~ต่อ~
“ขอบคุณมากนะครับพี่วัชที่ทำเพื่อผมขนาดนี้”
“ขอบคุณอะไรกัน ฉันทำเพื่อตัวฉันเองต่างหาก....ถ้าไม่เพราะนายคนอย่างฉันมีเหรอจะทำอะไรแบบนี้กับเค้าเป็น....นายต้องมีส่วนรับผิดชอบแน่ๆ ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปจนใครๆ ตกใจแบบนี้”ผมหัวเราะน้อยๆ กับท่าทีของคนตรงหน้า ก่อนจะมองพี่วัชที่พูดกับผมอย่างเหม่อลอย
....ผมไม่ใช่แค่มองเพียงผ่านๆ แต่ผมกำลังเก็บรายละเอียดทุกอิริยาบถของคนตรงหน้าเอาไว้ ภาพความประทับใจที่สุขล้นที่หาไม่ได้ง่ายๆ
“ถึงยังไง.....ผมก็ไม่รู้จะขอบคุณสำหรับเรื่องที่ผ่านมาได้ยังไง และตอนนี้ด้วย”
“มีสิวิธีที่นายจะขอบคุณฉัน มันง่ายออกจะตายนายรู้รึเปล่า”พี่วัชพูดเสร็จพลันลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปตรงริมหน้าต่างกระจกใสที่มองวิวทิวทัศยามค่ำคืนที่สวยงามด้วยแววตาเป็นประกาย ผมลุกขึ้นเดินตามไปยืนอยู่ข้างหลังก่อนที่พี่วัชจะหันมายิ้มให้ผม
“ฉันไม่อยากให้นายทำหน้าสงสัยแบบนั้นอีก ถ้าขืนฉันให้นายคิดเองฉันคงต้องบ้าตายกับการกระทำของนายที่เหนือความคาดหมายฉันแน่ๆ”
“มะไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ.....แต่จะให้ผมทำอะไรเหรอครับที่พอจะตอบแทนพี่ได้ แต่ว่าถ้าจะให้ผมซื้อของแพงๆ ให้ล่ะก็ผมคง......”
“มานี่สิ....”แล้วพี่วัชก็ลากผมไปยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่ได้มองหน้าผม แต่กลับมองวิวข้างหน้าแล้วยิ้มกริ่มแทน มันทำให้ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับดวงตาคู่นั้น
“อะไรเหรอครับ......”ผมเอียงหน้าถามคนข้างๆ ที่กุมมือผมไม่วาง
“จูบฉันหน่อย....”
“ละล้อผมเล่นรึเปล่าครับ!”
“เปล่า........ฉันอยากให้นายจูบฉันจริงๆ เพื่อให้ฉันได้มั่นใจว่านายคือคนที่ฉันรักจริงๆ ได้รึเปล่ายู......”
“..........”
“เอ่อช่างมันเถอะ......ฉันคงขอนายมากไปงั้นไม่เป็นไร.....”
“ผมจะทำครับ!”ผมตอบด้วยน้ำเสียงเต็มปากเต็มคำอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเลยครับ ถึงแม้ผมจะคิดลังเลใจอยู่บ้างว่าผมควรจะทำหรือไม่ในขณะที่ผมกำลังจะทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดหลังจากนี้กับคนตรงหน้า อีกแล้วครับ.....ความรู้สึกแย่ๆ พวกนั้นกำลังเกาะกุมหัวใจผมอีกแล้ว ผมไม่ชอบเอาซะเลยที่ให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนั้น
“นายว่าไงนะ!”
“..........ผมจะจูบครับ”ผมตอบยืนยันอีกครั้งพยายามแขย่งปลายเท้าแล้วคล้องคอคนตรงหน้าเอาไว้ในวงแขนก่อนจะค่อยๆ เลื่อนใบหน้าตัวเองให้เข้าใกล้คนตรงหน้าแล้วกดริมฝีปากบางที่กำลังสั่นระริกจูบคนตรงหน้าด้วยความยินดีแนบนิ่งและเนิ่นนานอย่างอ่อนหวานก่อนจะพาลให้น้ำตาผมไหลอาบแก้มเย็นของตัวเองอย่างที่ไม่อยากเป็น ผมจึงค่อยๆ คลายวงแขนแล้ววางส้นเท้าที่แขย่งให้เรียบลงกับพื้นอีกครั้ง
“นะนายร้องไห้ทำไมยู”น้ำเสียงตกใจถามผมที่ปาดน้ำตาตัวเองทิ้งก่อนจะพยายามมองหน้าผมที่ก้มไม่เผชิญหน้า
“ปะเปล่าสักหน่อยครับ....”
“ไม่จริงหรอกฉันเห็นนะ....หรือฉันทำให้นายร้องไห้!”
“มะไม่ใช่หรอกครับ....ผม....ผมก็แค่รู้สึกดีก็เท่านั้นเอง”
“อ่า.....นายกำลังทำให้ฉันตกใจแทบแย่”
“ขอโทษครับ ขอโทษ ผมขอโทษ”
“ถ้านายไม่หยุดขอโทษฉันจะทำโทษนายนะรู้มั้ยเจ้าเด็ดบ้าเอ้ย!”ผมถูกกอดด้วยอ้อมแขนกว้างข้างหน้าอีกครั้ง มันช่างอบอุ่นเสียเหลือเกินครับ.....มากมายจนผมรู้สึกผิดลึกๆ ในใจ
“พรุ่งนี้......ฉันจะไปหานายเพื่อฟังคำตอบจากนาย ว่านายจะยอมรับฉันรึเปล่ายู ฉันหวังว่านายคงไม่ปฏิเสธฉันแน่นอน”
“ครับ......พรุ่งนี้สินะครับ.....”หัวใจมนุษย์ใครบอกว่ามันไม่เคยร้องไห้มีแต่เจ็บและปวดร้าวเป็นก็เท่านั้น ไม่เลยครับมันทั้งร้องไห้ได้และปวดร้าวไปในคราวเดียวกันได้อย่างน่ากลัวเหมือนตัวผมในตอนนี้
แล้วพรุ่งนี้.....พี่จะได้รู้ทุกอย่างครับพี่วัช
[วัช]
“คุณวัชจะออกไปไหนแต่เช้าคะท่าทางอารมณ์ผิดหูผิดตาเชียวนะคะ แต่ระวังอากาศ.....”
“ฮาๆ คร้าบๆ คือผมจะรีบออกไปธุระนิดหน่อยน่ะครับ ฝากบ้านด้วยแล้วกันนะครับผมอาจจะกลับมาไม่ตรงเวลา”
“ได้ค่ะไม่ต้องห่วงค่ะ ทางนี้ดิฉันจะดูแลให้เอง”
“ขอบคุณมากครับป้าผมไปก่อนนะครับ ขอไปหนึ่งแผ่นรองท้องก่อนแล้วกันนะครับ”ผมคว้าขนมปังแผ่นหนึ่งขึ้นมาแล้วงับเข้าปากคาบไว้ก่อนจะเร่งเดินออกไปขึ้นรถคันโปรดที่ถูกจอดตระเตรียมไว้ให้ทุกครั้งเมื่อผมต้องการใช้
เช้านี้อากาศดูสดใส่ชะมัด....คงจะเป็นใจให้ผมก็ได้มั้งครับเนี่ย
ครึม!
เหอะๆ ไม่ต้องตกใจครับมันเสียงฟ้าลั่น ดูท่าอากาศมันครึ้มๆ นิดหน่อยซะมากกว่า เมื่อวานก็ดูข่าวผ่านหูมานิดๆ ว่าพายุดีเปรสชั่นเข้า แต่ยังไงวันนี้ก็สดใส่สำหรับผมอยู่ดีล่ะครับ
ครืดดดด~ ครืดดดด~
“ฮัลโหลว่าไงวะ”ไม่มีใครโทรมาระรานรบเร้า รังควานใจได้ดีเท่ากับไอ้หมอนี่ที่ผมกำลังคุยอยู่ในสายแล้วล่ะครับ จะใครที่ไหนซะอีกก็ไอ้ดินเพื่อนผมเอง
“ไอ้วัชมึงอยู่ไหนวะ มาช่วยขนของกรูหลบภัยหน่อยดิวะ แม่งป๊ากรูจับได้ว่ากรูซื้อตู้เกมส์แข่งรถมาว่ะ”
มันหาเรื่องให้ผมได้ทุกทีล่ะนาไอ้บ้านั่น ก็คราวก่อนมันโวยอยากได้ตู้เกมส์จะตายห่าให้ได้ มันก็เลยแอบยักยอกเงินป๊ามันซื้อครับ สภาพตู้เกมส์....อืม.....ก็ถ้าใครเคยไปเล่นเกมส์ในห้างคงจะพอนึกออก พอมาคราวนี้เป็นไงล่ะพ่อมันจับได้ขึ้นมาซวยผมอีกตู้ใหญ่เท่าบ้านมันจะซ่อนยังไงได้ -*-
“ไอ้ไร้หัวคิด!”
“นี่!!! มาช่วยกรูหน่อยมึงจะว่าอะไรกรูก็ได้กรูยอมนะๆ ป๊าเจอกรูโดนยึดบัตรแน่ๆ เลยว่ะ”
“เหอะ! กรูไม่ว่างเข้าใจรึเปล่าไปโทรหาคนอื่นก่อนเลยไป”
“ไอ้กรณ์มันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ส่วนไอ้ทิวาแม่งก็รู้ว่ามันไม่ช่วยกรูแน่ๆ ที่พึ่งสุดท้ายของกรูคือ.....”
“-*- ไปตายซะ! ติ๊ด~”
อย่างไอ้ดินมันไม่ตายง่ายๆ กับเรื่องปัญญาอ่อนพวกนี้หรอกครับ ผมเลยเพลียใจที่จะสนมัน เมื่อไหร่มันจะเลิกงี่เง่า ผมก็ภาวนาให้มันหลุดพ้นจากบ่วงกรรมทุเรศๆ พวกนั้นของมันสักที
เห้ย! เลิกคิดแล้วอารมณ์เสียกับไอ้บ้านั่นสักที....วันนี้เป็นดีผมไม่อยากให้เรื่องพวกนั้นมากวนใจผมได้หรอกนา....ผมน่าจะโทรไปบอกยูว่าผมกำลังจะมาถึง หรอว่าผมควรจะไปแบบเซอร์ไพรส์เจ้าเด็กนั่นดี หึๆ หมอนั่นคงตกใจที่ผมมากระทันหันแบบนี้แน่ๆ
เอี๊ยดดดดด! ฉึก!
เหมือนผมจะนึกอะไรได้บางอย่างเลยจอดรถเข้าข้างถนน จะไปมือเปล่าแบบนี้ได้ยังไงล่ะหมอนั่นคงจะดีใจถ้าผมมีอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย
....ดอกไม้สักช่อคงจะดี นี่ผมเริ่มคิดเรื่องจุกจิกพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เหอะๆ น่าขำตัวเองชะมัด
“แฮ่ม! เอ่อ....ดอกไม้ที่สวยที่สุดในร้าน ฉันเลือกเองทุกดอกสำหรับนาย นายชอบมันรึเปล่า”
บ้าน่ะ! ผมพูดแบบนั้นเจ้าเด็กนั่นได้ขำผมไปเจ็ดวันเจ็ดคืนแน่ๆ เอาแบบนี่ดีกว่า....แอ่มๆ
“ดอกไม้นี่ฉันให้นาย ฉันบังเอิญซื้อมาจากเด็กขายดอกไม้เพราะสงสารนะ”
อ่ะ! พูดแบบนั้นดอกไม้ผมก็ดูไร้ค่าชะมัด เห้อ.....จะเอาไงดีนะ ผมเคยกังวลเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอเนี่ยให้ตายเถอะ แต่รู้สึกหัวใจผมเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเลย หรือว่าผมกำลังตื่นเต้นกัน
ครืดดดดด~ ครืดดดดด~
“มีอะไรอีกวะ!”
“พ่อเค้าเจอของเล่นแล้ว ช่วยกรูด้วย!!!!”
“-*-ไปตายซะ!....ติ๊ด~”
ไอ้บ้านั่นโทรมาให้ผมเสียเซลล์รึไงนะ เอาวะไม่รอเวลาแล้ว ผมจะขึ้นไปหายูตอนนี้เลย ค่อยคิดคำพูดตอนเจอหมอนั่นแล้วกัน หึหึๆ ^^
ก๊อกๆ ก๊อกๆ !
“..........”
ก๊อกๆ ก๊อกๆ !
ทำไมถึงไม่มาเปิดประตู หรือว่ายังหลับอยู่......แต่ปกติยูไม่ใช่คนตื่นส่าย แล้วนี่มันก็ไม่ได้เช้าตรู่ขนาดนั้นด้วยหรือหมอนั่นจะไม่ได้ยินเสียงประตู ผมน่าจะโทรเข้าไป
“ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด~”
ปิดเครื่องเหรอ เหอะ! อะไรกันนายไม่อยากเจอฉันรึไงยู
“ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด~”
เป็นไปไม่ได้ หมอนั่นจะไปไหนได้เช้าๆ แบบนี้ ทะทำไมหัวใจของผมถึงได้เต้นแรงและรู้สึกไม่ค่อยดีแบบนี้นะ
ก๊อกๆ ก๊อกๆ!
“ยู! นายอยู่ข้างในรึเปล่าได้ยินฉันมั้ย!”
“..........”
“นายกำลังเล่นตลกอะไรน่ะยู อย่าให้ฉันรู้สึกไม่ดีแบบนี้สิ!.....ยู!!!!!”
ผมรู้สึกร้อนใจจนแทบทนไม่ไหวแล้วครับ ผมเลยตัดสินใจกดโทรศัพท์โทรหาหมอนั่นอีกครั้งหนึ่ง แต่เหมือนเดิมครับยูไม่เปิดเครื่องเช่นเดิม
“เฮ่! ยูนายอยู่ข้างในใช่มั้ยเปิดปรูตูให้ฉัน.......”
ผาง!
“ขอโทษนะคะ แต่นี่มันห้องฉันคุณมาหาใครกันคะ”ประตูเปิดมาพร้อมกับหญิงวัยทำงานที่เดินออกมา แต่ห้องนี้เป็นของยูผมจำใจผมไม่มีทางมาเคาะห้องผิดหรอก
มะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
“ขอโทษนะครับ คุณรู้จักกับยูใช่มั้ยครับ”ผมหวังให้คนๆ นี่เป็นคนรู้จักกับยูจริงๆ ครับไม่ได้อยากฟังอะไรนอกจากนี้ทั้งนั้น ทำไมครับผมถึงได้รู้สึกใจไม่ดีขนาดนี้
“ถ้าคุณหมายถึงเจ้าของห้องก่อนหน้านี้ล่ะก็ เค้าย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะคะ ฉันเพิ่งจะเข้ามาอยู่เมื่อรุ่งเช้านี่เอง”
หัวใจของผมแทบสลาย ดอกไม้ที่ถืออยู่ในมือผมถูกปล่อยให้หล่นลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาผมเปิดกว้างไม่อยากคิดถึงเรื่องที่มันร้ายแรงกว่านี้อีก ไม่อยากคิดแม้กระทั้งเรื่องที่หมอนั่นคิดอะไรที่ผมไม่รู้และตัดสินใจเรื่องบางอย่างด้วยตัวเองผิดๆ แบบนั้น
“ยะย้ายออกไปเหรอครับ แต่เมื่อวานผมยัง......”
“ค่ะ....ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวนะคะ”
ปัง! ประตูไม้ตรงหน้าปิดกระแทกดังราวกับว่ามันได้กระแทกลงตรงอกของผมจังๆ เพราะผมรู้สึกเจ็บจนแทบจะเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ สติของผมกำลังสับสนจนคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
ไม่จริงหรอก.....หมอนั่นไม่ทำกับผมแบบนี้แน่ๆ ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้ผมจะมาหา มาบอกทุกอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกผม ผมจะมาบอกว่าผมรักหมอนั่นจริงๆ แล้วทำไม แล้วทำไมหมอนั่นถึงไม่รอผม ทำไมกัน!
ผมไม่เคยรู้สึกแย่จนอยากจะหลั่งน้ำตาแบบนี้มาก่อน.......ผมกำลังทำอะไรผิดไปเหรอครับ ผมทำอะไรไม่ชัดเจนอย่างนั้นเหรอครับ.....
ฮึก.......
“ฮัลโหลเดย์......”ผมกดโทรศัพท์อีกครั้งและเลือกจะถามเดย์ที่เป็นเพื่อนหมอนั่น เพราะผมไม่รู้จะถามใครได้อีก
“สวัสดีครับพี่วัช มีอะไรรึเปล่าครับเสียงไม่ค่อยจะดีเลย”
“อ่า....ปะเปล่า พี่แค่อยากโทรมาถามว่ายูอยู่กับเดย์หรือบอกอะไรเดย์ไว้รึเปล่า”
ทำไมผมถึงหวังอย่างนี้ครับ หวังให้เดย์ตอบผมว่ารู้ทุกอย่าง....รู้ว่าหมอนั่นทำอะไรอยู่ที่ไหน
“ยูไม่ได้อยู่กับผมครับ ผมโทรคุยกับยูล่าสุดเมื่อวาน.......แต่ก็ไม่เห็นยูบอกอะไรนะครับ มีอะไรรึเปล่าครับพี่วัช”
“ปะเปล่า....เอ่อ....ขอบคุณมากนะเดย์....ติ๊ด~”
เหอะ! นี่มันอะไรกัน หมอนั่นกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้ารึไงกันนะ
กึก กึก กึก~
ผมเดินลงมาข้างล่างตึกด้วยตัวที่เบาหวิวไร้ซึ้งความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างรอบตัวของผมมันดูมืดหม่นไปหมด ทุกอย่างเหมือนกำลังจะจบสิ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
เหอะ! มันอาจมีอะไรผิดพลาด หมอนั่นชอบผมและไม่มีทางจะหนีผมไปโดยไม่บอกลาสักคำแบบนี้แน่ แต่ถึงหมอนั่นจะไปจากผม ผมก็ไม่มีทางปล่อยหมอนั่นไปแน่นอน เพราะผมรักยู รักจริงๆ แต่ทำไมหมอนั่นถึงไม่เชื่อใจผม แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร ทั้งๆ ที่หมอนั่นกับผมเรา.....
“ขอโทษนะครับ! คุณใช่คุณวัชรึเปล่าครับ”
“ครับ....”ขณะที่ผมกำลังยืนเคว้งคว้างอยู่ด้านล่างตึกจู่ๆ ก็มีคนๆ นึงที่คล้ายจะเป็นผู้ดูแลที่นี่ก็เข้ามาหาผมพร้อมซองกระดาษสีขาวยื่นให้ผมก่อนจะเดินจากไป
ผมมองซองกระดาษที่ถืออยู่ในมืออย่างลังเลที่จะเปิด ผมกลัวเหลือเกินว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแย่ที่ผมจะเจอ
แกรบ~
‘ขอโทษครับ....ผมรู้ว่าหลังจากที่พี่วัชได้รับจดหมายฉบับนี้คงต้องรู้สึกโกรธผมแน่ๆ ผมไม่รู้ว่าจะบอกอะไรนอกจากขำขอโทษที่ผมอยากจะเขียนมันทั้งคืนให้เต็มกระดาษ ตอนนี้ถ้าพี่กำลังอ่านจดหมายของผมอยู่ ผมอยากจะบอกว่า.....ผมไม่ได้หนีพี่ไปเพราะผมไม่ได้รักพี่หรอกนะครับพี่วัช ผมอยากขอบคุณพี่เป็นพันครั้งด้วยซ้ำที่พี่ทำให้ผมมีความสุขได้ขนาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจต้องไปก็เพราะตัวผมเองต่างหากล่ะครับ ผมไม่อยากอยู่ข้างๆ พี่ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวว่าสักวันผมจะต้องเสียพี่ไป แล้วผมก็ไม่เคยแน่ใจในความรู้สึกของพี่วัชสักที...นี่คือความรู้สึกผิดของผม ทั้งๆที่พี่แสดงออกกับผมมากมายขนาดนั้น
ในเมื่อความรู้สึกก้ำกึ่งเหล่านี้มันมีมากมายเหลือเกินผมเลยตัดสินใจว่า....ผมควรจะไปซะตอนนี้ดีกว่าที่จะรอให้ตัวเองเจ็บมากขึ้น....ผมมันคนโลภมากและเห็นแก่ตัว แม้แต่ความรู้สึกเศษเสี้ยวดีๆ ของพี่ผมก็ไม่อยากจะให้พี่วัชแบ่งให้ใคร คนเห็นแก่ตัวอย่างผมสมควรแล้วครับที่จะไป....อย่าพยายามหาผม เพราะผมคิดว่าหากสักวันนึงเราอาจจะได้เจอกันก็ได้ครับ.....ผมจะคิดถึงพี่นะครับ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่ให้กับผมครับ’
~ ยู ~
อะไรกัน! ใครให้นายมีความรู้สึกน้อยใจพวกนี้กันยู นายกำลังทำร้ายตัวเองและทำให้ฉันเจ็บได้ยังไง แค่นี้นายยังไม่รู้อีกรึไงว่าฉันรักนายแค่ไหน ฉันไม่มองใครเลยตั้งแต่วันที่ฉันขอเวลาให้ฉันพิสูจน์ความรู้สึกตัวเอง
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะยู! ฉันบอกให้นายกลับมาไงล่ะ!!!!!!”
ผมตะโกนสุดเสียงเรียกยูให้กลับมา ผมตอนนี้ไม่ต่างจากพวกสติแตกที่สิ้นหวังไม่สามารถทำอะไรได้สักอย่าง ผมควรจะทำยังไงดี นายบอกฉันมาสิว่าฉันควรจะทำยังไงให้นายกลับมา!
นายบอกไม่ให้ฉันตามหานาย แต่ฉันไม่มีทางเชื่อนาย!
ผมวิ่งไปขึ้นรถก่อนจะขับรถออกไปเพื่อตามหายู ผมไม่มีจุดหมาย ผมไม่รู้ว่าจะไปตามหาหมอนั่นได้ที่ไหน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็อยากจะตามหมอนั่นให้เจอ
แปะๆ แปะๆ ~~
เม็ดฝนนับสิบเม็ดที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นกำลังพร่างพรูลงมาจากฟ้าหล่นลงบนตัวรถขอผมที่กำลังเร่งขับวนหายูอย่างไร้จุดมุงหมาย ผมกำลังหมดแรงและไร้ซึ่งความหวัง หัวใจของผมรู้สึกเจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเจ็บจนผมแทบจวนเจียนจะตายซะให้ได้ พละกำลังที่มีอยู่มันค่อยๆ เหือดหายไปจนแทบทำให้ผมประคองรถไว้ไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ
เอี๊ยดดดด~
ในที่สุดผมก็จอดรถลงข้างทางแล้วฟุบลงกับพวงมาลัยรถเพราะผมทำอะไรไม่ได้ ผมนั่งฟังเสียงเม็ดฝนที่กระทบกับตัวรถอย่างเหม่อลอยปล่อยให้น้ำตาที่อัดอั้นอยู่ข้างในไหลรินออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็น ใจผมที่กำลังเต้นมันเหมือนจวนจะหยุดทำงานเสียให้ได้ ในหัวของผมเต็มไปด้วยคำถามที่อยากจะถามยูมากมาย อยากจะกอด อยากจะบอกให้อยู่เคียงข้างผม แต่ทว่าตอนนี้.....ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีก
นาย.....ใจร้ายจริงๆ เจ้าเด็กบ้า....ฮึก....
~END~
สำหรับตอนพิเศษตอนนี้ก็ไดดจบลงแล้วฮับ ไม่รู้จะเป็นยังไงกันบ้าง
ถือว่าเป็นตอนพิเศษที่จบได้.....ฮืม....ไม่รู้จะอธิบายยังไง
แต่ตอนนี้ขอตัวไปซับน้ำตาก่อนนะฮับ
อีกทั้งกลับไปซับเหงื่อด้วย ฟิตแต่งพยายามให้จบมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และข้าพเจ้าก็ทำอย่างเต็มที่
เพื่อนักอ่านที่รักทุกท่าน หวังว่าจะเป็นที่พอรับประทานได้นะฮับ ฮาๆๆ
ปล.1 ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ให้กำลังใจกันเสมอนะฮับ ปลืมใจไม่รู้ลืม
ปล.2 รักนักอ่านทุกท่านฮับ(คัมนับสามจอก
)
แล้วพบกันอีกนะฮับ