Room 18
เสียงเพลงเก่า ๆ บรรเลงเคล้าคลอมาในสายลม ขณะที่ผมกับฟาร์เยื้องย่างเข้าไปใกล้ห้องบอลรูมของโรงแรมเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่เป็นบทเพลงของสุนทราภรณ์ที่แม่ผมชอบเปิดให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ตอนเด็ก พอมาฟังแบบนี้เลยอดจะร้องคลอตามเบา ๆ ไม่ได้...ก็แหม เพลงเขาเพราะนี่ครับ
ผมกระชับเสื้อสูทตัวนอกที่หลวมเกินไปเข้าหาตัว พูดก็พูดเถอะ ไอ้เรื่องหาชุดอะไรเนี้ยมันงานของสาว ๆ เขาทั้งนั้นแหละครับ ผู้ชายอย่างเรา ๆ อย่างมากก็แค่ใส่สูทผูกไทนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอจะบากหน้ามางานได้แล้ว หลังจากปรึกษากันเรียบร้อย ผมกับฟาร์เลยเลือกที่จะไปขอยืมสูทจากป๊ามัน มันน่ะไม่มีปัญหาเพราะมีสูทเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่ผมนี่สิต้องเอาสูทป๊ามันมาใส่ ป๊ามันไม่ได้สูงเหมือนไอ้ฟาร์ก็จริงแต่ป๊ามันก็ลงพุงตามภาษาคนแก่ สูทป๊ามันเลยตัวใหญ่ตามไปด้วย ลำบากผมอีกครับใส่แล้วยังกะลูกหมาในชุดสูท นี่โชคดีนะที่ป๊ามันไม่สูงไม่งั้นขากางเกงเหลือจะยิ่งน่าอดสูไปกันใหญ่
แหม...ผมก็บ่นไปงั้นแหละ อันที่จริงคือดีใจที่ไม่ต้องเสียตังกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอะครับ เหอ ๆ ๆ ๆ ผมสวมเสื้อเชิ้ตขาวของตัวเองคลุมทับด้วยเสื้อสูทสีขาว ไม่ได้ผูกไทอะไรให้ยุ่งยากเพราะเสื้อเชิ้ตมันมีลูกเล่นตีเกร็ดด้านหน้าเป็นรอยจีบตามยาวอยู่แล้ว ท่อนล่างเป็นกางเกงและรองเท้าสีขาวเข้าชุดกับเสื้อ จะว่าไปนี่กูแต่งขาวทั้งตัวยังกะมาเล่นหนังเป็นเทวดาสาธุยังไงยังงั้นแหละ ไอ้ฟาร์บอกว่าป๊ามันชอบสีขาวเพราะป๊ามันเป็นพวกบ้าความสะอาด ไอ้ผมก็เอาของเค้ามาก็เลยตามเลยครับ ส่วนทรงผมก็แค่เอาเยลมาแปะ ๆ เก็บผมหน้าม้าเปิดเหม่งโชว์โหงวเฮ้งเท่านั้นเองครับ แค่นี้ผมก็หล่อปานท่านชายพจน์แล้ว หึหึหึ
หันไปมองไอ้คนเตี้ย ๆ ข้าง ๆ ฟาร์อยู่ในชุดสูทสีเทาตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้านในสวมเชิ้ตขาวพร้อมผูกไทสีดำ สวมรองเท้าหนังสีดำ สูทเทาก็ดูเท่ไม่หยอกนะเนี้ยเพื่อนผม...เสียแต่ว่ามันเตี้ยไปหน่อยแฮะ เรื่องทรงผมไอ้ฟาร์ยังคงคอนเซ็ปต์หัวเห็ดเหมือนเดิม เสียแต่ว่ามันเอาหนังยางมามัดเป็นหางม้าด้านหลัง ยังกะบาร์เทนเดอร์เลยนะมึง (แอบนินทามันครับ มันไม่รู้หรอก)
“ไปป์...มึงว่ากูจะเสียตัวแลกกับเซ็นชื่อมั้ยวะ” พอจะถึงโต๊ะหน้างานไอ้ฟาร์นี่หน้าเน่อซีดไปหมดครับ
“คงเสียแหละมึง เอาน่าประสบการณ์ชีวิต” ผมตบไหล่เปาะแปะเลยโดนมันฟาดตูดด้วยหน้าแข้งเข้าไป...อูยยยย เล่นแรงนะมึง เดี๋ยวมึงจะโดนเจ็บตูดยิ่งกว่ากู !!!!
มาถึงโต๊ะหน้างานก็ต้องเผชิญหน้ากับเจ๊สมศักดิ์ ที่วันนี้หล่อนจัดเต็มด้วยเครื่องเพชรวิบวับจนผมแทบจะหาแว่นตาดำมาใส่ พอเห็นไอ้ฟาร์เจ๊แกก็รีบดี๊ด๊าทันที บอกน้องฟาร์วันนี้หล่อถูกจริตเจ๊มาก ยิ่งเจ๊ชมเท่าไหร่ไอ้ฟาร์ก็หน้าซีดเท่านั้น...แต่เพื่อนชั่วอย่างผมแอบหัวเราะในใจครับ ตลกบนความทุกข์ของคนอื่น ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ...
หลังจากโดนเจ๊สมศักดิ์จับหมุนไปหมุนมาจนแทบจะเต้นบัลเลต์เจ๊ก็ยอมให้มันเซ็นชื่อ แลกกับแต๊ะอั๋งมือนิด ๆ หน่อย ๆ ตอนยื่นปากกา (อันที่จริงก็ไม่เชิงนิดหน่อยนะครับ เจ๊เค้าแทบจะรูดตั้งแต่ต้นแขนยันปลายเล็บเลย) ส่วนไอ้ผมก็เซ็นตามแล้วเดินเข้างานแบบสบาย ๆ จนไอ้ฟาร์ต้องมาลากแขนไปเพราะมันไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ เจ๊กะเทยมหาภัยนี่นาน ๆ
พี่ปี 3 ทุ่มทุนจัดงานจนผมตกใจเลยแฮะ จัดแต่งสถานที่ได้ดูดีมาก ๆ พื้นที่ให้ห้องถูกจัดแบ่งเป็นสองโซน โซนแรกเป็นพื้นที่สำหรับวางอาหารและโต๊ะทานอาหาร โต๊ะวงกลมถูกคลุมทับด้วยผ้าสีขาวตามแบบฉบับโรงแรมเรียงกันเป็นตับ แอบไปส่อง ๆ อาหารดูนิดหน่อย...อาหารไทยตามคอนเซ็ปต์ครับ แต่ขึ้นชื่อว่าอาหารโรงแรมมันเลยดูน่ากินมาก ซึ่งผมคุยกับไอ้ฟาร์แล้วว่าเราจะมาสิงสู่อยู่ที่โซนนี้กัน
ส่วนอีกโซนเป็นโซนที่ผมไม่คิดจะเฉียดเข้าไปใกล้แม้แต่น้อย...ใช่ครับ มันคือโซนลีลาศ ต้นไม้ถูกดัดให้โค้งลงมาเป็นซุ้มที่มีเถาวัลย์เลื้อย หากเดินเข้าไปต่อก็จะพบลานกว้าง ๆ ที่มีรั้วสีขาวล้อมไว้เป็นวงกลม ตรงข้าง ๆ รั้วก็ปลูกหญ้าแซม ๆ เอาไว้ให้ดูเหมือนพื้นที่ด้านนอกโรงแรม มีน้ำพุตั้งเป็นจุด ๆ ในลานชวนให้รู้สึกเพลินใจอย่างกับย้อนไปในสมัย ร.6 อย่างนั้นแหละ
ผมกับไอ้ฟาร์เดินไปที่มุมอาหารโดยไม่ได้นัดหมายกันไว้...แหมช่างรู้ใจกันจริง ๆ นี่ขนาดไม่ได้มองตานะเนี้ย มันตักข้าวน้อย ๆ กับเยอะ ๆ แล้วก็เอาน้ำพันช์ไปตั้งไว้บนโต๊ะที่ว่างอยู่ เพิ่งสังเกตว่าเขามีของหวานเป็นขนมไทยโบราณที่หาซื้อยากอย่างพวกจ่ามงกุฎอะไรนี่ด้วย ผมเล็งไว้แล้วล่ะกินข้าวเสร็จเมื่อไหร่เจอกันแน่ ๆ
“เออ..ฟาร์” ผมสะกิดไอ้ตัวเตี้ยที่มาถึงก็นั่งโซ้ยเอา ๆ ไม่พูดไม่จา “เมื่อวานแซ็กโทรหากู มันบอกว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องไปซ้อมที่ชมรม เค้าส่งเครื่องดนตรีบางชิ้นไปซ่อมอยู่”
ฟาร์ชะงักไปนิดนึง สีหน้ามันดูเจ็บปวด แล้วค่อยๆพยักหน้าหงึกหงักรับรู้
“กูล่ะไม่เข้าใจมันจริง ๆ เล้ย~ เบอร์มึงก็มีทำไมมันไม่โทรไปบอกเองวะ ฝากกูมาบอกอยู่ได้” ผมท้าวคางกับโต๊ะกินข้าวจ้องหน้าคนข้าง ๆ ที่เหมือนมันจะหลบตาผมหน่อย ๆ “พวกมึงไม่ถูกกันเหรอวะ ? ”
“ไม่เชิงไม่ถูกหรอก” มันยักไหล่ “เรียกว่าไม่ได้ชอบคงจะถูกกว่า”
“ฮะ !? นี่มึงมีปัญหากับไอ้แซ็กเหรอ ทำไมไม่บอกกู กูจะไปด่ามันให้”
“ไม่ได้คุยกันสักคำมันจะไปมีปัญหากันได้ไง” คิ้วมันมุ่นเข้าหากันเหมือนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ แต่ยิ่งมันไม่อยากพูด ผมยิ่งต้องให้มันพูดครับ !!!
“แล้วทำไมมึงไม่คุยกันวะ มึงไม่พอใจอะไรมันรึเปล่า” ผมลูบหัวมัน “ไอ้แซ็กแม่งชอบติสแตก อยู่ ๆ มันนึกอยากจะเงียบมันก็เงียบอะ แรก ๆ พวกกูก็งง ๆ แต่หลัง ๆ ก็ปรับตัวได้”
“มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดว่ะไปป์” มันเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วถอนหายใจ “แซ็กไม่ชอบกู”
“เอ๊า !! อะไรไอ้เหี้ยนี่ไม่ชอบเพื่อนกูได้ไงวะ ไม่ชอบมึงแล้วมันจะไปชอบใคร” ผมเริ่มฟึดฟัดก็คนอุตส่าห์ฝากเพื่อนไว้ เสือกมาไม่ชอบเพื่อนกูอีก...
“มึงไง”
“ฮะ !? มึงว่าไงนะ”
มันจ้องหน้าผมก่อนจะเอ่ยช้า ๆ ชัด ๆ
“แซ็กชอบมึง”“เอ้า !! ก็แน่ล่ะ มันเป็นเพื่อนกูตั้งแต่ ม.ต้นแล้ว ไม่ชอบกันจะคบกันยืดได้วะ” แอบเห็นไอ้ฟาร์ทำหน้าเหม็นเบื่อ ซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจ กำลังจะอ้าปากถามมันแต่ไอ้กล้วยเดินมาหย่อนตูดนั่งข้าง ๆ ผมเสียก่อน
“ไปป์...เห็นเมียมึงยัง ? ”
“เพลงอะเหรอ” ผมยักคิ้วกวนส้นตีนไอ้กล้วย ส่วนมันแยกเขี้ยวกลับ แล้วจับหัวผมหันไปตามทิศทางที่มันอยากให้ดู
“นั่นไงเมียมึง...” ไม่ต้องถามแล้วครับว่าคนไหนเพราะตัวเป้าหมายมันโดดเด่นเกินจะเมินสายตาปล่อยผ่านเลยไปได้ อิแม็กซ์เดินนวยนาดอยู่ในชุดสีแดงแปร๊ดที่ผ่าหน้าเว้าหลังโชว์สัดส่วนและนมปลอม ๆ ของมันเต็มที่ ชุดกระโปรงสีเลือดนั่นมีความยาวราว 14 นิ้ว ฟูฟ่องยังกะผ้าม่านหลายชั้น พร้อมด้วยรองเท้าส้นสูงปรี๊ดจนกลัวว่ามันจะตกส้นลงมาตายเมื่อไหร่ (ไม่ใช่กลัวอะไรครับ กลัวมันไม่ตกส้น...เสียดายแย่) มันแต่งหน้าหนาเต๊อะพร้อมฉาบปากด้วยลิปสติกสีแดงเหมือนไปแดกเลือดไก่มา ส่วนหัวก็ใส่วิกผมตีกระบังลมสูงพร้อมขมวดจอนและปอยผมด้านหน้าเป็นก้นหอย
แต่อะไรก็ไม่เท่า...
“กล้วย...มึงมีแว่นกันแดดมั้ย กูรู้สึกตาพร่า ๆ ว่ะ”
“ความสวยเข้าตาเหรอวะ”
“เปล่า...เครื่องเพชรแม่งสะท้อนเข้าตา มันไปขุดมาจากถ้ำมังกรอมตะรึไงวะ”
“มึงถามมันเอาเองละกัน มานั่นแล้วไง”
ไอ้กล้วยไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใดครับ ในเมื่ออิกะเทยแม็กซ์ตบเท้าเดินถือน้ำส้มเดินตรงมาที่โต๊ะผมแล้ว
“หยุด ๆ ๆ แม็กซ์...มึงอย่าเพิ่งเข้ามาใกล้กว่านี้” ไอ้กล้วยออกปากก่อน
“อะไรของแกฮะอิกล้วย”
“พวกกูยังหาแว่นกันแดดไม่ได้เลย กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ไอ้กล้วยแผดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจผมเองก็ร่วมผสมโรงด้วย แอบเห็นไอ้ฟาร์หลุดหัวเราะอีกคน
“แม็กซ์...หญิงแม่มึงเพิ่งเจอสมบัติที่คุณหญิงย่าเก็บไว้ในเรือนกลางน้ำเหรอวะ” ได้ทีผมก็เริ่มเลยครับ
“เออ...ชั้นเพิ่งไปช่วยหญิงแม่ขนออกมาเนี้ย บังเอิญว่าเยอะมาก” มันขยับสร้อยสังวาลห้อยระยาที่คอประกอบการสนทนา “นี่ใส่มาไม่ครบชุดนะเนี้ย”
“กูว่าถ้าใส่ครบมึงคงต้องคลานเข้ามาในมางานว่ะ หนักจนเดินไม่ได้ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“นั่นปากเหรอยะอิไปป์” มันกอดอกมองผมหัวจรดเท้า “ว่าไปแกก็ใช่ย่อยนะเนี้ย”
ผมยืดอกรับคำชมมัน “กูบอกแล้วระดับกูท่านชายพจน์ชัด ๆ ”
“ไม่ ๆ ๆ ชั้นจะบอกว่าแกแต่งขาวซีดเป็นไก่ต้มขนาดนี้ จะไปเต้นแบดโรแมนซ์แข่งกะแม่ก้าของชั้นใช่มั้ยยะ”
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!! เสียเซลฟ์ว้อย กูยิ่งไม่มั่นใจกับไอ้ชุดนี่อยู่ !!!!
ว่าแต่เต้นกับแม่ก้าของมึงนี่มันแย่กว่าเทวดาสาธุที่กูคิดไว้อีกนะว้อยยยยยย“ขอบใจที่ชมนะแม็กซ์” ไม่ได้ครับจะให้มันรู้ว่าเราเสียความมั่นใจไม่ได้ “เออ...กูเพิ่งรู้ว่าบ้านมึงมีกิจการใหม่”
“กิจการอะไรยะ ? ”
“ก็บ้านมึงเปิดโรงลิเกไง ดูดิ๊เพชรเก๊นี่สะท้อนเข้าตากูจนพร่าไปหมดแล้ว กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก !!! ”
แฟนคลับผมในงานก็ช่วยกันปรบมือเกรียวกราว ในขณะที่อิแม็กซ์กรี๊ดตุ๊ดแตกกระแทกส้นเข็มเจาะรูกระเบี้องโรงแรมแล้วสะบัดตูดปึงปังไปหาแก๊งค์สาวดุ้นของมัน ที่มีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องกำลังถ่ายรูปวี๊ดว้ายประชันความงาม (เหรอ ? ) กันอยู่ อันที่จริงพอพวกคุณ ๆ ไปรวมตัวกันแล้วมันแสบตากว่าเดิมอีกครับ มองพระอาทิตย์ตอนกลางวันยังไม่ขนาดนี้เลย กะเทยนี่เขาเป็นญาติกันรึเปล่าครับ ทำไมพวกเธอชอบอะไรวิบ ๆ วับ ๆ จังเลย
หลังสงบศึกกับอิแม็กซ์ ผม ฟาร์และกล้วยก็นั่งคุยกันไปสักพัก ก่อนไอ้กล้วยจะขอตัวไปเพราะกลุ่มเพื่อนมันมาแล้ว เลยเหลือผมกับฟาร์นั่งจ๋องกินขนมกันอยู่ที่โต๊ะ ด้วยความว่าปากมันกับผมไม่เคยอยู่นิ่งเราเลยชี้ชวนนินทาชุดชาวบ้านชาวช่องเป็นการสนุกปาก
“ทำไมขวัญใจกูยังไม่มาอีกวะ” ผมนั่งท้าวคางจด ๆ จ้อง ๆ ไปที่ซุ้มทางเข้าที่ยังมีคนเดินเข้างานมาไม่ขาดสาย
รวมทั้งมีคนจากคณะนิเทศฯ มาถ่ายรูปในงานด้วย แต่ไม่ว่าจะพยายามส่องเท่าไหร่สาวที่ผมเล็งไว้ก็ไม่ปรากฏซะที
“มาแล้วไม่ใช่เหรอ ขวัญใจมึงน้องแม็กซ์คนสวยไง” จัดไปครับ ตบกบาลมันเข้าทีนึง มันคลำหัวป้อย ๆ แล้วบ่นอุบอิบ ผมนั่งเหม่อ ๆ ไปสักพักนึงมันก็เริ่มจ้องหน้าผม
“อะไร”
“เรื่องภคินไปถึงไหนแล้ว...อัพเดทให้กูได้รึยัง”
อุ๊ก...พอมันสะกิดจุดขึ้นมาภาพไอ้จูบจูปาจุ๊ปส์ก็วาบขึ้นมาในหัว เรียกให้เลือดตั้งแต่นิ้วโป้งตีนไหลเวียนขึ้นมาถึงใบหน้า
“นั่นไง !!!! นั่น !!! นั่น !!! นั่น !!! ” มึงจะพูดอีกกี่นั่นวะ มันชี้หน้าผม “หน้าแดงขนาดนี้ต้องมีอะไรที่กูไม่รู้แน่ ๆ ”
ผมเงียบ...
“ไม่ต้องมาเงียบกลบเกลื่อน สัญญากันแล้วบอกกูมาเดี๋ยวนี้”
ผมก้มหน้าหลบสายตามันเหมือนเด็กทำผิด ส่วนมันก็เคาะนิ้วเป็นจังหวะบนโต๊ะเป็นการกดดันผมไปในตัว สรุปคือยังไงกูก็ต้องบอกใช่มั้ยเนี้ย พอเงยหน้าขึ้นมันก็กระดิกนิ้ว ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่หูมัน...
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!!!!!!!!!!!! ” ผมรีบตะครุบปากไอ้หัวเห็ดไว้อย่างไวก่อนที่มันจะแหกปากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้คนในบริเวณนั้นก็หันมามองกันตาไม่กระพริบแล้ว
“ตะโกนหาพ่อมึงเหรอ” ผมก้มลงซุบซิบกันมัน ในขณะที่มันเหมือนว่าสติจะกลับเข้าร่างแล้ว
“กะ...กูขอโทษว่ะ แม่งคุมสติตัวเองไม่ได้” มันเอามือตบแก้มตัวเองเบา ๆ “แม่ง...กูไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้ยินอะไรแบบนี้...มึงบอกว่าภคิน...จะ...จูบมึง ? ”
ผมพยักหน้า...ไม่ขอพูดอะไรซ้ำสองอีก แต่หน้านี่ร้อนจนแทบจะระเบิดแล้ว...
ไอ้ฟาร์ตบหน้าผากตัวเองดังแป๊ะ... “ให้โลกแตกเหอะมึง...มึงบอกว่าพี่เดียวดายออกลูกเป็นไข่ยังจะเชื่อมากกว่านี้”
“มึงเริ่มลามปามพี่เดียวนะไอ้นี่” แตะไม่ได้ครับบุคคลสำคัญของโลก !!!!
“กูไม่คิดเลยว่ะ ว่ามึงจะได้มีแฟนกับเขาซะที แถมแม่งไม่ธรรมดา มึงแย่งแฟนแฟนเก่า แถมเป็นแฟนคนที่เคยหักอกน้องมึงอีกต่างหาก ดราม่ากว่านี้มีอีกมั้ยวะ กูว่ามึงควรไปเขียนพ็อคเก็ตบุคขายนะ กูคนนึงแหละซื้อเลย”“มึงเลิกพร่ำเพ้อได้ละฟาร์ กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันว้อย !!! ” ผมตะโกนในเสียงกระซิบ พูดง่าย ๆ ว่ากระซิบแบบเพิ่มวอลลุ่ม “อีกอย่างมันยังสวีทวี้ดวิ่วกับแอมด้วยซ้ำ”
ฟาร์อ้าอ้าปากค้าง
“หมายความว่ามึงเป็นชู้ ? ”เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงตบหัวเป็นรางวัลในความฉลาดให้อีกสักที มันทำปากยื่นปากยาวงอนผมได้น่าเอาตีนยันให้ร่วงมาก
ยังไม่ทันจะได้เถียงอะไรกันต่อ เสียงฮือฮาจากซุ้มโค้งตรงทางเข้าก็ดังเข้าโสตประสาทที่เปิดรับเรื่องใหม่ ๆ ตลอดเวลายิ่งกว่าจานดาวเทียมช่องทรูวิชั่นส์ซะอีก เราสองคนหันควับไปที่ต้นเสียงทันที ภาพที่เห็นทำให้ผมต้องอ้าปากค้าง...
สาวสวยหน้าใสที่ผมมองหามาทั้งงาน เธอปรากฏตัวในชุดเกาะอกสีขาวคลุมด้วยผ้าคลุมไหล่บาง ๆ ชายกระโปรงยาวเลยหัวเข่าลงมานิดหน่อยนั้นเต็มไปด้วยลูกไม้เล็ก ๆ ไล่กันเป็นชั้น ๆ ให้กระโปรงดูมีลูกเล่นแต่แฝงด้วยความสง่างาม เพลงต่อผมสั้น ๆ ให้กลายเป็นผมดัดลอนเป็นเกลียว ๆ เก็บผมหน้าม้าโชว์เครื่องหน้าที่สวยเป็นธรรมชาติ แต่งหน้าบาง ๆ ดูแล้วน่ารักจิ้มลิ้ม เธอฉีกยิ้มให้ชายหลายคนใจกระตุก รวมถึงผมด้วย...
แต่มันไม่ได้กระตุกเพราะเธอ...
ไล่สายตามองมือเล็ก ๆ ที่สอดเข้าไปคล้องท่อนแขนที่ดูคุ้นเคยนั่น ผู้ชายตัวสูงข้าง ๆ มีใบหน้าที่ดูคุ้นตา...ก็แน่ล่ะ นั่นมันรูมเมทผมนี่นา ภคินเหยียดหลังขึ้นตรงดูสง่างาม มันอยู่ในชุดสูทสีดำสนิททั้งตัวสวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกไทดำไว้ด้านใน เข้าชุดด้วยรองเท้าหนังสีดำมันวาบ มันเอาเยลลูบเก็บผมทั้งหมดจนเรียบแปล้ไปทั้งหัว โชว์ใบหน้าหล่อเข้มบาดใจสาว ๆ แถวนั้นให้ตายกันเป็นทิวแถว...
...แต่พอดีว่าผมไม่ใช่สาว ๆ ล่ะมั้ง... เลยรู้สึกแปล๊บ ๆ ขึ้นมาที่อก...
แม่ง...เป็นเหี้ยอะไรวะ…
เพลงเดินควงแขนเดือนมหาลัยเข้ามาในงานแบบนี้ เลยกลายเป็นที่ฮือฮาของเพื่อน ๆ รุ่นพี่รุ่นน้องในคณะกันใหญ่ พวกเจ๊ ๆ ถึงกับเรียกไปให้รางวัลกันถึงโต๊ะ ผมแอบเห็นภคินกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเหนื่อยหน่ายด้วย นี่ถ้าไม่หล่อผมว่าเจ๊ ๆ คงตบหัวทิ่มอะครับ บังเอิญว่าหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด ไอ้ภคินแม่งก็ชอบทำตัวแบบนี้แหละ ไม่พอใจอะไรหน้ามันก็แสดงออกมาหมดเลย ผมถึงได้หมั่นไส้มันตอนแรกไง...
ไอ้ฟาร์สะกิดแขนผมยิก ๆ เหมือนจะถามว่าสองคนนั้นมาด้วยกันได้ไง ผมก็ยักไหล่...ก็กูไม่รู้จริง ๆ นี่หว่า ผมเห็นเพลงปล่อยแขนมันเพราะเธอขอตัวไปนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อนสาวของเธอก่อน ภคินมันเดินเกาหัวงง ๆ เหมือนถูกปล่อยเกาะ ชั่ววินาทีนั้นมันก็ประสานสายตาเข้ากับผม...แล้วยิ้มออกมา...
ผมแทบลืมหายใจ...หัวสมองมันโล่งไปหมด...
รู้สึกถึงเหงื่อที่ไหลลงมา รวมไปถึงหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งนี่ด้วย... “กลับบ้านวันไหนวะ” รู้ตัวอีกทีไอ้คนตัวสูงนั่นก็มาหยุดยืนตรงหน้าแล้ว...
“...พะ...พรุ่งนี้”
“ทำไมกลับเร็วจังวะ”
“ก็จะอยู่ไปทำไม คนเค้ามีบ้านมีช่องให้กลับ” อุก...อุดปากตัวเองไม่ทัน ภคินมันทำหน้าเสียไปแว้บนึง ก่อนจะปรับเข้าสู่โหมดปกติของมันคือหน้าตาย
โอ๊ย...อยากจะตบปากตัวเอง...พูดเรื่องอะไรไม่พูดนะกู !!! “ละ...แล้วมึงจะมางานคณะกูทำไมไม่บอกวะ” เอาวะ...แกล้งเฉไฉไปเรื่องอื่นแม่งเลย
“มาแบบไม่ตั้งใจว่ะ”
“อื้อหือ...ขนาดไม่ตั้งใจชุดมึงยังจัดเต็มขนาดนี้...” ผมมองมันหัวจรดเท้า โดนเฉพาะรองเท้าเงาวับแทบส่องกระจกได้ของมันนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
“คงไม่เท่ามึงหรอก ขาวอะไรทั้งตัววะ อย่างกับอยู่โรงบาลบ้าอย่างงั้นแหละ”
ว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!! ไอ้พวกนี้มันเป็นอะไรกับชุดกูมากมั้ยวะ !!!!!! ผมทึ้งหัวตัวเองไปมาอย่างบ้าคลั่ง ไอ้เวรนี่เสือกหัวเราะหึหึอยู่ในลำคอซึ่งควรโดนต่อยหน้าแหกมาก
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” มันเอามือมาโคลงหัวผมไปมา...
“น่ารักดี”ผมไม่รู้สึกอะไรแล้วนอกจากเลือดที่แล่นขึ้นมารวมกันอยู่บนใบหน้า...นี่มันอะไรกันเนี้ย...
มึงพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างมั้ยวะ... เสียงทุ้มๆเมื่อกี้ยังสะท้อนก้องอยู่ในหัวผม...
น่ารักดี...น่ารักดี...น่ารักดี...น่ารักดี...น่ารักดี...น่ารักดี...น่ารักดี...น่ารักดี... ผมยังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ทำอะไรไม่ถูก อยู่ ๆ เพลงก็มาลากตัวภคินออกไป มันก็เดินตามต้อย ๆ ไม่มีขัดขืน หนอยไอ้นี่... เมื่อกี้ยังมาป้วนเปี้ยนแถวกูแท้ ๆ เห็นผู้หญิงสวยหน่อยไม่ได้เลยนะมึง !!! เพลงลากมันเข้าไปในฟลอร์ลีลาศเห็นมันบ่นอะไรไม่รู้ด้วย
ไอ้ฟาร์เอาศอกถองให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์ มันชี้ไม้ชี้มือไปที่ไอ้กล้วยซึ่งโบกมือหยอย ๆ เรียกเราสองคนเข้าไปแถว ๆ ฟลอร์ลีลาศ มึงคงไม่ได้ชวนกูไปเต้นใช่มั้ยไอ้กล้วย...
“ฟาร์มึงจับตรงนี้ดิ๊ ไปป์เหม่อไรงี้ มึงมาถือตรงนี้ก่อน” ไอ้กล้วยยกสายไฟต่อลำโพงขึ้นให้ผมถือ
“ลำโพงมีปัญหาเหรอวะ ทำไมพี่ปี 3 ไม่มาดู” ก็จริงนี่ครับพี่เขาเป็นฝ่ายจัดงานนี่นา...
“เปล่า ๆ พี่เขาใช้กูมาเก็บสายอะ เค้ากลัวคนอื่นโง่สะดุดล้ม มึงสองคนถือไว้นะ กูไปเอาเทปแป๊บนึง” ว่าแล้วมันก็รีบวิ่งดุ๊ก ๆ ไปที่โต๊ะวางของ
ฟาร์จ้องหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดสักที ผมเลยเหม่อ ๆ กวาดสายตาไปที่คนในฟลอร์ คนเยอะพอตัวเลยครับ ผมนึกว่าจะมีแต่พวกไม่อยากเต้นแบบผม ที่ไหนได้งัดวิชาลีลาศตอนม.ปลายออกมาใช้กันเป็นแถวเชียว
ด้วยความที่พวกผมอยู่ใกล้ ๆ ลำโพงเลยได้ยินเสียงเพลงเก่า ๆ ชวนให้ร้องคลอตามไป...
http://www.4shared.com/embed/88308445/e1df14b1...ครั่นครื้น ดั่งเพลง สวรรค์
วิมานคนธรรพ์หลั่นฟ้ามาใกล้
เทพบุตรนางฟ้า ไทย โอบกอดกันพลิ้วไป
พลิ้วไป พร้อมกับ เสียงเพลง... คงไม่มีอะไรเข้ากับบรรยากาศเพลงลีลาศนี้ไปนอกจากคู่เต้นรำตรงหน้านี้แล้วล่ะ ผมมองคู่ที่โดดเด่นที่สุดในงานตรงกลางฟลอร์ ภคินสอดมือเข้าไปโอบตัวเพลงไว้อย่างถะนุถนอมมืออีกข้างสอดประสานกันไว้ ร่างกายที่แนบชิดกันพร้อมกับดวงตาสองคู่ที่ประสานเข้าหากัน...นี่มันเทพบุตรนางฟ้าไทยในเพลงชัด ๆ เลย
...สุขคร้านผ่านฟลอร์เฟื่องฟ้า
ร้อนแรงลีลาที่ล้าและเร่ง
ปลื้มดื่มด่ำตามเสียง เพลง
สนุกกันครื้น เครง
เพราะรส ประเลงปลุก ใจ... เพลงจังหวะแทงโก้ควรจะชวนให้รู้สึกมีชีวิตชีวาไปตามจังหวะของมันไม่ใช่เหรอ ? ...ทำไมมันถึงรู้สึกปวดหัวใจแบบนี้ล่ะ...
โลกถูกเหวี่ยงหวือไปวิมาน
สำเริง สำราญ ผ่านอโศกสถานไกล
เทพบุตรนางฟ้า ไทย
เยื้องกรายเต้นไป ย้ายไป โยกมา...
โอ้ทิพย์ สุธา สวรรค์
วิมานคนธรรพ์สุขสันต์เริงร่า
หลับจะอยู่ในนิทรา ตื่นอยู่ในขวัญตา
ฝันฟ้า เฟื่อง ฟลอร์ ไฉไล... ไอ้กล้วยแปะเทปข้าง ๆ มือผม มันเลิกคิ้วเป็นเชิงว่าเหม่ออะไรวะ ผมส่ายหน้าให้มันเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร ระหว่างรอมันแปะเทปภคินกับเพลงก็เดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ บริเวณที่ผมอยู่ เพราะคณะนิเทศฯ ขอถ่ายรูปไว้ลงนิตยาสารของมหาลัย
“น้องเพลงสวยมากเลยครับ สวยแบบไทย ๆ เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ เลยครับ” พี่ตากล้องแกชมออกนอกหน้ามากครับ แต่ก็สวยจริง ๆ แหละ เด็กคณะนิเทศฯ หลายคนพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
“เป็นปกติค่ะพี่” โอ้โห...แม่คุณก็ไม่มีถ่อมตัวแม้แต่น้อย
“ไหน ๆ มายืนตรงนี้หน่อยทั้งคู่เลย พี่ชอบแสงตรงนี้...ไม่แรงเกินไปดี” ทั้งสองคนก็ขยับตามมายืนตรงที่พี่เขาชี้ “นั่นแหละดี ๆ ”
เพลงยืนข้าง ๆ ภคิน แต่พี่เขาบอกให้ขยับเข้าหากันมากกว่านี้ “พี่อยากได้รูปที่ดูเป็นข่าวใหญ่อะน้อง”
เท่านั้นแหละเพลงกระชากคอของไอ้คนตัวสูงลงมาพร้อมกับจูบลงที่ข้างแก้ม ท่ามกลางความตกตะลึงของคนในบริเวณนั้นรวมถึงผมกับฟาร์ด้วย...
เพียะ !!! “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด... รปภ. !!!!!! ” อิแม็กซ์ที่อยู่บนฟลอร์อุทานดังลั่นจนคนหันมามองตรงจุดเกิดเหตุ
เสียงตบบวกกับเสียงอิแม็กซ์ดังพอที่จะเรียกความสนใจของคนบนฟลอร์ได้ ผมอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า เฮ้ย...นี่มันไม่ใช่ละครหลังข่าวนะเว้ยเฮ้ย แอมอยู่ในสีหน้าที่โกรธจัด คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเสียงตบเมื่อกี้มันเกิดขึ้นจากใคร...
เธอกรีดร้องด่าว่า ’อีผู้หญิงหน้าด้าน’ หรืออะไรทำนองนั้น ผมไม่แน่ใจเพราะเสียงเพลงมันดัง แล้วเธอก็สะบัดผมยาวตรงถึงเอวของเธอแล้ววิ่งออกไป ภคินผละตัวออกมาแล้วรีบวิ่งตามออกไปทันที...
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทุกสายตาจับจ้องไปที่เพลง เธอเอามือกุมแก้มข้างที่โดนตบไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ตากล้อง
“ข่าวใหญ่พอมั้ยคะพี่”แล้วเธอก็ยิ้ม...
TBC
มาต่อวันศุกร์13ค่ะ เรื่องจะได้ขลัง(เกี่ยว)
ตอนนี้แอบดราม่า(เหรอ)นะคะ แต่ไม่เครียดมากค่ะ ตอนหน้าก็จะดราม่า(เหรอ)อีกเช่นกัน
เรื่องอิมเมจเดี๋ยวจะเอาของน้องฟาร์มาแปะนะคะ พี่สาววาดให้แล้วค่ะ
นอกเรื่อง...คนเขียนชอบเพลงของสุนทราภรณ์มาเลยค่ะ ภาษาสวยจริงๆ ตาเปิดให้ฟังแต่เด็กร้องตามได้แทบทุกเพลง มีใครชอบฟังเหมือนกันมั่งคะ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณทุกคำอวยพรนะคะ ทุกคนก็มีความสุขมากๆเช่นกันค่ะ
รักคนอ่านทุกคนทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า เจอกันตอนหน้านะคะ
PS.
Rafael - ไม่ทราบว่าดูซับอิ้งที่ไหนเหรอคะ จะไปหามาดูมั่งค่ะ มันช่างก๊าวใจ
namngern - น้องมุกคะ พี่ไม่ได้ชื่อมุกนะคะ..หนูเข้าใจผิดค่ะลูก ชื่อพี่เป็นความลับทางราชการค่ะ