Room 19
ผมอ้าปากค้างกับเหตุการณ์จริงที่ยิ่งกว่าฉากละครตรงหน้า จนไอ้ฟาร์ต้องมาดันคางขึ้นให้หุบปาก รู้สึกเหมือนตัวสั่น ๆ ทำอะไรไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่มันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมด้วยซ้ำ ตรงข้ามกับเพลงที่บอกพี่ตากล้องว่าขอตัวไปโบ๊ะแป้งก่อน เพราะแก้มข้างที่เธอโดนตบมันแดงเรื่อขึ้นเป็นรอยมือ เธอกลัวจะถ่ายรูปออกมาไม่สวย...
ตกลงผมประหลาด หรือ เธอประหลาด ?? ตอนนี้ประเด็นในงานกลายเป็นเรื่องของเหตุการณ์เมื่อกี้ไปหมดแล้ว ผมได้ยินแต่เสียงซุบซิบนินทาดังมาเป็นระยะ ๆ ฟาร์ลากผมลงมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม หน้าตามันดูเป็นกังวลมาก
“ไปป์...มึงเป็นอะไรเปล่าวะ”
“ไม่...กูจะเป็นอะไรได้ไงวะ ไม่ได้โดนตบซะหน่อย”
“เชี่ย...หน้ามึงโคตรซีดอะตอนนี้”
มันเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับ ๆ เหงื่อที่ขมับให้ผม ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองอ่อนแรงขนาดนี้ มันกังวลไปหมดจนผมแทบอยากจะวิ่งตามสองคนนั้นไปด้วยซ้ำ... ตาผมจับจ้องไปที่ประตูทางออก...
จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ???
ภคินมันจะทำยังไงต่อไป ?? มันจะคืนดีกับแอมได้มั้ย ?? ...
พอคิดมาถึงตรงนี้มันก็ปวดหนึบตรงใจขึ้นมา...
ยังไงเขาก็เป็นแฟนกัน เรามันไม่เกี่ยวอะไรด้วยซ้ำ...
ยิ่งคิด... ภาพแผ่นหลังที่วิ่งออกไปก็กลับเข้ามาในหัวทุกที
ฟาร์วิ่งไปกดน้ำเปล่ามาให้ผมดื่ม... ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย มันทำเป็นชวนผมพูดไปเรื่อยเปื่อยนินทาคนนั้นคนนี้ แต่ถึงยังไงผมก็รู้ครับว่ามันไม่อยากให้ผมคิดเรื่องนั้น ผมก็พยายามจะไม่คิดแล้วนะ... แต่มันก็อดไม่ได้ทุกทีเลย...
ผมบอกมันว่ารู้สึกมึน ๆ หัวอยากกลับบ้านแล้ว ฟาร์มันรีบกุลีกุจอลากแขนผมไปขึ้นรถถึงที่ ถึงขั้นกล้าเดินผ่านหน้าเจ๊สมศักดิ์ที่ปกติแล้วมันจะไม่เฉียดเข้าไปใกล้เลย ฮอนด้าซีวิคสีขาวของป๊ามันก็ค่อย ๆ หมุนล้อออกมาจากโรงแรม ใช้เวลาราว ๆ 20 นาทีมันก็มาจอดที่หน้าหอผม
“ไปป์...ไปนอนบ้านกูมั้ย”
“กูยังไม่ได้เก็บของเลยว่ะ พรุ่งนี้กูกลับบ้านแล้ว...” มันเอามือเคาะพวงมาลัยเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่พูดออกมาสักที “ฟาร์...มึงไม่ต้องห่วงกูดูแลตัวเองได้” ผมยิ้มให้แล้วเอามือยีหัวเห็ดของมันเบา ๆ มันก็พยักหน้าตอบรับ
“มีอะไรโทรหากูด้วยนะ” พอเห็นผมยิ้มมันก็ยิ้มตาม “เดินทางปลอดภัยนะมึง พรุ่งนี้ถึงเชียงใหม่แล้วโทรหากูด้วย”
“โอเค...มึงขับรถกลับบ้านดี ๆ นะ”
หลังจากล่ำลากันแล้วผมก็เดินขึ้นไปชั้นสาม ไขประตูห้อง 330 เข้าไปเพื่อเจอกับความมืด... วูบนึงที่รู้สึกว่าหัวใจกระตุก อยากจะหัวเราะกับตัวเองที่คิดอะไรโง่ ๆ ว่าคน ๆ นั้นจะกลับมารออยู่ที่ห้องแล้ว...
ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาคว้าพี่เดียวดายมากอดไว้ เหมือนต้องการความอบอุ่นจากอะไรบางอย่าง จ้องเข้าไปในแววตาพี่เดียวดายที่สะท้อนภาพตัวเองในตอนนี้มันช่างดูไม่จืดจริง ๆ ... สงสัยกูจะเป็นคนบ้าในโรง’บาลอย่างที่มึงบอกจริง ๆ ซะแล้วมั้งภคิน...
การได้จ้องมองตัวเองนาน ๆ ก็ทำให้จิตใจเริ่มสงบลง... ผมจูบจมูกขอบคุณพี่เดียวดาย กอดรัดฟัดเหวี่ยงเป็นครั้งสุดท้ายเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับบ้านแล้ว ผมคงไม่มีปัญญาขนพี่เดียวดายกลับไปด้วย แม้จะคิดถึงแค่ไหนก็เถอะ... พี่เดียวดายทำให้ผมสงบจิตใจได้ทุกครั้ง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมรักพี่ได้ไงล่ะ...
ผมใช้เวลาเก็บเสื้อผ้าสักพักนึง ไม่ได้ขนอะไรไปมากมายครับ เอาแค่ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวกับเสื้อผ้านิด ๆ หน่อย ๆ ที่เหลือผมไปยืมพ่อใช้ก็ได้ สรุปว่าสัมภาระทั้งหมดสามารถยัดลงเป้ใบใหญ่ ๆ ได้หนึ่งใบ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ผมก็เลยไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมเข้านอนแล้ว...
หลังจากล้มตัวนอนผมก็พยายามข่มตาให้หลับ แต่มันก็หลับไม่ลงสักที ตลกดีเหมือนกัน ปกติก็นอนคนเดียวมาตั้งนานแล้วแท้ ๆ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ทำไมพอมีใครอีกคนเข้ามาแบ่งพื้นที่ในชีวิตแล้วมันกลับเปลี่ยนไป... ผมไม่สามารถข่มตานอนคนเดียวได้
มือขวาของผมควานหาหมอนอีกใบที่ตอนนี้เจ้าของมันไปตายที่ไหนก็ไม่รู้ หืยยยยยยยยยยย... ไอ้บ้าเอ๊ย แม่งนี่ก็ล่อไปตี 2 แล้วนะ มึงไปตายที่ไหนวะ !!!
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกส์… ว่าแล้วก็ทุบตีหมอนด้วยความบ้าคลั่ง คิดซะว่าเป็นหน้ากวนส้นตีนของเจ้าของมันผมทุบไปสักพักจนเริ่มเมื่อยมือ ถอนหายใจอีกสักที... ทำไมกูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกทีวะ คุยกับตุ๊กตาหมีแล้วเสือกมานั่งทุบหมอนต่ออีก... เชี่ยไปป์ !!!! มึงเป็นอะไรวะ !!!!!
ผมล้มตัวลงนอน หลังออกกำลังกายพอให้เหงื่อออกนิด ๆ ก็เริ่มนอนได้สบายขึ้น ยังไม่ลืมที่จะคว้าหมอนมากอดเอาไว้ด้วย...
กลิ่นจาง ๆ ที่คุ้นเคย... ทำให้ผมค่อย ๆ เคลิ้มหลับไป...
และตื่นมาพบกับที่นอนที่ยังคงว่างเปล่า ชวนให้หัวสมองด้านชาแต่เช้า... ทำไมมันไม่กลับ ไปทำอะไรกับใครรึเปล่า เฮ้อออออออออออออออ... ผมจัดการธุระส่วนตัวในยามเช้าเรียบร้อยก็แบกเป้ขึ้นหลัง อ๊อ... ไม่ลืมที่จะวางเงินค่าห้องเดือนนี้และเดือนที่เหลือ ผมแปะโพสอิทสีเหลืองไว้ที่หน้าประตู ยิ้มให้กับมันนิด ๆ ...
เอาล่ะ... กลับบ้านเราดีกว่า... .................................................................
.............................................
........................
........
ผมกำลังจะเป็นบ้า !!! ... ใช่ ต้องบ้าแน่ ๆ !!! ... ผมกำลังกดโทรศัพท์ยิก ๆ เป็นบ้าเป็นหลัง หลังจากกลับเข้าห้องมาได้ไม่นาน... และพบว่า... ไปป์กลับบ้านไปแล้ว...
นี่มันบ้ายิ่งกว่าเรื่องเมื่อคืนซะอีก !!!! แถมโทรไปเท่าไหร่เจ้าตัวก็ไม่ยอมรับอีก ก็เข้าใจนะว่าบนรถทัวร์ให้งดการใช้โทรศัพท์ แต่ถ้าคุยบ้างอะไรบ้างก็จะดีมากเลยนะ !!!!
ส่วนเรื่องเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอครับ... โอเค ผมจะเล่าให้ฟัง...
ผมวิ่งตามแอมออกมาอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำที่ปลอดคน โชคดีที่ผมคว้าแขนเธอไว้ได้ก่อนที่จะเข้าไปห้องน้ำหญิง ไม่อย่างนั้นคงได้ซวยต้องยืนรอแน่ ๆ
“คินทำแบบนี้กับแอมได้ไง !!! คินนอกใจแอม !!! ” เธอสะบัดแขนออกจากผมอย่างรุนแรง ใบหน้าสวยคมเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“แอม...แอมฟังผมพูดให้จบก่อนนะ” ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ผมกับเพลงเราเป็นเพื่อนกัน มันไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“เพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนั้น !! คินเห็นว่าแอมโง่มากเหรอ นี่ถ้าแอมไม่มาทำงานของคณะแอมคงไม่รู้เลยใช่มั้ย!! ถึงคินจะไม่ได้ทำอะไรแต่คินก็ยอมให้นังนั่นจูบ คินรู้มั้ย มันทำให้แอมเสียหน้า !!! แอมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนถ้าชาวบ้านเขานินทาว่าแฟนแอมไปมีคนอื่น แถมยังออกหน้าออกตาซะขนาดนี้ !!!! ”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหลับตาเพื่อสงบสติอารมณ์...
“แอมก็รู้ว่าเพลงมันเป็นเพื่อนกับผมมานานแล้ว”
“ใช่ !!! ก็พอ ๆ กับที่คินสวมเขาให้แอมมานานแล้วนี่ไง ได้ !!! คินมีคนอื่นได้ อย่าคิดว่าแอมมีบ้างไม่ได้นะ”
“แอม...” ผมเอามือจับบ่าเธอ “นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ สงบสติอารมณ์ตัวเองก่อน”
“แอมไม่สงบอะไรทั้งนั้น !!! เรื่องนี้แอมไม่ผิด คินทำแบบนี้เพราะจะแก้แค้นที่แอมเคยทำไว้ใช่มั้ย แอมก็บอกแล้วนี่ว่าไม่ได้ติดต่อกับพี่เขาแล้ว ตอนนี้แอมมีคินแค่คนเดียว...” แววตาของเธอเริ่มสั่นระริกเหมือนว่าน้ำตาพร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อ... ผมถอนหายใจอย่างอ่อนแรง...
“แอมครับ ถ้าคบกันแล้วมันเหนื่อยขนาดนั้นเราก็น่าจะหยุดกันแค่ตรงนี้นะ”
“คินกำลังจะบอกเลิกแอม ?? เพราะนังนั่นใช่มั้ย บอกมาเพราะอิผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย” แอมถลาตัวเข้ามาทุบอกผมซึ่งผมก็ยืนเฉย ๆ ให้เธอตบตี ผมเหนื่อยเกินจะพูดอะไรแล้ว
ถ้ามีเธอไว้แล้วเธอจะเจ็บปวดแบบนี้ เรื่องของเรามันก็น่าจะจบลงได้แล้ว...
กับผู้หญิงคนนึงที่ผมพยายามจะมีความสุขด้วย แต่ในเมื่อปลายทางมันไม่เป็นอย่างฝัน แล้วจะฝืนต่อไปเพื่ออะไร
“ได้ !!!!!! แล้วคินจะต้องเสียใจที่เลิกกับแอม... แต่แอมขอบอกอะไรไว้สักอย่างนะ ที่แอมขอคินเป็นแฟนน่ะไม่ใช่ว่าเพราะคินเป็นคนดีอะไรหรอกนะ แต่เพราะคินดังมาก คินมันก็มีดีแต่หน้าตา !!!! นิสัยห่วยแตก !!!! คนอย่างคินน่ะไม่มีวันที่ใครจะมารักหรอก !!!!! ”
เพียะ !!!!!!!
ซีกหน้าด้านขวาของผมชาไปทั้งแถบ ด้วยฝีมือของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้า ผมหลับตายืนเฉย ๆ ยอมให้เธอตบ... สิ่งที่เธอพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
แอมยกยิ้มที่มุมปาก “เสียเวลาจริง ๆ แทนที่แอมจะหาผู้ชายที่ดีกว่านี้ได้”
ผู้หญิงผมยาวสลวยสะบัดหน้าใส่ผม แล้วเธอก็เดินกระแทกส้นรองเท้าจากไป ผมไม่คิดจะวิ่งไปตามอะไรอีกแล้ว มันควรจะจบแบบนี้แหละดีแล้ว...
“ยืมแป้งกูโบ๊ะหน่อยมั้ย” ผู้หญิงอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำ “ตบทีเดียวอยู่เลยมึง”
ผมแค่นยิ้มออกมา “กูว่าเอาอุทัยทิพย์ป้ายอีกข้างก็น่าจะบาลานซ์กันกว่านะ”
“กูป้ายเป็นลายห้านิ้วไม่เป็นว่ะ”
เพลงเดินมายืนเท้าเอวตรงหน้าผม ใบหน้าที่เคยมีรอยมือถูกกลบด้วยเครื่องสำอางไปหมดแล้ว ช่างเป็นความมหัศจรรย์ของผู้หญิงจริง ๆ
“มือหนักชิบหาย...แฟนมึงอ่ะ เอ๊ะ...หรือกูต้องพูดว่าแฟนเก่า” มันพูดจาเย้าแหย่ผม
“มันเพราะใครล่ะ”
“เพราะมึงบอกเลิกเขาไง ไม่เห็นจะต้องเพราะใคร”
ผมถอนหายใจ “มึงนี่กวนตีนกูได้ตลอดเวลาจริง ๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว”
“เออ...จะว่าไปกูก็ไม่ได้หอมแก้มมึงนานแล้วตั้งแต่โตเป็นหนุ่ม วันนี้ถือเป็นกำไรชีวิตกูละกัน หึหึหึ” ไอ้เพลงหัวเราะได้น่าขนหัวลุกมากครับ ผมมองสารรูป หน้าตามันก็ออกจะสะสวย ทำไมนิสัยถึงได้เกรียนขนาดนี้...
เพลงมันเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่จำความได้แล้วครับ เพราะบ้านมันกับผมอยู่ละแวกเดียวกัน เสียแต่ว่ามันเป็นคนรวยมีบ้านหลังใหญ่โตอยู่อีกซอยแค่นั้น เราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต ถึงจะห่างเหินกันไปบ้างช่วงที่ผมไปเรียนมัธยมปลายที่เชียงใหม่ก็เถอะ พอกลับมาเราก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันเหมือนเดิม...
ถามว่าผมไม่หวั่นไหวกับมันบ้างเหรอ ออกจะสวยขนาดนี้ ??
เอาเป็นว่าคุณอยากจะเป็นแฟนกับผู้หญิงที่รู้สันดานมันตั้งแต่เกิดรึเปล่าล่ะครับ...
“แล้วอยู่ ๆ มึงคิดยังไงอยากโดนตบขึ้นมาวะ” ผมยักคิ้วให้มัน “เป็นมาโซฯ รึไง”
“นี่กูอุตส่าห์ช่วยเพื่อนรักอย่างมึงเลยนะ”
“ช่วยให้เลิกกับแฟน ? ”
“แล้วถ้ามึงอยู่กันไปแล้วไม่มีความสุขจะอยู่กันไปทำไมวะ อีกอย่างกูก็ไม่อยากจะเม้าท์หรอกเห็นเป็นผู้หญิงเหมือนกัน วันก่อนกูยังเจอชีไปควงกะเดือนมหาลัยปี 1 อยู่เลย มึงดูชีเข้านะ เลือกควงเฉพาะเดือนมหาลัยจริง ๆ แถมคราวนี้กินเด็กอีกต่างหาก”
“นี่ขนาดมึงไม่อยากจะเม้าท์นะ”
“กูเก็บกดเว่ย เลิกกันได้ซะก็ดี เสือกมาเรียกกูว่า ’อินังนั่น’ ‘อิผู้หญิงคนนั้น’ แลดูกูเสียหายมาก”
“สรุปว่าเป็นเหตุผลส่วนตัวว่างั้น” ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง “นี่มึงวางแผนมาล่วงหน้าแล้วเหรอ ? ”
“อย่าโทษกู ไอ้อาร์ทมันยุกูให้ทำ”
“แล้วมึงก็ทำตาม ? ” เพลงไหวไหล่แทนคำตอบ ผมนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปถึงไอ้อาร์ท ไอ้นี่มันร้ายทำเป็นไม่พูดอะไรเสือกอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง
“คิน...ถ้ามึงไม่พอใจก็ด่ากูมาเหอะ เดี๋ยวกูไปบอกยัยแอมให้ว่ามันไม่มีอะไร” เพลงมันจ้องหน้าผมจริงจัง “มึงจะได้กลับมาคบกันอีก”
“ไม่เป็นไร...แบบนี้แหละดีแล้ว...” ผมยิ้มบาง ๆ ให้เพลง เอามือตบบ่ามันแปะ ๆ
“ขอบคุณนะมึง”
มันเอามือชกไหล่ผมเบา ๆ “เฮ้ย...ระดับไหนแล้วกูอะ ป๊ะ ๆ แดกเหล้าฉลองโสดดีกว่า กูไม่อยากอยู่ในงานละ มีหวังโดนสายตาทิ่มแทงจนพรุน เกิดเข้ามาถามอีกกูยิ่งแย่เลย รอบนี้กูเลี้ยงเอง ได้เงินจากเจ๊ ๆ ค่าเอามึงเข้างานตั้งเยอะ” มันเอามือมาคล้องคอผมแล้วออกเดิน
“แต่กูอยากกลับห้องแล้วว่ะ”
ไอ้เพลงหยุดชะงัก แล้วจ้องหน้าผม “ทำไมห้องมึงมีอะไรดีเหรอ ? ”
ผมกระตุกยิ้มกวนตีนมันกลับ “เออ”
“เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!! กูว่าแล้วทำไมมึงแปลกไปช่วงนี้ กูนึกว่าไอ้อาร์ทล้อกูเล่นซะอีก ไม่ได้ละกูปล่อยมึงกลับไม่ได้ เมื่อกี้ตอนเข้าห้องน้ำกูโทรเรียกอาร์ท กัน โจ้ไว้ร้านเดิมแล้ว แล้วที่สำคัญ...มึงต้องโดนสอบสวน”
“ไม่ได้...พรุ่งนี้ไปป์มันจะกลับบ้านมันแล้ว”
“มึงค่อยกลับไปตอนเช้าก็ได้ ไป ๆ ๆ ไม่ต้องมาเถียงกู เดี๋ยวเอาส้นแทงทะลุคอหอยเลย” มันใช้แรงที่ควายเกินผู้หญิงลากแขนผมไปตามทาง ผมก็เอาวะ... พรุ่งนี้เช้าค่อยไปหามันก็ยังทัน
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน แค่รู้สึกอยากจะบอกมันว่าผมเลิกกับแอมแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นมัน... ที่ผมอยากบอกให้รู้...
เลิกกับแอมถามว่าเสียใจมั้ย ? ผมว่าเสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่เคยให้กันมากกว่า อย่างน้อยผมกับเธอก็คบกันมาตั้งหลายปี สิ่งดี ๆ ที่เคยให้กันตอนนี้มันคงแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังแล้วสินะ...
อันที่จริงนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเลิกกันหรอก ก่อนหน้านี้มันก็มีมาเรื่อย ๆ แต่ทุกครั้งแอมเป็นคนบอกเลิกก่อน แล้วหลังจากนั้นเธอจะมาขอคืนดีกับผมเอง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แบบนั้น...
ออกมาจากงานได้ผมก็ต้องใส่สูทไปนั่งร้านเหล้า ซึ่งเป็นความคิดที่โง่มากของไอ้เพลง แต่ก็เอาเหอะชุดมันจัดเต็มยิ่งกว่าผมซะอีก พวกมันก็คะยั้นคะยอให้ผมดื่มเอา ๆ จนเบลอ ๆ รู้แต่ว่าโดนลากมานอนที่หอไอ้อาร์ท ที่ซวยยิ่งกว่านั้นคือผมแฮงค์เหล้า... และไม่มีใครตื่นเช้า ตื่นขึ้นมาก็ล่อไปเที่ยงกว่าแล้วครับ ผมรีบขับอิเน่าออกมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำ (แต่เปลี่ยนชุดแล้วนะครับ) ซึ่งแน่นอนครับ... มันไม่ทันแบบในละครหรอก
ผมยืนมองกระดาษโพสอิทสีเหลืองบนบานประตูด้วยหัวสมองที่ว่างเปล่า...
‘กูไปละนะ ตังค่าห้องอยู่บนโต๊ะ
ไปป์’
เห็นแล้วอยากต่อยพุงไอ้คุณพี่เดียวดายสักที... ทำไมมันไม่ห้ามเจ้านายมันไว้วะ !!!
ไอ้ผมก็พยายามโทรแล้วโทรเล่ามันก็ไม่รับซะที แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้บอกมันเรื่องนี้กันล่ะ ? รู้สึกเหนื่อยล้าบวกกับแฮงค์เหล้าจนต้องทิ้งตัวนอนบนโซฟา พลางเอามือคลึงขมับตัวเองเบา ๆ
เอาล่ะ... ได้เวลาเริ่มต้นอยู่โดยไม่มีมันเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนได้แล้วล่ะ....
TBC
ตอนที่แล้วมีแต่คนด่าพระเอก....เราเจ็บปวดมาก คุณทำแบบนี้มันเหมือนตบหน้าฉันกลางสี่แยก

เอารูปน้องฟาร์มาให้ยลโฉมกันแล้วนะคะ....

นะ..นี่มัน....แทมินวงชายนี่!!!!!!!!!!!!!

//ตบเกรียนแตก
เอามาลงเจิมไว้ก่อนค่ะ หึหึหึหึหึ//หัวเราะชั่วช้า
เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ กระซิกๆ
Ryuse - อ่านเม้นคุณแล้วเราปลื้มมาเลยค่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยยย~
litlittledragon - “มึงเริ่มลามปามพี่เดียวนะไอ้นี่” >>ไม่ได้พิมพ์ผิดนะคะ พี่เดียว=พี่เดียวดายค่ะ(เรียกย่อๆ)
Gyoza - "เค้าเป็นยูริกัน??" >>อ่านแล้วข้าวแทบพุ่งออกจากปาก อยาก+1มากค่ะ แต่เม้นไม่ถึง 55555+
Rafael - อ่านในเน็ทเหมือนกันค่ะ แต่ภาษาอังกฤษช่างอ่อนแอ ฮ่าๆๆ อ่านที่เว็ปไหนอ่ะคะ เว็ปที่เราอ่านมันแทบไม่อัพเลยค่ะ
seaweed - ขอบคุณที่ชอบน้องเพลงค่ะ เราก็ชอบ 555