My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13  (อ่าน 82449 ครั้ง)

Forget..*

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
«ตอบ #90 เมื่อ02-05-2011 01:32:41 »

ฮ่าฮ่า ใช้อีโมลงท้ายแบบนี้น่าคิดต่อยอดมากเลยเนี่ย ;))

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
«ตอบ #91 เมื่อ02-05-2011 02:32:16 »

น้องแจ๊สแร๊งส์..............  ตอนนี้น้องนิวเรียนขั้นไหนแล้วอ่ะคะ  

จะได้กะถูกว่าเมื่อไหร่จะปัจจุบัน   :-[

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
«ตอบ #92 เมื่อ02-05-2011 21:29:42 »

โอ้ โอ่ น้องนิวจะมีแฟนแล้ว

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
«ตอบ #93 เมื่อ03-05-2011 16:12:26 »

จะติดตามอ่านต่อไปเช่นเดิมนะครับ เป็นกำลังใจให้นะ

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
«ตอบ #94 เมื่อ03-05-2011 20:38:07 »

โอ้ยๆๆๆ เมื่อไหร่พระเอกจะโผล่ หรือโผล่เเล้ว ????  :oo1:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
«ตอบ #95 เมื่อ04-05-2011 00:08:23 »

โอ้ยๆๆๆ เมื่อไหร่พระเอกจะโผล่ หรือโผล่เเล้ว ????  :oo1:
รอลุ้นครับ  :m16: ฮิฮิ

จะติดตามอ่านต่อไปเช่นเดิมนะครับ เป็นกำลังใจให้นะ
ขอบคุณครับ

โอ้ โอ่ น้องนิวจะมีแฟนแล้ว
:-[

น้องแจ๊สแร๊งส์..............
ไอ้แจ๊สนี่แรงจริงอะไรจริงครับ  :z2:

ฮ่าฮ่า ใช้อีโมลงท้ายแบบนี้น่าคิดต่อยอดมากเลยเนี่ย
รบกวนพี่ๆจิ้นกันไปก่อนครับ ... ผมขอเวลาตรวจคำผิดนิดนึง  :t4:




Dpad

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
«ตอบ #96 เมื่อ04-05-2011 01:28:38 »

 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
อดทนสวดยวดเลย นับถือ  :call: :call: :call: :call: :call: :call:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
«ตอบ #97 เมื่อ04-05-2011 21:43:40 »

แม้ว่าทุกคนจะมองว่าไอ้เเจ๊สทำลงไปเพราะอารมณ์ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไประหว่างผมกับไอ้เเจ๊ส...

เริ่มจากผมก่อนเลยคือผมเริ่มพูดอะไรไม่ออกบอกอะไรไม่ถูก อ้ำๆอึ้งๆเวลาไอ้แจ๊สมันมาอยู่ใกล้ๆ ยอมรับก็ได้ว่าพอเผลอผมก็คิดถึงเรื่องของมัน  :-[ ส่วนไอ้แจ๊สเองก็เข้าหาผมมากขึ้น ผมว่ามันคุยกับผมบ่อยขึ้น เวลาเดินกันเป็นกลุ่มมันก็มาเดินข้างผมมากกว่าแต่ก่อน แล้วสักพักมันก็เริ่มโทรมาคุยกับผม มันไม่ได้โทรหาผมบ่อย วันหนึ่งก็สักครั้งหรือไม่ก็วันเว้นวัน แล้วก็ไม่ได้คุยกันเรื่องส่วนตัวมากนัก มันก็ชวนผมคุยเรื่องคนโน้นคนนี้ ชวนคุยเรื่องหนัง เรื่องกิน เรื่องเที่ยว จริงๆแล้วผมว่ามันก็คุยเก่งกว่าที่ผมคิดเยอะนะ

ผ่านไปสักพักผมกับไอ้เเจ๊สก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น เราเริ่มไปเดินเที่ยวสยามด้วยกันบ่อยขึ้น บางครั้งมันก็เป็นฝ่ายชวนบางครั้งผมก็ชวนมัน ที่โรงเรียนผมกับแจ๊สก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนเพื่อนๆหลายคนเริ่มสงสัย ก็มีคนแซวบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ผมเองก็ไม่ได้โง่ ผมรู้ว่ามีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไประหว่างผมกับแจ๊สแต่ผมก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน อีกความรู้สึกหนึ่งของผมคือผมชอบที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้มากกว่าเพราะผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเริ่มคบกับใครสักคน

ปีสุดท้ายพวกเราเด็กม.6 มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดงานเลี้ยงประจำปี พวกเราทุกคนต่างก็ตื่นเต้นพวกเพื่อนๆผมหลายคนได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในหลายๆหน้าที่ สำหรับผมซึ่งเป็นประธานนักเรียนก็ต้องรับหน้าที่หลักในการประสานงานและคอยดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่างานประจำปีปีนี้จะออกดีเหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มคุยงานกันได้ไม่ถึงเดือน ผมก็มีงานล้นมือจนดูแลไม่ไหว ผมต้องให้เพื่อนๆที่ผมไว้ใจแบ่งงานไปรับผิดชอบแล้วคอยนัดพวกมันมาประชุมงานกับผมทุกอาทิตย์ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมเบางานมากขึ้นเท่าไหร่ เพราะผมก็ยังต้องดูแลงานอื่นๆในส่วนของกรรมการนักเรียนควบคู่ไปด้วย มันเหนื่อยนะครับ ไหนจะเรียนไหนจะงาน สุดท้ายผมเลยตัดสินใจหาเพื่อนมาทำหน้าที่เลขาสักคน ตอนเเรกผมจะให้ไอ้ต้นกับไอ้บิวมาช่วยแต่มันสองคนก็งานเยอะ ผมเลยชวนไอ้แจ๊สแทน

บุคลิกของไอ้เเจ๊สคือมันเป็นคนเงียบๆ ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกเพราะฉะนั้นผมถึงไม่แปลกใจที่พอพูดกับมันได้ยังไม่จบประโยคดีมันก็ปฏิเสธ แต่ฝีมือระดับผมแล้ว … คือถ้าผมจะให้มันเป็นต้นไม้ยังไงมันก็ต้องเป็นต้นไม้ล่ะครับ  จำได้ว่าวันเเรกที่ผมพามันเข้าไปคุยงานกับอาจารย์มันไม่พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเฉยๆ ถามคำตอบคำ พอออกมาจากห้องเท่านั้นล่ะครับ มันตบหัวผมจนหน้าแทบคว่ำ  :z6: แล้วบอกผมว่า

“มรึงอย่าเอากรูเข้าไปในนั้นอีก”   :m16:

ถ้าคิดว่านี่หนักแล้วเวลาประชุมมันอาการหนักกว่านี้อีก พี่ๆนึกถึงภาพห้องประชุมที่มันเป็นโต๊ะตัวใหญ่แล้วมีคนนั่งอยู่เป็นสิบๆคน ไอ้แจ๊สมันไม่นั่งข้างผมนะครับ มันลากเก้าอี้มานั่งข้างหลังผมแล้วเวลามันจะพูดหรือจะแสดงความคิดเห็นอะไรมันก็จะกระซิบผม ถามอะไรมันก็บอกว่า “แล้วแต่มรึง” มันทำแบบนี้จนคนอื่นแซวว่าจริงๆแล้วผมไม่ไดเเป็นประธานหรอกไอ้เเจ๊สต่างหากเพราะมันคอยกระซิบผมแล้วผมก็พูดตามที่มันบอก

แต่คนเรามันก็มีพัฒนาการครับผ่านไปได้เดือนกว่าผมก็เริ่มรู้สึกว่ามันกล้าแสดงออกมากขึ้น จากที่ไม่กล้าเข้าไปคุยกับอาจารย์ ตอนนี้มันเข้าไปนินทาผมให้อาจารย์ฟังเฉยเลยครับและจากที่มันไม่เคยพูดอะไรเวลาประชุม ตอนนี้มันยิงแหลก ใครเสนออะไรมามันถามๆๆ กลุ่มไหนลาไปทำงานแล้วโดดเรียนบ่อยๆนี่มันด่ากระจาย ผมแอบยิ้มภูมิใจกับพัฒนาการของมันนะครับเพราะผมปั้นมันมากับมือ

ตอนนั้นผมกับไอ้แจ๊สสนิทกันมาก จากที่คุยกันไม่บ่อยตอนนี้เราโทรคุยกันทุกคืนก็เรื่องงานบ้างเรื่องส่วนตัวบ้าง ไปไหนต้องเดินไปด้วยกันตลอด เหมือนมันเป็นเงาตามตัวผม และก็แน่นอนครับว่ามันตามมาพร้อมกับเสียงกระซิบจากคนรอบข้างว่าผมกับไอ้แจ๊สเป็นแฟนกัน เพื่อนๆกลุ่มผมก็ถามว่าผมกับไอ้แจ๊สเป็นแฟนกันเหรอ ทำไมไปไหนต้องไปด้วยกันตลอดแต่ทั้งผมและแจ๊สต่างก็ปฏิเสธ ผมเคยถูกแซวว่า

“นิวครูให้ขนม อะๆให้ 2 ชิ้น ไปแบ่งกับเเจ๊ส ถือว่าครูให้เป็นของหมั่น ... แต่งกันเมื่อไหร่อย่าลืมมาเชิญครูนะ” ผมก็รับขนมมาแล้วยื่นอีกอันนึงไปให้ไอ้เเจ๊ส ผมอายจนได้แต่นั้งก้มหน้าส่วนมันก็หัวเราะชอบใจใหญ่

ไอ้เเจ๊สเองก็มีแฟนคลับหลายคนเหมือนกันและตั้งแต่ผมกับมันมีข่าวด้วยกันผมว่าน้องๆที่กรีดมันน้อยลงไปหลายคนเหมือนกัน ก็มีบางคนที่คลายกับไอ้นนท์คือทำเป็นไม่รู้ไม่สน ผมกับไอเเจ็สนั้งกินข้าวด้วยกันบางครั้งก็มีน้องเเรงๆเข้ามาคุยกับไอ้เเจ๊สแล้วก็ส่งสายตาจิกๆมาให้ผม ผมก็ขึ้นนะแต่โรงเรียนผมนะถ้ามีรุ่นพี่รุ่นน้องมีเรื่องกัน พี่จะโดนหนักกว่าแล้วผมจะโดนบวกเพิ่มด้วยเพราะเป็นประธานนักเรียน

สำหรับไอ้นนท์ตอนแรกผมคิดว่ามันน่าจะกลัวเท้าไอ้เเจ๊สจนหายเงียบไปแต่มันก็ไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมคิด จริงๆแล้วมันหายไปแค่ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ผมก็เริ่มเห็นหน้ามันเเวะเวียนเข้ามากวนประสาทผมอีก ผมล่ะกลัวที่สุดคือกลัวไอ้นนท์มันโดนเท้าไอ้เเจ๊สฟาดเข้าที่ปาก เพราะนับวันแจ๊สมันก็ยิ่งแสดงออกว่ามันไม่ชอบหน้าไอ้นนท์สุดๆ ทุกครั้งที่ไอ้นนท์เดินเข้ามาหาผมแม้มันจะคุยเรื่องงานแต่ไอ้เเจ๊สมันก็ชักสีหน้าหาเรื่องใส่ไอ้นนท์ทุกครั้ง แล้วไอ้นนท์ก็ใช้ย่อยยิ่งมันรู้ว่าผมมีข่าวกับไอ้เเจ๊สมันก็ยิ่งชอบเข้ามายั่วโมโหไอ้เเจ๊ส

จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ไอ้เเจ๊สก็เกิดน็อตหลุดขึ้นมาซะดื้อๆ  :fire: ผมกำลังนั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ที่หน้าห้องแล้วไอ้นนท์ก็โผล่มา มันก็เข้ามาหยอดๆผมเหมือนทุกครั้งแต่ไอ้แจ๊สที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกสิครับ พอมันเห็นไอ้นนท์เข้ามาคุยกับผมมันก็เดินข้ามฝั่งมาหา ผมพยายามไล่ไอ้นนท์ตั้งแต่เห็นไอ้เเจ๊สลุกมาแล้วครับ หน้าไอ้เเจ๊สแบบว่าเอาเรื่องมาก แต่ไอ้นนท์แมร่งก็โง่ เตือนแล้วทำเป็นเก่งไม่ฟังที่ผมพูด พอเดินมาถึงไอ้แจ๊สไม่พูดอะไรเลยครับ ถีบไอ้นนท์จนล้มกลิ้งไปบนพื้น  :z6: ผมก็อึ้งครับ คิดว่าไอ้แจ๊สมันคงเข้ามาไล่ไอ้นนท์เฉยๆ ไม่คิดว่ามันจะลงมือลงไม้กัน

พอไอ้นนท์ลุกขึ้นมาแมร่งก็พุ่งใส่ไอ้แจ๊สเลยครับ ผมก็พยายามดึงไอ้เเจ๊สออกมาแต่มันก็เเรงควายมาก จนเพื่อนๆที่อยู่แถวนั้นต้องมาลากมันสองคนออกจากกัน เห็นไอ้นนท์แล้วก็สงสารมันนะครับ คงโดยไอ้เเจ๊สต่อยเข้าเต็มดั้งจนเลือดกำเดาไหล สภาพแมร่งเหมือนคนโดนรุมกระทืบ ส่วนไอ้แจ๊สก็แค่ปากแตกนิดหน่อย แล้วให้พี่เดาครับว่าใครซวยที่สุด … ผม …

เพราะไม่ถึง 20 นาทีชื่อของผม ไอ้แจ๊สและไอ้นนท์ก็ดังขึ้นจากเสียงตามสาย พวกเราโดนเรียกไปที่ฝ่ายปกครอง พอผมเดินเข้าห้องเท่านั้นล่ะครับ หน้าซีดเป็นเผือกต้มเลย มีอาจารย์ฝ่ายปกครองนั่งอยู่หนึ่งคน ข้างๆเป็นอาจารย์แดง อาจารย์ฝ่ายปกครองไม่ถามอะไรครับไอ้นนท์โดนตีไป 10ที ฐานมีเรื่องทะเลาะวิวาทและปีนเกลียวไปชกกับรุ่นพี่ ส่วนไอ้เเจ๊สโดนไป 20 ทีโทษฐานที่เป็นรุ่นพี่แล้วหาเรื่องรุ่นน้องรวมกับเป็นคนก่อเรื่อง ส่วนผมโดนอาจารย์แดงเทศน์อยู่เกือบชั่วโมง แถมโดนเรียกไปตีกลางลานกิจกรรมอีก 10 ที โทษฐานเป็นประธานนักเรียนประพฤติตัวไม่เหมาะสมและเป็นต้นเหตุของการทะเลาะวิวาท “นี่ผมควรจะดีใจไหม”   :m15:

และอย่าคิดว่าไอ้เเจ๊สมันจะกลัวนะครับ พอพ้นตาอาจารย์ปุ๊บมันเดินดิ่งไปกระชากคอเสื้อไอ้นนท์เลยครับ

“กรูเตือนมรึงแล้วนะไอ้เหี้ย ถ้าไม่อยากเจอตรีนอีกก็อย่ามาเสือกกับแฟนกรู”  :m1:

ผมเห็นแบบนั้นเลยรีบเข้าไปดึงไอ้เเจ๊สออกมา ผมโกรธมากนะครับก็เพราะไอ้ความสิ้นคิดไร้สติของมัน ทำให้ผมต้องโดนตีประจานให้คนทั้งโรงเรียนเห็น แถมอาจารย์แดงก็ยังพูดอีกว่าผมเป็นประธานนักเรียนคนแรกในรอบ 10 ปีที่โดนเรียกมาตี ผมลากมันเข้ามาในห้องกรรมการนักเรียน ในนั้นมีเด็กม.ต้นนั่งเล่นกันอยู่ 2-3 คน ผมเลยขอให้น้องออกไปนอกห้องก่อน

โมโหมากครับ แต่ผมก็รู้ว่าที่มันทำแบบนั้นเพราะมันก็หวังดีกับผม ผมชักสีหน้า นั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็เงียบครับ ผมเป็นคนปากหมาครับ และก็รู้ตัวว่าเวลาโกรธผมจะยิ่งปากเสียมากขึ้นไปอีก ผมถึงเลือกที่จะนิ่งแล้วไม่พูดอะไร ไอ้เเจ๊สก็รู้จักนิสัยของผมดี มันก็นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆผมเหมือนกัน จนในที่สุดผมก็อารมณ์เย็นพอจะพูดกับมันได้ ผมบอกมันว่าคราวหน้าให้ใจเย็นกว่านี้ ไอ้เเจ๊สมันก็ขอโทษผม

แน่นอนว่าทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้น วันรุ่งขึ้นพอผมเดินเข้าประตูห้องปุ๊บก็โดนแซวแบบไม่ยั้ง กระดานหน้าห้องถูกเขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่มากกกกกกกกว่า “Jazz Love New”  :m4: อายก็อายครับแต่ผมก็ทำเป็นยิ้มๆแล้วเอากระเป๋าไปวาง หลังจากนั้นเรื่องของผมกับแจ๊สก็กลายเป็นเรื่องสนุกปากของเพื่อนๆ แต่ผมกับแจ๊สก็ยังทำตัวเหมือนเดิม เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม ไม่มีมากขึ้นหรือน้อยลง ผมกับแจ๊สทำงานเข้าขากันดีครับ มันรู้ว่าผมทำงาน style ไหน ชอบไม่ชอบอะไร

และในที่สุดวันงานประจำปีของโรงเรียนก็ใกล้เข้ามา ผมจำได้ว่ามันเป็นวันสุดท้ายของการเตรียมงานพวกเราทุกคนต้องช่วยกันย้ายข้าวของอุปกรณ์ต่างๆลงมาเตรียมพร้อม แล้ววันนั้นไอ้แจ๊สมันก็เกิดบ้าพาวน์อะไรของมันไม่รู้ ถอดเสื้อแบกของครับ คือแบบว่ากล้ามเป็นกล้าม six packs เป็น six packs    :m25: ขนาดผมที่ว่านิ่งแล้วตอนเห็นนี่ยังมีเขวเลยครับ แล้วพอมันเห็นผมมันก็เดินเข้ามาทัก ไอ้แจ๊สมันแย่งเอากล่องที่ผมถืออยู่ไปถือ แล้วมันก็ถือเก้าอี้ด้วยมือข้างเดียว ผมก็เขินนะครับ เป็นใครๆก็เขินทั้งนั้นแหละครับ คนหน้าแต่แบบมัน หุ่นแบบมันมายืนโชว์กล้ามอยู่ตรงหน้า ซึ่งฉากนี้มันก็เรียกเสียงแซวจากคนรอบข้างได้ดีเหลือเกิน ใครเดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องหยุดแซวผม จำได้แค่ไอ้บิวมันเเซวว่า "มรึงสองคนไปส่งตาหวานกันที่อื่นไป”


คืนนั้นผมไปนอนบ้านแจ๊สครับ เพราะบ้านมันอยู่ใกล้โรงเรียน และพรุ่งนี้เราสองคนต้องมาถึงโรงเรียนแต่เช้า เราสองคนแวะกินข้าวกันหน้าปากซอยบ้านไอ้เเจ็ส กินข้าวมันไก่ครับ อร่อยดี กว่าจะกลับถึงบ้านมันก็เกือบ 4 ทุ่มแล้ว ผมก็เหนื่อยมันก็เหนื่อย พออาบน้ำ้เสร็จเราก็เตรียมตัวนอนแล้วครับ ผมนอนกับมันบนเตียง

“แจ๊ส กรูเครียดว่ะ” ผมนอนไม่หลับครับ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่เกือบชั่วโมง ผมรู้ว่ามันก็ยังไม่หลับเหมือนกัน

“เครียดไรวะ”

“เครียดเรื่องพรุ่งนี้ … กรูกลัวงานมันจะออกมาไม่ดี” ผมเป็นคนแบบนี้ล่ะครับ ทั้งๆที่เตรียมตัวมาดีแล้ว แต่วันก่อนหน้างานผมก็มักจะคิดมาก กลัวว่างานมันจะล่มบ้าง ออกมาไม่ดีเหมือนที่ผมคาดหวังไว้บ้าง

“มรึงทำเต็มที่แล้วนิว พวกเราทุกคนก็ทำกันเต็มที่แล้ว แมร่งออกมาดีแน่ มรึงไม่ต้องคิดมาก”

“กรูรู้ แต่ยังไงกรูก็กังวล”

“เลิกคิดมากแล้วนอนซะ พรุ่งนี้มรึงต้องใช้เเรงอีกเยอะ จะกลัวเหี้ยอะไรมีกรูอยู่ทั้งคน” แล้วมันก็เอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าผมคิดอะไร ถ้าเป็นคนอื่นผมคงสะบัดมือออก แต่สำหับแจ๊ส ผมปล่อยให้แจ๊สกุมมือผมเอาไว้  :a1: จริงๆแล้วผมก็นอนไม่หลับหรอกครับ แต่ก็หลับตาไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงนาฬิาปลุก

ผมกับแจ๊สไปถึงโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่สว่าง ตลอดทั้งวันผมเดินไม่หยุด ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กินเป็นชิ้นเป็นอัน จำได้ว่าไปแอบกินข้าวเหนียวหมูปิ้งของเพื่อนหลังเวที แล้วก็ไปแอบนอนงีบพักเอาแรงที่ห้องกรรมการนักเรียนนิดหน่อย ไอ้เเจ๊สดูต้นทางให้ครับ ก็เหนื่อยกันทั้งวันทั้งผมและไอ้เเจ๊ส แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากจบงานชีวิตผมก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง งานผมก็น้อยลงมีเวลาเอาไปนั่งเรียนหนังสือมากขึ้น แต่ผมกับไอ้แจ๊สก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แม้จะจบงานแล้วแต่เเจ๊สมันก็ยังช่วยงานอื่นๆของผมด้วย

วันนั้นผมชวนไอ้แจ๊สไปเอาของที่ห้องกรรมการนักเรียน มันก็เป็นช่วงสายๆของวันธรรมดาๆวันหนึ่งซึ่งก็ไม่มีใครอยู่ในห้อง ผมกำลังก้มๆเงยๆหาของ และผมก็รู้สึกว่าตัวเองถูกโอบกอดจากด้านหลัง ตกใจเหมือนกันครับ เพราะผมสามารถสัมผัสถึงลมหายใจของไอ้แจ๊สที่ไหลมากระทบอยู่ที่ซอกคอ มันใช้เวลาสักแป๊บผมถึงจะดึงสติตัวเองกลับมาได้

“แจ๊สปล่อย กรูไม่ชอบ” ผมแกะมือมันออกแล้วเดินออกจากห้องไปเลยครับ ผมไม่ได้โง่นะ ผมรู้ว่าแจ๊สคิดกับผมมากกว่าเพื่อนแต่ผมก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมาตลอดเพราะผมสบายใจกับความสัมพันธ์ของเราตอนนี้มากกว่า ผมกลับขึ้นมานั่งอยู่บนห้องสักพัก ไอ้แจ๊สก็เดินหน้านิ่งๆ มันเอาแฟ้มงานที่ผมลงไปหามาให้

หลังจากนั้นผมกับแจ๊สก็ยังเป็นเหมือนเดิม ผมรู้ว่าแจ๊สต้องหาทางพูดกับผม ผมเลยพยายามเลี่ยงสถานการณ์นั้น แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นผมที่หนีความจริงไปไม่ได้ตลอด มันเป็นเย็นวันศุกร์หลังสอบเสร็จ พวกผมนัดกันไปกินข้าว ดูหนังที่สยาม กว่าหนังจะเลิกก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว หลังจากล่ำลากันเสร็จเพื่อนๆผมต่างคนต่างก็รีบกลับบ้าน ผมมารู้ตัวอีกทีก็เหลือแต่ไอ้แจ๊สแล้วที่ยืนอยู่ข้างผมและก่อนที่ผมจะได้คิดอะไร

“นิว มรึงรีบกลับเปล่าวะ”

“รีบ”
   
“ตอแหลสัด มรึงมาเป็นเพื่อนกรูหน่อย” แล้วมันก็กึ่งเดินกึ่งลากผมเข้าสยาม  :impress: พี่ๆคิดภาพสยามตอน 4 ทุ่มวันศุกร์นะครับ แมร่งโคตรเงียบ โซนที่มีคนเยอะแถบตรงข้าม Siam Dis. Siam Cen. หรือตรง Hard Rock มันก็ไม่พาผมไปหรอก แมร่งลากผมไปหน้าศูนย์หนังสือจุฬาฯ โคตรเงียบเลยครับ มีคนเดินขึ้นลงตึกบ้าง แต่ก็ไม่มาก ยังดีที่แถวนั้นสว่างแล้วก็มียาม ไม่งั้นผมคิดว่ามันคงลากผมมา  :oo1: แล้ว

ไอ้แจ๊สมันก็นั่งอยู่ตรงบันไดแล้วก็ไม่พูดอะไร ผมที่นั่งอยู่ข้างๆรอให้มันพูดก็ได้แต่รอๆๆแล้วก็เหลือบมองมันด้วยหางตา มันทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ผมก็ดูออก มันกำลังคิดอะไรอยู่

“นิว คือกรู กรู...” แล้วมันก็อ้ำๆอึ้งๆไม่พูดออกมาสักที

“เอาจริงๆเลยนะ กรูชอบมรึงว่ะ … เป็นแฟนกรูนะนิว” ถามว่าผมแปลกใจไหมที่มันพูดแบบนี้ออกมาก็นิดหน่อยนะครับ เพราะผมรู้็ตั้งแต่ตอนที่มันลากผมมาแล้ววว่าวันนี้คงเป็นวันที่ผมต้องพูดความจริงกับมัน ผมเงียบและกั้นใจพูดความรู้สึกของผม...

“กรูก็รู้สึกดีกับมรึงนะ .............. แต่ว่าอย่าเลย กรูยังไม่พร้อมจะมีใครตอนนี้”

พี่ๆต้องเห็นหน้าไอ้แจ๊สเหมือนที่ผมเห็น ใจหนึ่งผมก็สงสารมันนะครับแต่ผมก็ไม่มีวันจะเอาความสุขของตัวเองไปแลกกับอะไรอีกแล้ว วันนั้นแจ๊สเปิดใจพูดกับผมทุกอย่าง มันเหมือนในละครที่ทุกอย่างเริ่มมาจากคำว่าเพื่อนแล้วพอเราเริ่มสนิทกันแจ๊สก็เริ่มชอบผม มันพูดอะไรออกมามากมายในขณะที่ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

จนกระทั่งไอ้เเจ๊สมันคงรู้ตัวว่ามันเปลี่ยนใจผมไม่ได้ มันเลยเดินมาส่งผมเรียกรถ taxi กลับบ้าน ผมกลับถึงบ้านก็อาบน้ำนอน แต่นอนไม่หลับหรอกครับ ในหัวมันคิดถึงแต่เรื่องที่ไอ้แจ๊สพูด

 “กรูชอบมรึงว่ะ เป็นแฟนกรูนะนิว”

... ไอ้แจ๊ส …

คนที่ใครๆหลายคนต่างก็ต้องอิจฉาผมที่ได้ยืนอยู่ข้างๆมันและยิ่งถ้ามีใครรู้ว่ามันขอผมเป็นแฟนผมก็คงถูกด่าว่าโง่ที่ปฏิเสธการเป็นแฟนกับไอ้เเจ๊ส ผมรู้ว่าผมโชคดีที่มันชอบผม
   
ครับ... ผมไม่ปฎิเสธว่าผมก็รู้สึกดีกับไอ้แจ๊สเหมือนกันแต่ผมไม่พร้อมที่จะมีใครตอนนี้จริงๆ ผมเคยคิดว่าผมลืมทุกอย่างและพร้อมจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งแต่ตั้งแต่วันที่มันกอดผมมันก็ทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวร้ายๆระหว่างผมกับบาส ผมกลัวครับ กลัวการที่จะเริ่มรักใครสักคน กลัวที่จะยอมปล่อยให้ใครเข้ามาในชีวิตของผมเหมือนที่บาสเคยทำ และสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือผมกลัวว่าผมจะเสียเพื่อนสนิทคนนี้ของผมไป

ผมกับบาสเราสองคนเริ่มต้นกันมาจากคำว่าเพื่อน ... เพื่อรสนิทแต่กลับจบลงด้วยการไม่มองหน้ากัน ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่กลัว “ความผูกพัน” ไปแล้ว ผมเลยเลือกที่จะไม่ยอมรับรู้ว่ามันรู้สึกกับผมมากกว่าเพื่อน ทั้งๆที่ผมก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันชอบผม

หลังจากวันนั้นผมกับแจ๊สก็ถอยออกจากกันคนละก้าว มันไม่ค่อยโทรหาผมหรือมาอยู่ใกล้ๆผมเหมือนแต่ก่อน ผมก็เสียดายที่เหมือนเราสองคนจะสนิทกันน้อยลง แต่อย่างน้อยผมกับมันก็ยังคุยกันได้ มันก็ยังช่วยผมทำงานมาตลอด เราสองคนก็ยังไปเดินเล่นสยามกันบ้างและมันก็ไม่เคยพูดอะไรที่ทำให้ผมลำบากใจ … พอนานเข้าเรื่องราวของเราสองคนก็จางหายไป จนถึงตอนนี้มันก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของผมคนหนึ่ง  :n1:

ปล. พี่จำไ้ไหมว่าผมเคยบอกว่ามีเพื่อนแอบเอามือถือผมมาเล่นแล้วกดเจอข้อความที่บาสส่งมาง้อ เพื่อนคนนั้นคือไอ้เเจ๊สครับ

Mileson

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
«ตอบ #98 เมื่อ05-05-2011 11:01:23 »

น่าจะคบแจสมากกว่าบาสนะ..แต่อย่างว่าความรู้สึกของคนแต่ละคน เราบังคับไม่ได้..แต่อย่ากลับไปคบกับบาสเลยกลัวจะเจ็บอีก

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
«ตอบ #99 เมื่อ05-05-2011 16:22:11 »

แจ๊สดูเป็นคนดีเนอะ  แต่ถ้านิวคบจริงๆ กลัวจะเข้าอีหรอบเดิม เพราะตอนแรกบาสก็แนวๆนี้  แต่เราว่าแจ๊สดีกว่า  เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
« ตอบ #99 เมื่อ: 05-05-2011 16:22:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
«ตอบ #100 เมื่อ05-05-2011 21:37:34 »

ก็ยังดีนะ มีคนเข้ามาชอบด้วย น่าอิจฉาเล็กๆ T T  :monkeysad:

Little_b

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
«ตอบ #101 เมื่อ06-05-2011 00:36:47 »

เรื่องเล่าเลยนะเนี่ยยย

Forget..*

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
«ตอบ #102 เมื่อ06-05-2011 01:00:30 »

สวสารแจ๊ส แต่ก็เข้าใจนิว
เฮ้อ;(

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
«ตอบ #103 เมื่อ09-05-2011 20:49:22 »

ขอเล่าเรื่องซ้อนๆกันนิดหนึ่งนะครับ หลังจากที่ผมห่างกับบาสผมก็สนิทกับเพื่อนๆกลุ่มของเอ็ม มันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผมสนิทกับแจ๊ส เอ็มมันก็เริ่มกลับเข้ามาในชีวิตผม จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้หายไปไหนไกลเพราะผมกับมันอยู่คนละห้อง เราก็มีเรื่องคุยกันน้อย พอผมรู้จักกับเพื่อนๆมันมากขึ้น ผมกับมันก็กลับมาคุยกัน เล่นกันเหมือนเดิม

พอผมเริ่มสนิทกับมัน ชีวิตผมก็มีสีสันมากขึ้นทุกวัน ก็ตามประสาเด็กมัธยมล่ะครับ ไอ้เอ็มมันก็ไปแอบปิ๊งผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เรื่องของมันต้องละครมากกว่านั้น เพราะผู้หญิงคนนั้นชื่อเเจนเป็นน้องสาวไอ้เเจ๊ส (งั้นผมก็มีศักดิ์เป็นพี่เขยไอ้เอ็มอะดิ เอ๊ะ!!หรือว่าพี่สะใภ้หว่า??  :m28:) และเเน่นอนว่าถ้าจะให้ครบเครื่องละครไทยมันก็ต้องเป็นรักสามเส้า เพราะไอ้หว้ามันก็แอบชอบน้องแจนเหมือนกัน เอ็มกับหว้าเป็นเพื่อนสนิทกันครับ จะว่าไปมันสองคนก็เหมือนคู่หูกัน ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน นิสัยเหมือนกัน เรียนเก่งเหมือนกันและชอบผู้หญิงคนเดียวกัน (ผมรู้ว่าเรื่องมันฟังดูน้ำ้เน่าแต่มันก็เป็นเรื่องจริงครับ)

ฉะนั้นบทบาทของผมในเรื่องนี้คือเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้ไอ้เอ็ม เอ็มมันเป็นคนคิดมากครับ เวลามันเห็นไอ้หว้าจีบน้องแจน มันก็เครียด คิดมาก คือพี่คิดภาพนะครับว่ามันสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ไอ้เอ็มสนิทกับไอ้หว้ามากกว่าผมอีกและทั้งคู่ก็ต้องมาจีบผู้หญิงคนเดียวกัน สิ่งที่ผมเห็นคือมันสองคนจีบน้องแจนแบบเกรงใจกัน คือถ้าไอ้เอ็มรุกหนัก ไอ้หว้าก็เครียด ไอ้เอ็มก็คนดีเกิน พอมันเห็นเพื่อนเครียดมันก็ถอย ส่วนไอ้หว้าก็เหมือนกัน ถ้ามันรุกหนัก ไอ้เอ็มก็เครียด ไอ้หว้าก็เกรงใจเพื่อน มันก็ถอยเหมือนกัน

ผมเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับรักสามเส้านี้เพราะเอ็มมาขอให้ผมไปเป็นเพื่อนซื้อของขวัญวันเกิดให้น้องเเจน มันเหมือน puppy love ของมันนะครับ คือมันทุ่มมาก มันบอกว่ามันจะพับอะไรสักอย่างใส่ขวดให้แจนเนี่ยแหละครับ แล้วมันก็ซื้อโหลใบใหญ่มาก จนผมต้องกระซิบถามมันว่ามันจะเสร็จทันเหรอ แต่มันก็ยืนยันครับว่าทัน ผมเสนอตัวว่าจะช่วยนะแต่มันก็ปฎิเสธ มันบอกว่ามันอยากทำทุกอย่างด้วยตัวของมันเอง ผมก็ยอมรับในความตั้งใจของมันนะครับ เพราะมันทำเสร็จทันเวลา

วันเกิดน้องแจนตรงกับวันหยุดของโรงเรียนผมพอดีครับ ก่อนหน้านั้นผมก็ถามมันว่าจะให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม แต่มันก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะมันจะไปนั่งรอน้องแจนที่บ้านบิวก่อน (บ้านบิวอยู่ใกล้กับโรงเรียนน้องแจนครับ เดินไปไม่ถึง 300 เมตร) ผมเลยนัดน้องมาเคลียร์งานที่โรงเรียน พอบ่ายแก่ๆไอ้บิวมันโทรเข้ามือถือผม บอกให้ผมมาหามันที่บ้านหน่อยเอ็มเป็นไรไม่รู้

ผมห่วงมันไงครับ เลยไล่น้องกลับบ้าน บอกพวกมันว่าทำงานมาตั้งแต่่เช้าแล้วเหนื่อย ให้รีบกลับไปพัก เพราะพรุ่งนี้มีเรียน (เนียนไหมผม  : 222222:) พอถึงบ้านไอ้บิว เปิดประตูห้องมันปุ๊บผมก็เห็นไอ้บิวนั่งเล่นเกมอยู่บนพื้น ไอ้เอ็มนอนเอาแขนปิดหน้าอยู่บนเตียง ไอ้บิวมันก็สะบัดหน้าเป็นเชิงให้ผมเข้าไปคุยกับไอ้เอ็ม ผมปีนขึ้นไปนั่งข้างๆมันบนเตียง แต่มันก็ไม่พูดอะไร ผมว่ามันแกล้งหลับนะ

“เอ็ม เป็นไรวะ ใครทำอะไรมรึง” ผมเขย่าแขนมัน ก็พยายามพูดปลอบมันนะทั้งๆที่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะเมื่อวานมันก็ยังดีๆอยู่ ไอ้เอ็มก็เงียบไม่ตอบอะไรผมกลับมาสักคำ จนผมก็หมดปัญญาไปนั่งปั้นหน้าเซ็งๆเล่นเกมกับไอ้บิว กระซิบถามไอ้บิวมันก็ไม่รู้เรื่อง บอกว่าพอมาถึงบ้านมันก็เครียดลงสมองไปแล้ว

เล่นเกมไปสักพักผมก็หลุดออกจากโลกของความเป็นจริง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้เอ็มมันลุกออกจากห้องนั้นแหละครับ ผมกับไอ้บิวก็ทำเป็นไม่สน แต่พอลับหลังมันเราสองคนก็รีบเดินตามมันออกไป มันนัดน้องแจนที่ห้างแถวๆนั้น ผมเห็นน้องแจนเดินมาแต่ไกลแล้วล่ะ น้องแจนก็ดูปกติดีนะครับ ส่งยิ้มมาให้ไอ้เอ็มตั้งแต่เห็นหน้ามันด้วยซ้ำ้แต่พอน้องเดิมมาหามัน มันก็เเค่ส่งของให้แล้วก็ยิ้มแบบชนิดที่ว่าไม่ยิ้มเลยดีกว่าไหม  :z3: แล้วมันก็หันหลังกลับ ผมกับไอ้บิววิ่งกลับกันแทบตาย พอถึงห้องก็ทำเนียนว่านั่งเล่นเกมกันอยู่ ไอ้เอ็มมันเปิดประตูเข้ามา ผมกับไอ้บิวก็ยังตีเนียน มันก็เดินไปนอนหน้าเดิมบนเตียง
   
ผมเป็นห่วงมันครับ ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะครับที่ผมจะแคร์ไอ้เอ็มมาก  :o8: ไม่ว่ามันจะขอให้ผมทำอะไร แม้ผมจะไม่อยากทำหรือว่าอึดอัดแต่ผมก็ทำให้มันตลอด ผมเดินขึ้นไปนั่งข้างๆมันบนเตียงแล้วกุมมือของมันไว้ ผมรู้ว่ามันไม่พูดอะไรหรอกครับ ถ้ามันจะพูดมันก็พูดตั้งแต่ผมเข้ามาแล้ว สักพักผมก็รู้ว่ามันกำลังร้องไห้ แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากนั่งกุมมือมันไว้อย่างนั้น วันนั้นจบลงด้วยการที่เราสามคนทนหิวข้าวไม่ไหว ก็ไปกินร้านอาหารใกล้ๆ แต่เอ็มมันก็ไม่พูดอะไร ผมกับไอ้บิวก็พยายามคุยกันแต่เรื่องฮาๆจะได้ดึงบรรยากาศให้มันดู happy

หลังจากวันนั้นผมก็ต้องวิ่งวุ่นอยู่กับการเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้ไอ้เอ็ม อย่างที่ผมบอกว่าเอ็มมันเป็นคนคิดมาก มันเหมือนเป็นคนสามวันดีสี่วันไข้นะครับ วันนี้ผมเห็นมันหัวเราะยิ้มแย้มแต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็เห็นมันนั่งคอตกหน้าตาเหมือนคนหมดอะไรตายอยากและทุกครั้งเวลามันเครียดมันก็จะชวนผมไปกินข้าว ผมไปกินข้าวกับมันร้านเดิมตลอด มันเป็นร้าน buffet ร้านหนึ่งในสยาม ผมไปกับมันจนจำได้แล้วว่ามันชอบไม่ชอบอะไร มันจะตักอะไรมากินบ้าง กินอะไรก่อนหลัง แต่มันก็แปลกที่เวลาเราไปถึงที่ร้านมันก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟัง ผมรู้ว่ามันพยายามทำตัว happy ปกปิดความเครียดของมัน ผมก็ไม่ถามนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันอยากเล่ามันก็เล่าของมันเอง แค่เห็นว่ามันมีความสุข ผมก็พอใจแล้ว เอ็มมันชอบไปปรึกษากับไอ้ต้น ไอ้บิวมากกว่า ส่วนผมน่ะเป็นคนสุดท้ายที่เขาจะโทรหาเสมอ ผมจึงมักจะรู้เรื่องก็ตอนที่เอ็มมันเครียดมากจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่แล้วและหลายๆครั้งที่ผมต้องนั่งปลอบมันทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

เอ็มมันเป็นคนนอนดึกครับ ผมว่ามันนอนไม่ต่ำ่กว่าตี 1 ทุกคืน แล้วเวลามันเครียดมันก็ชอบโทรมาปลุกผมกลางดึก บางครั้งโทรหาผมตอนตี 3 ก็ยังเคย ผมก็ต้องตื่นขึ้นมาคุยกับมันทั้งที่สมองยังมึนอยู่ มันเป็นอะไรผมก็ยังไม่รู้เลย และประโยคหนึ่งที่ผมมักจะพูดเป็นประจำคือ “เป็นอะไร ใครทำอะไรมา” … และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่เคยปิดเสียงมือถือเวลานอน

จากนั้นไม่นานเทศกาลแห่งความรักก็มาถึง ไอ้บิวกับเอ็มจองตัวผมตั้งแต่ก่อนเข้าเดือมกุมภา วันที่ 13 กุมภาผมพาพวกมันไปเดินดูดอกไม้ที่ปากคลองตลาด พวกเราไปถึงกันช่วงสายๆ เห็นคนหลายคนเริ่มมาจับจ่ายซื้อดอกไม้กันแล้ว พวกเราเดินดูกับรอบแรก บิกกับเอ็มก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อดอกกุหลาบ Holland แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกร้านไหน พวกเราเลยเดินดูกันอีกรอบ รอบที่สอง สามและสี่ผ่านไป มันสองคนก็ยังไม่รู้ว่าจะซื้อร้านไหนดี จนผมออกอาการโมโหหิว  :m31: ลากพวกมันสองคนเข้าร้านที่อยู่ใกล้ที่สุด พี่ๆพอเข้าใจความรู้สึกผมไหมคือไอ้คนมาหาดอกไม้ให้เแฟนเนี่ยมันดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ เลือกเเล้วเลือกอีก หาร้านที่จัดสวยที่สุดแต่ไอ้คนที่ไม่ได้มาดูอะไรให้ใครแบบผมนี่เดิน 2 รอบก็เบื่อเเล้ว นี่เล่นเดินวนมา 4 รอบใครจะไปทนไหว  :m16:

นอกเรื่อง … มันเป็นนิสัยของเอ็มครับที่ชอบเดินดูของหลายรอบ เวลาไปเดินซื้อของ เอ็มจะเดินดูคร่าวๆก่อนว่าร้านไหนมีของที่มันต้องการบ้าง แล้วจะเดินดูแบบละเอียดอีกที มันจะเดินดูและเลือกอยู่อย่างนั้นจนกว่ามันจะรู้สึกว่าของที่มันเลือกคือของชิ้นที่ดีที่สุด ผมเคยไปเดินดูรองเท้ากับมันตั้งแต่บ่ายยันห้างปิด เดินมันทุกร้านที่มี ดูแมร่งทุกคู่ พอเจอคู่ที่มันถูกใจกำลังจะซื้อ สรุปว่ามีแต่คู่โชว์และร้อยทั้งร้อยครับว่าคนอย่างเอ็มยอมเดินฟรีดีกว่าซื้อรองเท้าโชว์  :a6:
   
ต่อครับ … วันรุ่งขึ้นพวกเราก็กลับมารับดอกไม้ที่ปากคลองกันอีกครั้งแล้วไปนั่งเล่นฆ่าเวลาที่คอนโดไอ้บิว คือผมที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับวันนี้นอนหลับไปหลายตื่นก็ยังไม่ถึงเวลาที่มันนัดสักที แต่ทั้งไอ้บิวและเอ็มนั่งมองดอกไม้อยู่นั่นแหละครับ จับแล้วจับอีก ดูแลอย่างกับมันเป็นลูก เห็นแล้วหมั่นไส้สุดๆ

และพอเวลานั้นมาถึงผมไปเป็นเพื่อนเอ็มส่วนไอ้บิวแยกไปอีกทาง เอ็มนัดน้องเเจนไว้ที่รถไฟฟ้าครับ ผมมาถึงก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เราสองคนก็นั่งคุยเล่นฆ่าเวลาไปเรื่องจนน้องแจนโทรเข้ามือถือเอ็มบอกว่าจะมาถึงในรถขบวนถัดไป มันถึงเวลาที่ผมจะต้องให้มันเดินต่อเองแล้ว ผมพูดกับมันว่า

“กรูไปก่อน … โชคดีนะ” ผมตบบ่ามัน   

แล้วพี่ๆเชื่อไหมครับว่าเอ็มมันทำยังไง เอ็มดึงผมเข้าไปกอด มันเป็นกอดเเรกของเราสองคน  :กอด1: มันกอดผมกลางสถานีรถไฟฟ้าเลยครับ คนมองกันให้พรึ่บ แต่ผมสิกลับรู้สึกว่าตอนนี้มีเเค่ผมกับเอ็มอยู่บนโลกเพียง 2คน แม้มันเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาที

"แต่ให้ตายเถอะ หัวใจของผมมันเต้นแรง หน้าผมร้อนผ่าว ทั้งๆที่ผมก็รู้ว่ามันเป็นกอดของเพื่อน แต่ผมก็อดที่จะเขินมันไม่ได้"  :m1: แล้วพอรถไฟขบวนถัดไปมาถึงผมก็เดินออกมา ผมเห็นน้องแจนเดินมาแต่ไกล ในมือถือกล่องของขวัญมาด้วย ผมเห็นเอ็มยิ้มและยื่นห่อของขวัญให้น้องแจน

ผมกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้งในช่วงเย็นเพราะต้องเข้ามาเอางาน มันเป็นช่วงเวลาประมาณสี่โมงเกือบๆจะห้าโมงแล้วล่ะครับ เด็กที่ไม่เรียนพิเศษก็กลับบ้านไปหมดเเล้ว ส่วนเด็กที่เรียนตอนนี้ก็เข้าห้องเรียนไปแล้วเช่นกัน ผมเดินเข้าไปหยิบของในห้องกรรมการนักเรียน เดินออกมาผมเจอรุ่นน้องคนหนึ่ง ผมก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ชั้นอะไร แต่คิดว่าน้องน่าจะอยู่ประมาณม. 4-5 ผมเห็นน้องมาด้อมๆมองๆผมสักพักแล้วล่ะครับ

“พี่นิวครับ” ผมกำลังจะเดินลงจากบนตึกน้องเขาก็วิ่งตามมา

“ครับ”
   
“คือ … ผมให้พี่นิวครับ” เห็นหน้าน้องแล้วมันก็น่ารักดีนะครับคือน้องเขาคงเขินมาก เหมือนในการ์ตูนเลยครับคือน้องเขายื่นช็อคโกแลตมาให้ผมกล่องหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าก้มตามองพื้นอย่างเดียว

“ให้พี่เหรอ … ขอบใจนะ” ผมรับมาแล้วก็มองๆที่ห่อ 70% dark chocolate ของ Lindt แบรนด์และรสโปรดของผม แสดงว่าทำการบ้านมาดีนะเนี่ย
   
พี่นิวครับ คือ คือออออ … คือผมแอบชอบพี่มานานแล้ว”  :a2:

“เอออออออ ครับ แล้ววววว” ผมก็อึ้งๆงงๆตั้งหลักไม่ถูกเหมือนกัน

“แค่นั้นล่ะครับ ผมไปก่อนนะครับ” น้องเขาไหว้ผมแล้วก็วิ่งหายไป  :z6: ผมยังไม่หายงงเลยครับ มารู้สึกตัวอีกทีก็กำลังยืนยิ้มอยู่คนเดียว ผมว่าน้องมันก็ทำตัวน่ารักดีนะ

กลับถึงบ้านคืนนั้นผมก็โทรคุยกับไอ้เเจ๊สเหมือนทุกที ก็เล่าให้มันฟัง หลังจากวันนั้นน้องเขาก็เข้ามาทักผมบ้าง แต่มันบังเอิญเป็นช่วงเดียวกันกับที่ข่าวของผมกับเเจ๊สกำลังดังและไอ้เเจ๊สก็ทำตัวหวงก้างสุดๆ คือถ้ามันเห็นคนที่ไม่ใช่เพื่อนผมเดินเข้ามาคุยด้วยเนี่ยมันจะทำหน้าตาแบบไม่สบอารมณ์สุดๆ จนสุดท้ายน้องมันก็หายไป (เพราะมรึงคนเดียวเลยไอ้เเจ๊สกรูถึงขายไม่ออกสักที  :dont2:

มาต่อเรื่องเอ็มนะครับ … มันก็เหมือนผมล่ะครับที่ว่าความสุขอยู่กับเราได้ไม่นาน วันนั้นเป็นวันเรียนวันสุดท้ายก่อนจบม.6 ช่วงเช้าพวกเราก็มีพิธีอำลาโรงเรียน พอช่วงบ่ายก็ถ่ายรูปกับอาจารย์และพวกรุ่นน้อง ตอนเย็นพวกผมก็ยกโขยงไปถ่ายรูปกันที่สยาม ทุกคนดูมีความสุขดีครับ มันเป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับชีวิตการเป็นนักเรียน แล้วในขณะที่ผมกำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ผมก็ถูกเอ็มลากออกมา

มันลากผมมานั่งตรงเก้าอี้ ห่างออกมาจากกลุ่มเพื่อนผมนิดหน่อย เราสองคนนั่งตรงข้ามกัน ผมก็มองหน้ามัน รอว่ามันดึงผมออกมาทำไม แต่ภาพที่ผมเห็นคือเอ็มมันนั่งหลับตาครับ แล้วสักพักก็มีน้ำ้ตาไหลซึมออกมา ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่าต้องเป็นเรื่องของน้องเเจน ความรู้สึกของผมตอนนั้น …. เจ็บครับ ยิ่งเห็นมันเสียใจผมก็ยิ่งเจ็บ สำหรับผมมันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการต้องเห็นน้ำ้ตาของไอ้เอ็มอีกแล้ว ผมแคร์มันมากนะครับ ผมเอื้อมมือมากุมมือของมันเอาไว้

“อย่าร้อง วันนี้ไม่ใช้วันที่มรึงจะมาเสียใจ” แล้วผมก็เอามือปาดน้ำ้ตาออกจากหน้ามัน เอ็มมันสะอื้นเบาๆ ใช้เวลาสักพักล่ะครับกว่าเราสองคนจะกลับมานั่งรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ และก็เหมือนเดิมครับคือมันไม่เล่าอะไรให้ผมฟังเลย

ผมลืมเล่าให้พี่ฟังไปว่าบ่ายวันนั้นมีผู้หญิงมาให้ดอกไม้เอ็มด้วยนะครับ แล้วพี่รู้ไหมว่ามันทำยังไง มันมานอนค้างบ้านผมคืนนั้น วันรุ่งขึ้นผมกับมันออกไปทำธุระกัน พอผมกลับเข้ามาอีกทีถึงได้รู้ว่ามันเอาดอกไม้มาวางไว้บนเตียงผม  :m3: (แมร่งไม่ลงทุนเลย!!  :m26:) ให้เดาครับว่าผมทำไงกับดอกไม้ช่อนั้น … ถ้าพี่ๆเดาว่าผมจะนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ล่ะก็ ผิดครับ!! ผมโยนมันลงถังขยะแบบไม่ต้องคิด ผมไม่ได้ทำตัวเป็นนางเอกละครแบบว่ารับไม่ได้อะไรแบบนั้นนะครับคือผมไม่รู้ว่าจะเก็บมันไว้ทำไม เจ้าของเขาไม่ได้เอามาให้ผมแล้วเอ็มมันก็ทิ้งเอาไว้เเค่เพราะมันไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น

ผมรู้ว่าพี่ๆคงเดาได้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเอ็มแต่ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยครับ ไม่เคยคิดถึงเรื่องเเบบนี้เลยด้วยซ้ำ้ สำหรับผมเอ็มมันก็คือเพื่อนสนิทที่สุดของผม เป็นคนที่ผมทั้งรักและแคร์มากที่สุด ผมไม่เคยรู้สึกกับมันมากกว่านั้นและไม่เคยคิดด้วยว่าอนาคตความรู้สึกของผมมันจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
   
หลังจากนั้นไม่นานเทศกาล final ก็มาถึง สอบ final ครั้งนี้มันดูเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน คนอื่นในกลุ่มผมสบายตัวแล้วครับเพราะคะแนนสูงถึงคณะที่เขาต้องการแล้ว เหลือแต่ผมที่ทำคะแนนได้ไม่ดี และเมื่อถึงวันประกาศผลการเลือกมหาวิทยาลัยมาถึง ... ผมเป็นคนเดียวในกลุ่มครับที่ไปติดมหาลัย …

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
«ตอบ #104 เมื่อ09-05-2011 22:40:24 »

อ้ากกก ค้างอ่ะไรเตอร์  ไปติดที่ไหนเนี่ย ใบ้หน่อยๆ อยากรู้คณะด้วยอ่า  :m21:

 เเล้วเมื่อไหร่จะ bestfriend ซะทีล่ะเนี่ย เหอะๆ หรือจะเป็นน้องเอ็ม คนใกล้ตัวคนนี้ ^ ^  :m3:


ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
«ตอบ #105 เมื่อ09-05-2011 23:02:03 »

 :3123: :3123:





ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
«ตอบ #106 เมื่อ10-05-2011 01:10:47 »

ไปเที่ยวพึ่งกลับมา อ่าน เรื่องนี้ยาวเลย
อยากอ่านต่อยย่างแรง แอบเชียร์เอ็มนะเนี่ย
ถึงตรงนี้อยากบอกว่าดีใจด้วยที่เลิกกับบาสได้
แอบสงสัยว่าช่วงที่มาสนิทกับแจ๊ส บาสไม่แสดงออกอะไรเลยหรอ

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
«ตอบ #107 เมื่อ10-05-2011 10:45:08 »

ติดที่ไหนอ่ะครับ  ตอนแรกนึกว่าพิมพ์ผิด  คิดว่าจะพิมพ์ว่าไม่ติดมหาลัย  แต่พออ่านอีกที อ้อ...  มาต่อนะ  รอนานแล้วมันค้างเติ่ง ต่องแต่ง

Forget..*

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
«ตอบ #108 เมื่อ10-05-2011 18:13:12 »

ติดที่ไหนเอ่ยย ?

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
«ตอบ #109 เมื่อ10-05-2011 23:58:02 »

ช่วงที่ผมสนิทกับแจ๊สมันเป็นช่วงหลังจากที่เลิกกับบาสได้หลายเดือนแล้วเหมือนกันครับ อะไรๆมันก็เบาบางไปมาก
บาสก็ส่งข้อความมาง้อผมนะครับแต่ไม่บ่อย อย่างที่บอกว่าไอ้เเจ๊สก็เคยอ่านเจอมันก็รู้ว่าผมมีคนชื่อบาสอยู่ในชีวิต
แต่มันก็ไม่เคยถามอะไรมากกว่านั้น

ผมไม่รู้ว่าบาสรู้สึกยังๆไง ผมเองก็ไม่เคยถาม ผมกับบาสกลับมาคุยกันหลังจากเรื่องของผมกับแจ๊ส
ผ่านไปแล้วประมาณ 4 เดือนแล้วมันก็เป็นการกลับมาคบกันของเพื่อนเก่าเท่านั้น  :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
« ตอบ #109 เมื่อ: 10-05-2011 23:58:02 »





Little_b

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
«ตอบ #110 เมื่อ11-05-2011 00:22:07 »

 :3123: :3123: :3123:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
«ตอบ #111 เมื่อ13-05-2011 21:11:24 »

เมื่อถึงวันประกาศผลการเลือกมหาวิทยาลัยมาถึง ... ผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ติดมหาวิทยาลัยเอกชนแถวชานเมือง มหาวิทยาลัยที่ผมติดไม่ใช่มหาวิทยาลัยดังหรือว่ามีชื่ออะไรหรอกครับ แม้จะไม่อยากแต่ผมก็ต้องเตรียมเก็บข้าวเก็บของไปนอนหอ  :o12: ตอนแรกที่คุยกันหัวเด็ดตีนขาดยังไงพ่อก็ไม่ยอมให้ผมนอนแต่พ่อก็ยอมเช่าหอทิ้งไว้ให้ผมหนึ่งห้องและบอกว่าให้ผมนอนเฉพาะวันที่ต้องกลับดึกจริงๆ

สองสามวันก่อนเปิดเทอม ผมคุยกับที่บ้านว่าจะขับรถไปเรียนเอง ที่บ้านก็เป็นห่วงครับเพราะยังขับไม่เเข็ง ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มขับรถได้เดือนกว่า แม่เลยไม่ยอม บอกว่าจะให้คนขับรถขับไปรับไปส่งทุกวัน ผมก็ดื้อสิครับบอกที่บ้านว่าขับไปเองก็ได้ จะให้คนขับรถขับไปขับมาทำไม มันเปลือง แต่จริงๆแล้วผมอายคนอื่นมากกว่า ผมไม่อยากทำตัวเป็นคุณหนูที่เช้ามาก็มีรถมาส่งพอตกเย็นมามีรถมารอรับใต้ตึก คุยกันนานครับ แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ยอมจนสุดท้ายผมก็นอยด์ เลยตัดสินใจว่าจะนอนหอ  :serius2:

มันเหมือนคนไร้สติเลยครับเพราะไอ้ความคิดที่จะนอนหอเนี่ยมันไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเลย ผมเป็นคนติดบ้านและก็รู้ตัวว่าตัวเองอึดอัดถ้าจะต้องไปอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ วันรุ่งขึ้นผมก็ออกไปซื้อของเข้าหอกับพ่อ ไปถึงก็แบบว่าซื้อๆๆ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นตู้เย็น ไมโครเวฟ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้มากมายวางกองอยู่ในห้องนั่งเล่น “นี่ผมทำอะไรลงไป แค่ถูกแม่ขัดใจนี่ผมถึงกับจะหนีไปนอนหอเลยเหรอ”

เช้าวันถัดมาผมก็นั่งรถมามหาวิทยาลัย ผมเอาของชิ้นเล็กๆมาใส่ในห้องก่อน แล้วช่วงเที่ยงแม่จะตามมาจัดของให้ผมอีกที บ่ายแก่ๆแม่ก็โทรหาผมบอกให้ผมลงมาหาใต้ตึกเรียน แม่จัดของเสร็จแล้ว จะเอากุญแจห้องมาให้ เดินลงมาจากตึกก็เห็นแม่นั่งรออยู่ในรถ ผมเข้าไปนั่งในรถ คุยกับแม่นิดหน่อย รับกุญแจห้องมาแล้วก็เดินขึ้นไปเรียนต่อ ตอนนั้นอยากร้องไห้มากๆ ผมไม่เคยห่างบ้านขนาดนี้มาก่อน

มันเป็นวันแรกของการเปิดเทอม ผมไม่มีเพื่อนมากนัก เย็นนั้นผมเดินกลับหอคนเดียว มันเหงานะครับ ปรากฎว่าคืนเเรกที่นอนหอ ผม home sick ครับ ตอนดึกๆผมโทรไปร้องไห้กับเอ็มถึงค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ผมไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ชีวิตผมไม่เคยต้องอยู่คนเดียวแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ผมต้องเดินกลับหอคนเดียว นั่งกินข้าวคนเดียว  :m15:

ผมทนอยู่ได้คืนเดียวล่ะครับ วันรุ่งขึ้นเลิกเรียนปุ๊บผมก็รีบเผ่นกลับบ้าน ห้องเชียร์อะไรไม่สนใจแมร่งแล้ว กรูจะกลับบ้านนนนนนนนนน …  :oni1: แรกๆก็เหงาล่ะครับ แต่สักพักพอผมเริ่มมีเพื่อนมันก็ไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ ผมมีเพื่อนผู้หญิงอยู่หอเดียวกัน 2 คน พอรู้จัก สนิทกัน ก็เดินไปนั่งเล่นห้องมันบ่อย

สำหรับเรื่องรถช่วงหลังๆ พ่อกับแม่ก็อนุญาตให้ผมขับรถมาเอง จำได้ว่าวันแรกที่ขับรถมาแม่โทรเช็คผมทุกคืน คงกลัวว่าผมจะเอารถออกไปเที่ยวตอนกลางคืนมั้ง พ่อผมหนักกว่านั้นอีกครับคือพ่อซื้อเครื่องปรุงทุกอย่างรวมถึงพวกอาหารแช่เเข็งใส่ไว้ในตู้เย็นเต็มไปหมด กะว่าจะไม่ให้ผมลงไปกินข้าวข้างล่างเลยว่างั้น แล้วพี่ว่าคนอย่างผมจะฟังเหรอ มีเพื่อนอยู่หอตั้งหลายคนแล้วจะให้มานั่งกินข้าวอยู่บนห้องคนเดียวเนี่ยนะ!!

ช่วงนั้นผมกับเอ็มไม่ค่่อยได้เจอกัน ผมกลับบ้านอาทิตย์ละ 2 ครั้ง วันธรรมดาครั้งวันเสาร์ครั้ง ก็คงเป็นเหมือนกันทุกคนล่ะครับที่ช่วงเเรกของการเข้ามหาวิทยาลัย เด็กปี 1 ก็จะมีกิจกรรมเยอะเป็นพิเศษ จนในที่สุดเพื่อนกลุ่มผมก็นัดกินข้าวเย็นกันมื้อเเรก เพื่อนผมแต่ละคนก็เปลี่ยนไปเยอะ จากที่เคยเห็นมันหัวเกรียนๆ ใส่ชุดนักเรียนอยู่ทุกวัน พอมาเห็นมันใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงสเเลคแล้วก็ดูแปลกตา ต้องยอมรับว่าทุกคนดูดีขึ้นจริงๆโดยเฉพาะเอ็ม  :z1:

ผมว่าเอ็มในชุดกางเกงสเเลคเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนขึ้นมาถึงศอกนี่ดูสะดุดตากว่าที่เคย มันไว้ผมยาวขึ้น เซ็ตผม ดูสำอางมากกว่าแต่ก่อนเยอะ คือเอ็มมันก็เป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว แม้จะไม่ขนาดสะดุดตาเหมือนไอ้เเจ๊สแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันก็เป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่มีผู้หญิงเข้ามาจีบบ่อยที่สุด อ้อ!! ผมลืมบอกไปว่าเอ็มมันเป็นแฟนกับน้องแจนช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรแค่เห็นมัน happy ผมก็ดีใจ

หลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้เจอหน้าพวกมันเพราะที่มหาวิทยาลัยผมก็เรียนหนักแถมกลับบ้านมาวันที่คนอื่นไม่ค่อยจะว่าง ผมก็คิดถึงเพื่อนนะ หลังๆผมชอบขับรถไปนั่งคุยกับเอ็มที่บ้าน บ้านมันอยู่ใกล้ผมครับ 15 นาทีก็ถึงแล้ว ก็นั่งคุยนั่งเม้าส์กันเรื่องเพื่อน เรื่องมหาวิทยาลัย

อยู่ที่มหาวิทยาลัยผมก็พยายามทำตัวนิ่งๆไม่ให้เป็นจุดสนใจของใคร เห็นผมเป็นเด็กกิจกรรมมาก่อนแต่พอเข้ามหาวิทยาลัยผมเลิกหมดเลยครับ ส่วนหนึ่งคือผมผิดหวังด้วยที่ต้องมาอยู่ที่นี้  :o11: แต่ถึงผมพยายามจะทำตัวเงียบๆ มันก็ยังมีคนเข้ามาขายขนมจีบผมอยู่ดี … ไอ้นี่มันเป็นเพื่อน (ไม่สนิทมากๆ) ของผม ท่าทางมันออกสาว ผมจำได้ว่าเพื่อนบางคนกลุ่มผมกับบางคนในกลุ่มมันไม่ถูกกัน ผมเรียนภาษาอังกฤษ section เดียวกับมัน ไม่เคยนั่งใกล้กัน นานๆมากจะคุยกันที

มีอยู่วันหนึ่งคณะจัดงานเลี้ยงต้อนรับน้องปี 1 ดึกแล้วเหมือนกันเพราะจำได้ว่าพี่เริ่มเปิดวงเหล้ากันแล้ว ผมเดินออกมาตักนำ้แข็งข้างหลังห้องประชุมแล้วก็เห็นมันยืนคุยหน้าตาเคร่งเครียดกับเพื่อนผม ผมเลยเดินเข้าไปถามว่ามันเป็นอะไร แล้วแสงไฟแดงๆเหลืองๆจากเวทีข้างหน้าก็ทำให้ผมคิดว่ามันร้องไห้ ผมก็หวังดีถามมันว่ามันร้องทำไม มันส่ายหัวแล้วทำท่าเหมือนจะกระซิบอะไรผม ผมก็ยื่นหน้าเข้าไป … แมร่ง!!!!!! หอมแก้มผมซะงั้น  o22

ผมก็ตกใจสิครับ เกิดมาไม่มีใครรุกกรูแรงขนาดนี้ อึ้งครับ ตักนำ้เเข็งแล้วเดินกลับไปนั่งกับเพื่อน ใจนี่แบบว่าเต้นตุ๊บๆตั๊บๆเลยครับ ไม่ได้ตื่นเต้นหรอก มันก็หน้าตาธรรมดาๆคนหนึ่ง ผมไม่ได้มีความพิศวาสมันเลยแถมแมร่งมาขโมยหอมแก้มผมอีก ผมไม่ชอบให้ใครมาจับตัวยิ่งคนไม่สนิทนี่ผมถือมาก แล้วอยู่ๆไอ้นี้มาหอมแก้มผม หงุดหงิดครับ  :m16: ผมโทรไปตามคนขับรถมารับบอกว่าจะกลับบ้านแล้ว สักครึ่งชั่วโมงพี่เขาก็โทรกลับมาบอกว่ามาจอดรออยู่หน้าหอปะชุม ผมก็ลาเพื่อนๆ โคตรซวยครับเพราะเดินอกจากหอประชุมปุ๊บเจอแมร่งยืนอยู่ข้างหน้าพอดี “มรึงดักรอกรูเปล่าเนี่ย” แล้วพอมันเห็นผมมันก็ถามว่าผมไปไหน ผมตะโกนกลับไปว่าจะกลับบ้านแล้วก็โดดขึ้นรถทันที

หลังจากนั้นมันก็ชอบเดินเข้ามาหาผม คือถ้าเดินสวนกันตามมหาวิทยาลัยแมร่งเข้ามาทักผมทุกครั้ง เวลาเรียนภาษาอังกฤษมันก็ย้ายมานั่งใกล้ๆผม ผมงี้กลัวมันสุดๆคือถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ ที่ซวยหนักกว่านั้นคือพี่รหัสผมกับพี่รหัสมันเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วก็เลี้ยงน้องพร้อมกัน มันนั่งกินข้าวไปนั่งมองหน้าผมไป ไอ้ห่าคนจะแดรกแมร่งก็มานั่งจ้องอยู่ได้ แต่ผมก็ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนนะ อยากมองๆไป กรูไม่ได้สึกหรอตรงไหน แล้วผมก็ตั้งใจกินตั้งใจเม้าส์กับเพื่อนที่นั่งข้างๆ

ตอนกลับผมไปส่งเพื่อนอีก 2 คนที่หอ มันก็มาขอกลับด้วย “ให้มรึงมาด้วยกรูก็โง่สิวะ”  :เหอะ1: หอมันอยู่ท้ายสุดเลยครับ ถ้าผมไปส่งมันมันก็ต้องลงคนสุดท้าย ผมไม่โง่มานั่งในรถกับมันสองคนหรอกครับ เดี๋ยวมันทำอะไรผม ก็อ้างโน่นอ้างนี่จนมันรำคาญมั้ง เลยบอกว่าจะกลับกับเพื่อนมัน “เพื่อนมรึงก็มีแล้วจะมากลับกับกรูทำไม”

กลับมาถึงหอ อาบน้ำ้เสร็จผมก็พาดผ้าเช็ดตัวออกมาเปลี่ยนเสื้อ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็มีคนมาเคาะประตูห้อง ใจหล่นไปที่ตาตุ่มเลยครับ  :sad3: ใช่มันหรือเปล่าเนี่ย แล้วดูสภาพผมตอนนี้สิ เหมาะกับการเสียตัวเป็นที่สุด ผมเดินไปส่องตาแมวที่ประตู โชคดีครับที่คนเคาะคือเพื่อนผมที่นอนหอเดียวกัน มันขึ้นมาขอยืมไมโครเวฟอุ่นขนม

ผมเข้ามหาวิทยาลัยได้เกือบเทอมในที่สุดข่าวร้ายก็ตามมาถึงหูผม "เอ็มเลิกกับน้องแจน" สงสารเอ็มครับน้องแจนเป็นคนที่มันรอมานานแต่คบกันได้ไม่ถึงครึ่งปีเรื่องทุกอย่างมันก็จบลงอย่างรวดเร็ว ผมเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องเพราะไอ้ต้นโทรมาบอก เขา 2 คนเลิกกันมาได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันสับสนไปหมด ผมเป็นห่วงเอ็มมาก อยากไปหาเอ็มอยากไปเห็นกับตาว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมากแต่อีกใจนึงผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะไปหามันไหม
สุดท้ายผมก็ทนเป็นห่วงมันไม่ไหว ผมเก็บกระเป๋าแล้วขับรถออกจากหอไปบ้านเอ็ม กว่าผมจะถึงบ้านมันก็เกือบ 4 ทุ่มแล้วครับ โชคดีที่พ่อเอ็มนั้งอยู่ข้างล่างพอดี ท่านเลยเดินออกมาเปิดประตูให้ผมผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเอ็ม ห้องมันมืดมาก เปิดแอร์เย็นเฉียบแต่ผมรู้ว่ามันอยู่ในนั้นเพราะพ่อมันบอก

“ใครอะ”

“กรูเอง”

“มรึงมาได้ไงวะ” ผมเอื่อมมือไปเปิดไปแล้วผมก็เห็นมันกำลังนั้งชันเขาอยู่บนเตียง หน้ามันดูเหนื่อยๆครับ คงเหนื่องจากทั้งเรื่องเรียนและเรื่องน้องเเจนด้วย

“กรูมาหามรึงไง  เป็นไงบ้าง ... ไม่ต้องร้องนะมรึง” ผมเดินเข้าไปหามันและพอผมหย่อนตัวลงนั้งข้างๆ มันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดแล้วร้องไห้แบบปล่อยโฮเลยครับ ผมไม่ได้พูดปลอบอะไรเพราะรู้ว่ายังไงมันก็คงไม่ได้ฟัง ผมกอดมันกลับ  :กอด1: ลูปหลังมันเบาๆ จนในที่สุดมันก็หยุดร้อง

เอ็มมันไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟัง พอมันหยุดร้องมันก็ชวนผมออกไปหาอะไรกิน ผมจำได้ว่าเราขับรถออกไปกินของหวานตามข้างทาง มันบอกผมแค่มันกับน้องแจนเข้ากันไม่ได้ กลับไปเป็นเพื่อนกันนั้นแหละดีแล้ว คืนนั้นผมนอนค้างกับมันคืนนึง ผมโดดเรียนครึ่งเช้าเพื่อขับรถไปส่งมันที่มหาลัย ก่อนมันลงมันก็ตบไหล่ขอบใจผม หลังจากวันนั้นเอ็มก็โทรมาระบายกับผมบ้างแต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันค่อยๆดีขึ้น อย่างว่าละครับเรื่องเบนี้มันต้องใช้เวลา

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนผมเรียนผ่านมาแล้ว 1 เทอม ช่วงๆก่อนปิดเทอมผมยอมรับเลยครับว่าผมไม่อยากมาเรียนหนังสือ ผมเบื่อที่นี่ เพื่อนผมที่นี่นิสัยดีนะครับ แต่ผมไม่ชอบบรรยากาศกับสังคมที่นี่ อยู่นี่ผมมีเพื่อนไม่กี่คน นิสัยของผมแตกต่างจากเพื่อนๆส่วนใหญ่ พวกมันจะเป็นแบบว่าหน้าโหดๆ ใส่ยีนส์ไปเรียน ตกเย็นกินเหล้า เช้ามาก็แฮ้งค์ ทุกเช้าตอนผมออกมาจากห้อง กลิ่นแรกที่ผมรู้สึกคือกลิ่นของเหล้าที่มันลอยมาจากถังขยะที่ตั้งอยู่หน้าลิฟต์ ผมตื่นมาทุกเช้าก็เห็นแต่สภาพแบบนี้จนรู้็สึกว่านี่พวกมรึงมาเรียนหรือมาแดรกเหล้ากันแน่

สถานที่ ผมก็ไม่ชอบ ผมว่าบรรยากาศมันไม่น่าเรียน สิ่งแวดล้อมที่นี่ก็น่าเบื่อ มหาวิทยาลัยผมอยู่ชานเมืองไงครับ ห้างที่ใกล้ที่สุดต้องขับรถไป 45 นาที อยู่นี่ผมไม่ได้ไปไหนเลย จะได้เดินห้างก็วันที่กลับบ้านเท่านั้น เเรกๆผมก็ตื่นเต้นกับตลาดนัดนะครับ เดินมันทุกอาทิตย์ แต่สักพักมันก็เบื่อๆ พี่ๆคิดภาพตลาดนัดแบกับดิน ของมันก็มีอยู่เท่านั้น ของเดิมๆ ร้านเดิมๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ยอมรับตรงๆว่าเด็กอย่างผมอยู่ไม่ได้หรอกครับ  :sad4:

จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต  :a9: ผมตัดสินใจจะสอบใหม่ ไม่ง่ายนะครับกับการตัดสินใจแบบนั้น อายุเท่านั้นเคยตัดสินใจอะไรๆสำคัญในชีวิตบ้าง แรกๆผมคิดว่าผมจะเรียนไปอ่านหนังสือไปแต่พอขึ้นเทอม 2 ผมก็รู้ว่ามันทำไม่ได้ ผมเรียนวิชาคณะซึ่งมันก็เรียนหนักกว่าเดิมหลายเท่า ผมรู้ว่าถ้าผมยังยื้อที่จะจับปลาสองมือแบบนี้สุดท้ายผมคงไม่ได้อะไรเลย

ตอนนั้นเครียดเพราะต้องตอบคำถามหลายอย่าง คำถามหนึ่งที่ผมต้องตอบให้ได้ก่อนทำเรื่องออกคือคำถามของพ่อ พ่อถามผมว่าถ้าผมสอบไม่ติดอีกแล้วจะไปเรียนไหน จำได้ว่าผมใช้เวลาอยู่นานมากกว่าจะตอบคำถามนี้ได้ ผมไปนั่งคิด นอนคิดอยู่บ้านไอ้เอ็มเป็นวันๆ เอ็มมันก็บอกว่าให้ผมออกมาเถอะ ดูก็รู้ว่าผมไม่มีความสุขอยู่ที่นี่แล้วจะไปฝืนตัวเองทำไม คือถ้าผม drop ออกมาแล้วสอบติดก็โชคดีไป แต่ถ้าสอบไม่ติด จะให้กลับไปเรียนที่เก่าก็คงอายน่าดู จนสุดท้ายผมก็บอกพ่อว่าถ้าผมสอบไม่ติดผมจะยอมไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนที่หนึ่งที่พ่อเสนอให้ผมไปเรียนแต่แรก

วันที่มาขอ drop มันรู้สึกใจหวิวๆยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน ผมกังวลเรื่องอนาคตครับ เพราะไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเป็นยังไง ยิ่งตอนจับปากกาเซ็นชื่อใบขอ drop นี่ผมยิ่งเครียด แต่มาถึงจุดนี้มันก็ถอยไม่ได้แล้ว พอผมเซ็นชื่อและรับทราบระเบียบการขอถอนรายวิชาเรียบร้อย ผมก็ลงมานั่งกินข้าวกลางวันกับเพื่อนๆ ทุกคนดูเศร้า เพราะผมบอกพวกมันก่อนหน้านั้นแค่อาทิตย์กว่าๆเท่านั้น ยิ่งไอ้เพื่อนสนิทผมที่อยู่หอเดียวกันมันก็ยิ่งทำหน้าทำตาเหมือนอยากร้องไห้ มันบอกว่ามันไม่อยากให้ผมไป เพราะอยู่กับผมแล้วสบาย คือห้องผมมีครบทุกอย่างไงครับแอร์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ แต่ก่อนย้ายของออกจากหอผมก็ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าให้มันแบบถูกๆนะครับ มันก็ซื้อไว้หมดแถมมีบอกว่าถ้ารู้แบบนี้ยุให้ออกมานานแล้ว  :z3:

กินเสร็จผมก็นั่งคุยกับเพื่อนๆจนพวกมันขึ้นเรียนไปล่ะครับ ผมถึงเดินกลับไปลานจอดรถ ระหว่างทางเห็น “มัน” นั่งเม้าแตกกับเพื่อนๆที่สวนหย่อม พอเห็นผมมันก็ส่งยิ้มมาให้ (พักหลังผมหลบหน้ามันตลอด มันก็คงรู้ตัวเพราะไม่ค่อยเข้ามาหาผมเหมือนเดิม) ผมคิดว่าไหนๆวันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วที่ผมจะมาที่นี่ กลับมาอีกทีก็คงมาทำเรื่องลาออก (คิดเข้าข้างตัวเองไปไหม) ผมเดินเข้าไปบอกมันว่าผม drop แล้ว มันก็ส่ายหัวบอกไม่เชื่อ หาว่าผมหลอกมัน ผมเลยยื่นใบ drop ให้มัน เห็นหน้ามันแล้วก็สงสาร มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันเศร้าไปมากกว่านี้เลยรีบตัดบทบอกลามันแล้วเดินกลับไปที่รถ

หลังจากที่ออกมา ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือครับ  o19 คืออ่านตั้งแต่ 9.00-22.00 ทุกวัน พอใกล้เวลาสอบผมก็ยืดเวลาออกเป็น 7.30-23.30 จำได้ว่าตอนนั้นนั่งอ่านหนังสือทุกวัน ไม่ได้ไปไหนเลยครับ นานๆทีถึงจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ผมไปค้นหนังสือเก่าๆมาอ่านสอบ ไปยืมหนังสือ- ข้อสอบเก่าบางส่วนจากไอ้เอ็ม ผมนั่งทำ short note นั่งทำข้อสอบเก่าเป็นร้อยๆข้อ

สนามสอบของผมอยู่ใกล้บ้านเอ็มครับ วันที่สอบเอ็มมันก็มานั่งเป็นเพื่อนผมทุกวัน เราไม่ได้มาด้วยกัน แต่มันจะตามผมมาสายๆ เอ็มมันไม่ค่อยเข้ามายุ่งกับผมมากนักเพราะระหว่างช่วงพักผมก็นั่งทบทวนวิชาต่อไป จำได้ว่าสอบวิชาสุดท้ายผมทำไม่ค่อยได้ ออกมาเจอหน้ามัน ผมก็ทำหน้ามุ่ยๆ มันเลยลากผมไปนั่งใต้ตึก คุยกันอยู่นาน ผมบอกมันว่าผมทำข้อสอบไม่ได้ มันก็ปลอบผม พยายามพูดให้ผมขำ พอผมอารมณ์ดีขึ้น มันก็ถามผมว่าผมอยากไปไหนหรือเปล่า อยากไปกินข้าวดูหนังไหม แต่ตอนนั้นผมเซ็งๆ เลยขอกลับมาพักที่บ้านดีกว่า ... และผลของความพยายามตลอดหลายเดือนก็สัมฤทธิ์ผล ผมสอบได้มหาวิทยาลัยที่ผมต้องการ  :mc3:  :m11:  :mc3:

tantalize

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
«ตอบ #112 เมื่อ14-05-2011 00:32:53 »

ยินดีด้วยครับ  :m11: :m4: :mc3: :mc2:


  ดูเเล้วไรเตอร์เปนคนตั้งใจเรียนนะ  ดีเเล้วที่ย้ายออกมาถ้าเราไม่ชอบที่เดิม ทนอยู่ไปโอกาสที่เราจะได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยเเบบที่หวังไว้มันก้ไม่มีรอบที่สองหรอกครับ  o8

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
«ตอบ #113 เมื่อ14-05-2011 01:22:39 »

เข้ามายินดีกับนิวน้อยด้วยคน อิอิ

Forget..*

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
«ตอบ #114 เมื่อ14-05-2011 05:34:57 »

ยินดีด้วยสักร้อยรอบ ฮ่าๆ ;))

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
«ตอบ #115 เมื่อ14-05-2011 18:18:31 »

ยินดีด้วยครับ

หนุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m11:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
«ตอบ #116 เมื่อ14-05-2011 22:17:37 »

ขอบคุณนะครับ   o1
ตอนนั้นเข้าใจความรู้สึกที่ว่า "ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง" เลยครับ

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
«ตอบ #117 เมื่อ15-05-2011 19:25:55 »

ยินดีด้วยๆๆๆ 
เรื่องซิ่วนี่ก็เคยคิดเหมือนกัน
แต่ไม่อยากอ่านหนังสือสองทาง
มันเหนื่อยมากๆๆๆ
เห็นเพื่อนในคณะบางคนที่อ่านสองทาง
สุกท้ายก็พยุงไม่ได้สักทาง
ไม่ติด แล้วก็ต้องมาเรียนซัมเมอร์แก้เอฟด้วย

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
«ตอบ #118 เมื่อ15-05-2011 22:27:10 »

ยินดีด้วยๆๆๆ 
เรื่องซิ่วนี่ก็เคยคิดเหมือนกัน
แต่ไม่อยากอ่านหนังสือสองทาง
มันเหนื่อยมากๆๆๆ
เห็นเพื่อนในคณะบางคนที่อ่านสองทาง
สุกท้ายก็พยุงไม่ได้สักทาง
ไม่ติด แล้วก็ต้องมาเรียนซัมเมอร์แก้เอฟด้วย

ตอนแรกก็รู้สึกว่ามันเสี่ยงนะครับแต่พอผลมันออกมาเหมือนที่เราต้องการ
ผมว่ามันก็คุ้มที่จะลอง  :teach:

ผมก็เคยแนะนำน้องๆหลายคนให้ซิ่ว ผมว่ามันไม่เห็นมีอะไรเสียหาย
น้องๆชอบบอกว่าไม่อยากเสียเวลาอีกปีแต่ผมมองในมุมกลับกัน
ผมคิดง่ายๆว่าคนเรากว่าจะเรียนจนก็ประมาณ 22-23 แล้วก็ทำงานจนอย่างน้อยก็อายุ 60
เราใช้เวลาทำงานกว่า 40 ปีหรืออาจจะมากกว่านั้น ผมว่าเริ่มช้าไปซักปีมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก  :bye2:

New_Noi :p

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
«ตอบ #119 เมื่อ18-05-2011 22:03:25 »

สอบเสร็จปิดเทอมผมก็สนุกสนานกับการตะลอนเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ  :oni1: จนกระทั่งวันที่คะแนนออกมา ผมได้คะเเนนมากกว่าที่คาดไว้ แน่นอนว่าที่บ้านผมอยากให้ผมไปเรียนอีกคณะหนึ่ง แต่ผมก็เลี่ยงๆบอกไปว่าขอคิดก่อนแล้วผมก็แอบชวนเพื่อนไปดูมหาวิทยาลัยนั้น มันก็ดีนะครับ สิ่งแวดล้อมของเขาก็น่าเรียน ตึกเรียนก็ใหม่ เนื้อที่ก็กว้าง ไม่ไกลเหมือนมหาวิทยาลัยเก่าผม แต่มันติดอยู่ที่ผมจะต้องนอนหอเนี่ยแหละ และพอคิดว่าตัวเองจะต้องนอนหอแล้ว ไอ้ความรู้สึกเก่าๆมันก็กลับมาอีกครั้ง พอเป็นแบบนี้ผมเลยตัดสินใจว่าผมจะสมัครเรียนในคณะและมหาวิทยาลัยที่ผมตั้งใจเอาไว้  :a9:

พอผมตัดสินใจแบบนั้นก็เเน่นอนครับว่าพ่อกับแม่ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่ ผมเข้าใจว่าพ่อกับแม่ย่อมอยากให้ผมได้ในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ผมไม่ happy กับการไปอยู่ที่นั่น ผมดื้ออยู่สักพัก ที่บ้านถึงยอมแพ้ แม่บอกผมว่าแล้วแต่ผมละกัน ถ้าผมคิดว่าเลือกแล้วมันมีความสุขแม่ก็ ok ดีใจมากครับเพราะที่นี่คือมหาวิทยาลัยที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก วันแรกที่มาคณะตื่นเต้นมากๆ

ผมลืมบอกพี่ๆไปว่ามหาวิทยาลัยที่ผมเลือกก็คือมหาวิทยาลัยเดียวกันกับที่เอ็ม ต้นและบิวเรียนอยู่ มัน 3 คนเรียนคณะเดียวกันแต่คนละเอก งานรับน้องรวมของมหาวิทยาลัยถูกจัดขึ้นหลังจากวันประกาศผลได้ไม่นาน น้องปี 1 ทุกคนจะถูก random แบ่งเป็นกลุ่มๆเพื่อรับน้อง ผมไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเอ็มและไอ้บิว พอถึงวันที่ผมมาลงทะเบียน มันก็จัดการย้ายกลุ่มผมเสร็จสรรพ

แรกๆผมก็เกร็งนะครับ เพราะไม่รู้จักใครเลย ผมเป็นคนนิสัยแบบนี้แหละครับ คือถ้าไม่ทักผมก่อนก็น้อยครั้งครับที่ผมจะเป็นฝ่ายทัก แถมเพื่อนที่รู้จักก็อยู่ในฐานะรุ่นพี่ เวลาทำกิจกรรมแม้จะทำร่วมกันแต่มันก็ไม่ได้มานั่งทำเหมือนผม แต่ผมก็โชคดีที่ได้เอ็มมาอยู่ใกล้ๆ มัน take care ผมดีมากนะครับ

ผมเป็นคนที่เรื่องมากเรื่องกินโดยเฉพาะกับอาหารค่ายนี่ผมกินไม่ค่อยได้ แต่ถึงผมจะเรื่องมากแต่ก็ไม่เรื่องเยอะนะครับเพราะถ้าผมกินไม่ได้ผมก็พยายามกินแค่พออิ่ม จะไม่แบบว่าหงุดหงิดหรือว่าบ่นอะไร แล้วเวลานั่งกินข้าวก็จะจับเป็นกลุ่มเล็กๆ มีรุ่นพี่กับรุ่นน้องนั่งปนกัน เอ็มมันมานั่งกินข้าวกับผมตลอด (ไม่ได้จะลำเอียงหรอกนะครับแต่ไอ้บิวน่ะมันไม่สนใจผมเลย หันไปทีไรมันก็ไปนั่งกินข้าวอยู่กับแก๊งสาวสวยตลอด) ฟังแล้วมันอาจจะดูแปลก แต่เอ็มมันโอ๋ผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ เวลาทำอะไรด้วยกันมันก็จะตามใจผม  :t2:

มันถามผมทุกครั้งที่กินข้าวล่ะครับว่าผมกินข้าวได้ไหม ส่วนผมนี้พอมีคนมาเอาใจก็อ้อนเต็มที่อ่ะครับ  :m18: ผมก็ส่ายหัวทำหน้าทำตาแบบว่าสงสารกรูเถอะ กับข้าวแมร่งรสชาติเห่ยมาก เอ็มมันกลัวผมอดข้าวจนตายครับเลยพาผมหนีออกไปกินข้าวในโรงอาหารหรือไม่บางมื้อมันก็ซื้อน้ำ้ซื้อขนมมาให้กิน
พอกลางคืนเขาให้น้องปี1 นอนหอของมหาวิทยาลัย ผมเองก็เก็บของมาเรียบร้อย ตอนแรกเอ็มชวนไปนอนบ้านมันแต่ผมก็อยากนอนกับเพื่อนใหม่ ดื้อไงครับ ไม่เชื่อ บอกว่านอนได้แค่นี้สบาย ไปรด.ลำบากกว่านี้เยอะ พอขึ้นมาบนหอเท่านั้นล่ะครับ เห็นสภาพห้องนอนห้อน้ำ้แล้วแบบว่ากดโทรศัพท์แทบไม่ทัน

“เอ็ม มรึงอยู๋ไหนวะ พากรูออกไปจากที่นี่ กรูไปนอนบ้านมรึงก็ได้”   :sad4:

“อะไร!! เก่งนักไม่ใช่เหรอมรึงอ่ะ กรูชวนแล้วเสือกกระเเดะจะนอนกับเพื่อน”  :angry2:

“นะๆๆ เปลี่ยนใจแล้ว ขอไปนอนบ้านมรึงนะ ขึ้นมารับหน่อยดิ”  :m23:

“เออๆๆ คราวหลังบอกอะไรก็ฟังบ้าง แมร่งดื้อ” เอ็มมันพูดไว้ตั้งแต่เรกแล้วไงครับว่าอย่างผมน่ะนอนที่นี่ไม่ได้หรอก

สัก 10 นาทีมันก็เดินเข้ามาในห้อง หน้ามันก็ดุๆนะครับ แต่ผมไม่กลัวมันหรอก มันแค่ฟอร์มทำเป็นโมโห มันคว้ากระเป๋าผมแล้วเดินออกจากห้อง ส่วนผมก็เดินตามหลังมันออกไปเลยครับ อยู่ไม่ไหวแล้วครับ หอแมร่งสกปรกมาก ขากลับไอ้บิวมานอนค้างบ้านเอ็มด้วย พวกเราเรียก taxi จากหน้ามหาวิทยาลัย ไอ้บิวนั่งหน้า ผมกับเอ็มนั่งหลัง เอ็มมันไม่คุยกับผมครับแต่คุยกับบิว สงสัยมันคงโกรธจริง ผมก็ไม่ชอบอยู่ในสภาพอึดอัดด้วยก็เลยง้อมันซะหน่อย แกล้งทำเป็นง่วงแล้วเอนหัวไปซบกับไหล่มัน เอาหัวถูไหล่มันให้พอน่ารัก แต่ผิดคาดครับ เอ็มมันผลักหัวผมกลับมา  :z3:

“ไม่ต้องมาซบ แมร่งดื้อ เคยฟังกรูบ้างไหม”  :monkeysad:

“ก็ไม่อยากรบกวนนิ แค่นี้แมร่งต้องโมโหด้วยว่ะ” ผมงอนมันครับ คนอุตส่าห์ง้อยังมาเล่นตัวอีก จริงๆแล้วผมกลับไปนอนบ้านก็ได้นะเพราะบ้านผมกับบ้าน
ไอ้เอ็มใกล้กันนิดเดียว แต่ไหนๆก็เก็บเสื้อผ้าออกมาแล้วก็จัดไปอย่าได้เสีย

ถึงบ้านมันบรรยากาศก็ดีขึ้นหน่อย มันเปิดตู้เย็นขนสารพัดขนมมาขุนให้ผมกับไอ้บิวอ้วนจนไขมันจะจุกอกตาย พวกเราก็นั่งกินกันไปเรื่อยๆจนแม่ไอ้เอ็มมาไล่ให้ไปอาบน้ำ้ ผมอาบคนแรก ตามมาด้วยไอ้บิว ระหว่างที่ไอ้บิวอยู่ในห้องน้ำ้ ผมก็นอนเล่นอยูุ่่ที่โซฟา เอ็มมันก็นั่งเล่นคอมอยู่ที่โต๊ะ ผมเฉยๆแล้วครับ เพราะเดี๋ยวมันก็หายโกรธ สักพักเสียงน้ำ้ในห้องน้ำ้ก็หยุดไหล เอ็มมันก็ลุกไปหยิบเสื้อที่ตากอยู่บนราวข้างๆโซฟาที่ผมนอนอยู่ มันมายืนอยู่ข้างๆสักพัก ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองมัน มันลูบหัวผมเบาๆ

“กรูไม่โกรธมึงแล้ว คราวหลังกรูพูดอะไรหัดฟังกรูบ้าง อย่าดื้อให้มันมากนัก”  :m4:

“เออ กรูขอโทษละกัน มรึงก็รู้จักนิสัยกรู” พูดจบไอ้บิวก็เดินออกมาพร้อมกับเอ็มที่เดินเข้าห้องน้ำ้ไป

ส่วนวันต่อๆไปก็เหมือนเดิมครับ เอ็มมานั่งกินข้าวกับผมทุกมื้อ คืนสุดท้ายสโมสรนิสิตของมหาวิทยาลัยจัดงานคอนเสิร์ต ทำให้ผมกับเอ็มต้องแยกกัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะผมก็เริ่มมีเพื่อนใหม่บ้าง แล้วอยู่ๆผมก็ไปสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่ง  :z1: เธอน่ารักดีนะครับ หน้ากลมๆตาโตๆรวบผมไว้ข้างหลัง ผมว่าหน้าเธอคุ้นมาก แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน จนกระทั่งเพื่อนผมมันเห็นนั่นแหละว่าผมแอบมองผู้หญิงคนนั้นบ่อยๆ มันก็เลยทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีครับเข้าไปตีซี้ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบของเธอมารายงานผมเป็นฉาก เธอชื่อหวาน “เอ๊ะ!! ชื่อคุ้นมาก” ยิ่งฟังรายละเอียดผมก็ยิ่งเหงื่อตกทั้งคณะที่เธอเรียนอยู่ โรงเรียน-มหาวิทยาลัยเก่า

“ชิบหายแล้ว!! นั่นมันหวาน คนที่เคยแอบชอบเอ็มนิ” ในที่สุดผมก็คิดออกครับ

ขอเล่า (นอก) เรื่องของเรื่องเอ็มกับหวานให้พี่ๆฟังก่อนนะครับ หวานเป็นเพื่อนที่เรียนพิเศษของเอ็ม ผมไม่รู้จักหวานมาก่อน จำได้ว่าผมเห็นหวานครั้งแรกที่สยาม ผมนั่งเรียนพิเศษข้างเอ็มและพอเห็นหวาน

“เอ็ม คนนั้นน่ารักดีว่ะ” ผมพูดออกไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเอ็มรู้จักกับหวานมาก่อน

หลังจากนั้นเกือบสัปดาห์หวานก็โทรเข้ามือถือผม ผมจำได้คร่าวๆว่าหวานไปหาเบอร์ผมจากเพื่อนของเพื่อนผมอีกที ตอนเเรกที่รู้ว่าเป็นหวานผมก็ตกใจว่าจะโทรหาผมทำไมในเมื่อเรายังไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ้ แต่หวานก็พูดดีนะครับบอกผมประมาณว่าไม่ได้โทรมาจีบแต่โทรมาเพราะเห็นผมสนิทกับเอ็ม ผมเลยน่าจะให้คำปรึกษาหวานได้ เราคุยกันเกือบชั่วโมงครับ ผมจับใจความได้ว่าหวานแอบชอบเอ็มมาปีกว่าแล้วและเอ็มก็รู้ว่าหวานรู้สึกยังไง แต่เพราะตอนนั้นเอ็มมันชอบน้องแจนแบบหัวปักหัวปำ มันเลยไม่แม้แต่จะชายตามองหวาน

ผมก็พอเข้าใจนะครับว่ารักเขาข้างเดียวนี่มันทรมาน แต่ผมก็เพื่อนเอ็ม แม้บางครั้งผมจะรู้สึกว่าเอ็มทำแรงเกินไป แต่ผมก็อยู่ข้างเอ็ม ผมบอกให้หวานทำใจ เพราะผมก็เปลี่ยนใจเอ็มไม่ได้เหมือนกัน ก่อนวางสายหวานขอร้องกับผมว่าอย่าไปเล่าเรื่องนี้ให้เอ็มฟัง แต่พี่ๆคงเดาได้ว่าหลังจากวางสายผมก็กดโทรศัพท์โทรหาเอ็ม ผมไม่ได้อยากจะโกหกแต่ผมว่าที่ผมทำส่วนหนึ่งเพราะผมเห็นใจหวาน ผมอยากให้เอ็มพูดกับหวานไปตรงๆทุกอย่างมันจะได้จบ

พอผมพูดเรื่องนี้เอ็มมันก็เงียบไปครับ มันบอกผมว่ามันก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อใจหนึ่งมันก็คิดกับหวานแค่เพื่อน แต่อีกใจหนึ่งมันก็รู้สึกดีกับสิ่งที่หวานทำให้มัน ผมต้องบอกก่อนว่าช่วงนั้นเรื่องของเอ็มกับน้องแจนไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไหร่ มันก็คงไม่แปลกหรอกครับที่เอ็มมันจะหวั่นไหวไปบ้าง

“กรูเล่าให้มรึงฟังในสิ่งที่หวานบอกกรู กรูไม่รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า”

“กรูจะทำไงดีวะนิว กรูรู้ว่าถ้ากรูปฏิเสธหวานกรูก็ต้องเสียใจ แต่กรูชอบแจนมากกว่าว่ะ” โอ้โห เพื่อนผมนี่มันเลวได้โล่จริงๆครับ จับปลาสองมือโคตรๆ

“กรูไม่รู้ มรึงต้องเลือกเอาเอง คนเรามันไม่ได้ในทุกอย่างที่อยากได้หรอกนะ”

“กรูเลือกไม่ได้” มรึงจะพระเอกมากไปไหม อิจฉาคนหน้าตาดีมี option เยอะ

“มันมีแค่สองทางให้มรึงเลือก … เลือกคนที่มรึงรักหรือเลือกคนที่รักมรึง แต่เอ็ม …. ไม่ว่ามรึงจะเลือกใคร กรูก็อยู่ข้างมรึงนะ” แล้วผมให้พี่ๆทายว่าไอ้เอ็มมันเลือกใคร … มันเลือกน้องแจนครับ ผมน่ะเห็นใจหวาน เพราะหลังจากวันที่เอ็มโทรไปคุยกับหวาน หวานก็หายไปจากชีวิตของทั้งผมและเอ็ม

ต่อนะครับ … พอผมจำได้ว่าคนนั้นคือหวานผมก็โทรหาเอ็ม เอ็มมันรู้อยู่แล้วครับว่าหวานอยู่กลุ่มเดียวกับมัน คืนนั้นมีพิธีบายศรีต่อ บรรยากาศดีนะครับเพราะไปจัดกันในสวน ผมไล่ให้พี่คนอื่นบายศรีจนสุดท้ายก็มาจบที่เอ็ม ตอนแรกมันไม่ยอมบายศรีให้ผม มันบอกว่าเพื่อนกันจะมาบายศรีให้กันทำไม แต่ผมก็แบบว่ากำลังอินเลยบังคับให้มันบายศรีให้ มันก็เขินๆมั้งครับ ไม่พูดอะไรกับผมมาก แถมมันยังเอาน้ำ้ตาเทียนมาราดใส่ข้อมือผมอีก  :m16: (ฉายแววซาดิสม์แล้วไหมมรึง  :impress2:) อวยพรผมเสร็จมันก็ลูบหัวผม ผมเขินนะครับ ใจเต้นเเรงด้วย ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่ยอมให้มาลูบหัวผมหรอกแต่ไอ้เอ็มนี่ไม่รู้เหมือนกัน ผมชอบนะเวลามันทำท่าทำทางอบอุ่นๆให้ผม เพราะผมก็เห็นอยู่ว่ามันลูบหัวผมคนเดียว … ถึงตอนนี้ผมก็ยังเก็บสายสิญจน์เส้นนั้นเอาไว้

บายศรีเสร็จก็เป็นช่วง free time ผมกับเอ็มแยกกันไปนั่งคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมสุดท้ายผมกับมันก็มานั่งคุยกันสองคน ผมจำได้ว่าคืนนั้นผมนอนคุยกับมันใต้ตึกจนเช้า ง่วงก็ง่วงครับแต่ผมก็ยังอยากคุยกับมัน

วันต่อมาผมก็พยายามแอบดูพฤติกรรมของเอ็มกับหวาน แต่ที่ผมเห็นมันก็ทำให้ผมรู้สึกจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย หวานแอบมองเอ็มตลอดเวลา ในขณะที่เอ็มก็แอบมองหวาน ผมรู้ว่าเอ็มกำลังคิดอะไร … ตั้งแต่หวานหายไปจากชีวิตเอ็มเมื่อ 2 ปีก่อน เอ็มมันก็พูดให้ผมฟังมาตลอดว่ามันไม่น่าปล่อยให้หวานไปเลย และยิ่งมันเลิกกับน้องแจน ผมรู้ว่าจริงๆแล้วมันก็แอบชอบหวานอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด