ปีใหม่
‘กลับบ้าน’ คำธรรมดาที่โคตรจะแสนวิเศษสำหรับ ‘คนต่างจังหวัด’ อย่างผม
มือข้างหนึ่งถือกระเป๋า ส่วนอีกข้างกำลังต่อยตีกับไส้ติ่งที่ติดสอยห้อยตามออกมาจากเมืองหลวง แน่นอนครับ....ผมกำลังพูดถึงมัน...
“ฮัดชิ้ว!!” ฟังจากเสียงก็รู้ว่ามีน้ำมูกแถมแน่ ๆ “อากาศเย็นใช้ได้เลยนี่หว่า” มันว่าพร้อมกับยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำมูกลวก ๆ แต่ยังไม่สาแก่ใจ สั่งออกมาแรง ๆ อีกรอบ ฟืดดดดดดดดดดดดดด
“โสโครก!” จะไม่ให้ด่าได้ยังไงตอนมันเอาหน้าออกมาผมยังเห็นเส้นใส ๆ ยืดติดมาอยู่เลย “ไปไกล ๆ กูเลยนะ”
“โห ใจร้ายฉิบ” มันโอดครวญด้วยใบหน้าไร้ความสำนึกผิดใด ๆ พร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “นี่จามปิดปากก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“ภคิ้น!! เอาหน้ามึงออกไปเลยนะ” ผมรีบยกมือขึ้นยันข้างแก้มมัน เลือกตำแหน่งที่ห่างไกลขี้มูกที่สุด
“เห็นว่าสกปรกก็ช่วยเช็ดให้สิ” โว๊ะ!! มันไปเอาแรงวัวแรงควายมาจากไหนวะ ผมเกือบพลาดขยับมือไปป้ายขี้มูกมันแล้ว
“อ้ากกกกกกกกกกกกกก!! ออกไปนะโว้ยยยยยย!!” ยิ่งห้ามมันยิ่งสนุกดันหนังหน้ามันแผลบเข้ามาอีกมือผมนี่ลื่นปรื๊ด ๆ “กูบอกให้....”
“หยุด...” เดี๋ยวนะ....นั่นไม่ใช่เสียงผม.....
นั่นมัน.... “พี่ภูมิ....”
ผ่าง! ผ่าง! ผ่าง!! ราวสายฟ้าฟาดลงมากลางกบาล ผมและไอ้ภคินเด้งตัวออกจากกัน(หรือพูดให้ถูกคือมันผงะนิดหน่อย ที่เหลือผมดันมันสุดแรงเกิด) ผมหันไปส่งสายตาใส่มันว่า ‘เพราะมึงนั่นแหละเล่นเหี้ยอะไรไม่รู้’
“สวัสดีครับพี่ภูมิ” ไอ้ภคินรีบยกมือไหว้แทบเอานิ้วทิ่มเข้าไปในจมูกพ่อผมด้วยความนอบน้อมสุด ๆ “ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะครับ”
ผมหันไปเบะปากเงียบ ๆ ในขณะที่ไอ้พระเอกยังมุ่งหน้าประจบประแจงตระกูลผม “พี่แก้วก็เหมือนกัน สวยขึ้นจนผมจำแทบไม่ได้เลยครับ”
“น้องคินก็พูดเกินไป” ว่าแล้วแม่ก็บิดตัวเป็นรูปเพรทเซล และก่อนที่หัวผมจะเน่าไปกว่านี้ผมต้องรีบแย่งชิงพื้นที่ของตัวเอง
“ลูกเต้านี่ไม่สนใจเลยนะแม่”
“อ้าว มากับเขาด้วยเหรอไอ้ลูกหมา” ดูขนาดคำที่ใช้เรียกยังขับไล่ไสส่งไปอยู่โหมดสัตว์เลี้ยงเลย ชีวิตไอ้วิรัลจะมีอะไรรันทดไปมากกว่านี้ แม่ยื่นมือเข้ามาขยี้หัวผม “ล้อเล่น...ดูทำหน้าเข้าสิ ใครจะไม่คิดถึงลูก”
“แล้วไอ้เชอร์ไปไหนอะแม่” ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นวี่แววของน้องสาว มันน่าจะอยากมารับพี่คินของมันแท้ ๆ
“ตั้งแต่มีแฟนเขาก็เลิกเห่อพี่เขยเขาแล้ว”“แม่!!! อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” แม่โพ้มมมมมมม!! พูดอะไรออกม้า!! ผมเอามือทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง รีบหันซ้ายหันขวา ไม่...ไม่....ไม่ ต้องไม่มีใครได้ยินสิ
“ฟังแบบนี้พี่เขยน้อยใจเลยครับ”
ถุย! ผมล่ะอยากขากสเลดใส่รองเท้ามันบ้างแต่ใจไม่เหี้ยมโหดพอ
“อะแฮ่ม” พ่อกลั้วคอข่มขู่เล็กน้อย เอาเลยพ่อ!! ถุยใส่มันเลย! “จะได้ปิ๊กบ้านก่อ เมาก้าอู้กั๋นฮั่นนะ” (จะได้กลับบ้านไหม มัวแต่พูดกันอยู่นั่นแหละ)
“ปิ๊กครับพ่อ ปิ๊ก ๆ ๆ ๆ ” ผมคว้ากระเป๋าแล้วออกเดินนำพ่อลิ่ว ๆ หนีความอับอายและแพ้พ่ายไป....
