“ไม่ไป!! ถ้าจะให้กรูไปกินข้าวกับแพรกรูแด๊กข้าวคนเดียวดีกว่า” เอ็มมันก็เงียบไปครับ สรุปคือเขาขอเวลาชั่วโมงนึงไปง้อแพรแล้วจะกลับมากินข้าวกับผม

เย็นนั้นผมนั้งรอเอ็มที่ Paragon เดินเล่นได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว ความรู้สึกตอนนั้น เริ่มกลัวแล้วครับว่าเอ็มจะให้ผมรอเก้อจริงๆ ผมโทรไปตามเอ็ม 2-3 ครั้งเขาก็ทำเสียงเบื่อๆบอกว่าอยากแยกออกมาแล้ว ผมนั้งรอเอ็มเกือบ 2 ชั่วโมงครับกว่าจะได้กินข้าว

ตลอดเวลาที่ดูหนังยอมรับตรงๆเลยครับว่าผมไม่มีความสุขเลย ผมคิดถึงเอ็มมากนะครับแต่การที่ต้องมานั้งรอเอ็มเกือบ 2 ชั่วโมงคิดแล้วมันก็น้อยใจนะครับมันเหมือนผมเป็นตัวอะไรไม่รู้ที่จะต้องมานั้งรอเศษเวลาที่เอ็มเขาเหลือมาจากแพร ผมอยากซบไหลเอ็มดูหนังเหมือนเมื่อก่อนแต่ผมทำไม่ได้แล้วละครับ ผมกล้วว่าถ้าผมทำแบบนั้นแล้วเขาจะขยับไหลหนีผม สุดท้ายแล้วคืนนั้นผมก็ต้องกลับบ้านไปพร้อมกับความผิดหวังที่จะทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม

เเละแทนที่ผมจะจำแต่ก็เปล่า ผ่านมาได้อีกหน่อยแพรกลับไปเรียนต่อผมก็คิดว่าเอ็มจะมีเวลาให้ผมมากขึ้นผมเลยชวนเอ็มไปดูหนังอีก วันนั้นพวกผมนัดกินข้าวกันแล้วผมก็ชวนเอ็มดูหนัง ผมโทรไปจองรอบหนังแต่ยังไม่ทันได้ออกจากร้านเอ็มก็ลุกออกไปโทรศัพท์ ซัก 10 นาทีมันก็กลับมาทำหน้าหงอยๆ

“นิวกรูขอโทษวะ … กรูไปดูหนังกับมรึงไม่ได้เเล้ว กรูไม่อยากมีปัญหากับแพร”

“อืม ไม่เป็นไร” แล้วผมจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ละครับ

คืนนั้นมีเพื่อนผมอีกคนนั้งรถกลับมาด้วย ระหว่างทางผมไม่พูดอะไรเลยครับปล่อยให้เอ็มกับเพื่อนอีกคนพูดกันไม่หยุดจนมันขอลงไปซื่อของที่ seven ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนโทรหาเอ็ม ดีครับเพราะผมจะได้ไม่ต้องมานั้งตอบคำถามว่าทำไมผมถึงเงียบลง พอจอดรถผมก็นั้งเงียบมองออกไปนอกรถแล้วก็ฟังเอ็มคุยโทรศัพท์

“เฮ้ย!! มรึงแค่นี้ก่อนนะเดียวโทรกลับ” ก็ประมาณ 15 นาทีครับเอ็มมันถึงรู้สึกตัวว่าผมกำลังโกรธ

“นิว มรึงเป็นไรวะ”

“เปล่า ไม่ได้เป็นไร” ผมตอบมันแต่ผมก็ยังมองออกไปข้างนอก อึดอัดครับตั้งแต่ออกมาจากร้านอาหารผมยังไม่มองหน้าเอ็มเลย

“เป็น!! มรึงโกรธ”

“กรูไม่ได้โกรธ”

“มรึงโกรธ”

“กรูไม่ได้โกรธ” มันก็ถามผมประโยคเดิมแล้วผมก็ตอบมันเหมือนเดิมจนเอ็มมันทนไม่ไหวครับ

“ถ้ามรึงไม่เป็นอะไรก็หันมามองหน้ากรู” ผมอึ้งไปครับไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้ เออ!!มรึงเริ่มก่อนนะ    :m31:
   
“กรู-ไม่-ได้-เป็น-ไร พอใจยัง!!” ผมพูดกระแทกเสียงคำต่อคำแล้วมองเข้าไปในตามันครับ ผมเองก็เริ่มจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ได้เเล้วเหมือนกัน

“นิว มรึง...”

“อย่าเริ่ม!! เดียวมันจะไม่จบ พูดไปมันก็ทำร้ายจิตใจกันเปล่าๆ” ผมพูดแทรกแล้วเอานี้วชี้ชี้หน้าเอ็ม เอ็มมันชักสีหน้านิดนึงแต่ก่อนที่มันจะพูดอะไรเพื่อนผมมันก็กลับขึ้นมาบนรถ ผมก็รีบเปลี่ยนอารมณ์ชวนมันคุยโน่นคุยนี่ แอบเหลือบมองเอ็มมันทำหน้าเซ็งๆแล้วก็ส่ายหัว

ผมเลือกที่จะส่งเอ็มลงก่อนเพราะไม่อยากอยู่ในบรรยากาศอึดอัดและเหมือนเอ็มมันจะรู้ว่าผมคิดอะไรเพราะปกติแล้วผมจะส่งมันเป็นคนสุดท้าย มันลงจากรถแล้วหันมาโบกมือให้ผม ผมไม่ได้โบกตอบแค่ยิ้มมุมปากให้นิดๆให้ก็ขับรถออกมา กลับถึงบ้านผมก็โยนทุกอย่างลงบนเตียงแล้วเดินไปอาบนำ้ ไม่โทรไป missed call เอ็มเหมือนทุกครั้ง เกือบชั่วโมงแหละครับเอ็มมันถึงได้โทรมา

“อืม ว่า” ผมพยายามทำเสียงเหมือนกำลังทำงานอยู่ทั้งที่จริงๆแล้วนั้งดู TV

“มรึงกลับถึงบ้านนานแล้วเหรอ”

“ซักชั่วโมงได้แล้ว ไมอะ”

“เปล่า!! ก็เห็นไม่โทรมา เลยคิดว่ายังไม่ถึง”

“เออเหรอ พอดีคุยเรื่องงานกับเพื่อนนะ” แล้วต่างคนก็ต่างเงียบครับ

“เอ็มกรูว่างก่อนนะ จะไปนอน” ผมตัดบทวางสายครับเพราะยิ่งทิ้งไว้บรรยากาศมันก็ยิ่งอึดอัด ผมว่าคราวนี้ผมโกรธมันมากกว่าดีใจนะที่มันโทรมา อยากถามกลับไปครับว่าเคยเเคร์ผมด้วยเหรอ  มันไม่ใช้ครั้งแรกที่ผมไม่โทรไปแต่ทุกทีก็ไม่เห็นจะใส่ใจแล้ววันนี้พอรู้สึกว่าผมโกรธแล้วจะมาสนใจทำไม ยังไงก็เลือกแพรมากกว่าผมอยู่แล้ว ผมรู้ว่าผมเป็นแค่เพื่อนแต่อย่างน้อยผมก็น่าจะได้รับอะไรที่มันดีกว่านี้ ผมจะไม่โกรธเลยถ้าเอ็มเขาบอกไม่ไปตั้งแต่แรกแต่ไม่ใช้รับปากแล้วเดินมาบอกว่า “ไม่” มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ

พอวางจากเอ็มผมก็โทรหาบิว   

“มรึง กรูไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากเอ็มอีกแล้วใช้ไหม” ผมถามมันหลังจากระบายความนอยด์ทุกอย่างให้มันฟัง

“มรึงก็รู้คำตอบแล้วจะมาถามกรูทำไม”

“แต่กรูเสียใจนิ”

“มรึงเสียใจแล้วไง มรึงก็ว่ามันเป็นเป็นเวลาของแพรแล้วยังกล้าไปแย้งมันมาอีก กรูว่ากรูบอกมรึงมาหลายครั้งแล้วนะว่าควรวางตัวยังไงแต่มรึงไม่เคยฟังแล้วตอนนี้มรึงจะมาบ่นทำไมวะ”

“ก็กรูรักมันนิ กรูทำใจไม่ได้”

“มรึงทำใจไม่ได้เลยพยายามไปแย้งมันกลับมาใช้มะ เป็นไง!! รักมันมากแล้วมันมานั้งเสียใจกับมรึงไหม ตอนนี้แมร่งก็คงมีความสุขนั้งคุยนอนคุยโทรศัพท์กับแพร แล้วมรึงละ ต้องมานั้งทำเสียงหงอยๆให้กรูฟัง”

“มรึงไม่เห็นต้องพูดแรงแบบนี้เลย กรูรู้ว่าที่กรูทำมันผิด กรูน้อยใจกรูแค่อยากระบาย … ที่ผ่านมามันยังไม่ดีพออีกเหรอ กรูทำดีที่สุดแล้วนะ คนเรานะเวลาโกรธก็อยากให้อีกฝ่ายรู้ทั้งนั้นแต่กรูเลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เอ็มลำบากใจ มันยังไม่ดีพอสำหรับมรึงอีกเหรอ ความรักของกรูมันต่างจากของมรึงตรงไหน”

คืนนั้นผมกับไอ้บิวคุยกันยาวครับมันถามผมว่าถ้าผมกับเอ็มใจตรงกันจริงๆแล้วเราสองคนจะคบกันได้เหรอ มันบอกให้ผมมองความจริง มองสังคมที่ผมกับเอ็มอยู่ มองครอบครัวของเรา ที่บิวมันไม่เห็นด้วยไม่ใช้เพราะมัน anti เรื่องแบบนี้ซะทีเดียว ถ้าเป็นคนอื่นมันก็ไม่อะไรแต่เพราะผมเป็นเพื่อนสนิท มันเลยอยากให้ผมลองคิดดูดีๆว่าถ้าผมกับเอ็มคบกันแล้วจะได้ยังไงต่อ จะอยู่ด้วยกันได้จริงๆเหรอ ถ้าผมมีคำตอบให้มันมันก็ไม่ว่าอะไร จะไปอยู่ต่างประเทศหรือจะไปซื่อคอนโดอยู่ด้วยกันสองคนมันก็ ok คืนนั้นเป็นคืนแรกครับที่ผมหยุดใช้อารมณ์แล้วมองโลกตามความเป็นจริง (ในมุมของผม) … ครับมันไม่มีทางไหนง่ายและเป็นไปได้เลยสำหรับผม

สองวันต่อมาผมรู้มาจากไอ้บิวว่าเพื่อนคนนึงในกลุ่มโทรไปวีนแตกใส่เอ็มเรื่อง cancle นัด ผมเลยโทรไปหามัน มันก็ไม่พอใจคล้ายผมแต่คนละเหตุผล ถ้าผมคุยกับมันก่อนหน้านี้ผมว่าอารมณ์มันคงแรงจนฉุดไม่อยู่แต่นี่ผมใจเย็นแล้ว ผมบอกมันว่าผมก็ไม่พอใจเหมือนกันที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้แต่ผมก็เชื่อว่าเอ็มเขาทำดีที่สุดแล้วและผมก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร
 
“มรึงไม่โกรธเหรอวะนิว”

“โกรธดิ แต่กรูรักมันมากพอที่จะไม่ทำให้มันลำบากใจ”

ดึกของวันนั้นผมโทรกลับไปหาเอ็ม เขาถามผมตรงๆครับว่าผมโกรธเขาหรือเปล่า

“มรึงโกรธกรูเรื่องคืนนั้นปะ”

“โกรธ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” แล้วก็เงียบ ความรู้สึกตอนนั้นผมนำ้ตาจะไหลแล้วครับ มันเหมือนอยากบอกให้เขารู้ว่าเราเสียใจแต่มันก็พูดออกไปไม่ได้

“เอ็ม กรูไปนอนแล้วนะ ไว้คุยกันพรุ่งนี้ละกัน”

ก่อนเข้านอนผมไม่ค่อยสบายใจเรื่องนี้เท่าไหร่เลยส่ง massage ไปหาเอ็ม

“Do not worry about everything b'coz I know that u do your best for everyone and I always stay by your side”

ความรู้สึกของผมเหรอครับ … นี่ผมจะต้องทนเจ็บไปอีกนานเท่าไหร่ ทำไมทั้งๆที่เขาก็มีแฟนแล้วแต่ผมก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เมื่อไหร่ผมถึงจะหยุดรักคนๆนี้ได้ซักที

ปล. ช่วงนี้มาแต่แนว drama อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนนะคร้าบบบบบ ... ราตรีสวัสดิ์ครับ  :bye2:

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #226 เมื่อ19-07-2011 02:05:06 »

มาจิ้มๆ คุณนิว (สงสารนิวที่โดนด่า อิอิ)
มารออ่านตอนต่อไปนะครับ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #227 เมื่อ19-07-2011 07:27:32 »

-~iK@iZ_KunG~- :  :o11:
                           :z13: :z13: :z13: นี่แนะๆ จิ้มคืน

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #228 เมื่อ19-07-2011 19:20:00 »

โอ้ยยยยยยยยย สงสารคุณนิวมากค่ะ อย่าดราม่าเยอะไปนะ เค้าปวดใจแทนๆๆๆ

ว่าแล้วก็จิ้่มคนข้างบนด้วย จึก จึก จึก

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #229 เมื่อ20-07-2011 06:58:14 »

อ้ากกกกกก!! โดนจิ้มมมมมมมมมมมมมม...
:z3: :z3: :z3:  :a6: :a6: :a6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
« ตอบ #229 เมื่อ: 20-07-2011 06:58:14 »





ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #230 เมื่อ20-07-2011 20:43:25 »

อ่านเพลิน เลยอ่ะ

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #231 เมื่อ20-07-2011 23:48:45 »

จะสอบเเล้ว เเต่ยังคงมีความสุขกับการมาอ่านนิยาย ขอบคุณคุณนิวมากๆ รู้สึกอินนนนน T T

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #232 เมื่อ21-07-2011 18:10:47 »

woodong :  :t3:

tantalize : ตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ  o19
              โชคดีกับการสอบ  o13

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #233 เมื่อ21-07-2011 19:50:16 »

มาอีกนะ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #234 เมื่อ22-07-2011 07:26:23 »

มาอีกแน่นอนครับ  o13

artit

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #235 เมื่อ22-07-2011 10:40:12 »

อ่านเรื่องนี้แล้วเศร้าแทน ทำไมมันเป็นแบบนี้อ่ะ เอาใจช่วยคุณนิว  :L1: ผ่านมันไปให้ได้

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #236 เมื่อ26-07-2011 07:29:45 »

artit : ขอบคุณครับ  o1

ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้เอามาลงให้นะคร้าบบบบบบบบบบ  :bye2:


artit

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #237 เมื่อ27-07-2011 19:28:13 »

เข้ามารอๆๆๆ  :L1: :L1: :L1:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
«ตอบ #238 เมื่อ27-07-2011 20:51:31 »

ในที่สุดเรื่องที่ผมไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้เพราะช่วงเปิดเทอม summer เอ็มเขามีแผนที่จะบินไปหาแพร เขาพูดกับผมมานานแล้วละครับว่าจะบินไปหาแพรช่วงปิดเทอม ครั้งแรกที่ผมได้ยินก็ใจหายนะ ผมไม่อยากให้เขาไป ผมอยากให้เขาอยู่กับผมที่นี่มากกว่า ก่อนไปเอ็มมันก็ถามว่าผมอยากได้อะไรไหม ผมส่ายหัวอารมณ์นั้นใครเขาอยากจะได้ของฝากกันแต่เอ็มมันก็บอกนะครับว่าถ้าเปลี่ยนใจค่อยเมลล์ไปบอกก็ได้

เอ็มเขาจองตั๋วล่วงหน้าหลายเดือนเหมือนกันครับ ระหว่างนั้นเขาก็มีทะเลาะกับแพรบ้างจนก่อนหน้าวันเดินทางประมาณสามสี่วัน กลุ่มผมก็นัดกินข้าวกันตามปกติ เอ็มมารับผมที่บ้านและระหว่างทางเขาก็บ่นครับว่าไม่น่ารีบซื่อตั๋วเลยถ้ายังไม่มีตั๋วเขาก็คงเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าเขาสองคนทะเลาะอะไรกันและผมก็ไม่คิดจะถามด้วย ผมเจ็บนะครับที่เห็นเอ็มเสียใจ ผมอยากให้เขามีความสุขมากกว่ามากนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ทั้งๆที่ก็เลิกกันมาหลายครั้งแต่ผมก็เห็นเอ็มมันกลับไปง้อแพรทุกครั้ง ในใจผมนะอยากบอกเขามากๆเลยครับ

“อย่าไปเลยนะ อยู่กับเราที่นี่เถอะ” แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิดเพราะสุดท้ายเอ็มเขาก็ไป
   
วันแรกๆที่เอ็มไปผมเหมือนคนประสาทเสียเลยครับ ความคิดมันฟุ้งซ่านไปหมด ผมไม่มีสมาธิ ใจมันกระวนกระวาย มันมีแต่เรื่องของเอ็มเขามาในหัว ผมใช้เวลาเกือบสัปดาห์กว่าจะเริ่มสงบสติอารมณ์ตัวเองได้และพอทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทาง เอ็มเขาก็กลับมาทำให้ผมคิดมากอีกครั้ง

จำได้ว่าเย็นวันนั้นเป็นเย็นวันธรรมดาวันนึง ที่บ้านไม่มีใครอยู่ผมน้ังกินข้าวกับน้อง 2 คนแล้วอยู่ๆมือถือผมก็ดังขึ้น ที่หน้าจอมันขึ้นว่า “Blocked” ตอนแรกผมก็ไม่ใส่ใจอะไรอะไรคิดว่าเป็นป้าโทรมาแต่พอรับโทรศัพท์เสียงของคนปลายสายมันก็ทำให้ผมใจสั่น

“นิวมรึงใส่โรงเท้าเบอร์อะไร” ผมยังตกใจไม่หายครับ ไม่คิดว่าเอ็มจะโทรมา เขาถามเบอร์โรงเท้าผมผมก็ตื่นเต้นจนจำไม่ได้
แล้วเอ็มมันก็เร่งผมมาก ผมออกมาดูเบอร์โรงเท้า พอบอกเบอร์เสร็จเอ็มเขาก็รีบวางสาย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเขาเป็นร้อยๆเรื่องแต่พอถึงเวลาผมกลับพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกตอนนั้นมันสับสนไปหมด

ผมเดินออกมาจากตัวบ้านเข้ามาในสวน ผมโทรหาพี่นก (ขอแนะนำพี่นกหน่อยนะครับ พี่นกเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยผม เราเรียนคนละคณะ ผมรู้จักกับพี่นกตั้งแต่เข้าปี 1 และเราก็สนิทกันมานับจากนั้น พี่นกรู้ทุกเรื่องของผมทั้งเรื่องของบาสและเอ็ม) ผมเล่าถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้พี่นกฟัง พี่นกรู้ดีครับว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมกระวานกระวายมากแค่ไหน นำ้เสียงของพี่นกฟังดูแล้วเป็นห่วงผมและก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่กับสิงที่เอ็มทำ

“นิว นิวคิดว่านิวร้องไห้เพราะดีใจหรือว่าเสียใจละ” ผมเล่าให้พี่นกฟังไปผมก็สะอื่นไป มันเก็บไม่อยู่แล้วครับผมอัดอั้นมาทั้งอาทิยต์ ขอเวลาซัก 10นาทีให้ผมได้ระบายออกบ้างเถอะ

“นิวไม่รู้ครับพี่ ดีใจมั้งครับที่อย่างน้อยเขาก็แคร์นิวมากพอที่จะโทรกลับมาหา แต่มันก็เจ็บ ยิ่งเขาทำดีกับนิว นิวก็ยิ่งเจ็บ” จำได้ครับว่าผมพูดประโยคนี้ด้วยนำ้ตา

“ทำไมละ พี่ว่านิวน่าจะดีใจนะเพราะถ้าเอ็มเขาไม่เเคร์เขาไม่โทรมาหาหรอก”

“พี่นก นิวเจ็บครับ นิวเสียใจ”

“เสียใจเรื่องอะไรนิว”

“นิวเจ็บ เพราะนิวตอบตัวเองไม่ได้ว่านิวเป็นอะไรในชีวิตเขา”

พี่ๆว่าผมควรจะคิดไหมครับว่าเราสองคนเป็นมากกว่าเพื่อนกัน ผมไม่ได้ฝากเอ็มซื่ออะไรแต่เค้าก็แคร์ผมมากพอที่จะโทรโทรกลับมาถาม ถ้าเค้าไม่ใส่ใจเขาก็คงเลือกซื่ออะไรที่มันง่ายๆแล้วไม่ต้องโทรข้ามนำ้ข้ามทะเลมาหาผม แต่ถ้าเขาคิดอะไรกับผมจริงๆอย่างน้อยก็น่าจะอยู่คุยกับผมบ้าง ไม่ใช้โทรมาถามๆๆแล้วก็วางสายไปดื่อๆ … ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ดูคลุมเครือขนาดนี้

หลังจากวันนั้นผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้เอ็มกลับมาด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยมว่าเราสองคนอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่มันก็เป็นได้แค่ความฝันลมๆแล้งๆ ผมฝันแล้วก็ผิดหวังเพราะพอเอ็มกลับมาทุกอย่างก็ดูปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริงๆแล้วผมน่าจะชินกับเรื่องแบบนี้ได้แล้วเพราะมันก็เป็นมาไม่รู้กี่หน วันก่อนเราสองคนพูดคุยกัน ทำอะไรให้กันเหมือนเราเป็นมากกว่าเพื่อนกันแต่พอวันถัดไปทุกอย่างมันก็กลับมาเป็นปกติเหมือนว่าเรื่องของเมื่อวานเป็นแค่ความฝัน

เล่าถึงตรงนี้แล้วมันทำให้ผมนึกถึงเรื่องนึงขึ้นมา คืนนั้นผมขับรถไปส่งเอ็มที่บ้านเหมือนปกติระหว่างทางเขาก็ถามผมว่าผมใส่แหวนอะไร ผมยื่นมือออกไปให้เขาดูแหวนแต่เหมือนเอ็มลังเลที่จะดึงแหวนออกจากนิ้วผม (เขาถือกันใช้ไหมครับว่าถ้าเราดึงแหวนออกจากนิ้วของใครมันหมายความว่าเรากำลังจะไปแย่งคนๆนั้นมา) ผมเลยถอนแหวนแล้วส่งให้เขา

“สวยดีเนอะ ซื่อจากไหนวะ”

“Paragon ซื่อมานานแล้ว จะปีนึงได้แล้วมั้ง” แล้วเอ็มก็ส่งแหวนคืนให้ผม

“ถามจริงเถอะ ทั้งๆที่มรึงก็มี option ให้เลือกตั้งหลายคน ทำไมมรึงไม่มีแฟนซักทีวะ” คำถามของเอ็มทำให้ผมหัวใจหล่นวูบ ผมไม่คิดว่าเขาขะถามคำถามนี้กับผมในช่วงเวลาท่ีผมคิดถึงเขามากเหลือเกิน

“กรูกลัวความผูกพัน กรูยังไม่กล้าให้ใครเขามาในชีวิตกรูมากขนาดนั้น” ผมตอบแต่สายตาผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมไม่กล้าสบตาเอ็มหรอกครับ ผมกลัวว่าเขาจะรู้ความจริง

“บอกกรูมาว่ามรึงรอใครอยู่” แล้วเขาก็ถามผมด้วยคำถามที่ทำให้ผมใจสั่นมากขึ้นไปอีก

“เปล่า กรูแค่ยังอยากจะอยู่คนเดียวอีกซักพัก” คำถามของเอ็มมันทำให้ผมรู้ว่าผมไม่เคยโกหกอะไรคนๆนี้ได้เลย เขาเป็นคนที่รู้จักผมมากกว่าเพื่อนคนไหนๆ ผมพูดแค่นี้เอ้มเขาก็รู้แล้วว่าผมคิดอะไร

ผมเองก็อดนึกในใจไม่ได้ว่าเอ็มเขาจะรู้ไหมว่าคนที่ผมรอนะ นั้งอยู่ข้างๆผมแล้วแต่ถึงเราสองคนจะใกล้กันมากขนาดไหนผมก็บอกรักเขาไม่ได้  เราสองคนอยู่ห่างกันเพียงแค่เอื่อมมือถึงแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง มันทรมานนะครับกับการนั้งมองคนที่ตัวเองรักเดินออกไปไกลแสนไกล เขาจะรู้ไหมว่าผมต้องทนเจ็บมากขนาดไหนที่เห็นเขากับแพรยืนอยู่ข้างกัน ยิ่งเขาสองคนใกล้กันผมก็ยิ่งเจ็บ ผมทั้งเกียจทั้งโมโหตัวเองเพราะทั้งๆที่รู้ว่าเจ็บแต่ผมก็ตัดใจจากเขาไม่ได้ซักที

หลังจากนั้นอีกเกือบเดือนมันก็ถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่ผมใช้คำว่ารักกับเอ็ม มันเริ่มต้นมาจากที่พวกผมนัดกินข้าวเย็นกันแต่เช้าของวันนั้นผมไปได้ยินเรอื่งไม่ดีของแฟนเพื่อนคนนึงในกลุ่มมา พอตอนเย็นมาเจอกันผมเลยได้โอกาศหลบออกมาคุยกับเพื่อนอีก 2 คนถึงเรื่องนี้ ก็กำลังคุยกันหน้าเครียดละครับจนเอ็มเขาเปิดประตูออกมาจากร้าน พวกผมก็เลยหยุดพูด เอ็มมันก็ถามว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้เยอะเลยบอกไปว่าเปล่าไม่มีอะไร

คืนนั้นผมโทรไปหาเอ็มเพราะรู้สึกไมบายใจเรื่องเมื่อเย็น

“เมื่อเย็นพวกมรึงพูดเรื่องไรวะ” เอ็มเขาถามผมหลังจากที่เราคุยกันได้ซักพัก

“ไม่มีไรหรอก กรูได้ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเเฟนเพื่อนนะ”

“เรื่องของเเพรเหรอ”   

“เฮ้ยไม่ใช้!! เรื่องคนอื่นไม่เกี่ยวกับแพรจริงๆ … ทำไมมรึงถึงคิดงั้นวะ”

“ก็กรูเห็นมรึงจงเกียดจงชังเเพรเหลือเกิน”

“เปล่า มันไม่ใช้แบบนั้น”  ผมพูดแค่นั้นแล้วไม่ได้อธิบายอะไรต่อ พูดไปเอ็มก็รู้ว่าผมแก้ตัวเพราะท่าทางผมมันแสดงออกซะชัดเจนว่าผมไม่ปลื่มแพรเท่าไหรแต่พอได้ยินประโยคนี้ของเอ็ม มันก็ทำให้ผมสะอึกไปเหมือนกัน จริงอยู่ครับว่าเอ็มมันเกรงใจผมแต่เห็นเขาโอ้ผมขนาดนี้ถ้าถึงจุดที่เอ็มมันหมดความอดทนเมื่อไหร่ผมก็ไม่กล้าเอาตัวเองเขาไปเสี่ยงเหมือนกัน

ก่อนนอนคืนนั้น ผมส่งข้อความหาเอ็ม ผมพิมพ์มันขึ้นมาแล้วฏ้นั้งจ้องมันอยู่นาน แก้แล้วแก้อีกกับไอ้แค่คำๆเดียว

“M, I,m so sorry na if sometime I acting against her in front of u and I really hope u will understand why I'm acting like a crazy one … that is b'coz I love and care everything about u ”
   
หลังจากวันนั้นเรื่องของผมกับเอ็มก็ดูจะนิ่งเงียบและธรรมดา ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจกับเรื่องของเอ็มแต่มันไม่ง่ายเลยครับ เราสองคนอยู่ใกล้กันมาขนาดนี้และไม่ว่าผมจะพยายามมากแค่ไหน สุดท้ายพอเจอหน้าเอ็มผมก็ใจอ่อนทุกครั้ง ผมพยายามที่จะเดินออกมาซึ่งมันก็ดีมาตลอดจนอยู่เอ็มก็โทรหา

“นิว มึงอยู่ไหนวะ”

“กลับบ้านตั้งแต่บ่ายแล้ว วันนี้เลิกเร็ว” เอ็มมันโทรหาผมเกือบทุ่มนั้นแหละครับ

“เหรอ ว่าจะชวนมาเดินสยาม”

“ฮึ ขี้เกียจออกแล้วอะ วันหลังละกัน” คิดแล้วก็ตลกครับถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่ผมแทบจะกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่วันนี้ผมไม่มีความรู็สึกว่าอยากออกไปหาเขาเลยซักนิด

“เหรอ แล้ววันนี้ present งานเป็นไงบ้าง”

“ก็โอนะ โดนยิงนิดหน่อยแต่ก็ผ่านไปแล้ว”

“อืมก็ดี แล้วนี่กินข้าวยัง”

“กินแล้ว เพิ่งกินเมื่อกี้เอง”

“กินกับใครอะ” พอมันเริ่มถามประโยคนี้ผมก็เริ่มเอะใจแล้วครับเพราะปกติเอ็มไม่ถามะไรซอกแซ๊กขนาดนี้

“คนเดียว ไม่มีใครอยู่บ้าน พ่อเเม่ไปงานเลี้ยง น้องไปดูหนังกับเพื่อน”

“แล้วไม่เหงาเหรอ” เหงาซิ เหงามากแต่กรูแค่บอกมรึงไม่ได้เท่านั้น

“ไม่อะ ชินแล้ว” ชินตั้งแต่มรึงคบกับแพรนั้นแหละ

“พี่เขาทำอะไรให้กิน อร่อยไหม”

“อร่อย … นี่มรึงอยู่ไหนเนี่ย”

“สยาม”

“ทำไรอะ”

“รอแพรกินข้าวกับเพื่อน” ไม่รู้ซิครับแต่พอได้ยินประโยคนี้ผมนำ้ตาล่วงเลย นี่ผมเป็นได้แค่คนฆ่าเวลาเท่านั้นเหรอ ผมไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงถามผมด้วยคำถามแบบนี้ มันใช้คำถามที่เพื่อนเขาถามกันเหรอ วันนั้นผมอยากบอกเอ็มมากครับ “อย่าทำแบบนี้เลย กรูเจ็บมากนนะรู้ไหม”

เหนื่อยครับเพราะหลังจากที่พยายามอยู่หลายเดือนแต่สุดท้ายผมก็วนกลับมาที่เดิน พอวางสายจากเอ็มผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมยังรู้สึกกับเอ็มเหมือนเดิม ผมไม่อยากคิดอะไรมากมันเป็นแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ผมรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อ ผมหวังแล้วก็ผิดหวังเพราะวันถัดมาเขาก็คุยกับผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมคิดมากจนวันต่อมาผมต้องขับรถไปหาไอ้บิว พอเจอหน้ามันเท่านั้นละครับผมต่อมนำ้ตาแตกเลย มันพาผมเขาไปคุยในห้อง พอผมใจเย็นลงก็ค่อยๆเล่าให้มันเรื่องเมื่อวาน ผมบอกมันว่าเรื่องของผมกับเอ็มมันเหมือนวงกลมที่พอผมเดินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ซักพักผมก็วนกลับมาที่เดิม บิวมันก็ปลอบผมนะแต่ประโยคที่ทำให้ผมน๊อตหลุดคือที่มันบอกผมว่า

“มันโทรหามรึงเพื่อนประชดแพรหรือเปล่า” เท่านั้นละครับ ผมก็สวนมันกลับไปแบบไม่คิด

“ประชดแพรแล้วโทรหากรูเนี่ยนะ!! กรูเป็นอะไรกับมัน เมียน้อยมันเหรอไง เวลาทะเลาะกับเมียหลวงแล้วถึงได้โทรหากรู”

“หยุดเลยมรึง พูดเหี้ยอะไรของมรึง ถ้ามรึงอ่อนแอแบบนี้เรื่องแมร่งก็ไม่มีวันจบ ...” แล้วมันก็ว่าผมสารพัดจนผมทนไม่ได้ครับ นี่ผมมาให้มันปลอบนะไม่ใช้ให้มันด่าซำ้

“แล้วมรึงจะมาว่ากรูทำไม บอกกรูหน่อยว่ากรูทำอะไรผิด กรูอยู่ของกรูดีๆแล้วมันก็มาทำให้กรูหวั่นไหว” แล้วเชื่อไหมครับว่ามันตอบผมว่าอะไร

“กรูไม่รู้ กรูไม่สนมันไม่ได้มาปรึกษากรูแต่มรึงปรึกษา กรูเลยว่ามรึง” ผมได้้ยินมันพูดประโยคนี้แล้วนำ้ตาไหลเลยครับ

บอกตามตรงว่าวันนั้นผมสับสน ใจนึงผมรักเอ็มมากนะครับแต่อีกใจนึงผมก็เกียจเขามากเหลือเกิน แม้เขาจะทำให้ผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่ใกล้แต่ความสุขนั้นมันก็ทำร้ายผมเหลือเกิน เกียจเอ็มครับเพราะแม้จะเป็นคนที่รู้ใจผมมากที่สุดแต่เขากลับไม่เคยเข้าใจเลยว่าผมรู้สึกยังไง ทุกอย่างที่ผมทำให้เขามันมีเหตุผมทั้งนั้นแต่เขาไม่เคยมองเห็น ไม่เคยรับรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน   

“ก็เพราะมรึงเป็นแบบนี้แหละ มรึงถึงเจ็บไม่เลิกซักที ตัดใจจากมันซะแล้วทุกอย่างจะได้จบ คนอย่างมรึงหาคนดีกว่ามันได้อยู่แล้ว”

“มันไม่ง่ายแบบนั้น มรึงเคยมองในมุมของกรูบ้างไหมว่ากรูรู้สึกยังไง … กรูอยากรักมันมากเหลือเกินแต่กรูทำไม่ได้ กรูอยากกลับไปยืนอยู่ข้างมันเหมือนเดิมแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว มันไม่เหลือที่เอาไว้ให้กรูเลย...”
   
“...กรูกลับไปตรงนั้นไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมากรูก็เจ็บมากพออยู่แล้ว กรูไม่รู้ว่าอะไรมันดีกว่ากันระหว่างความเจ็บปวดทุกครั้งที่กรูเห็นหน้ามันกับความทรมานของการนั้งคิดถึงมันแบบนี้”

“กรูรู้ กรูเข้าใจ แต่มรึงเคยคิดบ้างไหมว่าบางครั้งการที่มรึงตั้งใจมองอะไรมากเกินไปมันก็ทำให้มรึงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่รอบข้าง … คนที่ดูแลมรึงได้ดีกว่าเอ็ม มีตั้งเยอะตั้งแยะแต่มรึงเลือกที่จะไม่มองเท่านั้น มรึงอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงซิ”

“มรึงพูดถึงใคร ชีวิตกรูมีใครที่ไหน”

“พี่แกลสไง”

“พี่เขาทำไม มรึงพูดเรื่องไรเนี่ย”

“มรึงอย่ามาแถ อย่าบอกกรูนะว่าที่พี่เขาเดินเข้าเดินออกคณะมรึง ชวนมรึงไปกินข้าวดูหนังนี่มรึงไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับมรึง ... เฮ่อออออ!! กรูไม่คิดเลยว่ากรูจะพูดแบบนี้ ... คนเรานะมันไม่ได้มีโอกาสเดินเขามาชนกันบ่อยๆหรอก”

“พูดแบบนี้มรึงก็เป็นแฟนกับพี่เขาไปซิ ไหนบอกว่าไม่อยากให้กรูเดินทางนี้ไง”

“แล้วกรูห้ามมรึงได้เหรอ ... กรูไม่ได้บอกให้มรึงไปเป็นแฟนกับพี่เขา กรูแค่บอกให้มรึงเปิดใจบ้าง เอ็มมันไม่ใช้คนที่ทำดีกับมรึงคนเดียวซะหน่อย”

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
«ตอบ #239 เมื่อ27-07-2011 21:00:09 »

 :z13: :z13: :z13: :z13:

จิ้ม คนเขียน  อิอิ

ขยันอัพ จังช่วงนี้

แต่อัพบ่อยๆๆก็ดีนะ อิอิ   :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด