พิมพ์หน้านี้ - เรื่องสั้นตอนที่5 ย้อนอดีตกับเหวินหลง[2] รบกวนย้ายไปห้องจบแล้วให้ด้วยคะ
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: nariza6 ที่ 28-03-2011 08:35:57
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn หรือคบหาพูดคุยกันในเล้า
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
เด็กใหม่ถอดด้ามของเล้าเลยค่า ฝากนิยายใหม่แนวกำลังภายในไว้ด้วย :-[
-
เตือนคุณอย่าเสียดายเสื้อกรองทอง
ขอจงเสียดายวัยเยาว์
ดอกไม้บานควรเด็ดพึงเด็ดไว้
อย่ารอให้ดอกไม้หมดเด็ดแต่กิ่งเปล่า
(จาก หนังสือ 100 ยอดหญิงจากประวัติศาสตร์จีน)
ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!!!!
เสียงประทัดดังแว่วเข้ามาในคฤหาสน์ของเศรษฐีหลี่ เป็นสัญญาณว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว บุรุษสูงวัยคนหนึ่งกุรีกุจรวิ่งกระหือกระหอบเข้ามาในห้องหนังสือ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างสีหน้าตื่นตกใจกันถ้วนหน้า ความอึดอัดตึงเครียดยิ่งทวีคูณ คนผู้นั้นเข้ามารายงาน
“ได้ฤกษ์แล้วขอรับ แขกเรื่อมากันเต็มไปหมด....ต้นทางบอกว่ารถม้าของท่านอ๋องออกจากจวนแล้ว”
ทุกคนหน้าถอดสียิ่งกว่าเก่า หลี่ฮูหยินหันมาคว้าแขนสามี
“ออกมาแล้ว....ทำไงดีล่ะ ท่านพี่ ทำยังไงดี”
เศรษฐีหลี่ได้แต่นิ่งอึ้งจนด้วยปัญญาจริงๆ ความเครียดหนักหนาเกินกว่าจะแบกรับทำให้เฉินฮูหยินถึงกับร่ำไห้ออก นางคุกเข่าลงตรงหน้าสองสามีภรรยา
“พี่หลี่..เป็นความผิดของข้าเอง.....ข้าอบรมลูกสาวไม่ดี ทำให้พวกท่านต้องเดือดร้อน เป็นความผิดข้าเอง”
“ฮูหยิน” เศรษฐีเฉินเข้ามาประคอง
“นี่มิใช่เวลาคร่ำครวญนะ อย่าทำให้ข้าคิดอะไรไม่ออกได้ไหม” หลี่ต้าโหย่ว เศรษฐีใหญ่แห่งเมืองหลวงตวาดอย่างเดือดดาล เขาเป็นคหบดีที่มีชื่อเสียง การแต่งงานของบุตรชายคนโตจึงเป็นงานใหญ่คนรู้กันทั้งเมือง ขนาดที่แม้จะไม่ได้ส่งเทียบเชิญ ท่านอ๋องก็ยังอยากมาร่วมงาน หากเกิดเรื่องฉาวโฉ่ว่า เจ้าสาวหนี แล้วจะมีหนทางใดที่จะกู้หน้าตาชื่อเสียงเขาไว้ได้ล่ะ
“พี่หลี่” เฉินเหวินติงคว้ามือเขาไว้ “ข้าเอง....ข้าจะบอกความจริงกับทุกคนเอง”
“ท่านพี่??” ฮูหยินเฉินท้วง
“มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าต้องรับผิดชอบ.....”
“รับผิดชอบอย่างไร....ตอนนี้มิทันการณ์แล้ว งานพิธีล่ม ทั้งตระกูลเจ้า ทั้งตระกูลข้า ก็ต้องขายหน้า อับอายไปทั้งเมือง” แม้มิใช่ความผิดของสหายรักแต่หลี่ต้าโหย่วก็อดเคืองมิได้ เขาสะบัดมือหนี ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งมิมีใครกล้าสบตาใคร ได้แต่เงียบ
“นายท่าน” พ่อบ้านเกาของหลี่ต้าโหย่วเอ่ยขึ้น
“มีอะไร”
“ข้าน้อยมีความคิดหนึ่ง”
“ว่ามาสิ” หลี่ต้าโหย่วสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย พลางก้าวเท้ามาหาคนสนิท
“งานแต่งนี้ยังไงก็ต้องมี เพราะท่านอ๋องมาร่วมงานด้วย หากต้องล้มเลิกไปไม่เพียงแต่นายท่านทั้งสองจะขายหน้า ท่านอ๋องก็จะพลอยขายหน้าไปด้วย มันไม่เป็นผลดีต่ออนาคตของพวกท่านทั้งสอง ดังนั้น.....ข้าน้อยขอเสนอให้ใช้เจ้าสาวชั่วคราวไปก่อน”
“เจ้าสาวชั่วคราว??”
“ขอรับ....ยังไงก็ไม่มีใครเห็นหน้าเจ้าสาวอยู่แล้ว ขอเพียงทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับยกน้ำชาให้เสร็จ นายท่านและคุณชายใหญ่อยู่รับแขกจนดึก พอแขกเรื่อกลับไปหมดแล้วค่อยบอกต่อคุณชายก็ได้ ส่วนเรื่องหลังจากนั้นเราค่อยมาว่ากันอีกที”
เศรษฐีหลี่นิ่งเงียบไปอึดใจ ก่อนว่า “เป็นความคิดที่ดี”
“งั้นเอาตามนี่ล่ะกัน” เศรษฐีเฉินเห็นด้วย
“แล้วจะเอาใครมาเป็นเจ้าสาวล่ะ” หลี่ฮูหยินทักท้วง
“เอาชุ่ยฮัวของข้าก็ได้ นางตัวเท่ากับเยี่ยเหมย”
“เฉินจิงเอ๋อ!” หลี่ฮูยินหันมาว่าเสียงกร้าวใส่ “นี่เจ้ากล้าให้บุตรชายของข้าลดตัวไปเข้าพิธีกับบ่าวไพร่เจ้าได้อย่างไร”
“พะ....พี่จินฮวา ขะ...ข้า”
“หึ่ย....นี่มิใช่เวลาโอ้เอ้นะ อย่าเรื่องมากได้ไหม”
“ท่านพี่ก็....”
“ทุกท่าน......นายท่าน” พ่อบ้านเกาปราบก่อนจะมีวิวาทะไปมากกว่านี้ “อย่าเพิ่งโวยวายกัน เอาเช่นนี้ดีกว่า.....เฉินฮูหยิน ข้าทราบมาว่า ท่านมีบุตรชายอยู่คน เพิ่งอายุ 15 ชื่อหยกน้อยนี่นา”
เฉินจิงเอ๋อ ฮูหยินของเฉินเหวินติง หน้าถอดสีอ้าปากค้างพูดไรมิออก เมื่อบุตรชายของสามีที่เกิดจากสาวใช้ในบ้านถูกเอ่ยถึง นางชิงชังเด็กคนนี้ที่สุดถึงได้ตั้งชื่อให้ว่า หยกน้อย (หยูอี้)เพื่อเย้ยหยันถึงมารดามัน
“พ่อบ้านเกา....ท่านหมายความว่า??”
“ทำไมถึงต้องใช้เด็กคนนั้น” หลี่ต้าโหย่วถาม
“บุรุษต่อบุรุษ เข้าพิธี...นั้นก็ผิดจารีต ผิดประเพณี อยู่แล้ว ต่อให้มีผู้อื่นล่วงรู้ เราก็มิได้กระทำผิดทั้งทางกฎหมาย และจารีตประเพณีเลยนะขอรับ”
“เจ้าพูดมาก็ถูก....งั้นเหวินติง เจ้ารีบให้คนไปพาเขามาเร็ว”
“ข้าจัดการให้เองขอรับ นายท่านทั้งสองรีบออกไปต้อนรับแขกเร็วเข้า ส่วนฮูหยินทั้งสองรีบไปจัดเตรียมชุดเจ้าสาว เรื่องนี้แม้แต่สาวใช้ก็อย่าให้มายุ่งนะขอรับ คนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น”
“ได้ๆ” คนทั้งสี่รับคำอย่างแข็งขัน รีบแยกย้ายกันทำงานให้ไวที่สุด
************
เดี๋ยวมาต่อค่า :laugh:
-
:pig4:รีบมาต่อเร็วๆนะ อยากอ่าน
อยากรู้ว่าพิธีแล้วจะเป็นยังไงต่อ
-
ไม่เอา เด๋ว มาต่อ ตอนนี้เรย ย ยย ย ย ย ย
อยาก อ่าน แล้ว วว ว ว ว ว
:serius2:
-
อยากอ่านต่อเเล้วมาต่อแบบยาวๆด้วย
-
:mc4:กด+ให้จ้า :mc4:
มาต่อด่วนๆเลย อยากรู้เรื่องจะแย่แล้ว
ตอนหน้าขอยาวๆด้วยนะจ๊ะ
-
ลุ้นสุดๆ จ้า เปลี่ยนตัวเจ้าสาวแบบนี้ เจ้าบ่าวจะว่าไงบ้างเนี่ย
มาต่อด่วนเลยน้า พลีส :call:
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกก มาทำให้ค้างแล้วจากไปนี่นาาาาาาาาาาาาาา :serius2:
-
:impress2: มาแล้วคะ ต่อแบบยาวๆเลย
เปรี้ยง!!!!!
ท่อนไม้หนาหนักแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั่วโรงฝึกแสดงถึงพละกำลังและวรยุทธของผู้ฝึกได้ดี บุรุษหนุ่มในห้องต่างบรบมือให้ด้วยความชื่นชมในฝีมือ ร่างสูงยืดตัวยืนหลังตรงคลายลมหายใจออกยาวอย่างผ่อนคลาย เหงื่อกาฬไหลย้อยชุ่มแผ่นหลังแกร่งดั่งศิลา
“พี่ใหญ่ พอได้หรือยังล่ะท่านฝึกมาแต่เช้าแล้วนะ”
“ฝึกฝนให้สม่ำเสมอ เท่ากับฝึกวินัยในตนเองด้วย ข้ามิมีเรื่องใดให้ต้องรีบเร่งนี้นา”
“ฟังพูดเข้า ไม่รู้สมรู้สมเลยนะ งานแต่งของตัวเองแท้ๆ” บุรุษอีกผู้หนึ่งว่ากระเซ้าเย้าแหย่จนได้ศอกของอีกคนข้างๆถึงได้หยุดพูด หลี่เหวินหลงหันมามองน้องๆทั้งสามตาขวาง พวกเขาน่ะโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังมิได้รับภาระอันใด เขาน่ะเพิ่งย่าง 20 ได้ไม่กี่เดือนก็ถูกขอร้องกึ่งบังคับให้แต่งงานแล้ว กับสตรีที่มิเคยเห็นหน้ามาก่อนด้วย
“ พวกเจ้าออกไปช่วยท่านพ่อรับแขกเถอะ”
“ได้อย่างไรล่ะ พวกเราสมควรอยู่เป็นเพื่อนพี่” เหวินจุ้น น้องคนรองกล่าว
“นั้นสิ ข้ารู้นะว่าพี่ใหญ่ไม่พอใจ ดังนั้นจึงเอานี่มาให้” เหวินฉายน้องคนที่สามเอาเหล้าออกมาให้ทั้งไห เหวินสี่น้องคนสุดท้องเห็นเข้าก็ยิ้มกว้าง เขาถูมือด้วยตื่นเต้นดีใจ
“ พี่ขโมยมาได้ยังไง”
“เจ้าบ้าหรือเปล่า ของๆบ้านเราเอง ถือว่าขโมยได้ไง”
“จริงด้วย” สามพี่น้องหัวเราะร่วน
“มาๆๆ พี่ใหญ่ ดื่มให้พี่นะ ยินดีด้วยที่ท่าน....” เหวินฉายนิ่งเพราะนึกคำพูดไม่ออก เรื่องนี้ใครๆก็รู้ว่าพี่คนโตไม่ชอบใจเท่าไร “ได้เป็นที่วางใจของท่านพ่อ และได้เป็นผู้ใหญ่อีกก้าวแล้ว”
“ ดีใจหน่อยก็ได้ เพราะยังไงสักวันพวกเจ้าก็เป็นเหมือนกันข้านั้นแหละ” เหวินหลงว่าประชดประชันนิดๆ เขาหยิบถ้วยเหล้าชนกับน้องๆ เพราะอย่างไรเสียทุกคนก็ต้องแต่งงานตามความประสงค์ของบิดามารดา เพื่อให้ตระกูลมั่นคงยิ่งขึ้น เหล้ารสแรงเผาท้องเขาร้อนวาบ เลือดลมเหมือนจะไหลพล่านไปทั่วทุกอณู บุรุษหนึ่งดื่มที่เหลือให้หมดถ้วยแล้วหันมาเปิดหน้าต่าง ลมเย็นๆปะทะใบหน้า ทำให้เหงื่อชื้นๆแห้งสบายตัวจนเบาตัวเหมือนจะบินได้ก็ไม่ปาน
โครม! เสียงเปิดประตูหลังดังโครมครามผิดปกติ ดึงความสนใจเขาให้มองลงมาเบื้องล่าง บ่าวไพร่ในบ้านรีบร้อนไปไหนนะ?? เขาชะโงกหน้าออกมาดูอีกนิด เห็นทุกคนรีบเร่งจูงเด็กคนหนึ่งจ้ำอ้าวไปบ้านฝั่งตะวันออก ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดีแล้วคงมิใช่ลูกชาวบ้านแน่ เด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง ชั่วขณะนั้นเหวินหลงสบตาคู่นั้นจังๆ ใบหน้าหน้ารูปไข่สดใสอ่อนวัย คิ้วเข้มโค้งดั่งหางหงส์ ดวงตาเป็นประกายใสอย่างนางอาย ริมฝีปากกระจับได้รูปสีระเรื่อ นับว่ามีเค้ารูปงามตั้งแต่เด็ก เขามองจนร่างเล็กลับสายตาไป ใครกันน่ะ??
“มีอะไรหรือพี่ใหญ่” เหวินจุ้นยื่นหน้ามาดูด้วย
“เพิ่งมีคนแปลกๆมา กำลังไปที่ห้องเจ้าสาว อาจุ้น เจ้าไปดูให้ข้าหน่อยสิ”
“แขกเหรอ?”
“แขกเขาไม่มาทางประตูหลังหรอก เจ้าไปดูให้ที”
“ก็ได้ พี่เองก็ต้องรีบแล้วนะ”
“รู้แล้วน่า” เขาไล่ส่งน้องชายออกไป สวนทางกับบ่าวในบ้าน
“คุณชายใหญ่ ฮูหยินให้มาเตือนว่าได้เวลาแล้ว”
“รู้แล้ว อาฉายเจ้าไปช่วยท่านพ่อไป้ ส่วนอาสี่เจ้ามาช่วยข้าแต่งตัวดีกว่า”
“ได้ครับ”
**********
เฉินหยกน้อย ค่อนข้างสับสนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันนี้เป็นวันดี ทว่าเขามิได้รับอนุญาตให้มาร่วมงานด้วย จึงทำได้แค่ช่วยเหลือตกแต่งบ้านเล็กๆน้อยๆ พอส่งขบวนเจ้าสาวออกจากบ้านได้ก็หมดหน้าที่ ขนม ของกินมากมายเต็มบ้านนี่ช่างน่าปลื้มเสียจนไม่รู้จะกล่าวอะไรได้ เขาทานอาหารร่วมกับมารดาไม่ทันไร ก็มีคนของบ้านหลี่มาพาตัวมาโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวอันใดด้วย
“ท่านแม่..” เด็กน้อยดีใจที่เห็นหน้ามารดาบุญธรรม หากนางมิยิ้มแย้มแต่ประการใด มาถึงคว้ามือเขาได้ก็ลากเข้าไปในห้องเลย
“ฮูหยิน??” สาวใช้ที่รออยู่หน้าห้องต่างก็งุนงงไปตามๆกัน
“พวกเจ้าไม่ต้องเข้ามา ข้ากับเฉินฮูหยินจัดการเองได้” พูดเท่านี้ก็ปิดประตูลงกลอนเสีย
“ท่านแม่” หยกน้อยงุนงงหนักขึ้นเมื่อฮูหยินทั้งสองช่วยกันถอดเสื้อเขาออก
“เจ้าไม่ต้องพูด รีบสวมใส่ชุดนี้เร็วเข้า”
ชุดเจ้าสาวสีแดงงามสง่าดั่งนางหงส์วางอยู่บนเตียง สร้างความประหลาดใจแก่เขาเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อมองไปรอบๆก็ไม่เห็นใครในห้องแม้แต่พี่สาวต่างมารดา หรือว่า??
“ท่านแม่ พี่เยี่ยเหมยล่ะขอรับ”
“เจ้าอย่าซักไซ้ได้ไหม”
“จินฮวา” หลี่ฮูหยินเตือน นางกุมไหล่เล็กๆเอาไว้แน่น “หยกน้อยใช่ไหม เจ้าอย่าถาม ฟังอย่างเดียว ตอนนี้พวกเรา.....บ้านเจ้าและบ้านข้ากำลังมีปัญหา....ใหญ่ด้วย พี่สาวเจ้าหนีไปแล้ว”
“หา??” มือบางทว่าแข็งแรงเขย่าไหล่เขาแรงๆทีหนึ่ง
“ข้าไม่ขออะไรจากเจ้าเลยนะ นอกจากขอให้เจ้าร่วมมือทำให้พิธีนี้ผ่านพ้นไปด้วยดีเท่านั้น” นางคลายมือออกแล้วคว้าชุดเจ้าสาวมาสวมทับบนร่าง เท่านี้ก็อธิบายได้กระจ่างแล้ว
“พะ....พี่เขย ท่านรู้เรื่องหรือไม่ขอรับ”
“ไม่...อย่ากังวลเลย เจ้าแค่เข้าพิธีเท่านั้น หลังจากนั้นก็ข้าจะให้คนพาเจ้าไปส่งบ้าน”
ค่อยโล่งอกหน่อย เขาหวังว่าคงไม่ต้องมีส่วนร่วมมากกว่านี้ เพราะเรื่องนี้มันช่างกระอั่กกระอ่วนใจเหลือเกิน เขานิ่งเฉยปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการกันไป เสื้อผ้าและหมวกเจ้าสาวหนักอึ้งยิ่งจนต้องก้มหน้าตลอดเวลา เมื่อผ้าสีแดงผืนใหญ่คลุมศีรษะลงมาก็เหมือนเป็นเกราะที่ปกป้องเขาอีกชั้น มิมีผู้ใดมองเห็นเขา เขาก็มิต้องมองหน้าผู้ใด เช่นนี้ก็ช่วยได้มากแล้ว
“ฮูหยินได้ฤกษ์แล้วเจ้าคะ” ข้างนอกห้องเคาะประตูเบาๆ
“เรียบร้อยแล้ว”
“มาเถอะ” มือแข็งๆประคองเขาทั้งซ้าย ทั้งขวาให้ลุกขึ้น หยกน้อยได้แต่มองพื้นปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในการชักนำ
“ยินดีด้วย...”
“ยินดีด้วย ท่านทั้งสอง”
ออกมาจากห้องไม่เท่าไรบุรุษน้อยก็ต้องพบกับอีกโลกหนึ่งที่อึกทึกยิ่ง เสียงพูดคุยดังระงมไปทั่วสารทิศ ประกอบกับเสียงประทัดชวนให้หวาดเสียวเหลือเกินว่าความจะแตกไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่งข้างหน้า มือที่ช่วยประคองเขาทั้งสองข้างบีบแรงยิ่งขึ้นชักจูงฝ่าผู้คนที่เบียดเสียดเข้ามา
“หลีกทางหน่อย เจ้าสาวมา....”
“ถอยๆๆ...”
“เจ้าสาวมาแล้ว” เสียงหัวเราะร่าดังระงมจนแสบหูไปหมด มือที่ประคองเขาอยู่นั้นต้องละจากไปเพราะมีแขกเรื่อที่ต้อนรับ เป็นสาวใช้ที่เข้ามาจูงเขามาหยุดหน้าคนๆหนึ่ง รองเท้าผ้าสีดำยืนนิ่ง เห็นชายผ้าสีแดงห้อยเหนือเอว เจ้าบ่าวหรือนี่??
“คุณชายใหญ่ ยินดีด้วยเจ้าคะ ท่านได้เจ้าสาวที่งดงามยิ่ง” เสียงของแม่สื่อเยินยอ อีกฝ่ายไม่พูดอะไรนอกจากยื่นผ้าแดงให้ถือ ตอนนั้นเองที่หยกน้อยได้กลิ่นของความอึดอัดจากมือข้างนั้น จากอากาศโดยรอบ พี่เขยไม่พอใจการแต่งงานนี้หรือ? เขาอยากถามเหลือเกิน
พิธีดำเนินไปอย่างเชื่องช้า การยกน้ำชาก็กินเวลา เนื่องจากท่านอ๋องได้ให้โอวาทมากความ ลำดับต่อๆไปก็พูดมากไม่แพ้กัน กว่าจะยกน้ำชาเสร็จก็เย็นย่ำ หยกน้อยนั้นปวดหัวเข่า ปวดต้นคอจนแทบทนไม่ไหวแล้ว กว่าจะถูกพากลับห้องได้เขาเกือบขาดใจ
“พวกเจ้าถอยไป ข้าจะดูแลนางเอง” หลี่ฮูหยินไล่สาวใช้ออกไป ยังไม่ทันจะปิดประตู
“ท่านแม่” ลูกชายทั้งสามปราดมายืนชิดประตู
“พวกเจ้ามีอะไร?”
“พวกเราอยากสวัสดี และยกน้ำชาให้พี่สะใภ้หน่อย” เหวินฉายกล่าว
“ ไม่ต้อง ข้างนอกยังมีแขกเรื่ออยู่ พวกเจ้ารีบไปดูแลแทนท่านพ่อดีกว่า”
“ท่านแม่...นี่เป็นทำเนียมสำคัญนะขอรับ พวกเราไม่ใช้เวลานานหรอก” เหวินจุ้นฉวยโอกาสเข้าไปข้างในไม่สนใจมารดาสักนิด หลี่ฮูหยินจะรีบเร่งไล่อยู่แล้วหากสาวใช้ไม่เข้ามาขัดจังหวะ
“ฮูหยิน....”
“มีอะไร”
“เหล่าฮูหยินสกุล ซือ มาเจ้าคะ”
“หา??” นางตื่นตะลึง เหล่าฮูหยินเป็นบุคคลสำคัญ อายุเกือบร้อยแล้วแทบไม่ออกจากบ้านเลย นี่มาเยือนถึงบ้านไม่ไปต้อนรับไม่ได้แล้ว “เจ้า....พวกเจ้าอย่าอยู่นานนะ รีบๆยกน้ำชาแล้วออกไปซะ ส่วนเจ้า....รีบไปเชิญเฉินฮูหยินมาดูแลลูกสาวนางเร็วเข้า”
หลี่ฮูหยินมือไม้สั่นสั่งงานทั่วสารทิศรอบตัวก่อน คว้าชายกระโปรงกุรีกุจรออกไปต้อนรับ โดยหารู้ไม่ว่า เฉินฮูหยินก็โดนญาติๆต้อนเสียจนกระดิกตัวไม่ได้ ฝ่ายเศรษฐีหลี่และเศรษฐีเฉินก็ปลีกตัวจากท่านอ๋องไม่ได้เสียที
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยขอตัวก่อน” หลี่ต้าโหย่วกำลังจะลุก
“เดี๋ยวสิ ท่านจะรีบไปไหนล่ะ ข้ายังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญเลย”
“เรื่องสำคัญ?”
“ใช่ เรื่องสัมปทานเย็บเสื้อกันหนาวให้ทหารที่ชายแดนไง ข้าอยากให้ท่านได้งานนี้”
เอาล่ะสิ..งานช้างมาแล้ว ครั้นจะลุกก็ลุกไม่ได้แล้ว เศรษฐีหลี่นั่งลงอย่างเดิมเขาหันไปมองอีกคน
“เหวินติง ข้าว่าเจ้าไปดูแขกเรื่อหน่อยดีกว่านะ” เขาปุ้ยใบ้ให้ไปดูเจ้าสาวเสีย
“อ้อ...ได้ขอรับ”
“อะๆๆ ท่านก็อย่าเพิ่งไป ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับท่านเหมือนกัน อยู่ร่วมฟังกันก่อน”
“ท่านอ๋อง...”
“น่า...เรื่องแขกเรื่อปล่อยพวกผู้หญิงไปจัดการเถอะ เรามาคุยเรื่องงานดีกว่า วันนี้วันดีด้วย พวกท่านจะได้งานสำคัญนะ” ท่านอ๋องดึงทั้งมือซ้าย มือขวาไม่ปล่อยใครไปสักคน ทำให้ทั้งคู่ได้แต่อึ้งกิมกี่ ซ้ำร้าย....
“นายท่าน” พ่อบ้านเกาเข้ามาซุบซิบข้างหู
“ว่าไงนะ??”
“คุณชายใหญ่ไม่ยอมดื่มเลย ข้าคะยันคะยอยังไงก็ได้แค่จิบ”
เศรษฐีหลี่เหงื่อตกจนต้องเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับ พวกผู้หญิงนี่ไงนะถึงไม่ช่วยกันเลย เขาไม่อยากมาอธิบายอะไรให้วุ่นวายในวันนี้ เพราะดูท่าจะได้ฉลองกันโต้รุ่งเลย ต้องให้เหวินหลงเมาเป็นการดีที่สุดจะได้ไม่ต้องเข้าหอ แล้วพรุ่งนี้สร่างเมาแล้วค่อยเล่าก็ยังดีกว่า
“ให้เพื่อนๆเขาช่วยหน่อยสิ เร็วๆเข้าด้วยล่ะ”
“ขอรับๆ” พ่อบ้านเการีบถอยออกไป
“มีอะไรหรือท่านหลี่”
“เปล่าขอรับท่านอ๋อง” เขาได้แต่หัวเราะแฮะๆไปตามเรื่อง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว งานเลี้ยงฉลองวันมงคลยังดำเนินต่อไปไม่มีหยุด อาหารเหล้ายายังเต็มโต๊ะ แต่มีขี้เมามากขึ้นเรื่อยๆ ในห้องเจ้าสาวก็เช่นกัน หยกน้อยบิดชายแขนเสื้อไปมาอย่างหงุดหงิดใจ อยากจะลุกแทบแย่แล้ว แต่น้องชายของพี่เขยก็ยังไม่ยอมลุกเสียที แต่ล่ะคนจิบเหล้าไปพลางคุยฟุ้ง ไปๆมาๆกลายเป็นการเผาพี่ชายไปเมื่อไรไม่รู้ แต่ล่ะคนเอาเรื่องสมัยเด็กๆมาเล่าเป็นคุ้งเป็นแคว ชักรำคาญแล้วนะ....
“อะไรกัน?? พวกเจ้ามาอยู่นี่กันหมดเลยหรือ” เสียงใครน่ะ??
“พี่หย่าย..พวกราว อึก....มาคุยเป็นเพื่อน....พี่สาใภ้”
“นี่ยางม่ายมืดเลย พี่หย่าย”
“นี่หัวค่ำแล้ว....เหลวไหลกันจริงๆ ออกไปเร็วเข้า มีแขกเรื่ออยู่ข้างนอกอีกมากนะ ออกไปสิ” เขาไล่น้องๆออกไป หยกน้อยใจเต้นตึกๆ ทุกคนไปไหนกันหมดล่ะ จะให้เขาทำอย่างไรดี แก้ตัวอย่างไรดี
ปัง.....เสียงปิดประตูดัง ทำเอาร่างเล็กสะดุ้งเฮือก แย่แล้ว.....
(เย็นๆมาต่ออีกทีคะ)
-
+1 กับความขยัน แล้วทีนี้หยกน้อยจะทำยังไงล่ะเนี่ย
ว่าแต่ว่าตอนหน้ามี NCรึเปล่าหว่า
-
น่ารักอ่ะ...งานนี้จะโกรธหรือหลงน้อ~ :z1:
-
ตอนเย็นเลยหรอ ค้าง จะเข้าหอแล้ว :laugh:
-
น่ารักขนาดนี้ ต้องรับเป็นเจ้าสาวตัวจริงนะ :oo1:
-
ท่านกวี ข้าน้อยขอคารวะด้วยชาดอกเหมย 1 จอก
ดื่มเสร็จแล้วกรุณารีบมาต่อโดยด่วย
ฮ่าไฮ้ เจี้ยบๆ
-
น่ากลัวว่า ต่อไป
เจ้าบ่าวจะหลงเจ้าสาว
รอต่อไปยาวๆๆนะคะ
-
o18ตอนเย็นต้องมาต่อจริงๆนะ
มันช่างค้างคาอะไรเช่นนี้
รอตอนต่อไป
-
:mc4:รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ง่ะ
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
รีบๆๆมาต่อนะค่ะ
:monkeysad:
-
มารอ ส่ง บ่าวสาว เข้าหอออออออออออ :mc4: :mc4: :mc4:
-
ค้างงงงงงงง :a5:
มาต่อเร็วๆ นะ o13
-
บ่าวสาว เจอกันรึยังเนี่ย มารอ มารอ :oo1:
-
:L2:
-
น่าสนุกจัง มาจองที่รออ่านด้วยคน
-
มารอลุ้นบ่าว สาว คู่นี้ อยากอ่านต่ออีกเร็วๆจัง
-
เย็นแล้วๆ
อิอิ
:z2:
-
เข้ามารอ
ตอนเย็นๆ
ตอนนี้จะค่ำแล้วนะว่ามั้ย
จะรอเหมือนเดิม
รอตอนจบ :L1: :L1:
-
ขณะนี้เวลา 18. 03 น. นานพอที่จะมาลงต่อได้ยังอะ
อยากรู้ ๆ ๆ ๆ ๆ
-
โทษทีจ้า พอดีสะสางงานบ้านช้าไปหน่อย มาต่อให้จนจบตอนเลย :impress2:
เสียงฝีเท้าเดินอยู่ไม่ไกลนัก ทำให้รู้ได้เลยว่าพี่เขยหยุดที่โต๊ะกลางห้อง รินเหล้าดื่ม จอกหนึ่ง.....จอกที่สอง.....จอกที่สาม นี่ไม่คิดจะสนใจเจ้าสาวเลยหรือไรหนอ?? เขาคงไม่อยากมีงานมงคลนี้เท่าไร หยกน้อยรู้ได้จากเสียงถอนหายใจยาวๆอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้คงมองเขาอย่างครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับเจ้าสาวแน่ เขาควรรีบบอกเสีย
“เอ่อ...” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นไม้เกี่ยวผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้น เขาตกใจรีบคว้าหมับ!!
“อ๋อ...เป็นวรยุทธด้วยหรือนี่” การกระทำนี้สร้างความประหลาดใจแก่บุรุษหนุ่มไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าธิดาเศรษฐีจะริอ่านฝึกมวยกับเขาด้วย ช่างน่าสนใจ....
“เอ่อ.....เราควร.....พูดคุยกันก่อน” หยกน้อยปล่อยมือจากไม้ว่าเสียงอ่อน
“จริงด้วยสินะ....งั้นก็มาดื่มเหล้ามงคลก่อนดีกว่า”
เฮือก!!! ไม่น่าพูดเลย คำๆนี้ฟังแล้วแสลงใจยังไงไม่รู้ แต่ไม่ดื่มก็ไม่ได้ จอกเหล้าใบเล็กๆยื่นมาถึงมือ หยกน้อยใจเต้นตุ๊บๆเขาถ่วงเวลาไม่ได้แล้ว จึงยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดจอก เหล้ารสร้อนๆไหลลงคอไปทำให้ร้อนวูบวาบในท้อง
“เอาล่ะ....” จอกเหล้าในมือถูกหยิบออกไป ก่อนจะทันรู้ตัวผ้าคลุมหน้าก็ปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว เหวินหลงกระชากมันออกไปแต่ก่อนจะทันเห็นหน้าเจ้าสาวของเขา นางก็พุ่งปราดไปที่โต๊ะกลางห้อง เป่าเทียนดับลง ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงจันทร์สาดแสงลอดช่องระบายลง เห็นร่างนางเลือนรางในความมืด
“อืม....ไม่คิดว่าเจ้าสาวของข้าจะใจร้อนอย่างนี้” คำกระเซ้าเล่นๆทำให้หยกน้อยร้อนไปทั้งใบหน้า นี่กล่าวหาว่าเขาใจร้อนหรือนี่ เด็กน้อยถอดหมวกเจ้าสาวออก เขาหันไปมองเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ริมเตียง
“ข้ามีเรื่องที่ต้องบอกท่าน”
“ยังไม่ต้อง....รีบร้อน” เหวินหลงมองใบหน้าข้างที่ต้องแสงจันทร์จางๆแล้วอดยิ้มมิได้ ดวงตากลมโตเป็นประกายใส ผิวแก้มเนียนเหมือนหยก ริมฝีปากเป็นกระจับสีชาดยามต้องแสงจันทร์ดูกลายเป็นสีเทาไป ช่างงดงามแกมชั่วร้ายเหมือนหญิงคณิกาที่ทั้งร้าย ทั้งร้อนแรง ความตื่นเต้นในร่างกายเริ่มเดือดขึ้นมาแล้วสิ เขาไม่ชมชอบหญิงงามอย่างภาพวาด เขาต้องการหญิงที่มีเนื้อหนังและชีวิตชีวา มาดูสิว่า เจ้าสาวของเขาจะมีฤทธิ์เยอะสักเท่าไร
“เดี๋ยว....” หยกน้อยยกมือห้ามด้วยความตกใจ ที่ร่างสูงก้าวเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เมื่อจวนตัวแล้วเขาจึงต้องปกป้องตัวเอง ปลายเท้าตวัดเตะสูงผ่านใบหน้าคมสันไปอย่างฉิวเฉียด เหวินหลงสืบเท้าหมายประชิดตัว แต่ก็ถูกสกัดไว้ด้วยเพลงเตะที่รวดเร็วทำให้ต้องหลบเป็นคำรบสอง นั้นทำให้รู้ได้ว่าร่างเล็กชำนาญเพลงเตะมากกว่าเพลงหมัด เขาคว้าข้อเท้าเล็กเอาไว้ได้ ทำให้หยกน้อยจำต้องถีบตัวขึ้น ใช้เท้าอีกข้างหมุนตัวเตะ มือแข็งๆปล่อยกะทันหัน
ร่างเล็กเสียหลักและเตะหวืด ร่างลอยคว่ำหน้าลงพื้นพรมกลางห้อง ดีที่ว่าเอามือยันพื้นไว้ได้ทันก่อนกระแทกจริงๆ หยกน้อยรีบดีดตัวม้วนไปข้างหน้าถอยห่างให้ได้ระยะที่ปลอดภัย ที่ไหนได้.... อุ้งมือใหญ่ตะครุบได้สายรัดเอว เขากระชากแรงให้ถอยมาใกล้เตียง จึงจำต้องปลดมันออกเพื่อมิให้ถูกเหวี่ยง ร่างเล็กเซถลาหนีอ้อมมาอยู่อีกฟากของโต๊ะ แย่จริงเชียว...เขาเสียสายรัดเอวไปทำให้เสื้อผ้ารุ่มร่ามน่ารำคาญ เคลื่อนไหวไม่สะดวก เขาตัดสินใจถอดมันทิ้งไปเสีย
“ดี....ข้าชอบเจ้าในชุดนี้”
“ท่าน...”
“แต่จะให้ดี ถอดอีกสักชิ้นถึงจะดี”
หยกน้อยไม่เคยโกรธใครมากเท่านี้มาก่อน คนๆนี้ไม่คิดจะพูดจาปราศรัย กลับแสดงความมักมากอย่างโจ่งแจ้ง ช่างไม่รู้จักอาย ร่างสูงก้าวเข้ามา เขาก็ปราดเข้าประชิด ในเมื่อเพลงเตะสู้มิได้ จึงต้องหันมาเพลงหมัดเข้าสู้ แต่ไม่ว่าเขาจะจู่โจมทางไหนก็ถูกสกัดไว้ได้ แถมยังโดนพลั่กจนเซถลาไม่เป็นท่า เวลานี้เด็กน้อยลืมเลือนไปว่าเขาควรอธิบายหรือควรออกไปจากสถานการณ์ในตอนนี้มากกว่าจะต่อสู้ แต่ความได้เปรียบของอีกฝ่ายทำให้เขาโกรธจนเดือดดาล ถลาเข้าไปหาอย่างลืมตัว
“เหวอ...” ปลายเท้าเตะสกัดเข้าที่ปลายเท้าส่งผลให้เสียหลัก ตัวลอยคว้างกลางอากาศ เขารีบพลิกตัวแต่กลับถูกจับข้อศอกตวัดร่างขึ้น หมุนคว้างอีกรอบกว่าจะตกกระทบพื้นพรมนิ่มๆ ในหัวนั้นหมุดติ๊ว พื้นโคลงเคลงไปหมด แต่กว่าจะตั้งสติได้ ก็รู้สึกได้ว่ามีน้ำหนักมหาศาลโถมทับลงมาทั้งตัว
“โอ้ย....” เขาดิ้นรนตะเกียกตะกายหนี อีกฝ่ายสอดมือมาด้านหน้ากระชากสาบเสื้อแยกออกจากกัน “ไม่!!! อย่านะ....”
ร่างเล็กขดตัวสองมือรวบสาบเสื้อด้านหน้าเข้าหากัน ฝ่ามือใหญ่ปล่อยให้ปกป้องตัวเองไป แต่หันไปเบื้องล่างที่ไม่ทันระวังตัวกระตุกกางเกงบางเบาลงแทน แสงจันทร์ส่องแสงรำไรให้เห็นเนินเนื้อโค้งมนที่ใส นุ่มนวลเหมือนผิวท้อปรากฏต่อสายตา
“อย่า...” หยกน้อยลนลานด้วยความตกใจ เขาตะเกียกตะกายคลานหนีแต่การคลานเข่านั้นทำให้ต้องยันตัวขึ้น ความละลานตาเบื้องหน้ายิ่งใกล้ความอันตรายยิ่งขึ้น ปลายนิ้วและฝ่ามือตะปบบนเนื้อนิ่มพลางเค้นคลึงอย่างย่ามใจ
“ฮะฮะฮะ...”
“อย่า...อย่ามาแตะนะ”
ร่างอันหนักอึ้งคล่อมลงมาทับบนแผ่นหลังเล็กทั้งตัว แค่นี้ก็ตรึงเอาไว้ได้แล้ว เหวินหลงไม่เคยเหี้ยนกระหือรือเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกเขาพุ่งพล่านเกินห้ามไหวแล้ว เขากอดร่างเล็กกว่าแน่น จมูกซุกไซ้สูดกลิ่นไอหอมกรุ่นที่ซอกคอนุ่มๆเต็มปอด ปากเขาขบกัดติ่งหูนุ่มดูดดุนเบาๆเพียงเท่านี้ ร่างที่แข็งขืนก็สั่นเทา หายใจหอบกระเส่าเรี่ยวแรงต่อต้านตกลงจนรู้สึกได้
บุรุษหนุ่มที่เต็มไปด้วยความย่ามใจช้อนใบหน้ามนให้หันมา เขาประทับเรียวปากลงอย่างหนักหน่วง บดเคล้ารุนแรง สอนนางให้รู้จักความกระหาย ความปรารถนาอย่างไม่สิ้นสุด นาทีแรกนึกว่าจะอ่อนปวกเปียกเสียแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้รับปลายลิ้นอุ่นซ่านตอบโต้อย่างเงอะงะไร้เดียงสา ทว่ากล้าสู้กลับมา เหวินหลงยิ้มร่าในใจ นางช่างน่ารักเสียนี่กระไร เขาอยากขย้ำขยี้ให้หนำใจ ทว่ารีบร้อนไปก็เท่านั้น ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน ....สองมือโอบรัดร่างเล็กน่ามันเขี้ยวนี้แน่น พลางลูบไล้เคล้นคลึงผ่านเสื้อนอนเบาๆ
หื้อ??....อกเล็กจัง
“ฮ่า....” ร่างเล็กหอบฮักเมื่อปากเป็นอิสระ มือน้อยๆพยายามแกะมือที่พยายามสอดเข้าไปสัมผัสใต้ร่มผ้าออก “อย่า...อย่าแตะต้องข้า”
ทำไมถึงดื้อดึงขนาดนี้นะ ร่างเล็กดิ้นรนหนีเนื้อตัวเสียดสีร่างกายเขาจังๆโดยเฉพาะมังกรที่เริ่มผงาดด้วยความต้องการ เขาไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจจัดการนางก่อน แล้วค่อยสอนอีกทีล่ะกัน เหวินหลงกดร่างเล็กคว่ำหน้ากับพื้นพรม ยกสะโพกสูงทั้งที่กางเกงนอนร่นคาแค่ต้นขา ร่างสูงกดทับร่างข้างใต้ไว้ทั้งตัว สองมือจับข้อมือเล็กตรึงเอาไว้ไม่ให้หนี อีกมือนำมังกรที่ตื่นตัวออกมา มันมุ่งหน้าไปยังที่ๆควรไปตามสัญชาติญาณ เมื่อพบจุดที่เหมาะที่ควร เขาขยับทีเดียวทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุด
“โอ้ยยยยยยย...” ใต้ร่างร้องลั่นอย่างที่คิด ร่างกายเกร็งเครียดไปทั้งตัว “อย่า...เอาออกไป ข้าเจ็บนะ”
“ชูว์.....เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว หายใจลึกๆไว้”
“ไม่...ท่านทำข้าเจ็บ” ใต้ร่างเขาสะอื้นไห้ เหวินหลงใจอ่อนลงฮวบฮาบเขามิควรเร่งรีบเลย แต่มานึกตอนนี้ก็สายไปแล้ว สองมือโอบกอดร่างเล็กอีกครั้ง มือช้อนใบหน้ามาแล้วจูบนางอีกครั้งอย่างนุ่มนวล ลิ้นอุ่นๆสัมผัสปลายลิ้นนุ่มอีกครั้ง กระตุ้นเตือนให้รู้สึกถึงความหอมหวานของรสสัมผัสช้าๆ มันหวานยิ่งกว่าน้ำอ้อย ดื่มด่ำกว่ารสสัมผัสไหนเท่าที่เคยรู้จักมา
หยกน้อยสั่นไปทั้งตัว ในหัวคิดอะไรไม่ออกแล้วนอกจากรสชาติที่ปลายลิ้น ยิ่งเขาสัมผัสตอบโต้มากเท่าใด มันก็ยิ่งหวานซ่านไปถึงขั้วหัวใจ รสชาตินี้ทำให้เขาหยุดยั้งตัวเองไม่ได้ วินาทีต่อมาเด็กน้อยส่งเสียงกระเส่าออกจากปากเมื่อภายในร่างกายรู้สึกบางสิ่งที่ใหญ่โตกำลังขยับเขยื้อนแผ่วเบา
“ อ้า......” มันกำลังเคลื่อน..... โอ้ย ทำไม...ถึงปั่นป่วนอย่างนี้นะ “อ๊า!!!!”
“ร้องออกมาเลย...ร้องดังๆ...แล้วเจ้าจะไม่เจ็บ” เหวินหลงจับเอวเล็กไว้มั่น เขาขยับเคลื่อนไหวเนิบๆให้ทุกอย่างไหลลื่นเป็นจังหวะ ทุกการเคลื่อนไหวมันเต็มไปความรัญจวนใจจนแทบลำลัก หยกน้อยจิกนิ้วบนพรมแน่น ปากน้อยๆส่งเสียงน่ารักอย่างควบคุมไม่อยู่ มันยิ่งทำให้ร่างสูงตะเกียกตะกายบนแผ่นหลังเล็กเร็วขึ้น แรงขึ้น
มันช่างสุขสม เขาเร่งเร้าด้วยการสอดใส่อย่างต่อเนื่องด้วยจังหวะร้อนแรง ขณะที่ใต้ร่างก็ตอบรับท่วงทำนองของเขาเป็นอย่างดีด้วยความเร่าร้อนที่เท่าเทียมกัน พวกเขาต่างเปียกโชกด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลย้อยด้วยอารมณ์ และความต้องการที่ไม่มีวันหมดสิ้น ภายในที่ไวต่อสัมผัสนำมาซึ่งความหฤหรรษ์ ยิ่งรุนแรงมาก็ยิ่งทำให้มึนเมาในรสชาติ ยิ่งเสียดสี ก็ยิ่งสัมผัสถึงจุดสุดยอด จังหวะของพวกเขาเรียกได้ว่าบ้าคลั่งไปแล้ว และเสียงสุขสมราวกับหญิงร่านนั้นดึงให้เขาถึงจุดสูงสุด
“น้องหญิง....”
“ท่านพี่....อ๊า....ท่านพี่ ข้าจะ.....ข้า....อ๊า!!!!!” ร่างเล็กหวีดร้องสุดเสียง ทำให้เหวินหลงระเบิดความสุขออกมาในวินาทีนั้น สองมือรั้งเอวเล็กเข้ามาจนสุด มังกรหลั่งน้ำเชื้อเข้าไปจนหยาดสุดท้าย
ร่างสูงผละออกมานั่งพิงเสาห้องอย่างเหนื่อยอ่อน มิมีครั้งไหนที่เขาสนุกถึงขั้นนี้เลย มันช่างวิเศษเหลือจะกล่าวได้ บุรุษหนุ่มกลืนน้ำลายเฮือกด้วยความกระหาย ลมหายใจผ่อนลงแล้ว เขาลืมตามองร่างเล็กกว่าหนีไปอยู่อีกฟากของโต๊ะ ร่างนั้นสั่นเทา สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในลมหายใจนั้นก็เจือความพึงใจอยู่ไม่น้อย นั้นทำให้เขาลุกโชนด้วยไฟอีกครั้ง นางต้องลิ้มรสนี้อีก
หยกน้อยใจเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อเห็นร่างสูงลุกขึ้นยืน เขาสูงใหญ่ อาภรณ์ที่ติดตัวถูกปลดออกทีละชิ้น เปิดเผยเรือนร่างแข็งแกร่งต่อแสงจันทร์ที่บริสุทธิ์ใสอย่างไม่สะทกสะท้าน หัวใจน้อยๆของเด็กหนุ่มเต้นแรงราวกับกลองรัวลั่นออกศึก เขาช่างงดงามสมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้า แผงอกกว้างกำยำ หน้าท้องเป็นลอนสวย อวัยวะนั้น....ผู้ที่มองรู้สึกคอแห้งอย่างบอกไม่ถูก มังกรเขาแข็งแกร่งสีแดงก่ำท้าแสงจันทร์ ผิวมันเยิ้มด้วยเมือกสัมผัส แค่มองก็รู้แล้วว่ามันร้อนผ่าว เหวินหลงยื่นมือมาหา
“มาสิ....เจ้าต้องการอีกใช่ไหม”
คำว่า ไร้ยางอาย ละอายแก่ใจ หรือจริยาธรรม มันช่างไร้ความหมาย หยกน้อยมองตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาสบสายตาที่เต็มไปด้วยตัณหา มันเชื้อเชิญอย่างนุ่มนวลทำให้จดจำได้ว่ารสสัมผัสมันซาบซ่านขนาดไหน ยิ่งลิ้นเลียไล้ริมฝีปากตนเองก็ยิ่งโหยหา ร่างเล็กคลานเข่าออกมาช้าๆ
“ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีลืมวันค่ำคืนวันนี้เลย ที่รักของข้า”
คำพูดสุดท้ายนั้นเติมไฟแห่งความปรารถนาได้รุนแรงกว่าที่คาดคิด หยกน้อยมิได้วางมือบนฝ่ามือใหญ่นั้น แต่เขาเงยหน้าสบตาดุดันตรงๆ พลางกล่าวว่า
“ของๆท่าน.....ขอให้ข้าเถอะ.....ขอให้ข้า” ใบหน้าอ่อนหวานในความเลือนรางนั้นช่างยั่วยวน ชวนให้สยิวไปทั้งตัว ปลายนิ้วเย็นๆสัมผัสที่หัวมังกรเบาๆ เหวินหลงถึงกับนิ่วหน้าราวกับเจ็บปวดแสนสาหัส อา......ช่างหวานซาบซ่าน แต่ก็อ่อนเบาใสดุจน้ำตาลปั้นยามที่ดื่มด่ำถึงในสุด บุรุษหนุ่มมังกรของตนผ่านปากน้อยๆเข้าถึงโคน มันช่างวิเศษอะไรเช่นนี้ ลิ้นเปียกชื้นที่ไร้เดียงสาเมื่อครู่กลายเป็นงูพิษที่ตวัดไปรอบๆเขาอย่างหิวกระหาย
ฝ่ามือใหญ่รั้งศีรษะเล็กให้เข้ามาสวนทางกับสะโพกแกร่งที่ดันขึ้นไป มีเสียงท้วงเบาๆอู้อี้ในลำคอแต่พักเดียวก็หายเมื่อจับจังหวะของกันและกันได้ และมันทำให้พวกเขาเพริดเพลินไปกับความสุขที่แทบจะทำให้สติหลุดลอย เหวินหลงสอดนิ้วเข้าในเรือนผมดำยาวสลวยขยุ้มกำแน่นสลับกับคลายออกตามจังหวะจนกระทั่งรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว
“ถอยไป...ข้าจะ....อ้า!!”
หยกน้อยผละออกอย่างเสียดายได้เพียงเสี้ยววินาที น้ำอุ่นๆพุ่งกระจายพร่างพรมไปทั่ว มันอาบใบหน้าอ่อนวัยเต็มที่ บุรุษหนุ่มมองเห็นดวงตาฉ่ำเยิ้ม สีหน้าพึงใจอย่างที่สุด ฝ่ามือลูบไล้หยาดน้ำมาเล็มเลียด้วยความรู้สึกที่ถูกเต็มตื้น ของๆเขา....เป็นของเขาแล้ว มิใช่ของผู้ใดแต่เป็นของเขา ใบหน้าที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและยังไม่เต็มอิ่มทำให้ร่างสูงกระสันขึ้นมาอีกครั้ง เขารวบเอวเล็กขึ้นมา
“มานี่...” ทั้งคู่ตรงมาที่เตียง ก่อนพากันล้มกลิ้งบนนั้น โดยที่ไม่ทันระวังตัว ร่างเล็กพลิกตัวขึ้นมานั่งคล่อม ในมือมีสายคาดเอวของตัวเอง เขาใช้มันมัดข้อมือทั้งสองของเหวินหลงติดกับลูกกรงหัวเตียง
“นี่เจ้า...”
“ข้าทำเอง.....ให้ข้าทำ” หยกน้อยที่ยังสวมใส่อาภรณ์ชั้นในอยู่ครบ ขณะที่เขาไม่มีสิ่งใดปกปิดสักนิด ร่างเล็กพรมจูบไปทั่วตัวด้วยท่าทีเงอะงะสะเปะสะปะแต่พอถึงมังกรที่ยังผงาดอยู่กลับมีลูกเล่นแพรวพราว ดื่มด่ำเขาซะถึงอกถึงใจ
“เจ้า....เจ้าช่างยอดเยี่ยม”
“ท่านพี่.....อา......” หยกน้อยทำให้มันผงาดล้ำชูชันตรง เขาถลกกางเกงลงแค่ต้นขาแล้วขึ้นคล่อม กดตัวแรงๆครั้งเดียว ความสุขสมก็ตอบสนองจนต้องซี้ดปากราวกับได้ลิ้มรสชาติที่ถูกปาก เหวินหลงเสียวจนต้องเกร็งร่างขึ้นสูงดันร่างเล็กลอยขึ้นจากเตียง ท่านี้ทำให้ต้องถ่างขากว้าง แต่ก็ให้ความอภิรมย์ไม่น้อย
“อะ..อ๊าวว.....ท่านพี่....ดีจัง...”
“ขยับสิ...เจ้าขยับแรงๆ”
“ท่านนอนลงดีๆสิ”
“ไม่ อย่างนี้ดีแล้ว ข้าจะได้เข้าไปลึกๆไง เร็วเข้า”
หยกน้อยเชื่อฟังเขาเหยียบบนฟูกนิ่มๆหยันตัวขึ้นสูงจนสุดปลายมังกร แล้วทิ้งตัวลงมาพบกับการสวนปะทะอย่างจัง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดัง พั่บ!!! แรงสะเทือนนั้นทำเอาหัวใจจะขาดรอนๆ ทำไมมันถึงหวานไหวขนาดนี้นะ ทั้งที่รู้สึกใจจะขาดแต่ร่างกายเหมือนควบคุมไม่อยู่แล้ว เด็กน้อยได้พบกับโลกที่เคลื่อนไหวสะท้านสะเทือนจี้ดไปถึงข้างใน พวกเขาถาโถมความต้องการเข้าใส่กันอย่างรุนแรง มังกรร้อนผ่าวเสือกตัวเข้าลึกอย่างหนักหน่วงต่อเนื่องแบบไม่ทิ้งช่วงให้ได้หายใจ
“ท่านพี่....ท่านพี่” หยกน้อยครางกระเส่าจนเสียงหลง
“แรงๆอีก อย่างนั้น.....วิเศษ” เหวินหลงยันเอวขึ้นจนร่างเล็กลอยคว้างแล้วตกกระทบร่างเขาแรง อารมณ์ในช่วงนี้มันช่างบ้าคลั่งและป่าเถื่อนจนสตินั้นกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว เตียงวิวาห์ลั่นเอี้ยดสนั่นห้อง สาวใช้ที่นั่งสับหงกอยู่นอกห้องถึงกับสะดุ้งเฮือก ขณะที่ภายนอกแขกเรื่อยังสนุกไปกับความเฮฮากับของมึนเมา
ในห้องแรงปะทะยังรุนแรงไม่จบสิ้น เหวินหลงขยับเอวใส่ไม่ยั้ง หยกน้อยที่อยู่บนตักได้แต่ร้องโอดโอยไม่หยุดปาก ประตูหยกเขาถูกทะลวงจนชุ่มฉ่ำไปหมด เด็กน้อยกระชากผ้าม่านขาดเป็นริ้วๆก็ยังสยบอารมณ์พุ่งพล่านมิได้ เขากรีดร้องเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนทรุดฮวบล้มพังพาบบนร่างแกร่ง ไอรักกระจายเปรอะเปื้อนร่างกายกันและกัน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลายที่อยากจะอธิบาย ทั้งคู่หายใจหอบฮักเคียงคู่กัน ร่างเล็กกกกอดซุกหน้ากับแผงอกกว้าง ริมฝีปากคลี่ยิ้มสมใจก่อนจะเจือด้วยความเศร้า
“ท่านพี่.....พี่...”
คำพูดเบาๆแทบไม่ได้ยินไม่ได้อยู่ในความสนใจของเหวินหลงเลย เขาหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่เต็มไปด้วยความสุขอันอิ่มเอม ภรรยาของเขานี้ช่างยอดเยี่ยม พรุ่งนี้ก่อน พรุ่งนี้....เขาจะเอ็นดูนางให้มากที่สุดเลย บุรุษหนุ่มคลี่ยิ้มในความมืด
*****************
“ว่าไงนะขอรับ” เหวินหลงรู้สึกงุนงงกับคำตอบที่ได้รับ รุ่งอรุณของวันใหม่ เขาตื่นขึ้นมาด้วยความสุขสดชื่น ทว่า...ข้างๆที่นอนกลับว่างเปล่า ไร้วี่แววของภรรยาที่ยังไม่เห็นหน้าชัดๆ เขาแต่งตัวออกมองหาที่ใดก็ไม่พบ เมื่อมาหาบิดามารดาก็ได้คำตอบที่ไม่คาดคิด
“นางหนีไปแล้ว”
“เมื่อไร...ทำไม??”
สองสามีภรรยาได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะอธิบายเช่นไรดี
“นาง.....หนีไปเมื่อไรไม่มีผู้ใดรู้ และเป็นเพราะ....นางไม่เต็มใจแต่งกับเจ้า”
“เป็นไปไม่ได้” หากไม่เต็มใจ ไฉนเลยจะ.... เหวินหลงได้แต่เก็บงำความไม่เชื่อไว้ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
“เหวินหลง...พ่อรู้ว่าเจ้าคงทำใจเชื่อไม่ได้ แต่พ่ออยากจะให้เจ้าเงียบๆไว้ เรื่องอย่างนี้มิควรแพ่งพรายให้คนนอกรู้เด็ดขาด”
“แล้วทางบ้านเฉินล่ะขอรับ”
“ทางบ้านนั้นรับรู้แล้ว”
“เขาไม่ออกตามหาลูกสาวหรือไรกัน”
“เรื่องอันใดเราต้องไปข้องแวะให้เสื่อมเสียชื่อด้วยเล่า เหวินหลง เจ้าอยู่เฉยๆเถอะ เรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่เขาจัดการกันเอง รั้งรออีกสักปีหนึ่ง แม่จะตกแต่งภรรยาให้เจ้าใหม่นะ”
“ท่านแม่” บุรุษหนุ่มขึ้นเสียงจนมารดาตกใจ “อย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ วันนี้พูด พรุ่งนี้ลืมได้อย่างไร อย่างไรเสียนางก็ตกแต่งเข้ามาแล้ว เป็นภรรยาข้าแล้ว”
“เหวินหลง” บิดาดุเขากลับ “อย่าพูดกับแม่เจ้าเช่นนี้อีกนะ กลับไปที่ห้องได้แล้ว และอย่าเอ่ยถึงนางอีกนะ”
“ท่านพ่อ”
“ไปซะ”
เมื่อโดนไล่อย่างไม่แยแส เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกลับมาที่ห้องตามที่สั่ง ภายในตกแต่งทำความสะอาดเหมือนเดิมราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย เมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน นางไม่ได้สมัครใจตกแต่งเข้ามา ร่างสูงนั่งลงรินน้ำชามาดู ดวงตามองไปทั่วทุกสถานที่ที่พวกเขาสัมผัสกัน เพียงหลับตาเขาก็เห็นภาพวันวาน ร่างเล็กพอดีกอด กลิ่นที่ซอกคอหอมกรุ่น เนื้อหนัง....
เอ๊ะ....จะว่าไปเขาก็ได้สัมผัสถึงเนื้อหนังนาง แค่สัมผัสผ่านเสื้อชั้นในบาง รู้สึกได้ว่านุ่มก็จริงแต่ไม่นิ่มเกิน กล้ามเนื้อนางแข็งแรงได้สัดส่วน หน้าอกก็.....หน้าอกเล็กมาก และ....สะโพกมนเต็มไม้เต็มมือ แต่.....
มีบางอย่างผิดปกติ ....เขาไม่เห็นหน้านางชัดๆ ไม่ได้สัมผัสตรงๆ แต่ก็รับรู้ได้ว่านางแข็งแรง ออกจะแข็งแรงและใจกล้าเกินสตรีไปหน่อย นางเร่าร้อนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่มาถึงจุดหนึ่งก็แทบเรียกได้ว่าร่าน นั้นผิดวิสัยสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นธิดาเศรษฐี ร่างสูงลุกขึ้นดินไปมาอย่างเสือติดจั่น รู้สึกครั่นเนื้อครั้นตัวอีกแล้วสิ คิดถึงเมื่อคืนทีไรก็เป็นอันอยู่ไม่สุขเลย เขาชมชอบที่นางใจกล้าเกินหญิง ยิ่งเวลาร้องเรียกเขาเสียงนั้นหวานบาดใจ
ท่านพี่...ท่านพี่....พี่....
เหวินหลงนิ่งอึ้งไปครู่ เมื่อบางสิ่งผุดขึ้นในหัว จู่ๆก็นึกออกเหมือนมีเสียงนั้นกระซิบข้างหู เขาหัวใจเต้นแรงทันทีทันใด เมื่อจดจำได้เสียงนั้นกระซิบแผ่วเบาว่า
“พี่เขย...”
THE END
(รอพบตอนตอนไป)
-
น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนมีอะโบ๊ะจามะกันแล้ว มานึกออกตอนนี้ช้าไปไหมเนี่ย
รีบไปตามกลับมาเลย
-
ยังไม่จบค้างๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
:L2:
-
นอนด้วยกันแต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายดูแล้วเหวินหลงน่าจะมีปัญหานะ :m20:
ตื่นมาเมียหายอีก :laugh:
เมื่อไหร่ท่านพี่จะหาเมียเจอละนั้น
+1จ้าสนุกดี
-
มาต่อไวๆนะครับ สนุกดี
-
หุ หุ หุ หยกน้อยผู้น่ารักและเร่าร้อน ทำเอาพี่เหวินหลง หลงใหลจริงๆแล้ว
เฮียเหวินต้องตามหาจนเจอแหละ ก็สายสวาทยังไม่วายนี่เนอะ(พึ่งเริ่มต้นเอง)
ป.ล. เจอคำผิด ขออนุญาตแก้นะคะ
แขกเรื่อ ที่ถูกคือ แขกเหรื่อ
กุรีกุจร " กุลีกุจอ
คล่อม " คร่อม
สัญชาติญาณ " สัญชาตญาณ
-
:serius2:
-
คนอ่านสลบเหมือดคาที่ :jul1:
-
ซีรี่นี้เอง ฮุฮุ อ่านอีกทีก็สนุก ชอบ หยกน้อย
-
อาเหวินต้องออกตามหาหยกน้อยมาเชยชมให้ได้
-
หยกน้อย หยกน้อยผู้เร่าร้อน
รีบไปตามหยกน้อยกลับมาเลยเหอะ
-
เหมือนอ่านเรื่องซินเดอเรล่าเลยยย
ค่ำคืนที่มีความสุขสุดก็หายไป
รอเจ้าชายไปตามหา
หาเจอไวๆน้ะ คุณพี่เขย
-
:serius2: จบแล้วจริงเหรอคะ ให้คุณชายไปตามหาหยกน้อยก่อนนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
4 ทุ่มแล้วก็ยังไม่มา
จะเก้อหรือเปล่านะ
-
:serius2:ทำไมมันจบแบบนี้ค้างมากมาย
ตอนต่อไปขอให้เป็นของเหวินหลงกับหยกน้อยนะ อยากอ่านมาก ขอร้อง
-
อ่าาา พี่เขยเค้าติดอกติดใจขนาดนั้น ส่วนคนอ่านก็ค้างคาขนาดนี้ คนแต่งจะใจดำไม่มาต่อได้ลงคอเหรอ กระซิกๆ :o12:
-
โอ๊ะ โอ ท่านพี่เขยจะว่ายังไงเนี่ย :m12:
-
ค้างงงงงงงงงงงงงง :z3: :z3: :z3:
พี่เขย ตามหาให้เจอน้าาาาา
-
ตามหาให้เจอนะ
แต่สงสัยสุดๆ มีอะไรกัน แล้วไม่รู้ได้งายยย ว่าเปนผชอ่า
-
หยกน้อย ทำไมดูคล่องขนาดนี้อ่ะ อิอิ
ส่วนพี่เขยนี่ไม่ไหวนะ มีอะไรกันแล้วยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร >_< :z1:
-
:oo1: :haun4: :pighaun: :oo1:
-
:serius2: :serius2: :serius2: อยากอ่านต่อ
-
แอรยสสสสสส
:o8:
-
รอตอนต่อไป หุหุ
-
มารอออออออออออออออออออออออ
กำลังค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
-
เอ๊ะโอ เพิ่งเข้ามาอ่านค่า
ตอนอย่างงั้นไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายจริงๆหรอค๊า เหอๆๆ :z1:
รอตอนต่อไปค่า
-
เหวินหลงทึ่มจัง ไม่รู้เหรอว่าเจ้าสาวไม่ใช่ผู้หญิง :o8:
-
ป๊าดดดดดด..
ไอ้ที่ยัดเยียดเข้าไปตอนแรกนี่ไม่รู้เลยเหรอวะ
ขนาดว่าเข้าถูกที่เนี่ยมันก็น่าจะรู้แล้วนะว่าเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง
:try2:
รอตอนต่อไป
-
ต่อๆๆอีกๆ
-
ถ้ารู้ความจริงจะเป็นยังไงเนี่ย
รีบมาต่อนะคะ
-
ซะงั้นอ่ะยังไม่จบใช่ไหมค้างอ่ะ
มาทิ้งให้ว่าเหมือนจะรู้ตัวว่าเป็นใครอ่ะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดด :haun4:
ไม่ไหวแล้วน้า
ไปผตามหยกน้อยกลับมาอย่าด่วน :impress2:
-
ค้าง!!!!! ทำร้ายกันอยา่งรุนแรง...
เหวินหลงจะตามหยกน้อยเจอมั้ยเนี่ย น่าลุ้นๆๆๆ
+1 เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์มาอัพต่อ ^^
-
'พี่เขย' o22
มีอะไรกันแล้ว ยังไม่รู้อีกหรอท่านพี่ 555
ขอให้เจอตัวเร็วๆน้าา
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
-
ท่านพี่นี่ความรู้สึกช้า อีกทั้งปล่อยให้หยกน้อยคุมเกมได้ไง ครั้งแรกนะเนี่ย
-
:เฮ้อ:แล้วไอ้ที่เอาเข้าไปยังไม่รู้เร๊อะว่าข้างหน้าหรือว่าข้างหลัง
เวรๆๆแล้วน้องหยก เจอพวกความรู้สึกช้า
รู้แต่กูจะเอาอย่างเดียว
-
แล้วนี่ท่านพี่เขยรู้ตัวยัง
ว่าน้องเมียท่านเป็นผู้ชาย
รอตอนต่อไปคะ
-
จะหาเมียเจอมั้ยอะ
-
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยยย :z3: :z3: :z3:
-
เข้ามารอด้วย
:L2: :L2:
-
แอบสงสัย ตอนที่บ๊ะกัน ทำไมไม่เจอมังกรอีกตัว :z1:
เอ๊ะ หรือจะเป็นลูกมังกร :haun4:
-
:o12:ม่ายยยย เอาหยกน้อยเขาคืนมาาา
ตามหาเมียเลยนะเหวิงหลง ได้แล้วจะทิ้งเหรอ
ขอบคุณนะค่ะ สนุกมากกก
-
^
^ใช่ๆๆๆรีบไปตามกลับมาเดียวนี้
-
เอ่อ...แต่ง NC ได้ Erotic มากเลย อ่านแล้ว มัน...อ๊าย ~ :m25:
พี่เหวินหลง เมื่อคืนได้น้องหยกน้อยไป 2 รอบ ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเมียเป็นผู้ชายน่ะ? ไม่รู้สึกถึงความต่างอะไรเลยเหรอ?
น้องหยกน้อย ก็ร้อนแรงมาก ครั้งแรกก็ on top เชียวนะ งี้ไม่ให้พี่เหวิน แกหลงหัวปักหัวปำได้ไง?
-
หุๆ เรื่องนี้สนุกจริง
เฝ้ารอการตามหาหยกน้อยด้วยคน อิอิ
-
จะเจอหรือเปล่าน้องานเนี้ย
-
เข้ามาเม้นก่อนไปอ่านตอนที่สาม
รู้สึกในเรื่องจะมีคนที่ขึ้นต้นด้วยเหวินเยอะนะเนี่ย
อ่านแล้วชอบลืมตัว เพราะเราก็ดันชื่อเหวิน o6
-
รอ ร๊อ รอ ร้องเพลงรอ เมื่อไหร่จะอัพล่ะค๊าาาาาาาาาา :impress3: :impress3: :impress3:
-
ฮา :jul3:
-
เอ่อ ตงลงมันจบยังเนี่ย งง
เข้ามาอ่านเพราะเห็นชื้อกระทู้บอกว่าจบในตอน
อ่านแล้วมี The End แสดงว่าจบแล้วหรอ
แต่ทำไมมันค้างๆ ง่ะ
:L2: :pig4: :L2:
-
จบแบบนี้จริงๆ เหรอคะ?
ไม่น้าาาา ยอมไม่ได้ !! :serius2:
มาต่อด่วนเลยค่ะ
โหย พี่เขยไอ้ที่ทำๆ ทั้งหมดเนี่ยไม่รู้ใช่มั้ยว่าเขาเป็นผู้ชาย
แล้วหยกน้อยจะหนีไปไหนเสีย
ยอมพี่เขาขนาดนี้แล้วนะหนูเอ๊ย
-
ชอบซีรีย์นี้ค่ะ อ่านแล้วก็อ่านอีก
ทั้งสนุกทั้งเรียกเลือด ฮี่ๆๆ
-
เอ่อ...ปัญหาตอนนี้คือถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายแล้วจะทำยังไงต่อ o18
-
อาหยกน้อยยย
ลื้ออยู่หนายยยยยยยยยยยย
-
ตายๆ นี่ยังไม่มาอีกหรอ เหวินหลงเหี่ยวหมดละ
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากมาย
ทำเอาเสียเลือดไปตามๆ กัน :m25:
เหวินหลงไปตามหาหยกน้อยเดี๋ยวนี้นะ
อย่าปล่อยให้น้องต้องเศร้าคนเดียวเชียว
-
มันจะไม่รู้เชียวหรอ ว่าข้างหน้าหรือข้างหลัง? - -
-
มาต่อแล้วจ้า แต่เป็นตอนใหม่นะเป็นของน้องคนรอง ขอให้สนุกคะ :z2:
เจ้าสาวของเหวินจุ้น
แสนยินดีปรีดาครั้งได้เจ้ามาปรนนิบัติบัลลังค์ม่วง
สีระเรื่อบนผิวแก้ม ยังเห็นแววไร้เดียงสา
แพรพรรณขาวพิสุทธิ์บนไหล่ลาดดั่งไผ่อ่อน
คล้ายสยบยอม หากตางามคู่นั้น มิได้ชำเลือง
วันนี้อากาศสดใส
กลิ่นดอกไม้ในสวนหอมเย็นๆโชยมากับสายลมสร้างความสดชื่นกระตื้อรื้นล้นจนมิอาจขดตัวหลับอยู่บนเตียงอุ่นได้ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้งดงามกว่าปีไหนๆ ทั้งอบอุ่นและลมเย็นสบาย อาทิตย์ยังมิฉายแสง ทายาทสกุลหลี่ทุกคนมาออกกำลังด้วยการฝึกวรยุทธ เสียงฝ่าเท้ากระทืบพื้นสะเทือนไปทั่วเรือนหลัง จนเป็นชินชาของบ่าวไพร่ในบ้าน คุณชายทั้งสี่ฝึกฝนร่างกายอย่างไม่เกียจคร้าน ทุกวันๆล่ะ2 ชั่วยามทั้งเช้า ทั้งเย็น กระทั่งแสงแดดยามเช้าฉายแสงส่องสว่างให้ความอบอุ่นไปถึงร้อนเหงื่อไหลเปียกโชก
“ฮูว์......” เหวินฉายวาดมือกลับสู่ท่าพื้นฐาน ผ่อนลมหายใจยาวสิ้นสุดการฝึกยามเช้า ซุนยี่บ่าวประจำตัวเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้เช็ดหน้าเช็ดตา เขาเหลือบไปเห็นรถม้าของบ้านถูกเตรียมพร้อมอยู่ห่างๆ “วันนี้ใครจะไปไหนหรือ?”
“นายท่านสั่งให้เตรียมไว้ วันนี้จะไปบ้านสกุลโจวขอรับ”
“หื้อ??บ้านสกุลโจว”
“ท่านโจว หย่งซาน ปลัดคลังหลวงขอรับ”
เหวินฉายคิดไม่ออกว่า บิดาจะมีธุระอะไรกับบ้านขุนนาง ถ้าเรื่องสอบจอหงวนล่ะก็....ไม่จำเป็นต้องพึ่งท่านโจวสักนิด หรือว่า....?? เขาหันไปมองพี่ชายคนรองที่เพิ่งจบกระบวนท่าพอดี
“พี่รอง ท่านพ่อบอกจะพาพี่ไปสลุกโจวหรือเปล่า”
“อืม...ท่านให้คนมาบอกแล้ว” บุรุษหนุ่มว่าน้ำเสียงเนือยๆ เขาเพิ่ง 19 คิดว่าบิดามารดาคงปล่อยให้เขาเป็นอิสระอย่างน้อย 2-3 ปี ทว่า....เพิ่งจัดการงานพี่ชายคนโตได้ไม่ถึงเดือนก็หันมาเล่นงานเขาจนได้ น่าโมโหเสียจริง
“หมายความว่า....” เหวินฉายใจเสีย เพราะนั้นหมายถึงอีกไม่นานก็ตาเขาแล้วน่ะสิ
“พี่สาม” เหวินสี่ เข้ามากอดคอร่วมวงสนทนาด้วย “ไฉนทำหน้าเยี่ยงนี่ล่ะ”
“เจ้าน่ะไม่รู้อะไร” บุรุษหนุ่มดันหน้าน้องชายไปให้พ้น น้องคนเล็กเพิ่ง 16 ไม่รู้อะไรหรอกว่า อนาคตตัวเองน่ะก็เอาแน่เอานอนไม่ได้เช่นกัน แค่คิดว่าจะต้องร่วมห้องกับสตรีที่ไม่อาจคาดเดาทั้งใบหน้า ทั้งจิตใจได้ไปตลอดทั้งชีวิตนี้ มันช่างทรมานจิตใจเหลือเกิน เขาบ่นกับพี่ชายคนรองว่า
“ท่านพ่อ ท่านแม่นี่ก็กระไร ผ่านงานแต่งพี่ใหญ่มาไม่ถึงเดือนแท้ๆ ก็จะรีบเร่งหาคู่ให้พี่รองแล้ว”
“เจ้าจะเต้นไปไย นี่แค่ดูตัวเท่านั้น” เหวินจุ้นว่าเสียงกร้าว “ดูตัว.... ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร กว่าจะตกลงกันได้ก็คงปีหน้าโน่น”
“จะจริงหรือ... พี่รองก็รู้ว่าท่านพ่อน่ะคาดเดาใจยาก”
“ข้าว่าคงเป็นเพราะพี่สะใภ้ใหญ่หนีไปแน่ๆ ท่านพ่อถึงได้หันไปสนใจพี่รองแทน อย่างนี้พี่ใหญ่ก็น่าสงสารสิ” เหวินสี่ว่า ทุกคนหันไปมองพี่ชายใหญ่ที่ยังฝึกวรยุทธไม่เลิก เขาดูเฉยเมยไม่สนใจเรื่องของภรรยาเลย แต่กลับไปขลุกอยู่บ้านเฉินทั้งวันราวกับยังทำใจมิได้ สามพี่น้องได้แต่เห็นใจพี่ชาย พวกเขาแยกย้ายกันไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้ามาทานอาหารเช้าร่วมกัน
“อาจุ้น วันนี้เจ้าไปธุระกับท่านพ่อด้วยนะ” หลี่ฮูหยินกล่าว ทุกคนที่ร่วมโต๊ะทานอาหารเช้าหยุดมือเงยหน้ามองเหวินจุ้น บุรุษหนุ่มถอนหายใจเฮือก คีบอาหารใส่ปากอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านพ่อจะพาข้าไปด้วยทำไม” เขาเอ่ยปากถามบิดา
“อีก 3 เดือนจะมีการสอบชิงตำแหน่งจอหงวน ผู้สมัครสอบมีมากกว่า 3 หมื่นคน เจ้าคิดว่ามีดีพร้อมจะสู้กับคนตั้ง 3 หมื่นหรือ เกี่ยวดองกับสกุลโจวได้ก็จะเป็นการรับรองตัวเจ้าเข้ารับราชการ”
“ท่านพ่อ...”
“ธิดาท่านโจว ถึงจะอายุแค่ 14 แต่ก็ว่ากันว่าหน้าตาหมดจด สุภาพเรียบร้อย เป็นกุลสตรี ฝีมือเย็บปักถักร้อยดีมาก นี่ขนาดบุตรชายเศรษฐีติงไปทาบทามก่อนนะ ท่านโจวยังไม่สนใจเลย เจ้าน่ะ โชคดีแล้ว”
หมดอารมณ์กินเลย เหวินจุ้นวางตะเกียบอย่างขุ่นเคืองใจ “ข้าอิ่มแล้ว”
“อย่าเพิ่งลุก” หลี่ต้าโหย่วดักไว้ก่อนที่บุตรชายจะขยับเสียอีก ร่างสูงจำต้องนั่งต่อไป เขาหยิบตะเกียบมาทานใหม่เพื่อจะได้มีอะไรทำ ผู้เป็นบิดาทอดเสียงอ่อนลงเป็นการเอาใจ “อาจุ้น....พ่อรู้ว่าเจ้าไม่ชอบ แต่เกี่ยวดองกับขุนนางไว้ จะเป็นผลดีต่อกิจการของเรา เจ้าก็คิดเสียว่าทำเพื่อบ้านเราเถอะนะ”
“ท่านพ่อ....ไม่ใช่ว่าข้ามิอยากทำเพื่อบ้านของเรานะ แต่ดูอย่างพี่ใหญ่สิ ยอมตามใจพวกท่านทุกอย่างแล้วเป็นอย่างไร อายุเพิ่งเท่านี้ก็กลายเป็นพ่อม่ายเมียหนีไปแล้ว”
“อาจุ้น!” มารดาเอ็ดใส่
“เจ้ามาพาดพิงข้าทำไม” เหวินหลงหันมาต่อว่า สีหน้าไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจสักนิด
“นี่พี่ใหญ่ไม่เดือดร้อนบ้างหรือไร”
“ไม่....ข้ามีความสุขดีแล้ว”
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว อาจุ้นเจ้าเตรียมตัวให้ดี ส่วนเจ้าอาหลง....เลิกไปขลุกอยู่บ้านเฉินเสียที ทางนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านเราแล้ว”
“ทำงั้นได้ไง ชาวบ้านจะได้นินทาสิว่าข้าไม่ใช่สุภาพบุรุษ ยังไงข้าก็ได้เป็นเขยบ้านนั้นแล้ว ภรรยาข้าจะกระทำการใดก็เป็นเรื่องของนาง หาได้เกี่ยวกับบิดามารดานางไม่....อีกอย่างบ้านนั้นไม่มีทายาทสืบทอดกิจการแล้ว ข้าไม่รับไว้แล้วใครจะรับล่ะ”
บุรุษหนุ่มพูดจามีเหตุมีผลจนหลี่ต้าโหย่วเห็นดีเห็นงามด้วย หากหลี่ฮูหยินนึงสงสัยอยู่ บ้านนั้นมีบุตรของอนุอยู่คนนี่นา ชื่ออะไรนะ?? แต่ช่างเถอะ หากบุตรชายนางควบคุมกิจการบ้านนั้นได้ก็เหมือนเรือล่มในหนอง ทองจะไปไหนล่ะ กลับเป็นเหวินจุ้นที่ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อใส่พี่ชาย
“ท่านนี่พิลึกคนจริงๆ พี่ใหญ่ ข้าล่ะไม่เข้าใจท่านเลย”
เหวินหลงยิ้มกับตัวเองอย่างมีเลสนัยชวนให้คนมองสงสัยเหลือเกิน
เหวินจุ้นถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พี่ชายเขากลายเป็นคนแปลกๆไปตั้งแต่เมื่อไรนะ สงสัยเป็นเพราะเสียเมียไป เลยเสียสติด้วยกระมั่ง เฮ่อ....เขาจะทำยังไงดีนะ บุรุษหนุ่มชักหนักใจกับอนาคต อนางอของตนเอง แต่ก็ขัดบิดาไม่ได้ หลังอาหารเช้า ทั้งคู่ขึ้นรถม้าเดินทางไปยังสกุลโจวซึ่งอยู่อีกฟากของเมือง
คฤหาสน์ของสกุลโจวไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่เกินไปออกจะมีอายุมากสีสันจึงจืดจางตามกาลเวลา ท่านปลัดโจวหย่งซานก็ได้ชื่อเป็นขุนนางมือสะอาดคนหนึ่ง จึงเป็นที่นับหน้าถือตาอย่างมาก เพียงผ่านประตูหน้ามาก็รู้ได้ถึงความสมถะ ไม่ฟุ้งเฟ้อเกินควร เหวินจุ้นนึกชื่นชมอยู่บ้าง ท่านโจวเองก็ภูมิฐานมียิ้มที่เป็นมิตร ผู้ใหญ่ทั้งสองเห็นหน้าก็ดีใจพูดคุยกันสนุกสนาน ขณะที่บุรุษหนุ่มท้องตึง เมื่อนั่งเฉยๆก็ง่วงนอนจนหาวออกมา
“อาจุ้น...” บิดาหันมาดุเบาๆ
“ฮะฮะ....หลานชายคงเบื่อสินะ ผู้ใหญ่พูดคุยกันคงไม่ค่อยสนุกเท่าไร”
“เขาก็นิสัยเสียอย่างนี้แหละขอรับ”
“งั้นไปเดินเล่นหน่อยดีไหม หลานชาย สวนหลังบ้านของข้าถึงไม่ใหญ่โต แต่ก็ร่มรื่น ออกไปสูดอากาศหน่อยก็ดีนะ”
“ดีเลย อาจุ้น เจ้าออกไปยืดเส้นยืดสายหน่อยสิ”
เอาล่ะสิ งานอุ้มสมของตาแก่สองคน คงได้มีการเห็นหน้าของทั้งสองฝ่ายแน่ เห็นเรื่องทำนองนี้คนเล่นงิ้วแสดงออกบ่อยไป เขาได้แต่ยิ้มๆไม่พูดอะไร เอ้า! เจอก็เจอ ลองดูสิว่า สาวเจ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง อายุเพิ่ง 14 นี่ คงยังวิ่งเล่นอยู่แน่ๆ ร่างสูงลุกเดินออกจากห้องโถงรับแขก ออกมายังทางเดินสวนหลังบ้าน กลิ่นลมเย็นๆโชยมาให้ชื่นใจ
“ฮ้าว....” เขาหาวบิดขี้เกียจออกไปหนึ่งที
ปึ่ก!!!
“คุณหนู...ตายแล้ว” ร่างเล็กวิ่งปราดเปรียวมาชนเขาเบาๆ บุรุษหนุ่มหันมามอง เป็นเด็กหญิงตัวเล็กน่ารัก ดวงตากลมโตสดใส ผูกผมเปียสองข้าง นางยิ้มกว้างน่าเอ็นดู ก่อนวิ่งตื้อหายไปอีกทาง สาวใช้ที่วิ่งตามมาไม่ทันจะคว้าตัวนาง ก็วิ่งหนีไปอีกแล้ว
“คุณหนู หยี่เซี่ยง รอด้วย.....คุณหนู”
เหวินจุ้นมองตาปริบๆ หวังว่า.....เมื่อกี้คงมิใช่ว่าที่ภรรยาเขานะ ยังตัวเล็กถือตุ๊กตาอยู่เลย เฮ่อ.....เขาเดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ สวนย่อมนี้แม้ว่าไม่กว้างมากแต่ก็มากด้วยพรรณไม้ชั้นดี ดอกไม้สีสันหมองไม่สดใส แสดงถึงการขาดความใส่ใจไม่น้อย บ่าวไพร่พอมีแต่ก็ไม่มากเท่าบ้านเขา เช่นนี้ก็พอเดาออกว่าขาดแคลนทุนทรัพย์อยู่พอควร เดินเล่นมาสักพักแล้ว บุรุษหนุ่มคิดว่าคงได้เวลากลับเสียที
ทว่าเดินวกไปวนมาก็หาทางออกไม่เจอ เขาเดินล่วงล้ำมาถึงตัวบ้านชั้นใน บนระเบียงทางเดินค่อนข้างเงียบเชียบเสียงนกกระจอกเจื้อยแจ้วยังกังวานดังกว่า จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
โครม!!!
“หยุดนะ....ท่าน....”
เสียงนั้นมาจากห้องที่ปิดทึบข้างหน้า เหวินจุ้นสาวเท้าไปใกล้ จึงได้ยินเสียงยื้อยุดรุนแรง ปลายนิ้วเลื่อนหน้าต่างบานหนึ่งออกเล็กน้อย ปรากฏว่าเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง ฉุดกระชากร่างเล็กกว่าอย่างแรงจนล้มหงายลงบนโต๊ะหนังสือ จากที่เห็นเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดี เป็นคุณชายของบ้านนี้หรือเปล่า ไหนเลยจะปล่อยผมยาวรุ่ยร่ายราวกับอิสตรีอย่างนี้ บุรุษที่ได้รับการสั่งสอน ผมจะเกล้ามวยผูกมัดให้แน่นเพื่อแสดงถึงความใส่ใจตนเอง หากคนผู้นี้ ผมยาวสยายสีดำขลับยามต้องแสงเหมือนแม่น้ำเอื่อยๆที่ไหลหลากไม่มีวันสิ้นสุดนั้น ดึงดูดสายตาเขาที่สุด
“หยุดได้แล้วนะ” ผู้สูงวัยกว่าจับข้อมือเล็กกดตรึงไว้ทั้งสองข้างกับโต๊ะหนังสือ
“ท่านเจิ้ง ปล่อยข้านะ”
“เจ้าพูดอะไรหา??....เจ้าควรพูดว่า ได้โปรดสิ......เห้อะ...บ้านเจ้าติดค้างเงินข้า 300 ตำลึงแล้ว อยากกู้ยืมเพิ่ม เจ้าก็ต้องมีอะไรมาค้ำประกันเพิ่มสิ ข้าถึงจะให้กู้อีก”
“ท่าน....นี่ข้าชำระดอกเบี้ยให้ท่านทุกเดือน มันจะเป็น 300 ตำลึงได้อย่างไร ท่านคิดจะขูดรีดขูดเนื้อกันหรืออย่างไร” เสียงใสๆกล่าวอย่างเดือดดาล
“ชิ....อย่าลืมนะว่า บ้านเจ้ายังมีหน้าตาต้องรักษา ข้าไม่โพทะนาว่าบิดาเจ้าสิ้นไร้ไม้ตอกก็ถือว่าเป็นบุญคุณขนาดไหนแล้ว 300 ตำลึงแค่นี้ ถูกไปด้วยซ้ำ....ถ้าเจ้ายังอยากกู้เงิน อยากให้ข้ารักษาหน้าบิดาเจ้าล่ะก็.... ยอมให้ข้าเชยชมเจ้าเสียดีๆ ไม่เช่นนั้นล่ะก็...”
โครม!!!! เหวินจุ้น ทนฟังเรื่องโสมมมากกว่านี้ไม่ไหว เขาทุบหน้าต่างห้องแรงแล้วเดินหลบไปทางอื่นเสีย รอดูอยู่ห่างๆ เขารู้สึกได้ว่าในห้องเงียบงันด้วยความตกใจ อึดใจต่อมาร่างหนึ่งก็ตะลีตะลานออกมายืนมองเลิ่กลั่กไปรอบทิศ เมื่อไม่เห็นใครมันถึงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น แต่ก็ยังหันไปบอกคนในห้องว่า
“จำไว้ให้ดีนะว่า เจ้าเป็นหนี้ข้าเท่าใด ภายในสัปดาห์นี้ เจ้าต้องหาเงินมาชำระข้าให้หมด ไม่เช่นนั้น.....เจ้าจะต้องเสียใจ” มันตวาดใส่สุดเสียงก่อนเดินหนีจ้ำอ้าวไปตามทางเดินอย่างรีบร้อน จนมิทันสังเกตร่างที่ยืนหลบมุมอยู่เงียบๆเลย บุรุษหนุ่มมองตาม คิดไม่ถึงว่าการมาครั้งนี้จะได้เห็นอะไรๆกว่าที่คาด เขาหันไปมองประตูห้องที่เปิดคาไว้ ไร้วี่แววอีกคน ไร้การเคลื่อนไหว เท้าก้าวไปหาอย่างแผ่วเบาด้วยความอยากรู้
ปลายนิ้วเลื่อนหน้าต่างบานเดิมออกอย่างแผ่วเบา ภายในห้องยุ่งเยิงหนังสือ สมุดบัญชีเกลื่อนกระจายไปทั่ว คนข้างในนั่งกับพื้นห้องอย่างคนหมดแรง ผมยาวๆนั้นกระจายเต็มแผ่นหลัง เหวินจุ้นได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ น้ำหยดหนึ่งร่วงเผาะบนหลังมือ คนผู้นั้นยกมือเช็ดน้ำตาเงียบๆ ผมดำขลับไหลลงบดบังใบหน้าจนมองไม่เห็นแม้เสี้ยวหนึ่ง
หันมามองทางนี้สิ หันมาหน่อย.....เขานึกในใจ
ในห้องยังนั่งนิ่ง ปลายนิ้วเกี่ยวผมคล้องใบหูเล็กเผยใบหน้าด้านข้าง ผิวขาวขนาดนี้เลยหรือ ขนตางอนหนาเป็นแพจนอยากเห็นชัดๆอีกสักนิด เหวินจุ้นมองอย่างเพลินตา ทุกอริยบท ทุกการกระทำ มันเชื่องช้าจนเหมือนเวลาไม่มีความหมาย คนผู้นั้นค่อยๆเก็บหนังสือจัดโต๊ะ ทุกการเคลื่อนไหวก็ยังมิทำให้ได้เห็นหน้าชัดๆสักครั้ง บุรุษหนุ่มชักจะหมดความอดทนแล้ว แต่ก็ยินเสียงฝีเท้าแว่วมาก่อน จึงจำต้องผละจากไป
“คุณชาย....ท่านหลี่ให้ข้ามาตาม” บ่าวไพร่ในบ้านผ่านมาทางนี้พอดี
“อื้ม” เขาเดินกลับ จู่ๆก็เหมือนหาทางกลับได้ง่ายขึ้นมาเสียนี้ แต่ก่อนจะถึงห้องโถงเขาหยุดเท้าหันมามองบ่าวรับใช้ที่สูงอายุไปสักหน่อย “ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ขอรับ”
“ท่านโจวมีบุตรธิดากี่คนหรือ”
“อ้อ....เอ่อ......ในบ้านนี้ 2 คนขอรับ มีคุณชายใหญ่ หงส์หยก(เอียนหวู/สัตว์ในวงค์นกแก้ว ในที่นี่ขอเรียกว่า หงส์หยก) แล้วคุณหนู หยี่เซี่ยง.....แต่นอกบ้านก็มีอีก 2-3 คนขอรับ”
“อ้อ....ชื่อหงส์หยกหรอกหรือ” โจว หงส์หยก เขาพึมพร่ำในใจ
“ขอรับ ปีนี้ 20 แล้ว แต่สุขภาพไม่ค่อยดี จึงมิได้ออกนอกบ้านเลย”
“เหรอ...” เขาทำหน้าแคลงใจไคร่อยากถามไถ่อีก แต่สุดท้ายก็ไม่ถาม รีบเร่งจากไป
“เป็นไงบ้าง” บิดาถามเมื่ออยู่กันตามลำพังในรถม้า
“อะไรล่ะขอรับ”
“บุตรสาวท่านโจว”
“เด็กทารก” เขาตอบสั้นๆได้ใจความ
“ฮะฮะ....เด็กๆสิดี แต่งมาบ้านเราค่อยๆอบรมสั่งสอน อีกหน่อยก็จะได้ฮูหยินที่เป็นได้ดั่งใจ”
“ข้าไม่อยากรีบร้อน ท่านพ่อ รั้งรอสัก 3-4 ปีแล้วค่อยว่าเถอะ”
“หื้อ...3-4 ปีเชียวหรือ”
เขาพยักหน้าหงึกๆแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ใจครุ่นคิดแต่คนในบ้านนั้น ไม่รู้ทำไมถึงติดใจนักนะ ทั้งที่จน มีแต่ชื่อ ลูกสาวก็เด็กไปแล้วยังจะหาคู่ให้อีก น่าสงสารเด็กน้อย...น่าสงสาร.....
***********
(มาต่อพรุ่งนี้คะ) o22
-
:pig4:
-
ท่านพี่นะสุขสมหวังไปแล้ว
ตอนนี้คงรู้แล้วว่าหน้าหรือหลังเพราะติดใจไม่กลับบ้าน :m20: :m20:
-
:กอด1:เหวินหลงคงจะมีความสุขแล้ว งั้นเราก็ไม่ค้าง
รออ่านเรื่องของเหวินจุ้น รู้ว่าเขาเป็นผู้แต่ก็ยังสนใจอยู่ล่ะสิ
-
เอาแล้ว
-
ลูกชายสี่คนของตระกูลนี้ เมื่อแต่งงานไปคงจะไม่มีทายาทแน่ๆ
เพราะ.... :m28:
-
ตกลงพี่เขยน้องเขยคู่นั้นลงเอยกันด้วยดีแล้วใช่ป่ะ :z1:
คู่พี่รองก็นะ...ทำไมบ้านฝ่ายเจ้าสาวถึงมีแต่เรื่องน้า~ o18
-
และแล้วพี่รองก็จะดำเนินรอยตามพี่ใหญ่ :laugh:
-
เนื้อเรื่องสนุกดีค่ะ ชอบๆๆๆ :z1: :z1: :z1:
-
เรื่องพี่ใหญ่น่าเคลือบแคลงอยู่นะ ควรจะมีภาคต่อเป็นยิ่งนัก ท่านกวี
-
งง ไม่พอ ยังค้างด้วย ?
-
หุหุ พี่ใหญ่คงหาเมียเจอแล้วอะนะ เหลือตะพี่รองจะได้เจ้าสาวรึป่าว
-
ขยายความพี่ใหญ่เจอเมียหน่อยก้อดีนะ
อยากรู้อะ
-
แอบสงสัย ตอนที่บ๊ะกัน ทำไมไม่เจอมังกรอีกตัว :z1:
เอ๊ะ หรือจะเป็นลูกมังกร :haun4:
ชอบๆคำถามรีนี้มากเลย ที่ถามตรงกับที่ดิฉันสงสัย นั่นนะซีคะ หยกน้อนซุกซ่อนไว้แบบใด
-
4 พี่น้องต้องมาทางเดียวกันแน่เลย
พี่ใหญ่ คงเจอตัวภรรยาแล้วช่ายยยยยยมั๊ย
ถึงได้ยิ้มกลุ้มกลิ่ม
:กอด1: :กอด1:
-
พี่ใหญ่นี่ก็สบายตัวเลยทีนี้
น้องรองละ จะสอบจองหงวนแล้วเอาไงต่อ
-
สรุปแล้ว พี่ใหญ่ไปสกุลเฉินเพื่อไปหาน้องเมียตัวเองใช่ไม๊นี่ รวบรัดตัดตอนไปว่า ทั้งสองตกลงปลงใจกัน แล้ว หรือป่าวหว่า :a5: หรือว่าไปตามจีบอยู่น๊อ
-
:impress2:ชอบมาก อยากอ่านเร็วๆจัง
+1
-
รวบสรุปตอนของพี่ใหญ่เรียบร้อยเลย
ตกลงคู่ของน้องคนรองออกแล้ว
-
ลูกสาวเด็กไปจ้า รับลูกชายไปดีกว่า :laugh:
-
คนน้องก็ด้วย :impress2:
-
คนพี่ก็ เรียบร้อยสิน้ะ แอบอยากรู้ว่าทำท่าไหนถึงยอม 55555
คนน้องก้รีบรู้ใจน้ะจ้า
-
:z3: จับคู่อีกแล้ว
เฮ้อออ
รอดูตอนต่อไปปป
-
น้องชายจะเจริญรอยตามพี่ไปติดๆซะแล้ว
-
แบบว่ายังอยากรู้เรื่องพี่ใหญ่ตงิดๆอ่ะ
แต่ท่าทางน้องรองนี่จะน่าลุ้นกว่า เพราะรู้อยู่แล้วแต่ยังสนใจ
แล้วทีนี้จะช่วยเขายังไงล่ะเนี่ย รออ่านต่อจ้า
-
ยังไม่เคลียร์เหวินหลงเลยยยย :serius2:
ขอเวินหลงก่อนสักตอนได้มั๊ยค๊าาาาาาาาาาาา :sad4: :sad4:
-
o18เมื่อไหร่เหวินจุ้นจะมา ใจจะขาดแล้ว
ถึงจะไม่เคลียร์เรื่องเหวินหลงเท่าไหร่
แต่ก็รับรู้ว่าเหวินหลงคงจะหาเมียจะเข้าหอด้วยกันเจอแล้ว
-
มาต่อแล้วจ้า อัพต่อนย่อยก่อน อัพคราวหน้าเลือดกระฉูดแน่นอน 555555+ :laugh:
อาทิตย์ลับขอบฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างใต้ผืนฟ้าอยู่ใต้ความเงียบสงัดแห่งราตรีอันเย็นสบาย เสียงแมลงในสวนดังหึ่งๆมาถึงห้องหนังสือที่ตะเกียงยังส่องแสงสว่าง อาบปลายนิ้วเรียวได้รูปขยับไหวไปมาราวกับปีกผีเสื้อ เล็บสีมุกเงาวับเคลื่อนไหวบนลูกคิดเสียงดังแกร๊กๆตลอดเวลา ผู้ที่จมจ่อมอยู่ในห้องง่วนอยู่กับตัวเลขจนมิสนใจอาหารเย็นที่บ่าวไพร่ยกมาให้ กระทั่งจบสิ้นกระบวนความ ตัวเลขที่ปรากฏทำให้คิ้วเรียวสีน้ำตาลอ่อนขมวดเคร่งเครียด
เดือนนี้ไม่มีเงินเหลือพอจะใช้หนี้อีกแล้ว ตราบใดที่รายจ่ายยังมากกว่ารายรับ โจวหงส์หยกทอดถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรก็จดจำมิได้ บิดานั้นมีนิสัยชอบเอาเงินทองไปเจือจานผู้อื่นเสมอ เพื่ออวดบารมีทั้งที่ตนเองมีจำกัดจำเขี่ย มารดาก็อ่อนแอ ว่าไงว่าตามกันเสมอทำให้เงินทองขาดมือต้องเอาสมบัติในบ้านไปแลกเกือบหมดแล้ว บัดนี้เหลือเพียงโฉนดของบ้านเท่านั้น จะทำการใดดีนะ
ลดคนงานมากกว่านี้ก็มิได้แล้ว ไม่เช่นนั้น....เขาคงได้ซักเสื้อผ้าเองเป็นแน่
เอี้ยด... เสียงประตูไหวเบาๆ หงส์หยกเงยหน้าจากกองสมุดบัญชี ภายในห้องเงียบสงบแวบแรกเขานึกว่าเป็นเพียงลมพัด คราหันกลับมามองสมุดบัญชีก็ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบา ร่างเล็กตัวแข็งในนาทีนั้น มีคนอยู่ในห้อง!!!
เงยหน้าขึ้นมา หัวใจดวงน้อยก็เต้นตุ๊บๆจนมือไม้สั่นไปหมด เมื่อเห็นร่างในอาภรณ์สีดำกลืนกับความมืด นั่งอยู่ที่เก้าอี้ติดมุมห้อง ใจร!!! ร่างเล็กลุกพรวดพราดขึ้น ปากจะร้องเรียกคนให้ช่วย แต่ก็ร้องไม่ออก ใจที่เต้นแรงทำให้หายใจหอบถี่จนตัวโยน ทำไงดี....
ร่างที่นั่งเฉยลุกขึ้นช้าๆ ก้าวมาหาอย่างเชื่องช้า มาสู่แสงสว่าง หงส์หยกตัวสั่นคนๆนี้ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ปกปิดอำพรางตัวเองเหลือแต่ดวงตากร้าว มองมาที่เขาตลอดเวลา ไม่แม้จะกระพริบตาด้วยซ้ำ
“อย่าทำร้ายคนในบ้านข้า......ที่นี่ไม่มีอะไรให้เจ้าขโมย” นี่เป็นคำแรกที่เขาเอ่ยปากออกมาได้ บุรุษนิรนามไม่ตอบอะไร แววตาไม่แสดงอารมณ์นอกจากจ้องมองอย่างพิจารณาอยู่อึดใจ ก่อนจะละสายตาไปที่อาหารเย็นชืดที่เจ้าของไม่สนใจจะแตะ
“เจ้าต้องการอะไร”
อีกฝ่ายไม่พูดแต่ยกถาดอาหารมือเดียวมาวางบนโต๊ะกลมกลางห้อง “มานี่”
“อะไรนะ” มือแข็งๆคว้าต้นแขนเขาออกแรงดึงนิดเดียว ร่างเล็กก็แทบปลิว เขาถูกกดให้นั่งลงตรงหน้าถาดอาหาร
“กินซะ”
“อะไรกัน??” นี่.....ไม่อยากให้เขาเป็นผีอดอยากหรือไร ถึงให้กินก่อนตาย
“กิน” น้ำเสียงกร้าวแกมขู่บังคับ หงส์หยกนิ่งเงียบด้วยความสับสน เขามองอาหารเย็นที่มีเพียงเต้าหู้ทอดกับปลานึ่งชิ้นเดียว สลับกับโจรไปมา อย่างไม่รู้จะทำการใด หากสายตาดุดันจ้องมองแกมบังคับอย่างนี้ทำให้เขาคิดสิ่งใดไม่ออก นอกจากทำตามที่สั่ง อาหารเย็นชืดช่างไร้รสชาติไม่อร่อยเลย แต่ก็จำเป็นต้องทาน
“ทานให้หมด” อีกฝ่ายเตือนเมื่อเห็นเขาจะวางตะเกียบ
“ข้าอิ่มแล้ว”
“ข้าวถ้วยเดียวยังทานไม่หมด แบบนี้จะเอาแรงมาจากไหน” น้ำเสียงเนิบๆคล้ายจะดูถูกอยู่ในที หงส์หยกมองในถ้วยข้าวเหลืออยู่อีกนิดหน่อยจึงกลั้นใจทานให้หมดเพื่อมิให้โดนดูถูกได้ เขาเคี้ยวแล้วกลืนอย่างรวดเร็วพลางมองเจ้าโจรร้ายที่ยังนิ่งเฉย ทว่าเขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายพึงพอใจแม้จะไม่เห็นสีหน้าก็ตาม
“เจ้า....ต้องการอะไร”
“ของบางอย่าง”
“บ้านข้าไม่มีสิ่งใดที่มีค่าหรอก”
“นี่คือคฤหาสน์ท่านโจว ปลัดคลังหลวงนะ มิมีของล้ำค่าได้เช่นไร”
“ข้าพูดความจริง บ้านข้า....มิมีสิ่งใดแล้ว”
“ไม่จริงหรอก” น้ำเสียงระรื่นคล้ายเห็นเป็นเรื่องตลกจนหงส์หยกต้องมองสบตา “ข้าว่ามีนะ....ของที่มีค่าน่ะ”
ร่างเล็กผงะด้วยความตกใจ เมื่อชายในชุดดำเอื้อมมือมาจับปอยผมเขาเบาๆ แถมยังเอานิ้วม้วนพันเอาไว้ อากับกิริยาสบายๆเข้าใกล้ง่ายๆทำให้ขนลุกอย่างไรไม่รู้ แต่จะขยับหนีก็เกรงว่าจะทำให้ไม่พอใจ เขาจึงอดทนเอาไว้ไม่หลีกหนี จึงเป็นโอกาสให้อีกฝ่ายเกลี่ยปลายนิ้วไล้เส้นผมลื่นๆไปมาอย่างถูกใจ
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้า.....ท่าน ไปได้ยินมาจากไหน แต่บ้านนี้ไม่มีทรัพย์สมบัติมากหรอก” หงส์หยกนิ่งเงียบไปครู่ คิดว่าพูดความจริงจะเป็นการดีที่สุด “ บ้านข้ากำลังประสบปัญหา ตอนนี้ไม่มีเงินทองหรือของมีค่าเลย หากไม่เชื่อก็ลองสอบถามชาวบ้านดูก็ได้ ท่านพ่อข้าชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทำให้.....ทางบ้านขัดสน...ต้องเอาของมีค่าไปแลกเงินทองใช้จ่ายในบ้าน ที่ข้าพูดมานี้เป็นความจริงนะ ”
ดวงตากลมโตเหมือนตากวางจ้องมองเจ้าโจรร้ายนั้นเขม็งอย่างมุ่งมั่นยืนยันในคำพูด หากเพียงกระพริบตาเขาก็เห็นแววตาดุดันนั้นมิได้แสดงความแปลกใจ ไม่พอใจหรือสงสัยแต่ประการใด หากนิ่งเฉยอย่างรู้ทัน คนๆนี้รู้ว่าบ้านเขาไม่มีอะไรตั้งแต่แรกแล้ว ร่างเล็กถอยหนีถอยห่างไปด้วยความตกใจ คนที่รู้ว่าบ้านเขาไม่มีอะไรแล้วมีอยู่คนเดียวเท่านั้น
“เจ้า.....เจิ้งหมิงเว่ย ใช้เจ้ามาใช่ไหม เจ้าเป็นคนของเขา”
“เปล่า...”
“เปล่างั้นหรือ คนที่รู้เรื่องนี้มีแต่เขาคนเดียว นี่....ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะต่ำทรามได้ถึงเพียงนี้ เจ้าคนถ่อยนั้น!!!” ใบหน้าหมดจดรูปไข่แดงก่ำด้วยความโกรธ นั้นเป็นใบหน้าที่คนมองมิคาดคิดว่าจะได้เห็น “ไปนะ...เจ้าไปให้พ้นบ้านข้าเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหน ข้าก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอก ภายในหนึ่งสัปดาห์ข้าจะหาเงินมาใช้เขาครบทุกตำลึงแน่ ไปบอกเขาได้เลย”
หงส์หยกโกรธจนหอบตัวโยน เขามิเคยหน้ามืดวิงเวียนมาก่อน แต่วันนี้เขาโกรธจนเริ่มจะตาลายเสียแล้ว ร่างเล็กถอยมาเกาะโต๊ะหนังสืออย่างเหนื่อยอ่อน พอหันมาอีกทีร่างสีดำก็ถลาเข้ามาหา สองมือกุมไหล่เล็กแน่นราวกับกรงเล็บเหยี่ยว ดันเขาไปติดผนังห้อง
“อย่า!!!” บุรุษหนุ่มร้องลั่นด้วยความตกใจ คิดว่าตนเองต้องตายแล้วแน่ๆ โจรร้ายประชิดตัว ทั้งคู่อยู่นิ่งใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจ ใบหน้าที่ปกปิดมาอย่างดี มีเพียงดวงตาสีเข้มดุดันนั้นจ้องเขม็งนั้นแสดงอารมณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้เลย
หึ! บุรุษนิรนามหัวเราะเบาๆ สร้างความประหลาดใจไม่น้อย
“ภายในหนึ่งสัปดาห์หรือ? เจ้าจะหาเงิน 300 ตำลึงมาจากไหนกัน”
คำถามนี้มิมีคำตอบ หงส์หยกเองยังจนปัญญา แต่เขาไม่ยอมก้มหัวให้เจิ้งหมิงเว่ยเด็ดขาด ใบหน้าที่แสดงความมุ่งมั่นและดวงตาใสๆจ้องมองไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ช้าแววตาดุดันก็ทอแสงอ่อนลง ร่างสูงถอยห่างออกไป
“ข้าจะให้เจ้าเอง”
“เอ๊ะ??”
“ข้าจะให้เงินเจ้า... 300 ตำลึง” เขาเดินตรงไปที่ประตู
“ไม่! ข้าไม่รับของโจรเด็ดขาด” คำพูดของหงส์หยกทำให้ ร่างในชุดดำชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามอง “ข้าไม่มีวันรับเงินที่ได้จากการทำชั่วหรอก ไม่ต้องเอามาให้ข้า”
“เจ้าไม่อยากได้เงินหรอกหรือ”
“ไม่....ข้า.....ข้าไม่รับเงินที่ได้มาโดยไม่มีเหตุผล”
“อ๋อ...งั้นถ้าเป็นเงินที่หามาได้ด้วยกำลังของตนเองคงยินดีสินะ”
“........ใช่...” เขาลังเลที่จะตอบ
“ดี...” ร่างสูงหันกลับมาหาทำให้เขาถอยกรูดไปติดผนังห้องอีกครั้ง สองมือเท้ากำแพงกักร่างเล็กไว้ในวงแขนไม่ให้หนีไปได้อีก “งั้นข้าจะจ้างเจ้าเอง”
“เอ๊ะ?? จ้างข้า....ทำอะไร”
“คุณชายอย่างเจ้าทำสิ่งใดเป็นล่ะ” คำถามย้อนกลับมา ทำให้หงส์หยกได้แต่อ้ำอึ้ง เขาสุภาพไม่ดี ฝึกวรยุทธก็ไม่ไหว จะเป็นบัญทิตก็ปวดหัวทุกครั้ง ยามเคร่งเครียด จึงมิได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากทำบัญชีกับดูแลบ้านเล็กๆน้อยๆ นอกเหนือจากนี้เขาก็นึกไม่ออกแล้ว ปลายนิ้วแข็งแรงเชยคางขึ้นให้มองสบตา
“บรนนิบัติข้าสิ” ประโยคนี้เหมือนไฟที่เผาไหม้ให้ร้อนรุ่มไปทั่วใบหน้า
“จากนี้ไปหนึ่งสัปดาห์ ข้าจะมาหาเจ้าทุกวันพร้อมเงิน 50 ตำลึง เงินสะอาดที่มิได้ปล้นชิงใครมา เจ้าจะมีเงินใช้หนี้ทั้งหมดและเหลือพอใช้จ่ายในบ้านอย่างไม่ขัดสน ว่าไง....เพียง7 วันเท่านั้น”
หงส์หยกขยับปากคล้ายจะค้าน หากถูกหยุดด้วยปลายนิ้วอุ่นๆแตะที่ริมฝีปาก บางอย่างเกิดขึ้นข้างในอก มันเหมือนมีน้ำอุ่นๆที่เทรินรดหัวใจที่เย็นชืดของเขา ทำให้อุ่นซ่านไปทั้งตัว และร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้า นิ้วนั้นเกลี่ยริมฝีปากล่างเขาไปมาก่อนถอยห่างไปพร้อมเจ้าของ
“คืนพรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้า”
“เดี๋ย...ว” ไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ อีกฝ่ายก็จากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่ลมแรงไว้เบื้องหลัง ในห้องไม่มีผู้ใดราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและเป็นเพียงความฝันเท่านั้น บุรุษหนุ่มมองรอบตัวอย่างสับสน มันเป็นความจริงหรือเปล่า...รึเป็นเพียงมโนภาพของตนเองกันแน่
*****************
-
ค้างคามากมมาย :L1:
-
อาจุ้นมาทดลองงานก่อนตัดสินใจว่าจะแต่งงานกะพี่ หรือ กะน้องดีอ่ะเหรอ
-
:z3:อยากอ่านต่ออ่ะ
-
โอ้ว...7 วันอันตราย หึหึ
-
:z1:ตอนต่อไปจะมาวันไหนเหรอ
จะได้เตรียมกล้องวิดีโอไปแอบถ่าย
-
o22อ้าวมาแค่เนี่ย
เหวินจ้นแอบเข้าบ้านพ่อตาไม่ได้ไปหาคู่ดูตัวแต่ไปหายพี่ชายแทน
แบบนี้คุณพ่อตากับคุณแม่ยายรู้เข้าจะว่าไง :laugh:
-
จะแวบไปแวบมาไม่ให้เห็นหน้าเหมือนคิวปิดไหมหนอ :man1:
-
เอ่อ.. 7 วันต่อเนื่องเลยเรอะ :a5:
หงส์หยกยิ่งสุขภาพไม่ดีอยู่ด้วย
ยังไงก็เบาๆแรงหน่อยนะเหวินจุ้นนะ
"ค่อยๆ รักกัน เบาๆ" เคยได้ยินมั้ยเหวินจุ้น
-
"บรนนิบัตข้าสิ" :-[ :-[ :-[
-
อยากอ่านต่อที่สุดเลยนะครับ
มาต่อเร็วๆนะครับ
-
มาต่อเร็วๆนะ ค้างงงงงงงงง
-
อยากอ่านเร็วๆ
+1
-
หงส์หยก 7วัน ถ้าโดนจัดหนักทุกวัน จะคุ้มไหมเนี่ย วันละ 50 ตำลึงน่ะ
-
หลังจาก7วันแล้วจะทำยังไงละคร๊าอาจุ้น
ยังไงก็คงไม่ยอมปล่อยหงส์หยกไปแน่ๆ
-
ทดลองงานหรา หุหุ
-
7 วัน ขอแบบเต็มๆ :z1:
ยังค้างคาใจเรื่องของพี่ใหญ่อยู่เลย
ตกลงยังไง :serius2:
-
T[]T ค้างมากมาย
ทำไมเรื่องของคนรองจึงมากกว่าพี่คนโตล่ะ แง่ง พี่ใหญ่ยังไม่เคลียร์เลยนะ อยากให้มีบทพิเศษหวานๆๆ *-*
-
ต่อด่วน~
7 วัน ไม่ช้ำตายหรอกเหรอ!?
โอย~ จะปรนนิบัติแบบไหนหนอ? คนชุดดำคนนี้ยังไม่ยอมเปิดเผยตัวเลย
คาดว่าคงเป็นพี่รองนั่นแหละ :laugh:
อยากรู้คู่พี่ใหญ่จะเจอกันมั้ยเน้อออ? รอๆ :impress2:
-
:z2: :z2:
รออออออออออออ
-
ตอนหน้าจะรอเลือดกระฉูดค่ะ
เดี๋ยวจะเตรียนมทิชชู่ไว้รอน่ะค่ะ :really2:
-
เหวินหลงยังไม่แจ้งแก่ใจข้า ท่านก็เอาเหวินจุ้นมากวนอารมณ์ข้าอีกแล้ว
เขาค้างงงงงง ปรนนิบัติแบบไหนน้ออ จะไปแอบดู
-
มาต่อตอนจบแล้วจ้า เร่เข้ามาๆๆๆ ใครช้าอดไม่รู้ด้วยเด้อ สาวสวยหนุ่มหล่อเร่เข้ามา ได้เวลาหื่นของเจ้าแล้ว อ่านแล้วจงเมนต์เสียโดยดีหาไม่แล้วสิวหัวช้างจะบังเกิดแก่เจ้า จขกทลงอาคมไว้เรียบร้อยแล้ว..สาธุ ฮี่ฮี่อี่ :call: :call:
ความคิดและจิตใจของหงส์หยก วนเวียนแต่เรื่องบุรุษลึกลับอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะหวาดกลัวแต่ก็แอบซ่อนความหวังไว้ลึกๆ ด้วยปัญหาของทางบ้านที่จะปลดเปลื้องพันธะหนักอึ้งออกไปเสียที วันทั้งวันเขาเฝ้ามองท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปตามกาลเวลา ในที่สุดก็มืดค่ำ เป็นเวลาที่ทุกคนในบ้านร่วมรับประทานอาหารพร้อมหน้ากัน
“เจ้าแทบไม่แตะเลยนะ หงส์หยก” มารดาเอ่ยถามขึ้นมา
“อ้อ...ข้า...ไม่ค่อยหิว”
“ทานให้มันเยอะๆหน่อย เจ้าน่ะผอมไปแล้วนะ”
“พี่ใหญ่ ทานเยอะๆนะ” หยี่เซี่ยงคีบเนื้อให้ชิ้นหนึ่ง ผู้เป็นพี่ชายยิ้มกว้างพอเงยหน้ามาก็พบกับสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายของบิดา ราวกับตำหนิว่าเขาไม่เคยดูแลตนเอง ถึงได้อ่อนแอ ไม่เป็นที่ภูมิใจ ไม่เคยช่วยท่านเชิดหน้าชูตาได้สักครั้ง
“เอ่อ..ท่านพ่อ เรื่องหยี่เซี่ยงเจรจาไว้อย่างไรขอรับ”
“ทางโน้นยังมิได้พูดอะไรมาก”
“อันที่จริงข้าว่าน่าจะทาบทามลูกชายคนที่สี่ของท่านหลี่มากกว่านะ เขาอายุ 16 มากกว่าหยี่เซี่ยงแค่ 2 ปีเอง น่าจะสนิทกันเร็วกว่าคุณชายเหวินจุ้น หรือท่านพี่คิดว่าไง”
“เป็นคุณชายเหวินจุ้นน่ะเหมาะแล้ว ปีนี้ท่านหลี่หมายมั่นปั้นมือจะให้เขาเป็นจอหงวนให้ได้ ไม่ว่าบู้หรือบุ๋น ข้าจะช่วยเขาให้ได้สักตำแหน่ง ภายใน2 ถึง 5 ปี เขาก็จะได้ตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้น อาจจะใหญ่โตกว่าข้าอีก นี่เป็นโอกาสเหมาะสมที่สุด หากให้คุณชายเหวินสี่ ก็ต้องรอไปอีก 4 ถึง 8 ปีโน่น”
“จริงด้วยนะเจ้าคะ เป็นคุณชายเหวินจุ้นน่ะดีแล้ว”
“ท่านแม่.....น้องยังเด็กนะขอรับ”
ปัง! โจวหย่งซ่านวางตะเกียบแรงจนทุกคนในบ้านสะดุ้งโหยง
“เจ้าจะไปรู้อะไร อยู่อย่างสงบเสงี่ยมของเจ้าไปเถอะ สกุลโจวเราจะไปรอดได้หรือไม่ อยู่ที่หยี่เซี่ยง ไม่ใช่เจ้า” บิดาดุด่า ทำให้หัวใจของหงส์หยกแทบขาดรอนๆด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ความเสียใจทวีคูณ เขาก้มหน้าทานอาหารอย่างฟืดคอ
บุรุษหนุ่มเดินกลับห้องอย่างเดียวดาย ขณะที่บิดามารดาอยู่เป็นเพื่อนเล่นน้องสาวกันต่อ เขาเคยคิดว่าหากตนเองแข็งแรงกว่านี้สักนิด คงทำให้ทุกคนภูมิใจได้บ้าง หากในความเป็นจริงแล้ว เขาทำได้แค่ดูแลบัญชีในบ้าน ขนาดมีหนี้สินก็ยังไม่กล้าจะเอ่ยปากกับใคร ในห้องมืดสนิทไม่มีคนรับใช้รอคอย เขาปิดประตูแล้วถึงจุดเทียนในห้อง ถึงพบว่ามีผ้าแพรบางๆผืนหนึ่งอยู่บนโต๊ะ
“ ข้ารอเจ้าอยู่”
หัวใจที่เหี่ยวเฉาเต้นแรงเกือบจะทันทีทันใด ร่างในชุดดำปกปิดอำพรางตนนั่งคอยอยู่บนเตียงของเขาเอง ตั่งไม้วางเท้าข้างเตียงมีถุงผ้าผืนหนึ่งลักษณะเหมือนถุงใส่เงิน เตรียมมาพร้อมสรรพ ดวงตาโตมองอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเอง เอาจริงหรือเนี่ย?? คนอย่างเขามีค่าถึง 350 ตำลึงเลยหรือ
“ผ้าที่อยู่บนโต๊ะ....เอาผูกปิดตาเจ้าเสีย”
“ผ้านี่...” เขาถือมันขึ้นมา แค่ผ้าแพรบางๆปิดยังไงก็ยังมองเห็นแน่ แต่คงลางๆเห็นไม่ชัดเจน คนๆนี้ตั้งใจแน่วแน่แล้ว ส่วนเขา...ไม่มีทางเลือกและไม่อาจถอยได้อีกแล้ว หงส์หยกผูกปิดตาตัวเอง มันเห็นเลือนรางจริงๆด้วย ร่างสีดำลุกจากเตียงมาหาพลางถอดผ้าคลุมศีรษะออก เป็นหนุ่มฉกรรจ์ อายุเท่ากันไม่ก็อ่อนกว่า
“ดูเจ้ามีความมุ่งมั่นกว่าวันวานมาก”
“ข้ามีทางเลือกอื่นหรือ”
“ใช่.....ไม่มี” วงแขนแข็งแรงรวบเอวเล็กเข้ามากอด หงส์หยกเกือบอุทานออกมาด้วยความตกใจ ท่อนแขนใหญ่รัดเขาแน่นราวกับงูพิษจนหน้าแนบกับอกกว้างกำยำ มันเหมือนกำแพงเหล็กที่โอบรัดให้เขาทรมานช้าๆ หายใจไม่ออก....ใบหน้าหมดจดแหงนหงายอ้าปากหมายจะสูดอากาศเข้าปอด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทำให้ลมที่ไหลเข้าลำคอสำลักกะทันหัน
อุ้งมือใหญ่ช้อนปลายคางมนขึ้น ขณะที่ริมฝีปากเย็นๆแนบลงมา นี่มันอะไรกัน??
ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์ทำให้ร่างเล็กได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้อีกฝ่ายบดเคล้าจูบลงมาสอนสั่งให้รู้จักรสชาติของการจุมพิต ลิ้นอุ่นๆแทรกเข้ามาในโพรงปากเกี่ยวพันกับลิ้นเขาไปมา เกิดความรู้สึกขนลุก หนาว ซาบซ่าน วาบหวิว อุ่นที่ท้องน้อย เรี่ยวแรงมลายหาย หลายหลากความรู้สึกเกิดขึ้นปนเปในเสี้ยววินาที จนหงส์หยกไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
กลิ่นกายที่รายล้อมเป็นเหมือนกอดที่อ่อนโยนยิ่ง จนไม่อยากให้ทุกอย่างสิ้นสุดไปเลย พอริมฝีปากอุ่นผละห่างไปเท่านั้น สองมือน้อยๆคว้าเสื้ออีกฝ่ายไว้โดยไม่รู้ตัว แต่แล้วจูบอุ่นๆก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้หวานละมุ่นจนแทบละลายในวงแขนนั้น กว่าเขาจะรู้สึกตัวก็ถูกช้อนอุ้มขึ้นทั้งตัว พาไปที่เตียงแล้ว หัวใจน้อยๆเต้นแรงและเกิดอารมณ์หวานไหว ใช่ว่าเขาจะมิเคยอ่านนวนิยายประโลมโลก หากมิเคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตนเอง และเป็นฝ่ายถูกกระทำเสียด้วย
แสงเทียนเล่มเดียวในห้องให้แสงสว่างที่น่าคลุมเครือยิ่ง หงส์หยกแน่ใจว่าเขาต้องแสดงอากับกิริยาแข็งขืนต่อต้านแน่ หากไฉนเลยถึงได้เห็นใบหน้าผ่านผ้าแพรบางๆนั้นคลี่ยิ้มนะ
“เจ้าช่างน่ารักจริงๆ”
“หยุดพูดนะ”
“ได้.....ข้าจะใช้ปาก....ทำอย่างอื่น” เขาดึงผ้ารัดเอวจากเอวบางออก กระตุกปมมัดไม่กี่ทีก็สามารถถอดเสื้อตัวนอกออกไปได้ มืออุ่นๆสอดเข้ามาสัมผัสผิวนุ่มที่ซอกคอ นั้นก็ทำให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำเลย เขากลัว! ราวกับตนเองถูกปอกเปลือกออกทีละชั้นจนเปลือยเปล่าเหลือแต่แก่นภายในที่น่าอาย
จูบเบาๆที่กกหูคล้ายจะปลอบประโลมว่า ‘อย่ากลัว’ พร้อมกอดที่หนักแน่นปานประหนึ่งปราการที่ปกป้องเขาเอาไว้ น้ำหนักมหาศาลกดร่างเล็กลงเสียแทบจะจมลงในฟูกหงส์หยกต้องหายใจเอากลิ่นอายจากอกกว้างเข้าเต็มปอดอย่างช่วยไม่ได้ นั้น....ราวกับส่วนหนึ่งของร่างแกร่งแทรกซึมเข้าสู่ภายในของเขา มันทำให้มึนเมา เคลิ้บเคลิ้ม ไปกับฝ่ามือที่สัมผัสเขาทุกสัดส่วน
“อา....” เสียงอันน่าอายหลุดลอดจากปากน้อยๆจนได้ นั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายแตะต้องรุนแรงตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ราวกับสัมผัสเขายังไม่หนำใจพอ จึงได้ล่วงล้ำในส่วนที่ไม่ควรแตะ หงส์หยกถึงกับร้องเสียงหลง “อย่า....พอแล้ว พอ....”
มือน้อยๆพยายามดันมือที่แข็งแรงกว่าให้ออกไปจากจุดต้องห้ามนั้น ร่างแกร่งที่คล่อมอยู่เหนือร่างถึงกับหายใจกระเส่า กลืนน้ำลายเฮือกด้วยความกระสันอยาก แต่ต้องสะกดกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ เสี้ยววินาทีนั้นเอง ปลายนิ้วไล้ผิวบางๆในช่องอันคับแคบแผ่วเบา ร่างเล็กถึงกับสะดุ้งเฮือก
“ อ๊ะ....โอ้ววว..ว” หงส์หยกเหยียดร่างขึ้นทันที มีพลังบางอย่างแล่นปร้าดไปทั่ว มันทำให้เขาเจ็บแปล้บอย่างประหลาด น่าสะพรึงกลัว แต่ก็น่าถวิลหาจนเกินจะห้ามใจ เหนือร่างเขาทำเสียงเหมือนจะกลั้นไม่ไหวแล้ว สองมือช้อนใต้เข่าขึ้นแยกเรียวขากางออกกว้างในลักษณะที่น่าอาย
“ไม่!! อย่า....” เสียงร้องตื่นตระหนกดังลั่นเพียงครั้งเดียวก็เลือนหายไปกับความมืด มือน้อยๆปิดปากสุดกำลังเมื่อตนเองถูกดูดกลืนด้วยความเปียกชื้น อบอุ่น ล้ำลึกรุนแรงและบ้าคลั่ง
“อ๊า!!!!!!!” เสียงหวีดร้องสุดร้องดังลั่นห้องที่มืดมิดเงียบเหงา แสงจากเทียนไขเล่มเดียวในห้องดับลง ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง
**************
ประหนึ่งได้ทอดกายอยู่บนสรวงสวรรค์ อิ่มเอมทั้งกาย....ทั้งใจ หงส์หยกรู้สึกเมื่อว่ามีฟันคมๆขบกัดใบหูเขา พอขยับมือจะพลั่กไสสิ่งนั้นออกไปถึงพบว่าบนตัวเขามีร่างอันใหญ่โตทาบทับอยู่ ฟันคมๆนั้นกำลังฟ้อนเฟ้นผิวเนื้อเขาแรง
“อืม.....หยุด..”
“เจ้าหมดสติไปนานทีเดียว” เสียงงึมงำนั้นอู้อี้อยู่กับซอกคอคล้ายจะห่วงใย ทว่าอ้อมกอดที่แข็งแรงนี้สัมผัสอย่างไม่ออมมือสักนิด ซ้ำยังสอนให้เขาเรียนรู้เพศรสจากเรือนร่างของกันและกันอย่างไร้ยางอาย อุ้งมือใหญ่ดึงมือให้ไปสัมผัสมังกรอันใหญ่โต
โอ้....มันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้ ทั้งแข็งกระด้าง ร้อนรุ่ม ใหญ่โตเกือบจะกำไม่รอบ มิหน่ำซ้ำยังขยับสู้มือเขาด้วย
“อืม.....อย่างนั้นสิ”
เสียงกระเส่าอย่างพึงใจรินรดใบหน้าเขา ขณะที่ร่างกำยำเคลื่อนไหวช้าๆ แม้จะอยู่ในความมืดแต่ก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง มังกรอันร้อนผ่าวบดเบียดเสียดสีกับมังกรน้อยเบาๆ แรงสัมผัสนั้นทำให้สยิวกายอย่างที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน หงส์หยกไม่ส่งเสียงต่อต้านเลย เขาได้แต่บิดร่างไปตามท่วงทำนองเท่านั้น
“อืม....อือ”ริมฝีปากบดเคล้าบนเรียวปากดื่มด่ำเนิ่นนาน เท่านี้ความรู้สึกก็ถูกพัดโหมให้ลุกไหม้อย่างง่ายดาย ฝ่ามือใหญ่สัมผัสร่างเขาไปทั่วก่อนมาหยุดที่กึ่งกลาง เรียวขาถูกดันให้แยกออก ก่อนที่นิ้วเรียวได้รูปจะค่อยๆสอดเข้าลึกในช่องทางที่มิควรเข้า
“ยะ...อย่า...อย่า..” เสียงท้วงถูกกลืนหายด้วยจูบอีกครั้งพร้อมๆกับนิ้วที่กดเข้าลึกอีกทีละน้อย....ทีล่ะน้อย และทีล่ะนิ้ว ไม่นานมันก็เปียกชุ่มจนสามารถใส่ได้ถึง 3 นิ้วได้อย่างลื่นไหล
หงส์หยกเหมือนจะบ้าคลั่งเสียให้ได้ เขามิเคยรู้เลยว่ามันจะปั่นป่วนดั่งพายุที่กระหน่ำใส่ได้แรงปานนี้ เขาถูกล้วงลึกจนไม่เหลือสิ่งใดที่เป็นของตนเองอีกแล้ว ปีศาจตนนี้กำลังจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาไป สองมือรั้งใต้เข่าดันให้เรียวขาพาดบนบ่าแข็งแรง
“อย่างเกร็งนะ....ข้าต้องการเจ้า......ข้าต้องการเจ้าจริงๆ”
คำพูดนี้มาพร้อมกับการดุนดันที่แข็งแกร่ง ร่างเล็กเหยียดตัวหนีแต่ก็ไปได้ไม่ไกลเมื่อเอวเขาอยู่ในวงแขนที่รัดแน่น ช่องทางแคบถูกเบิกกว้างอย่างปฏิเสธไม่ได้ พริบตาเดียวความแข็งแกร่งนั้นก็แทรกเข้ามาในกายช้าๆ หงส์หยกไม่รู้ว่าตัวเองหวีดร้องออกไปดังแค่ไหน รู้อย่างเดียวว่ามันเจ็บ ....เจ็บปานจะขาดใจ น้ำตาเขาไหลอาบแก้ม ช่วงเวลานี้อารมณ์ความรู้สึกมันสับสนไปหมด เขาอยากให้ทุกอย่างมันสิ้นสุดเสีย แต่สิ่งนั้นไม่สนองตอบแม้แต่น้อย
บุรุษหนุ่มรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวที่ค่อยๆชำเราเข้ามาสุดลึก วินาทีที่คิดว่าไม่ไหวแล้ว จูบอุ่นๆก็ช่วยชีวิตเอาไว้ มันรั้งอารมณ์เขาไว้ได้ เกี่ยวพันชักนำให้เขาคลายความตระหนกและนำพาให้ไปพร้อมกันอีกครั้ง บางอย่างถูกเติมเต็มลงมา
มังกรอันแข็งแกร่งเคลื่อนไหวช้าๆ ทำให้ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่เสียดสีกันด้วยความรัญจวนใจได้อย่างเต็มที่ รสหวานซ่านบังเกิดที่ปลายลิ้น ในปาก และแผ่ซ่านไปทั่วร่างตั้งแต่ปลายเท้าจรดเส้นผม และมันถูกสอดใส่ด้วยจังหวะที่หนักแน่นมั่นคง ค่อยๆพาให้ร่างเล็กทะยานขึ้นด้วยความหฤหรรษ์ เร็วขึ้น...แรงขึ้น
“อาหหหหห.....”
“ระ...เร็วไปแล้ว....โอ้ววว” หงส์หยกจิกปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังกำยำ ร้องเรียกเสียงกระท่อนกระแท่น แต่ก็ไม่เกิดผลอันใด เหนือร่างยังคงเผาไหม้เขาด้วยจังหวะที่ร้อนแรงปานพายุ ยิ่งเสียดสีช่องทางเล็กแคบของเขาก็ยิ่งชุ่มน้ำทำให้มันกระหน่ำเขาถี่ยิบด้วยพละกำลังที่น่าตกใจ ร่างเขาสะท้านไปตามแรงอย่างช่วยไม่ได้ อย่างเดียวที่ทำได้คือร้องครวญครางออกมาให้สุดเสียง
“ดะ....ได้โปรด...ได้โปรด....ช้าหน่อย...ข้าจะ....”
ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะถึงจุดของมัน ร่างที่เคลื่อนไหวดุดันขยับหนีกะทันหัน ร่างเล็กถูกพลิกตัวลงคว่ำหน้ากับฟูก สองมือดึงสะโพกให้สูง กว่าจะทันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ช่องทางคับแคบนั้นก็ถูกเติมเต็มอีกด้วยการขยับเพียงครั้งเดียว การจู่โจมรวดเร็วแต่ก็ชุ่มฉ่ำเต็มไปอารมณ์รักท่วมท้น หงส์หยกครางกระเส่าอย่างกลั้นไม่อยู่ ขณะที่อีกฝ่ายยังยัดเหยียดความต้องการเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
“อา.....ข้าต้องการเจ้า....อะ..ต้องการเจ้า” คำพูดที่เค้นออกมาจากอารมณ์ดังอยู่ข้างหู ฉุดให้ร่างเล็กเตลิดเพลิดไปถึงขีดสุดได้อย่างง่ายดาย ด้วยหัวใจที่เย็นชืดมาตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกของคนที่ไม่เคยถูกรักถูกเติมเต็มจนล้นทะลักออกมา หงส์หยกสุขสมอย่างบอกไม่ถูก เขากรีดร้องออกมาไม่หยุด
“โอ้ยยยยย....อ๊า!!!!!” ช่องทางคับแคบบีบรัดแน่น ผนังที่ไวต่อความรู้สึกมอบความสุขล้นแทบสำลักแก่ร่างกำยำที่ดื่มด่ำกับความฟิสแน่นไม่ยั้งจนเตียงตั่งครางเอี้ยด แต่แทนที่จะรีบเร่งให้ถึงจุดหมายโดยไว เขากลับหยุดแล้วดึงร่างเล็กขึ้นมานั่งคล่อมตัก
หงส์หยกอ้าปากรับลิ้นสอดเข้ามาบดขยี้ลิ้นเขาอย่างดุดัน มือใหญ่ขยุ้มทรวงอก บีบคลึงฟอนเฟ้นราวกับเขาเป็นอิสตรี และเลยลงมาถึงสะโพกแน่นหนั่นปลายนิ้วขยุ้มอย่างมันเขี้ยวก่อนรั้งให้มันแนบชิดส่วนกลางลำตัวที่เปียกชื้นและแฉะ แค่นี้ก็ทำให้เสียวซ่านไปทั้งตัวแล้ว
“อาหหห....”
“....เจ้า....ไม่รังเกียจคนอายุน้อยกว่าใช่ไหม”
“เอ๋??”
“เรียก ท่านพี่สิ เร็ว” คำพูดนี้เร่งเร่งพร้อมๆกับนิ้วที่สอดเข้ามาในช่องทางร้อนผ่าว
“ อ๊ะ....โอ้ววว...ไม่”
“เรียกสิ”
“อะ..ไม่...ข้าไม่...ข้ามิใช่ภรรยาเจ้านะ อ๊า!!!!!” ร่างเล็กผวาเฮือก เมื่อนิ้วทั้งสี่สอดเข้าไปถ่างช่องทางออกกว้าง เพื่อให้มังกรแทรกเข้าไปสุดลึก เขาถึงกับหอบฮัก ตัวกระตุกเฮือกๆ ทำไมถึงปั่นป่วนได้ง่ายปานนี้นะ
“ตรงนี้ของเจ้ากลืนกินข้าอยู่นะ...ฮะ....ไม่เรียกข้าเป็นสามีแล้วจะเรียกอะไร” ใต้ร่างกระแทกส่วนแข็งขืนเข้าใส่ราวกับตอกย้ำให้รับรู้ถึงตัวตนที่อยู่ข้างใน จังหวะกระแทกกระทั้นรุนแรงเหมือนจะสั่งสอนให้สำนึกว่าใครเป็นใหญ่
“โอ๊ะ...โอ้ยยยย...พอ....พอแล้ว....พอแล้ว ท่านพี่....” หงส์หยกถึงกับน้ำตาร่วง ตลอดเวลาที่ถูกกระหน่ำซ้ำเติมอย่างดุดัน เขาต้องพูดทุกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการให้พูด ทุกอย่างที่อยากให้ทำ จนแทบหมดสติไปหลายครั้งด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ดี.....ดีจัง.....ที่รักของข้า” เสียงนั้นกระซิบแผ่วเบาเมื่อเขาหวีดร้องสุดเสียง
รุ่งเช้าเขาถึงกับมีไข้ ปวดเนื้อตัวลุกไม่ขึ้น ต้องนอนพักทั้งวัน
คืนวันนั้น ท้องฟ้ายังมิทันมืดสนิท ร่างสีดำก็ปรากฏตัวอีกพร้อมตั๋วเงิน 50 ตำลึง หงส์หยกร้องขออ้อนวอนผัดผ่อนไปอีกวัน เนื่องจากยังบอบช้ำอยู่มาก แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เจ้าปีศาจนั้นได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ คืนแล้วคืนเล่าที่มันหาความสุขจากเขา ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ที่สนองตัณหา เป็นที่รองรับอารมณ์เท่านั้น ทั้งที่ควรเจ็บปวดใจ แต่เขากลับสุขสมนับครั้งไม่ถ้วน
เช้าวันที่เจ็ด หงส์หยกตื่นมาพบเตียงที่ว่างเปล่ากับมะลิช่อหนึ่งบนหมอน ไม่มีจดหมาย ไม่มีคำล่ำลา เหมือนสายลมที่พัดมาแล้วจากไป มีเพียงร่องรอยบนร่างกายและเงินที่จ่ายมาจนครบ 350 ตำลึง
น้ำตาร่วงลงโดยไม่รู้ตัว เพียงเท่านี้สินะ..... เขามีความหมายเพียงเท่านี้
*********
เช้าวันนี้อากาศสดใส แสงแดดเจิ้ดจ้า นกน้อยเจื้อยแจ้วนอกหน้าต่างปลุกให้ต้องลุกขึ้น มาพบกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอีกวัน เตียงเขาว่างเปล่า ห้องเงียบเหงาจนเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ร่างเล็กลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาดั่งเช่นทุกวัน เดินสำรวจความเรียบร้อยในบ้าน และร่วมทานอาหารเช้าพร้อมหน้าทุกคน
“วันนี้เจ้าดูแปลกไปนะ” จู่ๆมารดาก็เอ่ยขึ้นกลางโต๊ะขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารเช้า
“อะไรนะขอรับ” ใจเขาเต้นตึกๆ
“เจ้าดู.....สดใสกว่าทุกวัน”
หงส์หยกมองมารดาตาโต ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้ หลายคืนที่เขาได้พานพบประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าน่าตะลึงเพริด แต่กลับถูกชมว่าสดใสงั้นหรือ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ปกติท่านพี่ดูซีดเซียวเสมอ แต่วันนี้ท่าน ดูสดใสจริงๆเจ้าคะ” น้องสาวเอ่ยชมอีกคน
“มีเรื่องน่ายินดีหรือไร หื้อ”
“อะ...เอ่อ.....ข้า.....ข้าคงนอนเต็มอิ่มน่ะขอรับ”
“อืม...เจ้าน่ะดูแลตัวเองให้ดีอย่าล้มป่วยก็พอ เข้าใจไหม” โจว หย่งซานเตือน เขาก็นิ่งเงียบเช่นเคย
“ข้าอิ่มแล้ว...ขอตัวก่อน” รางเล็กลุกออกจากอย่างหงอยเหงา สองสามีภรรยาหันสนทนากันต่อ
“จริงสิ ท่านพี่ เมื่อวานไปบ้านท่านหลี่ได้ความว่าไงเจ้าคะ”
“อืม....ทางนั้นท่าทางจะตกลงแล้วล่ะ คุณชายเหวินจุ้นไม่ค้านเลย แต่มีข้อแม้อยู่อย่าง”
“ข้อแม้อะไรคะ”
“เขาอยากหมั้นไว้ก่อน และอยากย้ายมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวเพื่อเตรียมตัวสอบจอหงวนและทำความรู้จักหยี่เซี่ยงด้วยว่าจะเข้ากันได้ไหม”
“ต๊ายแล้ว” โจวฮูหยินอุทาน ใบหน้าบานเท่าใบบัว ลองได้ย้ายมาอยู่บ้านนี้ก็เท่ากับประกาศตัวเป็นเขยแล้ว ต่อให้ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งแล้ว “จริงเหรอคะ....คุณชายเขาว่าเช่นนี้จริงหรือเจ้าคะ”
“จริง ท่านหลี่ก็เห็นชอบด้วย”
“โชคดีอะไรอย่างนี้ ถ้าเขาได้มาเป็นเขยเราจริงๆ บ้านเราก็.....” สองสามีภรรยายินดีปรีดายิ่ง ขณะที่หยี่เซียงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“ไอ้ข้านี่ก็เกรงว่าจะล้มเหลวตั้งแต่ทีแรกแล้วนะ ตอนที่คุณชายมาบ้านเราครั้งแรกดูไม่ประทับใจอะไรเลย ทำไมอยู่ดีๆถึงตกลงใจง่ายๆล่ะคะ”
“ฮะฮะ....นกที่ดีก็ต้องเลือกกิ่งทำรังที่เหมาะสม ยังไงก็ต้องพึ่งบ้านเราแหละ....อีกอย่างเขาคงอยากไถ่โทษต่อบิดาด้วย”
“มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“เมื่อวานข้าไปคุยกับท่านหลี่อยู่ ก็ได้ยินคนในบ้านทะเลาะกัน พอถามไถ่แล้วถึงรู้ว่ามีเงินหายไป 350 ตำลึง”
“เงินหายหรือ??”
“ทีแรกน่ะข้านึกว่ามีขโมยขึ้นบ้านท่านหลี่ซะแล้ว แต่กลับเป็นคุณชายเหวินจุ้นนั้นแหละที่ยอมรับว่าหยิบออกไป วันล่ะ 50 ตำลึงเชียวนะ เอาไปตั้ง 7 วันกว่าจะมีคนรู้ บอกว่าเอาไปให้เพื่อนหยิบยืม”
“ตายจริง อย่างนี้ท่านหลี่มิโกรธแย่หรือ”
“เพราะอย่างนั้นแหละ เขาถึงรับปากจะหมั้นหมายกับหยี่เซี่ยง ท่านหลี่ถึงหายโกรธไง ฮะฮะ...ต่อไปบ้านเราจะได้สบายเสียที”
“จริงด้วยเจ้าคะ เอ๊ะ....แล้วทางโน้นจะหาฤกษ์เองหรือว่าให้เราหา”
“คุณชายเหวินจุ้นเลือกแล้ว วันเพ็ญที่จะถึงนี่แหละ”
“อีก 10 วันเองนี่เจ้าคะ ทำไมกระทันหันล่ะ ไม่ได้การแล้ว....ข้าต้องไปจัดเตรียมห้อง”
“เอาห้องที่อยู่ติดๆกับหงส์หยกก็ได้”
“เอ๋??” โจวฮูหยินหันมามองหน้าสามี
“คุณชายเหวินจุ้นขอไว้เอง เขาบอกว่าหงส์หยกอายุไล่ๆกับเขาจะได้เป็นเพื่อนอ่านหนังสือ ฝึกวรยุทธด้วยกันไง”
“ดีเจ้าคะ งั้นข้าจะรีบไปจัดการเลย” โจวฮูหยินกระวีกระวาดไปจัดการตระเตรียมห้องต้อนรับเขยคนสำคัญด้วยความยินดีปรีดา ขณะที่หงส์หยกเดินทอดน่องในสวนหยิบดอกมะลิมาดมกลิ่นหอมอย่างเศร้าสร้อย หัวใจระทมดั่งกลีบดอกไม้ร่วงหล่น
The End
(ติดตามตอนต่อไป) :bye2: :bye2:
-
:pig4:จ้า ในที่สุดก็ได้อ่านตอนจบ
ตอนต่อไปจะเป็นของน้องสามหรือไม่ก็น้องสี่ใช่ป่าว
รออ่านตอนต่อไปจ้า
-
อย่าเพิ่งจบสิ
คุณชายหงษ์ยังไม่สมหวังเลย สงสารคุณชายอ่ะ
-
คุณชายหงส์น่ารักอ่ะ
ขอได้ป่ะ
ว่าแต่บ้านตระกูลเหวินจะได้สะใภ้แบบนี้หมดเลยหรือเปล่าเนี่ย
ชักเริ่มเป็นห่วงละ
-
ค้างทุกคู่ :z3: :z3: :z3:
เคืองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :m31: :m31:
-
จบแบบให้จิ้นเองนะนี่ แต่ก็นะคุณชายเค้าเล่นวางแผนไว้ขนาดนี้ สงสัยย่องหาทุกคืนแน่ๆ
-
แต่ละตอนจบแบบนี้ตลอด
ตั้งใจแกล้งกันใช่ไม๊เนี่ยยยยยยยย
รอความเคลื่อนไหวในตอนต่อไป
-
เง่อ จบแบบนี้ตอนต่อไปก้อของพี่สามสิ
-
จบแบบนี้ตลอด :serius2: จะมีตอนพิเศษใข่มั้ยอ่า
+1
-
จบแบบนี้ ให้คิดต่อกันเองชิมิค่ะ?
เหวินจุ้นแผนสูงนะ ขอมาอยู่ใกล้ ๆ กันแบบนี้ หงส์หยกรับศึกหนักเป็นแน่... :oo1:
-
จะทำยังงัยล่ะทีนี้หงษ์หยกเอ้ย...ทำมัยเศร้าจัง
-
ทั้งคุณชายใหญ่ และคุณชายรอง ต่างเนียนๆไปอยู่บ้านภรรยาโดยดี
-
ท่านพี่ใจดำปล่อยให้หงษ์หยกเศร้าเป็นสิบวัน :angry2:
+1 จบแบบนี้ขอเอามีดจิ้มพุง o18 น้องnariza6 สักหลายๆครั้งให้ใส้ทะลักเเลยโทษฐานจบแบบค้างคา :laugh:
-
จบค้างอีกแล้ว
-
ค้างงงงงงง o9 o9 o9
-
คิดว่าจะจบแบบใหนดีนี่ แบบเศร้าหรืดดีใจดีละนี่
อนากอ่านตอนต่อไป
-
คุณชายบ้านนี้เนียนกันเก่งจริงๆ :laugh:
-
จบแบบนี้อีกแล้ว :m31: ไม่เคลียร์ แต่ให้พอจะเดาได้ :monkeysad:
ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
-
จบสไตล์ค้างคาเหมือนเดิม :serius2:
น่าจะมีตอนพิเศษบ้างสงสารคุณชาย
แต่ยังไงก็รออ่านตอนต่อไปนะ
-
เราสงสารหงส์หยกอ่ะ อย่างกรณีหยกน้อยอ่ะภรรยาเขาหนีไป มันก็เลยไม่มีปัญหา
แต่ของหงส์หยกนี่เหมือนนางบำเรอเลยอ่ะ แล้วถ้าถึงวันที่อาจุ้นต้องแต่งงานล่ะ
แง๊ๆๆๆ ไม่อยากจะคิด สงสารหงส์หยกล่วงหน้า
-
ค้างคาสุดๆๆๆๆ :serius2:
-
อยู่ห้องข้างๆเขา แต่ใจจริงอ่ะ อยากอยู่ห้องเดียวกะเขาเลยใช่ไหม เหวินจุ้น
ย้ายเข้ามาอยู่จริงๆ คงไม่ได้นอนห้องตัวเองหรอกมั้ง
สงสารหงส์น้อยเนอะ
-
แล้วท่านพ่อของคุณชายทั้งสี่จะมีทายาทไว้สืบสกุลเหรอเนี่ย
:sad4:
-
ค้างคาอีกแล้ว...แต่เหวินจุ้นก็ลงทุนเนอะ เงินไม่ใช่น้อย ๆ
น่าสงสารหยี่เซียง...ท่าทางจะต้องหมั้นมาราธอน :laugh:
-
เรื่องนี้นี่มันยังไง จบแบบค้างคาทุกที -*- ...
แต่แหม ... เค้าชอบอ่ะ :z1:
สงสารหงส์หยกจริงๆ ถ้าคุณชายเหวินจุ้ยแต่งกับน้อง ตัวเองก็เป็นแค่นางบำเรอน่ะสิ น่าสงสารอ่ะ
คงไม่ใช่แบบ แต่งงานไปเอาลูกไว้สืบสกุลแต่มารักหงส์หยก ไรงี้ใช่มั๊ย ? (ถ้าใช่ก็ดี)
แต่คุณชายบ้านนี้มันเนียนกันจริงๆนะเนี่ย -0- ...
ปอลอ. แล้วหงส์หยกไม่สงสัยเรื่องที่พ่อแม่คุยกันบ้างเหรอฟะ .... ?
-
จบแบบค้างคาใจ
-
ตอนที่ 3ของมินิซีรีย์ตระกูลหลี่ มาแล้วจ้า
:really2: :really2:
เจ้าสาวของเหวินฉาย
สกุลนานัยน์ตาชวนฝัน
จากเล่อเจียงไปมิคิดคำนึงถึง
ดั่งหญ้าผลิใบกลบรอยเท้าอาชา
สายลมอุดรโชยมาพร้อมความคะนึงหา
เฮ่อ.... บุรุษหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย อากาศยามบ่ายของหน้าร้อนช่างเป็นวันที่ทรมานเหลือเกิน หลังอาหารมื้อกลางวันชุดใหญ่กับน้ำชาอุ่นๆแน่นท้องทำให้หนังท้องตึง หนังตาก็พลอยหย่อนไปด้วย ง่วงก็ง่วงมิหน่ำซ้ำยังต้องทนนั่งเฉยๆรอคอยคนๆหนึ่ง ทั้งที่ไม่อยากคอย ดวงตาเฉยเมยเหลือบมองมารดาที่ยังสดชื่น นั่งแกะเมล็ดแตงโมทานอย่างอารมณ์ดี เห้อะ....คนที่สนุกอยู่คนเดียวก็คือท่านนั้นแหละ
เพี้ยะ...
“นั่งดีๆหน่อยสิ เหวินฉาย” หลี่ฮูหยินตีขาบุตรชายเบาๆ ที่เผลอหน่อยเป็นไม่ได้ต้องนั่งยกขาแบบกุ๊ยข้างถนนไม่มีผิด
“ท่านแม่....ข้าง่วงแล้ว ขอกลับห้องก่อนได้ไหม”
“เอ๊ะ....เจ้านี่นะ ข้าบอกว่าจะมาพบคนเจ้าก็ขอตามมาเองนะ พอทานอาหารเสร็จก็จะกลับเลยรึ อยู่รอพบแม่สื่อกับข้าก่อน”
“โอ้ยย....ท่านแม่ ข้าล่ะเบื่อจริงๆเลย พี่ใหญ่ก็แล้ว พี่รองก็แล้ว สุดท้ายก็มาเจ้ากี้เจ้าการเอากับข้าจนได้ ข้าอุตส่าห์ยอมตามท่านมาถึงเล่อเจียงก็ถือว่าอดทนมากแล้วนะ ข้าเบื่อ....ง่วงด้วย” ชายหนุ่มพร่ำบ่นอย่างหงุดหงิด เขาเพิ่ง 18 เท่านั้นนะทำไมถึงชอบหาเรื่องให้จริงๆ แถมยังต้องเดินทางข้ามเมืองมาด้วย ตอนแรกก็บอกว่ามาเก็บบัญชี เขาก็คิดว่ามีแต่งาน ไม่คิดว่ามารดาจะเจ้าเล่ห์ปานนี้
ก๊อก!!! ก๊อก!!! “หลี่ฮูหยิน ข้าเองคะ จางต้าเหนี่ยง”
ผู้ที่นัดหมายมาถึงก่อนที่สองแม่ลูกจะมีวาทศิลป์กันมากกว่านี้ หลี่ฮูหยินดึงแขนบุตรชายลงนั่งแรงๆ
“เชิญ....”
“ฮูหยิน” จางต้าเหนี่ยง เป็นหญิงชาวบ้านวัยสี่สิบเศษ แต่งกายสุภาพเรียบร้อย หากท่วงท่าการเดินและยิ้มกว้างอันเปิดเผยสบตาคนไปทั่วบอกได้ถึงความเชี่ยวชาญในอาชีพของนาง
“เชิญ....เชิญ มานั่งก่อน นี่บุตรชายคนที่สามของข้า ชื่อ เหวินฉาย”
“คุณชายหลี่ ยินดีเจ้าคะ” นางทักทายสุภาพ บุรุษหนุ่มได้แต่ยิ้มและก้มศีรษะทักทายเท่านั้น ทั้งหมดนั่งลงสนทนากัน “แหม....ต้องขอเรียนตามตรงว่า ข้าจางต้าเหนี่ยงเป็นแม่สื่อมาเป็นสิบกว่าปี เพิ่งได้เห็นคุณชายที่สง่างามมีสง่าราศีดียิ่งก็วันแหละเจ้าคะ”
สองสาวใหญ่หัวเราะฮะฮะฮะถูกใจกันใหญ่ เหวินฉายนั่งมองตาปริบๆ รู้อยู่หรอกว่าคนด้อยกว่าก็ต้องประสบสอพอคนมั่งมีกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทว่า...ได้ยินชัดๆเช่นนี้แล้วกลับรู้สึกขัดหูพิกล
“มีสง่าราศีอะไรกัน ลูกชายข้ายังเด็กอยู่เลย”
“เด็กอะไรกัน หลี่ฮูหยิน คุณชายท่านออกจะสง่าผ่าเผย แค่เห็นแววตาท่านข้าก็รู้แล้วคุณชายฉลาดเฉลียว มีบุญบารมี หากคิดทำการค้าคงร่ำรวยมหาศาล หรือถ้ารับราชการต้องได้เป็นใหญ่เป็นโตจนใครต่อใครต้องอิจฉาแน่นอนเจ้าคะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก....”
“วุ้ย....ข้าพูดจริงนะคะ คนเราน่ะสวรรค์สร้าง ดูคิ้วคุณชายสิคะขนคิ้วหนาขึ้นเป็นระเบียบ หางคิ้วเรียวเหมือนคันศร จมูกได้รูปรับกับดวงตาพยัคฆ์ โบราณว่าไว้ว่าจะมีทั้งทรัพย์ ทั้งอำนาจ”
“ต้าเหนี่ยง เจ้าดูโหว้งเฮ้งเป็นด้วยหรือ”
“ข้าดูคนมามาก ไม่ผิดหรอกคะ อย่างคุณชายเหวินหลงนี่ถือได้เป็นลูกพยัคฆ์ จะหาคู่ให้เหมาะก็ต้องเป็นคุณหนูที่มีชาติตระกูลถึงจะคู่ควรเสริมบารมีให้ว่าที่สามี เช่นนี้จะอยู่กันอย่างมีความสุข จริงไหมเจ้าคะ” จางต้าเหนี่ยงหยิบของในห่อผ้าที่พกพามาด้วยให้ทั้งคู่ชมดู เป็นภาพวาดหญิงสาวที่งดงามยิ่ง
“นี่คือ คุณหนูตระกูลหยู ชื่อ หยูอี้หลาน บิดานางคือท่านหยูซือ พ่อค้าผ้าไหมในเมืองนี้”
ภาพวาดนั้นงามมาก ทว่าจะเชื่อได้มากแค่ไหน ในเมื่อผู้ว่าจ้างจ่ายเงิน คนเขียนก็ต้องเขียนให้ได้ดั่งใจสิ เหวินฉายไม่เชื่อภาพเหล่านี้หรอกจนกว่าจะเห็นตัวจริงเสียก่อน หลี่ฮูหยินหันมามอง เขาส่ายหน้า ไม่ชอบ...
“งั้นคุณหนูท่านนี้เป็นอย่างไรเจ้าคะ คุณหนูตระกูลหลี่”
“เอ๊ะๆ แซ่เดียวกัน ไม่ได้หรอก ขอเป็นแซ่อื่นเถอะ”
“อ้อ....งั้นคุณหนูตระกูลติง เป็นไงเจ้าคะ” ภาพที่เห็นทำให้บุรุษหนุ่มสนใจ มีไผที่มุมปากด้วย ไม่รู้ว่าปากดี หรือปากร้ายกันแน่นะ เหวินฉายนึกเล่นๆ “คุณหนูติงซี่เอ๋อ บุตรสาวท่านติงฮุยเจียง ร้านข้าวสารใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ไงเจ้าคะ”
“อ๋อ เถ้าแก่ติงคนนั้นนั่นเอง ข้ารู้จักๆ”
“อ้อ..คนกันเองนี่ งั้นก็คุยกันง่ายหน่อย ว่าไงเจ้าคะ ถูกใจไหมถ้าไงข้านัดติงฮูหยินมาดื่มน้ำชากันพรุ่งนี้เลยดีไหม”
“มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือ” ชายหนุ่มท้วง
“แหม..ไม่เร็วหรอกคะ คุณหนูท่านนี้เป็นที่หมายปองของคุณชายทั้งหลายในเมืองนี้เลยนะ คุณหนูซีเอ๋อน่ะ งดงามปานเทพธิดา อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพเรียบร้อยเป็นเบญจกัลยาณีที่หาได้ยากยิ่งในยุคนี้ ข้ากล้าเอาศีรษะเป็นเดิมพันเลยว่า คุณสมบัตินางเทียบได้กับไซซีหรือหวังเจาจวิน เลยทีเดียว”
“เห้อะ” เหวินฉายเค่นเสียงหัวเราะประชดออกมา
“อาฉาย”
“เทียบกับไซซี หรือหวังเจาจวินหรือ น้าต้าเหนี่ยง...ข้าน่ะไม่อยากได้ภรรยาระดับนั้นหรอก เพราะความงามมักนำภัยมาสู่ตน แถมสองนางที่ท่านกล่าวมาน่ะไม่ได้ตายดีทั้งคู่เลยนะ”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน” หลี่ฮูหยินตาขวางใส่
“ก็หรือไม่จริงล่ะท่านแม่ ไซซีน่ะโดนถ่วงน้ำตาย ส่วนหวังเจาจวินต้องไปตายเดียวดายอยู่นอกด่านโน่น ถ้าคุณหนูติงที่กล่าวมานั้นเทียบได้กับทั้งคู่ล่ะก็ มีหวังทั้งบ้านได้วุ่นวายตายแน่ นั้นเรียกว่าหาภรรยานำโชคหรือนำเคราะห์ให้กันแน่”
จางต้าเหนี่ยงถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธที่ถูกหักหน้ากลางวงสนทนา เป็นแม่สื่อบางครั้งก็ต้องพูดเกินความจริงไปบ้าง แต่ก็เป็นแค่สีสัน มิคาดคิดว่าจะถูกฉีกหน้าด้วยฝีปากเด็กเมื่อวานซืน
“คุณชายพูดมาก็ถูกนะ ข้าคงกล่าวเกินไปจริงๆ ดูท่า....คุณชายคงมิถูกใจคุณหนูติงเสียแล้ว น่าเสียดาย....เชื้อหงส์แท้ๆแต่กลับตีค่าเพียงนกกระจาบ”
เหวินฉายมองหน้าอย่างไม่พอใจ นี่หาว่าเขาตาไม่มีแววหรือไงกัน
“สำหรับข้าแล้ว จะหงส์หรือนกกระจาบก็มีค่าพอกัน ถ้าเป็นคนดีจริง เรื่องของคนสองคนเป็นเรื่องที่ต้องพูดกันยาวนาน คนรู้จักกันผิวเผินรับอามิสสินจ้างมามีหรือจะรู้จักเนื้อของทองแท้”
“อาฉาย.....เจ้าเงียบได้แล้ว” หลี่ฮูหยินดุด่าก่อนหันมายิ้มให้แม่สื่อ “ต้าเหนี่ยงอย่าถือสาลูกชายข้าเลยนะ เขายังเด็กพูดจาอะไรไม่ค่อยคิดเท่าไร เรามาดูกันต่อดีกว่า”
“เสียใจด้วย หลี่ฮูหยิน” นางหันมายิ้มเย็นใส่ “ข้านำภาพดูตัวมาเพียงเท่านี้ ถ้าท่านอยากดู คงต้องเอาไว้วันหลังแล้วล่ะคะ”
“อ้าว??”
“ขอตัวก่อน” นางว่าน้ำเสียงเย็นเฉียบก่อนเดินออกจากห้องไปไม่เหลียวหลัง นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นนางแน่ หลี่ฮูหยินหันมามองบุตรชายตาเขียวปั๊ด
“ไม่ใช่ความผิดข้านะ” ชายหนุ่มรีบหยิบเมล็ดแตงโมแล้วลุกจากโต๊ะไปให้ไวที่สุด ก่อนจะเจอฝ่ามือของมารดาสั่งสอน หนอย....แม่สื่อตัวแสบ โดนแขวะแค่นี้ทำเป็นมีน้ำโห อีโธ่เอ้ย......ริจะเป็นแม่สื่อก็ต้องชะเลียให้เก่งกว่านี้สิฟะ ไม่เอาไหนเสียเลย
ร่างสูงออกมายืนที่หน้าต่างระเบียงทางเดินของโรงเตี้ยม แทะเมล็ดแตงโมไป มองถนนย่านใจกลางเมืองของเล่อเจียงอย่างเพลินตา ลมเย็นๆทำให้อารมณ์เย็นตามและสังเกตเห็นบางอย่าง ผู้หญิงเมืองนี้หน้าตาสะสวย แม้จะเป็นลูกชาวบ้านก็มีดวงตาอ่อนหวาน ผิวสวยและรอยยิ้มละมัย เอ...หรือว่าคุณหนูติงนี่จะสวยจริงๆนะ....
ความสงสัยนี้เก็บงำไว้จนถึงหัวค่ำ เหวินฉายรอจนมารดาหลับจึงย่องออกมานอกห้องลงมาหาบ่าวรับใช้ที่นอนเฝ้ารถม้าอยู่หลังโรงเตี้ยม คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ส่องแสงสว่างจนเห็นเงาของตนเอง สองนายบ่าวจูงม้าออกมาอย่างเงียบเชียบดุจโจรขโมยของ
“คุณชายจะไปไหนดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้”
“ข้าอยากไปที่แห่งหนึ่ง”
*************
(โปรดติดตามตอนต่อไป) :bye2: :bye2:
-
หุหุ จะเจอคุณหนูติงหรือป่าวนะ เอหรือคุณชายติง
-
น้องชายก็เเล้ว พี่ชายก็เเล้ว
หวังว่าคงไม่ใช่ข้ารับใช้ กับหลาน น้า หรืออานะเจ้าค่ะ!
-
พี่น้องตระกูลเกย์ :m20: :m20:
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
เกย์ทั้งบ้านแน่ๆ แล้วจิมีลูกหลายสืบสกุลหรอเนี่ย พ่อแม่อกแตกตายแน่ :laugh:
-
แล้วใครคือภรรยาของท่านชายสามเนี่ย
:jul1:
-
เพิ่งเข้ามาอ่านค่า ชอบๆๆๆแนวนี้ชอบมากๆๆๆ :-[
ว่าแต่เนื้อคู่คุณชายสามจะเป็นคุณหนูติงจริงเหรอ :z1:
รออ่านตอนต่อไปค่า
-
เอาชายหนึ่ง กะ สองมาลงอีกเถ๊อะ ยังค้างคาใจ ว่าจะไปจ๊ะกันได้ไงต่ออ่า
-
ชายสามจะจบค้างอีกมั้ยเนี่ย
มาต่อเร็วๆนะจ๊ะ
+1 :pig4:
-
ทั้งพี่ทั้งน้องเลย :laugh: :laugh: :laugh:
-
ทั้งบ้านเลยป่าว
:oo1: :oo1: :haun4:
-
มีแต่บรรดาเจ้าสาวของหลี่ อยากให้หลี่เป็นเจ้าสาวมั่งอ่ะ ฮี่ๆๆๆ :haun5:
-
มีแต่บรรดาเจ้าสาวของหลี่ อยากให้หลี่เป็นเจ้าสาวมั่งอ่ะ ฮี่ๆๆๆ :haun5:
ถูกใจยิ่งนัก +ให้เลยจ้า
คนเล็กยังมีโอกาส อิอิ
-
o18ครั้งหน้าจะลงตอนจบด้วยมั้ยอ่ะ แบบว่ามันค้างอ่ะ
แต่ถึงจะค้างก็จะติดตามไปจนถึงตอนของคุณชายเหวินสี่เลย
ตอนต่อไปคุณชายเหวินฉายจะเจออะไรอ่ะ อิอิ
-
คุณชายบ้านนี้ชอบหยกเนอะ
คราวนี้จะได้หยกชิ้นงามแบบไหนน้ะ
-
มีแต่บรรดาเจ้าสาวของหลี่ อยากให้หลี่เป็นเจ้าสาวมั่งอ่ะ ฮี่ๆๆๆ หื่น
เห็นด้วยสุดๆๆๆๆๆ :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
-
ชอบเนื้อเรื่องนะคะ สนุกดี แต่เสียดายจบแบบค้างคาทุกคู่เลย อยากให้เขียนบทจบให้ยาวกว่านี้อีกสักนิดจัง
-
ค้างตลอด
:serius2: :serius2:
แต่ก็รอจ้า
:L2: :L2:
-
รออ่านจ้าา
-
:z13: รออ่ะรอ
ท่าทางคุณชายคนเล็กนี่ปากดีจริงๆ นาาาาา~
เอาซะยัยป้าแม่สื้อกริบเลย ฮากริบ ฮ่าๆๆๆ :a5:
อยากรู้ว่าผู้ชายคนต่อไปจะเป็นใคร อ่า..เด็กรับใช้ในบ้านป่าวเนี่ย
รอค่ารออออออออ อย่าค้างน้าาาาาาาาาาา
ขอร้องเถอะ อย่าได้ค้างงงง สงสารคนอ่านเถอะน้าาาาตัวเอง
-
จะค้างอีกใช่มั๊ยคู่นี้อ่ะ :เฮ้อ:
-
รู้ว่าคงจบแบบไหน
แต่อยากรู้ว่าเขาจะได้กันยังไงค่ะ 555 หอบหื่นอีกแล้ว
-
ตอนจบของเหวินฉายคะ มาต่อได้เสียทีเฮ่อ..... :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แสงจันทร์ค่ำคืนนี้ช่างดูเศร้าเสียนี้กระไร เหมือนความรู้สึกในเวลานี้ที่เศร้าสร้อยอาดูร ทั้งอ้างว้างโดดเดี่ยวจนเจ็บปวดใจไปหมด มือน้อยๆกุมแน่นจนข้อนิ้วมือขาวซีด เขากำอยู่นั้นกว่าจะรู้สึกตัวก็เจ็บชาไปหมด ขณะที่คนในบ้านจัดห้องหับเรียบร้อยแล้ว ถึงหันมามองคนที่นั่งนิ่งเป็นหุ่น แสงจากเทียนไขอาบใบหน้าดูไร้ชีวิตชีวา แต่ก็งดงามเหมือนมารดาที่ล่วงลับไป
“พี่เสียใจ กระต่ายน้อย”
ชิงเสี่ยวทู่ ( แซ่ชิง เสี่ยว=น้อย ทู่ = กระต่าย เวลาอ่านออกเสียงจะเป็นเสี่ยวทู่จึ่อ ) เงยหน้ามองพี่ชายที่กำลังจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ
“ข้ามิเป็นไร ท่านไปเถอะ”
“กระต่าย...”
“รีบไป......เสร็จเรื่องแล้วข้าจะส่งข่าวถึงพี่เอง” ดวงตากลมโตมองอย่างมุ่งมั่นตั้งใจในสิ่งที่จะทำแล้ว ผู้เป็นพี่ชายก็ได้กล้ำกลืนความเสียใจ หันไปเก็บข้าวของที่เหลือออกไปข้างนอกที่รถม้ารออยู่ เหลืออีกคนที่รั้งรออยู่ มันหันมายิ้มเยาะใส่จนมิอาจทนดูได้
สายลมพัดพลิ้ว กังสดาลส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งใสอยู่เป็นเพื่อน ร่างเล็กลุกขึ้นปิดหน้าต่างเสีย ก่อนจุดเทียนไขเพิ่มในห้องโถง ที่ทางเดินระเบียง ไปถึงประตูหลังบ้าน เมื่อเดินเสียทั่วบ้าน เด็กน้อยก็นึกถึงความหลังที่ได้เติบโตในบ้านหลังนี้ แม้ไม่กว้างขวางใหญ่โต แต่ก็เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนสุข ทว่า..... ความสุขไม่ยิ่งยงเลย
“ยังมายืนอ้อยสร้อยดูอะไรอีก รีบๆกลับไปรอที่ห้องได้แล้ว” สี่ต้าเปาผู้ทำหน้าที่ไม่ต่างจากสุนัขยามกล่าว
“รู้แล้ว”
“เห้อะ....จะดูอะไรนักหนา บ้านโทรมๆหลังนี้ อีกหน่อยเจ้าได้ไปอยู่ในที่ใหญ่โตหรูหรากว่านี้ตั้งเยอะ แล้วเจ้าจะไม่เสียใจที่ยอมข้อเสนอของนายข้า”
“ข้ายอมรับข้อเสนอก็เพราะเจ้านายเจ้ายินยอมปล่อยพ่อกับพี่ชายข้า ไม่ใช่เพราะเขามีบ้านใหญ่โต” ร่างเล็กหันกายกลับมายังห้องโถงที่สว่างไสวมากที่สุดในบ้าน โต๊ะกลางมีสุราเตรียมเอาไว้รอคนสำคัญมา กระต่ายน้อยกอดอกแต่มือแอบแตะวัตถุบางอย่างที่ซุกซ่อนเอาไว้ ขอให้มาช้าๆหน่อยเถอะ ยิ่งช้าเท่าใดพี่ชายและบิดาก็ยิ่งไปได้ไกลเท่านั้น และเมื่อมันผู้นั้นมา เขาจะจัดการมันด้วยตัวเอง
“เฮ่อ....ทำไมชักช้านักนะ” สี่ต้าเปาบ่น มันหยิบเอาสุราที่เตรียมไว้รอเจ้านายมาดื่ม
“นั้นของที่เตรียมไว้ให้เจ้านายเจ้า”
“ช่างประไร”มันยกดื่มจอกหนึ่ง “เจ้าล่ะ ดื่มไหม”
“ไม่”
“หึ...เด็กอย่างเจ้าเยือกเย็นผิดวิสัยเด็กไปหน่อยนะ เช่นนี้แล้วคงเตรียมใจไว้แล้วสิ” ดวงตาสีดำเหลือบมองมันเขม็ง “ผ่อนคลายหน่อยดีกว่า เดี๋ยวนายท่านของข้าจะรู้สึกว่าเจ้ากระด้างเกินไป”
ที่มันพูดมาก็ถูก เขาควรผ่อนคลายสักหน่อย มิเช่นนั้นคงยากที่เข้าใกล้มันผู้นั้น เด็กน้อยรับจอกเหล้ามาดื่มรวดเดียวหมด น้ำอันร้อนผ่าวไหลลงคอไปอุ่นกระเพาะเขาวูบวาบ ความร้อนรุ่มนี้ทำให้นึกถึงครั้งแรกที่เขากับพี่ชายแอบขโมยของร้านดื่ม แค่อึดเดียวเท่านั้นก็ถูกดุด่าเป็นการใหญ่
‘ท่านแม่....’ กระต่ายน้อยภาวนาขอให้มารดาคุ้มครอง ตั้งแต่เล็กจนโตครอบครัวเขาอยู่อย่างสงบ มีความสุขที่สุด ปีกลายมารดาเขาล้มป่วยและลาจากโลกไปโดยที่ไม่ให้เวลาได้ทำใจ ทิ้งให้พวกเขาเศร้าอยู่นาน แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เขาคิดว่าทำใจให้เลิกเศร้าได้แล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายตามมาอีก
3 วันก่อนอยู่ดีๆก็มีคนร้ายบุกเข้ามากลางวันแสกๆทำร้ายบิดาบาดเจ็บปางตาย เลือดของท่านนองพื้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลจนดูแทบไม่เป็นผู้คน เขาต้องอ้อนวอนแทบตายพวกมันถึงหยุด เจ้าคนชั่วที่คอยสั่งการหัวเราะเยาะเย้ยสะใจที่ได้เห็นสภาพนั้น หม่าจื้อฝ่านคือนามของมัน บุรุษที่อ้างว่าได้กระทำในสิ่งที่สมควรแล้ว เพราะบิดาเขาคือคนชั่วที่แย่งชิงคู่หมั้นผู้อื่น หลอกพานางหนีมาร่วมยี่สิบปี เขามาเพื่อล้างแค้นและล้างอาย
นี่เป็นสิ่งที่กระต่ายน้อยยอมไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าในอดีตบิดามารดาจะทำการใดมา ท่านก็ไม่สมควรถูกประณาม ถูกกระทำเยี่ยงสัตว์ ซ้ำร้ายเจ้าหน้าที่ของทางการไม่จับกุมเจ้าคนชั่วนั้นอีก มันลอยหน้าลอยตาข่มขู่เขากับพี่ชายอยู่ข้างเตียงของบิดาที่ยังไม่ได้สติ เพียง3 วันเท่านั้นครอบครัวที่แสนสุขของเขาก็สิ้นไร้ไม้ตอก ไม่มีที่พึ่งพา แม้แต่หมอยังถูกไล่ตะเพิดไม่ให้ตรวจรักษาคนเจ็บ
เขาไม่มีทางอื่นนอกจากคุกเข่ากราบกรานขอให้มันเมตตา นั้นถึงทำให้มีข้อตกลงนี้เกิดขึ้น ข้อตกลงที่น่าอดสู แต่.....ก็เป็นโอกาสเดียวของเขา
************
ดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นอยู่กลางฟ้า ส่องแสงนวลตาเป็นสิ่งเดียวที่สวยงามดั่งภาพจากสวรรค์ที่ให้ความบันเทิงใจของคนเดินดิน เมืองเล่อเจียงเป็นเมืองผ่านไปยังเมืองใหญ่อีก 4 เมือง จึงมีผู้คนสัญจรผ่านไปมาคึกคัก แม้จะยามค่ำคืนแล้วก็ตาม รถม้าคันหนึ่งผ่านย่านอโคจรของเหล่าบัญฑิตและลูกผู้ดีไปยังตรอกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ที่นี่เงียบสงบยิ่งนัก
“ที่นี่หรือ” เหวินฉายเลิกผ้าม่านออกมาดู แล้วพบว่าประตูหน้าบ้านตระกูลติง ค่อนข้างเงียบและมืด นี่หรือตระกูลที่ร่ำรวย ไม่ใช่คฤหาสน์ด้วยมันเป็นแค่บ้านเท่านั้น เห้อะ..เห็นไหมล่ะ แม่สื่อขี้โม้เอ้ย.....นี่หรือลูกเศรษฐีน่ะ
“คุณชาย มาทำไมที่นี่ล่ะขอรับ”
“มาดูอะไรหน่อย...เจ้ารออยู่นี่ล่ะกัน” ร่างสูงลงจากรถม้ามามองเหลียวซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่าปลอดคนดีจึงเหินร่างขึ้นไปบนหลังคาบ้าน หลังคาใหญ่โตดีแต่ก็อย่างว่าแหละสภาพก็เหมือนบ้านพอมีฐานะ มีตัวบ้านชั้นนอก ชั้นใน ไม่มีสวนย่อมหลังบ้าน หรือเรือนบ่าวไพร่เลย ท่าทางจะไม่ร่ำรวยอย่างที่แม่สื่อว่าสักนิด
ในบ้านมีแสงสว่างและเงาเคลื่อนไหวไปมา เหวินฉายเพ่งมองไปที่หน้าต่างบานที่เปิดออกมา แสงจันทร์สว่างพอให้เห็นใบหน้าอ่อนหวานปานฉางเอ๋อมาเยือนพิภพ นี่หรือคุณหนูติง อาจจะเทียบไซซีหรือหวังเจาจวินมิได้ แต่ก็น่ามองจนยากจะถอนสายตา นางมีดวงตาหวานฉ่ำ จมูกรั้นน่ารัก ริมฝีปากอิ่มยั่วเย้า ผมดำขลับปล่อยสยายล้อมกรอบดวงหน้าดูบอบบางน่าทะนุถนอม ที่ว่ามีผู้ชายหลายคนหมายปองนี้คงพูดไม่ผิดแน่
แต่แล้วบุรุษหนุ่มก็เห็นบางอย่างที่ผิดปกติ แววตานางดูเลื่อนลอยจู่ๆก็ซบหน้าลงกับกรอบหน้าต่างคล้ายมึนเมา เงาคนผู้หนึ่งปรากฏในห้องเข้ามาใกล้ หน้าตาอัปลักษณ์ดูก็รู้ว่าเป็นไพร่สถุล มันประคองนางออกห่างจากหน้าต่างหายไปต่อหน้า เหวินฉายมิคาดคิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ คุณหนูตระกูลติงเป็นหญิงร่านสวาทหรือไร ถึงมีบุรุษอื่นในห้อง หน้าตาแตกต่างกันคนล่ะขั้วเช่นนี้มิใช่ญาติกันแน่ เพื่อให้ความกระจ่างแจ้งแก่ใจร่างสูงกระโจนลงจากหลังคาลงมาเพื่อดูให้แน่ใจ เขาก้าวมาไม่ถึงหน้าต่างบานนั้น
โครม!!!!
ร่างหนึ่งพุ่งชนประตูห้องจนหลุดออกมาทั้งบาน ล้มกลิ้งอยู่กับพื้น
“ช่วยด้วย...ฆ่าคนตาย....ฆ่าคนตายแล้ว” เป็นชายอัปลักษณ์ที่ร้องตะโกนลั่น มันตะลีตะลานคลานหนี เนื้อตัวมีแต่โลหิต นี่มันอะไรกัน?? เหวินฉายได้แต่ยืนตะลึงมองดู ร่างบอบบางออกมาในสภาพชุดกระโปรงรุ่ยร่าย ผมเฝ้ากระเซิง กระนั้นนางก็ยังน่ามอง ดวงตาวาววับฉ่ำเยิ้มด้วยความกระหายบางอย่าง
“ข้าจะฆ่าเจ้า....” ในมือน้อยๆกำมีดสั้นเปื้อนเลือดแน่น นางเดินโซซัดโซเซมาหา แย่แล้ว นี่เขาต้องมาเป็นพยานการฆาตกรรมหรือไร แล้วจะช่วยคนไหนดีล่ะ
“อย่า....ข้าผิดไปแล้ว ข้ากลัวแล้ว” เจ้าคนอัปลักษณ์ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปยังประตูใหญ่ ร่างบางทำท่าจะตามไปเขาจึงเข้าไปขวาง
“เดี๋ยว...อย่าตามไปเลย”
ดวงตากลมโตจ้องมองด้วยความตกใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็เปลี่ยนมาดุดัน หันคมมีดใส่ ทั้งรวดเร็วและคล่องแคล่วปลายมีดตวัดผ่านใบหน้าเขานิดเดียว เมื่อพลาดแล้วปลายนิ้วได้รูปหมุนด้ามมีดตวัดกลับรวดเร็วจนเหวินฉายตกใจ เขาถอยหลบแทบไม่ทัน เป็นวรยุทธด้วยหรอนี่?? คำตอบอยู่ที่การจู่โจมที่หมายจะเอาชีวิตให้จงได้ ร่างเล็กพุ่งเข้าหาทำให้ต้องตีลังกาหลบ สองมือยันพื้นไว้ดันตัวเองพลิกกลับขึ้นมา หลบคมมีดที่ตวัดเล่นงานขาทั้งสองข้างได้อย่างฉิวเฉียด
“เจ้าหยุดก่อนได้ไหม” เขายกมือห้าม แต่นั้นไม่มีความหมายอะไรเลย ร่างบางยังกำมีดสั้นพุ่งเข้ามาหาเป้าหมายคือจ้วงแทงเข้าที่ทรวงอกให้ถึงตาย เหวินฉายเห็นจังหวะในพริบตานั้น เขาเตะเข้าที่ข้อมือเล็กๆนั้นทีเดียวมีดสั้นลอยคว้างกลางอากาศตกลงกระแทกพื้นอิฐเบื้องล่าง เคร้ง!!!
“อ๊า!!!!!” ร่างเล็กร้องอย่างคลุ้มคลั่ง ก่อนถลาเข้าหาราวกับคนบ้า
ฝ่ามือใหญ่เกร็งพลังเพียงกึ่งหนึ่งซัดเข้าที่ไหล่บางทีเดียว ร่างในชุดสีชมพูอ่อนหวานกระเด็นไปกระแทกกระถางต้นไม้ที่เรียงรายข้างกำแพงแตกกระจาย เสียงสนั่นหวั่นไหว แย่แล้ว....
“คุณหนูติง??”
“โอ้ยยย....” ร่างบางครวญครางเอามือกุมท้องแทนที่จะเป็นหลังหรือสะโพก “ช่วยด้วย....ช่วยข้าด้วย”
“เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บมากไหม” ร่างสูงปราดเข้ามาดูอาการ
เพล้ง!!!! กระถางแตกครึ่งซีกประเคนใส่ศีรษะเขาเต็มๆ เหวินฉายร่วงไปกองกับพื้นรู้สึกเหมือนวูบไปชั่วขณะ หูนั้นอื้อไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ทั้งยังเห็นแสงสีเหลืองวิบวับใต้เปลือกตาตลอดเวลา เขาพลาดไปอย่างไรกัน บ้าที่สุดเลย!!
บุรุษหนุ่มพลิกตัวหงายขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับร่างบางขึ้นคล่อมบนตัว สองมือกดไหล่กว้างกับพื้น ตาต่อตาประจันกันใกล้ๆ เขาได้กลิ่นหอมของลิ้นจี่แช่เหล้าเจือในลมหายใจอุ่นๆรินรดใบหน้า และสัมผัสได้ถึงความกลัว ความตื่นตระหนกได้ในแววตาคู่สวย ไอร้อนโชยมาจากร่างอุ่นและสีระเรื่อจากพวงแก้มอิ่มเหมือนลูกท้อบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่น ริมฝีปากขยับคล้ายจะเอื้อนเอยบางอย่างแต่ก็ไม่มีเสียงใดลอดออกมา
แคว่ก!!! มือบางแต่แข็งแรงกระชากสายคาดเอวออก ก่อนตะกุยเสื้อผ้าเขาเป็นการใหญ่ ร่างแกร่งแข็งทื่อด้วยความคาดไม่ถึง
“ดะ...เดี๋ยว...นี่เจ้า...”
“ข้าต้องการมัน....ข้าต้องการมัน”
ต้องการอะไร?? เหวินฉายงุนงงแต่ไม่สับสน การที่เสื้อผ้าถูกทึ้งไปถึงกางเกงนั้นหมายถึงอะไร ทว่าในหัวนั้นมึนไม่หาย หน้ำซ้ำสองมือถูกหัวเข่ากดทับอยู่แนบกับตัว ร่างแกร่งรวบรวมเรี่ยวแรงจะฝืนตัวลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด มือเย็นๆสอดเข้ามาสัมผัสในส่วนที่ร้อนที่สุดในร่างกาย เพียงแค่นี้ก็ทำเอาเรี่ยวแรงเหือดหายไปหมด
“เจ้า.....”
มือข้างนั้นทำให้สติไม่มั่นคงเสียแล้ว เรี่ยวแรงถดถอยไปสิ้น ในท้องเขาปั่นป่วนไปหมด อารมณ์หนุ่มลุกโชนทั้งที่สถานการณ์ไม่เอื้อ แต่เหมือนความรู้สึกจะยังตื่นตัวช้าไม่ทันใจ ร่างเล็กจึงเลื่อนตัวลงและทำในสิ่งที่เหวินฉายไม่คาดคิด
“อูวววว....หยุด!!....หยุดๆๆๆๆ อือ” ปากบอกว่าหยุด แต่มือที่เป็นอิสระแล้วกลับขยุ้มผมนุ่มสลวยนั้นไว้แน่น หาได้พลั่กไสไม่ รสกามาชายหนุ่มเพิ่งได้ลิ้มลองครั้งเดียวเท่านั้นเมื่อปีก่อน และเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะอีกเลย ด้วยความรู้สึกว่าสถานที่ที่ไปนั้นมันไม่เหมาะสม แต่ก็เป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืม หากนางโลมผู้สอนสั่งเมื่อวันวานเทียบไม่ได้เลยกับนางผู้นี้
กระตือรื้อล้นของนางเต็มเปี่ยม ร้อนรนแต่ไม่รีบเร่ง มือและปากเคลื่อนไหวเป็นจังหวะท่วงทำนองที่ดื่มด่ำล้ำลึก หวานละมัยเสียจนใจจะขาดรอนๆ เขาแข็งขืนจนเจ็บปวดไปหมด ร่างเล็กขยับขึ้นมาคล่อมเขาบนพื้นแข็งๆ ทั้งที่มันแข็งกระด้าง เย็นและไม่สะดวก บุรุษหนุ่มก็ไม่สนใจ เขามีสิ่งที่ร้อนรนที่ต้องจัดการอย่างเร่งรีบก่อน กระโปรงรุ่มรามสีชมพูกองขึ้นมาถึงอกเขาเกะกะจนอยากจะฉีกมันทิ้ง และก่อนที่จะทำเช่นนั้นจริงๆ ร่างเล็กก็ครอบงำเขาอย่างรวดเร็ว
“ อูยยยยยย..” เขาหนิ่วหน้าที่ด้วยความรู้สึกที่เหมือนจะเจ็บแต่ก็ไม่เจ็บ เมื่อถูกบีบรัดในความคับแคบอันเปียกชื้นอบอุ่น ความรู้สึกที่ไหลหลากเข้ามานั้น ช่างเสียวซ่านจนปลายเท้าเกร็งเครียด โอ้ยยยยย....เขาจะขาดใจตายแล้ว
“อือ..” เหนือร่างเขาร้องด้วยความเจ็บปวด มือที่กดไหล่เขาสั่นระริก เหวินฉายเหลือบมองใบหน้าอ่อนวัยกว่าแล้วพบว่า เต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้ม ปากน้อยขบเม้มตลอดเวลา เรียวคิ้วขมวดย่นไม่เห็นความพึงใจหรือสุขสมเลย จนสุดกลั้นร่างเล็กถึงผ่อนลมหายใจบอกถึงความทรมานยิ่ง ดวงตาที่ชุ่มน้ำลืมมองสบตาเขา แววตาฉายความรู้สึกละอาย เสียใจ และรู้สึกผิด แววตาเช่นนี้ทำให้รู้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติ บุรุษหนุ่มไคร่ถาม แต่นางก็กลั้นเสียงสะอื้นแล้วขยับตัวขึ้นช้าๆ
“อา...” เหวินฉายรู้สึเหมือนโลกของเขาถูกกระชากขึ้นสู่ฟ้า ความวาบหวามเกิดขึ้นที่ขั้วหัวใจ ช่างแสนสุขอะไรเช่นนี้ ความคิดจะพาตัวเองให้หลุดพ้นสถานการณ์นี้เป็นอันสลายในทันใด ความหรรษาที่แสนรัญจวนใจตรงนี้ต่างหากที่บุรุษใดก็ไม่อยากหยุด เพียงเคลื่อนไหวเนิบๆก็ทำให้ลมหายใจที่ขาดห้วงเจือด้วยความเจ็บปวดนั้นเปลี่ยมมาหายใจกระชั้นและเต็มไปด้วยความพึงใจ นั้นทำให้ฝ่ายที่อยู่เบื้องล่างรู้สึกเสียววาบไปด้วย มือแข็งแรงคว้าเอวบางไว้มั่นขณะที่ร่างแกร่งแอ่นโค้งขึ้นอย่างเผลอไผลดันร่างเล็กลอยจากพื้น จังหวะที่วาบหวามนั้นได้รับการเสนอตัวจากเขาส่งเสริมให้ท่วงทำนองเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
“อา.....” ใบหน้าอ่อนวัยแหงนหงายขึ้นรับความสุขสมที่กำลังโลดแล่น เชิญชวนให้เหวินฉายเร่งเร้าจังหวะด้วยการสอดประสานเชื่อมกายเข้าเป็นหนึ่งเดียวในท่วงทำนองที่หนักแน่น รุนแรง ร่างเล็กถึงกับสะเทือนไปทั้งตัว “อะ....โอ้ววววว”
“ฮ่า.....” ความสุขหลั่งไหลมาสู่เขาอย่างต่อเนื่องปานน้ำป่าที่ไหลหลาก เมื่อได้รู้ ได้เห็นความไร้เดียงสายามเสพสมกามารมณ์ครั้งแรกของอีกฝ่าย เพราะพลังนั้นรุนแรงสะท้านไปทั้งเรือนร่าง เส้นเลือดทุกเส้นในกาย กระดูกทุกชิ้นในตัว จนผู้ที่มีแรกสัมผัสจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ต้องกรีดร้องสุดเสียงและทะลักทะลายถึงฝั่งอย่างรวดเร็ว
“อ๊า!!!!” เหนือร่างเขาเหยียดตัวขึ้นเกร็งไปทั้งร่าง กรีดร้องปานจะขาดใจ เหวินฉายไม่เคยเห็นใบหน้าไหนจะสวยงามเท่านั้นมาก่อน เขาเอื้อมมือไปประคองใบหน้าที่อิ่มเอมในความสุขลงมา ร่างเล็กตามมือเขาอย่างว่าง่าย ดวงตาฉ่ำเยิ้มแวววาวมองด้วยความยินดี นางไม่ปฏิเสธจูบจากเขาด้วยซ้ำ ลิ้นอุ่นสอดเข้าไปในโพรงปากที่ชุ่มด้วยความหวาน เขาได้รสเหล้าจางๆที่แสนซาบซ่าน สองมือกอดรัดร่างบางแน่นด้วยความรู้สึกที่ยากจะเอ่ยออกมา นอกจากปล่อยให้อารมณ์นำสิ่งสิ่งทุกอย่างไปตามทำนองคลองธรรม
“อือ..” บุรุษนุ่มครางในลำคออย่างพึงใจเมื่อได้จูบตอบนุ่มนวล นั้นยิ่งทำให้อารมณ์ที่ยังค้างคาสามารถดำเนินต่อไปได้ เขาเลื่อนฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังเล็กเรื่อยลงไปถึงสะโพกมน บางอย่างที่แข็งกระด้างดุนที่หน้าท้องเขาเบาๆ ร่างสูงพลิกตัวขึ้นมาเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนบ้าง โลหิตจากศีรษะหยดแปะลงที่พื้นแต่มันไม่สำคัญเลย เขารั้งเรียวขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่า ชั่วขณะเขานึกรำคาญเสื้อผ้าที่รุ่มร่ามนี่ แต่ไม่มีเวลาใส่ใจแล้ว จุดหมายที่เขาจะไปนั้นต่างหากที่สำคัญ
“ไม่นะ อย่า!” ใบหน้าอ่อนวัยฉายแววตื่นตระหนกขึ้นมา แต่เพียงเขาเสือกตัวเข้าไปสุดแรง เสียงห้ามปรามถึงกับสะอึกอยู่ในลำคอ ปากน้อยๆเผยอค้างด้วยความตกใจในความรุนแรง และไม่มีรีรอให้มากความ ร่างแกร่งรุกรานเข้าไปอย่างไม่ยั้ง นั้นทำให้ความตกใจแปรเปลี่ยนไปเกือบจะทันที ช่องทางคับแคบตอบรับอารมณ์ที่รุนแรงเต็มที่
“โอ้ว....” เขาอุทานด้วยความเสียวซ่าน เมื่อลืมตาขึ้นมาก็สบตากลมโตที่จ้องมองด้วยสีหน้าที่เหมือนจะสับสนในตัวเอง แต่ก็ไม่มีแววปฏิเสธ “เจ้ารู้สึกดีหรือไม่”
เขาถามขณะที่กระแทกกระทั้นรุนแรง ส่วนที่เสียดสีกันนั้นชุ่มฉ่ำด้วยน้ำ ยิ่งทำให้เขาเข้าได้ลึกยิ่งกว่าลึก ร่างเล็กเกาะเกี่ยวไว้แน่นปากพร่ำบอกตลอดเวลา “ไม่....ไม่พอ.....เอาอีก”
คำพูดนี้ทำให้เหวินฉายสุขสมอย่างบอกไม่ถูก เขาโหมกระหน่ำอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ครั้งไหนที่ทำให้เขาเมามันในอารมณ์ได้เพียงนี้ ครั้งแรกของเขานั้นนุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไป แต่ครั้งนี้....ร่างเล็กตอบรับเขาได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ยี่ระต่อความบ้าคลั่งรุนแรงสักนิด กลับตอบโต้และเรียกร้องให้มอบความสุขที่ทวีคูณขึ้นไปอีก
“อา!! อูวววว......” มันช่างวิเศษสุดจนต้องยอมพ่ายแพ้ต่อความคับแคบที่บีบรัด ความสุขทะลักทะลายออกมาจนหมดจนสิ้น ร่างสูงทิ้งตัวลงพังพาบบนร่างเล็กหมดเรี่ยวหมดแรง ทว่าเขายังไม่ทันถอนหายใจอย่างมีความสุขก็ถูกพลั่กให้ลงอยู่เบื้องล่างตามเดิม
“ข้าต้องการอีก”
อะไรนะ! เหวินฉายไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้ เขายกมือจะห้ามให้นางตั้งสติให้ดี แต่ถูกจับข้อมือกดกับพื้น ร่างเล็กก็ทำให้เขาถึงกับสำลักความสุขเมื่อถูกบรนเบรอด้วยพละกำลังดุดันและลีลาที่มีชั้นเชิงขึ้น มีการเสียดสี บดขยี้และบีบรัด รุนแรงเสียจนรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ ทว่าสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขสมยามที่โลดแล่นบนร่าง ก็ทำให้เขาเสียวซ่านไปหมด นางเหมือนกระต่ายน้อยๆที่กระโดดโลดเต้นเริงร่ากลางทุ่งกว้าง เสพสุขกับเสรีภาพของตนเอง สีหน้าเช่นนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสนองทุกอย่างที่นางต้องการ
“อ๊า!!!! อ๊า!!!! โอ้ววววว...วว” ร่างเล็กกดตัวเองลงต่ำ กรีดร้องสุดเสียง ดื่มด่ำลงไปในทะเลแห่งความหรรษาเนิ่นนาน เหวินฉายหอบฮักเมื่อถึงฝั่งเป็นครั้งที่สาม แต่ร่างเล็กถึงเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ นางทิ้งตัวลงข้างๆปล่อยเขาเป็นอิสระจนได้ สองคนแผ่หราหายใจหอบกระเส่า เหนื่อยที่สุดในชีวิตเลย
จนกระทั่งสามารถควบคุมการหายใจของตนเองได้ บุรุษหนุ่มรู้สึกเหนอะหนะแปลกๆ พงกหัวขึ้นมาถึงพบว่ากางเกงเขาเลอะเลือด เป็นเลือดของนาง หันมามองคนนอนข้างๆที่มองอยู่เช่นกัน แววตาที่โหยหาความปรารถนามากมายหายไปแล้ว เหลือแต่แววแห่งความรู้สึกผิด เสียใจ และเจ็บปวด เขาควรพูดอะไรบางอย่างแต่นึกอะไรไม่ออกเลย ร่างเล็กลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว วิ่งไปเก็บมีดสั้นที่ตกอยู่แล้วเตลิดไปยังประตูใหญ่
“เดี๋ยว....อย่าเพิ่งไป...” เหวินฉายใจหายทันที เขาขยับจะลุก แต่แล้วความเจ็บปวดก็บังเกิดขึ้นเหมือนฟ้าผ่าลงมาจนต้องล้มตัวลงนอนเช่นเดิม “อย่าเพิ่งไป...”
อึดใจเดียวก็ได้ยินเสียงรถม้าวิ่งเตลิดห่างออกไป ก่อนที่จะเห็นบ่าวรับใช้คนสนิทวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในบ้าน “คุณชาย.....คุณชาย...มีโจรขโมยรถม้าไปแล้ว คุณชาย....ท่านอยู่ไหน”
“อยู่นี่...” เขาบอกอย่างอ่อนแรง ราวกับหัวใจลอยหายไปกับร่างสีชมพูนั้นด้วย
*************
เช้าวันต่อมา
ลมเย็นโชยมาจากยอดเขาพัดเอาความเย็นฉ่ำมาสู่พื้นราบ สองข้างทางเต็มไปด้วยหญ้าอ่อนและดอกไม้ป่าสีสันสวยงามบานสะพรั่งอวดโฉมให้ผู้สัญจรผ่านไปมาชมชื่น รถม้าคันหนึ่งเดินทางอย่างเชื่องช้าผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจีที่เต็มไปด้วยความสวยงามรายล้อม บุรุษหนุ่มนั่งมองทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถ บนศีรษะมีผ้าพันแผลผืนใหญ่สูดกลิ่นหอมของธรรมชาติเข้าเต็มปอด ก่อนหันมามองมารดาที่นั่งหน้างออยู่ในรถไม่พูดไม่จา ไม่สนใจสิ่งใดเลย
“ท่านแม่ ข้างหน้ามีร้านน้ำชา ท่านอยากแวะไหมขอรับ”
เงียบ.....
“ท่านแม่ ท่านนั่งอยู่แบบนี้มาชั่วยาม คงเหนื่อยแล้ว แวะหน่อยนะ นะ....ข้าหิวแล้วด้วย” เท่านั้นเองหลี่ฮูหยินถึงกับหมดความอดทน นางคว้าด้ามพัดมาพาดไหล่ลูกชาย ผัวะๆๆ แบบไม่แรงนักเป็นการระบายอารมณ์ “โอ้ยยย ท่านแม่ ข้าเจ็บนะ”
“เจ็บแล้วไง! เจ็บแล้วจำไหม เจ็บแล้วสำนึกไหม” นางยังตีไหล่ลูกชายอีกหลายครั้งกว่าจะยอมหยุดมือ “ทำไมเจ้าไม่เอาไหนอย่างนี้นะ มาเจอแม่สื่อก็พูดจาเหลวไหลจนไม่ได้เรื่องอะไรเลย และยังแอบหนีข้าออกไปเที่ยวกลางดึกกลางดื่น ถึงกับถูกโจรตีหัวแตกกลับมา รถม้ายังถูกขโมยไปอีก รู้ไหมว่าเจ้าทำให้ข้าเกือบเป็นลมตายแล้ว.... ไหนค่าหมอ ค่ารถคันใหม่อีก หมดเงินไปเท่าไรรู้ไหม.....มาเก็บบัญชีคราวนี้ กำไรบ่นปี้หมดก็เพราะเจ้า”
“ข้ารู้ ท่านแม่”
“ข้าจะหักเงินเดือนเจ้า...ไม่สิ....ข้าจะริบเงินเดือนทั้งหมดของเจ้าไปจนถึงปีหน้าเลย”
“ท่านแม่....”
“ยังจะพูดอีกรึ” หลี่ฮูหยินเงื้อด้ามพัดจะพาดจนเหวินฉายต้องเขยิบไปนั่งห่างๆ
“ท่านใจร้ายเกินไปแล้ว”
“หึ...แค่นี้ยังน้อยไป” หลี่ฮูหยินคลี่พัดมาโบกคลายอารมณ์ที่เดือดดาลของตัวเองให้เย็นลง “บอกมาสิ...ว่าเจ้าแอบไปไหนมา”
“......ไปเที่ยว” เขาบอกเสียงเบา
“ไปเที่ยวที่ไหน เที่ยวนางโลมใช่ไหม”
“ไม่ใช่” พูดแล้วก็รู้สึกเหมือนแทงใจดำ เมื่อนึกถึงสภาพของตนเองที่เป็นฝ่ายถูกกระทำชำเรา ก็ไม่ต่างจากนางโลม เขาบุกรุกบ้านผู้อื่น โดนพาดหัวซะลุกไม่ขึ้น แถมถูกขืนใจด้วย เขาหนีออกมาโดยไม่ถูกจับได้ก็ดีถมไปแล้ว ป่านนี้บ้านสกุลติงจะเต้นผ่างยังไงก็ไม่รู้ เรื่องนี้ถึงตายก็พูดไม่ได้ไปชั่วชีวิตเลย แต่เขาไม่ยอมปล่อยกระต่ายตัวนั้นไปเด็ดขาด นางเป็นของเขาแล้วและนางเหมาะกับเขาที่สุด ตอนนี้ขอกลับไปตั้งหลักก่อนเถอะ
“ไม่ใช่แล้วไปไหน” บุตรชายอ้ำๆอึ้งๆไม่ให้ความกระจ่างสักที หลี่ฮูหยินจึงเปิดประตูรถม้า “อาหนิว...บอกข้ามาสิ เมื่อคืนเจ้าไปส่งคุณชายที่หอโคมเขียวใช่ไหม”
“เปล่าขอรับ”บ่าวรับใช้หันมาบอก
“เห็นไหม” เหวินฉายยิ้มร่าที่มีพยานยืนยัน “ข้าไม่ได้ไปเที่ยวหอโคมเขียวเลย”
“แล้วเจ้าไปไหมมา” หลี่ฮูหยินจ้องเขม็งทำเอาจนหนทางแก้ตัวแล้ว
“ก็ได้....ก็ได้ เมื่อคืนข้าไปบ้านสกุลติงมา”
“ไปทำไม”
“ไปดูหน้าคุณหนูติง”
“ตายแล้ว...นี่เจ้า..โกหกใช่ไหม เจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงๆหรอกใช่ไหม” หลี่ฮูหยินหน้าถอดสี นี่ถ้าเป็นความจริงและมีผู้อื่นรู้ล่ะก็ ทั้งบ้านต้องอับอายขายหน้าแน่ ที่มีบุตรชายประพฤติตัวไม่เหมาะสม
“จริง.....ใช่ไหมอาหนิว เราไปบ้านสกุลติงกัน”
“หา?? สกุลติงไหนขอรับ” อาหนิวถือสายบังเหียนม้าไป พลางหันมามองหน้าเหรอหรา
“ก็สกุลติงค้าข้าวสารไง ข้าบอกให้เจ้าไปส่งเมื่อคืน”
“เอ๊ะ?? สกุลติงหรอกหรือ ข้าได้ยิน....คุณชายบอกว่าสกุลชิงนะขอรับ ข้าเลยไปส่งท่านที่ร้านชิงราเหมียน (ชิงบะหมี่) ตกลง.....ไม่ใช่หรอกเหรอ”
“....?!” เหวินฉายอ้าปากค้าง หน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนร่วงลงไปในหลุมที่ลึกที่สุดในพื้นพิภพ “จะ...เจ้าบ้า!!!! ดึกดื่นเที่ยงคืน ข้าจะไปร้านบะหรี่หาสวรรค์วิมารอะไร”
“จะ....จะไปรู้ท่านรึ” อาหนิวชักสีหน้าไม่ดีแล้ว
“สกุลติงเว้ย ไม่ใช่สกุลชิง”
“เอ้า...ก็ท่านบอกเสร็จก็ขึ้นรถ ไม่เปิดโอกาสให้ข้าได้ถามเลยนี่....อีกอย่างหน้าร้านก็มีป้ายอันเบ้อเร่อเขียนว่าร้านบะหมี่ ท่านไม่ดูเองนี่นา”
“เจ้ามัน....โอ้ยยหึ่ยยยย...” เหวินฉายโมโหอยากจะเตะไอ้เจ้าตัวดีนี้เหลือเกิน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้นะ!!!!!เขาโกรธจนหน้ามืดเหมือนเลือดจะพุ่งออกจากบาดแผลขึ้นมาจนต้องล้มตัวลงนอน เอาเสื้อแขนยาวคลุมหัวไว้ ไม่อยากมองหน้าใครทั้งนั้น
The end
(โปรดติดตามตอนหน้า) :bye2: :bye2:
-
เสร๊จแล้วนายเอกชิ่งหนีเฉยเลย
:L1:
-
โดนชิ่งหนีทั้งพี่ใหญ่และน้องเล็ก เหอะๆๆ
-
ว้ายๆๆๆ แล้วอย่างนี้ชายเหวินฉายจะตามกระต่ายน้อยเจอมั้ยเนี่ย :z1:
+1 ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปน้าา :o8:
-
แล้ว คู่แรกจบแบบนี้หรอ รู้สึกค้างๆชอบกล
-
555 โดนข่มขืนแล้วหนี
-
ที่แท้ก็ผิดบ้าน :m20: :m20: :m20:
-
สรุปแล้วตระกูลนี้เขาจะสมหวังในรักกันไหมอ่ะ
-
ตระกูลเหวินได้ภรรเมียเพราะความเข้าใจผิดสองคนเลย :laugh:
-
สนุกๆๆ
แต่ก็จบไม่เคลียซ๊ากเรื่องเลย
อิอิ
-
สกุลชิง ชิ่งไวจริง 555555 น้องเลกยัง งงอยู่
-
งานนี้ เหวินฉาย อยู่ดี ๆ ก็โผล่ไปให้กระต่ายน้อยฟันซะงั้นแหละ ~ :sad2:
กระต่ายน้อยกำลังจะลงทัณฑ์คนชั่วได้อยู่แล้ว เหวินฉายที่โผล่ไปตอนนั้น
นอกจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ยังทำให้ไอ้เวรนั่นหนีไปได้อีก
เรียกว่า นอกจากจะไปผิดบ้านแล้ว ยังไปผิดเวลาอีก...
สำหรับเหวินฉายแล้ว โดนแบบนี้ ไม่ต่างจาก "โดนฟันแล้วทิ้ง" สักเท่าไร
แต่ที่กระต่ายน้อยทำ น่าจะเรียกว่า "น้ำ... แตก... แล้วแยกทาง" มากกว่า :laugh:
-
...... :sad2:
จะมีซักตอนมั๊ยที่เรื่องนี้จะจบอย่างไม่ค้าง ... -*-
โดนฟันแล้วทิ้งงี้ เสียชื่อตระกูลจริงๆวุ้ย แล้วจะไปตามเจ้าสาวกลับมายังไงล่ะเนี่ย
ไร้เบาะแสยิ่งกว่าพี่ตัวเอง :m29:
คนที่น่าสงสารที่สุด เห็นทีจะเป็นท่านแม่นี่แลกระมัง ขอไว้อาลัยแต่คุณชายทั้งสี่
:try2: :try2:
-
ว๊ายยยยย โดนฟันแล้วทิ้งอ่า :m20:
แต่อ่านทุกตอน ค้างทุกตอน
จะมีบทสรุปให้ไหมเนี่ย
-
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :serius2: :angry2: :z3: :z3: :z3:
ถ้าจบเรื่องของคุณชายสี่แล้ว
กรุณาเขียนตอนพิเศษเถอะค่ะ หนูค้างงงงงงงงงงง :serius2: :z3: :z3: :z3:
-
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงทุกตอน
-
อ้าววว ผิดบ้านเหรอนี่ ว่าแต่ตอนจบนี่ค้างทุกรอบเลยแหะ จะมีสรุปให้ไม๊หว่านี่
-
ค้างมากมาย ครบสี่พี่น้องแล้วช่วยขยายเป็นเรื่องยาวด้วยน้า ขอบคุณค้า
-
:m25:
ขอเลือดสำรองด่วน
ค้างทุกตอนเหมือนกันเลย
ต่อด่วนนนนน
-
ค้างอีกแล้ว
แต่หนุกดี
มาต่อเร็วๆนะ
+1 :really2:
-
งงอีกแล้วอ่า
-
คนสุดท้ายนี่ขอเป็นเจ้าสาวมั่งได้ม้ายยยยยยย :laugh:
-
ต้องค้างอีกแล้วหรือนี่
เดาทางไม่ถูกเลย :m31: :m31:
-
จะทำไงต่อไปเนี่ย
-
o13 หนุกหนานอะ แต่ :m31:แล้วจะเป็นไงต่ออะอยากรู้
-
ว่าแต่ตอนที่ ตับๆๆๆๆกัน
ไม่รู้กันเลยเหรอว่า ของคู่กรณีก็เหมือนของตัวเอง :m21:
-
ค้างทุกตอนนนน
น่าสงสารบ้านนี้มีสะใภ้เป็นชายหมดเรย
เอ๊ะ ยังสิ เหลือคนสุดท้าย จะได้สะใภ้หรือจะเป็นสะใภ้?
-
มาต่อไวๆเน้อ สงสาร ทั่งพี่ทั้งน้อง เจ้าสาว หายซะงั้น
-
เอาล่ะ ยังเหลืออีกเหวิน แต่ยังเล็กไป
ขอชุดพี่ใหญ่กะพี่รองไวๆๆนะ
-
เหลือเหวินฉาย สนุกจังเลย
-
อ่านเหวินฉายตลกกว่า พี่ๆ อีก เฮ้อ
-
เจ้าสาว(?) ของเหวินสี่
พยัคฆ์ร้ายคำรามลั่นสนั่นเมฆา
แว่วเสียงโศกกาโหยหวน
ร้องเรียกถวิลหาคู่แสนอาดูร
สายลมพัดไหวกลิ่นไอมลายหาย
เดือนห้าอากาศเริ่มแปรปรวนแล้ว ท้องฟ้ามีเสียงคำรามแว่วมาเป็นระยะ มีก้อนเมฆสีเทารวมตัวคล้ายจะมีเค้าฝนแต่ไม่นานก็จางหาย บรรยากาศอึมครึมชวนให้หดหู่ใจไม่น้อย บุรุษวัยฉกรรจ์มองท้องฟ้าที่ไม่แจ่มใสนี้ก่อนเดินไปตามทางที่ทอดยาวไปถึงห้องหนังสือ เปิดประตูเข้าไปแล้วก็พบกับความว่างเปล่า ซือหม่าเจิ้งงุนงงลูกศิษย์เขาหายไปไหนหมด ก่อนจะทันเห็นร่างเล็กนอนซุกตัวอยู่บนเก้าอี้หวายหลังม่านบังตา
“อาสี่.....อาสี่” เขาก้าวเข้ามาปลุกเบาๆ
“อ้อ....อรุณสวัสดิขอรับ อาจารย์ซือ” เด็กหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ทำไมมานอนอยู่นี่ล่ะ ยังเช้าอยู่แท้ๆ”
“อากาศมันชวนง่วงน่ะขอรับ เมื่อเช้าข้าฝึกวรยุทธหนักไปหน่อยเลยเผลอไป”
“ฝึกคัดลายมือหรือเดินหมากรุก็ได้นี่นา อย่าเกียจคร้านสิ...แล้วคนอื่นๆล่ะ”
“พี่ใหญ่ค้างที่บ้านเฉินขอรับ พี่รองก็อยู่บ้านโจว ส่วนพี่สามเดินทางไปเล่อเจียงยังไม่กลับ”
“เฮ่อ...แต่ล่ะคนนะ” ซือหม่าเจิ้งถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ลูกศิษย์เขาโตแล้วก็แยกย้ายไปดำเนินชีวิตของตัวเองหมด ถึงจะน่ายินดีแต่ก็น่าเศร้าด้วย “เอาล่ะ..เรามาเรียนกันต่อจากเมื่อวานเถอะ”
“ขอรับ” เหวินสี่กางตำรา ถึงจะมีเขาคนเดียวก็ไม่คิดจะเกียจคร้านประการใด วิชาความรู้เป็นสิ่งที่ต้องแสวงหา เป้าหมายคือเป็นกำลังสำคัญของบ้าน สร้างความภาคภูมิใจให้บิดามารดา
เพล้ง!!! ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เสียงถ้วยแตกไม่ได้ดังมาจากในครัว แต่เป็นห้องโถงที่อยู่ใกล้ๆ เขามองหน้าอาจารย์แว่บหนึ่งก่อนลุกออกไปดู ซือหม่าเจิ้งตามไปดูด้วยเช่นกัน
“เจ้าพูดเช่นนี้ไม่คิดจะไว้หน้ากันเลยรึไร” เสียงตวาดนั้นคุ้นหูยิ่ง เหวินสี่เกาะบานประตูหลังของห้องโถงมองเห็นหน้าแขกในวันนี้อย่างชัดเจน จางหย่งตี้ เถ้าแก่ใหญ่คนหนึ่งของเมืองนี้ มีญาติเป็นถึงผู้ว่าอยู่อีกเมืองหนึ่ง กำลังอาละวาดใส่บิดาเขา
“เถ้าแก่จางใจเย็นๆหน่อยเถอะคะ” เสียงนั้นมารดาของเขา
“ใจเย็นอะไรกัน จะบอกให้นะ หลี่ต้าโหย่ว...สัมปทานเย็นเสื้อกันหนาวให้ทหารที่ชายแดนเป็นของบ้านข้ามาถึง 5 ปีแล้ว เจ้าจะมาชุบมือเปิบไม่ได้เด็ดขาด”
“พี่หย่งตี้....งานนี้ท่านอ๋องจ้าวมีบัญชามาเอง ถ้าท่านไม่พอใจก็ไปต่อว่าท่านอ๋องเองสิ”
“เจ้า!!!” เถ้าแก่จางชี้หน้า หน้าแดงก่ำ “นี่มันเกินไปแล้วนะ”
“เกินไปยังไงมิทราบ ถึงงานนี้จะเป็นของท่านมานาน แต่ถ้าไม่มีข้อบกพร่องใครเขาอยากจะเปลี่ยนมือให้ง่ายๆ เท่าที่ข้าทราบมาก็เป็นเพราะมีหนังสือร้องเรียนจากทหารชั้นผู้น้อยมิใช่หรือที่ว่าเสื้อกันหนาวของท่านน่ะไม่มีคุณภาพ”
“หลี่ต้าโหยว!”
“จะตะโกนไปถึงไหน ต่อให้ท่านไม่พอใจอย่างไร ข้าก็ช่วยไม่ได้หรอก มีหนังสือแต่งแต่งมาแล้ว ถ้าข้าไม่รับก็มีโทษถึงตาย ชีวิตคนในบ้านข้าหลายคน ท่านจะรับผิดชอบหรือไร”
มาถึงตรงนี้จางหย่งตี้ถึงเงียบไป ทว่าสีหน้าก็ยังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เอาเถอะๆ อย่าโมโหไป นั่งลงก่อน ท่านก็พูดจากันด้วยเหตุผลเถอะคะ” หลี่ฮูหยินพยายามเอาน้ำเย็นลูบ มือถือพัดโบกลมเย็นๆให้เถ้าแก่จาง เขาถึงใจเย็นลงยอมนั่งลงจิบน้ำชาผ่อนคลายอารมณ์
“ข้ามีเหตุผลเสมอ.....ที่มาวันนี้ก็จะพูดให้เจ้าเข้าใจอย่างหนึ่ง” เถ้าแก่จางตั้งสติใหม่ หันมาพูดจาดีๆ “ต้าโหย่ว ข้าน่ะทำการค้ามาก่อนเจ้า รู้ดีว่าจะประหยัดต้นทุนนั้นทำอย่างไร เจ้าน่ะไม่มีโรงงาน ไม่มีกำลังคน แต่ข้าสิมีทั้งโรงงาน มีทั้งลูกจ้าง ให้ข้าเย็บเสื้อก็แล้วกัน ส่วนเจ้าก็นำส่ง เจ้าได้หน้า ข้าไม่ต้องปิดโรงงาน อย่างนี้เราถึงจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่....ข้าต้องลงทุนเรื่องผ้ากับแรงงานดังนั้น เจ้ารับแค่ 20% เท่านั้นก็กำไรโดยไม่ต้องลงแรงเลย”
“พี่หย่งตี้ ข้าน่ะนับถือท่านมาตลอดนะ แต่งานนี้เข้าไม่จำเป็นต้องใช้ท่านหรอก”
“ว่าไงนะ”
“ครั้งนี้ท่านอ๋องได้ให้ความไว้วางใจมอบงานให้สกุลหลี่โดยตรง ข้าจะไม่ทำให้ท่านอ๋องผิดหวังเด็ดขาด เสื้อกันหนาวจะต้องเย็บอย่างดี ใช้ผ้าทบหนายัดไส้ด้วยนุ่นทั้งผืน จะทำให้เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว เบากว่ายัดด้วยฟาง ต้นทุนต่อผืนสูงแน่นอน ดังนั้นข้าจะร่วมทุนกับเฉินเหวินติงพ่อตาของลูกชายข้า ทำเสื้อกันหนาวเอง ท่านไม่ต้องห่วงหรอก”
“นี่เจ้าบ้าหรือเจ้าโง่กันแน่ ถ้ายัดด้วยนุ่นต้นทุนต่อผืนก็เกือบตำลึงแล้ว”
“ชายแดนนั้นทุรกันดาร หน้าหนาวยาวนานหิมะตกทั้งวัน ถ้าใช้เสื้อยัดด้วยฟางจะทำให้หนัก ขาดง่าย ไม่อบอุ่นพอด้วย”
“ก็ช่างประไรเล่า คนใส่ไม่ใช่เจ้านี่นา”
“พี่หย่งตี๋! พูดอะไรออกมาน่ะ”
“ข้าพูดความจริง เจ้าจะเป็นพ่อค้าได้อย่างไรหากทำการค้าขาดทุน คนจีนเรามีเป็นล้านๆ ทหารชายแดนแค่แสนคน ต่อให้มันตายไปเราก็มีทหารใหม่เข้าไปอีกมากมาย เย็บเสื้อยัดไส้ฟางให้ใส่ก็ดีถมไปแล้ว”
ปัง!
“พอได้แล้ว” หลี่ต้าโหย่งทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นด้วยความโกรธ “ ทหารชายแดนเป็นกำลังสำคัญคอยปกป้องชาติให้คนอย่างท่านอยู่ดี มีสุข ท่านไม่ละอายใจเลยหรือที่พูดจาไร้น้ำใจเช่นนี้ ข้าล่ะหมดความนับถือท่านจริงๆ....คำพูดเมื่อครู่ข้าจะถือว่าไม่ได้ยิน เราไม่มีเรื่องอันใดต้องสนทนากันอีก เชิญกลับไปได้แล้ว”
“หลี่ต้าโหย่ว”
“ข้าไม่ส่งนะ” ว่าแล้วก็ลุกเดินกลับเข้าไปในบ้าน จางหย่งตี้ได้แต่มองด้วยความโกรธจนหน้าแดงไปหมด
“หลี่ต้าโหย่ว....จำไว้เลยนะ ข้าจะเล่นงานเจ้าแน่คอยดู” เขาทิ้งความอาฆาตไว้ก่อนจากไป เหวินสี่ชมดูถึงกับใจเต้นตึก เขาไม่เคยเห็นคนทะเลาะวิวาทใกล้ๆขนาดนี้มาก่อน น่ากลัว แต่ก็น่าทึ่งด้วย มืออุ่นๆวางบนไหล่เล็กเบาๆ
“บิดาเจ้าเป็นยอดคนจริงๆ” อาจารย์เอ่ยปากชมทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิ
“ขอรับ....ท่านน่าชื่นชมจริงๆ”
“มาเถอะ ไปเรียนหนังสือต่อดีกว่า หาความรู้ใส่ตัวมากๆ แล้วเดินตามรอยอย่างบิดาเจ้านะ”
“ขอรับ”
************
เพล้ง!!!! ถ้วยน้ำชาเขวี้ยงลงพื้นใบแล้วใบเล่าเป็นการระบายอารมณ์ เท่านั้นยังไม่พอเขาหันไปคว้ากระถางต้นไม้ประดับห้องทุ่มลงพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ว่าจะทำอย่างไรอารมณ์เดือดในอกก็ยังไม่ลดลง เขาหันไปคว้าแจกันราคาแพง
“ท่านเจ้าคะ พอเถอะ...พอได้แล้ว” จางฮูหยินยืนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก สาวใช้กับบ่าวไพร่ได้แต่หลบไปยืนหลังเสาไม่กล้าเสนอหน้าจนกว่าเจ้านายจะอารมณ์ดีขึ้น ทั้งบ้านเหมือนตกอยู่ในนรกก็ไม่ปานจนภรรยารองและบรรดาลูกเล็กๆออกมาดูกันเต็มห้อง
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรคะ ทำไมท่านพี่....” ภรรยารองเข้ามาประคองจางฮูหยินที่ทำท่าจะเป็นลมแล้ว
“จะอะไรเสียอีกล่ะ โดนคนอื่นขัดใจก็มาอาละวาดน่ะสิ” ทั้งสองสะดุ้งโหยงเมื่อแจกันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นมาเฉียดใกล้ จางฮูหยินทนไม่ไหวเข้าไปห้ามปราม “พอเถอะ ท่านพี่ พอได้แล้ว”
“หุบปากนะ” จางหย่งตี้อารมณ์เสียหันตบฮูหยินของตนเองฉาดใหญ่ ซ้ำยังเอาด้ามไม้ขนไก่เฆี่ยนตีนางอีก
“ตายแล้ว หยุดนะ ท่านพี่!” ภรรยารองสะดุ้งนางรีบเข้ามาปกป้องพี่สาวร่วมสามี แต่กลายเป็นว่าตัวเองก็โดนตบตีไปด้วย ยิ่งโดนตีลูกเด็กเล็กแดงก็เข้ามาช่วย ยิ่งทำให้หัวหน้าครอบครัวเดือดดาลลงมือแบบไม่เลือกหน้าว่าใครเป็นใคร จนหมดแรงทิ้งไม้ขนไก่ นั่งลงกับพื้นเหนื่อยหอบ ภรรยาและลูกๆสะอื้นไห้ต่างประคับประคองกันออกไปทิ้งให้เขานั่งเงียบๆเดียวดาย จางหย่งตี้ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
“หลี่ต้าโหย่ว....ข้าจะล้างแค้นเจ้า”
**********
ปลายสัปดาห์ท้องฟ้าใสลมเย็นๆพัดแรง เหวินสี่ว่างจากการเรียนก็ค้นตำราเก่าๆในกล่องเก็บหนังสือของพี่ๆ เขาพบว่าวนกฮูกตัวแรกที่ทำเองกับพี่ๆทั้งสาม อารามดีใจจึงเลิกสนใจตำราหิ้วว่าวออกจากห้อง ตั้งใจจะไปเนินนอกเมืองสถานที่เล่นว่าวของพวกเขา เดินมาถึงห้องโถงก็เจอใครคนหนึ่ง
“อ้าว? พี่ใหญ่”
“อาสี่” พี่ชายใหญ่ที่หายหน้าไป หลายวันจะกลับบ้านทีก็ยากมาก
“ดีใจจังที่ท่านกลับมา ดูนี่สิ” เขาชูว่าวให้ดู
“เอ๊ะ....นี่ว่าวที่พวกเราทำเองนี่”
“ใช่ไหม ข้าเพิ่งเจอในกล่องหนังสือเลยว่าจะเอาไปลองเล่นหน่อย พี่ไปด้วยกันนะ”
“ไว้คราวหน้าเถอะ พี่ต้องคุยกับท่านพ่อเรื่องโรงงานเย็บเสื้อน่ะ” เหวินหลงบอกปัดทำให้เด็กหนุ่มหน้าหงอย เขาเห็นใครคนหนึ่งยืนตัวลีบอยู่ข้างหลังพี่ชาย “อาสี่...มารู้จักเพื่อนใหม่สิ นี่เฉินหยกน้อย น้องภรรยาของพี่เอง”
วงแขนแข็งแรงโอบร่างเล็กมาข้างหน้าอย่างสนิทสนม เหวินสี่มองคนที่ตัวไม่โตไปกว่าเขาเท่าไร อายุอานามก็พอๆกัน แต่ไฉนทำหน้าตื่น ราวกับกำลังเดินเข้าถ้ำเสือก็ไม่ปาน
“เอ่อ..อะ...อรุณสวัสดิ”
“อรุณสวัสดิ”
“ขะ...ข้า...คือ พี่เขยจะให้ข้ามาช่วยทำบัญชีน่ะ”
ใครเขาถาม? เหวินสี่มองอย่างสงสัย พี่ใหญ่จะให้คนอายุเท่าเขาอย่างนี้มาคุมบัญชี ไม่หนักไปหน่อยหรือ ยิ่งโดนจ้องหยกน้อยยิ่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มเหมือนวัวสันหลังหวะไม่มีผิด
“เจ้าไปเล่นเถอะ ข้าจะพาหยกน้อยเดินดูอะไรสักหน่อย” เหวินหลงยิ้มกว้างโอบไหล่เล็กพาไปเรือนหลัง เด็กหนุ่มมองตามอย่างขุ่นเคือง รู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย พี่ชายของเขาโอบร่างเล็กยังกะประคบประงมคนขี้โรค เห็นแล้วมันเดือดดาลจริงๆ
“เราจะไปไหนกันขอรับ” หยกน้อยถามเสียงสั่น
“ห้องของข้า” เหวินหลงตอบสั้นๆ ใบหน้าอ่อนวัยร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“พะ พี่เขย...ไหนว่าจะให้ข้าช่วยทำงานไม่ใช่หรือ ไม่ต้องไปห้องของท่านก็ได้...มั่ง”
“เราจะค้างที่นี่ 2-3 วันนะ ถ้าไม่พาไปดูไว้ก่อนเดี๋ยวเจ้าก็หลงทางหรอก”
“พี่เขย....พี่เขย มันไม่ดีนะขอรับ” ร่างเล็กพยายามจะผืน แต่ก็สู้แรงที่โอบรัดได้ที่ไหน เหวินหลงแทบจะหิ้วเขาขึ้นอยู่ร่อมร่อ ทั้งคู่เข้าไปในห้องปิดประตูแน่น เหวินสี่มองอยู่ห่างๆรู้สึกไม่ชอบใจเลย เฉินหยกน้อย....เป็นแค่น้องเมียที่หนีไปของพี่ชาย คิดจะประจบออดอ้อนเอาใจแย่งพี่ชายไปจากเขาหรือไร เช้อะ! คอยดูเถอะ จะไล่ให้เตลิดเปิดเปิงแน่
เด็กหนุ่มพกพาอารมณ์ขุ่นเคืองออกไปเล่นตามลำพังที่เนินนอกเมือง ที่นี่ลมแรงว่าวขึ้นได้ดีมาก มันลอยนิ่งและโฉบเฉียวไปมาเป็นที่ถูกใจยิ่ง เขาเล่นอยู่นานจนลืมเรื่องเวลาไป กระทั่งแดดเริ่มแรงและลมบนท้องฟ้าเบาลงแล้ว ท้องก็เตือนให้รู้ว่าเลยเวลาอาหารกลางวันแล้ว เหวินสี่เก็บว่าวลงก็รู้สึกเหนอะหนะไปทั้งตัว ลงจากเนินมาเล็กน้อยมีต้นพุทราและทางน้ำเล็กๆที่ทางการขุดขึ้นมาเองเป็นที่ค่อนข้างเงียบปลอดผู้คน ร่างเล็กปลดเสื้อผ้าออกกองไว้ใต้ต้นไม้เหลือแต่กางเกงบางๆตัวเดียวลงไปแช่น้ำเหมือนดั่งสมัยวัยเยาว์พร้อมพี่ๆ หากเวลานี้เหลือแต่เขาผู้เดียวแล้วที่หวนคิดถึงวันวาน พวกพี่ๆทำอะไรอยู่นะ....
เหวินสี่ทอดกายนอนเหยียดยาวปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายไป สัมผัสแผ่วเบานั้นสบายจนเกือบเคลิ้มหลับไปแล้วถ้าน้ำอุ่นกว่านี้ล่ะก็ เด็กหนุ่มนอนหลับตาอยู่นาน จนกระทั่งรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบางอย่าง เขาลืมตาโพลงแล้วต้องสะดุ้งเฮือก ร่างสูงยืนเหนือศีรษะเขาคล่อมทางน้ำที่ไม่กว้างนัก แสงแดดส่องเยื้องไปด้านหลังทำให้ไม่เห็นหน้าคนผู้นี้นอกจากเงาสีดำ และชายผ้าผูกผมที่ปลิวไสว
เคร้งงง....เสียงดาบที่ชักออกจากฝักคมดาบสะท้อนแสงวาววับ หัวใจของเหวินสี่เต้นตึกรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก เขาจะทำอะไรน่ะ...เขาจะ.... อ๊า!!!!!
เด็กหนุ่มหลับตาปี๋เมื่อคมดาบจ้วงแทงลงมา หัวใจนั้นเย็นวาบราวกับหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาตายหรือยัง?? ไม่! ยัง....ร่างเล็กตัวสั่นน้ำรอบกายเย็นกะทันหันจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ดาบ?? เขาเอี้ยวตัวมองดูดาบปักลงข้างๆเอวเขา สีแดงคลุ้งนั้นทำให้ใจหายอีกคำรบก่อนพบว่าเป็นเลือดของงู มันมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน??
เหวินสี่ตะลีตะลานลุกขึ้นจากทางน้ำ ตรงรี่มาหากองเสื้อผ้าของตนเอง น่ากลัว....น่ากลัวจริงๆเลย เขาตั้งสติก่อนหันกลับไปมองคนผู้นั้น ลมพัดกิ่งต้นพุทราไหวเปิดเผยใบหน้าบุรุษลึกลับ เป็นชายสูงวัยกว่าเขาไม่มากไม่น่าเกิน 20 เศษ ใบหน้าคมคายดูเป็นลูกผู้ดี หากดวงตาเย็นชาเหลือเกิน เด็กหนุ่มจ้องมองจนลืมเรื่องอาภรณ์ไป
“เจ้าคือ หลี่เหวินสี่ใช่ไหม” จู่ๆคนผู้นั้นก็ถามขึ้นมา นั้นทำให้รู้ว่า ไม่ถูกต้องแล้ว เด็กหนุ่มหน้าถอดสี ร่างสูงก้าวเข้ามาหาใบหน้าน่ากลัวยิ่งกว่ายักษ์ “มากับข้าเดี๋ยวนี้”
ร่างเล็กวิ่งสุดกำลังในมือกอบเสื้อผ้าไว้แน่นไม่มีเวลาสวมใส่แล้วเขาต้องหนีก่อน แต่ไปไม่ทันพ้นแนวร่มเงาของต้นพุทรา เท้าก็ต้องจิกพื้นหญ้าสุดกำลังเมื่อถูกขวางด้วยคนอีกผู้หนึ่ง บุรุษร่างสูงใหญ่ในมือถือไหเหล้าใบเล็กขึ้นพาดบ่า ก้าวมาขวางทางเขาเต็มตัว เหวินสี่งุนงงคนข้างหลังมาดักหน้ารวดเร็วปานนี้ได้อย่างไร หันกลับไปมองอีกที คนข้างหลังเพิ่งตามมาถึง ใบหน้าพิมพ์เดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว ฝาแฝดหรือนี่??
จบตอนที่ 1
ตอนหน้า 3P จ้า :mc4: :mc4: :mc4:
-
ตายแน่น้องสี่
:L2:
-
โอ๊ะ 3P :haun4:
ชักสงสัยนิดๆว่าเหวินสี่จะได้เจ้าสาวจริงเร๊อ :laugh:
แต่พี่ใหญ่ เดี๋ยวนี้เริ่มเปิดตัวหยกน้อยแล้วเหรอ อิอิ
+1 ขอบคุณค่า :กอด1:
-
นั่งรอๆ :man1:
-
อร๊ายยยย ค้างอีกแล้ว
แต่ตอนต่อไป คงเป็นการเปิดตัวลูกสะใภ้ของตระกูลทั้งหมดใช่ไหมค่ะ
รอมานานแล้ว ส่วนน้องสี่นี่ ท่าทางคงได้สามีมากกว่า แถม3pอีก
เป็นกำลังใจให้ค้าาาาาา
-
เหวินสี่ ท่าทางอาจจะไม่ได้ภรรเมียนะ
เอ๊ะ หรือได้ทั้งภรรเมียและสามี
-
ชะเอ๊ยยยย
3P หรือนี่ :haun4:
-
ตอนหน้า น่าลุ้นมากๆ น้องเล็กบ้านนี้ได้ทีควบ 2 เก่งกว่าพี่ๆ อีกนะเนี่ย ฮ่า ฮ่า :z1: :z1:
-
:laugh:ขอเบา เบา นะจ๊ะผู้แต่งกลัวน้องสี่ช้ำ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด,,,,3เลย เอิ๊กๆ
-
3p กรี้ดดดดดดดดดดด
-
ดูท่าน้องสี่จะต้องเป็นเจ้าสาว มากกว่าได้เจ้าสาวนะนั่น แล้ว...หยกน้อยกรี๊ดๆ เข้าบ้านพี่เขยแล้ว :haun4:
-
ไม่อยากคาดเดา
แต่เฝ้ารอ
แต่ 3P นี่ จะหนักไปเปล่าอ่า
-
:z1:รอเจ้าสาว(ดูท่าจะไม่ใช่เจ้า)ของเหวินสี่
-
:haun4:
-
ฝาแฝดหราเนี้ย
-
:o8: :-[
-
อยากบอกว่า ตอนนี้ ขอ เบาๆ น้ะค่า
เดี่ยวเหวินสี่จะแย่เอา
ห้าๆ
-
กี่พีไม่ว่า คราวนี้ขอเคลียร์หน่อยน้า
เคลียร์ย้อนไปถึงพี่รองเลยเหอะ
-
3p :haun4: :haun4: :haun4:
-
สะ สะ สาม พี ><
อร้างงงงงงงงงงงง
กี่พีไม่ว่า คราวนี้ขอเคลียร์หน่อยน้า
เคลียร์ย้อนไปถึงพี่รองเลยเหอะ
เห็นด้วยค่ะ เคลียร์ด่วนๆ
o13
-
หุหุ และแล้วน้องสี่ก็ได้เป็นเจ้าสาวซะเอง :laugh:
รอตอนหน้าแน่นอน แต่อย่ารุนแรงกับน้องสี่นักนะ 3p สะด้วย
-
:m10: :m10: :m10:
-
เหวินสี่แรงสุด อิอิ
เจ้าบ่าวแน่นอน
แต่3Pนี่สิ เริ่ดๆ
จบของเหวินสี่แล้วอยากรู้คู่อื่นๆบ้างว่ามีสุขดีไหม?
-
:L1: :กอด1: :L2:
-
รอค่า
+1
-
น้องสี่จะเป็นเจ้า.......อะไรกันแน่อ่า
ลุ้นๆๆๆๆๆ
-
:haun4: :pighaun:3P :haun4: :haun4:
-
นึกว่าจะมาต่อวันนี้ซะอีกน้า จิ๊จ๊ะ
เห็นว่าตอนหน้าๆ อ่านเป็นพรุ่งนี้ๆซะงั้น :jul3:
รอคร้าบบบ :z1:
-
รอนะ อยากอ่านไวๆแล้วล่ะสิ
-
เจ้าบ่าว(x2) ของเหวินสี่ ดีกว่ามั้งค่ะ
-
น้องสี่คุ้มที่สุด เหวินหลงเจอคู่แล้ว 555
-
รอต่อด่วน :jul1: :jul1: :jul1:
-
ดูท่าเหวินสี่น่าจะเป็นเจ้าสาวมากกว่านะเนี่ย :laugh:
รอคอย 3p อย่างใจจดใจจ่อ
-
รอ ร๊อ รอ อย่างใจจดใจจ่อ :z2: :z2: :z2:
-
รออ่านน้องสี่
อยากรู้ตอนที่พี่ใหญ่จับได้ว่าเป็นหยกน้อยอ่า
-
3p :haun4:
รอคอย อิอิอิ
-
รอส่งตัวน้องสี่เข้าห้องหอจ้า
-
รอออออออออออออออออออออ
:call: :call:
-
:call: :call: :call:
-
Greeddddddddddddddddddd 3Pๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
น้องเล็กของบ้านจะโดนงาบหรอเนี่ย...รอ ๆ :call:
-
พี่ใหญ่ เหวินหลง คงตามหาหยกน้อยนะ
พี่รอง เหวินจุ้น ก็คงไม่ปล่อยหงษ์หยกหลุดมือแน่ๆเลย
แล้วพี่สาม เหวินฉาย เค้าจะไปตามหากระต่ายน้อยไหมอ่ะ
ส่วนน้องสี่ เหวินสี่ จะเป็นงายต่อปาย....อ่ะ
อยากให้สรุปอีกที่จัง หลังจากจบทุกเรื่องแล้วอ่ะ
:L2: :pig4: :L2:
-
มาต่อแล้วค่า นึกว่าจะจบแล้วแต่เขียนไปเขียนมากลับจบไม่ลงแถมซีเรียดขึ้นอีก :เฮ้อ: เฮ่อ.....คงต้องเพ่ิมอีกตอน เดี๋ยวจบน้องสี่แล้วค่อยวนไปหาพวกพี่ๆทีหลังล่ะกัน( ถ้ามีไอเดียนะจ๊ะ)
เจ้าสาว(?) ของเหวินสี่ ตอนที่ 2
พยัคฆ์ร้าย...ร้ายฤทธิ์แรงโกธา
สิ้นฤทธิ์แล้วลา หวนให้
เหลียวมองทางใดก็พัง พินาศสิ้น
ดอกหญ้าโรยราน้ำตาเหือด...แล้วหนอ
“จะทำงานให้ข้าสักชิ้นไม่ได้หรือไร”
นี่เป็นคำพูดของบิดาผู้ห่างเหินและเย็นชากล่าวหลังไม่ได้พบหน้ามาถึง 7 ปี จางหย่งฉีมองถุงเงิน 30 ตำลึงตรงหน้าบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ท่าน....ไม่ถามทุกข์สุขพวกเขาเลย แค่มาพูดเรื่องธุระของท่าน บุรุษหนุ่มเหลือบมองหย่งคังน้องชายที่นั่งอยู่ห่างๆไม่พูดอะไรนอกจากดื่มเหล้าของตัวเองไป ไม่ยอมมองหน้าบิดาด้วยซ้ำ
บิดาเขา จางหย่งตี๋ มิเคยสนใจใครนอกจากตัวเอง บ้าอำนาจ เห็นแก่ตัว อารมณ์ร้ายชอบตบตีคนในบ้าน มารดาโดนทำร้ายทุกวันจนถึงกับล้มป่วยลุกไม่ขึ้น อารมณ์ร้ายทั้งหมดจึงหันมาหาเขาสองพี่น้องที่เพิ่ง 10 ขวบ โดยเฉพาะหย่งคังที่โดนหนักกว่าเขา เพราะเป็นคนหัวแข็งไม่ยอมใคร พวกเขาทนอยู่จนมารดาสิ้นบุญ ถึงพากันออกจากบ้านและไม่คิดหวนกลับไปอีก วันนี้คนๆนี้ก็หาพวกเขาพบกลับแสดงพฤติกรรมโฉดชั่วยิ่งกว่าเดิมอีก ถุงเงินถูกเลื่อนกลับไปหาเจ้าของที่แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที
“นี่เจ้าเห็นว่าเงินมันน้อยไปหรือไร ต้องการเท่าไรก็ว่ามาสิ”
“ไปกันเถอะ” หย่งฉีลุกขึ้นชักชวนน้องชายให้ไปจากที่นี่ หย่งตี๋คว้ามือลูกชายไว้
“พวกเจ้านี่มันยังไงกัน ห๊า! ข้าอุตส่าห์มาพบ มาขอความช่วยเหลือ แทนที่จะเห็นใจกลับเดินหนีเหมือนข้าเป็นตัวอะไร เจ้าลูกอกตัญญู”
“ธุระของท่าน มันไม่ควรค่าที่จะสนใจ”
“ไอ้! แก....สารเลว ไม่รู้ว่าแกเป็นลูกข้าได้ยังไง รู้งี้เอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เกิดแล้ว หึ! ไม่ควรค่าที่จะสนใจใช่ไหม ได้.....กลับไปคราวนี้ข้าจะเอาป้ายชื่อมารดาของพวกเจ้าออกจากแท่นบูชา จะสับเป็นชิ้นๆเผาเป็นฟืนเสีย นางไม่คู่ควรจะเป็นผีของสกุลจางด้วยซ้ำ”
เคร้ง!! หย่งคังคว้าดาบของพี่ชายพุ่งเข้าหาบิดา
“อาคัง” หย่งฉีตามไปอย่างรวดเร็วใช้ฟักกันคมดาบได้ก่อนจะทันถึงคอหอยหย่งตี๋
“เหวอ....” ร่างท้วมตื่นตกใจจนเข่าอ่อนล้มลงนั่งกับพื้น
“เจ้าฆ่าเขาไม่ได้นะ”
“แล้วไง! ตอนท่านแม่มีชีวิตเขาก็ทำร้ายไม่หยุดหย่อน ตายแล้วก็ยังจะข่มเหงนางอีก ข้าไม่ปล่อยมันไว้แน่”
“อย่านะ” หย่งฉีโอบรั้งน้องชายให้ถอยห่างจากบิดา
“อย่าๆๆๆ อาคัง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะว่าอย่างนั้น.....ข้าพูดไปอย่างนั้น แต่ข้าไม่ทำจริงหรอก” หย่งตี๋ละลำละลักพูด ถึงทำให้ความโกรธเกรี้ยวบรรเทาลง หย่งคังถึงยอมคืนดาบให้พี่ชาย “อาฉี..อาคัง ที่พ่อพูดไปนั้น พ่อไม่ได้ตั้งใจนะ มันฉุนเฉียวไปหน่อย....ทั้งหมดนี่ก็เพราะเจ้าหลี่ต้าโหย่วคนเดียว มันทำลายธุรกิจของข้า สกุลจางรับหน้าที่เย็บเสื้อกันหนาวให้ทางการมาหลายปี เป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนมาตลอด แต่มันไปใส่ความพ่อ ทำให้ท่านอ๋องไม่ไว้วางใจ อาฉี”
เขาคุกเข่าคว้ามือลูกชายเอาไว้ “สกุลจางจะอยู่หรือไปก็ขึ้นกับสัมปทานชิ้นนี้ หากไม่ได้มัน บ้านเราต้องย่อยยับนะ น้าๆกับน้องของพวกเจ้าต้องไปอยู่ข้างถนนแน่ๆ ฮือ..เป็นเพราะพ่อไม่ดีเอง พ่อหลงเชื่อเจ้าหลี่ต้าโหย่วนึกว่ามันเป็นสหายที่ไว้ใจ แต่ที่ไหนได้ มันชั่วช้าเหลือเกิน มันกับลูกๆมัน....หลอกว่าจะร่วมทุนกับพ่อ แต่เอาเข้าจริงมันกลับเฉดหัวพ่อยังกะหมู กะหมา....อาฉี...อาคัง ช่วยพ่อสักครั้งเถอะ ทำให้สกุลหลี่มันเจ็บปวด ให้มันได้สำนึก หาไม่แล้ว..ถ้าสกุลจางล่มสลาย วิญญาณของบรรพบุรุษและแม่ของพวกเจ้าคงได้เป็นผีเร่ร่อนแน่”
ได้เห็นบิดาคุกเข่าร่ำไห้อย่างไม่เหลือศักดิ์ศรี ใจหนึ่งก็สมเพชเวทนา อีกใจก็อดสงสารมิได้ สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างรู้ความหมาย แม้จะโกรธจะเกลียดอย่างไร พวกเขาก็แซ่จาง หากไม่ทำการใดเพื่อกอบกู้วงษ์ตระกูลคงถูกตราหน้าว่าอกตัญญูแน่นอน เขาสองคนไม่รับปากแต่ก็ไปเฝ้าดูตระกูลหลี่อยู่หลายวัน
หย่งฉีเห็นสกุลหลี่กับสกุลเฉินร่วมมือกัน ติดประกาศรับจ้างคนงาน ทำให้คนของบิดาแห่แหนไปสมัครกับเกือบหมดโรงงาน พอได้คนก็พากันขู่บังคับเอาแบบเสื้อที่โรงงาน เห็นได้ชัดว่าบ้านนี้ตัดหนทางของบ้านเขาทุกทาง สอบถามที่มาของการยกสัมปทานชิ้นนี้ เหล่าคหบดีที่รู้จักต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่คิดว่าสกุลหลี่จะได้ ท่านอ๋องจ้าวมิได้ให้เหตุผล จึงเป็นที่น่าเคลือบแคลงอย่างมาก หย่งฉีเฝ้ารอมาหลายวัน กว่าจะสบโอกาสเมื่อบุตรของศัตรูออกมาตามลำพัง บุรุษหนุ่มมีรังสีอำมหิตจึงรุนแรงกว่า หย่งคัง ที่ไม่ไคร่สนใจอะไรมากกว่าสุราที่ถืออยู่ เหวินสี่จึงไม่ลังเลเลยที่ถอยหนีไปทางคนที่กดดันน้อยกว่า เขามองสองพี่น้องไปมา
“พวกเจ้า ต้องการอะไร”
“หุบปากเสีย อย่ามีคำถามจะเป็นการดีเสียกว่า” หย่งฉีทำให้อีกฝ่ายกลัวขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่หย่งคังมองร่างเล็กกึ่งเปลือยอย่างสำรวจตรวจตรา ผิวเปียกๆดูเปล่งปลั่งสีชมพู ยอดอกสีเข้มยิ่งกว่าดอกบ๊วย น่าลิ้มลองยิ่งนัก ขณะที่เจ้าตัวมัวแต่มองพี่ชายของเขา ในมือมีอาภรณ์ของตนเองแท้ๆแต่ไม่คิดปกปิดตนเองเลย
“มากับข้าเดี๋ยวนี้” ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ เหวินสี่ลงมือก่อนทันที ฝ่ามือพุ่งเข้าหาหมายจะรุกไล่ให้ถอยห่าง อีกฝ่ายปัดป้องง่ายดายทำให้ต้องทิ้งเสื้อผ้าลงแล้วลงมือให้หนักหน่วงกว่าเดิม แต่เขากลับเป็นฝ่ายถูกซัดเซถลาเข้าหา หย่งคัง
“โอ๊ะ โอ๊ะ ระวังหน่อย” วงแขนรัดเอวเล็กไว้รวดเร็วแถมรั้งแน่นจนเขาหายใจไม่ออกไปวูบหนึ่ง
“ปล่อยนะ”
“อาคัง” หย่งฉีดุ เหวินสี่ฉวยโอกาสสะบัดหลุดจากวงแขนได้ก็เหินร่างขึ้นเหนือยอดไม้หวังจะหนีให้พ้น ทว่าทั้งคู่ไล่ตามกระชั้นชิดทั้งยังดักทางทำให้ต้องเตลิดไกลออกจากเส้นทางเข้าเมือง ร่างเล็กหอบถี่เมื่อลงมาสู่พื้นล่าง ด้านกำลังนั้นแตกต่างกันมาก ทั้งยังมีตั้ง 2 คนต่างหาก
“เลิกหนีไปมาได้แล้ว เจ้าไปไหนไม่รอดหรอก” หย่งฉีตามมาทัน
“พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่”
“ต้องการให้บิดาเจ้าเป็นเดือดเป็นแค้นน่ะสิ” ร่างสูงก้าวมาใกล้อีกครั้ง “ข้าจะทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ”
“จะฆ่าข้าหรือไร”
“เป็นความคิดที่เข้าทีนะ” หย่งคังปรี่เข้ามา เหวินสี่กลัวจับใจเขาเห็นโรงเก็บข้าวใกล้ๆจึงวิ่งไปหลบซ่อน ภายในโล่งกว้างมีแต่เศษฟางเต็มไปหมด ร่างเล็กเหลียวมองไปรอบตัวไม่เห็นที่ใดจะซ่อนตัวได้ เขากลัว....พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พวกท่านอยู่ไหน ช่วยข้าด้วย
“จะหนีไปไหน” หย่งคังถลาเข้ามาก่อน ท่าทีร่าเริงสีหน้าขี้เล่นของเขาทำให้ใจชื้นขึ้น เขาไม่น่ากลัวเท่ากับอีกคน ร่างเล็กตวัดเท้าเตะเข้าที่ศีรษะ แต่ถูกสกัดด้วยสันมือข้างที่ถือเชือกร้อยไหเหล้าได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะรุกไล่ด้วยเพลงเตะหรือเพลงหมัด ล้วนแต่ไม่สามารถทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายได้เลย เหวินสี่โดนสกัดมากเท่าไรก็ยิ่งโมโหเท่านั้น เขาขาดสมาธิแต่ปลายเท้าก็เตะเฉียดปลายมือได้ทำให้ไหเหล้ากระเด็นหลุดจากมืออีกฝ่ายได้
“เจ้า?? เจ้าทำลายเหล้าของข้า” หย่งคังหน้าเปลี่ยนสี เขาตบฉาดใส่ร่างเล็กสุดแรง ส่งให้ร่วงลงกองกับพื้นฟาง มือฉวยไหเหล้าสุดโปรดขึ้นมา โชคยังดีที่มันไม่บุบสลายเลย
“อาคัง เจ้าทำอะไร?” หย่งฉีตามมา
ร่างสูงไม่พูดไม่จาถือไหเหล้าตรงเข้ามา ร่างเล็กตะเกียกตะกายหนีแต่ก็ไหนเลยจะพ้นได้ หย่งคังคล่อมลงมากดไหล่เล็กไว้แรง ฝ่ามือตบตีแบบไม่เอาจริงนักแค่สั่งสอนเบาะๆ “จำไว้ ถ้าทำไหเหล้าข้าแตกล่ะก็ ข้าจะฆ่าเจ้าแน่”
“อย่า!!!” เหวินสี่ดิ้นรน สองมือปัดป้องตัวเองจนไปข่วนปลายคางเขาเข้า สีหน้าขี้เล่นเปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นมาทันที “ปล่อยข้านะ..”
“ปล่อยรึ...ฝันไปเถอะ” มือแข็งบีบคอเล็กๆด้วยมือข้างเดียวแรงจนหายใจไม่ออก ก่อนที่มืออีกข้างจะเทเหล้ากรอกปากเหวินสี่แบบไม่บันยะบันยัง “ดื่มเข้าไปซะ”
“อาคัง” หย่งฉีได้แต่ร้องห้าม น้องชายคนนี้เวลาอารมณ์ร้ายแล้วอะไรก็ห้ามไม่อยู่
“แค่ก....ไม่...ปล่อย...” เด็กหนุ่มสำลักเหล้ากลิ่นฉุน มันเข้าจมูกปากเขาหมดฤทธิ์อันร้อนผ่าวทำให้ร้อนวาบในกระเพาะ ความคิดกระเจิดกระเจิงลำดับความไม่ถูกแล้ว ใครก็ได้ช่วยด้วย
“บ๊ะ...หมดซะแล้ว” หย่งคังกำลังคึกได้ที่แต่เหล้าหมดซะแล้ว หันมามองร่างเล็กสีชมพูที่เปียกปอนทั้งตัว หยดเหล้าไหลลงมาเอ่อที่แอ่งชีพจร และเนื้อตัวที่ยั่วยวน เห็นแล้วความกระสันอยากก็ลุกโชน ร่างสูงลดตัวลงมาเล็มเลียเหล้ารสแรงที่หายากนี้ช้าๆ ปลายลิ้นอุ่นลากจากต้นคอขึ้นไปจนสุดปลายคางมน เหวินสี่ถึงกับสะท้านขนลุกเกรียวทั้งตัว
ความรู้สึกนี้มันยังไงกัน?? เด็กหนุ่มกลัว แต่ก็หวั่นไหวไม่น้อย สัมผัสเช่นนี้เขามิเคยได้รับรู้มาก่อน ขณะที่หย่งคังเล็มเลียผิวเนื้อหวานๆแล้วยังติดใจไม่หาย เขาไล้ลิ้นและเผลอขบกัดเนื้อนุ่มที่ซอกคอด้วยความมันเขี้ยว
“อ๊ะ...อย่า...ปล่อยข้า” เหวินสี่พยายามดิ้นรนออกจากใต้ร่างหนักหนักอึ้งนี้ให้ได้ แต่กลับถูกหยุดด้วยริมฝีปากอุ่นรสซาบซ่านของเหล้าชวนให้มึนเมาเหลือเกิน ลิ้นที่เหมือนอสรพิษเกี่ยวพันลิ้นนุ่มสอนบทเรียนของการลิ้มรสหวานในเรียวปากนั้นเป็นอย่างไร เรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มมลายหายไปในบัดนั้น มือเล็กยันไหล่กว้างสั่นเทาราวกับจับไข้
“อาคัง....อาคัง เจ้าทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ” หย่งฉีเข้ามาดึงคอเสื้อน้องชายออก แต่กลับถูกฉุดมือลงมาคุกเข่าข้างๆ บุรุษหนุ่มหันมามองคู่แฝดอย่างขุ่นเคืองแต่กลับพบว่ามีกระบอกไผ่อันเล็กๆเท่านิ้วหัวแม่มือรองที่ใต้จมูก เขาเผลอสูดกลิ่นหอมเย็นซ่านเข้าเต็มปอด “เจ้า...”
หย่งคังเก็บสิ่งนั้นลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้ายิ้มระรื่นยินดี “นี้ทำให้คึกคักกระสันอยากไม่หยุด หึ! เจ้าน่ะเคร่งเครียดเกินไปแล้ว ข้าจะให้เจ้าได้สนุก หาความสำราญใส่ตัวบ้างเป็นไร”
หย่งฉีอึ้งพูดอะไรไม่ออกเพราะในหัวนั้นมึนงงไปหมด ขณะที่เหวินสี่ใจหายเมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง “อย่า....ปล่อยข้าไป...ปล่อยข้า”
แต่แทนที่จะรับฟังคำขอ มือแข็งๆฉีกกางเกงบางเบาของเขาขาด แคว่ก!!!!
“ไม่....อย่า” เด็กหนุ่มร้องลั่นด้วยความกลัวตรงข้ามกับหย่งคังที่หัวเราะร่วน เขากระชากกางเกงออกเป็นชิ้นๆ ขณะที่หย่งฉียังนั่งนิ่งได้แต่มองน้องชายกระทำการในเรื่องที่มิคาดคิดว่าจะได้เห็น เขากดมือเล็กๆไว้เหนือศีรษะ อีกมือเกี่ยวเรียวขาขาวผุดผาดขึ้นพาดเอว ปากเขาขบกัดเนื้อนุ่มอย่างเมามันไม่ว่าไปที่แห่งก็จะทิ้งรอยแดงไปทั่ว ภาพที่เห็นสร้างความร้อนรุ่มในกายเหลือเกิน
หย่งคังยกตัวมองผลงานของตัวเองหลังฟอนเฟ้นร่างอ่อนวัยให้หายมันเขี้ยวแล้ว เขาหันมามองพี่ชายที่นั่งคุกเข่าใกล้ๆสีหน้าแดงซ่าน ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ บุรุษหนุ่มยิ้มเยาะเขาดึงฝาแฝดเข้ามาใกล้
“มาสิ พี่ชาย....เขารอเจ้าอยู่นะ” เขาจับมืออุ่นมาวางที่หน้าอกขาวเนียน หย่งฉีกำหมัดแน่นไม่ยอมแตะ แต่ก็ถูกใช้หลังมือลูบผิวอ่อนเบาๆ ยอดอกสีระเรื่อถูไถหลังมือไปมาชวนให้สยิววาวหวิวน้อยๆ นิ้วแกร่งค่อยๆคลายออกหย่งคังจับมือเขาคว่ำลงปลายนิ้ววนรอบๆเม็ดทับทิม
“อ่า...” เหวินสี่สะท้านกายไปกับปลายนิ้ว ทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้ ทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาไม่รู้ รู้แต่ว่ามันรู้สึกดีเหลือเกิน มันเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าแน่ๆถึงทำให้เขาเพลิดเพลินขนาดนี้ นิ้วที่บีบบี้เขาเบาๆเปลี่ยนมาเคล้นคลึงทั้งฝ่ามือก่อนลากนิ้วขึ้นมาช้อนปลายคางเขาขึ้น ริมฝีปากอุ่นทาบลงมาช้าๆ บดเคล้าอย่างละมุนละไม หวานจนหัวใจเขาแทบละลาย
“อืม....หยุด....หยุดเถอะ ได้โปรด” เขากระซิบกับริมฝีปากนุ่ม แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือลิ้นอุ่นที่ไล้ริมฝีปากล่างเขาเบาๆก่อนลอดเข้าโพรงปากอีกครั้ง หย่งฉีสะกดกลั้นอารมณ์ตนเองไม่ไหวแล้ว เขาลิ้มรสชาติทางเพศรสน้อยครั้งมาก ตอนนี้ได้รสหวานซ่านของเหล้าในเรียวปากนี้จึงอดไม่ได้ที่จะบดขยี้ให้หายอยาก มือที่กำดาบไว้คลายมันทิ้งอย่างไม่ใยดี ขณะที่หย่งคังปลดอาภรณ์แนบตัวเปลือยเปล่าลงมาบดเบียดเนื้ออุ่น ปากเขาขบกัดยอดอก สร้างความเสียวซ่านให้ลุกโชนไปทั่วร่างเล็ก
มือที่ต่อต้านเปลี่ยนแปรเป็นเกาะกุมเฉยๆก่อนจะถูกชักจูงให้ร่วมสัมผัสกันและกันตามแรงขับของตัณหา เสื้อผ้ากระจัดกระจาย เศษฟางยุ่งเยิงรอบๆร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาร่วมสังวาสกันเหมือนสัตว์ป่า รุนแรงบ้าคลั่งเหมือนอยู่ในความฝัน เหวินสี่รู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงไปมาสุดแรง ด้วยปากเปียกชื้นของคู่แฝดที่รุมขบกัดมังกรเขาราวกับแมลงที่ปรารถนาความหวานแท่งอ้อย ทั้งคู่ดื่มกินเขาอย่างตะกละตะกาม
“อืมมมม....อ้า อย่า....อย่า...”
ไม่ว่าจะพูด ‘อย่า’ สักกี่ครั้ง ก็ใครสนใจยอมฟังสักคำ มิหน้ำซ้ำยังรุนแรงหนักขึ้น หย่งฉีดูดดื่มเขาแรงขณะที่หย่งคังไล้ลิ้นไปทั่วช่องทางสีชมพูยับย่นแล้วค่อยๆสอดดัชนีเข้าไปทีล่ะน้อย
“อย่า....ตรงนั้น โอ้ยย.....ตรงนั้น...ไม่....ไม่ อ๊า” แค่ดัชนีคู่สอดใส่แทนการร่วมรักอย่างเร่าร้อน เขาสำลักความสุขออกมาทันที หยาดน้ำมากมายพุ่งเปรอะเปื้อนใบหน้าหย่งฉี มันมากมายจนไหลย้อยลงมาเปรอะทรวงอก บุรุษหนุ่มลูบไล้น้ำอุ่นๆไปทั่วก่อนนำบางส่วนมาละเลงในช่องเดียวกับหย่งคัง คนล่ะสองนิ้วร่วมกันเปิดทางที่คับแคบเพิ่มขึ้น
“อึ่....อืมย....” เหวินสี่ไม่รู้สึกกลัวอีกแล้ว เขาจมอยู่ในความฝันที่แสนหรรษารัญจวนใจและไม่ปรารถนาให้มันหยุด หย่งคังพลิกร่างเล็กคว่ำหน้าลงดึงสะโพกมนขึ้นมาอยู่บนต้นขาแกร่ง แนบชิดมังกรที่ชูชันนั่นไว้ เพียงพริบตาเดียวร่างแกร่งขยับตัวเสือกไสไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น
“อ้า!!!! โอ้ยยยยยย....” ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว เจ็บ! มันเจ็บเหลือเกิน รู้สึกเหมือนร่างจะฉีกเป็นเสี่ยงๆ เขาขยับตัวหนีจากความเจ็บปวด อุ้งมือใหญ่จับต้นคอเขากดไว้กับพื้น “ไม่....ปล่อยข้า ปล่อย...มันเจ็บ”
“อูยยยย....อา..อาฉี...เร็วเข้า...ปากเขายังว่างอยู่นะ....มันวิเศษมากเลย” หย่งคังบอกเสียงกระเส่า ใบหน้าเขาแดงจัดบ่งบอกถึงความแน่นหนั่นภายใจ ลมหายใจทอดเสียงสุขสมจนคนฟังรู้สึกเสียวซ่านไปด้วย เขาช้อนปลายคางเหวินสี่ขึ้น
“ได้โปรด....ข้าเจ็บ....มันเจ็บ..” สีหน้าเจ็บปวดและน้ำตาไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรนอกจากเข้าไปให้ถึงความสุขสมในจุดเดียวกับหย่งคัง เสียงอ้อนวอนหายไปมีเพียงเสียงท้วงในลำคอคล้ายสำลักเบาๆ หย่งฉีหลับตาปล่อยให้ตัวเองดื่มด่ำกับความชุ่มชื่นอันคับแน่น มันเหมือนยาดีที่เสริมให้เพิ่มความคึกคักและกระหายที่จะโลดแล่นเต็มที่
หย่งคังโอบคอพี่ชายลงมาซบหน้ากับบ่าของเขา “รู้สึกดีใช่ไหม”
ใช่...อะไรมันจะดีกว่าความสุขสมที่ทำให้พวกเขาพี่น้องได้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยมีเหวินสี่เป็นตัวเชื่อมระหว่างพวกเขา และโดยที่ไม่ต้องบอกกล่าวพวกเขาเริ่มการเดินทางด้วยจังหวะที่มั่นคง แข็งแรง เนิบๆ ค่อยๆเคี่ยวให้บทรักร้อนแรงทีล่ะน้อย ขณะที่เหวินสี่ตกอยู่ในความเจ็บปวดอันตึงเปรี้ยะ ความทรมานค่อยๆหายไปเมื่อถูกสอดใส่ด้วยจังหวะหนักหน่วงทั้งสองด้านซึ่งต่างส่งเสียงครางกระเส่าเหนือร่าง ภายในเสียดสีถูกจุดสะท้านของเขา มันช่างเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก
ความสุขสมถูกยัดเหยียดเข้ามาไม่ยั้งทำให้เขาเกือบบ้าคลั่งแล้ว ก่อนถูกพลิกหงายกลับมา เขารู้สึกเหนื่อยอ่อนแทบสิ้นสติ ตอนนั้นที่เห็นหย่งคังถอยห่างออกไป หย่งฉีเข้ามารั้งเรียวขาเขาขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง แล้วทิ้งตัวลงมาจู่โจมอย่างแรงพร้อมสอดใส่รวดเร็วจนหมดสิ้น
“อ๊า....” เด็กหนุ่มตกใจกับเรือนกายอันใหญ่โต มันฝังในร่างเขามิด ช่างเจ็บแสบปวดร้าวไปหมด แต่เพียงได้รับจูบของหย่งคังเนิ่นนานก็ฉุดเขาขึ้นมาสู่วิมารฉิมพลีอีกครั้ง พอจูบหวานรสเหล้าผละจากไป เหวินสี่ก็พบกับความเร่าร้อนของหย่งฉีที่ยัดเยียดความต้องการเข้ามาในร่างเขาไม่หยุด มังกรแกร่งเสียดแทงเข้ามาไม่นับจนเมือกเหนียวเอ่อล้นออกมา ทำให้การสอดใส่เป็นไปได้ลึกกว่าเดิม
“โอ้ววว...ฮะ....นี่แน่ะ! นี่ๆๆๆๆๆ” หย่งฉีบ้าคลั่งเหมือนหลุดลอยจากการควบคุมตนเองแล้ว อารมณ์ร้ายที่ซ่อนไว้ลึกๆถูกระบายออกมาด้วยลีลากระหน่ำแทงเร็วจนเรียกได้ว่า กระซวกเสียมากกว่า ร่างเล็กถึงกับสะเทือนไปทั้งตัว
“อ๊า!!!! อ่ะๆ ๆ ๆ อ๊า!...” เหวินสี่ร้องลั่นสุดเสียง หย่งคังที่ชมดูอยู่ถึงกับหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ เขาโถมใส่ร่างเล็กอีกคน ร่างกำยำทั้งสองบดขยี้เนื้อตัวเปล่าเปลือยอย่างเมามันจนชุ่มชื้นด้วยหยาดเหงื่อ ในโรงนาร้างอันเงียบเหงาเวลานี้กลับร้อนแรงด้วยตัณหา และคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของความกระหายที่ไม่มีวันสิ้นสุด
หย่งคังสำเริงสำราญจนหนำใจ ภายในที่คับแน่นมอบสัมผัสซาบซ่านให้เขาอย่างไม่รู้จักเบื่อ ยิ่งได้เห็นสีหน้าสุขสม ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยคำสาปแช่ง ยิ่งทำให้เขาเมามันกับการเร่งจังหวะให้หนักหน่วงจนได้เห็นความพ่ายแพ้เอ่อล้นออกมา
“อ๊า....อ๊า...โอ้ย......”
“ฮะฮะ...อย่างนั้น....อา.....ร้องออกมาเลย ร้องดังๆ” เสียงครางกระเส่านั้นทำให้เขาถึงจุดสุดยอดที่วิเศษสุด ร่างแกร่งกระแทกกระทั้นรุนแรงจนใต้ร่างถึงกับหมดสติไป แต่ไม่นานเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาเพราะสองพี่น้องไม่ยอมปล่อยให้เขาหลับตาได้นานนัก
หย่งคังนั้นสนุกกับชีวิตไปกับหญิงคณิกามากมาย และเขามักทะนุถนอมอิสตรีเสมอแต่ครั้งนี้ทำให้เขาสนุกสะใจกว่าครั้งไหนๆ เพราะเหวินสี่ให้ในสิ่งที่อิสตรีให้มิได้เป็นที่ถูกใจยิ่งนัก ส่วนหย่งฉีนั้นเก็บตัวมากกว่า ครานี้เหมือนกับได้ลอกคราบของตนเองออก ความทารุณในวัยเด็กทำให้เขาซ่อนอารมณ์ร้ายไว้ลึก พอได้ปลดปล่อยออกมามันจึงแสดงออกมามากกว่าหย่งคังเสียอีก ฝาแฝดผลัดกันเสพสมร่างเล็กอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนความมืดมาเยือน ฤทธิ์เหล้า ฤทธิ์กามารมณ์ส่างสา ความสงบจึงเกิดขึ้น ทั้งคู่หลับใหลด้วยความอิ่มเอมกาย อิ่มเอมใจที่สุด
************
ม้าเร็วห้อตะบึงเร็วราวกับพายุวิ่งฝ่าเข้ามาในเมืองอันเงียบสงบเป็นที่ตื่นตกใจของชาวบ้านมาก หากคนขี่ม้าร้อนใจยิ่งกว่า เขาชักม้าเข้าในบ้านสกุลหลี่กระโจนลงมาอย่างรวดเร็วเข้ามาในห้องโถงที่ทุกคนเฝ้ารออยู่
“ท่านพ่อ ท่านแม่...พี่ใหญ่ พี่รอง อาสี่หายตัวไปหรือ” เหวินฉายไปเล่อเจียงไม่นานเท่าไรก็ได้จดหมายด่วนตามตัวให้รีบกลับ เขาไม่รู้รายละเอียดนักนอกจากว่าน้องชายหายตัวไป
“เพิ่งมีจดหมายมาเมื่อคืนวานเอง” เหวินหลงให้ดูห่อผ้าที่มีเสื้อผ้าที่ฉีดขาด และรอยเลือดที่มารดาเห็นก็กลั้นสะอื้นไม่อยู่ รอยเลือดเขียนคำไว้อยู่
“สองแสนตำลึงหรือ” เหวินฉายอ้าปากค้าง
“เงินจำนวนมากขนาดนี้ ต่อให้รวบรวมทรัพย์สินทั้งบ้านเราก็ไม่ถึงอยู่ดี” เหวินจุ้นกล่าว
“มี....ยังมีโฉนดบ้านหลังนี้และที่นาที่บ้านนอกอีก พ่อจะเอาไปหาท่านอ๋องจ้าว”
“เดี๋ยวก่อน ท่านพ่อ” ทุกคนร้องห้ามเอาไว้
“ท่านใจเย็นก่อน”
“เรื่องนี้เราต้องไตร่ตรองให้ดี บางทีอาจมีเงื่อนงำอยู่ก็ได้”
“เงื่อนงำอะไรก็ช่าง ข้าจะไปช่วยอาสี่กลับมาให้ได้ก่อน” หลี่ต้าโหย่วลุกขึ้น ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว หากด้วยความเครียดและการอดนอนทำให้หน้ามืดขึ้นมาวูบ ทุกคนตกใจถลาเข้ามาประคองกันวุ่นวาย
“ท่านพ่อ!!!”
“น้ำชาๆๆๆ เอาน้ำชามาเร็วๆ” หลี่ฮูหยินร้องลั่นด้วยความตกใจ ลูกๆกุรีกุจอยกน้ำชาอุ่นๆมาให้บิดาจิบ ถึงมีสีหน้าดีขึ้น
“นายท่าน...” พ่อบ้านเกาเข้ามาเตือนสติ “ท่านใจเย็นลงหน่อยเถอะขอรับ ที่คุณชายใหญ่พูดมาก็มีเหตุผล เรื่องนี้มีเงื่อนงำจริงๆ”
“เงื่อนงำอะไร?”
“เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของคุณชายสี่ เขียนแค่ว่า สองแสนตำลึง อีก 3 วันจะมารับ เพียงเท่านี้ จำนวนเงินนี้แม้แต่ท่านอ๋องจ้าวซึ่งเป็นพระญาติฮ่องเต้ยังมีทรัพย์สินไม่ถึง นับประสาอะไรกับสกุลหลี่ที่รวบรวมเงินได้เต็มที่ก็ไม่เกิน แสนสามหมื่นตำลึง ข้าคิดว่านี่เป็นคำขู่ที่เลื่อนลอยเพื่อจุดประสงค์บ้างอย่างมากกว่า”
“จุดประสงค์อะไรกัน??”
“ลองคิดดูสิว่า ใครจะประโยชน์หากบ้านเราเกิดเรื่องวุ่นวาย”
“เถ้าแก่จางน่ะสิ” เหวินหลงกล่าวออกมา
“อาหลง อย่าพูดเหลวไหล เจ้ารู้ได้ไงว่าเป็นเขา”
“ลองคิดดูสิท่านพ่อ หากคนลักพาอาสี่ไปเป็นโจรชั่ว หรือชาวบ้านธรรมดา มีหรือที่จะเรียกร้องเงินเกินกำลังของพวกเรา หมื่นตำลึงก็ถือว่ามากแล้ว ยิ่งเป็นแสนแล้วด้วยถ้าต้องขนย้ายก็จะเป็นที่สะดุดตาของผู้คน นั้นมิเท่ากับทำให้เป็นที่โจษจันไปทั่วเมืองหรือ ข้าคิดว่าคนที่ทำการครั้งนี้มีจุดประสงค์อื่นที่มิใช่เงิน หากเราเลือกที่จะช่วยอาสี่ งานเย็บเสื้อหนาวของทางการก็ต้องเลื่อนออกไป และยิ่งส่งของไม่ทันตามกำหนด สกุลหลี่ก็จะมีโทษ เมื่อถึงตอนนั้นใครกันที่จะได้ประโยชน์ที่สุด”
“จางหย่งตี๋.....เจ้าคนโฉดชั่ว” หลี่ต้าโหยวทุบโต๊ะด้วยความเดือดดาล
“ตอนนี้พวกเราได้แต่คาดเดาเท่านั้น แต่ไม่มีหลักฐาน ดังนั้นพ่อบ้านเกา...ท่านลองไปสืบการเงินของสกุลจางดูสิว่าเขาจ้างกลุ่มโจรทำการชั่วหรือไม่ หากมีต้องมีการเคลื่อนไหวของเงินแน่ ส่วนข้า อาจุ้นและอาฉาย จะผลัดเปลี่ยนกันดูการเคลื่อนไหวที่บ้านจางเริ่มตั้งแต่คืนนี้เลย ท่านพ่อ...ท่านแม่ พวกท่านรวบรวมเงินไว้เผื่ออาจจะต้องใช้ แต่ต้องเงียบเอาไว้อย่าแพ่งพายให้คนนอกรับรู้เด็ดขาด” เหวินหลงกล่าว
“ได้” หลี่ต้าโหยวเพิ่งได้เห็นความสุขุมรอบคอบของบุตรชายคนโต ทำให้คลายความกังวลไปกว่าครึ่ง เขานึกดีใจที่เหวินหลงเป็นที่พึ่งได้ ในยามนี้เขาหวังแต่ว่าจะได้เบาะแสของอาสี่โดยเร็ว
**********
(ติดตามตอนต่อไปจ้า) :bye2: :bye2:
-
พ่อชั่ว
ลูกเลยไม่ต่างกัน
-
ดีมากเหวินหลง รอบคอบดี
-
สงสาร เหวินสี่ สามีเป็น S 55555
รับผิดชอบด้วย!!!
-
เฮ้อ..
มา 2 แล้วยังโหด
เฮ้อ...เหวินสี่เอ๊ย เหวินสี่
-
3p and sm สินะ
-
สงสารคุณชายสี่
-
สงสารเหวินสี่จริงๆ
:m15: :m15:
-
เหวินสี่ vs "S"s สองคน จะไหวไม๊ลูกเอ๊ย
-
สวสารเหวินสี่จังเลย :monkeysad:
ไอ่พวกบ้าไม่รุ้จักถนอมเล้ย :angry2:
-
เหวินสี่น่าสงสาร
:m15: :m15:
-
ป่านนี้น้องสี่ไม่ช้ำในตายไปแล้วเหรอเนี่ย :sad4: :sad4: :sad4:
-
น้องสี่น่าสงสาร :o12:
-
ใจร้ายยยยยยยยยยยยย น้องสี่แย่แล้ว :sad4:
-
เลวร้ายที่สุด 3p ถ้าไม่ยินยอม แต่เป็นการข่มขืนเป็นอะไรที่ยอมรับไม่ได้เลย
เจ้าสองแฝดนรกนั่นสมควรโดนสั่งสอน! :m16:
-
สงสารเหวินสี่จัง
-
คราวนี้ได้เขยแหะ แถมได้ทีเดียว 2 คนอีก
แต่ได้แบบซาดิสไปหน่อยนะ
-
ผิดคาดแฮะคราวนี้
น้องชายคนเล็กไม่ได้ตามอย่างพี่ชายหรอกเหรอ
:haun4:
-
โธ่...อาสี่ เจอผู้ชาย สาย S นิสัยเก็บกด หื่นยกกำลังสอง (ก็มันเป็นแฝด) ของตระกูลนี้เข้าไป
แล้วหนูจะรับไหวไหมเนี่ย? ดูมันจะเป็นสามีนิสัยแย่ ( ตามกรรมพันธุ์ ) ยังไงก็ไม่รู้... :sad3:
-
อาสี่ ของเจ้ :oo1: โดนซะแล่ว
-
สงสารอาสี่ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ แง๊ๆๆๆ
-
โอ้โห พ่อกับลูก ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
-
สงสารเหวินสี่ :haun4: :haun4: :haun4:
-
:monkeysad: ฉงฉานเหวินสี่อะแต่ รออ่านต่อดีกว่าอิอิ
-
ไอ้ 2S บ้า ทำไมไม่ถนอมน้องสี่บ้างเลยเล่า :serius2: :serius2:
อย่างนี้มันต้อง :beat: :beat: :beat: :z6: :z6: :z6:
น้องสี่ :sad4: :sad4: :sad4: ป่านนี้คงช้ำหมดเเล้ว
-
เฮ้ยๆๆๆๆ ถนอมๆหน่อยเว้ยเฮ้ย
เด๋วเครื่องเหวินสี่พังจะไม่มีให้ใช้นา :haun4:
-
:m31:
-
สองพี่น้องอะไรกันเนี่ย...ปมวัยเด็กแทนที่จะฝังลึกเกลียดการถูกทุบตีข่มเหง กลับกลายเป็นถูกบ่มเพาะความโหดมาแทน
สงสารคุณชายสี่ ... ที่น่าจะเป็นเหยื่อของความเข้าใจผิดอีกต่อ... T^T
-
แอบสงสารน้ะ เหวินสี่ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์น้ะ
อยากชื่นชมพี่ใหญ่ที่รอบคอบมาก
-
น้องสี่รับศึกหนัก จะรอดรึเปล่าน๊อ
-
เกรียดไอ้พี่น้องคู่แฝดนั่นวะ
ขอนะอย่าเอามันมาเป็นคู่กับเหวินสี่เลย
ไม่คู่ควรกัน
-
เหวินสี่น่าสงสาร
แต่สองแฝดได้เค้าแล้วต้องราบผิดชอบน่ะ 555
-
สงสารเหวินสี่อ่ะ ฮือๆ :impress3:
ไอ้แฝดบ้า ทำงี้ได้ไง
ขอให้แกทั้ง2หลงรักเหวินสี่หัวปักหัวปำ
แต่ให้เหวินสี่โกรธพวกแกมากๆๆที่ไปทำเรื่องไว้
ขอให้พวกแกต้องตามง้องอนเหวินสี่อย่างหนักหนาสาหัด
ขอให้โดนเหวินสี่ลงโทษเรื่องที่พวกแกทำไว้
ขอแช่งพวกแกไว้เลย เพี้ยง.... :call:
:fire:ไอ้แฝดบ้า.......
จริงจังไปป่าววะเรา o18
:L2: :pig4: :L2:
-
มาไวใช่ไหมเนี่ย น่าจะเว้นสักอาทิตย์นะนี่ เน้อะ แต่อารมณ์หื่นจะมามันช่วยไม่ได้ (ตอนนี้มะหื่นหรอก ตอนหน้าล่ะไม่แน่)
เจ้าสาวของ(?) เหวินสี่ 3
จิ๊บ...จิ๊บ...
เสียงนกกาส่งเสียงหวานเริงร่าลั่นทุ่งปลุกให้สรรพสิ่งตื่นจากนินทราในรังนอนอุ่น มาพบกับแสงแดดแรกของวันอุ่นกำลังเหมาะ หย่งคังลืมตาก็ไม่เห็นพี่ชายฝาแฝดเสียแล้ว มีเพียงร่างอุ่นจัดที่อยู่ข้างๆเท่านั้น ผมยาวรุยร่ายปรกใบหน้าสีระเรื่อดึงดูดใจให้ล้มตัวนอนอีกครั้ง ปลายนิ้วเขี่ยผมดำขลับออกให้พ้นดวงหน้าอ่อนวัย คุณชายน้อยผู้สูงศักดิ์พอดูใกล้ๆแล้วก็เห็นความน่ารักไม่น้อย ขนตายาวงอน ริมฝีปากจิ้มลิ้มส่งเสียงไพเราะเร้าใจไม่น้อย ฝ่ามือช้อนปลายคางให้หันมาถึงรู้สึกว่าร้อนผิดปกติ บุรุษหนุ่มแตะหน้าผากตรงๆ พบว่าร้อนผิดปกติ มีไข้แล้วแน่ๆ เขาเอาเสื้อคลุมให้ก่อนลุกออกมาข้างนอก
“อาฉี” เขาเห็นพี่ชายยืนมองดวงอาทิตย์นิ่งเฉยไม่ต่างจากสนเก่าแก่ พอเข้าไปใกล้เท่านั้น
เพี้ยะ!!!ฝ่ามือใหญ่ตบฉาดอย่างแรงจนหน้าหัน หย่งคังตกใจเล็กน้อยแต่ไม่เจ็บเท่าไรนัก พวกเขาเป็นฝาแฝด นอกจากใบหน้าแล้วความรู้สึกก็แบ่งร่วมกัน เขาเจ็บเท่าไรหย่งฉีก็เจ็บไม่น้อยกว่ากันเลย ดังนั้นตอนนี้ใบหน้าซีกหนึ่งของพี่ชายเองก็แดงก่ำไม่น้อย
“เจ้าทำบ้าอะไรกัน?”
“เจ้า...” หย่งฉีชี้หน้าว่า “เจ้ามันชั่วช้า”
“ ใช่ ข้าชั่วช้า พอใจหรือยัง เด็กคนนั้นมีไข้สูงมาก เราต้องพาเขาไปหาหมอ”
“มีไข้??” หย่งฉีมีสีหน้าแปลกใจ แต่ก็เพียงครู่เดียว “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าคนเดียว”
“อย่ามาโทษข้า เพราะเจ้ามันชอบเก็บกด ข้าถึงต้องระบายอารมณ์ทดแทนเจ้าอยู่รำไป ข้าอุตสาห์ช่วยเจ้าระบายความกำหนัดออกมา ไม่ขอบคุณแล้วยังจะตบข้าอีก”
“ ถ้าข้าต้องการ ข้าไปหอนางโลมเองได้ ไม่ต้องใช้ยา....” เขาพูดไม่ออกแล้ว ใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะที่อัดอั้น หย่งคังหัวเราะเยาะ
“ไม่เอาน่า.....ยอมรับเถอะว่าเจ้าก็ชมชอบมัน เด็กนั้นตอบสนองเจ้าถึงใจ” พูดจบเขาต้องรีบเอนกายหลบฝ่ามือที่ฟาดมาหมายตบปากเขาให้หายโกรธ “ฮะฮะ..เจ้าไปเอารถม้ามา ข้าจะอุ้มเขาออกมาเอง เราต้องไปหาหมอมาดูอาการเขาโดยเร็ว”
หย่งฉีกัดฟันกรอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาหันกายไปเอารถม้าที่ซุกซ่อนไว้ไม่ไกลนักออกมารับน้องชายที่โอบอุ้มร่างเล็กออกมา ใบหน้าอ่อนวัยสีระเรื่อชื้นด้วยเหงื่อ บุรุษหนุ่มเห็นแล้วก็ใจหาย เขาทำร้ายเด็กน้อยถึงปานนี้เชียวหรือ
“เจ้าคิดจะไปร้านหมอใด”
“ตำบลใกล้ๆมีหมอยาดีๆอยู่ ดีกว่าเข้าไปในเมืองใกล้บ้านสกุลหลี่”
“ ข้าเห็นด้วย”
“ว่าแต่เจ้าเถอะ ส่งข่าวให้เขาหรือยัง” หย่งฉีเอ่ยถามถึงบิดา
“ส่งเสื้อของเด็กคนนี้ไปให้แล้ว”
“เหลืออย่างเดียว....กดดันให้สกุลหลี่ถอนตัวจากสัมปาทานให้ได้”
“อาฉี ข้าไม่คิดว่าเรื่องมันจะง่ายดายนัก”
“หมายความว่าไง?”
“ข้าไม่ไว้วางใจบุรุษผู้นั้น” สองพี่น้องไม่ยอมเอ่ยคำว่าบิดาออกมาแม้แต่คำเดียว “เรายอมทำตามเขา แต่เขาก็สามารถแว้งกัดเราได้ทุกเมื่อนะ ดีไม่ดีมันอาจจะส่งข่าวให้สกุลหลี่ ไล่ติดตามเราแล้วก็ได้”
“เขาจะทำเช่นนั้นทำไม”
“ก็เพื่อสัมปทานไง อาฉี....ถ้าหากบ้านนั้นเลือกจะช่วยลูกชายมากกว่าชื่อเสียง แล้วจะเอาเวลาไหนทำงานส่งทางการได้ คนที่จะฉกฉวยผลประโยชน์นี้ต่อก็คือเขานั้นแหละ”
หย่งฉีนิ่งเงียบ มือกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุด “แล้วใยเจ้ายอมทำตามใจเขาอยู่อีก”
“ข้าไม่รู้...” หย่งคังว่าเสียงสลด เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงหวังลึกๆว่าอาจจะมีสักครั้งที่คนผู้นั้นเปิดใจยอมรับเขาเป็นลูกอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็เชื่อใจไม่ลงจริงๆ เขากลัวที่จะผิดหวังซ้ำซากจึงไม่อยากไว้วางใจใครนอกจากพี่ชาย
“เจ้าพูดมาก็ถูก เราไว้วางใจเขามิได้จริงๆ ตอนนี้.......เราไปหาหมอก่อน.... หลี่เหวินสี่ฟื้นตัวเมื่อไร ค่อยพาไปสกุลจาง คุยกับเขาตรงๆเลย”หย่งฉีรู้สึกเจ็บแปล้บในใจเมื่อต้องเอ่ยชื่อเด็กที่เขาทำร้ายมาหยกๆ เฮ่อ....เขาไม่น่าเลย จางหย่งฉีเจ้าไม่น่าเลย
“หย่งฉี...” บุรุษหนุ่มเรียกพี่ชายให้มองบางสิ่ง ห่างจากเส้นทางหลักไปพอสมควรมีร่างคนผู้หนึ่งนอนคุดคู้อยู่ใต้ต้น ศพหรือว่าคน?? ทั้งคู่มองสบตากัน ก่อนที่หย่งคังลงไปดูให้แน่ใจ เขาโล่งอกเมื่อพบว่ายังมีลมหายใจอยู่
“น้องชาย.....น้องชาย” ร่างเล็กในชุดมอซอถูกเขย่าเบาๆ
“อย่า! อย่า!” เขาผวาตื่นตกใจร้องลั่นอย่างขวัญเสีย นั้นทำให้รู้ว่ากำลังหวาดกลัวบางอย่าง
“ใจเย็น ข้ามิได้มาทำร้ายเจ้า” ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างระแวดระวัง บุรุษหนุ่มเห็นใบหน้าอ่อนวัยกว่า มีลักษณะของเด็กที่อยู่ดีกินดีมาก่อน แม้จะแต่งตัวปอนๆหน้าตามอมแมมแต่ก็เห็นแววเฉลียวฉลาด “ข้าเห็นเจ้านอนไม่ได้สติอยู่ ไฉนมาอยู่ที่นี่ บ้านเจ้าอยู่ที่ใด”
“เอ่อ...ข้า....ข้า...กำลังตามหาครอบครัวอยู่”
“ท่าทางเจ้าอิดโรยนะ ข้ากับพี่ชายกำลังจะไปตำบลข้างหน้านี้ เจ้าอยากไปด้วยหรือไม่”
“ขอบคุณ....ขอบคุณขอรับ” เด็กน้อยมีสีหน้าสดใสขึ้นทันตาเห็น เขาตามมาที่รถม้า
“ข้าจางหย่งคัง นี่พี่ชายของข้า จางหย่งฉี”
“พี่หย่งคัง พี่หย่งฉี ข้าแซ่ชิง ชื่อกระต่ายน้อยขอรับ”
“แววตาสดใสเป็นประกายสมชื่อกระต่ายน้อยจริงๆ ขึ้นมาสิ ในรถม้ามีหมั่นโถวอยู่ทานตามสบายนะ”
“ขอบคุณขอรับ” กระต่ายน้อยยิ้มกว้าง เขาโชคดีจริงที่ไปไหนก็มีคนใจดีช่วยเหลือตลอด แม้จะเป็นระยะสั้นๆก็เถอะ ตอนนี้เขาต้องระเหเร่ร่อนอยู่เช่นนี้ก็เพราะศัตรูของเขาหม่าจื้อฝ่านยังไม่รามือทำให้เดินทางไปหาบิดาและพี่ชายไม่ได้ สถานที่ที่ทั้งคู่ไปซ่อนตัวอยู่นั้นไม่มีผู้ใดรู้ ดังนั้นเขาจึงต้องหลบหนีการไล่ล่าและหาโอกาสกำจัดศัตรูให้ได้ เด็กน้อยเปิดประตูรถม้าก็พบกับคนนอนซมอยู่ข้างใน อากาศภายในอุ่นจนรู้สึกได้
“นี่น้องชายของเรา เขากำลังป่วยอยู่เราเลยจะพาเขาไปหาหมอ”
“กว่าจะถึงมือหมอก็หลายชั่วยามนะขอรับ ข้าเคยดูแลบิดาที่มีไข้สูง ต้องเช็ดตัวคลายความร้อนบ่อยๆ ให้ข้าดูแลเขานะขอรับ” ทั้งคู่มีสีหน้าไม่ไคร่เต็มใจเท่าใดนัก แต่ก็ยอมให้ช่วยเหลือ ร่างเล็กเอากระบอกไม้ไผ่รองน้ำในลำธารมา รถม้าก็เริ่มเดินทาง
กระต่ายน้อยกัดกินหมั่นโถวอย่างหิวโหย มือก็เอาผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวในคนป่วยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ้าในมือเช็ดได้คราบเลือดออกมา เขาถึงตกใจเกือบร้องออกมาแล้ว เลือด?? มีบาดแผลตรงไหนกัน ร่างเล็กเปิดเสื้อออกดูเป็นที่ๆก็ไม่เห็นจนกระทั่งพลิกร่างอ่อนปวกเปียกให้นอนตะแคงถึงกับตะลึงงัน เลือดจากตรงนั้น!!!
ใบหน้าอ่อนวัยแดงซ่าน เขามีประสบการณ์มาแล้วจึงรู้ว่าบาดแผลจากตรงนั้นเจ็บปวดปานใด กว่าจะหายได้นั้นต้องทรมานอยู่หลายวันเลยทีเดียว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เด็กคนนี้ถูกขืนใจ หรือว่า?? ร่างเล็กนั่งตัวแข็งเมื่อหวนนึกถึงสองพี่น้องเจ้าของรถม้า หน้าตาไม่ละม้ายกับคนป่วยเลย เป็นพี่น้องคนล่ะบิดามารดาหรือไรกัน
“อือ....” คนนอนซมร้องครางออกมา กระต่ายน้อยรีบประคองเขานอนหงายลงอย่างเบามือ
“เจ้า.....รู้สึกตัวแล้วหรือ บอกข้าสิ เกิดอะไรขึ้น หือ??”
“เจ้า....”
“ข้าชื่อกระต่ายน้อย บอกข้าสิใครทำร้ายเจ้า....ใช่ ชายฝาแฝดสองคนหรือเปล่า”
เหวินสี่ปวดหัวเหลือเกิน ระบมปวดไปหมดทั้งตัวราวกับถูกม้านับสิบนับร้อยเหยียบย่ำ แต่ก็มีสติอยู่ เขาลืมตามองเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน มีแววตาตื่นตระหนกแต่ก็มีความเป็นห่วงเป็นใยชัดเจน แสดงว่ามิใช่คนของคู่แฝดนั้น
“พวกเขา.....พวกเขา....ทำร้ายข้า”
“แย่แล้ว.....ทำไงดี....ทำไงดี” เด็กหนุ่มใจหาย เขามาพบเจอโจรล่าสวาทแล้วหรือไร คนพวกนี้จะจับพวกเขาไปขายหอโคมเขียวหรือเปล่านะ...จะทำการใดดี มืออุ่นจัดดึงมือเขาไว้
“ข้า.....ชื่อหลี่เหวินสี่ บิดาข้า....อยู่ที่....” เขาบอกเสียงเบาจนกระต่ายน้อยต้องแนบหูใกล้ริมฝีปาก “ไปหาพวกเขา...บอกพี่ชายข้า.....ให้มาช่วยเร็วๆ”
“ได้ แต่ว่า...ข้าจะหนีไปจากสองคนนี้ได้อย่างไร” กระต่ายน้อยหันมา เหวินสี่ก็หมดสติไปแล้ว เขาพบพู่หยกร้อยเอวจึงเอาไว้เป็นหลักฐาน เขาต้องไปบ้านสกุลหลี่ให้เร็วที่สุด คงต้องเล่นละครกันหน่อยล่ะ “พี่ชาย...น้องชายท่านอาการไม่ดีแล้ว รีบหน่อยเถอะ”
หย่งฉีลงแส่ม้าให้เร็วขึ้น เขาหันกลับมองเป็นระยะ ในใจนั้นร้อนรนด้วยความรู้สึกผิด ถ้าเด็กคนนี้เป็นอะไรไปเขาคงให้อภัยตัวเองไม่ได้แน่ เขาเร่งม้าตลอดเวลาไม่นานก็เข้าเขตตำบล ก็รีบชักม้าเข้าหาร้านหมอยาที่ใกล้ที่สุด
“ข้าเอง” บุรุษหนุ่มร้อนใจ เขาโอบอุ้มร่างเล็กอย่างระมัดระวัง เข้าไปในร้านท่าทีร้อนรนห่วงใยคนป่วยทำให้กระต่ายน้อยนึกสงสัยว่านั้นแค่ไม่อยากให้ตายหรือห่วงจริงๆนะ ถ้าห่วงจริงแล้วไฉนถึงทำร้ายได้ถึงปานนี้
“กระต่ายน้อย ขอโทษนะที่ข้าส่งได้เพียงเท่านี้” หย่งคังกล่าว
“อ้อ มิเป็นไรขอรับ แค่นี้ข้าก็ซาบซึ้งมากแล้ว ขอบคุณมากขอรับพี่หย่งคัง”
“เดินทางระวังนะ” เขายื่นห่อผ้ามีหมั่นโถวให้ด้วย กระต่ายน้อยเกือบซึ้งใจจริงๆแล้วหากไม่เพราะนึกถึงเหวินสี่ ร่ำลาเสร็จร่างเล็กรีบเดินจ้ำออกห่างพอได้ระยะที่คิดว่าไม่เห็นกันแล้วเขาก็รีบออกวิ่งสุดกำลังเลยทีเดียว ด้วยความห่วงที่ว่าเพื่อนมนุษย์จะต้องเผชิญอะไรที่ร้ายกาจกว่าที่เขาเคยเผชิญเป็นร้อยเท่า พันเท่า จึงทำให้ทนอยู่เฉยไม่ได้ เขาต้องช่วยเหวินสี่จากเงื้อมือมารทั้งสองคนให้ได้ เท้าเล็กๆแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจ วิ่งจากตำบลอันห่างไกลเข้าสู่เมืองที่เป็นจุดหมาย
***********
เย็นย่ำอาทิตย์กำลังอ้อยอิ่งที่สันเขา สีชาดบนท้องฟ้าสวยงามราวกับภาพวาดจากสรวงสวรรค์ นกน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้วคล้ายเสียงเรียกให้กลับรังนอน หลี่เหวินฉายกลับเข้าบ้านอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเพิ่งเปลี่ยนเวรกับเหวินจุ้นมา เดินเข้าบ้านมาบ่าวไพร่ก็มารายงานสีหน้าตื่นเต้น
“คุณชายๆๆ มีข่าวคุณชายสี่แล้วขอรับ”
“หา??”
“มีเด็กคนหนึ่งมาส่งข่าวเมื่อตะกี้นี้เอง”
“เด็กไหน เขารู้จักอาสี่เหรอ”
“ขอรับ เขามีหยกห้อยเอวของคุณชายมาเป็นหลักฐานด้วย”
บุรุษหนุ่มยิ้มกว้างยินดีปรีดารีบเข้าไปสมทบกับคนในบ้าน ที่ห้องโถงใหญ่ทุกคนอยู่พร้อมหน้า ทั้งบิดา มารดา พี่ชาย เถ้าแก่เฉินพ่อตาของพี่ชาย พ่อบ้านเกา และท่านอ๋องจ้าว
“มีข่าวของน้องสี่หรือขอรับ”
“อาฉาย น้องสี่อยู่ตำบลใกล้ๆนี้เอง” เหวินหลงบอกข่าวดี เหวินฉายยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิมด้วยความดีใจ เขามองทุกคนที่กำลังตื่นเต้นดีใจก่อนที่สายตาจะสบมองดวงตากลมโตสดใส เด็กหนุ่มร่างเล็กที่ไม่เคยเห็นหน้า คงเป็นเด็กส่งข่าว....หน้าคุ้นๆ ตาโตคุ้นๆ ปากคุ้นๆ เอ๊ะ??
“อ๊า!!!!!!!!!!” กระต่ายน้อยร้องลั่น
“เฮ้ยยยยย!!!!!” เหวินฉายร้องบ้าง นึกออกแล้ว!!! ร่างเล็กวิ่งผ่านเขาไปเร็วเหมือนกระต่าย บุรุษหนุ่มไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย เขาวิ่งตามท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน เขาคว้าแขนเล็กไว้ได้ “หยุดนะ”
“ปล่อยข้า...” กระต่ายน้อยพลิกมือเร็วสะบัดหลุดจากการจับกุม เหวินฉายก็ไม่ยอมเขายื้อยุดฉุกกระชากทำให้ร่างเล็กหนีไปไม่ได้ไกลกลับถูกไล่ต้อนให้ถอยกลับมา อาการต่อต้านอย่างหวาดกลัวทำให้รู้ว่าพูดคุยกันคงไม่รู้เรื่องแน่ จึงซัดฝ่ามือเข้าที่ต้นคอเล็กๆทีเดียว
ผัวะ!
กระต่ายน้อยหมดสติตัวอ่อนร่วงลงในวงแขนที่รองรับพอดี เหวินฉายมองใบหน้าอ่อนวัยให้ชัดๆอีกครั้ง ไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนหาก็หาแทบเป็นแทบตาย แต่ตอนเจอนึกจะง่ายก็ง่ายขนาดเข้ามาหาถึงในบ้านเลย เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดมิด ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณๆๆๆ
“อาฉาย เกิดอะไรขึ้นทำไมเจ้า.....” เหวินหลงติดตามออกมาชมดูเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“เอ่อ.....คือ...ข้ากับนาง......มือเรื่องผิดใจกันนิดหน่อยน่ะ นางเป็นคนตีหัวข้าที่เล่อเจียง”
“ตายแล้ว....เป็นเด็กคนนี้ใช่ไหม” หลี่ฮูหยินร้องโวยวาย “เขาเป็นคนทำร้ายเจ้าแล้วขโมยรถม้าไป นี่เราจะเชื่อคำพูดของโจรได้อย่างไรกัน”
“ท่านแม่.....ไม่ใช่นะขอรับ ไม่ใช่ๆๆ นางตีหัวข้าจริง แต่ไม่ได้ขโมยรถม้า เป็นอีกคนขอรับ เรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยถึงได้ลงไม้ลงมือกัน จริงๆไม่มีอะไรหรอกขอรับ เรื่องเล็กนิดเดียวจริงๆ” บุรุษหนุ่มพยายามแก้ตัวให้ ขืนมารดารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นโจรขโมยม้าจะให้เขาก็อยู่ที่นี่ก็ลำบากสิ
“แล้วเจ้าจะทำยังไงกับเขา” เหวินหลงเห็นน้องชายอุ้มร่างเล็กไม่ยอมวาง
“เอ่อ.....ข้าจะ......ขังไว้ก่อน ช่วยอาสี่กลับมาได้แล้วค่อยว่ากันเถอะนะ” เหวินฉายละล่ำละลักบอกแล้วอุ้มคนหายไปอย่างรวดเร็วเลย ทีแรกเขานึกถึงห้องเก็บฟืน แต่คิดอีกทีก็ห้องเขานั้นแหละดีที่สุด เขาวางร่างปวกเปียกลงบนเตียงเพ่งมองใบหน้าให้ชัดๆอีกที ทุกอย่างชัดเจนเหมือนฝันที่เป็นจริง ปีศาจตัวน้อยๆที่ช่วงชิงหัวใจเขาไป บุรุษหนุ่มทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจจนอดไม่ไหวที่กอดแน่นๆให้หายคิดถึง
ฮ่า....กลิ่นเนื้อหอมๆที่ไม่มีวันลืมเลือน ร่างพอดีกอดและ.....หน้าอกเล็กๆ เล็ก...เล็กจังเขาลูบๆคลำๆยังไงก็ไม่มี เลยสอดมือเข้าไปสำรวจ ใบหน้าคมสันสะดุ้งเฮือก ไม่มี!!!
ไม่มี!!!
ไม่มี!!!!
เหวินฉายกระชากเสื้อบนร่างเล็กออกดูให้แน่ชัด สิ่งที่เห็นทำให้ร่วงจากสวรรค์ลงมากระแทก ณ.ก้นบึ้งของนรกเลยทีเดียว มันไม่มี!!! เขานิ่งอึ้งไปครู่ก่อนตัดสินใจล้วงลงเบื้องล่าง ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจว่าไม่มีจริงๆ สิ่งที่มือสัมผัสเจออย่างจังทำให้ใจสลายจนต้องคุกเข่าเท้าแขนกับพื้น
ผู้ชาย....
ผุ....ผู้ชาย......
ทำไม.....ถึงเป็นแบบนี้ เขามีความสัมพันธ์กับชายด้วยกัน โดยไม่รู้ว่าเลยว่าเป็นชาย สวรรค์...ทำไมถึงทำร้ายเขาอย่างนี้ บุรุษหนุ่มนั่งพิงเตียงอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง สมองไม่ทำงาน หัวใจสลายอยู่อย่างนั้นจนบ่าวมาเคาะประตูห้อง
“คุณชายสามขอรับ....คุณชายใหญ่ให้มาเรียนว่า จะออกเดินทางแล้วขอรับ”
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขายันร่างอันหนักอึ้งขึ้นอย่างทุลักทุเล ใจไม่มีแรงจะทำอะไรเลย เมื่อหันกลับมามองร่างที่ไร้สติแล้วก็คิดว่าช่างเถอะ ถ้ารู้ตัวก็คงจะหนีไปเองแหละ เรื่องที่แล้วก็แล้วไปอย่าไปสนใจถามไถ่ดีกว่า แต่พอเดินไปถึงประตูก็ต้องชะงัก เมื่อมีคำถามว่าเขาจะทำใจได้หรือ ลืมเลือนได้หรือ คนผู้นี้ ร่างกายนี้มิใช่หรือที่ทำให้เขาเร่าร้อนเป็นไฟติดในบ่วงเสน่หาจนต้องดั้นด้นไปหาถึงเล่อเจียงน่ะ
เหวินฉายตัดสินใจกลับมาเอาสายผูกม่านของเตียงมามัดมือ เท้าและปากไว้ ไว้กลับมาก่อนแล้วค่อยคุยกัน
**********
เหวินสี่รู้สึกขึ้นมาเห็นเพดานห้องแปลกตาเหลือเกิน ห้องเขาใช้ผ้าม่านเตียงสวยกว่านี้ ของกระจอกนี้มันอะไรกัน?? กลิ่นสาบของเก่าทั้งนั้นเลย ห้องเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร หันมาก็เห็นถ้วยยาวางใกล้ๆ เตาไฟตั้งกลางห้องให้ความอบอุ่น ใครดูแลเขากัน
ประตูห้องเปิดเข้ามาช้าๆ เหวินสี่ใจหายวาบเขาหลับตากลั้นหายใจทันที เมื่อมีเสียงคนเดินใกล้ๆ ไม่นะ....เขานอนตัวแข็ง กลิ่นเหล้าจางๆโชยมาแตะจมูก
“ดีแล้วที่ไม่เป็นไรมาก”
“โชคดีแค่ไหนแล้ว...เจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอกเถอะ” หย่งฉีไล่
“อะไรกัน?”
“ไป...” เขาไม่ต้องการอยู่ร่วมห้อง เพราะคงไม่แคล้วได้ทะเลาะกันอีก
“ก็ได้ ข้าจะเดินดูรอบๆสักหน่อย” หย่งคังยอมถอย ไว้รอให้อารมณ์ดีกว่านี้คงคุยกันง่ายขึ้น เงียบเสียงใดๆแล้วเหวินสี่ได้แต่นอนนิ่งไม่กล้าขยับ ผ้าเย็นๆเช็ดที่หน้าผากเขาเบามือ เจ้าโจรชั่วนี้คิดจะทำอะไร ทำดีหลังจากร้ายกาจกับเขาหรือไร
“ขอโทษด้วย” เสียงนี้ทำให้ใจหายวาบ “ข้าเสียใจจริงๆ”
หย่งฉีเอาผ้าวางในอ่างข้างเตียง เขานั่งหันหลังให้พลางทอดถอนหายใจอ่อนล้า ประหนึ่งแบกรับหินผาแห่งจริยธรรมอยู่บนบ่า เหวินสี่แอบลืมตาขึ้นมอง เห็นความเศร้าแผ่ซ่านจากศัตรู ดูเหมือนจะชื่อ...หย่งฉีกระมั่ง ทำไมถึงเศร้านักนะ คนที่ควรเศร้าคือเขาต่างหาก ความรู้สึกนั้นตกลงบนตาชั่งในใจ เด็กหนุ่มรู้ได้เลยว่ามันทำให้ความโกรธแค้นของเขาเบาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
‘เจ้าคนชั่วช้าอย่าได้ทำหน้าเช่นนี้ได้หรือไม่ มันทำให้ข้าเกลียดเจ้าไม่ลง’
เหวินสี่หลับตาลง พยายามไม่ให้ตนเองใจอ่อนกว่านี้ จู่ๆประตูก็เปิดผ่างเข้ามา
“สกุลหลี่มา” หย่งคังเข้ามาสีหน้าเคร่งเครียด เขาเดินดูรอบๆเพื่อหาทางหนีทีไล่ก่อนอย่างทุกที ก็พบกับรถม้าที่เข้ามา คนขับรถม้าดูก็จดจำได้ว่าเป็นบ่าวเฝ้าประตูหน้าบ้านของสกุลหลี่ จึงรีบกลับมา เหวินสี่ลืมตาโตเลยแต่กลับโดนผ้าห่มคลุมทับจับม้วนกลิ้งจนดิ้นรนไม่ออก
“ไฉนเลยรู้ตัวเร็วปานนี้”
“ต้องเป็นเจ้านั้นแน่ มันขายพวกเราเพื่อผลประโยชน์ของมันเอง” หย่งคังคิด เพราะไม่มีใครจะกล้าทำการที่ไร้สัจจะได้เท่าบิดาเขาอีกแล้ว
“ข้าจะไปที่วัดร้าง เจ้ารั้งท้ายไว้” หย่งฉีแบกผ้าห่มม้วนหนาขึ้นราวกับแบกขนนก
“ได้” เขาดับไฟในห้อง อีกคนออกไปนอกหน้าต่าง วิ่งบนสันหลังคาได้เหมือนหนูตัวเบา คล้อยหลังไปไม่นานก็มีเสียงขึ้นบันไดมาอย่างร้อนรนประตูเปิดผ่างอย่างแรง หนึ่งคนพุ่งพรวดเข้ามาค้นหาในห้อง หนึ่งคนตรงไปยังหน้าต่างเสาะหาการเคลื่อนไหว อีกหนึ่งหยุดคาแค่ประตู ทันใดนั้นเงาดำร่างหนึ่งกระโดดข้ามหัวเขาทิ้งตัวลงบันไดอย่างรวดเร็ว กว่าคนผู้นั้นจะหันกายมา ร่างนั้นก็หายไปไม่ทันได้เห็นหน้าหรือสีเสื้อด้วยซ้ำ
“ข้างล่าง” เขาตะโกนบอก ทั้งหมดรีบติดตามไป
นอกโรงเตี้ยมยามวิกาลผู้คนน้อยก็จริง ทว่าความมืดช่วยบดบังการมองเห็น ทั้งสามคนเห็นเพียงเงาเคลื่อนไหวจึงติดตามไปกระชันชิด หนึ่งในนั้นขว้างมีดสั้นเข้าใส่ ทำให้เป้าหมายช้าลง จวนเจียนถึงตัวแล้ว มันกลับพลิกตัวมาขว้างบางอย่างสกัดกลั้น
“พี่รอง!” มือแข็งๆคว้าแขนพี่ชายหลบให้พ้นทาง สิ่งนั้นกระทบลงพื้น
ตูม!!! ปรากฏควันขาวมากมายกระจายไปทั่ว ทั้งสามคนไม่อาจเคลื่อนไหวได้กว่าควันจะจางลงก็ปราศจากผู้ใดแล้ว
“บัดซบเอ้ย” เหวิงหลงกัดฟันกรอด ปล่อยมันหลุดมือไปได้
*********
“อาคัง” หย่งฉีเฝ้ารอหน้าวัดร้างอย่างกระวนกระวาย จนเห็นน้องชายมาถึง เขารีบดึงแขนเข้าไปในอารามข้างในเต็มไปด้วยหยากไย ดีหน่อยที่มีกองไฟเล็กๆกลางให้อบอุ่น มีกองฟางแห้งๆปูพื้นพอให้พักกายบ้าง หย่งคังเห็นห่อผ้าห่มเป็นม้วนถูกมัดกำลังดิ้นรนอยู่
“รู้สึกตัวแล้วหรือ”
“อืม ถอดเสื้อออกสิ” บุรุษหนุ่มสั่ง เขารู้สึกได้ว่าน้องชายบาดเจ็บที่ใด เสื้อผ้าท่อนบนถอดทิ้งลงกับพื้น ปรากฏบาดแผลที่สีข้าง โลหิตไหลซึมพอสมควร เขาฉีกเศษผ้าเป็นชิ้นยาวๆ ในตอนนั้นเหวินสี่ดิ้นรนออกได้ครึ่งตัว พอได้ออกกำลังเหงื่อออกมากๆอาการไข้ใดก็หายเป็นปลิดทิ้งหมด เขาพลิกตัวมาเห็นสองพี่น้อง
“เจ้า!!! เจ้าคนชั่ว” เขาด่าว่า พยายามดันตัวเองออกจากผ้าห่ม แต่ก็ติดเชือกที่มัดอยู่ มือเขาก็สั้นไปเอื้อมไม่ถึงอีก เด็กน้อยถึงกับนอนแผ่อย่างหมดแรง เขาเอี้ยวตัวมาเห็นสองพี่น้องนั้นกำลังง่วนอยู่ เสื้อผ้าถอดทิ้งอยู่ใกล้มือและนั้น! ดาบ เขาเอื้อมมือไปดึงเสื้อมาใกล้ๆ ขอให้ได้ถาบเถอะแก ในกองเสื้อมีกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ กลิ้งหลุนๆมาถึงมือ
‘เอ๊ะ อะไรเนี่ย ยาพิษหรือเปล่า’ ตอนนี้อาวุธอะไรเขาก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้นถ้าทำให้หนีรอดไปได้ เขาแกะฝาที่อุดมันออก ป๊อก!
“ทำอะไรนะ ...อย่าสูดดมนะ!!!” หย่งฉีเงยหน้ามาเห็นเข้าพอดี เขาร้องลั่นเลย
อย่าสูดดม คำพูดนี้ทำให้เผลอสูดเข้าซะเต็มปอดเลย กลิ่นหอมเย็นดีจัง....
(ติดตามตอนต่อไปจ้า) :bye2: :bye2:
-
^
^
จิ้ม
เผลอดมยานั้นเข้าไป เดี๋ยวก็โดนอีกหรอกเหวินสี่ :try2:
ท่าทางตอนต่อไปเหวินสี่โดนจัดหนักแน่ :z1:
-
อีเด็กเวรเอ๊ยหาเรื่องโดนกดอีก
:L1:
-
กลิ่นหอมเย็นดีจัง
เดี๋ยวได้ร้อนกันมั้งล่ะ อิอิ
-
อ่านะ......
จะไม่รอดก็งานนี้แหละ
-
นี่จะดิ้นรนให้รอดหรือโดนหนักกว่าเก่าเนี่ยหือ !!! กว่าพีๆ จะมาช่วยก็พอดีโดนไปอีกหลายยกละ
-
เอาล่ะสิ สูดเข้าไปเต็ม ๆ :haun4: :haun4:
-
งานนี้คงไม่รอดอีกแน่
-
ตอนนี้ยาวที่สุดเลยแหะ
คุณชายสี่สูดเข้าไปเต็มๆ แล้วงี้จะหายไข้ไหมเนี่ย
-
อาสี่หาเรื่องเองตอนนี้ 55
ลุ้นจางอยากรู้ว่าเรื่องจะจบยางไง
ต่อด่วน
-
เด็กน้อยเอ๊ย หาเรื่องโดนกดเเล้วไง
-
ตายๆๆๆๆน้องสี่ จ๊ะนั่นมันยา :oo1: นะลูก
:z1: :m25: :m25:
-
กลิ่นหอมเย็นดีจัง
แต่เด๋วสักพัก คนสูดจะเร้าร้อนอะ่ป่าววว
:z1: :z1:
-
เอาแล้วไงเหวินสี่
เพิ่งจะส่างไข้ นี่หาเรื่องให้เป็นไข้อีกรอบซะแล้ว
มีเหวินฉายกับภรรเมียโผล่มาด้วย
ตอนหน้าจะมีปรับความเข้าใจกัน
ทั้งเหวินสี่และเหวินฉายเลยใช่มั้ยจ๊ะ
เค้าจะได้ไม่ใช่แค่เตรียมทิชชู่
แต่เค้าจะเอาถังมารองเลือดเลย
:haun4:
-
อยากอ่านต่ออ่ะ
พี่ๆจะช่วยน้องสี่ได้มั้ยเนี่ย
+1
-
ยังยืนยันคำเดิมนะ
ไอ้ คู่แฝดนั้น ไม่คู่ควรกับเหวินสี่
-
ค้างงงงงงงงงงงงง o22 :a5: o22
-
ยังไม่หายดีก็จะ...อีกแล้วเหรอ หุหุ
-
ทำตัวเองแท้ ๆ :z1:
รู้สึกจะอ่านข้ามของน้องสามไปด้วยแฮะ...ขอตัวไปอ่านก่อน o18
-
สูดไปแล้ว ทำไงดี
-
โดนยากระตุ้นอีกแล้ว ต่อไปก็เป็นไข้อีก เฮ้อ
-
เวรแท้ ... ตอนแรกสงสารเหวินสี่ และเกลียดเจ้าแฝดเลวนี่จริงๆ ถึงตอนนี้ก็ไม่อยากให้มันเป็นพระเอก -*-
ตอนนี้แอบอนาถจิิตเหวินสี่เล็กๆ เจอดาบก็คว้าดาบก่อนสิเว้ย จะมาคว้ากระบอกไม้ไผ่ก่อนเพื่ออออ หาเรื่องจริงๆ :angry2:
โดยส่วนตัวแล้ว เวลาเจอ 3P จะไม่ค่อยอ่าน เพราะมันทำให้รู้สึกว่า คน 3 คน จะมีความรักที่ลงตัวได้อย่างไร
แต่เรื่องนี้ ไหนๆก็อ่านแล้ว ก็อยากจะอ่านให้จบ นึกว่าเจ้าสาว (?) ของเหวินสี่จะเป็นคุณครูที่ออกมาเป็นตัวละครแรกซะอีก อุเหม่!
อย่าให้รอเป็นอาทิตย์เลยนะ ความค้างมันเรียกร้องน่ะจ้าา :z3:
-
แผลเก่ายังไม่ทันหายเลย แอบสงสารอ่ะ :o12:
-
กระต่ายน้อยเดลิเวอรี่ตัวเองมาส่งถึงที่ :mc1:
ส่วนน้องสี่่... สงสัยจะได้กลับไปหาหมออีกรอบในเร็ววัน :try2:
-
โอ้ว ว้าวสูดเขเาไปเต็มๆแล้วฉะนี้เราก็ควรมารออ่านตอนต่อไปอย่างกระชั้นชิดสินี่ :-[
-
มาอ่านแล้วสงสารน้องสี่จริงๆ เจอสองแต่ว่าข่มขืนแบบนี้ แล้วใครจะเป็นผู้มาช่วยน้องสี่ละ
T__T
-
เหอะๆ
-
ม่ายรุจะลุ้นคู่ใครดี
ระหว่างกระต่ายน้อยกะน้องสี่
แต่จะว่าไป
เค้าชอบหยกน้อยอ่ะ
หลายใจไปไหมนี่
-
ห้าๆๆ เตรียมทิชชู่ในตอนหน้าดีกว่า
กระต่ายกลับเข้าอวยแล้วน๊า
:haun4:
-
สงสารเหวินสี่ :o12:
ต้องกลายมาเป็นเหยื่อทางอารมณ์ให้เจ้าสองคนนี้
สองพี่น้องนี่ทำเกินไปแล้วอ่ะ :เฮ้อ:
-
โธ่ เหวินสี่เอ้ยย..
รออยู่เฉยๆให้พี่ๆเค้ามาช่วยก็ดีอยู่แล้ว
ดิ้นรนแล้วแทนที่จะรอด มันจะไม่รอดนะงานนี้
ไข้จะกลับเอานะ เพิ่งจะดีขึ้นมาเอง
:L2: :pig4: :L2:
-
งานนี้น้องสี่จะเป็นยังไงเนี่ย จะรอดไหมเนี่ย
-
รอ ร๊อ รอ :m21: :m21: :m21:
-
ค้างอย่างแรง!
แอบสงสารเหวินสี่ แต่ก็จะเสียดายถ้าไม่ 3p
๕๕๕๕
-
อยากอ่านตอนต่อไปจังเลย
เหวินสี่ ไม่เหลือแน่ๆ
-
เข้ามาดูทุกวัน
-
+1จ้า ..รอตอนต่อไปอยู่น๊ะจ๊ะ
-
มาต่อแล้วคะ ช้าหน่อยพราะแรงบันดาลใจไม่ค่อยมี 5555 :laugh: :laugh:
“เจ้าบ้ารึเปล่า” หย่งฉีกระชากของในมือเขาออกไป โยนทิ้งออกไปข้างนอก หย่งคังได้แต่มองตามอย่างเสียดาย เพราะของนี้หาซื้อได้ยากยิ่ง แต่โอดครวญไปก็เท่านั้น เขามัดปมผ้าพันแผลที่เอวให้ตึงแน่น
ขณะที่เหวินสี่รู้สึกว่าโลกนี้เอียงแปลกๆ จนต้องเอนหลังลงนอนอย่างอ่อนแรง
“เจ้าไม่เป็นไรนะ”
เป็นอะไร?? เขาจะเป็นอะไร..นอกจากสบายดีเท่านั้น เฮ่อ.....อืมมมม รู้สึกแปลกๆจัง คล้ายกำลังโบยบินได้ทั้งที่นอนอยู่อย่างนี้ เหวินสี่นอนตาลอยมองโน่นนี่ตลอดเวลา หย่งฉีเห็นท่าไม่ดี คงสูดเข้าไปเต็มที่เลย แถมยังหลุดออกจากผ้าห่มได้ครึ่งตัวแล้ว ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ แกะแล้วมัดใหม่ให้แน่นๆทั้งตัวเลยดีกว่า เขาแกะเชือกที่ผูกมัดออก
“เจ้าจะทำอะไร?” หย่งคังถาม
“ข้าจะมัดใหม่ เจ้ามาช่วยจับเขาไว้ทีสิ”
“เฮ่อ” บุรุษหนุ่มลุกอย่างเสียไม่ได้ เขาเข้ามาจะจับข้อมือบางไว้ แต่ถูกปัดออกอยางไม่ไยดี ร่างเล็กมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ข้าเกลียดเจ้า”
“เอ่อ....แน่อยู่แล้ว” หย่งคังหัวเราะเยาะ ผ้าห่มที่มัดแน่นคลายปมแรกออกเผยร่างในชุดนอนบางเบาสีขาวเปียกเหงื่อโชก เนื้อผ้าแนบเนื้อเผยให้เห็นร่างที่เยาว์วัย ดั่งยอดใบที่อ่อนต่อสัมผัส ทั้งคู่เผลอชมดูชั่วครู่ จนเรียวขาขยับไปมาช้าๆ
“ข้าร้อนจัง.....หาน้ำให้ข้าชำระล้างเนื้อตัวได้ไหม” เขาถามเสียงเบาหวิว หย่งฉีนึกในใจว่า ออกฤทธิ์แล้วแน่ๆ เขารีบแกะปมเชือกมัดผ้าห่มเส้นที่สอง แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งทำให้มันแน่นกว่าเดิม
“ข้าต้องการน้ำ” เหวินสี่จ้องมองหย่งคังตรงๆ แววตาเป็นประกายสดใสเสียจนบุรุษหนุ่มสะท้านไหวขึ้นมาวูบ ร่างเล็กยกร่างขึ้นช้าๆโน่นตัวเอนเข้าหา เพียงใกล้ลมหายใจสัมผัสก็ได้กลิ่นเหงื่อที่ทำให้กระสันได้ง่ายๆ “เอาน้ำมาให้ข้า”
คำพูดนี้อยู่ชิดติดกับริมฝีปากจนเขาเกือบเผลอสัมผัสไปแล้ว หย่งคังถอยห่างอย่างไม่แน่ใจว่าเพราะยา หรือเพราะตัวตนของเหวินสี่กันแน่ที่ทำให้รู้สึกร้อนรนปานนี้ เขาเหลือบมองพี่ชายที่กำลังง่วนกับการแก้ปมเชือกอยู่ ดีที่ไม่เห็นตอนที่เขาหวั่นไหวกับเด็กเมื่อวานซืนนี้ ร่างสูงลุกออกไปข้างนอก ในวัดร้างนี้ต้องมีบ่อน้ำแน่ เขาต้องรีบออกไปสูดอากาศหน่อยแล้ว
แกะได้แล้ว! หย่งฉีโล่งอกที่แกะเชือกได้เสียที เขารื้อผ้าห่มออกแผ่กว้างกลิ่นเหงื่อชุ่มทำให้นึกห่วงขึ้นมาวูบหนึ่งว่าคนถูกมัดในนี้คงไม่พึงพอใจแน่ แต่ขอให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ ก็คงปลอดภัยแล้ว เขาหันกลับมา วูบ!!!
ดัชนีเคลื่อนไหวเร็วปานลูกศรกระแทกเข้ากลางทรวงอกจี้ถูกจุดโคจรพลังทำให้เดินลมปราณไม่ได้ หย่งฉีตกใจไม่ทันคาดคิดว่าถูกเล่นงานได้ง่ายดายปานนี้ เจ้าของดัชนีจ้องมองหน้าเขา รอยยิ้มบนใบหน้าชั่วร้ายพอๆกับหย่งคังเลยทีเดียว เขาคลี่ยิ้มดั่งนกน้อยๆแล้วกล่าวว่า
“เจ้าเสร็จข้าแล้ว” เหวินสี่เริงร่าดีใจ เขาในตอนนี้เป็นดั่งผีเสื้อที่หลุดจากเปลือกอันงดงามที่ห่อหุ้มได้แล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เขาจะทรมานให้เจียนตาย ขณะเดียวกันก็ต้องสนองความพอใจให้เขาได้ด้วยเช่นกัน มือบางทว่าแข็งแรงพลั่กร่างสูงหงายหลังลงบนกองฟางก่อนตามเข้าไปติดๆ เสื้อผ้าของคนทั้งคู่เริ่มหลุดลุ่ยออกอย่างรวดเร็ว หย่งฉีนั้นขยับตัวได้ ทว่าไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน แม้พยายามเกร็งลมปราณเพื่อคลายจุดแล้วก็ตาม รสจูบหวานรุกรานที่เรียวปากทำให้สมาธิถูกตีกระเจิงไม่มีชิ้นดี ลิ้นนุ่มรุนรานแล้วถอยห่างอย่างขี้เล่น ทำให้ชอบรสจูบของวายร้านตนนี้เหลือเกิน แต่ที่ชอบยิ่งกว่าคือ อารมณ์กระหายของเด็กน้อย
ฝ่ายนั้นถอดเสื้อผ้าเขาออกอย่างรีบร้อน ก่อนจะบดเบียดจูบรุนแรง มืออุ่นฟอนเฟ้นไปตามร่างเขาอย่างดุดัน ใบหน้าคมคายถึงกับคลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงใจและมีความสุขเหลือคณานับในช่วงเวลานี้ สัมผัสดุดันอย่างเสือหิวเฉกเช่นนี้แหละที่ปลุกอารมณ์ของเขาให้บ้าคลั่งขึ้นมาได้
บุรุษหนุ่มอ้าปากรับจูบร้อนรนที่บดเคล้าลงมาแรง ลิ้นสอดเข้าลึกพัวพันลิ้นเขาสร้างความสยิวกายยิ่งนัก นั้นทำให้เขารับรู้ว่าการต่อต้านรังแต่จะทำให้ควบคุมตนเองได้ยาก ขอเพียงปล่อยไปตามกระแสก็ทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้ ไม่นานก็สามารถคลายจุดที่ถูกสกัดออกได้ มือใหญ่กุมไหล่เล็กไว้ทันทีกำลังจะผลักไสออกไป แต่แค่ริมฝีปากนุ่มขบกัดปากเขาแรง พลางสอดมือเข้ามาโอบกอดรอบคอ ก็ทำให้อยากเบียดกายให้แนบชิด อยากขยี้ร่างเล็กนี้ให้กลืนหายในในร่างเขาเลยทีเดียว ร่างกำยำพลิกตัวขึ้นอยู่เหนือกว่า มือใหญ่เคล้นคลึงทรวงอกนิ่มและสะโพกมนแน่นหนั่นอย่างคลั่งไคล้ ณ.เวลานี้เขากระหายเหลือเกินและร่างกายนี้เท่านั้นที่ปลดปล่อยเขาได้ หย่งฉีมองสบตาดวงตากลมโตฉายแววท้าทาย ใบหน้าอ่อนวัยมียิ้มน้อยๆที่มุมปากดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ นั้นจุดไฟในตัวมังกรให้ร้อนผ่าวทันที มันพองโตขยายตัวจนอึดอัดแน่นไปหมด
หย่งฉีพ่ายแพ้ต่อความต้องการของตนเอง ริมฝีปากทั้งสองพบกันเป็นเวลาเดียวที่หย่งคังหิ้งถังน้ำกลับมาพอดี ร่างสูงหยุดคาที่ประตูพุพังของวัดร้าง แสงจากกองไฟลามเลียเรือนร่างเป็นทองอร่าม น่าสัมผัสที่สุด หย่งฉีลุกขึ้นพลางยกร่างเล็กขึ้นมานั่งบนหน้าตัก ปากจุมพิตยอดอกสีชมพูอย่างร้อนรนราวกับจะขาดใจหากไม่ได้สัมผัสเรือนร่างนี้ เหวินสี่แหงนหงายใบหน้าขึ้นอย่างเพลิดเพลินในความหรรษา ก่อนจะหันมามองสบตาหย่งคัง
“อา....อืมมมมม” เขาครางกระเส่าอย่างพึงพอใจ ทำเอาหัวใจบุรุษหนุ่มกระตุกเฮือก ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นยืนอวดเรือนร่างแข็งแรงสมสวม ผิวกายนวลเนียนไร้ไฝฝ้าเส้นผมยาวสยายถึงเนินเนื้อโค้งมน เชิญชวนให้มองจนละสายตาไม่ได้ เหวินสี่ยืนต่อหน้าแล้วรั้งศีรษะหย่งฉีให้หามังกรหนุ่มแข็งแรงไม่แพ้ของใครๆ แม้จะอ่อนวัยกว่าก็ตาม เขาอ้าปากให้ความสำราญแก่เด็กน้อยอย่างเต็มที่ สองมือเขาอ้อมมาด้านหลังบีบเค้นเนื้อแน่นแข็งแรงอย่างมันมือ
“อ้า....อย่างนั้น.....ข้า......ข้าชมชอบมัน อะ....โอ้ว...ท่าน.....ท่านพี่”
เสียงกระเส่าหวานจนเสียววาบที่หว่างขา มังกรเขาดุนดันแรงจนปวดไปหมดแล้ว หย่งคังไม่เคยรู้สึกเฉกเช่นนี้มาก่อน เขาได้แต่ยืนมองสองคนสำเริงสำราญกันดุเดือด ในคอเขาแห้งผากจนกลืนน้ำลายไม่ลง ตอนนี้หย่งฉีให้ความสำราญมังกรจนเปียกชุ่ม ร่างแกร่งลุกขึ้นโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียวขาเล็กโอบรัดเอวหนาแน่นก่อนถูกวางลงบนโต๊ะเก่าๆ ระหว่างนั้นมังกรแข็งขึงสอดใส่เข้ามาในร่างบางโดยไม่ให้ได้ทันตั้งตัว ใบหน้าอ่อนวัยสะดุ้งน้อยๆ ลมหายใจของทั้งสองหอบฮักด้วยความตึงและคับแน่น เจ็บ!คือความรู้สึกแรก พอถูกวางนอนราบไปกับความยาวของโต๊ะ เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจออกเท่านั้นร่างแกร่งก็เสือกไสเข้ามาอย่างทรงพลังและรวดเร็ว
“อ้า!!!! โอ้วววววววววว.....อะ....โอ้ว ” เหวินสี่หนิ่วหน้าจนน้ำตาซึม ทำให้ความร้อนรนของหย่งฉีชะงัก ใบหน้าเปื้อนน้ำตานี้ ละลายใจบุรุษแกร่งกลายเป็นน้ำได้ทันที เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้า ปลอบโยนสุดกำลังทั้งที่ใจอยากรังแกให้ร้องมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ไม่นานภายในที่กระชับแน่นก็คลายตัวลง ส่งสัญญาณให้รู้ว่าเขาพร้อมแล้ว บุรุษหนุ่มขยับกายกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างอดกลั้นไม่อยู่ ส่งให้พวกเขาเตลิดเพลิดเพลินไปในห้วงหฤหรรษ์สีชมพู
“อ้า...อย่า....อย่าเร็วนัก” เหวินสี่ร้องโอดโอยแต่มือกลับตะกุยแผ่นหลังแกร่งอย่างบ้าคลั่งเร่งเร้าให้เร็วอีก
“เท่านี้......ดีไหม” หย่งฉีรั้งเอวบางแน่นขณะโจนจ้วงเข้าไปไม่ยั้ง โต๊ะเก่าๆส่งเสียงเอี้ยดอ้าดเข้าจังหวะ ยิ่งทำให้เร่งเตลิดเข้าไปใหม่
“ฮ่า....อา....ท่านพี่.....โอ้ววว...ข้า....โอ้วๆๆๆ” เด็กน้อยร้องลั่นเมื่อโดนกระแทกถูกจุดกระสันภายใน หย่งฉียิ้มร่าทันทีเขาชมชอบที่ถูกเรียกว่าท่านพี่ ฟังแล้วเสียวซ่านจริงๆ
“ตรงนี้ใช่ไหม นี่ๆๆๆๆ ชอบไหม” เขากระหน่ำใส่อย่างหนักๆเน้นๆย้ำหลายๆครั้ง ทั้งคู่เพริดไปกับความสุขที่หวานฉ่ำแทบจะทำให้บ้าคลั่งขาดสติ โต๊ะเก่าๆเคลื่อนเอี้ยดๆไปกระแทกผนัง ร่างผอมบางถูกอัดจนไถลขึ้นไปเกือบสุดขอบ ร่างสูงถึงจับเอวบางลากกลับลงมา หย่งฉีต้องยัดเอวไว้ข้างหนึ่ง อีกมือเอื้อมไปยึดขอบโต๊ะด้านบนเอาไว้ ถึงตรึงร่างเล็กให้มั่นคงสำหรับเขาได้ ร่างสูงยืนคล่อมกลางหว่างขาที่ถ่างกว้าง เขาทุ่มเทพละกำลังจากทุกส่วนบรนเปรอเด็กหนุ่มอย่างเต็มที่ ใส่ความต้องการทุกเม็ดเข้าใส่ราวกับพายุที่ไม่มีวันหมดสิ้น
“ฮ้า..ฮ้า!! ท่าน.....ข้าจะ....ข้าจะตายแล้ว อ๊า!!!! ท่านพี่...ท่านพี่”
ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองสอดกายประสานเป็นหนึ่งเดียวกันท่ามกลางจังหวะบ้าคลั่ง เหวินสี่กรีดร้องราวกับเป็นอิสตรี ส่งเสียงครวญครางปานจะขาดใจ ส่งให้หย่งฉีเร่งจังหวะส่งให้เขาไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า ปากอุ่นพรมจูบไปทั่วอก ขบเม้มยอดอกผิวอ่อนๆอย่างเมามันขณะที่ช่วงล่างกระแทกกระทั้นอย่างต่อเนื่อง วิมารฉิมพลีจึงมาเยือนเด็กน้อยอย่างหวานฉ่ำซ้ำแล้วซ้ำอีก ช่องทางคับแคบบีบรัดเป็นจังหวะทำให้หย่งฉีคำรามราวกับราชสีห์บาดเจ็บ เขาบีบขอบโต๊ะแตกกระจุยเป็นชิ้นๆด้วยความสุขสม
“ฮ่า! โอ้ออออออ....” เขาหอบฮักมิเคยสุขสมมากเท่าครั้งนี้ เทียบกับครั้งก่อนกลายเป็นเด็กๆไปเลย บุรุษหนุ่มช้อนร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมาให้เกาะเกี่ยวตัวเขาไว้ ร่างของพวกเขาทั้งคู่เปียกชุ่มราวกับถูกฝนกระหน่ำ เขาทรุดตัวลงนั่งพิงเสาต้นใหญ่พักกายอย่างสำราญโดยมีร่างเล็กแอบอิงอยู่บนตัก
“ข้ามีความสุขจัง” เหวินสี่บอกเสียงใสปานนกน้อยเริงร่า
“ข้าด้วย” หย่งฉียิ้มเต็มไปด้วยเสน่ห์หา เขาหลงบ่วงรักเด็กน้อยนี้เสียแล้ว ร่างเล็กยิ้มหวานก่อนลุกจากชายหนุ่มช้าๆ น้ำมากมายไหลเยิ้มลงมาตามเรียวขา เขาเดินอวดเรือนร่างอย่างไม่สะทกสะท้านมาถึงหย่งคัง สายตาที่มองมานั้นเย็นชาและไม่แยแสแม้แต่น้อย เขาก้มลงดึงเอาถังน้ำจากมือออกมาข้างนอก
ซ่า!!!! น้ำเย็นๆถูกยกขึ้นราดลงมาตั้งแต่หัวลงมาอาบทั้งตัว หย่งคังมองปลายผมเปียกๆที่ขยับไหวตามแรงไหลของน้ำไปมาบนเนินสะโพก มันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน
“เฮ่อ....” เหวินสี่ครางอย่างพึงใจ มือเล็กปัดผมมาด้านหน้าบิดน้ำทิ้ง แล้วหันกายกลับเข้าไป อุ้งมือใหญ่กระชากแขนเขาเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยเงยหน้ามองสบตาอย่างไม่สนใจความหื่นกระหายตรงหน้า “ปล่อย.....ข้าไม่ต้องการเจ้า”
“แต่ข้าต้องการเจ้า”
“เจ้าคู่ควรหรือ” เหวินสี่ปัดมือเขาออกสุดแรง แต่ก็สลัดไม่หยุด หย่งคังรวบเอวเล็กยกขึ้นจนเท้าลอยจากพื้นเขาหมุนตัวออกมาด้านนอก กดร่างเล็กตรึงไว้กับเสาหน้าประตู ทั้งคู่จ้องสบตากันประชิด ตัวแนบชิดจนไม่มีช่องว่างทำให้รู้สึกได้ถึงความแข็งขืนของมังกร เหวินสี่เสียววาบข้างใน เขาขยับปากจะเอื้อนเอ่ยแต่ไม่มีเสียง ต้องรวบรวมกำลังใหม่อีกครั้ง
“เจ้าทำให้ข้าต้องแปดเปื้อน”
“เจ้าในร่างที่แปดเปื้อนงดงามกว่าในยามปกติเสียอีก” เขาหมายจะชมเชยริมฝีปากหวานดั่งบุบผา หากเจ้าของไม่ยินดีให้สัมผัสจึงเบือนหน้าหนี
“เป็นเช่นนั้นสินะ ถึงได้ทำร้ายข้าเยี่ยงนี้.....ข้าเกลียดเจ้าที่สุด” น้ำเสียงใสสั่นเครือ
“ข้ารู้”
“จะทำเช่นไร เจ้าถึงจะปล่อยข้า”
“ให้ข้ารักเจ้าสิ” ริมฝีปากอุ่นแนบลงมาที่ใบหูเย้ายวนอารมณ์ให้คุกรุ่นก่อนเลี้อยลงมาที่ซอกคอ
“ข้าไม่ต้องการรักประเดี๋ยวประด๋าว....ข้าต้องการรักนิรันด์ที่มั่นคงดั่งหินผา......เช่นนั้นแล้วทั้งกาย ทั้งใจข้าจะยอมมอบให้ผู้นั้นได้.....เจ้าทำเช่นนั้นได้หรือไม่ล่ะ” เรียวขานุ่มยกขึ้นเกี่ยวเอวหนา ส่วนหน้าเบียดกันจนรู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่ม สายตาที่มองมาก็ท้าทายให้ตามเกมเขาให้ทัน บุรุษหนุ่มคลี่ยิ้มสะใจ
“หญิงนางโลมมักร้ายกาจ ข้าชมชอบคนที่ร้ายกาจเสียด้วย”
“ข้าจะร้ายกับเจ้าให้ถึงที่สุด”
“งั้นข้ายินดีรับเลย” ปากประกบจ้าบจ้วงกันแรง ขบกัดดุดันทั้งจิกทั้งทึ้ง กระนั้นก็ยังไม่สาแก่ใจ หย่งคังกัดคอนุ่มแรงจนห้อเลือด
“อ้า...” เหวินสี่หอบฮัก สัมผัสร้อนแรงไล่ไปตามผิวกายเขาไปทั่ว ที่ยอดอกทั้งสองข้าง ฟันคมๆขบแรงๆขณะที่นิ้วแข็งแรงจ้วงเข้าไปในช่องทางเขาแรง พริบตาเดียวก็นิ้วที่สี่ก็จมหายในกายเขาและมันควานผนังที่ไวต่อสัมผัสไปมา “อูววววว.....เบาหน่อย อย่า.....อย่าทำตรงนั้น”
“ตรงนี้รึ?” หย่งคังยิ้มสะใจ นิ้วเขี่ยในจุดสะท้านภายใน
“จะมากไปแล้วนะ หยุดเดี๋ยวนี้” เหวินสี่โกรธเกรี้ยว เขาดิ้นรนให้หลุดพ้นจากวงแขนที่โอบรัด ทันทีที่เท้าถึงพื้นยังไม่ทันจะหันกายหนี มือแกร่งก็จับเขาหันหลังเข้าหาเสาใหญ่ “จะทำอะไร??”
แทนคำตอบร่างสูงคุกเข่าลงตรงหน้า นิ้วทั้งหลายแหวกกลีบเนื้อออกจนเห็นปากทางย่นยับสีชมพูเปียกชื้น เขาแทรกลิ้นทรงพลังเข้าไปแทนที่นิ้ว เด็กน้อยถึงสะดุ้งเฮือกปลายเท้าเขย่งหนีด้วยความเสียวสะท้าน ลิ้นอันร้ายกาจนั้นทะลวงประตูคับแคบเข้าไปชอนไชในกาย
“อ๊า!!! อย่าๆๆๆๆ อ๊า.....อย่า อ่า!!!! พอแล้ว....พอ.....” เหวินสี่ร้องไม่เป็นภาษา ร่างกระตุกเฮือกๆทุกครั้งที่ลิ้นนั้นควานไปมา ไม่มีครั้งไหนจะทำให้รู้สึกว่าถูกทำรักได้ลึกซึ้งมากมายเยี่ยงนี้มาก่อน สองมือตะกุยเสาเก่าแก่จนสีถลอกเป็นทาง ขณะที่ขาทั้งสองข้างสั่นระริกยันกายแทบไม่อยู่ มังกรแข็งขันหลั่งน้ำหยดเยิ้มลงสู่พื้น
เด็กน้อยหายใจหอบกระเส่าพอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าร่างสูงยืนประกบด้านหลังปลายเท้าแทรกเข้าระหว่างขาของเขาบังคับให้แยกออกแล้วดึงสะโพกขึ้นให้รับบางอย่างที่แข็งแกร่งแล้วอุ่นจัดเกลี่ยไปมาในร่องสะโพกของเขา นั้นทำให้เสียวข้างในวาบๆ และแล้วความแข็งแกร่งก็แทรกเข้ามาช้าๆ
“อ้า......”
“โอ้อออ......สุดยอด”
“ยะ....อย่าเพิ่งขยับนะ อย่านะ”
“อย่าเพิ่งอะไร เจ้ารับพี่ชายข้าไปทั้งคนแล้ว แค่นี้ไม่ระคายผิวเจ้าหรอก”
“เจ้า......คนเห็นแก่ตัว” เด็กน้อยเค้นเสียงด่าทอ ทว่าเสียงหลงระดับไปโดยกะทันหัน
“ฮะฮะฮะ” หย่งคังเคลื่อนไหวหนักแน่นรุนแรงผิดกับฝาแฝดจริงๆ ดีที่เขามีแก่ใจเอื้อมมือมาหยอกล้อมังกรน้อยเขาด้วยการเคล้นคลึงอย่างมีจังหวะ ปลายนิ้วพริ้วไหวราวกับกำลังดีดเส้นสายของพิณกระชากอารมณ์เหวินสี่ไปมา จนร่างบางสั่นสะท้าน เริงร่าไปกับจังหวะพิสดารอันน่าภิรมย์ด้วยความลืมตัว
“ท่าน....”
“อ่า.....เรียกท่านพี่สิ” บุรุษหนุ่มกระตุ้นเตือนถึงตัวตนด้วยการย้ำแรงๆ เขาต้องไม่ด้อยกว่าพี่ชายเด็ดขาด หากไม่เหนือกว่าก็ต้องเสมอ
“อะ...โอ้วววว ระ....แรงไปแล้ว”
หย่งคังเหยียดริมฝีปากขึ้นกระทำให้อีกฝ่ายรู้ด้วยตัวเองว่า ปรารถนานั้นมีอำนาจมากแค่ไหน ด้วยการยกสะโพกมนให้สูงขึ้น แล้วเสือกไสท่อนอันแข็งแกร่งทะลวงผ่านปากทางที่ชุ่มฉ่ำนั้นอย่างหนักแน่นซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็สุขสมอย่างบอกไม่ถูก “อ๊าๆๆๆๆ...อ๊ะ...โอ้ววว.....”
ช่วงเวลาที่หลงอยู่ในห้วงความหรรษา กำลังหอบหายใจอย่างหนัก หย่งคังโน้มตัวลงมาคร่อมร่างเขาไว้ บังคับให้โก้งโค้งแล้วกระแทกกายเข้าสุดลำ ก่อนจะบิดเอวกวาดผนังภายในด้วยอาวุธแข็งขันควงเป็นวงอย่างช้าๆ
เหวินสี่อ้าปากค้างร้องเสียงหลงอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ “อา...อะ..อ้ายยยย อ่า!!!”
หย่งคังกัดฟันกรอดด้วยความสะใจ เขาควานไปทั่วช่องทางเล็กๆนั้นจนหนำใจแล้วจึงจับเอวเล็ก กระแทกกระทั้นต่ออย่างหนักหน่วง ร่างเล็กสะท้านไหวไปกับจังหวะอันบ้าคลั่งดั่งพายุ การสอดใส่และการเสียดสีเริ่มจะทำให้เขาหรรษาสุขสมเหลือเกิน แต่ก่อนที่จะถึงจุดสุดยอด มังกรใหญ่ก็ถูกกระชากออกไป เด็กน้อยถึงกับวิมารล่มกลางอากาศ
หย่งคังจับอุ้มขึ้นนั่งเอวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเติมเต็มอีกครั้งด้วยการกระแทกกระทั้นเพียงครั้งเดียว ท่านี้ได้เห็นหน้า เห็นสายตา เห็นความรู้สึกกันชัดเจน เหวินสี่ไม่ชอบ ทว่าทำการใดไม่ได้แล้ว หย่งคังคำรามดั่งราชสีห์ในลำคอขณะกดเขาตรึงกับเสาไม้ใหญ่ต้นเดิม แล้วเสือกไสกายแกร่งเข้าใส่อย่างดุดัน รวดเร็วและทรงพลัง มันทำให้ในส่วนลึกภายในของร่างกายร้อนระอุจวนเจียนจะเกินขีดจำกัดแล้ว เด็กน้อยร้องปิ่มจะขาดใจ เขาพุ่งขึ้นสูงเกือบถึงสวรรค์อีกครั้ง แต่ก็ถูกทิ้งคว้างกลางอากาศอีกหน ในที่สุดจึงยอมทิ้งศักดิ์ศรี ละซึ่งความละอาย อ้อนวอนอีกฝ่ายด้วยเสียงเว้าวอน
“ท่าน......ท่านพี่....เร็ว.....ช่วยข้าด้วย....อ้า....ทำให้ข้า.....ถึงที่....ท่านพี่.....”
หย่งคังแนบจูบดุดันลงมาลงโทษเขา ริมฝีปากบดเคล้าอย่างหิวโหย รสหวานชุ่มฉ่ำในเรียวปากทำให้ต่างคลั่งไคล้ไม่รู้จบ ลิ้นลูบไล้กันในโพรงปากราวกับเป็นคนรักหวานซึ้ง ถึงจุดนี้สัมผัสเริ่มอ่อนโยน ทะนุถนอม เมื่อริมฝีปากผละจากกันแล้วต่างก็เห็นนัยน์ตาเยิ้มฉ่ำ สะท้อนความปรารถนาอย่างชัดเจน เหวินสี่เห็นการเคลื่อนไหวจึงพบว่าเป็นหย่งฉีที่ปรากฏกายอยู่ไม่ห่าง เขาเห็นลีลารักที่หวานฉ่ำแล้วก็รู้สึกเต็มตื้น มือบางเอื้อมมือมาหา เรียกร้องให้เขาร่วมด้วย
“ข้าต้องการเจ้าอีก” เขาเข้ามาตระคองกอดร่างเล็กร่วมไปถึงน้องชายด้วย ความรู้สึกได้หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน ช่วงเวลาสั้นๆนี้ทำให้พวกเขาทั้งสามคนทอดถอนหายใจอย่างมีความสุข หย่งคังรั้งเรียวขาที่พันเอวขึ้นพาดที่แขนแข็งแกร่งแทน เปิดทางเบื้องล่างให้กว้างขึ้น หย่งฉีดุนดันความแข็งขึงเข้ามาเบียดแทรกในช่องทางคับตึงอย่างช้าๆ
“อะ...โอ้ยยย.....มะ....มันเจ็บ.....ทะ....ท่านพี่....ช้าหน่อย อ้า....” เหวินสี่หลับตาปี๋หนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด หย่งคังสอดลิ้นเข้าไปมอบจูบนุ่มนวลหวานซ่านช่วยให้เขาผ่อนลมหายใจได้คล่องขึ้น ในที่สุดมังกรแกร่งก็สอดใส่เข้ามาในร่างอีกคนอย่างไร้อุปสรรค ฝาแฝดยิ้มกว้างใส่กันที่พวกเขาเบียดในช่องทางเดียวกันอย่างที่ไม่เคยทำร่วมกันมาก่อน มันช่างสุขสมเอ่อล้นในหัวใจ เพียงแค่หายใจแรงๆพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะท้าน
“อ๊ะ....โอ้อออ....อา...” เหวินสี่อ้าปากค้างเมื่อร่างกายถูกรุกรานอีกครั้ง การร่วมรักที่พิสดารนี้สร้างความเจ็บปวดระคนรัญจวนใจอย่างก่ำกึ้งกัน แต่เมื่อได้ขยับตัวเสียดสีในช่องที่คับตึงนั้นก็ความความหฤหรรษ์สุดขั้วได้
“โอ้อออออออ.......”
“อะ....โอ้ยยยยย” ทั้งสามร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ตะกายวิมารบนสวรรค์อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยการร่วมแรงร่วมใจทะลวงช่องที่เบิกกว้างนั้นสุดกำลัง เหวินสี่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขาถูกกระแทกหนักหน่วง จังหวะรักอันดุเดือดนี้ ทำให้น้ำตารื้น ภาพจันทราบนฟ้าพร่ามัว เขาทำได้แค่กรีดร้องแล้วกอดรัดร่างแกร่งทั้งสองแน่นเท่ามีเรี่ยวแรง ก่อนหวีดร้องสุดเสียง วิมารของพวกเขาชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำแห่งความสุข
ร่างอ่อนปวกเปียกถูกวางข้างกองไฟอุ่น เด็กน้อยปรือตาขึ้นมา แม้ร่างกายอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรง ทว่าฤทธิ์ยายังร้อนแรงไม่เสื่อมคลาย ราตรีนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน หย่งฉีประคองสะโพกของเขาขึ้น ลิ้นและริมฝีปากปรนเปรอเขาอย่างอ่อนหวานละมุ่นละมัยจนน้ำตาซึม เขาพรมจูบที่ซอกขาด้านในและที่มังกรน้อยนานเป็นพิเศษ ส่วนหย่งคังมอบจูบอ้อยอิ่งที่ริมฝีปากแล้วลามเลียยอดอกสีชมพูทำให้เป็นสีเข้มขึ้นด้วยปากเขา เหวินสี่ครางเสียงกระเส่า เขาไม่อิดออดเมื่อถูกประคองให้คว่ำหน้าลงอย่างทะนุถนอม เรียวขาถูกจัดวางให้ยันน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม สะโพกถูกยกขึ้นในองศาที่พอดี อุ้งมือใหญ่ช้อนใบหน้าเขาให้แหงนหงายขึ้น
ฝาแฝดเคลื่อนตัวเข้าประกบทั้งด้านหน้าด้านหลังเพื่อเยือนช่องทางหฤหรรษ์อีกครั้ง กองไฟเล็กสาดแสงอาบร่างทั้งสามที่เคลื่อนไหวเนิบๆนาบๆก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นดุดันเมื่อถึงจุดของมัน ความสุขที่เสพสมได้มันช่างยากที่จะอิ่มหนำได้ ในเมื่อตัณหาของพวกเขานั้นลุกโชนไม่แพ้เปลวไฟ เสียงครวญครางกระเส่าตลอดทั้งคืน เหงื่อชุ่มกระเด็นหยดลงพื้นมากมายพอๆกับหยาดแห่งความสุขที่หลั่งออกมามากมาย ความสุขล้น....มันยากจะบรรยายจริงๆ
***********
เสียงนกกระจิบ นกกระจอกส่งเสียงเจื้อยแจ้วหนวกหูปลุกเหวินสี่ให้ตื่นจากฝันอันยาวนาน เขาขดตัวนอนใต้ผ้าห่มอุ่น สิ่งแรกที่เห็นคือไก่ที่เสียบไม้ย่างเหนือกองไฟ กลิ่นหอมของมันยั่วน้ำลายเขาเหลือเกิน
“ตื่นแล้วหรือ” หย่งฉีหันมาสบตาเขาพอดี
ซ่า!!! เสียงน้ำเทลงภาชนะดึงเขาหันไปมอง หย่งคังเทน้ำลงในถังไม้สำหรับอาบน้ำ พวกเขาไปเอาถังไม้มาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?? ร่างเล็กยันตัวจะลุก
“โอ้ยย...”
“เป็นไร??” หย่งฉีเข้ามาประคอง
“เอวข้า....ปวดจัง”
“ก็สมควรอยู่” เขาช้อนอุ้มร่างเล็กขึ้นมาทั้งเปลือยเปล่า พาไปลงแช่ในน้ำอุ่นๆในถัง
“โอ้ววววว” เด็กน้อยโอดครวญกับความเมื่อยล้าของตน แต่เมื่อสัมผัสน้ำอุ่นจัดนานๆก็ผ่อนคลายรู้สึกดีขึ้น ความเมื่อล้าบรรเทาลงไปมาก ใบหน้าอ่อนวัยจึงมียิ้มปรากฏ
“หิวไหม ข้าเอาไก่ให้เจ้าทานนะ”
“ขอบคุณ” เด็กน้อยเห็นบรรยากาศในวันนี้แปลกแตกต่างจากวันก่อนๆมาก เหมือนจะเป็นใจให้เขามาก ริมฝีปากบางแอบคลี่ยิ้มน้อยๆ เหตุการณ์เมื่อคืนวานเขาจดจำได้ดี จริงอยู่ว่าฤทธิ์ยานั้นทำให้กระสัน แต่ก็ทำให้เขาใจกล้าขึ้นด้วย กล้าทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ สู้กับฝาแฝดนั้นด้วยความแตกต่าง หย่งฉีเป็นพี่แต่กลับกระหายในตัวผู้ที่อยู่เหนือกว่าจึงไม่ยากนัก ส่วนหย่งคังเป็นน้อง เขาปรารถนาเหนือกว่าใคร จึงต้องแกล้งชิงชังยุแหย่ให้อยากเอาชนะแล้วแกล้งพ่ายแพ้ เท่านี้ก็ทำให้สุขสมอิ่มเอมใจ แต่หารู้ไม่ว่าติดบ่วงเขาเสียแล้ว
“ท่าน....” เหวินสี่รับไก่ที่ฉีกมาให้แล้ว ครั้นจะขอบคุณก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอย่างไรดี หย่งฉีมองอย่างสงสัย “เอ่อ....ข้าเรียก พี่หย่งฉีได้ไหม”
ใบหน้าคมสันมีสีระเรื่อขึ้น บุรุษหนุ่มยกมือเกาศีรษะอย่างเขินอาย “ได้สิ”
“วันนี้.....ไปบ้านข้านะขอรับ”
“บ้านเจ้า??”
“ใช่....เรื่องความขัดแย้งใดๆระหว่างท่านกับบิดาข้า....ข้าอาจยังไม่เข้าใจนัก แต่เผชิญหน้ากันเยี่ยงลูกผู้ชายจะดีกว่าไหม ข้ามั่นใจว่าบิดาข้ามิได้ทำผิดสิ่งใดแน่นอน”
“อย่าเพิ่งมั่นใจนัก” หย่งคังว่า ร่างเล็กลุกออกจากอ่างคว้าเสื้อผ้าเมื่อคืนวานมาสวมใส่
“ท่านไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้ แต่ข้าอยากให้พี่หย่งฉีไป”
“ว่าไงนะ”
“อาคัง.....ข้าคิดว่าเราสมควรไป” แฝดน้องมองอย่างไม่พอใจ แต่เขาหาสนใจไม่ “เรื่องนี้ไม่ควรยืดเยื้อ หากหลี่ต้าโหย่วไม่ใช่คนอย่างคนๆนั้นว่าล่ะ เจ้าจะว่าอย่างไร ไปคุยให้รู้เรื่องเลยดีกว่า”
หย่งฉีลุกขึ้นดับกองไฟตระเตรียมของจะเดินทาง หย่งคังหันมามองเด็กน้อยที่ยิ้มเยาะใส่
“เจ้าควรฟังพี่ชายนะ หย่งคัง”
“เจ้าเรียกข้าว่าไงนะ??” ร่างสูงก้าวพรวดเข้าหา สองมือกระชากไหล่เล็กเขย่าแรงๆ
“ปล่อยข้านะ”
“เจ้าเรียกเขาว่าพี่หย่งฉี แต่กลับข้ากล้าเรียกชื่อเฉยๆงั้นหรือ”
“แล้วไง ข้าเกลียดเจ้า ข้าไม่เรียกเจ้าว่าพี่หรอก โอ้ยยย....”นิ้วแข็งแรงจิกไหล่เขาแรง ทั้งยังเขย่าจนผมกระจาย “ปล่อยข้า”
“เจ้าควรเรียกข้าว่าไง หา!”
“อาคัง” หย่งฉีเตือนอยู่ห่างๆ
“พะ....พี่หย่งคัง....พี่หย่งคัง ข้าเจ็บนะ” เขาบอกอย่างพ่ายแพ้ น้ำตาเล็ดลงทางหางตา ทำให้อารมณ์เดือดดาลบรรเทาลง บุรุษหนุ่มยอมคลายมือออกแล้วสะบัดหน้าหนีไปมองทางอื่น ร่างเล็กนวดคลึงไหล่ตนเองคลายความปวดร้าว ต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนที่ร่างเล็กจะก้าวมาหา
“พี่หย่งคัง.....ไปบ้านข้านะขอรับ” เขาถึงหันมามองหน้า ใบหน้าอ่อนวัยแสดงความกลัวแต่ความดื้อรั้นก็ปรากฏอยู่ในดวงตา “ไปคุยกันให้รู้เรื่องเลย ท่านเป็นจอมยุทธมิใช่หรือ จะเอาแต่หลบหนีคงมิใช่วิสัยท่านหรอกใช่ไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว” หย่งคังเข้ามาเชยคางมนขึ้นให้สบตาเขาตรงๆ “ข้าจะไป....ไปดูสิว่าบิดาเจ้าดีอย่างที่เจ้าพูดหรือไม่”
หึ! คำท้าทายดังอยู่ในลำคอเด็กน้อย สองพี่น้องตระเตรียมของที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อเดินทาง เหวินสี่ลอบยิ้มกับตัวเอง รู้สึกสนุกจัง....บุรุษที่ยอดเยี่ยมถึงสองคนอยู่ในกำมือเขาแล้ว ทั้งสามได้รถม้าจากหมู่บ้านใกล้ๆใช้เวลาเดินทางครึ่งวันก็ถึงบ้านของเขา
ทั้งบ้านแตกตื่นยินดีที่เขากลับมาถึงอย่างปลอดภัย ขณะที่ฝาแฝดได้พูดคุยกับบิดาเขาโดยมีท่านอ๋องจ้าวและท่านเฉินเป็นพยาน พูดคุยอยู่นานจึงเป็นที่กระจ่างทั้งสองฝ่าย สองพี่น้องคุกเข่าขอขมาที่ล่วงเกินไป หลังจากนั้นทางการส่งจึงคนไปจับกุมจางหย่งตี๋ฐานะเป็นผู้บงการลักพาคนและกรรโชกทรัพย์
หย่งฉีและหย่งคังถูกคุมตัวขึ้นศาลฐานะสมรู้ร่วมคิด แต่ก็ยกฟ้องเนื่องจาก มีความกตัญญูและได้ข้อมูลเท็จจากบิดาของตนเอง ให้ปล่อยตัวแต่ติดภาคทัณฑ์ห้ามก่อเรื่องและรายงานตัวทุกเดือน ส่วนจางหย่งตี๋จำคุก 10 ปี เขาเดือดดาลตะโกนสาปแช่งทุกคนลั่นศาลไม่หยุดปาก เรื่องราวจบลงด้วยดี หย่งฉีและหย่งคังเข้ามาดูแลตระกูลจางต่อ โรงงานเย็บเสื้อไม่ถูกปิด เพราะตระกูลหลี่ ตระกูลเฉินดึงมาร่วมสัมปทานด้วยกัน ถึงได้ส่วนแบ่งน้อยลง แต่ทำให้ตระกูลจางก็ไม่ล้มละลาย
ส่วนความสัมพัน์ของเหวินสี่และสองพี่น้อง เป็นอย่างไรต่อไปน่ะหรือ?? (เดาเอาเองสิ)
The end :bye2: :bye2:
(ตอนหน้า ย้อนอดีตกับเหวินหลง) ไม่รู้จะไปรอดหรือเปล่า ขอเสียงหน่อยต่อดีหรือไม่
-
ดีม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มาก!!!
-
เจ้าสี่กลับบ้านพร้อมเจ้าสาวอีก2!!! และทั้ง3ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
-
น้องสี่แร๊วงงงงงงง แต่เก๊าชอบนะเออ
แรงมีสาระ (ได้ฝาละมีแบบควบสองและอยู่ในกำมือทั้งที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว)
แบบนี้บ้านนี้ก็อดมีรุ่นหลานแล้วดิ
ส่วนพี่ใหญ่จะลงเอยยังไงเอ่ย รออ่านค่ะ
-
เหวินสี่ทุ่มทุนสร้างมากๆ
-
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องสี่แรงได้ใจ พวกพี่ๆแค่หนึ่ง น้องเล็กควบสอง :z1: good job o13
ตระกูลนี้ไร้ผู้สืบทอดเสียแล้ว
(ปล. อ่านจนมาม่าอืดเลย :a5: เศร้าจิต)
-
กรีดร้อง
กร๊าซซซซซ~
ถูกใจม๊าก สมกับที่รอ ฮิฮิ เหวินสี่ร้ายลึกจริงๆ ไม่ขุดไม่เจอนะเนี่ย :haun4:
ปล.ต่อเลย ต่อเลย ต่อเลย :call:
-
ย้อนอดีตเหวินหลงเลยยยยยยยย
เย๊
-
:haun4: :-[ :pighaun: :z1: :m25:
-
เหวินหลง เหวินหลง รออยู่ค่ะ
ตอนนี้อ่านแล้ว โอ๊ยยย จะเป็นลม 3p ทำพิษ
ขอบคุณนะค่ะ
-
อ่าาาา เลือดไหลทะลักหมดตัว ร้ายๆอย่างนี้พี่ชอบค่าเหวินสี่ :haun4:
ถึงจะรักเราสามคน แต่หนูแบ่งภาคดีมากเลยนะ ฮ่าๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้มีแรงบันดาลใจเยอะๆน้า :กอด1:
-
ตกลงใครถูกใช้?
ในที่สุดฝาแฝดก็อยู่ในกำมือ เหอๆๆ :really2:
-
ต่อเรื่องของเหวินหลงและน้องๆหน่อยนะ
please
+1
-
น้องสี่เริดมากค่ะ ฉลาดสุดๆ ปราบสามี 2 คนซะอยู่หมัดโดยไม่รู้ตัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า :laugh: :laugh: :laugh:
รอเหวินหลงค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา o13 o13 o13
ปล.รอของทุกคนแบบบทขยายด้วยนะ ขอแบบยาวๆ เลยจ๊าาาาาาาาาาาาา
ปล.2 เรื่องของน้อง 3 กับกระต่ายน้อยก็ยังไม่เคลีย์นะ อิอิ
-
:m25: เหวินสี่ ขอสอง
-
น้องสี่ ร้ายลึกจริงๆ สยบ 2 หนุ่มซะอยู่หมัดเลย :haun4:
-
คู่น้องสี่แรงสุด 3 คน... อิจฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉฉา :serius2:
-
กลับมาอ่านอีกรอบ โอ้ย :jul1:
เหวินสี่ (s)he เป็นราชินี สยบ 2 หนุ่มซะเรียบ
อิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ปล.รอขยายความของพวกพี่ๆ ทั้งสามอยู่ ต่อไปเลย :pig4:
-
เป็นน้องเล็กที่ร้ายมาก ๆ พี่ชายสามคนเทียบไม่ติดฝุ่นเลย
ถึงจะ "รับ" แต่ก็ "รับ" อย่างราชินี :laugh:
-
น้องสี่แรงมากขอบอก
ของพี่ใหญ่ค้างน่าติดตาม
รอตอนพี่ใหญ่
-
อ่อยยยยย
ชอบพี่รองมากเลยนะ
><
แต่ น้องสี่ ชนะเลิศจริงๆ โฮะๆๆ
อยากอ่านอีกๆๆๆ
-
ต่อเลยค่ะ ต่อเลย ดีม๊ากกกกกกกก มากค่ะ!!!
-
น้องสี่ทำตัวเหมือนเป็น m แต่ความจริงเป็นราิชินีใช่มะ? :z2:
-
:z3: ... ก็ว่าจะไม่เชียร์คู่น้องสี่แล้วแท้ๆ ฮือออออออออออออ
ไหนๆก็คู่กันไปแล้ว ... ช่างมันเถอะ มีความสุขก็แล้วกันนะ
ตอนนี้อยากอ่านเหวินหลงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :impress2:
-
ย้อนก็ย้อน ลองเอาดูหน่อยดิ
:กอด1: :กอด1:
-
น้องสี่นี่ควบ 2 เลยนะ
5555
รอตอนย้อนอดีตของเหวินหลงค่าา
-
ตอนนี้แบบว่า :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
-
น้องสี่แร๊งงงงงงงงงง
น้องเล็กผู้ร้ายกาจ
รออ่านย้อนหลังค่าาา :กอด1:
-
ตระกูลหลี่อดมีหลานสืบทอดแล้ว ไม่รู้ท่านพ่อหัวใจจะวายหรือเปล่า :z1:
รออ่านเรื่องของทุกคนต่อ
-
ท่านพี่แต่ละคนก็ได้เจ้าสาว(?)กันไป
แต่น้องสี่นี่อะสิได้เขยซะงั้น
แรงได้อีกคุงน้อง
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
รอพี่เขยเหวินหลง กะ น้องเมียหยกน้อยนะจ้ะคนแต่ง
จุ๊ฟ จุ๊ฟ :-[ :-[ :-[
-
น้องสี่ราชินีจริงๆ เอาสามีสองคนซะอยู่หมัดเลย
-
แฮปปี้นี่นา...แอบนึกไปว่าเหวินสี่จะปั่นหัวสองคนนี้สุดๆ ไปเลยก่อนซะอีก
-
เหวินสี่แร๊งๆ
เริ่ดมาก ชอบอ่ะ
แอบร้ายนิดๆ อิอิ
-
เหวินสี่ตอนแรกก็สงสารนะ ตอนนี้เริ่มไม่ละ
เทอแรงเจงๆๆๆ แต่ จะให้เดาเอาเอง ทำไมอ่ะตอนหลังอ่ะ :serius2:
ย้อนเรื่องเหวินหลง ย้อนเลยๆๆ หนับหนุนๆ
ย้อนทุกเรื่องตั้งกะเรื่องแรกเลยนะ :call:
:L2: :pig4: :L2:
-
อื้อหืมมมมมมมมมมมมมมมม
น้องสี่นี่แซ่บสุดป่ะ 555555555
-
น้องสี่แอบแรงส์
-
ปลื้มใจ
-
เป็นเรื่องสั้นที่สนุกมาก อยากทราบว่าจะมีตอนพิเศษ
บทสรุปของ 4 พี่น้องหรือเปล่าอ่ะ :o8:
-
อย่าให้เดาเอาเองเลย ส่วนตอนหน้า ดีที่ซู้ดดดเลยคร้า
-
เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เหนือจอมยุทธแฝดยังมีน้องสี่ ผู้เป็นสามี(?)
-
คู่น้องสี่แรงได้ใจ
-
:serius2:
หายไปเป็นอาทิตย์จริงๆหรอ
มาต่อเถิด :call:
-
มาต่อแบบสั้นๆ่ก่อนนะคะ เพราะเพิ่งคิดได้แค่นี้ 5555 :laugh: :laugh:
มีไอเดียแล้วจะมาต่อแบบยาวๆคะ
ย้อนอดีตกับเหวินหลง
“พี่เขย....” เสียงสุดท้ายในความทรงจำนั้นชัดเจนอย่างไม่เสื่อมคลาย บุรุษหนุ่มถวิลหาเจ้าของเสียงนี้เหลือเกิน หากมิคาดคิดว่ายิ่งค้นหาก็ยิ่งประหลาดใจ
“โกหก” เขาว่าเสียงเกรียวกราด
“คุณชาย...” พ่อบ้านเกาทอดเสียงอย่างอ่อนใจ “ข้าน้อยมิได้โกหกท่านสักคำ บ้านสกุลเฉินมีธิดาเพียงคนเดียว คุณหนูเยี่ยเหมยไม่มีน้องสาว”
“ท่านโกหกชัดๆ หากนางไม่มีน้องสาวแล้วใครกันที่เข้าหอร่วมกับข้า”
“ข้าน้อยมิทราบ” พ่อบ้านเกาแลตามองไปทางอื่น
“ท่านพ่อบ้าน....”
“มีเรื่องอันใดหรือ” ก่อนที่บุรุษหนุ่มจะเกรียวกราดไปมากกว่านี้ก็ถูกขัดจังหวะด้วยการมาถึงของบิดา เขาถอยห่างทำเป็นเฉยเมย
เนื่องจากบิดามิให้เอ่ยถึงลูกสะใภ้ในบ้านอีก ทั้งที่เพิ่งผ่านพิธีการไปได้ไม่กี่วันแท้ๆ
“คุณชายหลงมาคาดคั้นเรื่องคุณหนูเยี่ยเหมยขอรับ”
“ว่าไงนะ” หลี่ต้าโหยวได้ยินก็แลตามองบุตรชาย “อาหลง พ่อบอกแล้วไงว่าห้ามเอ่ยถึงนางอีก คนที่หนีไปจากสกุลหลี่แล้วก็ถือว่า
ไม่มีวาสนาต่อกันเจ้าเลิกพูดถึงนางเสียที”
“แต่ว่า....”
“พ่อบ้านเกา เดี๋ยวเราต้องไปตรวจบัญชีที่ร้านใช่ไหม”
“ขอรับ นี่ก็สายมากแล้ว เรารีบไปดีกว่านะขอรับ” สองคนนายบ่าวพากันออกไปข้างนอก ปล่อยให้เหวินหลงหงุดหงิดใจเหลือเกิน
เขาถูกห้ามมิให้ออกนอกบ้านทำให้สืบหาเรื่องราวอันใดมิได้เลย น่าโมโหนัก
“พี่ใหญ่ จะไปไหนหรือขอรับ” น้องๆออกมาพบเขาพร้อมหน้ากันเชียว ทั้งเหวินจุ้น เหวินฉายและเหวินสี่
“ข้าจะออกไปธุระหน่อย พวกเจ้าเงียบๆหน่อยล่ะ อยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ไปล่ะกัน”
“ท่านแม่บอกว่าห้ามพี่ไปไหนนี่นา” เหวินสี่ว่า
“เจ้าเงียบเถอะ พี่ขอร้องล่ะนะ”
“พี่จะไปบ้านสกุลเฉินหรือขอรับ” เหวินจุ้นเดาออก
“ใช่....เจ้าจะช่วยพี่หน่อยได้หรือไม่” เขาขอร้องพวกน้องๆก็ได้แต่มองหน้า พี่น้องย่อมเข้าใจกันอยู่แล้ว
“พวกเราไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกันเน้อะ” เหวินจุ้นบอกน้องๆ
“ใช่ ท่านพี่ขากลับ แวะซื้อขนมให้ข้าด้วยนะ”
“ได้...” บุรุษหนุ่มลูบหัวน้องชายคนเล็กก่อนเหินร่างข้ามกำแพงบ้านออกไปทางด้านหลัง บ้านเฉินอยู่ห่างไปไม่ไกลมาก
แต่จะเดินไปหาก็น่าเกลียดนัก จึงต้องจ้างเกี้ยวให้ไปส่ง มาถึงประตูใหญ่เขาก้าวออกจากเกี้ยวมาพบเด็กเฝ้าประตูมองตาโต
“ท่านเฉินและฮูหยินอยู่หรือไม่”
“ไม่ทราบท่านคือ..??”
“ข้าเป็นลูกเขยท่านแวะมาเยี่ยม”
“อะอ้อ...เชิญเลยขอรับ เชิญ” เด็กเฝ้าประตูเชื้อเชิญให้เข้าไป กำลังผ่านประตูใหญ่ไปได้นิดเดียวก็เห็นใครคนหนึ่งเดินมาพอดี “อ้อ คุณชายน้อย”
เหวินหลงก้าวลงบันไดไม่กี่ขั้นมากำลังเงยหน้า พบคนผู้นั้นกระโดดเอาหัวทิ่มเข้าไปในพุ่มไม้ทันที โครม!!!!
พุ่งไม้สูงแค่เอวแหวกเป็นทาง แถมยังชนกระถางไม้ถัดไปล้มแตก เพล้ง...
อะไรกันเนี่ย??
“คุณชายน้อย”
“ไม่.....ไม่เป็นไร ข้าทำของตกเท่านั้น....ของสำคัญมาก เจ้าพาพะ....แขกเข้าไปข้างในเร็วเข้า” คนๆนี้นอนอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับ
ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสักนิด น่าสงสาร...ท่าทางจะสติไม่ดีนะนี่ เหวินหลงไม่กล้าถาม เขาเดินตามเด็กเฝ้าประตูมาอีกหน่อยถึงค่อยกระซิบถาม
“คนนั้นใครกัน??”
“คุณชายหยกน้อยขอรับ”
“เขา......ปกติดีหรือไม่” ไม่อยากถามคำนี้หรอกนะ แต่อดสงสัยไม่ได้
“โอ้ย...ปกติยิ่งกว่าปกติขอรับ แต่วันนี้.....คงไม่ปกติกระมั่ง” ใช่...มีคนปกติไหนบ้างล่ะเอาหัวโหม่งเข้าไปในพุ่มไม้ต่อหน้าแขกได้
เฮ่อ.....บ้านไหนๆก็อาจมีปัญหาที่ไม่เหมือนกัน เขาถอนใจก่อนก้าวเข้าไปในบ้านอันใหญ่โต
(ติดตามตอนต่อไป ไม่นานนี่) :bye2: :bye2:
-
แง มาสั้นจังงงงงงงงงงงงงงงงงงงเลย รออ่านคู่นี้ต่อปายยยยยยยยยยยยยยยยยยย :really2:
-
ค้างงงงงงง :o12:
รอเหวินหลงได้เจอกับหยดน้อย
-
:serius2:ต้องรอร้อรอๆๆๆต่อไป
-
แง๊ว ค้างคาใจ จะหลบไปได้นานแค่ไหนกันเชียว หยกน้อยเอ้ย
-
มาสั้นๆเพิ่มความค้างและอยากรู้ชวนให้ติดตาม
แต่มันก็ค้างอ่ะ
-
ทำไมทำอย่างนั้นละหยกน้อยหวังว่าคงจะไม่ได้แผลนะ :laugh:
-
อรั๊ยยยยย สั้นไปนะค่ะ เจอกันแล้ว ว
-
รออ่านคู่นี้ที่สุดเลยรู้มั้ย เพราะมาครั้งแรก ก็จบแบบค้างๆคาๆ อ่ะ :z3:
คุณชายใหญ่ได้หยกน้อยแล้วก็ต้องรับผิดชอบสิ :o8: หยกน้อยก็อย่าคิดหนีให้เหนื่อยเล้ย :laugh:
-
โฮกกกกกก ค้างได้อีก
หยกน้อยก็น่ารัก ฮ่าๆ วิธีหลบหน้าแบบไม่ทันคิด เจ็บมั้ยนั่น
-
:m16:สั้นจริงๆ
-
หยกน้อยเขิลแรงน้ะเนี้ยยยยย
ห้าๆๆๆ
รอๆๆๆ
-
รอที่เหลือ :man1:
-
หยกน้อยแกคงเขินมั้ง
แก้เขินโดยการเอาหัวโม่ง :laugh:
:pig4:
-
อยากอ่านต่อ
-
เจอหน้ากลายเป็น คนไม่ปกติ หยกน้อยเอ้ย
-
หยกน้อยจ๋า เจ็บมั้ยนั่น
-
ว๊ากกกกกกกกก
หลบหน้าโดยเอาหัวโหม่งพุ่มไม้เนี่ยนะ - -
เจ็บแทน
-
เกือบหลบไม่ทัน...แต่ยังไงคืนนั้นเหวินหลงก็มองไม่เห็นหน้านี่นา
เล่นเป่าเีทียนให้ดับทั้งหมดอย่างนั้น :laugh:
-
เจ็บไหมนั่น ยาหม่องป่ะ :laugh:
-
มาซะสั้นแบบค้างได้อีก :เฮ้อ:
สงสารพุ่มไม้จริง ๆ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กะเขาเลย
ถูกโหม่งซะงั้น :m20:
หนูหยกน้อยออกอาการให้น่าสงสัยนะหนูนะ
แต่พี่เขยคงไม่สงสัยหรอก
ขนาดทั้งคืนอย่างนั้นพี่แกยังไม่รู้เลยว่าหญิงหรือชาย :oo1:
เป็นไปได้ไง :serius2:
หนูละ งง :really2:
ขอบคุณที่มาย้อนอดีตให้ค่ะ :pig4:
ตั้งตารอตอนต่อไปค่ะ
-
รออ่าน... :serius2:หยกน้อยเจ็บมั้ยนั้น พี่เขยใจร้ายจำเมียตัวเองก็มะได้ชิ
-
ลืมกันได้เนอะ
-
:laugh:
หยกน้อยหาที่หลบได้ไม่เด่นสะดุดตาพี่เขยเลยจริงๆ เจอกันแล้วเอาหัวโขกต้นไม้เล่นซะงั้น
แต่ยังไงเดี๋ยวก็โดนเจอตัวอยู่ดีนั่นแหล่ะหนูเอ๋ย อย่าหนีเลย ไม่รอดหรอก 5555
รอตอนหน้าจ้าๆ ตอนนี้สั้นเหลือเกิน :z3:
-
คุณชายยังคิดว่าเป็นผู้หญิงอีกเหรอ...เหอๆๆๆ
-
ขอบคุณที่มาต่อนะค่ะ แต่ค้างงงงง
-
นึกว่าจะจำได้ตั้งแต่แรกแล้วสิ
มารอตอนต่อด้วยคนจ้ะ
-
หยกน้อย นั่นคือ วิธีหนีหน้าหรอ? เอาหัวทิ่มเข้าพุ่มไม้หน่ะ
-
มาต่อแบบนี้
เอามีดมาแทงกันดีกว่า
ค้างงงงงงมากๆจ้า
-
o9 o9
มาด่วนเลย
-
มาต่อแบบสั้นๆอีกตามเคย ตอนนี้มะหื่นนะ ตอนหน้าเตรียมทิชชู่ได้เลย :laugh: :laugh:
ย้อนอดีตกับเหวินหลง [2]
“เหวินหลง” เฉินเหวินติงออกมาต้อนรับผู้ที่เกือบได้เป็นลูกเขยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ฮูหยินเฉินก็สีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นบวมช้ำแดงก่ำ ดูก็รู้ว่าผ่านการร่ำไห้มาอย่างหนัก นางคงเสียใจที่ลูกสาวหนีไป
“นั่งก่อนสิหลานชาย วันนี้มีธุระอันใดถึงมาเยี่ยมเยือนแต่เช้า” บุรุษหนุ่มขมวดคิ้ว เรียกเขาว่าหลานชายเท่ากับแสดงเจตนาชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวดองกันแล้ว
“ไฉนถึงเรียกข้าห่างเหินเช่นนี้ล่ะขอรับ ยังไงข้าก็กราบไหว้ฟ้าดินเข้าพิธีอย่างถูกต้องแล้ว คนรู้กันทั้งเมือง ข้าเป็นลูกเขยท่านนะขอรับ ท่านพ่อตา”
“อย่าเลย” เถ้าแก่เฉินรีบยกมือห้าม “เรื่องในครั้งนี้ทำให้ข้าละอายใจต่อบิดาเจ้า และต่อเจ้ายิ่ง น่าเสียดายที่เราไร้วาสนาต่อกัน
บิดาเจ้าพูดคุยกับข้าเป็นที่เข้าใจแล้ว ให้เจ้าแต่งแต่ในนามเท่านั้น พอพ้นปีนี้ก็จะทำเรื่องหย่าให้ถูกต้อง เจ้าก็จะสามารถแต่งงานใหม่ได้ ไม่เป็นที่ครหาแน่นอน”
“ท่านพ่อตา ข้ามิใช่คนที่ไร้เหตุผลนะ จริงอยู่ว่าธิดาท่านตัดสินใจหนีไปนางย่อมคิดถี่ถ้วนดีแล้ว ข้าไม่ตำหนินางและยืนยันที่จะทำหน้าที่
ของบุตรเขยของท่านต่อไป หนึ่งข้าเคารพท่านมาตลอดและจะเคารพตลอดไปแม้จะมิได้เกี่ยวดองเป็นญาติก็ตาม
สอง เกิดเรื่องไม่งามขึ้นจะหนีเอาตัวรอดเพื่อรักษาชื่อเสียงย่อมมิใช่วิสัยของคนที่มีการศึกษา ข้าไม่ขอเอาตัวรอด และขอร้องให้ท่านทั้งสอง
เป็นพ่อตาและแม่ยายเพื่อรักษาเกียรติของพวกท่านและเกียรติของข้าไปจนถึงที่สุดด้วยขอรับ”
บุรุษหนุ่มลุกขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าคนทั้งสองกราบกรานด้วยความเคารพ เฉินเหวินติงถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาดึงบุตรเขยให้ลุกขึ้น
“เหวินหลง ข้าภูมิใจที่ได้เจ้ามาเป็นบุตรเขยจริงๆ น่าเสียดายที่ลูกสาวข้านั้นไร้วาสนา”
“ท่านต้องดูแลสุขภาพตัวเองนะขอรับ ต้องเข้มแข็งไว้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ท่านต้องจัดการ ท่านแม่ก็เหมือนกัน อย่าร้องไห้อีกเลยนะ”
เหวินหลงปลอบใจ เฉินฮูหยินได้แต่ยิ้มพยักหน้าว่าเข้าใจแล้วแต่อดหลั่งน้ำตามิได้ ลูกสาวนางช่างโง่เขลาจริงๆ ถึงพลาดบุรุษที่ประเสริฐยิ่งไป
บุรุษหนุ่มพูดคุยเรื่องทั่วๆไปอยู่นานพอสมควร จึงเลียบเคียงถาม
“ท่านพ่อตา ข้าถามเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
“อะไรหรือ”
“คืนวันพิธีนั้นใครเป็นคนเข้าหอร่วมกับข้า”
เคร้ง..ฝาถ้วยน้ำชากระทบเสียงดัง เฉินเหวินติงถึงกับหน้าเครียดเขาหันไปมองฮูหยิน เหวินหลงเห็นก็รู้ว่าไม่ถูกต้องแล้ว พวกเขามีบางอย่างที่ปกปิดอยู่
“เอ่อ.....เหวินหลง เรื่องที่แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ อย่าถามถึงมันเลย”
“แล้วไปแล้วงั้นหรือ ข้าไม่สนใจอะไรมากนักหรอก แต่อยากรู้ว่าเป็นใครเท่านั้น ท่านแม่.....” เขาลากเสียงกดดัน
เฉินฮูหยินเหงื่อกาฬไหลซึมต้องยกผ้าขึ้นซับ
“เอ่อ....คือ....”
“มีเหตุผลอันใดถึงบอกกล่าวมิได้หรือขอรับ”
“เอ่อ.....มิใช่บอกล่าวมิได้....เพียงแต่” เฉินฮุหยินเหลือบมองสามีก่อน “นางคือชุ่ยฮัว สาวใช้ของข้าเอง”
หา?? เสียงนี้คล้ายจะดังอยู่ในอากาศ ดูได้จากสีหน้าของสาวใช้ข้างกายแม่ยายเขา นางมองเจ้านายตาโตก่อนมองมายังเขา
สายตานั้นเต็มไปด้วยความกลัว ย่อมมิใช่คนผู้นั้นแล้ว ถ้าหากใช่ใยต้องเอ่ยคำว่า พี่เขยด้วยเล่า โกหกชัดๆ บุรุษหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆอย่างหงุดหงิดใจ
“ข้าออกมานานแล้ว คงต้องกลับเสียที” เขาลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถง ไม่เอ่ยถามเรื่องอื่นใดอีก นั้นก็เท่ากับไม่เชื่อเรื่องที่เฉินฮูหยินพูดแม้แต่นิด
นางหน้าสลดมองสามีอย่างจนใจ ร่างสูงก้าวออกมานอกบ้าน คิดไม่ออกว่าทำไมถึงปกปิดเขานักหนา
“คุณชาย จะกลับแล้วหรือขอรับ” เด็กเฝ้าประตูเข้ามาประจบ
“อืม....เอ๊ะ เจ้ามาทำงานที่นี่นานหรือยัง”
“ได้ปีหนึ่งแล้วขอรับ”
“ข้าถามหน่อยสิ คุณหนูเยี่ยเหมยมีน้องสาวหรือเปล่า”
“ไม่มีขอรับ” ว่าแล้ว คำตอบยังไงก็เหมือนเดิม เหวินหลงกำลังถอดใจ “แต่คุณหนูมีน้องชายอีกคน”
“หา??”
“คุณชายหยกน้อยที่เพิ่งพบเมื่อครู่ไงขอรับ”
“หยกน้อย?? ทำไงวันแต่งของข้าถึงไม่เห็นเขา”
“ไม่แปลกหรอกขอรับ คุณชายน้อยเกิดจากฮูหยินรอง หวั่นเอ๋อที่เคยเป็นสาวใช้ประจำตัวฮูหยินใหญ่มาก่อน
ฮูหยินจึงไม่ค่อยปลื้มเท่าไรเลยไม่ได้ออกไปพบปะผู้คนนัก”
‘พี่เขย...’ คำๆนั้นชัดเจนในหัว พี่เขยเหรอ....ถ้าเยี่ยเหมยไม่มีน้อง คนที่เรียกเขาว่าพี่เขยได้คนเดียวก็คือหยกน้อยนะสิ
พระช่วย....บุรุษหนุ่มแตกตื่นใจจนแทบยืนไม่อยู่
“คุณชาย เป็นอะไรไปขอรับ”
“ข้า.....ข้ารู้สึกไม่สบาย ต้องกลับก่อนแล้ว”
“เดินดีๆนะขอรับ” เขาประคองคุณชายให้ขึ้นเกี้ยว เหวินหลงรู้สึกหมดแรง หมดอาลัยตาอยาก เขา......หลับนอนกับ...?? กับ??
โอ้ย...ปวดใจ ปวดกระเพาะ ปวดม้าม ปวดตับด้วย!!!
********
(ติดตามตอนต่อไป) :bye2: :bye2:
-
:pigha2: :pigha2:ปวดโน้นปวดนี่ ปวดนี้ปวดใจ
รู้แล้วจะเอาต่อมั้ยท่านพี่ ลองแล้วจะติดใจ เอ๊ะๆๆหรือว่าติดใจไปแล้ว :m20: :m20:
-
ปวดตับทำไม นั่นก็เมียยยยยยย
-
เอาไว้กลับไปทำใจก่อนแล้วค่อยมาเจอหน้ากันนะ :z1:
-
ปวดมาก เอาพาราซักสองเม็ดไหมท่านพี่เหวินหลง :laugh:
เอ๊ะ หรือว่าจะให้น้องเมียคนงามมาช่วยรักษาดีน้า :z1:
-
ถึงขั้นปวดตับเลย :m20:
อาการถ้าจะหนัก ต้องหาคนดูแลแล้วสิ
-
ปวดมันไปหมดทุกส่วน ไม่นึกถึงหยกน้อยเล่าว่าปวดอะไรมากที่สุด หึหึ
-
:laugh:
จะปวดทำไมคุนพี่เขย
555
-
คนที่ควรปวดตับ ปวดม้าม ปวดไต ปวดกระเพาะ ควรเป็นหยกน้อยสิ
อยู่ๆก็เสียน้องเอกราชไปเฉยๆ :laugh:
-
จะว่าไปก็น่าสงสารเหวินหลงนะ เมียที่ตกแต่งก็หนี แถมที่เข้าหอด้วยก็ดันเป็นผู้ชาย จะช๊อคไปเลยก็ไม่แปลก ถอยกลับไปทำใจอะถูกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า :laugh: :laugh: :laugh:
-
:laugh: :laugh: :laugh:
ไหนคืนก่อนยังบอกว่าวิเศษสุดอยู่เลยล่ะเหวินหลง วันนี้จะมาปวดตับปวดไตซะแล้ว
ตอนหน้าได้เจอหยกน้อย รู้สึกจะได้หลังแล้วลืมหน้านะเนี่ย (แต่ตอนนั้นยังไม่รู้เลยนี่หว่า ว่าหลังหรือหน้า :jul3: )
-
แหม..ทีอย่างนี้ทำเป็นตกใจ
ทีตอนนั้นทำได้ไหลลื่นไม่มีติดมีขัด ชิ
-
ปวดไปหมดเลยนั่น เเหมๆ ก็เเค่มีอะไรกับหยกน้อย ทำไมถึงต้องรับไม่ได้นะ เฮ้อ!
สงสารหยกน้อย หนีหน้าตายเลยงานนี้!
-
เหวินหลงมันซื่อหรือโง่กันแน่วะ ทำไปขนาดนั้นยังไม่รู้ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย
-
อวดตีบทำไม๊ หยกน้อยออกจะน่ารัก
-
ได้เค้าแล้วอย่าทิ้งนะ :m15:
-
แหมมมม ถ้าได้เห็นหน้า จะยังปวดอยู่ไหมเนี่ยยย
-
ดีใจมากค่ะที่มาต่อ
มาอัพอีกไวๆนะคะ
+1
-
เดี๋ยวก็จะได้เจอกันแล้ว :impress2: แค่รอให้เหวินหลงหายช็อกก่อน
-
:m20:
ฮามากอ่ะตอนนี้
-
อิอิ ไม่ต้องปวดแล้วมั้งเนี่ย :-[
-
:laugh:เป็นเราก้อคงปวดเหมือนกัน
-
คุณชายเพิ่งจะมาช็อค
-
ฤๅสกุลเหวินจะสิ้นซึ่งทายาทสืบสกุลแล้ว
-
แมะ :m20:
ทำมาเป็นปวดโน่นปวดนี่นะตาหลง o18
ได้หยกน้อยช่วยนวดอีกสักทีหรืออีกหลาย ๆ ที
คงหายขาด :laugh:
-
มาไวๆน้าาาาาาา :o12: :o12: :o12:
-
ร่วมด้วยช่วยดัน
ฮึบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
-
ปวดๆๆๆ
-
อยากหายปวดตับ ก่ต้องกินตับ อิอิ
-
รับไม่ได้ ที่มีเมียเป็นผู้ชาย
แล้วไอ้ที่ร้อนแรงเตียงแทบหักเนี่ย
ยังไม่รู้เหรอ ว่าตัวผู้เหมือนกัน
-
:L2:
-
:เฮ้อ: น่าสงสารเหวินหลง ปวดตับปวดไตกันไป :laugh:
กลับไปทำใจได้แล้วก็รีบกลับมาหาหยกน้อยนะ
รออยู่พร้อมทิชชู่ :o8:
-
สงสัยพี่เหวินจะปวดมาก
หายเงียบไปนานเลย
เค้ารออยู่นะ
-
ฮา ปวดเยอะเกินไปแล้วล่ะมั้ง
-
คิดถึงหนุ่มๆ สกุลเหวินและเหล่าศรีภรรยาจังเลยค่ะ ไรเตอร์หายไปไหนแล้ววววววววววววววว :call:
-
:call:
มาต่อเถิดน้า
-
ฮาคุณชายใหญ่ สงสารหยกน้อย ว่าแต่ลูกบ้านนี้เหมือนกันอย่างนึงแอธ คือแยกหญิงแยากชายไม่ออก 555
(เพิ่งได้อ่านตอนเจ้าสางของเหวินสี่...ฮิชั้นอ่านแล้วมันขัดๆนิดส์นึงตรงที่...ที่ทั้งหมดมีไรกัน มันในวัดไม่ใช่เรอะ!!!...จบข่าว)
-
ตาหลงแกจะปวดนานไปแล้วนะ
ไม่หายปวดซะที
แบบนี้หยกน้อยก็หน้าปรุหมดอะดิ
ไม่รู้เอาหน้าออกจากพุ่มไม้หรือยัง
รีบ ๆ มาได้แล้ว
-
เหวินหลงทำใจนานมากไปแล้วนะ :m16:
-
อยากรู้เรื่องต่ออ่ะ >w<
ยังรออยู่๊น๊-า :impress:
-
:call: :call: :call:
-
อ่านมารวดเดียว
ตระกลูนี้จะมีผู้สืบสกุลไหมเนี่ย
ถ้าไม่มีเดี๋ยวผีอาม่าอากง โจ๋วกงโจ๋วม่าจะมาหักคอตายซะก่อน
แล้วคุณชายใหญ่กับคุณชายสาม แยกไม่ออกจริงๆหรอ
-
งง ยังเห็นค้างไว้ที่ติดตามตอนต่อไปอยู่เลย ทำไม ย้ายไปห้องจบแล้วด้วยอ่า ง๊งงง งง :really2:
-
ไม่เขียนต่อแล้วเหรอค่ะ น่าเสียดายจัง
-
*** เรื่องนี้ยังไม่จบใช่มั๊ยคะ เห็นตอนล่าสุดยังเขียนว่าติดตามตอนต่อไปอยู่เลย ดังนั้นจะไม่ย้ายให้นะคะ ***
หรือถ้ามีอะไร PM หาได้ค่ะ
ทิพย์ โมดุฯห้องนิยาย
-
ไหงงี้
-
จะรีบย้ายทำม๊ายยยย เค้ารออาหลงอยู่นะ :o12:
-
คนแต่งอยุ่ไหนเอ่ย
-
จบแล้วเหรอ
ยังรู้สึกค้างๆอยู่เลยอ่ะ
-
อย่าเพิ่งช๊อค
ตามหยกน้อยก่อน
-
ยังไม่กระจ่างเลย
ไหนบอกให้ติดตามตอนต่อไป
กลับมาก่อนนะๆๆๆ
-
รออยู่นร๊า :o12:
-
ชอบเรื่องนี้อ่ะค่ะ ขอบคุณคนแต่งมากๆ อยากให้มาแต่งต่อไปอีกเรื่อยๆ ทั้งเรื่องหงส์หยก เรื่องของกระต่ายน้อยก็ยังค้างอยู่เลย เรื่องคุณชายสองอีกอ่ะ ไปอยู่บ้านตระกูลโจวครบกำหนดแต่งงานแล้วจะทำไงต่อ หุหุ อยากรู้ไปหมดเลย
-
เมื่อไหร่จะมาต่ออ่ะ :sad4:
-
แหมๆๆ ปวดหลายที่แบบนี้
ต้องใช้หยก (น้อย) ประคบไหมเนี่ย หุหุ
-
ห๊าาาา จบแล้ว?? ><
-
ร่วมด้วยช่วยกันขุด
ตาหลงแกยังไม่ได้ปะหน้าน้องหยกน้อยจัง ๆ เลยนะนี่
ขอร้องว่าต่อให้อีกหน่อยเถอะนะจ้ะคนเขียนจ๋า
พลีสสสสสสสสสสสสสส
-
มาดันจ้ะ
-
เอ๊ะ.. จบแล้วจริงง่ะ เรื่อง พี่สาม ยังไม่เคลียร์เลยน๊า...สรุปจะปล่อยน้องกระต่ายไปเหรอ..?
-
^
^
^
นั่นดิ หนูกระต่ายก็ยังไม่สรุปนะ
ร่วมด้วยช่วยดันอีกละ
-
เง้ออ ค้างอ่ะ ยังไม่จบใช่มั้ย????
กำลังสนุกเลย
-
นั่นจิ ค้างจริง ๆ น่ะแหละ
-
จะตัดจบแบบนี้จริงเหรอ
ยังรออยู่นะ :monkeysad:
-
จริงอะ :o12:
-
เฮ่อ.. คนตระกูลนี้เป็นอะไรก๊านนนนนน.. xxx yyy zzz กันไปแล้ว ยังแยกไม่ออกอีกหรือว่าชายหรือหญิง ฮ่าๆๆๆ
ปล. เรื่องน่ารักดีค่ะ +1 น้า
-
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลย อยากให้มาแต่งต่อจัง
ทิ้งท้ายไว้ว่า "ติดตามตอนต่อไป" แสดงว่ายังไม่จบใช่มั๊ยคะ
อยากอ่านตอนพิเศษของพี่ 2 กับ น้อง 4 ด้วยค่ะ
อยากรู้ว่าจะลงเอยกันยังไงอ่าค่ะ ถ้ามีเวลาและมีไอเดียช่วยมาแต่งต่อนะคะๆ
-
ใจคอจะไม่เหลือไว้ให้สืบสกุลเลยหรือนี่...อิิอิ o22
-
เมื่อไหร่จะมาหนอ
-
แงะ!!
จบแล้วจริงๆหรอคะ ?
ไม่อาวววววววววววววววววววว :serius2:
อยากอ่านต่อ อยากรู้ว่าทั้งสองลงเอยกันได้ยังไง
มาต่อเถอะนะคะ รออยู๊~
-
ยังรออยู่น้าาาาาาา
-
:call:
-
ดัน ฮึบ ๆ ๆ
-
เมื่อไหร่จะมาต่อซักที รออยู่นานแล้วนะค่ะ ใจจะขาดคร๊าาาาาาาาาา
-
อ้าวว จบแค่นี้จิงดิ o22
-
พี่กะน้องสามนี้
มีเมียเปงผู้ชายโดยไม่รุ้ตัว
สี่หนุ่มกระตลูหลี่ กับ สี่เหตุการ ของ สามสะใภ้ สองเขย
-
ดัน รอคนแต่ง
-
มารออีกเช่นเคย
-
รออยู่นะคะ
-
มาดันอีกละ
ฮึบ ๆ
-
ดัน ดัน ดัน และดัน
-
อย่าพึ่งจบเลยน้าาาา
อยากอ่านต่อมากกกกกกกก
-
น่าจะมีต่ออีกนิดนะค่ะ :impress2:
-
มาดัน ฮึบ ๆ
-
ดันอีก ดันอึก
-
:call: :call: :call:
-
ฮึบ ๆ
-
:t3:
-
สนุกมากครับ แต่น่าจะย้ายไปอยู่นิยายที่ไม่มาต่อจนจบดีกว่านะครับ
-
:z3: :z3: :z3:
-
เหวินหลงไปหลงอยู่ทิศใด :z3:
-
:z3: :z3: :z3:
เมื่อไหร่ตาเหวินหลงจะหาทางกลับเล้าถูก
-
:sad4:
:pig4:
-
:m15:ฮีบ ๆ ๆ ๆ ๆ
-
:sad11: :monkeysad: :m15:
มาคร่ำครวญอีกละ
-
นึกได้เลยเข้ามาดัน
เมื่อไหร่จะมาหนอ
ปีใหม่ทั้งทีแล้วนา
-
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ
ทำไมจบแล้วอ่ะคะ อยากให้มีของคู่อื่นๆบ้างจัง!! :L2:
:pig4: :pig4:
-
รอชมต่อนะคะ อยากอ่านเร็วๆจัง หยกน้อยน่ารัก
-
อยากอ่านเหวินหลงต่ออ้า
-
:a5: จบแล้วววววว
-
น่ารักอ๊ะ ชอบทุกคู่เลย
+1 เป็นกำลังใจ
-
กำลังสนุกเลย
รีบๆมาต่อน้า
ยังเหลืออีกหลายคู่ที่ยังไม่จบ
โดยเฉพาะคู่น้องสี่
มาดราชินีเป็นสง่ามาเลย
-
จบแล้วเหรอคะ!!??? :a5:
/อาสี่เลิศมากค่ะ.....
-
ชอบตอนน้องเล็กอ่ะ ฮิฮิ
-
มันยังไม่บริบูรณ์เพราะงั้นรออ่านต่อไปค่ะ :L2:
-
จบซะแหละ
ค้างนิดๆนะเนี่ย
-
ค้างตลอดเลย :ling1:
-
:mew2: มาต่อเถอะจ้าา
-
ค้างมากมายเลยยยยยยยย :ling3:
-
ห้ะ จบแล้ว :a5:
-
เอ่อ ตัดจบแบบนี้เลยเหรอ คือพูดไม่ออก :เฮ้อ:
-
ม่ายยยยย อย่าตัดรอนกันแบบนี้ :ling1:
-
สี่พี่น้องสุดยอดมากเลยครับ อย่าลืมมาต่อนะครับ
ขอบคุณครับ
-
โหยยยยย คนเขียนทำร้ายใจกันมากเลย
อยากจะบอกว่าค้างทุกคู่เลยค่ะ T^T
-
เพิ่งมาอ่าน สนุกมากเลย แต่ค้างงิ :sad4:
-
:pig4: :pig4:
-
ช่างค้างคาเหลือเกินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :sad2: :sad2:
-
:pig4:
ชอบคุณชายบ้านนี้
ชอบเรื่องนี้ทุกคู่เลย
แต่ตอนนี้... ค้างมากมายย
:katai1: