My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13  (อ่าน 83135 ครั้ง)

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 30/5/11
«ตอบ #150 เมื่อ30-05-2011 22:47:51 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


----------------------------------------------

ขอแปะจองพื่นที่ไว้ก่อนนะคร้าบบบบบบบ เดียวมืดๆกว่านี้แล้วจะมาลงให้  :eiei1: :eiei1:


ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ชอบๆ แล้วนิวอยู่ไหนงะ เมทคนชาติไร งง งง  งง  :serius2:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องประเทศที่ไปขออุ๊บอิ๊บไว้นะครับ

สำหรับเรื่อง mate มีเกาหลี 1 ญี่ปุ่น 1 บราซิล(หน้าเหมือนญี่ปุ่น) 1 ครับ
แรกๆไม่สนิทกันแต่อยู่ไปอยู่มาเล่นหัวกันได้เฉยเลย ยิ่งไอ้คนเกาหลีนี่กวนตรีนสุดๆ แถมยังโคตรหื่นอีกต่างหาก

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตประจำวันของผมตื่นเช้ามาอาบน้ำ ทำข้าวเช้ากินเอง ผมเอาง่ายเข้าว่าครับ อาหารเช้าปกติของผมก็เป็นขนมปังปิ้งทาเนย ไส้กรอก หรือไม่ก็ cereal บางวันอารมณ์ดีผมก็ทอดไข่ดาวกิน กินข้าวเช้าไปผมก็ on MSN เม้าท์กับเพื่อนพร้อมๆกับการทำข้าวกลางวันไปกิน (ที่โรงเรียนไม่มี canteen ครับ คือถ้านักเรียนไม่ทำมากินเองก็ต้องไปหากินเอาข้างนอก) ซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็น sandwich เกือบทุกวัน มันไม่ใช่ว่าผมชอบกินขนมปังประกบกับแฮมชีสหรอกครับแต่เพราะ skill การทำอาหารของผมมันต่ำ่มาก  :sad4: เท่าที่ทำได้แล้วไม่ทำไฟไหม้บ้านเขาเนี่ยก็ถือว่าบุญมากแล้ว รสชาติก็แบบว่าแย่สุดๆ ถ้าเป็นที่เมืองไทยผมก็คงโยนทิ้งแล้วล่ะครับ  :z3: แต่มันจะดีหน่อยถ้าผมเก็บมื้อเย็นก่อนหน้านั้นมากินเป็นมื้อกลางวันของวันถัดไปด้วย ที่บ้านผมมื้อเย็นเด็กแต่ละคนจะได้โควต้าเป็นเนื้อ 2 ชิ้น ปกติผมก็จะแบ่งๆมาเก็บไว้ในตู้เย็นก่อน ผมต้องติดป้ายด้วยนะครับ “please do not eat me, New” ที่ติดนี่ไม่ใช่อะไร แต่ถ้าไม่แสดงความเป็นเจ้าของก็ถือว่าเป็นของส่วนกลาง วันรุ่งขึ้นมันก็จะหายไป

ทุกเช้าผมจะทอดไข่ดาวฟองหนึ่งสำหรับเป็นมื้อกลางวันของเอ็ม เอ็มมันชอบกินไข่ดาวครับ แต่เพราะมันตื่นสายเลยทำไม่ทัน แรกๆผมไม่ยอมทำให้นะครับ ไม่ใช่เพราะว่าจริตหรือว่าเล่นตัวอะไร แต่ผมนะ  :o8: …..... ทอดไข่ไม่เป็นครับ มันก็รู้นะครับว่าผมทำอาหารที่นอกเหนือกว่าการปิ้งขนมปัง เอาไส้กรอกไปกลิ้งๆบนกระทะไม่เป็นสักอย่าง แต่เอ็มมันก็ขอให้ผมทำให้มันกิน ทีนี้เลยลำบากผมที่ต้องไปแอบเหล่ดูเอาจาก mate  :m12: ทำเนียนเลยครับเวลาเห็นพวกมันทอดไข่ก็เข้าไปยืนเม้าท์อยู่ข้างๆ ปากก็พูดไปครับ แต่ตาจ้องอยู่ที่กะทะ ok ๆเห็นมันใช้น้ำ้มัน เนย ตอกไข่แล้วก็รอ แซะๆ ก็กินได้แล้ว พอดูจนแน่ใจว่าตัวเองทำได้ ผมก็ลองทำเองครับ สรุปว่าวันแรกที่ทำไปให้เอ็มกิน ไข่แดงมันแตกตอนผมแซะ เอ็มมันเลยต้องกินไข่แดงสุกทั้งๆที่มันสั่งไข่แดงดิบ (มรึงนี่ช่างเลือกแดรกเนอะไอ้เอ็ม) แต่ถึงมันจะเรื่องมากผมก็ทำให้มันกินทุกวันล่ะครับ  :m1:

หลังจากเตรียมข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อยผมจะรีบออกจากบ้านก่อน mate คนอื่นๆ เพราะอะไรเหรอครับ เพราะผมนัดเอ็มไว้ที่ป้ายรถ bus ไง และผมจะต้องไปถึงที่นั่นก่อนเอ็ม มันเริ่มมาจากผมที่กลัวการไปโรงเรียนคนเดียว ช่วงแรกเราก็นัดเวลากันแต่ก็มักจะคลาดกันซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเลยตัดปัญหาโดยการลงไปรอเอ็มที่ป้าย แรกๆ mate ผมก็งงๆว่าทำไมผมตองออกไปโรงเรียนแต่เช้า แต่พอมันเห็นผมกับเอ็มเดินขึ้น bus มาด้วยกันมันก็ไม่ได้ถามอะไรอีก   :m17:vเป็นเรื่องบังเอิญนะครับที่พอผมขึ้นมาบน bus พร้อมกับเอ็มก็มักจะเจอ mate ผมทั้ง 3 คนนั่งอยู่ในรถเป็นประจำ

ผมรอเอ็มประมาณ 10 นาที แต่ไอ้นิสัยขี้เซาของมันนี่บางครั้งก็ทำให้ผมรอเก้อมาเรียนสายไปเลยก็มีนะครับ แล้วเวลาผมไปสายผมก็จะโดนอาจารย์ว่า ฝรั่ง่อะครับไม่ทำการบ้านนี่ยังไม่ผิดเท่ามาสาย แรกๆผมก็โกรธนะครับ คนอุตส่าห์ตื่นเช้ามายืนตากลมหนาวๆรอทุกวันแต่เจ้าตัวกับนอนไม่ตื่นซะนี่ ผมไม่มีทางรู้เลยว่าเอ็มมันตื่นหรือยัง เราสองคนเอามือถือมาครับแต่ไม่ได้เปิดใช้เพราะค่าโทรมันแพง ผมจะรอเอ็มจนถึงรถเที่ยวสุดท้ายที่ผมรู้สึกว่าถ้าผมขึ้นสายกว่านี้อีกคันหนึ่งผมจะสายแล้ว แรกๆผมก็อารมณ์เสียนะแต่คิดไปคิดมาผมก็ไม่รู้จะไปเหวี่ยงใส่มันทำไม เพราะผมก็เป็นฝ่ายอยากรอมันเอง ไม่รู้สิมันรู้สึกดีนะครับเวลาได้มองเห็นเอ็มเดินเลี้ยวออกมาจากมุมถนน เห็นมันเดินข้ามถนนมาแล้วส่งยิ้มให้ผม ยิ่งคิดแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากไปยืนรอมันทุกเช้า  :m3:

มื้อกลางวันผม เอ็ม กันย์จะมานั่งกินข้าวด้วยกัน ส่วนพี่กีเขาไปกินกับเพื่อนๆเขา บางวันถ้าพวกผมเบื่ออาหารฝีมือตัวเองสุดๆ เราก็จะเดินไปหาอะไรกินกันข้างนอก บางวันก็ pizza บางวันก็อาหารญี่ปุ่น แต่ก็นานๆทีล่ะครับเพราะค่าอาหารมันแพง พวกผมอยากเก็บเงินเอาไว้เที่ยวกันมากกว่า กินข้าวมื้อหนึ่งเกือบ 500 บาท ช่วงแรกผมซื้อน้ำ้กินขวดละเกือบๆ 100 บาท หลังๆผมเลยกดน้ำ้ใส่ขวดมาจากบ้านแทน

เล่าเรื่องทำอาหารให้พี่ๆฟังมาเยอะเเล้ว ผมขอเล่าถึงการทำอาหารแบบเป็นจริงเป็นจังครั้งแรกให้พี่ฟัง  :haun5: คือตั้งแต่ผมอยู่เมืองไทยแล้วครับ Justin ส่งเมลล์มาบอกผมว่าให้ผมเอาเครื่องปรุงอาหารไทยมาด้วย ผมก็ไม่ใส่ใจครับ บอกแม่บ้านว่าให้ซื้อเครื่องปรุงสำเร็จรูปแบบซองๆมาให้หน่อย พี่เขาก็จัดให้เรียบร้อย พอไปถึงได้ ไม่ถึงสัปดาห์ Justin ก็ถามผมว่าเมื่อไหร่ผมจะทำอาหารไทยให้เขากิน  :a5: ผมก็แบบว่าอ้ำ้ๆอึ้งๆ “กรูต้องทำด้วยเหรอ มรึงอยากกินก็ทำเอาเองดิ” แต่สายไปแล้วครับเพราะความมึนผมตกปากรับคำว่าจะทำให้เขากินวันรุ่งขึ้น แย่แล้วครับผมรีบเปิดดูในซองเลยว่ามันมีอะไรบ้าง สิ่งที่มีอยู่ตรงหน้าคือเครื่องปรุงสำหรับต้มยำ พะเเนง ของยากๆทั้งนั้น แล้วไอ้ผมที่ไม่เคยแม้แต่จะเจียวไข่เองนี่มันจะรอดเหรอครับ

ที่เลวร้ายกว่านั้นคือพอผมเดินกลับขึ้นมา Justin ก็กำลังบอกทุกคนในบ้านว่าพรุ่งนี้ผมจะทำอาหารไทยให้กิน  :sad3: แล้วทุกคนก็ตื่นเต้นกันมาก เพราะไม่มีใครเคยกินอาหารไทยมาก่อน มันให้ความรู้สึกเหมือนตัวแทนประเทศไปสร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติเลยครับ คือถ้าผมทำแย่เขาคงจำฝังใจว่าอาหารไทยไม่อร่อย ผมก็นั่งฟัง Justin พูดถึงอาหารมื้อใหญ่วันพรุ่งนี้แล้วก็เหงื่อตก