“ไอ้น่อย” พ่อตะโกนไล่หลัง “รถจอดตางเพ้” (รถจอดทางนี้)
นายวิรัลเดินกลับมาเก็บเศษหน้าตัวเองขึ้นมาติดท่ามกลางสายตาล้อเลียนของไอ้ภคิน....
……………………………………………………………….
…………………………………………………
………………………….
………..
เชียงใหม่อากาศเย็นพอประมาณและร้อนฉิบหายตอนบ่าย ๆ จนผมสับสนว่าจะใส่หรือถอดเสื้อเพื่อดำรงชีวิตอยู่ดี ที่สำคัญคือรถติดแหงกอยู่หน้าบ้านผมแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงจนพวกเราใช้วิธีเดินแทนมอเตอร์ไซค์
เผลอแป๊บเดียวก็เป็นวันสุดท้ายของปีแล้ว ตอนแรกผมแพลนว่าจะขึ้นมาหาพ่อแม่เร็วกว่านี้แต่จองตั๋วรถไม่ทันเลยต้องเลื่อนจนมาถึงวันสุดท้ายพอดี กลับถึงบ้านดื่มน้ำดื่มท่าไม่ทันหายเหนื่อยก็โดนแม่เฉดหัวส่งไปตลาดพร้อมตะกร้าจ่ายตลาดสีสะเหล่อ ๆ มาหนึ่งอัน เกี่ยงกันอยู่นานสุดท้ายไอ้ภคินก็ยอมถือให้
“ขากลับมึงถือไง เจ๊ากันไป”
“เจ๊าพ่อง ขากลับมันก็หนักกว่าสิวะ”
“เอ้า!ฉลาดเป็นด้วย” ผมสัมผัสได้ถึงเส้นเลือดข้างขมับที่เต้นตุบ ๆ ก่อนสมองจะประมวลผลให้แย่งตะกร้าในมือมันมา
“งะ...งั้นกูถือขาไป”
“ถือทำไมอะ แล้วมึงจะใช้อะไรเดิน”
“มุกมึงกากมากกกกกกกกก” ผมงงอยู่นานก็จะเก็ทมุกมัน เล่นมาได้! “เอามาเลย”
ภคินดึงตะกร้าไปไว้อีกฝั่งก่อนหันมายักคิ้วแสยะปากกวนส้นตีนแบบที่มันชอบทำ “อยากได้ก็มาแย่งสิ”
“อย่าบอกว่ามึงจะชูขึ้นไว้บนหัวแล้วให้กูกระโดดแย่งนะ มุกน้ำเน่าละครไทยแบบนั้นอย่ามาเล่นว้อย!!”
“ฟังแล้วรู้เลยว่ามึงติดละคร” ภคินยักไหล่ ก่อนจะเอาตะกร้าออกมากาง “อ๊ะ! เอาไป”
สวบบบบบบบบ ตะกร้ากลิ่นคลุ้งเนื้อสัตว์และคาวปลาเสียบลงมาโดยมีหัวผมอยู่ตรงกลาง ไอ้ภคินเอื้อมมือมาตบปุ ๆ ตรงก้นตะกร้า “เหมาะดีจริง ๆ ”
“ไอ้ภคิน!!”
ผมถอดตะกร้าออกจากหัวแล้วไล่เตะมันจนชาวบ้านแถวนั้นแหวกทางให้ไปอย่างง่ายดาย กว่าจะถึงตลาดก็เหงื่อท่วมตัว ผมไล่รายการของที่แม่ฝากซื้อแล้วเริ่มตระเวนตามล่า ด้วยความที่ไอ้ภคินมีรูปเป็นทรัพย์มันจึงใช้เหง้าหน้าของมันเจ๊าะแจ๊ะสาวใหญ่ในตลาดจนได้ของถูกของแถมมาเยอะแยะ โชคดีที่เป็นคิวมันแบกของไม่ใช่ผมไม่อย่างนั้นคงปวดไหล่แย่
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงพวกผมก็ต่อนยอนกลับถึงบ้านอย่างสงบ ตีกันจนหมดแรงจะเถียงกันแล้ว เข้าบ้านไปก็เห็นแม่เริ่มเอาเสื่อสาดมาปูที่ลานหน้าบ้าน ไอ้เชอร์กลับมาแล้วรีบเข้ามาประจบประแจงพี่คินของมันยกใหญ่ รินน้ำเย็น ๆ มาให้ปล่อยพี่มันดื่มของเหลือก้นแก้วจากไอ้พระเอกอีกที
สมาชิกครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแม่เลยต้องเตรียมอาหารเยอะเป็นพิเศษ แน่นอนว่างานเลี้ยงฉลองมันก็ต้อง.....
แท่น แทน แท้น หมูกระทะ....
ไม่ว่าสอบเสร็จ สอบติด สอบซ่อม งานบวช งานแต่ง งานราช งานหลวง ไว้ใจหมูกระทะได้เลย!!
ผมโดนเฉดหัวมาล้างผักในครัว ฟังสาว ๆ เขาเม้าท์เรื่องดารากัน ส่วนไอ้ภคินโน่นนนนนน ไปทุบถ่านเตรียมเตาอั้งโล่กับพ่อผมด้านนอก ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง น่าห่วงจนผมต้องชะโงกหน้าไปดูเป็นครั้งคราว
“น่าเป็นห่วงพี่คินนะคะแม่” ไอ้เชอร์เสือกมาจับไต๋ผมได้ จีบปากจีบคอพูดใหญ่ “ไม่รู้จะโดนพ่อกลั่นแกล้งอะไรบ้าง”
“พ่อเราก็พูดให้แม่ฟังอยู่เหมือนกันนะ ว่าไม่ค่อยถูกชะตาน้องคินเขา” ผมแสร้งทำหูทวนลมทั้งที่ต่อมเสือกกางใบหูแทบจะไปชนหน้าแม่อยู่แล้ว “แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม น้องคินออกจะน่ารัก นิสัยดี”
“เฮ้อออออออออออออออ” ถ้าให้ผมโหวต เสียงถอนหายใจของไอ้เชอร์ควรติดอันดับการเสแสร้งของโลกเป็นลำดับต้น ๆ เสียด้วย “พ่อก็บอกหนูเหมือนกันว่าถ้าเจอจะจัดการให้หงอยเลย”
มือที่กำลังถูผักกาดขาวของผมชะงักไปเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนว่าแม่ที่ลอบสังเกตการณ์เห็นแน่ ๆ “น่าสงสารน้องคินจังเลยน้อ”
เชอร์พยักหน้า “เนี่ยแหละน้า เขาว่าพ่อตาลูกเขยมักไม่ถูกกัน”
“น้อย ๆ หน่อยไอ้เชอร์ ชีวิตจริงไม่ใช่ละครเฟ้ย” บ้านผมมันชักจะเป็นสายละครเข้าไปใหญ่แล้ว น่าแอบไปตัดสายไฟให้ทีวีเจ๊งให้รู้แล้วรู้รอด จะได้เลิกดูอะไรไม่ประโลมโลกสักที “แม่ก็พอกันเลย”
“ว่าแม่อีก บาปปปปปปปป” แม่ง้างทัพพีขู่ผม ดูสิลูกชายบ้านนี้มันพลเมืองชั้นสองขนาดไหน ถูกกระทำพอเอาคืนบ้างก็โดนด่าทอ ยิ่งพูดยิ่งอยากเอาหน้าซุกผักกาดตาย ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอด
ยิ่งมาได้ยินเสียงหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ ของสองสาวต่างวัยยิ่งทำผมหน้าม้านคว้ากะละมังลุกขึ้นหนี “ผมไปเปลี่ยนน้ำใหม่นะแม่”
“ตามสบายจ้าพ่อลูกชาย” แม่หัวเราะในลำคอ “แวะไปดูสภาพน้องคินของแม่ด้วยนะ ทางผ่านนี่”
“ไม่!!”
ผู้หญิงบ้านนี้มันอะไรกัน เห็นลูกชายเป็นของเล่นเรอะ!! ผมเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงผ่านลานบ้านที่พ่อกับไอ้ภคินอยู่ไปอย่างรวดเร็ว แต่บังเอิ๊ญ!บังเอิญ ขอย้ำว่าบังเอิญจริง ๆ ครับ! ผมไม่ได้เงี่ยหูฟังเลยสักนิด คือมันลอยมาเข้าหูเองจริง ๆ ไอ้ผมน่ะไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นจะไปสนใจทำไม....
“พัดแฮง ๆ เล๊าะ”(พัดแรง ๆ สิ) พ่อนั่งกอดอกอยู่บนพื้นสั่งเสียงแข็ง “บ่ตันเฒ่าหยังมามีแฮงตะอี้”(ยังไม่ทันแก่ทำไมมีแรงแค่นี้)
“ครับพี่ภูมิ” พรึ่บบบบบบบบ....ไอ้ภคินกระพือด้วยแรงกรรมกรทีเดียวหน้าพ่อผมดำเป็นหมิ่นหม้อเลยครับ “แรงพอหรือยังครับ”
“แค่ก ๆ ๆ มีแฮงตะเอ้ยก๋าไอ้หนุ่ม”(มีแรงแค่นี้เรอะไอ้หนุ่ม)
“ครับพี่!! ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ตกลงพ่อกูหรือมันที่บ้าวะ..... “หึ...แค่ก ๆ ๆ ๆ ๆ ” พ่อแสยะยิ้มพร้อมสำลักถ่านเล็กน้อย แสร้งเก๊กหน้ามาเฟีย “ไอ้หนุ่ม”
“ครับ” ภคินตอบรับขณะมือยังพัดพั่บ ๆ ไม่หยุด อีกนิดกูว่ามึงจงใจฆาตกรรมพ่อกูแล้วล่ะ
“เมียอ้ายบ่ว่าอะหยัง บ่ได้หมายความว่าอ้ายบ่ว่าเน้อ”(เมียพี่ไม่ว่าอะไร ไม่ได้หมายความว่าพี่จะไม่ว่านะ)
ผมเห็นมือไอ้ภคินชะงักไปเล็กน้อยทำเอาหัวใจกระตุก พ่อพูดขนาดนี้แปลไม่ยากเลยว่ายังไม่ยอมรับภคินทั้งหมด เรื่องแบบนี้คนเป็นพ่อคงทำใจลำบากสินะ
ริมฝีปากบางค่อย ๆ ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย เอ่ยตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ผมรู้ครับ” พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ บทสนทนาจบลงในความเงียบสงัด มีแต่เพียงเสียงพัดเตาไฟอย่างรุนแรง และใบหน้าของพ่อผมที่ดำยิ่งกว่าโดนราหูอม
ชัดเลย มึงจะฆ่าพ่อกูแน่ ๆ .................................................................
......................................
..................
..........
“รินมาเล๊าะ”(รินมาเลย)
“ครับพี่ภูมิ” มือขวารีบเทอย่างกระตือรือร้น “ชงเข้ม ๆ แบบที่พี่ภูมิชอบเลยครับ”
พ่อยกเป๊กเหล้าขึ้นกระดกก่อนส่งเสียง “ข่า~~~~~~~” พ่อยกนิ้วโป้ง “ถูกใจ๋อ้ายแต้ ๆ ”(ถูกใจพี่จริง ๆ )
“ถั่วปากอ้ามั้ยครับพี่ เดี๋ยวผมแกะให้”
“มา ๆ ๆ ๆ แหม่ ฮู้ใจ๋แต้ ๆ ”(รู้ใจแท้ ๆ )
เหล้าเข้าปากปุ๊บพ่อก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทันที.... ไอ้ที่ตีหน้ายักษ์ข่มขู่ไอ้ภคินเมื่อตอนเย็นหายวับแปลงร่างเป็น ‘พี่ภูมิ’ ผู้ใจดี น่ารักฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว ชนแก้วกันรัว ๆ ยิ่งกว่าเสียงพลุบนฟ้าอีก ไอ้ภคินเห็นช่องยิ่งเอาใจใหญ่เลียแข้งเลียขาจนหน้าแข้งพ่อผมกร่อนไปถึงกระดูกแล้วมั้ง
“พ่อเมาใหญ่แล้ว พอเลยนะลำบากน้องคินเขา” แม่รีบออกตัวมาปกป้องพระเอกสุดที่รัก “น้องคินไปนั่งตรงนู้นเถอะลูก มัวแต่ชงเหล้าให้พ่อก็ไมได้กินเนื้อกันพอดี”
“โหแม่ ไม่ต้องเรียกมันมาแย่งของผมเลยนะ”
“พี่ไปป์ตะกละ!”
“เนื้อเต็มปากยังมีหน้ามาว่าพี่อีกเรอะ!!” ไอ้น้องไม่รักดี!! ไอ้น้องทรยศ! “ตั้งแต่เปิดเตานี่ไม่วางตะเกียบเลยนะ ไหนว่าลดความอ้วน?”
“ปีใหม่มันก็ต้องฉลองให้ตัวเองสิ” ไอ้เชอร์ด่ากลับเนื้อแทบกระเด็นออกมาติดหน้าผม ดูสภาพมันสิ....หน้ามันแผลบ หัวงี้เหม็นกลิ่นหมูกระทะสุด ๆ อยากจะเรียกไอ้หนุ่มหน้าจืดแฟนมันมาดูซะจริงจริ๊ง
ผมเท้าคางมองหน้ามัน “อ้วน”
“ปากเสีย”
“อ้วน”
“พี่ไปป์!!”
“อ้วน อ้วน อ้วน”
“พี่คินจัดการให้หน่อยค่ะ”
“หยุด!! ไม่ต้องเลยนะ!” ผมตั้งการ์ดป้องกันการโจมตีไว้ล่วงหน้าตอนที่ไอ้ภคินหย่อนตูดลงข้าง ๆ มันยักคิ้วทักทายผมทีหนึ่งก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวผมแรง ๆ “โอ๊ย ๆ ๆ พอ ๆ ๆ ผมยุ่งหมดแล้ว”
“ผมมึงยุ่งตลอดเวลาต่างหาก ถามจริงเลี้ยงเหาเปล่าวะ” ไอ้เลว! โคตรหยาบคาย!!
“เลี้ยงพ่อง” ผมปัดมือมันทิ้ง จะด่าเรื่องผมมันกลับก็ไม่กล้า ไอ้ภคินผมนิ่มคุณภาพดีแต่แค่ไม่ค่อยสระเท่านั้น
“ไหน ๆ ชิ้นไหนสุกแล้วมั่ง” มาถึงก็หาเรื่องแดกทันทีครับ มันง้างตะเกียบสำรวจพื้นที่บนเตาทันทีก่อนจะพุ่งเข้าไปโจมตีชิ้นตรงหน้าผม
“นั่นของกู!” ผมแว้ดขึ้น ยอมได้ไงชิ้นมันหนาปิ้งมาตั้งนาน “มึงไปเอาชิ้นใหม่มาปิ้งเลย”
“ได้”
ควับ! มันโยนเนื้อของผมเข้าปากก่อนจะวางเนื้อดิบลงแทนที่ตำแหน่งนั้น....
“ไอ้....”
“ภคิน” มันต่อให้จบประโยค ยกยิ้มกวนประสาทอันเป็นโลโก้ “อร่อยจังเลย อร่อยจังเลย”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก! มึงนี่มัน.....”
“น่ารัก?”
“น่าตื๊บเฟ้ยยยยยยยยยยย”
มันเอามือปัด ๆ “อื้อหือ.....กระเด็นเต็มหน้าเลย”
ผมรีบปิดปาก แม่มเอ๊ย!! เสียเซลฟ์ กูไปพ่นน้ำลายใส่หน้ามึงตอนไหน ผมแยกเขี้ยวขู่มัน
“พริกติดฟันหน้าอะ”
“โว้ยยยยยยยยยยยย เอ้า! อยากแดกก็แดกกกกก เชิญ! แล้วก็เงียบเลยนะไม่ต้องมายุ่งกับกู” ผมคีบเนื้อบนกระทะยัดใส่ถ้วยมัน สุกดิบไม่รู้ ขอแค่อุดปากมันได้ชั่วครั้งชั่วคราวก็พอ
ไอ้ภคินก้มหน้าก้มตาโซ้ยของสุก ๆ ดิบ ๆ เหมือนผีปอบ ดูท่ามันจะหิวไม่น้อยเลยเพราะมัวแต่ไปเอาอกเอาใจพ่อ เห็นแล้วสมเพชเวทนาจนต้องช่วยย่างแล้วคีบใส่ถ้วยให้มันบ้าง
ผมแสร้งทำเป็นเมินสายตาของไอ้เชอร์ที่แทบจะทิ่มทะลุร่าง ไอ้เชอร์เอ๊ย! จะแอบมองอะไรก็เอาให้มันเนียน ๆ หน่อย หรือไม่ต้องมองเลยก็ได้เฟ้ย กูเกร็งจะตายอยู่แล้ว! เหงื่อนี่แทบหยดแหมะ ๆ ลงหม้อ ไอ้ครั้นจะหันไปถามว่า ‘มีอะไรก็พูดสิวะเชอร์’ ก็กลัวว่ามันจะพูดอะไรให้พี่มันอายแทรกแผ่นดินอีก
บรรยากาศระหว่างพี่น้องเริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับสงครามเย็นของคนแอบมองกับคนทำเป็นไม่เห็น มือที่คีบหมูเริ่มสั่นกึ่ก ๆ เหมือนคนความความผิด
ปัง! พลุดวงเบ้อเร่อระเบิดขึ้นกลางฟ้าเข้ามาช่วยชีวิตผมไว้ มันดึงดูดความสนใจของทุกคนไปหมด พวกเราเงยหน้าขึ้นมองแสงสีแดงบนนั้น แต่นี่เพิ่งเริ่มต้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหวตามมาติด ๆ กระจายแสงไฟไปทั่วฟ้า ทั้งสวยงามแต่ก็น่ากลัวในบางที
แม้แต่พ่อที่ดูเมาบ้า ๆ บอ ๆ ยังหยุดแกะถั่วปากอ้ามานั่งเอนหลังพิงกระติกน้ำแข็งดูพลุเลย ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงก่อนจะข้ามพ้นปี แต่พวกบ้านี่ก็ซ้อมยิงกันก่อนสินะ โอ๊ะ! ไม่ได้ ๆ งานดี ๆ ผมจะไปปากเสียด่าชาวบ้าน ส่วนด่าไอ้ภคินเป็นเรื่องปกติจึงไม่นับ
“งามน่อ”(สวยเนอะ) พ่อพูดเสียงอ้อแอ้นิดหน่อย อย่างว่าแหละคอแข็งจะตาย
“ไอ้สวยมันก็สวยแต่หนวกหูด้วยอะพ่อ”
“ไอ้น่อย ยะเปิ้ลเสียบรรยากาศกั๋นหม๊ด”(ทำเขาเสียบรรยากาศกันหมด) พ่อโยนซากเปลือกถั่วใส่ผม ใช่สิ...ไอ้ไปป์มันหมาหัวเน่า
“โอเคพ่อ พลุซ๊วยสวย อลังการดาวล้านดวง เปรี้ยงปร้างสว่างไสวตราตรึงใจไปทุกที่เลยพ่อ”
“ไอ้วอกน่อย!”
แป๊ก... คราวนี้ไม่เปลือกละ เม็ดถั่วเน้น ๆ ดีดอัดกลางหน้าผมเลย อูยยยยย ผมยกมือลูบหัวป้อย ๆ ยังไม่ทันง้างปากตัดพ้อ พ่อก็พูดแทรกขึ้นมา
“ปี๋นี้อยู่กั๋นพร้อมหน้าพร้อมต๋าเนอะ” พ่อยิ้ม “ป้อก่อดีใจ๋เน้อ”
ผมถูจมูก โธ่...พ่อจะมาทำซึ้งอะไรตอนนี้
“กึ๊ดเติงหาลูกบ่าวคนเก๊ามันก่อปึ๊กมาหาโตย เออ ๆ ฮานี่โชคดีอีเฮ้ย”(คิดถึงลูกชายคนโตมันก็กลับบ้านมาหา กูนี่โชคดีจริง ๆ ) พ่อบีบเปลือกถั่วในมือ
“พาบ่าวมาแหม”(พาผู้ชายมาด้วย)
“แค่ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” น้ำลายแทบพุ่งลงหม้อ ผมรีบลนลาน “พะ...พ่อ...เปลี่ยนเรื่องป๊ะ”
“เปลี่ยนยะหยัง”(เปลี่ยนทำไม)
“กะ....ก็มันแบบ...”
“ไอ้หนุ่ม” พ่อหันไปเรียกไอ้คนไม่มีสายเลือกเดียวกันก่อนจะตบปุ ๆ ข้าง ๆ ตัว “มานี่เล๊าะ”(มานี่สิ๊)
ไอ้ภคินที่กำลังปอบลงค่อย ๆ วางชามลงบนเสื่อแล้วท่อดแท่ดตูดอย่างกระตือรือร้นมาหาพ่อผม ดูมันอยากจะพูดประจบอยู่แต่ติดตรงยัดห่าซะเต็มปาก “อี้อูมมีอะไออับ”(พี่ภูมิมีอะไรครับ)
“อ้ายเปิงใจ๋คิงเน้อ”(พี่ถูกใจน้องนะ) พ่อตบบ่ามันปุ ๆ “คิงมันช่างเอาอกเอาใจ๋”(น้องน่ะชอบเอาอกเอาใจ)
เชดดดดดดดดดดดดดด นี่พ่อถูกใจความตอแหลแบบมวยวัดของไอ้ภคินเหรอ!! ไร้ชั้นเชิงในการประจบสิ้นดี!! “อ้ายเจื้อว่าคิงดูแลลูกอ้ายได้”(พี่เชื่อว่าน้องดูแลลูกพี่ได้)
“พอก่อน!! พูดซะอย่างกับผมเป็นไอ้เชอร์” ผมโบกมือโวยวาย “อีกอย่างมันประจบแค่พ่อหรอก มันดูแลผมที่ไหน”
“เอ้า! หางานให้กูอีก” ไอ้ภคินพึมพำแล้วหันไปแก้ตัวกับพ่อ “มันเป็นสไตล์น่ะครับพี่ภูมิ”
“สไตล์พ่อง!!!” ผมเห็นแม่โบกทัพพีขู่กลาย ๆ ว่าอย่าพูดคำหยาบ เห็นแล้วต้องรีบเอามือปิดปากก่อนจะโดนทัพพีลอยฟ้า
“อ้ายก่อบ่อฮู้ สูเขาผ่อกันอย่างใดหันแขนเขวเป๋นจ้ำเป็นจ้ำ”(พี่ก็ไม่รู้พวกเอ็งดูแลกันยังไงเห็นแขนเขียวเป็นจ้ำ ๆ ) พ่อยังเรียกแขนเขียวเป็นจ้ำ ๆ ว่าการดูแลอยู่อีกหรือ....ผมได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าออกปากถาม “อ้ายก็บ่ค่อยเข้าใจ๋สูเขา”(พี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ)
พ่อสูดหายใจ อึกอักสักพักถึงจะพูดมันออกมา “แต่หันไอ้ไปป์มันไค่หัวต๊องกั๊ดต๊องแข็งละป้อก่อมีความสุข”(แต่เห็นไอ้ไปป์มันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังแล้วพ่อก็มีความสุข)
“เลี่ยนน่าพ่อ” บ้าจริง ครอบครัวผมเป็นพวกบ้า ๆ บอ ๆ ไม่พูดจาเลี่ยน ๆ แบบนี้สักหน่อย พ่อทำผมไปไม่เป็น ต้องแสร้งทำเป็นก้มหน้ากลับเนื้อบนกระทะไปมา ทำจมูกฟุดฟิดลดอาการแสบ ๆ ....ผมไม่ใช่พวกต่อมน้ำตาตื้นหรอกนะ
แต่มันเป็นความรู้สึกซาบซึ้งจนพูดไม่ออก.... “ขอบคุณครับพี่ภูมิ” หูผมได้ยินเสียงภคินตอบแค่นั้นก็ทนไม่ไหวจนต้องขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ
กลับมาอีกทีเสียงพลุดังขึ้นอีกระรอก ไม่นานเราก็จะข้ามผ่านปีนี้ไปด้วยกัน กับครอบครัว กับคนที่ผมรัก....
เข็มยาวเดินมาบรรจบเข็มสั้นในวินาทีนั้นพลุที่สวยที่สุดถูกยิงขึ้นฟ้า เสียงดังก้องกังวล กระนั้นก็ไม่ดังไปกว่าเสียงคนข้าง ๆ ที่หันมาพูดพร้อมกัน
“สวัสดีปีใหม่”.......................................................................
...........................................
...................
.........
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำเนื้อตัวเบาสบายแม้เส้นผมจะเหม็นกลิ่นหมูกระทะ ก็คนมันขี้เกียจสระไหนจะต้องรอผมแห้งอีกไว้พรุ่งนี้เช้าเลยแล้วกัน เหลือบมองนาฬิกาบนข้างฝาก็พบว่าเวลาล่วงเลยมาเกือบตีสองแล้ว ถึงกระนั้นพลุเวรตะไลนั่นก็ยังระเบิดปัง ๆ บนหัวผมไปเลิกรา เอาวะ....ไหน ๆ ก็นอนไม่ได้แล้วไปดูมันสักหน่อยจะเป็นไรไป
กลอนหน้าต่างถูกดันขึ้นแล้วผลักออกเพื่อรับลมหนาวในตอนกลางคืน ช่างเป็นฤดูที่ประหยัดไฟดีจริง ๆ ผมนั่งเท้าคางลงกับกรอบหน้าต่างจ้องมองดวงไฟดวงแล้วดวงเล่าหายวับไปกับตาพร้อมเสียงอื้ออึงในใบหูจนไม่รู้ว่ามีใครอีกคนเข้ามายืนด้านหลัง
สองแขนสอดเข้ามาข้างเอวก่อนจะดึงเข้าไปรวบกอด ใบหน้าคมคายที่คุ้นเคยเกยคางลงมาที่บ่าขวาของผม จมูกโด่งซุกเข้ากับเส้นผมแล้วเลื่อนไปจูบตรงใบหู พร้อมกระซิบคำหวาน
“เหม็นหมูกระทะว่ะ”
หวานพ่องงงงงงงงงงงงงงงง “เหม็นก็ออกไปสิวะ” ผมไม่ได้ตัดพ้อนะ แต่มันเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกที่สุดไม่ใช่เรอะ “พูดเหมือนมึงสระผม”
“ก็ไม่ได้บอกว่าหัวกูไม่เหม็นนี่” ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอยู่ด้วยกันได้ มีสกิลโสโครกพอกันนี่เอง “คราวหน้ากูจะลองใส่หมวกอาบน้ำกินหมูกระทะดู”
“เอาที่มึงสบายใจเลย แต่อย่ามานั่งข้างกูก็พอ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ” มันถูหัวที่กลิ่นแรงพอกันเข้ากับผม คล้าย ๆ หมาตัวใหญ่เอาหัวมาไถเวลาคัน ชอบทำแบบนี้ทุกทีเวลาจะอ้อน
ลมวูบหนึ่งโบกเข้ามาในห้องร่ำร้องให้ผมสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดรู้สึกหนาวขึ้นมาจนต้องห่อตัวกอดตัวเอง พอเห็นแบบนั้นภคินก็ยิ่งรัดผมแน่นขึ้น
เสียงทุ้มเอ่ย “คิดถึงตอนนั้นเนอะ”
ผมหลับตาลงอย่างผ่อนคะ...
“ที่มึงเสียตัว....แอ่กกกกกกกกกกกกกก” เสียงด้านหลังคือมันแดกศอกผมแทงเข้าไปเต็มรัก ของที่ยัดห่าเข้าไปแทบย้อนศรออกมา “แค่ก ๆ ๆ ก็ตอนปีใหม่ที่....”
