แสงแดดอุ่นๆ ลมเย็นๆ หญ้านิ่มๆ อาฮะ...ไม่มีอะไรจะสบายไปกว่านี้แล้วเว้ย
‘เพี๊ยะ!’
“ไอ้ฟวยใครกล้าบังอาจมาตบหัวกู!”
“กูเองไอห่าทาน นอนสบายเลยนะมึง จะโดดคาบบ่ายรึไง”
“โดดให้แม่มึงมาลากกูเข้าไปอบรมรึงไง ไอ้ฟายทิน กูไม่เอาด้วยหรอก”
พูดแล้วก็นอนหันตูดให้คนถามออกแนวรำคาญนิดๆ
“เอ้า ไม่โดดแต่ก็ไม่ลุกเนี่ยนะ กูนี่ไม่ค่อยจะเข้าใจความคิดมึงเลยนะไอ้เหี้ย”
“เออน่า มึงจะไปไหนก็ไปเลยไปไอ้ฟาย เดี๋ยวกูก็ลุกเองแหละ”
“ไล่กูอีก คนอุตส่าห์หวังดี นี่ถ้ามึงเข้าไม่ทันกูจะสมน้ำหน้าให้”
“เออ เรื่องของกู”
.
.
“นายทานตะวันเข้าสายยี่สิบนาที ลบสิบคะแนน แล้วหลังเลิกเรียนอยู่ทำเวรด้วย”
“ครับ...”
“ไงล่ะมึง กูล่ะอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง เตือนแล้วเสือกไม่เชื่อ สมน้ำหน้า!”
“ เออคร๊าบ ไอ้คุณทิน ไอ้เหี้ย!”
ทานตะวันหันไปด่าไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เหตุมันเกิดเพราะดันตั้งนาฬิกาปลุกในมือถือแล้วมันดันแบตหมด เจ้าตัวถึงได้ต้องวิ่งตาลีตาเหลือกมาถึงห้องเรียนแบบนี้
“เออนะ ด่ากูอีกสิด่าเข้าไป ตอนแรกกูคิดว่าเย็นนี้จะอยู่ช่วยทำเวรซักหน่อย ดี งั้นเย็นนี้มึงก็ทำไปคนเดียวเลยละกัน”
“จำได้ว่ากูก็ไม่ได้ขอมึง”
ว่าแล้วก็ยักคิ้วกวนตีนไปให้ทินกรหนึ่งที กวนตีนไอทินมันเป็นงานอดิเรกเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง
“กูเสือกว่างั้น”
“เออ”
“ทานตะวัน ทินกร เข้าสายแล้วยังไม่สนใจเรียนอีกนะ งั้นเย็นนี้พวกเธอสองคนก็อยู่ช่วยกันทำเวรแล้วกัน”
“ไอ้ห่าทาน ไอ้เตี้ย มึงแหละชวนกูคุย เห็นมะกูเลยซวยไปกับมึงด้วยเลย”
คำก็เตี้ย สองคำก็เตี้ย เตี้ยตรงไหนกัน ก็แค่สูงน้อยกว่าไอ้คนที่ด่าอยู่แค่สิบเซนเอ๊ง แค่นี้เอ๊ง
“หุบปากไปเลยมึง มึงแหละไอ้ทิน เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น กูไปชวนมึงคุยตอนไหน มีแต่มึงแหละพอกูเดินเข้ามาก็ชวนกูคุยก่อนเลย ไอ้เวร”
“อ้าว หน้าอย่างงี้ยังสวยไม่พอใช่มะถึงอยากสวยเพิ่ม ก็มึงไม่ใช่เรอะที่พากูต่อความยาวสาวความยืด...”
แน่นอน นอกจากคำว่า ‘เตี้ย’ ซึ่งติดอันดับท๊อปเท็นลักษณะเด่นของไอ้ทานตะวันในโรงเรียนเอกชนชายล้วนแห่งนี้แล้วคำว่า ‘สวย’ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคำท๊อปฮิตนั้นด้วย
“สวยบ้านท่านพ่อมึงสิ ถ้ามึงไม่หยุดพูดคาบหน้ากูจะย้ายไปนั่งกับไอ้เอิร์ธ”
“เชิญตามสบาย กูไม่ได้ล่ามไว้ พนันกับกูมั้ยล่ะว่าไม่เกินวันนี้มึงต้องกลับมานั่งกับกู”
“ไปนอนตายให้หนอนแดกเหอะ ไอ้ฟาย ยังไงวันนี้กูไม่กลับมานั่งกับมึงแน่”
.
.
“ไอ้เอิร์ธ คาบนี้กูนั่งด้วยคนนะเว่ย”
“เออ ตลอดแหละมึง กูล่ะก็ไม่ค่อยจะเข้าใจพวกมึงสองคนเลยนะ ด่ากันทะเลาะกันแล้วก็งอนกันอยู่ได้มาเป็นปีๆ กูว่ามันเหมือนผัวเมียมากกว่าเพื่อนว่ะ”
“อย่ามาปากเสียนะ พวกกูไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น ใครจะอยากไปเป็นอะไรกับไอ้ทินมัน”
มึงอย่ามารู้ทันกูนะไอ้เอิร์ธ จำได้ว่ากูไม่เคยบอกมึง
“อ้อเหรอ ไม่ได้เป็นอะไร แต่เดี๋ยวไอ้ห่าทินก็หาทางเอามึงกลับไปนั่งที่เดิมได้เองแหละ”
“แสนรู้จริงนะมึงอะ ถ้ากูไม่กลับซะอย่างใครจะทำอะไรกูได้”
ไม่มีทางที่ไอ้ทานตะวันคนนี้จะยอมกลับไปนั่งกับไอ้ทินง่ายๆหรอก เสียศักดิ์ศรีหมดพอดี
“กูจะคอยดูอย่างจดจ่อเลยล่ะ...ฮ่าๆ”
“ไอ้เหี้ย!”
.
.
‘แปะ’
“ไอ้เอิร์ธ...”
‘แปะ’
ทินกรปั้นกระดาษเป็นก้อนกลมๆก่อนจะเล็งแล้วปาเข้าที่หัวเอิร์ธเต็มแรงเมื่อเห็นไอ้ทานตะวันจอมซ่ามันหลับคาโต๊ะไปเรียบร้อยทำให้คนถูกปาที่รู้จุดประสงค์ของคนปาดีต้องหันไปห้ามก่อนที่มันจะปามามากกว่านี้
“เออ กูรู้แล้วไอ้เหี้ยทินวันหลังมึงก็อย่าไปกวนประสาทไอ้ทานมันสิวะ ลำบากกูทุกที”
“ก็มันชอบทำหน้าทำตาน่าหมันไส้นี่หว่า”
“เออๆ กูล่ะเซ็งพวกมึงสองตัวจริงๆ ชอบมันก็บอกมันสิวะมึงอะ”
“พูดง่าย...แต่ทำไม่ง่ายนะมึง ถ้ามันไม่ได้คิดเหมือนกูกูก็ตายห่าสิวะคราวนี้ได้มองหน้ากันไม่ติดแน่”
“ก็แล้วแต่มึงละกัน แต่ถ้ามัวแต่ชักช้าระวังหมาจะคาบไปแดกแล้วอย่าหาว่ากูไม่เตือน ไม่ใช่มึงคนเดียวนะที่จ้องมันอยู่”
.
.
“ไอ้ทาน...”
“...”
“ไอ้ทานโว้ย ตื่น... อะไรมันจะหลับสนิทขนาดนั้นวะ”
“หือ...หมดคาบแล้วเหรอวะ”
ทานตะวันผู้ที่เกลียดวิชาคำนวณเป็นชีวิตจิตใจแต่ดันหลงมาเรียนสายวิทย์เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเรียนด้วยท่าทางมึนๆ แถมด้วยการยกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำลายที่มุมปากอย่างไม่กลัวเสียภาพพจน์
“อี๋แหวะ สกปรกว่ะมึง”
“เรื่องของกู เสื้อกู ไม่ได้ใช้ให้มึงซักนิ ว่าแต่มึงปลุกกูทำไมเนี่ย ยังไม่หมดคาบเลย”
“ก็กูเรียนไม่รู้เรื่อง”
“ฮ้าว...มึงเคยเรียนวิชาฟิสิกส์รู้เรื่องด้วยหรอวะไอ้เอิร์ธ กูเพิ่งรู้นะเนี่ย”
“อย่ามากวนตีนกู ถึงกูจะไม่ค่อยรู้เรื่องแต่กูก็ได้2.5วิชานี้นะเว่ยไม่ใช่1.5แบบมึงไอ้ทาน ”
“แขวะกูอีก แล้วกูนอนเนี่ยมันเกี่ยวกับที่มึงเรียนไม่รู้เรื่องตรงไหน”
“คือ...มึง...มึงนอนกรนเสียงดังมาก รบกวนสมาธิกูอย่างแรง กูคงให้มึงนั่งด้วยไม่ได้แล้วล่ะ กลับไปนั่งกับไอ้ทินเหอะไป๊”
“ไรวะ เหตุผลมึงโคตรจะฟังขึ้นเลยว่ะ ทำไม ไอ้ทินสั่งมารึไง”
ทานตะวันหรี่ตามองเพื่อนอย่างรู้ทัน
“อะไร ไม่มี๊ กูพูดจริงๆ มึงทำให้กูเสียสมาธิ…จริงๆนะเว่ย...”
“เหรอ...”
“ก็เออสิวะ”
“จริงเร้อ”
“เออ...ก็ได้ๆ ก็ไอ้ทินบอกให้กูทำ”
“ไอ้หอกหัก แล้วมึงก็เชื่อมันอะนะ มึงมีสมองไว้คั่นหูรึไงวะ ไอ้ฟาย”
“ไอ้สาด วาจามึงนี่ร้ายกาจจริงๆ แต่ขอโทษทีเหอะคนอย่างกูจะทำอะไรมันก็ต้องมีเหตุผลเว่ย”
“มันให้มึงเท่าไหร่บอกมา”
“ความลับๆ และคาบหน้ามึงก็ต้องอัญเชิญตัวเองออกไปจากตรงนี้เลย กูไม่ให้นั่งแล้ว”
“ก็ได้ เดี๋ยวกูไปนั่งกับไอ้ตูนก็ได้ ไม่ง้อมึงหรอก ไอ้เห็นแก่เงิน ไอ้หน้าเลือด ชิ”
เมื่อออดดังบ่งบอกว่าเวลาเรียนหมดไปอีกหนึ่งคาบ ไอ้ทานตะวันคนสวยของเพื่อนๆก็ทำการย้ายตัวเองจากที่ข้างไอ้เอิร์ธไปทำหน้าออดอ้อนแอ๊บแบ๊วใส่ไอ้ตูนทันที
“เสียใจด้วยเพื่อน แต่กูไม่ย้ายเพราะไม่ใช่เรื่องของกู”
“มึงทำงี้กับเพื่อนมึงเหรอไอ้ตูน มึงจะไม่ช่วยเพื่อนมึงเลยเหรอ”
“ที่กูช่วยรับฟังเรื่องของมึงกับไอ้ทินยังไม่พออีกรึไง ชอบมันก็บอกมันไปดิ ทำเป็นเล่นตัวหาเรื่องทะเลาะกับมันอยู่ได้ มันคงจะรู้หรอก อีกอย่างหล่อระดับเทพอย่างไอ้ทิน มัวแต่อืดอาดระวังสาวๆโรงเรียนข้างๆจะคาบไปแดกเหอะ”
“พูดเหมือนเรื่องง่ายเลยนะมึง ถ้าแม่งเสือกเกลียดกูขึ้นมากูก็ซวยดิ อีกอย่างกูก็อายเป็นนะ นะ นะไอ้ตูน ให้กูนั่งกับมึงนะ แค่วันนี้ก็พอ ถ้ามึงไม่ช่วยกูนะ...กู...กูจะ...”
“จะอะไรของมึงไอ้ทาน”
“กู...กูจะร้องร้องไห้ให้มึงดู”
“เนี่ยเหรอคำขู่ของมึง งั้นก็เชิญร้องได้เลย ร้องให้เหนื่อยไปเลยนะ กูจะได้ช่วยหิ้วไปส่งให้ไอ้ทินมัน”
.
.
“อ้าว กลับมานั่งที่แล้วเหรอมึง ไหงบอกวันนี้จะไม่กลับมาไงวะ ไม่แน่จริงนี่หว่า”
“หุบปากมึงไปเลยนะไอ้ทิน ไอ้คนขี้โกง คิดว่ากูอยากกลับมานั่งกับมึงตายแหละ”
ทานตะวันหนุ่มน้อยทำหน้าหงิกงอเรียกรอยยิ้มให้ให้คนนั่งข้างๆได้เป็นอย่างดี ชอบให้มันทำหน้าแบบนี้ น่ารัก แก้มพองๆแบบนั้นแหละน่ารักที่สุด
“อย่ามาใส่ร้ายกูนะ กูออกจะเป็นคนดี”
“ตอแหลว่ะ ทุเรศ”
“จะตอแหละหรือทุเรศมึงก็คบกับกูมาได้เป็นปีๆนั่นแหละ”
“กูสงสารมึงหรอกถึงได้ทนคบคนอย่างมึงเป็นเพื่อนน่ะ หัดสำนึกในบุญคุณกูบ้างก็ดีนะ”
“ขนาดมึงยังหลงตัวเองขนาดนี้ ถ้ากูจะ’หลง’ อีกคนก็คงไม่แปลกมั้งนะ”
ทินกรว่าพลางจ้องเข้าไปในตาของคนตรงหน้า ทำเอาทานตะวันหลบสายตาที่สื่อความหมายนั่นแทบไม่ทัน รู้สึกเหมือนมีใครเอากระทะร้อนๆมาทาบไว้ที่หน้า
“พะ...พล่ามบ้าอะไรของมึง”
ไอ้ทิน ไอ้บ้าอย่ามาหลอกให้ดีใจนะเว่ย
“คิดอะไรอยู่น่ะ หน้าแดงเชียวนะมึง กูแค่จะบอกว่ากูหลงมาคบมึงเป็นเพื่อนได้ก็คงไม่แปลก คิดไปไกลถึงไหนแล้วล่ะ”
แกล้งแซวเล่นไปงั้นแหละไม่คิดว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาคนตรงหน้าแบบนี้...อย่างนี้ก้มีหวังสิวะไอ้ทิน
“บ้านมึงสิไอ้บ้า ใครหน้าแดง ใครคิดอะไร กูร้อนเว้ย ร้อนๆๆๆๆ เข้าใจมั้ย กูไม่บ้าไปคิดอะไรกับมึงหรอก”
พูดออกไปแล้วทานตะวันก็นึกอยากจะตบปาดตัวเองแรงๆซักทีสองที นี่เขาพูดอะไรออกไปเนี่ย
“เอ้าๆ ไม่คิดก็ไม่คิดสิ ทำไมต้องโวยวายด้วยแก้ตัวด้วยล่ะ”
“ไอ้...ไอ้ทิน ไอ้บ้า มึงมันกวนประสาท มึง...มึงแกล้งกู”
.
แอบมาเวิ่นเว้อแถวนี้ อิอิ พอดีมันเฮิร์ทเรื่องเกรดมากมาย แล้วจะทยอยมาลงให้จบนะคะ เรื่องนี้ไม่ยาวค่า อาจจะดูแปลกๆซักหน่อยเพราะไม่เน้นบรรยาย แต่ก็อยากลองเขียนดูหลายๆแบบค่ะ