ผมต้องซื้อของเองทุกอย่างแม้จะมีเครื่องปรุงแต่ผมก็กะไม่ได้ว่าผมต้องซื้อกุ้งสำหรับต้มยำและเนื้อสำหรับพะเเนงรวมถึงข้าวที่ต้องหุงให้คนเกือบ 10 คนกินในปริมาณเท่าไหร่ แล้วผมก็คิดถึงคนๆหนึ่งขึ้นมาครับ “พี่กี” ผู้หญิงคนเดียวที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับชื่อเสียงของประเทศชาติ เช้าวันต่อมาพอผมเห็นหน้าพี่กีผมก็ถลาเข้าไปหาเลยครับ

“พี่กี พี่ช่วยนิวหน่อยสิ Justin เขาจะให้นิวทำอาหารไทยนะ”

“ก็ทำไปดิ ไม่เห็นยากเลย เขาไม่รู้หรอกว่ารสชาติมันเป็นยังไง 55”  o22 เอิ่มมมมม แล้วมันจะรอดไหมงานนี้

“เอาจริงๆดิพี่ นิวทำไม่เป็น ต้องซื้ออะไรเท่าไหร่นิวก็กะไม่ได้ เย็นนี้เลิกเรียนแล้วพี่ไปเดิน supermarket กับนิวหน่อยนะ” ผมใช้สายตาอ้อนวอนพี่กีเต็มที่จนสุดท้ายพี่กีก็ตอบตกลง

เย็นนั้นพวกเรา 4 คนไปเดินหาซื้อของมาทำอาหารกันที่ supermarket ใกล้บ้านผม ส่วนมากพี่กีจะเป็นคนเดินเลือกอยู่คนเดียว ผมมีหน้าที่เข็น จ่ายตังค์แล้วก็หันไปเม้าท์กับไอ้ 2 คนที่เหลือเป็นระยะๆ และก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน ไอ้เอ็มมันมาวางยาผมครับ

“ไม่ต้องกลัวนะนิว อย่างมากเมิงก็ติดคุกแค่ปีสองปี” ไอ้เลว  :m16: มือไม่พายแล้วยังเอาตรีนราน้ำ้อีก

แล้วพอผมเปิดประตูเข้าบ้านปุ๊บ “ตายห่าและ!!”  :m30: ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ทำหน้าทำตาเหมือนอยากกินอาหารไทยแท้ใจจะขาด ผมอ้างว่าขอเอาของไปเก็บในห้องก่อน แต่จริงๆแล้วขอเวลาไปทำใจครับ “เอาวะอย่างมากก็โดนข้อหาวางยา สู้ตายโว้ย!!” ขอเล่าทีละปัญหาเลยนะครับ

อย่างเเรกคือเรื่องหุงข้าว ผมไม่เคยหุงข้าวครับ ต้องใส่น้ำ้เท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ เมื่อเช้าพี่กีสอนมาว่าใช้ข้าวประมาณ3-4 แก้วน้ำ้แล้วใส่น้ำ้สูงประมาณ 1 ข้อนิ้ว ฟังดูมันก็ง่ายนะครับ ข้าว 3 แก้วกับน้ำ้ 1 ข้อนิ้วแต่เอาเข้าจริง “แก้วที่บ้านกรูมีหลายขนาดว่ะแล้ว1ข้อนิ้วกรูกับ 1 ข้อนิ้วพี่กีนี้มันไม่เท่ากันอ่ะ” ผมก็ทำนิ่งครับเลือกมาสักแก้วหนึ่งขนาดกลางๆใส่ๆมันไปก่อน เติมน้ำ้ปิดฝาแล้วกดปุ่มเป็นอันเรียบร้อย สรุปว่าเปิดฝามาอีกทีข้าวมันแห้งครับ Justin ก็ถามว่าผมใส่น้ำ้น้อยไปหรือเปล่า จะเอายังไงดี ผมก็อึ้งสิครับ กรูถามมาแค่นี้มีด้วยเหรอใส่น้ำ้น้อยไป  :m29: ถ้าบอกว่าหุงใหม่เขาจะหมดความเชื่อถือในตัวกรูหรือเปล่าเนี่ย แล้วจู่ๆก็เหมือนมีเสียงสวรรค์ครับ ผมได้ยินเสียงบ่นของพ่อเข้ามาในหัวว่าถ้าใส่น้ำ้น้อยก็ใส่เพิ่มอีกได้ ผมเลยเติมน้ำ้ลงไปอีกหน่อย ปิดฝาแล้วนั่งกัดนิ้วรอ เปิดมาอีกที โชคช่วยครับข้าวหอมมะลิสีขาวกำลังสวยเลย  :mc3:

ต่อมาก็ต้ม้ยำ ผมมีซองเครื่องปรุงอยู่ 3 ห่อ ก็เปิดน้ำ้ใส่หมดแล้วใส่เครื่องปรุงแต่ผมใส่น้ำ้มากไปรสชาติมันเลยแบบว่าเจือจางมากกกกกกกกก มีกลิ่นต้มยำอยู่ปลายๆลิ้นผมก็เริ่มใจเสียแล้วครับ สงสัยงานนี้มีเททิ้งแต่ก็ยังฟอร์มครับ คนน้ำต้มยำไปเรื่อยๆใส่กุ้งฆ่าเวลา เขาจะได้ไม่รู้ว่าเรากำลังหลอกเขา  : 222222: แล้วอยู่ๆ Justin ก็บอกผมว่าเขามี coconut milk อยู่จะเอามาใส่ ผมเห็นมันไม่มีอะไรจะเสียเเล้วเลยพยักหน้ารับแล้วหันไปทำอย่างอื่น กลับมาอีกทีผมเห็น Justin เทน้ำ้กะทิ 3 กระป๋องลงในหม้อเรียบร้อยแล้ว “ชิบหายแล้วกรู!!”  :o ลองชิมดูครับ “รสชาติแมร่งโคตรเหี้ยเลย” เหมือนกินน้ำ้กะทิเปล่าๆไม่มีผิด  :o11: ผมหันไปมองหน้า Justin she ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ประมาณว่ามีความสุขที่ได้ช่วยผม (ทำให้ต้มยำที่มันรสชาติแย่อยู่แล้วแย่ลงไปอีก) แล้วจะให้ผมพูดอะไรล่ะครับนอกจาก

“Yummy!!”  o13 คิดในใจครับว่าถ้าให้คนไทยกินนี้มีหวังเขาบ้วนทิ้ง

สุดท้าย … พะเเนงเนื้อครับ ผมก็หั่นเนื้อเป็นลูกเต๋า (ตอนหั่นนี้เสียวจะปาดนิ้วตัวเองไปด้วยจริงๆ) แล้วก็เอาเครื่องปรุงมาผัดลงในกะทะ ผสมน้ำ้นิดหน่อยแล้วใส่เนื้อลงไป ปัญหามันอยู่ที่ผมไม่รู้ว่าเนื้อมันสุกหรือยัง!! เพราะงั้นผมถึงต้องทำไปชิมไปกว่าเนื้อจะสุกผมก็เกือบอิ่มแล้วล่ะครับ

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนี่ทุกคนดูมีความสุขกับการได้ลองลิ้มชมรสอาหารไทย (ปลอมๆ) ฝีมือของผม ทุกคนชมครับว่าอร่อยโดยเฉพาะต้มยำกุ้ง mate ผมทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก ไม่เคยกินซุปที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน คิดในใจนะครับว่าเขาจะรู้ไหมนะว่ารสชาตินี่ไม่ได้ใกล้เคียงของจริงเล้ยยยยย แต่ดูเหมือน Mark จะรู้ทันครับเพราะเขาถามผมว่าถ้ามันอร่อยขนาดนั้นทำไมผมถึงไม่แตะต้มยำเลย  :m18: (ฝรั่งแมร่งตาไว) ผมเลยได้แต่แสยะยิ้มแล้วบอกว่ามัน creamy มากไปสำหรับผม ปกติเราไม่ใส่กะทิเยอะขนาดนี้ แต่ทุกคนก็ไม่สนตั้งหน้าตั้งตากินจนหมด

จบจากมื้อนั้น Justin ก็บอกว่าอยากกินอาหารไทยฝีมือผมอีก ผมเลยต้องบอกเขาไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งว่าผมเอาเครื่องปรุงมาเท่าที่ใช้ไปวันนี้ (ในใจเหรอครับ Yes!!!!) แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ Justin ก็ขอให้พี่กีมาทำอาหารไทยให้กินอีก เอ็มกับกันย์ก็มาช่วย แต่มื้อนี้ผมเป็นลูกมือท้ายแถวครับ คอยยืนส่งจานส่งชามอย่างเดียว ผมจำไม่ได้ว่าพี่กีทำอะไรบ้าง แต่ถ้าจำถูกจะเป็นผัดไท ผัดผัก ปลาหมึกนึ่งมะนาวอะไรประมาณนั้นล่ะครับ ผัดผักกับปลาหมึกนี่ก็รสชาติคล้ายเมืองไทยครับ แต่ผัดไทนี่คนละเรื่องเลย เพราะเราหาน้ำ้มะขามเปียกไม่ได้ พี่กีเลยเอาเส้นจันมาผัดกับซอสมะเขือเทศแทนแล้วก็เนียนๆบอกเขาว่ารสชาติเหมือนที่กินที่ีเมืองไทยเลย

“เอ๊ะ!! นี่ผมนอกเรื่องจากเรื่องข้าวกลางวันมาไกลขนาดนี้ได้ไง”

กลับมาเรื่องข้าวกลางวันนะครับ ก็อย่างที่บอกว่าปกติเราสามคนจะกินข้าวด้วยกัน น้อยครั้งครับที่จะแยกกันกิน มันก็มีอยู่วันหนึ่งมันเป็นวันเปลี่ยน section สัปดาห์ต่อไปก็ต้องจัดห้องเรียนกันใหม่ กันย์มันบอกผมตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับว่ามันจะไม่กินข้าวกลางวันด้วย เพราะจะไปกับเพื่อนๆใน class มัน ส่วนไอ้เอ็มมันก็เพิ่งมาบอกผมตอนพักของวันนั้น ผมก็เฉยๆ จริงๆแล้วก็งอนมันครับ เพราะผมไม่ไปกินข้าวกับคนอื่นใน class เพราะจะได้กินกับมัน ผมเลยเงียบๆ เอ็มมันรู้ครับว่าถ้าผมเงียบ + ทำหน้านิ่งๆนี่คือไม่พอใจ มันก็กลัวผมจะโกรธ ชวนผมไปกินข้าวด้วย ผมไม่ไปหรอกครับ ผมไม่รู้จักใครเลย ให้ไปนั่งกินข้าวด้วยนี่ผมอึดอัดตาย ผมเลยพูดดีๆกับมันบอกว่าผมไม่ได้โกรธ ไม่ต้องห่วง ผมกินข้าวคนเดียวได้ มันก็อืมๆแบบเกรงใจ (มรึงเกรงใจกรูแต่ก็ทิ้งกรูไปกินข้าวกับพวกมัน ชิห์)

พอพักกลางวันผมก็เดินไปกินข้าวอีก campus หนึ่ง เดินไปถึงห้องวางกระเป๋าเรียบร้อยแล้วนะครับ เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ให้ของขวัญอาจารย์ ผมเลยเดินกลับมาอีกครั้ง ระหว่างทางมันมีสวนสาธารณะอยู่ตรงข้างถนน วันนี้อากาศดีครับแดดออก sunshine day มาก หลายคนก็มานั่งกินข้าวกันในสวน ผมมองไปเรื่อยๆแล้วก็ไปสะดุดกับหลังคนๆหนึ่ง …. ไอ้เอ็มครับ ผมจำเสื้อมันได้เพราะผมเป็นคนไปเลือกซื้อกับมัน มันนั่งกินข้าวกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ สองคน ย้ำ้นะครับว่าสองคน แล้วมรึงบอกกรูว่าไปกินข้าวกับเพื่อนๆ เท่านั้นล่ะครับปรี๊ดครับปรี๊ด  :m31: ของขวัญไม่ให้แมร่งแล้ว เดี๋ยวค่อยให้วันหลังละกัน

ผมเดินกลับไปที่ campus  :oni1: ระหว่างทางผมซื้อโค้กด้วยนะครับ คิดในใจว่าจะเอาไปสาดแมร่งทั้งผู้หญิงผู้ชาย แอบมาคบชู้กัน "นังเรยา นังงูพิษ"  o12 แหะๆ เปล่าหรอกครับคืออารมณ์เสียไง เลยอยากกินอะไรหวานๆ เดินเข้ามาในห้อง ไม่มีใครมาสักคน ผมเอาหูฟัง ipod ยัดใส่หูตัวเองเปิดเสียงแบบไม่เกรงใจห้องข้างๆ (อย่ามายุ่งกับกรู คนกำลังโมโห) แล้วก็ก้มหน้าก้มตากิน sandwich รสชาติห่วยๆของตัวเองกับโค้ก  :o11:

คิดแล้วมันปรี๊ดครับ ภาพนั้นย้ำติดตาผมอยู่เลย ตอนนี้เเมร่งคงกำลังมีความสุขนั่งกินข้าวกลางวันกันสองคนกลางสวนสาธารณะโรแมนติกตายห่า  :serius2: แล้วผู้หญิงคนนั้นจะรู้ไหมว่าไอ้ sandwich ไข่ที่เอ็มมันกินน่ะฝีมือผมมมมมม!!  :angry2: คิดแล้วแค้นครับ ผมกระดกโค้กจนหมดกระป๋องแล้วเขวี้ยงกระป๋องลงถังขยะสุดแรงเสียงดังเป๋งเลยครับ สะใจคิดซะว่าเป็นหัวไอ้เอ็มแต่มันก็ไม่หายโกรธ

พอใกล้บ่ายโมงไอ้ตัวต้นเรื่องก็เดินเข้ามา ผมชายหางตามองมัน เห็นเอ็มมันเดินมาหน้านิ่งๆ คิดว่ากรูจะเชื่อมรึงเหรอเดินมาทำหน้าเฉยๆในใจคงยิ้มระรื่นเลยสิ  ข้าวกลางวันอร่อยไหมละมรึง แล้วมันก็เอากระเป๋ามาวางข้างๆผมก่อนจะนั่ง โอ๊ยแค่เห็นหน้ามันผมก็อยากกระโจนเข้าหักคอมันแล้วครับ  :z6:

“มรึงกินข้าวที่นี่เหรอ”

“อืม” ก็ใช่สิ มรึงทิ้งกรูแล้วไปกินข้าวกับผู้หญิงนิ แล้วจะให้กรูกินข้าวกับหมาที่ไหน

“แล้วมรึงกินข้าวกับใคร” พ่อกรูมั้ง

“คนเดียว แล้วมรึงล่ะ” ถ้ามรึงโกหกกรูนะ น่าดู  :m16:

“กินกับเพื่อนผู้หญิงเกาหลีที่สวนสาธารณะ” เกาหลีด้วยนะ คงน่ารักมากล่ะสิ  :3125:

“เหรอ คงอร่อยเนอะ” ไม่ค่อยเก็บอาการเลยกรู

“นิว มรึงโกรธกรูเหรอ” มันเริ่มรู้ตัวเเล้วครับว่าผมกำลังงอน ตอนนั้นก็มีคนอื่นเข้ามาในห้องหลายคนแล้วเหมือนกันแต่มันง้อผมเป็นภาษาไทย ไม่มีใครฟังออกครับ เอ็มมันก็ง้ออย่างงั้นอย่างงี้จนผมเริ่มอารมณ์ดีขึ้น (ผมนี่ก็ใจอ่อนเนอะมันง้อนิดเดียวหายโกรธแล้ว) กำลังเคลิ้มเลยครับ อาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี เอ็มมันเลยหยุดง้อเพราะที่นี่เขามีกฎว่าต้องพูดแต่ภาษาอังกฤษ ถ้าพูดภาษาบ้านตัวเองล่ะก็ โดนทำโทษครับ … สรุปก็ไม่มีอะไรจบคาบมันก็ง้อผมต่อนิดหน่อย  ผมก็หายโกรธตั้งแต่มันมาง้อผมแล้วครับ  :m18:

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
«ตอบ #154 เมื่อ03-06-2011 09:35:22 »

เอ็มจะไว้ใจได้ก๋า หน้าอย่างเอ็มจะไว้ใจได้ก๋า  :z3:

กลัวนิวผิดหวังจากเอ็มจัง

ชอบเหมือนจะมีใจ แต่ก็ชอบมองๆคนอื่น

สงสารนิวนะ :เฮ้อ:

แต่ก็ดีใจที่นิวมีความสุข :กอด1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
«ตอบ #155 เมื่อ03-06-2011 13:15:39 »

แหม...แค่เขากินข้าวเที่ยงกับสาวเกาหลีหน่อยเดียว งอนซะแระ อิอิ
หวังว่าคงไม่ได้ไปกินด้วยกันทุกวันหรอกนะ
ไม่งั้นเอ็มคงจะได้ง้อใครบางคนทุกวันแน่ๆ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
«ตอบ #156 เมื่อ03-06-2011 21:44:08 »

ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าใจแทน หวังว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งน๊า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2011 01:43:43 โดย [N]€ẃÿ{k}uñĢ »

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
«ตอบ #157 เมื่อ03-06-2011 22:46:13 »

เอ็มยอมรับง่ายๆเลยวุ้ย คงจะไม่มีไรหรอกมั้ง 5555+

เเต่อยากให้เอ้มเเสดงออกมากกว่านี้ หมายถึงว่าถ้าเอ็มจะเป็นพระเอกอ่ะนะ 555555+  o13

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
«ตอบ #158 เมื่อ04-06-2011 00:27:23 »

tantalize : เอ็มมันก็คงไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ คงสนิทกันมั้ง เรียนด้วยกันวันสุดท้ายแล้วมันก็เลยอยากไปกินข้าวด้วยกันซักมื้อ

[N]€ẃÿ{k}uñĢ :  :m7:

Nus@nT@R@ : ก็เอ็มมันไม่เคยทิ้งผมไว้คนเดียวนิครับ มันไปกินข้าวกับคนอื่นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่เหลือมันก็กินกับผม  :m18:
                       ไอ้ที่บอกว่าง้อใครบางคนทุกวันนี่ ใครเหรอครับคิดไม่ออก ไม่เห็นมีเลย  :haun5:

GeTOuTNoW : ไว้ใจได้ (มั้งครับ)  :laugh3: ... อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไป

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
«ตอบ #159 เมื่อ07-06-2011 21:52:41 »

พูดถึงเรื่องกินไปแล้วคราวนี้ผมขอพูดถึงเรื่องเที่ยวบ้างนะครับ ช่วงเดือนแรกที่ไปซักประมาณ 6 โมงกว่าๆฟ้าก็มืดแล้ว แต่พอเข้าช่วง summer เท่านั้นล่ะครับ 2 ทุ่มแล้วแดดยังจ้าอยู่เลย พวกผมก็เที่ยวกันอย่างเมามันส์  : 222222: เหลือบมาดูนาฬิกาอีกที "อ้าว!! 3 ทุ่มแล้วเหรอ” พวกเราซื้อตั๋ว bus แบบรายเดือนอ่ะครับเลยต้องใช้ให้คุ้มทั้งเที่ยวไปเรื่อย บางวันอากาศดีหน่อยก็เดินเอาบรรยากาศ ไปเที่ยวเมืองนอกมันก็ต้องเดินใช่ไหมไม่งั้นไม่มัน
 
ปกติแล้วทุกเย็นวันศุกร์โรงเรียนจะมีกิจกรรมพานักเรียนไปเที่ยวหลังเลิกเรียนบางวันก็พาไปดูหนัง ไปเล่นสนุกเกอร์ ไปเล่นไอซ์สเก็ตแต่ที่เด็ดที่สุดคือศุกร์แรกที่พวกผมไปถึง มันเป็นวันฉลองอะไรซักอย่างเนี่ยแหละครับผมจำไม่ได้แล้วแต่ที่โรงเรียนเขาจัด trip พาตะลอนไปกินเหล้า 4 ผับ เขานัดประมาณทุ่มหนึ่งที่โรงเรียน ระหว่างนั้นพวกผมก็ไปหาข้าวเย็นกินกัน ตื่นเต้นครับ ผมไม่เคยเที่ยวผับเมืองนอกมาก่อน

ผับแรกที่ไปถึงมันยังหัวค่ำ่อยู่เลยครับ ร้านมันเลยออกแนว pub and res. มากกว่า เดินเข้ามาข้างในมันก็ยังไม่สนุกเท่าไหร่ เลยมานั่งคุยกันตรงบาร์ นั่งอยู่ได้ชั่วโมงกว่าๆก็ตระเวนไปที่ต่อไป ผับที่ 2 นี่ดูเป็นผับขึ้นมาหน่อยครับ เปิดเพลงเวียเริ่มดีง มีคนเต้นๆนิดหน่อยแล้วพวกเราได้คูปองกินเหล้าฟรีมาคนละ 1 แก้ว ไอ้กันย์ครับมันประเดิมคนแรกด้วยการสั่งเหล้าอะไรมาไม่รู้ จิบไปอึกแรกมันก็บอกว่าอร่อยเลยชวนพวกผมกิน มันรู้แหละครับว่าเอ็มกินเหล้าได้แต่กับผมไอ้กันย์มันหันไปถามเอ็ม

“เอ็ม ไอ้นิวมันแดรกเหล้าได้เปล่าวะ” เอ็มมันก็หันมามองหน้าผม ผมก็ทำหน้านิ่งๆ ก็ไอกันย์มันถามเอ็มไม่ได้ถามผมนิ

“ได้แต่ไม่มาก” ครับ ผมเป็นคนคออ่อน (มาก)  :o8: ปกติผมจะกินเหล้าผสมโค้กแต่จะใส่โค้กมากกว่าเหล้า แล้วผมก็กินมากไม่ได้ ไม่เกิน 3 แก้วครับหน้าผมจะแดงเถือกไปหมดแล้วมันก็จะปวดหัวตุ๊บๆ แผลบเดียวสติผมก็จะหลุดลอยไป เอ็มมันรู้ครับว่าผมคออ่อนเพราะก็มันนั่นแหละครับที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองมีความต้านทานต่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดต่ำ่เหลือเกิน (มันชอบมอมเหล้าผมคับ  :o12:)

พอได้ยินเอ็มมันพูดแบบนี้กันย์มันก็สั่งเหล้ามาให้ผมก้วนึง รสชาติมันอร่อยดีนะครับ  :impress: แต่ไม่รู้จริงๆว่าเขาเรียกว่าอะไร ก็ดื่มไปคุยไปรู้ตัวอีกทีสมองมันก็เริ่มมึนแล้ว ตอนเดินเข้ามาในผับเนี่ย ผมว่าโลกมันยังไม่หมุนนะ แต่ขาออกนี่สิครับ เอ็มมันต้องพยุงผมมาตลอดทาง  :-[ พอขึ้นรถได้เท่านั้นมันก็เหวี่ยงผมมานั่งชิดหน้าต่าง ผมก็สมองเบลอๆครับ ปวดหัวด้วยแบบว่าตอนนั้นหมดสภาพครับ ผมนอนเอาหัวซบไหล่เอ็มแบบไม่อายสายตาคนรอบข้างเลยครับแต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีคนสนใจนะ สักพักพนักงานเขาก็เดินแจกอะไรไม่รู้ ผมก็รับๆมา มันเป็นหลอดพลาสติกใสขนาดเล็กข้างในมีของเหลวใสหนืดๆ ฮิฮิ ผมว่าคงมีคนเดาออกแหละ มันคือ lubricant ครับ  :z1: แล้วไอ้กันย์มันก็เริ่ม

“เอ็ม แค่นี้พอเหรอวะ” ผมสมองช้าครับคิดตามมันไม่ทัน อะไรพอวะ
   
“พอดิ นิวมันรู้งาน ไม่ฝืนเท่าไหร่หรอก”  :m25: ได้ยินประโยคนี้ของไอ้เอ็มผมทุบมือลงบนตักมันดังอั๊ก กรูเมาแต่กรูก็รู้ว่าพวกมรึงคิดอะไรกันนะเว้ย

“เอ็มกรูเพื่อนมรึงนะ มรึงทำกรูได้ลงคอเหรอ”   :m1: ผมเมาแล้วรั่วด้วยครับ 55

“ก็เพราะรักไงถึงทำ”  :m10:: ไอ้ห่า!! คนเรามันก็เขินเป็นนะเว้ย

“กันย์ เอ็ม พูดจาอะไรน่าเกลียด” พี่กีคงทนฟังไม่ไหวแล้วมั้งครับ ผมว่าตอนนั้นพี่กีก็คงคิดว่าผมกับเอ็มเป็นแฟนกันเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เราสองคนก็ตัวติดกันตลอด แล้วเอ็มมันก็ take care ผมแบบไม่อายสายตาคนรอบข้าง ... พี่ๆอย่าพิ่งจิ้นกันไปไกลคืนนั้นพี่กีนอนให้ห้องผม ส่วนเราสามคนที่เหลือก็มานอนรวมกันในห้องนั้งเล่น  :เฮ้อ:

ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์พวกเราจะไปเที่ยวกันจนดึกแล้วเอ็มกับกันย์จะมานอนค้างคืนที่บ้านผม Justin กับ Mark ก็น่ารักนะครับไม่เคยบ่นเลยที่ผมพาเพื่อนอีก 2 คนมากินมานอนด้วย เขามองว่ามีคนในบ้านเยอะๆก็ดี บ้านจะได้ไม่เงียบแล้วก็มีคนเล่นกับลูกๆเขาตลอดเวลา ก่อนกลับบ้านพวกผมจะแวะ supermarket ก่อน ซื้อของมาทำมื้อดึกกินกัน กันย์เป็นพ่อครัวตลอดส่วนผมกับเอ็มก็คอยหั่นโน่นหั่นนี่ตามที่กันย์มันสั่ง แล้วกว่าเราจะกินเสร็จ จะล้างจานเสร็จก็โน่นแหละครับตี 2 ตี 3 ปกติแล้วกันย์จะนอนในห้องผม ส่วนผมกับเอ็มจะนอนด้วยกันที่โซฟาเป่าลมในห้องนั่งเล่น คืนแรกๆที่มา กันย์มันก็ไม่ยอม มันเกรงใจผม แต่ผมก็อยากนอนกับเอ็มมากกว่า เลยอ้างว่ามันตัวใหญ่ที่สุดแล้วบังคับให้มันไปนอนในห้อง ส่วนพี่กีเขามาค้างบ้านผมแค่คืนเดียวนอกนั้นพี่เขาขอกลับไปนอนที่บ้าน พี่กีบอกผมว่ากลับไปนอนที่บ้านแล้วพวกผมจะได้เต็มที่ไม่ต้องมานั้งเกรงใจพี่เขา

 ตอนเช้าผมมักจะตื่นก่อนคนอื่น ก็ขึ้นมาทำข้าวเช้ากิน เล่น MSN แล้วก็ดู TV รอสองคนนั้นตื่น บางวัน Justin ก็เตรียมเเป้งสำหรับทำ pancake เอาไว้ให้ ซักเกือบๆเที่ยงนั่นแหละผมถึงได้ลงไปแซะ 2 คนนั้นขึ้นมาจากเตียง แต่ถ้าวันไหน Justin ไม่ได้ทำอะไรทิ้งไว้ให้ ผมก็ต้องรับหน้าที่เป็นพ่อครัวจำเป็น ก็ทำอะไรง่ายๆ เปิดตู้เย็นมามีอะไรผมก็เอาใส่กะทะให้มันร้อนๆก็กินได้แล้วครับ มันก็มีบางวันนะที่เอ็มกับกันย์มันอยากทำข้าวเช้าขึ้นมา มันสองคนชอบกินไข่ลวกครับ พอทำเสร็จผมก็เห็น 2 คนนี้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ผมนะไม่ชอบกิน ไม่รู้มีใครเหมือนผมไหมแต่ผมเหม็นกลิ่นคาวไข่ กินทีไรไม่เคยกลั้นใจกลืนลงคอได้สักที เอ็มมันก็รู้นะครับว่าผมไม่ชอบกินไข่ลวก แต่วันนั้นมันขะยั้นขะยอให้ผมกิน ยังไงก็ไม่กิน มันก็ง้อๆๆอยู่นั่นจน mate คนอื่นเขาก็เริ่มชำเลืองๆมอง แต่มันก็ไม่หยุดครับ หยิบเอาช้อนมาจ่อไว้ที่ปากผม ผมก็อาย

“เอ็ม คนอื่นเขามอง กรูอายว่ะ”   :m17:

“ไม่อยากอายก็แดรกเข้าไปดิ”

“กรูไม่ชอบไข่ลวก”

“เร็ว มรึงไม่อายหรือไงคนอื่นเขามอง แค่กินๆเข้าไปมันก็หมดเรื่องแล้ว” ดูมันพูดครับดูมัน จงใจย้อนผมชัดๆ แล้วผมจะทำไงได้นอกจากอ้าปากงับแต่โดยดี แล้วพอไข่มันเข้าปากผมเท่านั้นแหละครับ กลิ่มมันเกินทนจริงๆ ผมรีบวิ่งไปที่อ่างล้างจานแล้วบ้วนมันทิ้งแบบไม่เกรงใจใคร  :m30: เอ็มมันหน้าหงิกเลยครับที่เห็นผมทำแบบนั้น แล้วมันก็งอนผม หันหลังก้มหน้าก้มตาจ้วงไข่ลวกแบบไม่สนใจผม ผมก็รู้ตัวนะว่าตัวเองทำแรงเกินไป แต่ผมก็ไม่ได้แกล้ง ไข่มันเหม็นคาวจริงๆ แล้วมันเป็นความผิดผมตรงไหนที่มันงอนอยู่นี่ แต่ผมก็ง้อมันนะครับ ... เอ็มน่ะง้อไม่ยากหรอก แค่ทำเสียงอ้อนๆเอาหัวไปซบๆไหล่นิดเดียวก็หายงอนผมแล้ว  :m18:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
« ตอบ #159 เมื่อ: 07-06-2011 21:52:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #160 เมื่อ08-06-2011 01:44:39 »

หวานกันเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะ ชิชิ ว่าแต่หายไปนานเลยน๊า
แล้วจะรออ่านต่ออิอิ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #161 เมื่อ08-06-2011 07:25:17 »

[N]€ẃÿ{k}uñĢ :  :m22: แฮะ แฮะ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาไปเที่ยวต่างจังหวัดมาครับ กลับมาก็งานเข้ามากมายเลยไม่่ค่อยได้เขียนต่อ
                           นิวคุงมาเมนต์ตอนดึกๆให้อีกแล้ว 
:bye2: 

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #162 เมื่อ08-06-2011 20:40:12 »

เชียร์เอ็ม เอ็มจะทำตัวน่ารักไปไหน :-[

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #163 เมื่อ08-06-2011 20:49:53 »

 :m3:

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #164 เมื่อ09-06-2011 00:22:56 »

อ่านเเล้วอิจฉามากมาย มีป้อนข่ายยย ให้กานด้วย อิอิ ไข่ลวกไม่ชอบ ชอบเเบบไม่ลวกอ่อ  :z1:

ปล.ตอนนี้ก็คุยกะน้องคนนึงอยู่ น้องเค้าโทรมาหาเราทุกวัน วันละนานๆ บางทีก็สงสัยจังว่าน้องคิดไรอยู่เนี่ย = = ( เเต่ก็เเอบดีใจเล็กๆ 555+)

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #165 เมื่อ09-06-2011 00:26:07 »

จะเชียร์เอ็มไปได้สักกี่น้ำกันน๊า กลัวแต่เมื่อความจริงบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้
เผยออกมาให้เห็น ความสุขก็คงจะค่อยกลายเป็นความหลังดังเช่นที่เป็นอยู่...

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #166 เมื่อ09-06-2011 00:32:40 »

จะเชียร์เอ็มไปได้สักกี่น้ำกันน๊า กลัวแต่เมื่อความจริงบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้
เผยออกมาให้เห็น ความสุขก็คงจะค่อยกลายเป็นความหลังดังเช่นที่เป็นอยู่...

มาเปนลางเลยหง่ะ ฮือๆๆ ( เสียใจรอล่วงหน้า )

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #167 เมื่อ09-06-2011 06:35:15 »

tantalize : ชอบกินไข่ต้มยางมะตูมคร้าบบบบบบบบ อาหร่อยที่สูดดดดดดดดดดดด  :impress:
               ขอแสดงความยินดีที่จะมีแฟนล่วงหน้าเลยนะคร้าบบบบบบบบ  :mc4:
[N]€ẃÿ{k}uñĢ : นิวคุงก็พูดเป็นลาง  :sad4:
 :bye2:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
«ตอบ #168 เมื่อ11-06-2011 23:39:38 »

เอ็มมันน่ารักนะครับ  :impress2:  อยู่ด้วยกันที่โน่นมันดูแลผมดีทุกอย่าง ตามใจผมตลอดไม่เคยขัดใจ ผมอยากไปไหน อยากกินอะไรมันก็พาไปไม่เคยขัด ส่วนผมพอมีคนมาเอาใจผมก็ยิ่งอ้อนสิครับ ยิ่งคนๆนั้นคือเอ็ม ผมยิ่งเอาแต่ใจเข้าไปอีก ผมนะจริงๆแล้วเป็นคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ (เป็นบางเวลา) เคยเป็นกันไหมครับที่มันก็ไม่ได้มีสาเหตุอะไรแต่อยู่ๆก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาซะเฉยๆ  :m31: ผมน่ะเป็นบ่อยแล้วคนที่มันจะต้องมาโดนผมกระทบก็คือเอ็มแต่มันก็ดีนะครับ คือถ้ามันรู้ว่าผมอารมณ์เสียมันก็จะยื่น ipod มาให้ผมฟังเพลง เอ็มมันรู้ว่าเวลาผมอารมณ์เสีย ทำหน้างอๆเเล้วฟังเพลง อารมณ์มันจะเย็นลง  :freeze: แต่เอ็มมันก็ไม่ได้ยอมผมเสมอไปนะครับ

   วันนั้นเป็นเย็นหลังเลิกเรียนที่ตลอดทั้งสัปดาห์จะมีเรียนพิเศษ (คือโรงเรียนเอาครูฝึกหัดมาหัดสอนน่ะครับ) ผมเข้าเรียนไปครั้งหนึ่งแล้วไม่ชอบ จริงๆผมอยากไปเที่ยวมากกว่าแต่เอ็มกับกันย์มันอยากเรียน ผมไม่ไปอ้อนไอ้กันย์หรอกครับ ผมหนีไปอ้อนเอ็มว่าไม่อยากเรียนอยากไปเที่ยว แต่เอ็มมันอยากเรียน มันก็พูดตะล่อมผมให้เข้าเรียนอยู่นานจนผมเกิดอาการนอยด์ หงุดหงิดอารมณ์เสียที่โดนขัดใจ  o9 ตอนเเรกคิดว่าเอ็มมันจะง้อแต่เปล่าครับ มันถอนหายใจใส่ผม ส่ายหัวแล้วก็เดินเข้าห้องเรียนไปนั่งกับไอ้กันย์ ผมก็โกรธสิครับ อยู่ๆมาทำแบบนี้กับผม เรียนก็เรียนวะ ผมเลยเดินเข้าไปเรียนอีกห้องหนึ่ง ยังไม่อยากเห็นหน้าไอ้เอ็ม

ตลอดชั่วโมงผมก็นั่งทำหน้ามุ่ยๆ แล้วก็พยายามทำใจเย็นๆ รู้นะครับว่าตัวเองผิดเอง เลยบอกกับตัวเองว่าอย่าไปโกรธเอ็มมันเลย มันตั้งใจเรียนก็ถูกของมันเเล้ว เวลาเที่ยวยังมีอีกเยอะ ท้ายๆคาบผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แต่พอหมดคาบเดินออกจากตึกเรียนเห็นหน้าเอ็มเท่านั้นล่ะครับ ไอ้ที่คิดมาตลอด 1 ชั่วโมงหายไปหมด ผมชักสีหน้าใส่มัน  :m16: ไม่มองหน้า ไม่พูดด้วย ถามคำตอบคำ แล้วก็ทำหน้าแบบจะเข้าไปกัดคอไอ้เอ็มได้ตลอดเวลา กันย์มันคงรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุระหว่างผมกับเอ็ม มันเลยชวนไปเดินเที่ยวที่ชายหาด ผมไม่เดินข้างเอ็มนะครับ โกรธมัน หนีไปเดินข้างกันย์แทน เดินกันไปได้สักพักล่ะครับ

“นิว กันย์ มรึงสองคนไปเที่ยวกันเถอะ” เสียงไอ้เอ็มดังมาจากข้างหลังครับ ผมนี่สันหลังชาไปทั้งแถบแมร่งเล่นแรงว่ะ  :a5: 

“เฮ้ยเอ็มมรึงพูดเหี้ยไรวะ ไปด้วยกันนี่แหละ” ไอ้กันย์ครับมันพยายามกู้สถานการณ์ ส่วนผมก็ยืนหน้าซีดอยู่ข้างมัน

“ไม่เป็นไร พวกมรึงไปเที่ยวกันเถอะ … กรูไปด้วยพวกมรึงเที่ยวกันไม่สนุกหรอก” ไอ้ประโยคหลังนี่เอ็มมองหน้าผมครับ มรึงนี่รู้วิธีทำให้กรูรู้สึกผิดได้อีก  :sad5:

“เฮ้ยไม่เอาน่า ไปเถอะ เดินมาไกลแล้ว” กันย์มันยังพยายามอยู่ครับแต่เอ็มมันก็ทำท่าจะกลับให้ได้

“กันย์ ขอโทษนะ เราขอคุยกับกับเอ็มแป๊บนึง เดี๋ยวเราเดินตามไป”  กันย์มันก็พยักหน้าแบบเข้าใจแล้วเดินไปยืนรอห่างไปอีกหน่อย

“เอ็ม กรูขอโทษ กรูไม่ไดตั้งใจ กรูผิดเอง ไปเที่ยวด้วยกันนะ”  :m17:

“นะเอ็มนะ ไปด้วยกัน” ผมเริ่มยืนไม่ติดแล้วครับ เอ็มมันหน้านิ่งมาก กลัวมันอะ ผมกระโดดเข้าไปเขย่าแขนอ้อนมัน

“มรึงอยากให้กรูไปมากเลย ดูหน้ามรึงเมื่อกี้สิ” แน่ะมรึงมีเหน็บกรูอีก

“อยากดิ ไปกับกรูเถอะ … ไม่มีมรึงกรูก็ไม่มีความสุขหรอก ไปกับกรูนะ”  :o11: ผมเอื้อมมือไปจับมือมันเอาไว้ แปลกแฮะถ้าเป็นที่เมืองไทยผมคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ แต่ที่นี่ไม่เห็นมีใครสนใจผม ไม่มีแม้แต่คนจะหันมามองเด็กผู้ชาย 2 คนที่กำลังยืนจับมือกันกลางถนน    

“ก็ได้” มันยิ้มให้ผมทีนึงเเล้วก็เดินไปหากันย์ ส่วนผมก็เดินก้มหน้าก้มตารู้สึกผิดไปจนถึงหาด

หาดมันก็ไม่ได้สวยมากนะครับประมาณพัทยาบ้านเรา น้ำ้ทะเลก็ไม่ได้ใสอะไรแต่ลมแรงแล้วก็ตึกสวย ผมมองดู condo แล้วก็แอบฝันว่าถ้าโตขึ้นเเล้วมีตังค์จะมาซื้อคอนโดแถวนี้สักห้อง วิวมันสวยจริงๆครับ ก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ หาของกินกันไปตลอดทาง ผมก็อารมณ์ดีขึ้น เอ็มมันก็ยิ้มให้ผมมากขึ้น เดินเล่นกันจนเกือบ 2 ทุ่มแหละครับถึงได้นั่งรถ bus กลับบ้าน เอ็มมันลงคนแรก

“เอ็มกรูขอโทษนะ เรื่องเมื่อเย็นน่ะ”  :m5: ผมกระซิบเอ็มเพราะไม่อยากให้กันย์ได้ยิน แต่มันก็คงได้ยินแหละครับ เพราะมันยืนอยู่ถัดจากเอ็มไปนิดเดียว