“หยู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หยุด หยุด หยุด มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!!” แม่งเอ๊ยยยย รูป รส กลิ่น เสียงย้อนวาบ ๆ เข้ามาในหัวกูไม่หยุดเลยไง “จำได้แล้ว ไม่ต้องทวนโว้ยยยยยย”
“ตอนนั้นมึงน่ารักมากเลยนะ”
“ไอ้เหี้ย!” ตัวแรกของปีคลานออกมาจากปากผมแล้วเรียบร้อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ชีวิตไอ้วิรัลมันดี๊ดีจริง ๆ ผมยกมือขึ้นพยายามปิดปากพล่อย ๆ และถ้ามันยังไม่หยุดอาจต้องปิดด้วยเลือดที่มันกลบปากแทน
“โอเค ๆ ” มันยกมือยอมแพ้ “ไม่ล้อแล้วก็ได้”
“..........”
“แต่น่ารักจริง ๆ นะ” ชิ้งงงงงงงงงงงงงง ผมส่งสายตาพร้อมง้างแขน “ชมก็ผิดอีก”
อ๋อเหรอออออออ กูว่ามึงไม่ได้ตั้งใจชมกูนะ ตั้งใจให้กูอายชัด ๆ !! แล้วก็ดันทำสำเร็จด้วยหน้าเน้อผมที่ร้อนฉ่า ๆ ยิ่งกว่าเตาย่างหมูเมื่อกี้อีก ผมพยายามซุกหน้าลงกับบ่าตัวเองแต่ก็ค้นพบว่ามันเป็นการกระทำที่โง่ไม่ต่างกับหมาไล่งับหางตัวเอง
ไอ้ภคินยิ้มยั่วพลางจับหัวผมหันไปทางมัน “ผ่านไปอีกปีแล้ว”
“เออแม่ง ปวดหัวฉิบหายตลอดปี ขึ้นปีใหม่ปุ๊บกูปวดต่อเลย”
“มึงนี่เลิกทำลายบรรยากาศโรแมนติกได้ไหม กูแม่งกำลังบิวด์อยู่” ว่าแล้วมันก็ตบหัวผมเข้าไปป้าบหนึ่ง ไอ้ห่า....โรแมนติกจนเห็นดาวเลย
“...........” ผมเงียบใส่รอว่ามันจะบิวด์ยังไงต่อ
“ผ่านอะไรมาเยอะเนอะ” มันว่าพลางสอดปลายนิ้วเข้ามาประสานกับผม “มึงน่ะด่ากูตลอดปีเลย บ่นอย่างกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน”
“เดี๋ยว...ตกลงมึงจะด่ากูรับปีใหม่?”
“ใครว่าล่ะ” มันยกมือผมขึ้นจูบบนหลังมือ “กูเป็นโรคจิต กูชอบ สนุกดี”
แม่งเอ๊ยยยยยยยยยย เป็นวิธีบิวด์ความโรแมนติกที่เหี้ยมาก และเหี้ยยิ่งกว่าภคินคือผมเขินจนแทบหน้าไหม้ หลบตาจนลูกตาแทบพลิกกลับเข้าไปในกะโหลก
ภคินถูหน้าลงกับผมสาก ๆ เหม็นหมูกระทะของผมของเมามัน สูดดมหืดหาดอย่างโรคจิต “อยู่กับมึงแล้วมีความสุขว่ะ”
“มึงบอกกูหลายรอบแล้ว”
“อยู่กับกูอีกปีนะ” มันจูบลงที่หลังคอ “แล้วปีหน้าก็จะขออีก”
จูบอีกครั้ง“ขอเรื่อย ๆ”
อีกครั้ง“เรื่อย ๆ ...”
ลมร้อนเป่าลงที่ต้นคอ “ได้ไหมล่ะ?”
“จะ....ถามอะไรมากมายวะ” ผมหดคอหนี
“ไม่อนุญาตมึงก็หน้าด้านอยู่แล้วนี่” ภคินยิ้มคราวนี้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นริมฝีปาก
“งั้นก็อยู่กับไอ้หน้าด้านไปอีกปีแล้วกันนะ”-----------------------------------------------------------
มาสวัสดีปีใหม่แบบเลทๆอย่างรุนแรงนะคะ หวังว่าจะมีคนคิดถึงไอ้คู่รักเกรียนๆอยู่นะคะ555
ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับคนอ่านทุกคนนะคะ
แล้วก็ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านกันเสมอนะคะ

ป.ล.ยังไม่ได้เปิดเรื่องใหม่เลยค่ะ ไม่มีพล็อทเลย แต่ไม่ต้องห่วงค่ะเปิดเมื่อไหร่จะมาโปรโมทนะคะ 5555 (แย่มาก....)