มาแล้วนะคะ เรื่องนี้เราเขียนไปๆชักรู้สึกว่าน้ำเยอะกว่าเนื้อนะ ว่าไหม?? แต่เขียนไปก็หยุดไม่ได้คิดว่าน่าจะเขียนน่า อี่ฮี่ ถ้าเยินเยอไปก็โทดด้วยนะ
มือไปตามอารมณ์น่ะ ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ ขอบคุณมากๆเลย
ตอนที่ 12 หมดความอดทนแล้วนะ

เพี้ยะ!!
รติกรหน้าหงายไปตามแรงตบ เขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หันมามองมือตบที่ยิ้มเยาะใส่อย่างสะใจ ก่อนหันไปมองตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“เลแวนซ์!!!” เขาตะโกนลั่นอย่างเหลืออด นี่ถ้าหล่อนไม่ใช่เพศเดียวกับแม่เขาล่ะก็ พ่อลุยแหลกไม่มียั้งแน่ ร่างสูงเข้ามาแทรก
ระหว่างเขากับแม่ซาช่าตัวดีได้ทันเวลา สองมือลูบต้นแขนเขาขึ้นลงเบาๆเป็นการเอาใจ
“ใจเย็นนะ เนย สูดลมหายใจลึกๆเข้า”
“ผมไม่ทนหล่อนแล้วนะ”
“โอเค...”
“จารีฟ....เขาหาเรื่องหม่อมฉันก่อนนะ” ซาช่าเข้ามาดึงแขนเลแวนซ์ รติกรปัดมือหล่อนทิ้งแรงๆ
“ออกไป”
“ว่าไงนะ”
“ผมบอกให้ออกไปนอกกระโจมนี้ เดี๋ยวนี้”
“แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
“มีสิ เลแวนซ์เขามาตามผมกลับไปพระราชวัง เพราะงั้นที่ๆเขาอยู่ก็คือที่ๆของผม คุณมันแค่ตัวแถมที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ
ในกระโจมนี้ผมมีสิทธิ์ให้ใครอยู่ก็ได้ แต่ไม่ใช่คุณ ออกไปเดี๋ยวนี้”
“แก.....จารีฟ...ดูเขาสิ ว้าย!!!!” ซาช่าโผเข้าหาเลแวนซ์ แต่โดนกระชากผมเสียก่อน
“เนย...”
“มานี่เลย” ร่างเล็กกระชากผมยาวสลวยของซาช่าแรงๆ
“ว้าย ตายแล้ว”
“เนย หยุดนะ” เลแวนซ์เข้ามากอดเอวเขาอุ้มยกขึ้นตั้งตัว
“กรี้ดดดดด....”
10 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
เลแวนซ์อาบน้ำเย็นสบายตัวออกมา อาหารค่ำก็เตรียมพร้อมไว้รอท่าแล้ว นางกำนัลยกสำหรับในถาดเงินหรูหรา
อาหารมากมายเกินกว่าคน 3 คนจะจัดการได้หมด
“หิวหรือยัง ทานกันเถอะ” ชายหนุ่มในชุดอาหรับสบายๆนั่งลงตรงกลางพื้นพรม ซาช่าไม่รอช้าเข้ามานั่งใกล้ๆตัวแทบชิดติดกันคอยทำทุกอย่างให้
ชายหนุ่มแทบไม่ต้องขยับมือเลย ก็มีคนป้อนให้ถึงปาก
เพล้ง! ทั้งคู่หันไปมองขวับ จานกระเบื้องชั้นดีในมือรติกรแตกเป็นสองเสี่ยง
“เนย?? เป็นอะไร โดนบาดหรือเปล่า” เลแวนซ์ดึงมือเขามาดู
“ไม่เป็นไร ผมคงจับแรงไปหน่อย.....ของแพงก็อย่างงี้แหละ บอบบางเกินไป” ไม่รู้อารมณ์อยากประชดหรือไงเขาถึงว่ากระทบกระเทียบไปอย่างนั้น
แต่รติกรรู้สึกเดือดอยู่ข้างในแล้วมันอดทนไม่ไหวแล้วด้วย
“อารมณ์ไม่ดีหรือ” เลแวนซ์เห็นคิ้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไง
“แหม...เป็นใครก็คงอารมณ์ไม่ดีแน่เพคะ”
“เงียบเถอะน่า ซาช่า”
“จารีฟ....” เธอเรียกเสียงสลด ชายหนุ่มก็ไม่สนใจ
“รู้ไหมว่าฉันเพิ่งได้ของบางอย่างมา กำลังคิดว่าจะเซอร์ไพส์เสียหน่อย” เลแวน์ว่าเสียงระรื่นอารมณ์ดีได้น่าหมั่นไส้ที่สุด
“อะไรหรือครับ” เขาว่าเสียงเนือยๆ ไม่อยากสนใจเท่าไร คงเป็นของประดับราคาแพงแน่ๆ เอาใจผู้หญิงจนเคยตัวหรือไงถึงเอาใจเขาแบบเดียวกัน
รติกรนั่งหน้าบูดมองนางกำนักยกถาดเงินใบหนึ่งมาวางตรงหน้า อะไรน่ะ?? ของกินหรือไง พอฝาครอบเปิดออก เขาถึงกับตาโตด้วยความคิดไม่ถึง
“ข้าว??”
“ข้าวหอมมะลิเกรดโกลเด้น ฉันคิดเอาเองว่าเธอคงอยากทาน....ชอบไหม”
รติกรแทบอยากร้องไห้ ข้าว....สิ่งที่เป็นตัวแทนประเทศชาติได้ดีที่สุดคือข้าว ที่เคยเป็นจิตวิญญาณของชาวนา แต่ยุคนี้มันกลับเป็นของแพง
หาซื้อยังยากเลย สาเหตุนั้นมาจาก ข้าวนั้นปลูกได้ยากมาก หลังจากเจอภัยพิบัติทุกปี
และดินเสื่อมภาพจากการที่รัฐบาลรับจ้างเก็บสินค้ามีพิษจากนานาประเทศ ทำให้ดินและน้ำปนเปื้อนมากมาย
พื้นที่เพาะปลูกเหลือเพียงจำกัด คนไทยเดี๋ยวนี้หันมาทานขนมปังกับ ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่เป็นอาหารประจำไปแล้ว ข้าวเกรดถูกสุดยังลิตรล่ะเกือบหมื่นแล้ว
ยิ่งเกรดดีที่สุดปาเข้าไปสองหมื่นเศษ คนที่ซื้อได้มีแต่คนรวยๆกับชาวต่างชาติเท่านั้น
“มัน.....มันแพงนะ”
“ใช่....แล้วหุงยากด้วย ฉันให้แม่ครัวไปหัดทำอาหารไทยหลายอย่างที่ภัตคารใหญ่ที่สุดของเรา กว่าจะหุงข้าวเป็นก็แทบแย่ เสียไปหลายหม้อเลย”
“ทำไมคุณไม่บอกล่ะครับ ผมหุงเป็นนะ ผมทำเป็น” ชายหนุ่มทั้งดีใจ ทั้งเสียดายของดีหายากอย่างนี้
“ทำเป็นจริงหรือ”
“ครับ ตอนอยู่เกรด 3 ที่บ้านเคยทำกินอยู่ 2 ครั้ง แม่ผมสอนหุงข้าวด้วย ผมจำได้ไม่ลืม ข้าวล้างหลายน้ำไม่ได้วิตามินมันจะหายหมด
แค่รวนน้ำแรกนิดหน่อย ทิ้งแล้วค่อยใส่น้ำให้ท่วมหลังมือ ผมจำได้ดี”
“งั้น.....กลับวังไปคราวนี้....เธอจะเข้าครัวทำให้ฉันทานด้วยได้ไหม” เลแวนซ์ถามอย่างมีความหมาย
“ได้สิครับ ผมทำได้ ขอบคุณครับ” รติกรยิ้มดีใจน้ำตาแทบไหล เขาไม่สนใจรายละเอียดปลีกย่อยอะไรทั้งนั้น
ได้ทำอาหารแบบไทยๆบ้างมันทำให้เขารู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้บ้านอีกนิด ใบหน้าอ่อนวัยมียิ้มกว้างดีใจเขาไม่ขัดขืนเลยตอนถูกดึงไปกอด
แล้วมีจูบที่หน้าผากแรงๆหลายๆที ซาช่าถึงกับเม้มปากอย่างขุ่นเคือง เจ็บใจนักเชียว จารีฟแสดงออกชัดว่าใส่ใจไอ้หนุ่มหน้าขาวนั้นถึงขนาด
ซื้อของที่หายากขนาดนี้ให้ ฮึ่ม....ใจเย็นไว้ซาช่า เจ้าชายก็แค่อยากเอาใจมันแค่นั้น รอให้ได้ลูกก่อนเถอะ เขาจะเฉดหัวมันลงไปข้าทาสแน่
ตอนนี้ต้องอดทนไว้...
ทั้งสามลงมือทานอาหารได้ไม่นาน คาริคก็ตามมาสมทบ ทำให้ครึกครื้นขึ้นบรรยากาศผ่อนคลายเป็นงานเป็นการ หลังดื่มชาตบท้าย
ร่างเล็กขดตัวเอาหัวอิงหมอนมองสองหนุ่มคุยเรื่องงานกันอย่างออกรส สุดท้ายก็เผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น
**********************
บางอย่างกำลังเลี้อยผ่านเอวไปช้าๆแล้วลอดใต้เสื้อบางๆขึ้นมาหยุดที่หน้าอก รติกรรู้สึกตัวแบบกึ่งหลังกึ่งตื่น
เมื่อมีบางอย่างกำลังลูบไล้ยอดอกเขาไปมาแถมบี้คลึงแรงๆชวนให้วาบหวิวเหลือเกิน
“อืมมมมมม...” เขาครางไล่ให้เจ้าสิ่งนั้นหยุดเสียที แทนที่มันจะหยุดกลับเป็นเขาที่ถูกรั้งให้พลิกตัวหันมา บางอย่างที่นุ่มนวลแนบลงมาบนเรียวปาก
มันเปิดปากเขาออกแล้วบดเคล้าหนักหน่วงปลุกให้ประสาทสัมผัสตื่นตัวมาพบกับรสหวานซ่านแต่เช้า เหมือนจะยังตื่นไม่เต็มที่หรือไรกัน
เขาถึงไม่คิดอะไรนอกจากยกมือขึ้นโอบรอบคอให้แนบจูบลงมาอีก ลิ้นอุ่นที่เหมือนงูนั้นทำให้จูบนั้นดื่มด่ำซาบซ่าน
ความหวานไหวนั้นโรยรินที่ขั้วหัวใจจนทำให้สั่นไปหมด ริมฝีปากนั้นละจากไปนานกว่าเขาจะลืมตาขึ้นมองได้
เป็นคนที่ไม่อยากจะเห็นจริงๆ แต่เวลานี้เขาหล่อเหลาเหมือนเทพบุตรแถมสายตาที่จ้องมานั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างเขินอาย
“แย่ที่สุดเลย” เขาว่าเสียงกระซิบ “ผมยังไม่ได้แปรงฟันเลย”
“หึ....นอนต่อเถอะ เดี๋ยวฉันต้องทำงานแล้วจะให้คนอยู่เป็นเพื่อนนะ แล้วสายๆจะกลับ”เลแวนซ์จูบที่ขมับเบาๆก่อนลุกจากไป
“โชคดีนะครับ” รติกรผงกหัวขึ้นบอก อุ๊บ! ทำไรไปเนี่ย ยังกะผัวเมียบอกลากันเลย เขาทำหน้าเหมือนนึกได้ว่าอมยาขมอยู่
ส่วนอีกคนนั้นแค่อมยิ้มแล้วออกไป ทิ้งให้ทั้งกระโจมตกอยู่ในความเงียบ ตอนนี้ตาสว่าง นอนไม่หลับแล้วสิ
ร่างเล็กลุกนั่งมองไปรอบๆพบซาช่านอนอยู่อีกมุมของกระโจม โล่งอกที่หล่อนไม่ได้ตามเขาไปเป็นขี้ปลาทองอีก
เขาค่อยๆลุกขึ้นแล้วพบว่าเท้าเจ็บน้อยลงมากแล้ว พอเดินเขย่งได้ดีกว่าเมื่อวานมาก จึงรีบจัดการล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จก่อนผู้หญิงตื่น
เสร็จแล้วก็ออกมาข้างนอก รติกรมองอาทิตย์โผล่ขึ้นที่ขอบฟ้าของทะเลทราย มันช่างสวยอะไรอย่างนี้นะ
ผืนทรายที่ตัดเป็นเส้นตรงสุดลูกหูลูกตาเป็นสีเข้มขณะที่สีทองเจิ้ดจ้ากำลังฉายแสงอาบยอดกองทราย เป็นภาพที่สวย สงบยิ่งกว่าที่คิด
แสงที่ค่อยๆไล้กว้างลงไปทำให้รู้ว่าโลกนี้ไม่เคยหยุดนิ่งแม้วินาทีเดียว
“คุณรีส...” เสียงเรียกอย่างเกรงใจจากข้างหลังทำให้ตื่นจากภวังค์ สาวอาหรับสวมชุดปกปิดมิดชิดยืนอยู่ข้างหลังเมื่อไรไม่รู้
“อรุณสวัสดิ์” เขาทักทาย
“ฉันชื่อ ฮานน่าคะ เจ้าชายจารีฟมีรับสั่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณวันนี้”
“อ้อ ขอบคุณ”
“อาหารเมื่อวานเป็นไงบ้างคะ ฉันหุงข้าวเป็นไงบ้าง”
“อ้อ คุณหรอกหรือ ที่จารีฟให้ไปฝึกทำอาหารไทย.....เมื่อวานดีมากเลย ข้าวหุงได้กำลังดี อร่อยมากเลย”
“ค่อยโล่งอกหน่อยฉันเป็นห่วงว่าจะไม่ถูกปากคุณ เช้านี้อากาศเย็นอยู่นะคะ คุณอยากได้ชาสักถ้วยไหม”
“ดีครับ ขอบคุณ”
ฮานน่ายิ้มดีใจใต้ผ้าคลุมหน้า เธอหันกายเข้าไปในกระโจมถัดไป ไม่นานก็ออกมาพร้อมเพื่อนๆที่ยกพรมปูให้เขานั่ง น้ำชาอุ่นๆกับขนม 2-3 อย่าง
รติกรนั่งจิบชามองทิวทัศน์เงียบๆ รู้สึกการเป็นเศรษฐีมีคนบรนนิบัติก็ดีไปอย่าง แต่อีกหน่อยคงกลายเป็นคนสันหลังยาวแน่ๆ
เขานั่งทอดอารมณ์สบายๆได้แค่ 10 กว่านาทีก็ต้องกลับเข้าไปข้างในเพราะแดดเริ่มแรงแล้ว
“คุณรีส” ฮานน่าเรียก
“มีอะไรหรือ”
ในมือเธอมีกล่องอลูมิเนียมขนาดเท่าฝ่ามือ “ถึงกำหนดต้องฉีดยาเข็มที่ 2 แล้วคะ”
เข็มที่ 2 ?? ร่างเล็กนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ใจหวั่นไหวไม่อยากจะเจอเรื่องแบบนี้อีก แต่อีกใจก็คิดว่าเขาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ สถานะเช่นนี้
สิ่งเดียวที่จะปกป้องเขาจากอันตรายทั้งปวงคือการมีลูก แต่....เขาไม่อยากทำเลย ร่างเล็กนั่งลงปล่อยให้หญิงสาวฉีดยาให้เงียบๆ
รติกรอดถามตัวเองไม่ได้ เขาตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหม
**************
“บ้าจริง..”
อิซัสรู้ทันทีเลยว่าสายไปแล้ว เมื่อเห็นกลุ่มควันสีดำลอยเหนือหุบเขาที่ซ่อนตัว ห่างจากโอเอซีสเดิมไป 100 ไมล์
เขาพาคนไปเจรจากับกลุ่มเร่ร่อนอื่นเพื่อขอกำลังไปช่วยเหลือพวกผู้หญิงที่ถูกจับ แต่กลับได้ยินข่าวว่าทั้งหมดถูกปล่อยตัว พร้อมทั้งข่าวลือที่ว่า
บางคนยอมเป็นสายให้ทางการเพื่อแลกกับค่าหัวโจร เขารู้เลยว่ามันไม่ปกติแล้วจึงรีบเดินทางกลับ แต่กว่าจะถึงก็....
“ อิซัส มีคนมาทางนี้” โมฮาหมัด ชี้ให้เห็นกลุ่มคนที่ควบม้าหลบหนีออกมาทางตรอกลับที่คนในเท่านั้นรู้เส้นทาง ทุกคนมีอาวุธอยู่ในมือ
ชายหนุ่มควบม้าเข้าไปสกัดทันที
“หยุดนะ!!!” เขาดึงผ้าคลุมหน้าออก
“อิซัส...” กลุ่มคนที่หนีออกมา ดีใจรีบปลดผ้าออกกระโดดลงจากหลังม้ามาหา “พวกเราถูกโจมตี พวกมันใช้พวกผู้หญิงเป็นสายจริงๆด้วย
นังพวกนั้นทรยศพวกเราแล้ว”
“ว่าไงนะ??”
“จริงนะ พวกเราได้ยินจากวิทยุของทางการ พวกมันบอกว่ามีบางคนรับเงินมาแล้ว”
“แล้วพวกแกทำยังไง”
“พวกเราจับผู้หญิงกับเด็กแยกขังสอบสวน คาดคั้นจนถึงเช้านี้ พวกมันถึงบุกมาที่นี่”
“แล้วพวกผู้หญิงกับเด็กๆล่ะตอนนี้อยู่ไหน”
“จะไปสนพวกมันทำไมล่ะ ผู้หญิงพวกนั้นมันทรยศพวกเราแล้ว”
“ไอ้ไง่!!!” อิซัสตวาดใส่ “หลงกลพวกมันไปเต็มๆเลย พวกมันปล่อยข่าวเรื่องค่าหัวเพื่อให้พวกแกมัวแต่สนใจคาดคั้นกับพวกผู้หญิง
ทำให้หวาดระแวงทำร้ายพวกเดียวกันเอง แกทำร้ายใครไปหรือเปล่า”
พวกนั้นเงียบเห็นสีหน้าก็รู้ว่าใช่ พวกนี้ลงมือกับผู้หญิงจริงๆ “พวกแกมัน.......ไม่เข้าใจหรือว่า ผู้หญิงและเด็กเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวที่สุด
มันจงใจปล่อยพวกเธอก็เพื่อให้ไว้วางใจ พอกลับมาพวกแกดันไปทำร้ายพวกเธออีก”
“อิซัส หมายความว่าไง ทางการมันคิดอะไรอยู่” โมฮาหมัดยังไม่เข้าใจ
“พวกมันจะทำลายพวกเราด้วยการแย่งผู้หญิงกับเด็กออกจากลุ่มพวกเราน่ะสิ ป่านนี้แล้วทุกคนคงเห็นมันเป็นฮีโร่ที่ช่วยชีวิต และคงไม่กลับมาหาพวกเราอีกแน่”
“ไม่หรอกนะ ยังไงพวกเธอก็เป็นญาติพี่น้องพวกเรา”
“ถ้าไม่โดนทำร้ายและกล่าวหาว่าทรยศ พวกเธอคงกลับมาแน่” ชายหนุ่มว่าอย่างขุ่นเคือง เขาออกไปจากค่ายวันเดียวก็โดนถล่มซะเละ
นึกไม่ถึงว่าพวกผู้หญิงจะถูกปล่อยเร็วกว่าที่คาด ที่ไม่คิดอย่างที่สองคือคนของเขาจะหลงกลง่ายๆจนทำร้ายพวกเดียวกันได้
หึ....ซาฮาห์ ฮัสซาล จารีฟ เล่นงานเขาได้ถึงสองครั้ง คอยดูเถอะ เขาจะเอาคืนให้สาสมแน่ๆ
**************
“นั้นเสียงอะไรน่ะ”
ซาช่านอนเอกเขนกอยู่ก็ลุกพรวดพราดขึ้น รติกรที่กำลังออกกำลังเบาๆด้วยการเหยียดขาไปมาแก้เบื่อต้องหยุดหันไปมอง
ร่างบางถลาออกไปนอกกระโจมอย่างรวดเร็ว เฮ่อ...เป็นผู้หญิงในฮาเร็มนี่เหนื่อยกว่าที่คิดนะนี่ อย่างซาช่าเธอไม่ทำอะไรเลยนอกจากนอน
พอตื่นมาก็กิน หลังจากนั้น.....ก็บำรุงความงามกันตลอดทั้งวัน
แค่เห็นของสารพัดอย่างที่เธอสรรหามาพอกหน้าพอกผิวแล้ว เหนื่อยแทนจริงๆ ชายหนุ่มคิดว่านั่งรออยู่เฉยๆดีกว่า
แต่เสียงอูฐและม้ามากมายทำให้นึกสงสัย ทำไมเสียงดังวุ่นวายขนาดนี้ เขาคว้าไม้ตีกลอฟ์พยุงกายเดินออกมาข้างนอก สิ่งที่เห็นทำให้แปลกใจไม่น้อย
พวกผู้หญิงและเด็กกลับมาในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่น เขาอยากจะเข้าไปถามไถ่ให้รู้เรื่อง นารียะห์ปลอดภัยดีหรือไม่
พวกทหารก็ไม่ให้เข้าใกล้เช่นเคย จึงได้แต่ยืนมองไกลๆเห็นคาริคและเลแวนซ์ อยู่พูดคุยปลอบใจทุกคนอยู่นาน
“ไง...” ร่างสูงในชุดคลุมมิดชิดสีเดียวกับผืนทรายก้าวมาหา สีหน้าเขาเหนื่อยน่าดู แต่ยังไงรติกรก็ต้องถาม
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมพวกผู้หญิง.....”
“ก็เป็นห่วงอยู่ว่าพวกผู้หญิงจะปลอดภัยไหม เลยให้คาริคตามไปห่างดูให้แน่ใจว่าพวกเธอถึงที่หมายแล้ว แต่พวกนั้นคิดว่าพวกเธอเป็นสายให้ทางการ
เลยจับไปทรมานให้สารภาพ คาริคติดต่อมาว่าจะให้ทำไง ฉันเลยสั่งให้ไปช่วยคนออกมาก่อน”
“ทรมานเหรอ? พวกนั้นทรมานผู้หญิงเหรอ นารียะห์ล่ะเธอปลอดภัยไหม”
“เธอโดนตี....แล้วหักนิ้วน่ะ” รติกรอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนพวกนั้นจะทำร้ายผู้หญิงได้ลงคอ เขามีคำถามขึ้นมาในใจทันที
อิซัสทำหรือเปล่า เขารู้เห็นหรือเขาลงมือทำเองกันแน่
“ผม....ผมอยากไปหาเธอหน่อย”
“อย่าเพิ่งเลย หมอกำลังทำแผลให้ เธอเจอเรื่องหนักๆมาทั้งคืนแล้ว ตอนนี้ต้องให้พักผ่อนมากๆ เธอไม่เป็นไรหรอก เชื่อฉันสิ”
เลแวนซ์โอบไหล่เล็กให้กลับมาที่กระโจม
“แล้วคุณจะทำยังไงกับพวกเธอ”
“ก็จะให้โอกาสตัดสินใจเอง ว่าจะกลับบ้านตัวเองเหมือนเดิม.....หรือจะไปกับฉัน ถ้าไปกับฉันก็จะให้ทางการดูแล
หาบ้านและงานทำ ส่วนเด็กๆก็จัดหาโรงเรียนให้” นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ชายหนุ่มโล่งอกขึ้นเยอะที่เลแวนซ์จัดการทุกอย่างได้อย่างรอบคอบ
เขาเกาะชายเสื้อมองด้วยสีหน้าที่โล่งอกขึ้นเยอะ สีหน้าแบบนี้แหละที่คาดคิดไว้แล้วว่าจะได้เห็น เลแวนซ์ปล่อยผู้หญิง
และปล่อยข่าวออกไปเองว่ามีค่าหัวโจร การจะโจมตีกองโจรให้ได้ผลที่สุดคือโจมตีจุดที่อ่อนแอที่สุดคือผู้หญิงและเด็ก
และมันก็ได้ผลด้วย พวกนั้นหวาดระแวงว่าจะมีสายของทางการถึงได้ลงมือทำร้ายพวกเดียวกันเอง ผู้หญิงที่สถานะทางสังคมต่ำต้อยที่สุด
หากเป็นกำลังสำคัญที่สุดถูกกล่าวหา ถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ ย่อมหวาดกลัวและเอนเอียงเข้าหาคนที่หยิบยื่นโอกาสให้ได้ง่ายๆ
ตอนนี้เขาเล่นงานปีศาจทะเลทรายได้ ได้ความไว้วางใจจากผู้หญิงและเด็กนับร้อยๆ และที่สำคัญที่สุด เขาได้สายตาที่มองมาด้วยความขอบคุณ
ด้วยความวางใจจากร่างเล็กนี้ด้วย
“โรงเรียนอะไรหรือเพคะ” ซาช่ารอต้อนรับอยู่ในกระโจมอย่างเคย เธอยื่นผ้าเย็นให้เขาเข็ดหน้าเช็ดตา สองคนหนุ่มสาวในฮาเร็มแลตาใส่กันอย่างไม่พอใจ
“เลแวนซ์ แล้วทางการจะดำเนินการให้ได้ทันทีเลยหรือ”
“อืม.....ฉันจะตามเรื่องด้วยเองเลย ไม่ต้องห่วงน่า” เขาลูบไหล่เอาใจน้อยๆ รติกรถึงยิ้มออก
“จารีฟ....อาบน้ำก่อนนะ จะได้สบายตัวขึ้น” ซาช่าดึงแขนชายหนุ่มไปทางส่วนอาบน้ำ
“เดี๋ยวก่อน เขายังคุยธุระไม่เสร็จ คุณถอยไปก่อน” ร่างเล็กเข้ามาแทรกระหว่างทั้งคู่ มือหนึ่งดันหญิงสาวให้ถอยออกไป
อีกมือดันร่างที่สูงใหญ่กว่าให้ไปนั่งก่อน
“อะไรกัน??”
“เขาเพิ่งมาถึงตัวร้อนๆ ให้นั่งพักหายเหนื่อยก่อนสิ และผมมีเรื่องต้องคุยกับเขาด้วย คุณรอไปก่อนเถอะ”
“แก...” เพี้ยะ!!
รติกรหน้าหงายไปตามแรงตบ เขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หันมามองมือตบที่ยิ้มเยาะใส่อย่างสะใจ ก่อนหันไปมองตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“เลแวนซ์!!!” เขาตะโกนลั่นอย่างเหลืออด นี่ถ้าหล่อนไม่ใช่เพศเดียวกับแม่เขาล่ะก็ พ่อลุยแหลกไม่มียั้งแน่
ร่างสูงเข้ามาแทรกระหว่างเขากับแม่ซาช่าตัวดีได้ทันเวลา สองมือลูบต้นแขนเขาขึ้นลงเบาๆเป็นการเอาใจ
“ใจเย็นนะ เนย สูดลมหายใจลึกๆเข้า”
“ผมไม่ทนหล่อนแล้วนะ”
“โอเค...”
“จารีฟ....เขาหาเรื่องหม่อมฉันก่อนนะ” ซาช่าเข้ามาดึงแขนเลแวนซ์ รติกรปัดมือหล่อนทิ้งแรงๆ
“ออกไป”
“ว่าไงนะ”
“ผมบอกให้ออกไปนอกกระโจมนี้ เดี๋ยวนี้”
“แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
“มีสิ เลแวนซ์เขามาตามผมกลับไปพระราชวัง เพราะงั้นที่ๆเขาอยู่ก็คือที่ๆของผม คุณมันแค่ตัวแถมที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ
ในกระโจมนี้ผมมีสิทธิ์ให้ใครอยู่ก็ได้ แต่ไม่ใช่คุณ ออกไปเดี๋ยวนี้”
“แก.....จารีฟ...ดูเขาสิ ว้าย!!!!” ซาช่าโผเข้าหาเลแวนซ์ แต่โดนกระชากผมเสียก่อน
“เนย...”
“มานี่เลย” ร่างเล็กกระชากผมยาวสลวยของซาช่าแรงๆ
“ว้าย ตายแล้ว”
“เนย หยุดนะ” เลแวนซ์เข้ามากอดเอวเขาอุ้มยกขึ้นตั้งตัว
“กรี้ดดดดด....”
เฮือก!!! สองหนุ่มสะดุ้งกับสิ่งที่เห็น รติกรไม่ยอมปล่อยมือแม้จะโดนอุ้มจนตัวลอยทำให้ผมยาวสลวยของซาช่าหลุดติดมือเขามาทั้งยวง
วิกผม!! หัวหล่อนคลุมด้วยผ้าขาวสำหรับติดวิกเท่านั้น หล่อนโกนผมออกหมดเลย
“อ้ายยยยยยยยย แก........อ๊าย!!!!!!!!!!” ซาช่ากรีดร้องสุดเสียง หล่อนกระชากวิกผมออกจากมือก่อนวิ่งเตลิดออกไปข้างนอก
(ติดตามตอนต่อไป)