“อืม ไม่เป็นไรแต่อย่าทำบ่อยนัก หนักๆเข้ากรูก็ตามอารมณ์มรึงไม่ทันเหมือนกัน … อย่าอารมณ์แปรปรวนนักสิวะ”

“กรูจะพยายาม” พูดจบรถก็จอดป้ายที่เอ็มลงพอดี พอเอ็มลงปุ๊บ

“นิว มรึงกับเอ็มทะเลาะอะไรกันวะ” ไอ้กันย์ได้ทีถามเลยครับ ผมก็ตอบนะครับมันไม่ใช้เรื่องส่วนตัวขนาดนั้นแล้วมันก็เพื่อนผมคนหนึ่ง

“เรื่องไร้สาระ กรูงี่ี่เง่าเองแหละ”

 “มรึงก็อย่างอนมันบ่อยนักสิ มันแคร์มรึงมากนะเว้ย” ผมพยักหน้าแล้วกันย์ก็ไม่ได้ถามอะไรผมอีก

วันรุ่งขึ้นผมโดดเรียนแล้วนั่ง bus ไปเดินเที่ยวห้างคนเดียว ไม่รู้สิครับบางครั้งผมก็ต้องการเวลาอยู่คนเดียว อยากคิดโน่นคิดนี่ ผมรู้ว่าหัวใจของผมกำลังหวั่นไหว เอ็มดูแลผมดีมากครับ ดีจนผมอดที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้าเราสองคนคบกัน อะไรๆมันจะดูดีกว่านี้ไหม อยู่ด้วยกันเกือบ 2 เดือนเอ็ม take care ผมทุกอย่าง ตามใจผมตลอด เราสองคนใกล้กันมากตัวติดกันยิ่งกว่าเป็นแฟนกันซะอีก  :n1: บางครั้งบนรถมีที่นั่งที่เดียว เอ็มก็ให้ผมนั่ง  :m3: เขาซื้อน้ำ้มากินก็ยื่นให้ผมกินก่อน มีครั้งหนึ่งพวกเรา 4 คนนั่งกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกันผมซุ่มซ่ามทำโชยุหกใส่เสื้อกันหนาวสีขาวของตัวเอง เอ็มมันนั่งอยู่ข้างๆมันรีบหยิบทิชชู่มาเช็ดให้ ในขณะที่ผมเองยังนั่งคุยกับพี่กีอยู่เลย

ก่อนมาผมสัญญากับบิวเอาไว้ว่าจะพยายามห้ามใจตัวเองแต่ตอนนี้ เหตุการณ์ทุกอย่างมันทำให้ผมไม่อยากจะฝืนอะไรต่อไปอีกแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามห้ามไม่ให้ตัวเองคิดกับเอ็มมากกว่าเพื่อน ยอมรับเลยครับว่ามันทำได้ยากมาก ลึกๆแล้วผมก็อยากใกล้ชิดกับเอ็ม ยิ่งบรรยากาศและสิ่งเเวดล้อมมันเต็มใจแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ผมทำตัวลำบาก จนสุดท้ายผมก็โยนความคิดทุกอย่างออกจากหัวแล้วปล่อยตัวเองให้มีความสุขกับเรื่องของผมและเอ็มไปเรื่อย ๆ

อยู่ที่โน่นเรื่องนอนซบไหล่ นั่งอิงหลัง เดินจูงมือ ป้อนขนมนี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาของผมกับเอ็ม  :กอด1: เวลากินข้าวด้วยกันพี่ๆเคยเห็นในหนังไหมครับที่พระเอกกับนางเอกตักของที่อีกฝ่ายไม่ชอบมาที่จานตัวเอง ผมกับเอ็มทำกันแบบนั้นเลยครับ เราสองคนใกล้กันมานาน ผมรู้ว่าเอ็มชอบไม่ชอบอะไร ส่วนเอ็มก็รู้นิสัยผมดีเหมือนกัน เอ็มมันจำรายละเอียดในชีวิตประจำวันผมได้ทุกอย่าง ว่าผมชอบกินอะไรก่อนหลัง ปรุงยังไง แค่วันไหนผมอยากลองกินน้ำ้อัดลมขึ้นมาสักกระป๋อง เอ็มมันก็ทักแล้วครับว่าทำไมวันนี้ผมถึงไม่กินน้ำ้เปล่าเหมือนเดิม (ไอ้นิสัยกินน้ำ้เปล่าเนี่ยผมติดมาจากเอ็มตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมกับมัน) ผมกับเอ็มชอบเล่นเอานิ้วแหย่ปากกันครับ คือบางครั้งผมหาวแล้วลืมปิดปาก เอ็มมันก็แกล้งเอานิ้วมาใส่ปากผม ส่วนเวลามันเผลอผมก็แกล้งมันบ้างเหมือนกัน

ผมไม่อยากจะคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเอ็ม ถ้าถามผมว่าผมมีความสุขไหม “ครับผมมีความสุขมากๆ” แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมก็ได้เรียนรู้ว่าอะไรๆมันก็ไม่แน่นอน ผมไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง พอเราสองคนกลับมาที่เมืองไทยเราจะยังนั่งซบกัน เดินจูงมือกัน ป้อนขนมกันอยู่อีกไหม ผมไม่อยากคาดหวังเพราะกลัวจะผิดหวัง ไม่อยากรักเพราะกลัวว่าตัวเองเจ็บแต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้ เพราะนอกจากผมจะหลงรักเอ็มเข้าให้แล้ว ผมยังยึดติดกับทุกอย่างที่เอ็มทำให้ผม นั่นยิ่งทำให้ผมอ้อนเอ็มออกหน้าออกตาและไม่แคร์สายตาใคร (เพราะไม่มีใครสนใจ)

อย่างที่ผมบอกพี่ๆว่าทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เอ็มจะมานอนค้างบ้านผม กันย์นอนในห้องส่วนผมกับเอ็มนอนที่ห้องนั่งเล่น ไอ้โซฟาที่ผมกับเอ็มนอนด้วยกันมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไร เรียกได้ว่าพอดีสำหรับ 2 คนล่ะครับ ผ้าห่มก็มีอยู่ผืนเดียว แบ่งๆกันห่ม ผมเป็นคนนอนติดที่ครับ เวลาออกมานอนนอกห้องผมก็จะหลับๆตื่นๆตลอดและทุกคืนที่ผมตื่นขึ้นมาผมก็มักจะพบตัวเองอยู่ในสภาพที่ถูกเอ็มกอดเอาไว้  :o8: ผมจำได้ว่าคืนแรกที่รู้สึกตัวว่าถูกเอ็มกอดผมหน้าร้อนผ่าวไปหมด หัวใจก็เต้นแรง นอนตาค้างทั้งคืนเลยครับ ก็เอ็มมันเล่นเอาหน้ามาซุกกับหลังคอผม เวลาลมหายใจของมันสัมผัสกับตัวผม มันรู้สึกจั๊กจี้ยังไงบอกไม่ถูก แรกๆผมก็ไม่ชินนะครับที่ต้องตื่นมาในสภาพแบบนี้ แต่หลังๆผมก็รู้สึกดี มันรู้สึกอบอุ่นนะครับ รู้สึกว่าคนๆนี้ช่างเอาใจใส่ผมซะเหลือเกิน

และก็มีบางคืนผมตื่นขึ้นมาเจอตัวเองในสภาพนอนซบอยู่กับหน้าอกของเอ็ม เขินครับ  :-[ แต่ก็อยากนอนแบบนี้ไปนานๆ ผมไม่รู้หรอกว่ากันย์มันจะเคยเดินออกมาเห็นไหม หรือว่าคนอื่นๆในบ้านจะเดินลงมาเจอผมนอนกอดกับเอ็มหรือเปล่า คงเป็นเพราะที่นี่มันเป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่งด้วยมั้งครับ ผมเลยไม่แคร์สายตาใคร  :m13:

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #169 เมื่อ11-06-2011 23:56:30 »

นิวหลงเอ็ม 555+ :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
« ตอบ #169 เมื่อ: 11-06-2011 23:56:30 »





New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #170 เมื่อ12-06-2011 22:21:01 »

นิวหลงเอ็ม 555+ :laugh:

:m1:
มา reply เร็วมากเลยครับ  o13

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #171 เมื่อ13-06-2011 20:10:25 »

มาต่อเหอะนะนะ  อยากอ่านอีกกกก

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #172 เมื่อ13-06-2011 20:49:39 »

ใจเย็นนะครับ กำลังเขียนอยู่  o8

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #173 เมื่อ13-06-2011 23:10:29 »

ระวังน๊า หวานเป็นลม ขมเป็นยา 555+

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #174 เมื่อ14-06-2011 00:13:51 »

อ้ากกก ถ้าจะหวานกนได้ขนาดนี้ อิจฉา  :sad4: :o12: :o8: :-[  o22

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #175 เมื่อ14-06-2011 07:25:20 »

[N]€ẃÿ{k}uñĢ : ใครก็ได้ช่วยเอายาดมให้ที ... ผมเป็นลม กร้ากกกกกกกกกกก!!! :laugh3:

tantalize : ของพี่ก็ไม่น้อยหน้าหรอกครับ ... อิจฉา!! โทรหาทุกวันเลย  :serius2:

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #176 เมื่อ14-06-2011 13:37:07 »

เรื่องนี้น่ารักดีครับ
แล้วจะมาอ่านบ่อยๆ ครับ

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #177 เมื่อ14-06-2011 20:30:53 »

เข้ามารอทุกวัน  อิอิ บางวันอาจไม่ได้เมนต์

เพราะ อะไรเหรอออออออ
 อิอิ

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #178 เมื่อ14-06-2011 23:13:25 »

woodong : ขอบคุณครับที่ติดตาม  o1 ผมเองก็พยายามจะเอามาลงให้เรื่อยๆ
                แล้ว "เพราะ อะไรเหรออออออ" นี่คือเพราะอะไรละครับบบบบบบบบ ... แง่ๆๆมาจิ้มให้อยากแล้วจากไป  :o12:

-~iK@iZ_KunG~- : ขอบคุณครับ  :pig4:
 

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
«ตอบ #179 เมื่อ16-06-2011 20:37:09 »

ไม่นานเวลา 2 เดือนของผมกับเอ็มก็หมดลง  :sad4: หลังเรียบจบคอสร์ผมมีเวลาอีก 1 วันเต็มก่อนที่จะบินไปเยี่ยมป้าอีกประเทศนึง บ่ายๆของวันสุดท้าย mate ผมนัดพวกเรา 3 คนไปเลี้ยงส่งกันที่ร้าน pizza ในเมือง หลังจากกินกันอิ่มเรียบร้อย mate ผมทั้ง 3 คนก็ขอแยกย้ายกลับบ้านส่วนผม เอ็มและกันย์แวะไปเดินเล่นกันในเมืองเป็นครั้งสุดท้าย มันรู้สึกใจหายนะครับผมยังจำวันแรกที่ผมมาถึงที่นี้ได้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เวลาของความสุขนี่มันช่างเดินเร็วจริงๆ

ขากลับพวกเราแวะ supermarket ซื่อของกันตามความเคยชิน กันย์ของแยกกลับบ้านไปก่อน ปล่อยให้ผมเดินอยู่กับเอ็ม 2 คน ก็เดินกันจนเย็นแหละครับผมเลยขอเดินไปส่งเอ็มที่บ้านซักครั้งเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ เอ็มมาสงผมที่บ้านตลอดแต่ผมแทบไม่เคยเดินไปส่งมันเลย ระหว่างทางเดินกลับบ้านผมแอบมองหน้าเอ็มบ่อยมาก ผมคงไม่ได้เห็นหน้าเขาไปอีกเกือบเดือน

“เอ็ม กรูเปลี่ยนไปบ้างไหม ตั้งแต่วันแรกที่มาที่นี้” ผมถามเขาเมื่อเราสองคนนั้งอยู่ในห้องนอนของเอ็ม  :z1:
   
“พูดไรวะ … มรึงก็ยังเป็นนิวคนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน” ผมรู้ว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ผมเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น สาเหตุเหรอครับเพราะผมอยากอ้อมเอ็มไง ผมอยากให้เอ็มเอาใจผม อยากให้เราสองคนได้ทำอะไรให้กันในสิ่งที่เราไ่ม่สามารถจะทำให้กันได้ที่เมืองไทย ผมไม่รู้ว่าเราสองคนจะมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตกันแบบนี้อีกไหม ผมเลยอยากตักตวงช่วงเวลาดีๆเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เดียวกรูก็ไม่ได้เจอหน้ามรึงอีกเกือบเดือน มรึงจะคิดถึงกรูไหม”
   
“คิดถึงดิ แล้วมรึงละ”  :m1:

“ไม่คิดถึงก็บ้าแล้ว ตัวติดกันมาตั้งเกือบ 2 เดือน … เอ็ม กอดกรูหน่อยได้ไหม กรูอยากให้มรึงกอดกรูจัง”  :impress2:

“ได้ดิ” แล้วเอ็มมันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด ผมซบหน้าอยู่กับอกของเอ็มซักพัก  :กอด1: ในหัวก็กำลังพยายามจะจดจำภาพความทรงจำดีๆที่เราสองคนมีให้กันตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ผมกลัวครับ กลัวว่าอีกเดือนนึงหลังจากนี้ พอเรากลับมาที่เมืองไทย แล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่มันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน ใจนึงผมก็อดจะคิดไม่ได้ว่าเราสองคนจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพื่อนกันไหม อีกใจนึงผมก็กลัวว่าเราทั้งคู่จะทิ้งเรื่องราวทั้งหมดไว้ที่นี่

เอ็มเดินมาส่งผมที่ป้ายรถ bus ระหว่างรอรถหัวใจของผมมันเต้นรัว ผมได้แต่มองหน้าเอ็มมีเพียงปลายนิ้วของเราสองคนที่สัมผัสกันเบาๆ  :n1: ผมไม่อยากห่างจากเอ็มเลยครับ พอรถมาถึงผมกับเอ็มรำ่ลากันเล็กน้อยแล้วตอนที่รถ bus กำลังวิ่งออกจากป้าย ผมมองย้อนกลับไปก็เห็นเอ็มมองเข้ามาในรถ มันโบกมือให้ผม ผมแทบจะกลั้นนำ้ตาเอาไว้ไม่อยู่

เย็นวันนั้น Mark กับ Justin จัดงานเลี้ยงส่งให้ผมพวกเรากินข้าวกันพูดกันถึงเรื่องบ้าๆที่ผมทำในตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี้ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรที่ทำให้คนต่างเชื่้อชาติ ต่างศาสนา ที่อยู่กันคนละซีกโลกได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้แม้ว่ามันจะเป็นระยะเวลาไม่นานแต่ทุกคนที่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านและคืนนั้นก็เป็นคืนที่ทำให้ผมรู้ว่าทุกคนในบ้านคิดว่าผมกับเอ็มเป็นแฟนกันมันเริ่มมาจากไอ้เพื่อนเกาหลีของผมครับ (ขอแปลเป็นซับไทยนะครับ)

“กรูเดาว่าพรุ่งนี้เอ็มมันต้องไปส่งมรึงใช้ไหม”

“เปล่า เอ็มไม่ได้ไป” จริงๆแล้วเอ็มจะไปครับแต่ผมบอกเองว่าไม่ต้องเพราะมันเช้า แล้วผมก็เกรงใจ Mark กับ Justin ที่จะต้องมาคอยดูเเลเอ็มทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

“เหรอ ทำไมละ เห็นมรึงสองคนไปไหนมาไนด้วยกันตลอด” แล้วมันก็มองหน้าผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์พิกล

“หมายความว่าไงวะ”

“งั้นกรูขอถามมรึงตรงๆเลยนะ”

“อืม”
   
“มรึงกับเอ็มเป็นแฟนกันเปล่าวะ”

“เฮ้ย!! เปล่าๆ เราเป็นแค่เพื่อนกัน”

“กรูไม่เชื่อเพื่อนกันที่ไหนจะสนิทกันขนาดนี้”

“ก็เพื่อนสนิทไง กรูรู้จักกับเอ็มมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

ผมนั้งเครื่องต่อไปอีกไม่นานหรอกคับ ชีวิตผมกับญาติๆไม่มีอะไรมากคับ shopping เป็นหลักแล้วก็ตะลอนๆไปนอนบ้านญาติ แต่ส่วนใหญ่ผมจะนอนอยู่บ้านป้า พ่อผมส่ง list มารอผมตั้งแต่ตัวผมยังมาไม่ถึงเลยด้วยซำ้ พอผมออกมาจากสนามบิน ป้าเค้าเอา list มาโชว์แบบว่ายาวเป็นหางว้าวเลยครับ

เช้าแรก ป้ามาปลุกผมแต่เช้า พาไป shopping ตั้งแต่วันแรก อยู่ที่โน่นผมใช้เงินเป็นเบี้ยครับ  สมัยนั้นตอนอยู่เมืองไทยผมไม่ค่อยซื่ออะไร เวลาไปเที่ยวเลยไม่ยั้ง ยิ่งพ่อให้บัตรเครดิตมาด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ใช้เงินแบบว่าที่บ้านพิมพ์แบ๊งค์เองได้ มันเลยไม่น่าแปลกใจที่พอผมกลับมาบ้านแล้วมานั้งคำนวณว่ารูดไปเท่าไหร่ เลขที่ออกมามันทำให้ผมถึงกับกุมขมับ ตอนนั้นเนียนเลยคับเอาใบเสร็จทั้งหมดแอบไปว่างไว้ในห้องพ่อแล้วออกมาเงียบๆ เหมือนพ่อผมจะทำใจแล้วครับ ท่านไม่ว่าอะไรซักคำเพราะพ่อกับแม่เองก็ฝากผมซื่อของเยอะเหมือนกัน

อยู่โน่นผมพยายามติดต่อเอ็มแต่ก็ไม่สำเร็จส่งเมลล์แล้วมันก็ไม่ตอบ โทรเข้ามือถือก็ไม่เปิดเครื่อง ผมใช้ชีวิตอยู่ต่อมาอีกเกือบเดือนโดยที่ไม่รู้เลยคับว่าเอ็มเป็นไงบ้าง ยอมรับคับว่าคิดถึงมันมากแต่ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่คิดถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นั้งจินตนาการภาพว่าถ้ามันมาที่นี่กับผมด้วย ผมจะมีความสุขมากแค่ไหน เท่านั้นมันก็พอที่จะทำให้ผมนั้งอมยิ้มได้แล้วครับ

คืนที่ผมบินกลับมา ทันทีที่ผมเปิดเครื่อง มือถือผมก็ดังขึ้น …  เอ็มโทรมา  :m18: (มันกลับมาถึงก่อนผมคืนนึง) ผมยังอยู่ด้านในสนามบินอยู่ยังไม่ได้เอากระเป๋าเลยด้วยซำ้ ผมคุยกับเอ็มนิดหน่อยเพราะต้องรีบขนกระเป๋าใส่รถ ... ดีใจมากครับที่มันโทรมา

ไม่กี่วันหลังจากที่ผมบินกลับมาผมกับเอ็มก็นัดกินข้าวกันที่สยาม ตื่นเต้นครับผมได้เจอหน้าเอ็มครั้งแรกในรอบ 1 เดือน เอ็มผอมลงแล้วก็ผิวคลำ้ขึ้นเล็กน้อย จำได้ว่าวันนั้นผมกับเอ็มนั้งกันคุยกันนานมาก เอ็มมันมีเรื่องเล่าให้ผมฟังเยอะแยะไปหมด มันก็คงสนุกอยู่หรอกครับได้ไป backpack เนี่ย ส่วนผมก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรมาเล่าให้มันฟังมากมายเพราะชีวิตประจำวันของผมก็คือการ shopping ผมซื่อกระเป็าตังค์มาฝากเอ็มใบนึง

ก่อนเปิดเทอมผมกับเป็มไปทำค่ายรับน้องของมหาลัยด้วยกันแต่ปีนี้ไอ้บิวไม่ได้ทำมันยังไม่กลับมาจาก work and travel  ผมกับเอ็มก็ตัวติดกันตลอด ผมเองก็ไม่ได้สนิทกับใครเพราะตั้งแต่จบค่ายเมื่อปีที่แล้วผมก็กลับมาอยู่ในส่วนขอคณะผม เวลานั้งกินข้าวเราก็ไปนั้งรวมๆกับน้องด้วยกัน เสร็จงานตอนเย็นผมก็กลับมานอนข้างบ้านเอ็มคืนนึง ตอนกลางคืนก็เหมือนเดิม มันนอนกอดผม  :give2: ตอนเช้าเราก็ไปมหาวิทยาลัยด้วยกันอีกรอบ

งานรับน้องก็ไม่มีอะไรมาก หมันใส้ไอ้เอ็มเวลาบายศรีมีน้องมาต่อคิวรอกันเพียบส่วนผมที่นั้งอยู่ข้างๆมันนี่ไม่มีคนมาต่อแถวเลยครับ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรนะครับแค่ส่งสายตาจิกๆให้มันบ้างบางครั้งแต่เรื่องที่ทำให้ผมอารมณ์เสียที่สุดก็คือเรื่องของพี่บี พี่บีเป็นพี่ที่จบไปแล้วแต่กลับมาช่วนงานน้องๆเป็นประจำ ผมเห็นหน้าพี่บีตั้งแต่เมื่อปีก่อนและผมก็เห็นมาตลอดว่าพี่เขาชอบส่งสายตาให้เอ็มแต่ปีนี้พี่เขาถึงเนื้อถึงตัวเอ็มมากขึ้น ผมไม่ชอบครับเวลาเห็นพี่เขาเดินมาจับไหล่จับแขนเอ็ม เห็นแล้วมันแบบว่าขัดตา อารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ  :m16:

เย็นวันสุดท้ายหลังเลิกงาน เอ็มชวนผมและเพื่อนอีก 2 คนไปกินข้าวเย็นกันต่อ ผมเดินตามเอ็มกับคนอื่นๆออกมาทีหลังถึงได้เห็นกับตาว่าตอนที่เอ็มเดินผ่านพี่บี พี่บีเขาดึงเอ็มไปนั้งตัก เท่านี้ผมก็เลือดขึ้นหน้าแล้ว  :fire: พอเห็นพี่เขากอดเอ็มแล้วไอ้เอ็มมันก็ไม่ได้มีท่าทางขัดขืนอะไรผมนี่น๊อตหลุดเลยครับ

“เอ็ม กรูจะกลับบ้าน” ผมเดินเข้าไปหาเอ็มเลยครับแล้วพูดด้วยเสียงไม่สบอารมณ์สุดๆ

“เฮ้ย!! เดียว กินข้าวด้วยกันก่อนดิ” เอ็มมันก็พยายามลุกขึ้นมานะครับแต่พี่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมันซักที

“ไม่ดกไม่แดรกแมร่งแล้ว ไม่มีอารมณ์” ประโยคหลังผมจงใจพูดกระแทกใส่หน้าพี่เขา เหมือนพี่บีจะรู้สึกได้ครับเพราะพี่เขาปล่อยเเขนออกจากเอวไอ้เอ็ม มันทำท่าจะลุกขึ้นแต่ผมก็ไม่อยู่่รอมันหรอกครับหันหลังเดินออกประตูไปเลย

“นิวๆ มรึงเป็นอะไรวะ”   

“เรื่องของกรู อย่ามายุ่ง”

“ใจเย็นก่อนดิ ทำไมอยู่ๆถึงอารมณ์เสียแบบนี้วะ” แมร่งโง่เปล่าวะ อารมณ์เสียขนาดนี้ยังเดาไม่ออกอีกเพราะอะไร

“ไม่เย็น ทำไมกรูต้องเย็น … ไปเดรกข้าวกับเพื่อนมรึงโน่น กรูจะกลับ กรูเหนื่อย”

“นิว!! … จะแดรกไม่แดรก อย่าให้กรูต้องมีอารมณ์นะ”  :sad3: ไอ้เอ็มครับ หน้ามันน่ากลัวมากแบบว่าจะบีบคอผมให้ตายไปตรงนั้นเลยก็ว่าได้

“แดรกก็ได้”  :o11: ผมก็หงอยซิครับ ผมนะโมโหร้ายก็จริงครับแต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่กล้ากับไอ้เอ็มเหมือนกัน เห็นมันเป็นคนใจเย็นไม่เคยโกรธใครเเบบนี้ เวลามันบ้าขึ้นมานี้น่ากลัวจริงครับ

สำหรับเรื่อง tutor สรุปว่าแผนที่วางเอาไว้ว่าพวกเราจะกลับมาทำต่อก็ต้องเป็นอันยกเลิกไปเพราะแม่ผมขอที่คืนและทุกอย่างมันก็เป็นเหมือนที่ผมกลัว ผมกับเอ็มกลับมาเมืองไทยแล้วอะไรๆที่เราเคยทำให้กันมันก็ต้องลดน้อยลงตามธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทย ไอ้เรื่องนั้งอิงกัน ป้อนขนมกัน เดินจูงมือกันนี่ไม่มีแล้วครับ อย่างมากที่สุดที่ผมกับเอ็มทำให้กันก็แค่ตักกับข้าวให้กันและกัน

จะว่าไปนี่พวกเราก็เข้ามหาลัยมาได้ซักระยะยึงแล้ว อะไรๆก็เปลี่ยนไปครับ เอ็มมันเลิกคิดมากจะเป็นจะตายเรื่องความรักแล้วชวนผมไปกินข้าวย้อมใจแล้วครับ ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันคบกับใครเป็นจริงเป็นจังหรือเปลาเพราะมันก็ไม่เคยบอกผมแต่ผมก็ได้ยินมาจากเพื่อนๆว่าเอ็มมันก็มีกิ๊กของมันมาเรื่อยๆ ส่วนชีวิตของผม … ครับ ผมมีคนเขามาหาบ้างแต่ผมไม่เคยคิดจะจริงจังกับใคร เพราะอะเหรอครับ?? ...  เพราะผมเจอคนๆนั้นของผมแล้วไง  :-[

ตอนนั้นผมซับสนนะครับ ไม่รู้จะเอายังไงกับเรื่องของเอ็มดี ใจนึงผมก็อยากจะกลับไปคิดกับเอ็มมันเหมือนเดิมแต่อีกใจนึงผมก็อยากจะรักมันมากเหลือเกิน ช่วงนั้นผมก็ได้ไอ้บิวกับไอ้ต้นเป็นกระโถนระบายอารมณ์ละครับ แน่นอนว่ามันสองคนไม่เห็นด้วยเหตุผลหลักๆของมันก็คือมันกลัวว่าผมจะเสียเพื่อนสนิทไป

สุดท้ายผมก็คิดถึงคนๆนึงขึ้นมา คนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเหมือนอีกครึ่งนึงของชีวิตผม แม้จะไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกันแต่ผมกับบาสก็โทรคุยกันตลอด (ไม่บ่อยหรอกครับ 2-3 เดือนครั้งแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าบาสมันก็ยังอยู่แถวๆนี้ไม่ได้หายไปไหน) เราเจอกันบ้างตามงานเลี้ยงรุ่นหรือไม่ก็บังเอิญเดินเจอกันตามสยาม (นานๆมากครั้ง) คืนนั้นผมโทรหาบาส เราสองคนคุยกันเป็นชั่วโมง แล้วผมก็ถามบาสด้วยคำถามที่ผมเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะกล้าพูดมันออกไป

“บาส เราถามบาสตรงๆนะ บาสเคยคิดถึงเราบ้างไหม”   :try2: โอ้วพระเจ้า!! นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย

“...” บาสมันเงียบครับ เพิ่งรู้สึกตัวว่าผมไม่น่าพูดมันออกไปเลย  :z3: ตลอดเวลาที่คบกันมาผมกับบาสไม่เคยพูดกันถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเราแล้วผมเอาอะไรมาคิดว่าพอมาถึงจุดนี้บาสจะตอบอะไรผม

“ไม่เป็นไร เราขอโทษ เราไม่น่าถามเลย … งั้นเราไปนอนก่อนนะบาส”

“คิดถึงซิ ถ้าไม่คิดถึงแล้วเราจะกลับไปง้อนิวเหรอ …......แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อย่าพูดถึงมันอีกเลยเนอะ”

ผมไม่โกหกว่าคำตอบของบาสทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ผมไม่ได้หวังอะไรกับคำตอบของบาส ไม่ได้หวังว่าซักสันนึงเราจะกลับมาคบกันเพราะผมเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเราสองคนเดินผ่านจุดนั้นกันมานานมากแล้วแต่คำตอบของบาสมันก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้จริงๆว่าถ้าวันนั้นผมกลับไปหาบาสแล้วนันนี้ผมกับบาสยังจะคบกันอยู่ไหม บาสจะทำให้ผมมีความสุขหรือว่าทุกข์ใจมากแค่ไหน
   
บาสดูเหมือนจะสามารถเดินต่อไปได้โดยไม่ย้อนกลับมามองอดีตข้างหลังในขณะที่ผมนั้นตรงกันข้าม ผมจะลืมบาสได้ยังไงครับในเมื่อเขาคือคนๆแรกที่ผมกล้าพูดว่าผมรักเขาด้วยหัวใจทั้งหมดที่ผมมี และสิ่งที่เป็นเหมือนแผลเป็นในใจผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเรื่องที่ผมกับบาสมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ผมจะลืมเรื่องราวทั้งหมดไปได้ยังไงในเมื่อเขาเคยเป็นเหมือนอีกครึ่งนึงของชิวิตผม บ้านที่ผมอยู่ เตียงที่ผมนอนมันก็เป็นเหมือนฉากที่ทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวระหว่างเราสองคน เมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามารถลืมเรื่องทุกอย่างได้แต่ยิ่งเวลาผ่านไปมันกลับไม่ง่ายอย่างนั้น เชื่อไหมครับว่าถึงตอนนี้ผมก็ยังฝันถึงตอนที่เราสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน … มีคนเคยบอกผมว่า

“เรื่องบางเรื่องเราอาจจะอยู่กับมันได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะลืมมัน … คนเราทุกคนมีแผลแต่ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไป”  :bye2:

ปล. มาต่อให้แล้วนะครับ ขอโทษที่มาลงให้ช้า ช่วงนี้ยุ่งๆนิดนึง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด