มาต่อแบบสั้นๆอีกตามเคย ตอนนี้มะหื่นนะ ตอนหน้าเตรียมทิชชู่ได้เลย
ย้อนอดีตกับเหวินหลง [2]
“เหวินหลง” เฉินเหวินติงออกมาต้อนรับผู้ที่เกือบได้เป็นลูกเขยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ฮูหยินเฉินก็สีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นบวมช้ำแดงก่ำ ดูก็รู้ว่าผ่านการร่ำไห้มาอย่างหนัก นางคงเสียใจที่ลูกสาวหนีไป
“นั่งก่อนสิหลานชาย วันนี้มีธุระอันใดถึงมาเยี่ยมเยือนแต่เช้า” บุรุษหนุ่มขมวดคิ้ว เรียกเขาว่าหลานชายเท่ากับแสดงเจตนาชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวดองกันแล้ว
“ไฉนถึงเรียกข้าห่างเหินเช่นนี้ล่ะขอรับ ยังไงข้าก็กราบไหว้ฟ้าดินเข้าพิธีอย่างถูกต้องแล้ว คนรู้กันทั้งเมือง ข้าเป็นลูกเขยท่านนะขอรับ ท่านพ่อตา”
“อย่าเลย” เถ้าแก่เฉินรีบยกมือห้าม “เรื่องในครั้งนี้ทำให้ข้าละอายใจต่อบิดาเจ้า และต่อเจ้ายิ่ง น่าเสียดายที่เราไร้วาสนาต่อกัน
บิดาเจ้าพูดคุยกับข้าเป็นที่เข้าใจแล้ว ให้เจ้าแต่งแต่ในนามเท่านั้น พอพ้นปีนี้ก็จะทำเรื่องหย่าให้ถูกต้อง เจ้าก็จะสามารถแต่งงานใหม่ได้ ไม่เป็นที่ครหาแน่นอน”
“ท่านพ่อตา ข้ามิใช่คนที่ไร้เหตุผลนะ จริงอยู่ว่าธิดาท่านตัดสินใจหนีไปนางย่อมคิดถี่ถ้วนดีแล้ว ข้าไม่ตำหนินางและยืนยันที่จะทำหน้าที่
ของบุตรเขยของท่านต่อไป หนึ่งข้าเคารพท่านมาตลอดและจะเคารพตลอดไปแม้จะมิได้เกี่ยวดองเป็นญาติก็ตาม
สอง เกิดเรื่องไม่งามขึ้นจะหนีเอาตัวรอดเพื่อรักษาชื่อเสียงย่อมมิใช่วิสัยของคนที่มีการศึกษา ข้าไม่ขอเอาตัวรอด และขอร้องให้ท่านทั้งสอง
เป็นพ่อตาและแม่ยายเพื่อรักษาเกียรติของพวกท่านและเกียรติของข้าไปจนถึงที่สุดด้วยขอรับ”
บุรุษหนุ่มลุกขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าคนทั้งสองกราบกรานด้วยความเคารพ เฉินเหวินติงถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาดึงบุตรเขยให้ลุกขึ้น
“เหวินหลง ข้าภูมิใจที่ได้เจ้ามาเป็นบุตรเขยจริงๆ น่าเสียดายที่ลูกสาวข้านั้นไร้วาสนา”
“ท่านต้องดูแลสุขภาพตัวเองนะขอรับ ต้องเข้มแข็งไว้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ท่านต้องจัดการ ท่านแม่ก็เหมือนกัน อย่าร้องไห้อีกเลยนะ”
เหวินหลงปลอบใจ เฉินฮูหยินได้แต่ยิ้มพยักหน้าว่าเข้าใจแล้วแต่อดหลั่งน้ำตามิได้ ลูกสาวนางช่างโง่เขลาจริงๆ ถึงพลาดบุรุษที่ประเสริฐยิ่งไป
บุรุษหนุ่มพูดคุยเรื่องทั่วๆไปอยู่นานพอสมควร จึงเลียบเคียงถาม
“ท่านพ่อตา ข้าถามเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
“อะไรหรือ”
“คืนวันพิธีนั้นใครเป็นคนเข้าหอร่วมกับข้า”
เคร้ง..ฝาถ้วยน้ำชากระทบเสียงดัง เฉินเหวินติงถึงกับหน้าเครียดเขาหันไปมองฮูหยิน เหวินหลงเห็นก็รู้ว่าไม่ถูกต้องแล้ว พวกเขามีบางอย่างที่ปกปิดอยู่
“เอ่อ.....เหวินหลง เรื่องที่แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ อย่าถามถึงมันเลย”
“แล้วไปแล้วงั้นหรือ ข้าไม่สนใจอะไรมากนักหรอก แต่อยากรู้ว่าเป็นใครเท่านั้น ท่านแม่.....” เขาลากเสียงกดดัน
เฉินฮูหยินเหงื่อกาฬไหลซึมต้องยกผ้าขึ้นซับ
“เอ่อ....คือ....”
“มีเหตุผลอันใดถึงบอกกล่าวมิได้หรือขอรับ”
“เอ่อ.....มิใช่บอกล่าวมิได้....เพียงแต่” เฉินฮุหยินเหลือบมองสามีก่อน “นางคือชุ่ยฮัว สาวใช้ของข้าเอง”
หา?? เสียงนี้คล้ายจะดังอยู่ในอากาศ ดูได้จากสีหน้าของสาวใช้ข้างกายแม่ยายเขา นางมองเจ้านายตาโตก่อนมองมายังเขา
สายตานั้นเต็มไปด้วยความกลัว ย่อมมิใช่คนผู้นั้นแล้ว ถ้าหากใช่ใยต้องเอ่ยคำว่า พี่เขยด้วยเล่า โกหกชัดๆ บุรุษหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆอย่างหงุดหงิดใจ
“ข้าออกมานานแล้ว คงต้องกลับเสียที” เขาลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถง ไม่เอ่ยถามเรื่องอื่นใดอีก นั้นก็เท่ากับไม่เชื่อเรื่องที่เฉินฮูหยินพูดแม้แต่นิด
นางหน้าสลดมองสามีอย่างจนใจ ร่างสูงก้าวออกมานอกบ้าน คิดไม่ออกว่าทำไมถึงปกปิดเขานักหนา
“คุณชาย จะกลับแล้วหรือขอรับ” เด็กเฝ้าประตูเข้ามาประจบ
“อืม....เอ๊ะ เจ้ามาทำงานที่นี่นานหรือยัง”
“ได้ปีหนึ่งแล้วขอรับ”
“ข้าถามหน่อยสิ คุณหนูเยี่ยเหมยมีน้องสาวหรือเปล่า”
“ไม่มีขอรับ” ว่าแล้ว คำตอบยังไงก็เหมือนเดิม เหวินหลงกำลังถอดใจ “แต่คุณหนูมีน้องชายอีกคน”
“หา??”
“คุณชายหยกน้อยที่เพิ่งพบเมื่อครู่ไงขอรับ”
“หยกน้อย?? ทำไงวันแต่งของข้าถึงไม่เห็นเขา”
“ไม่แปลกหรอกขอรับ คุณชายน้อยเกิดจากฮูหยินรอง หวั่นเอ๋อที่เคยเป็นสาวใช้ประจำตัวฮูหยินใหญ่มาก่อน
ฮูหยินจึงไม่ค่อยปลื้มเท่าไรเลยไม่ได้ออกไปพบปะผู้คนนัก”
‘พี่เขย...’ คำๆนั้นชัดเจนในหัว พี่เขยเหรอ....ถ้าเยี่ยเหมยไม่มีน้อง คนที่เรียกเขาว่าพี่เขยได้คนเดียวก็คือหยกน้อยนะสิ
พระช่วย....บุรุษหนุ่มแตกตื่นใจจนแทบยืนไม่อยู่
“คุณชาย เป็นอะไรไปขอรับ”
“ข้า.....ข้ารู้สึกไม่สบาย ต้องกลับก่อนแล้ว”
“เดินดีๆนะขอรับ” เขาประคองคุณชายให้ขึ้นเกี้ยว เหวินหลงรู้สึกหมดแรง หมดอาลัยตาอยาก เขา......หลับนอนกับ...?? กับ??
โอ้ย...ปวดใจ ปวดกระเพาะ ปวดม้าม ปวดตับด้วย!!!
********
(ติดตามตอนต่อไป)