Room 17
“มึงหมายความว่าตอนนี้มึงกับภคินดีกันแล้วงั้นสิ” ไอ้ตัวเล็กที่นั่งอมส้อมอยู่ฝั่งตรงข้ามยกคิ้วขึ้นมาข้างนึงอย่างสงสัย
ผมหลบสายตามองกระจกใสด้านขวามือของตัวเอง ตอนนี้ผมกับฟาร์อยู่ที่ร้านเค้กทำเลทองหน้ามหาลัย ในร้านเปิดไฟสีส้มจาง ๆ ปนกับแสงธรรมชาติด้านนอกร้าน โต๊ะไม้ขัดมันเงาวับเข้าชุดกับเก้าอี้ พวกผมนั่งถัดจากเคาน์เตอร์หินขัดสีขาวมา 3 โต๊ะ ด้านบนผนังฝังแอร์ที่โผล่มาแต่ช่องลมเย็น ๆ เป่ารดลงบนหัวผม บรรยากาศสบาย ๆ ในร้านช่างตรงข้ามกับเหตุการณ์ตรงหน้าผมเสียเหลือเกิน
ไอ้หัวเห็ดที่นั่งตรงข้ามจดจ้องด้วยสายตาเหมือนสงสัยอะไรอยู่ตลอดเวลา มันเอาส้อมจิ้มบลูเบอร์รี่ชีสพายตรงหน้าเข้าปากโดยไม่ละสายตาออกจากหน้าผมแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่มาถึงร้านผมก็โดนไอ้วู้ดดี้หัวเห็ดสัมภาษณ์อย่างกะผมเป็นนาธาน ผมก็เล่า ๆ ไปเฉพาะเรื่องที่พอเล่าได้ แต่เรื่องครอบครัวมันผมไม่ได้เล่านะครับ เห็นแบบนี้ผมก็มีจรรยาบรรณนะเออ ส่วนเรื่องที่มันมานอนห้องเดียวกับผมทุกวันยิ่งเล่าไม่ได้ใหญ่เลยครับ ผมมองบานอฟฟี่ในจานตัวเองที่เพิ่งตักไปได้แค่ไม่กี่คำเพราะมัวแต่ตอบคำถามมัน
“เออ...ก็ไม่ได้ตีอะไรกันรุนแรงแล้ว ถ้าไม่นับเรื่องไร้สาระก็ทะเลาะกันทั่วไปทุกวันแหละ”
“อ๊อ...เหรออออ” มันทำเสียงไม่เชื่อ ว่าแต่มึงมาจิ้มเค้กในจานกูทำไมนี่
“แสดงว่าตอนนี้ไม่ได้เกลียดมันแล้ว ? ”
“ก็งั้นมั้ง”
“แสดงว่าชอบ ? ”
“เกี่ยวอะไรวะ...มึงนี่ชอบโมเมอยู่เรื่อย”
“แบบชักกระดุ๊ก ชักกระดิ๊ก อยู่อย่างนั้นรึเปล่า ? ”
“อือหือ...มุกโบราณได้อีกมึง” แต่คิดว่าคงโดนใจพวกคุณกันไปหลายคนนะครับ...
“เฮ้ย...ถามจริง ๆ ” มันชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ผม
“ชอบภคินเข้าแล้วใช่มั้ยล่ะ”“มึงเอาอะไรมาพูดวะ” ผมเท้าคางจ้องหน้ามันกลับบ้าง ไม่ได้เฉไฉหนีนะครับ ก็คนมันสงสัยอะ
“ก็มึงยิ้มอะ” ...ชิบหาย พอเอามือแตะหน้า...เออ...แล้วกูยิ้มทำไมวะ ผมรีบเอามือสองข้างดึงแก้มตัวเองไม่ให้มันตึงไปมากกว่านี้ “อ๊ะ...ไม่ยิ้มแล้วไง”
มันเอื้อมมือมันตบหัวผมไปทีนึงข้อหากวนตีนมัน “มึงนี่น้า...รู้ตัวมั้ยว่ายิ้มบ่อยขึ้น”
“ฮะ !? อะไร...กูเนี้ยนะ” ผมชี้หน้าเหรอหราของตัวเอง “พูดอย่างกับแต่ก่อนกูหน้าบึ้งอย่างงั้นอะ”
“ก็ไม่เชิง แต่เดี๋ยวนี้พอจะกลับห้องทีไรมึงดูอารมณ์ดีตลอด แต่ก่อนนี่หน้าหงิกอิดออดไม่ยอมให้กูไปชมรมมั่งล่ะ ชวนกูโดดมั่งล่ะ กูก็ต้องคิดสิว่ามึงมีอะไรแน่ ๆ ” มันว่าแล้วเอานิ้วมาจิ้มจึก ๆ ที่หน้าผากผม
“กะ...ก็ไม่มีอะไรหรอก มึงก็คิดมากไป”
“แล้วนี่มันมารับมึงกลับบ้านนานแค่ไหนแล้ว” มันเอามือมาบิดแก้มผม “ทำไมกูไม่รู้”
“โอ๊ย...อย่าดึงดิวะ ก็มาได้สักพักแล้ว แต่มึงชอบกลับไปก่อนไม่ก็ติดชมรมตลอดอะ กูไม่ได้ปิดบังอะไรมึงเลยนะ”
“เฮ้อออออ...เอาเถอะ กูไม่ถามอะไรมึงแล้วก็ได้” มันยิ้มบาง ๆ เศร้า ๆ ให้ผม “ถ้ามึงมีปัญหาอะไรอยากปรึกษากูก็บอกได้นะ”
“ฟาร์...” ผมครางเรียกชื่อมัน รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ที่ไม่ยอมบอกอะไรมัน มันเองก็คงเสียใจเพราะมันเองก็ไม่ใช่ว่าเพื่อนเยอะอะไร ที่สนิทกันจริง ๆ ก็มีแต่ผมเนี้ยแหละ แต่ผมกลับมีเรื่องอะไรแล้วไม่ยอมบอกมันซะอีก...เป็นเพื่อนที่แย่จริง ๆ
“คืองี้นะมึง...ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากบอกอะไรมึงหรอกนะ แต่กูเองก็ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่ากูรู้สึกยังไงกับมัน กูตอบได้แค่ว่าตอนนี้กูไม่ได้เกลียดมันแล้วแค่นั้นแหละ ส่วนเรื่องชอบรึเปล่ากูก็ไม่รู้ว่ะ มึงคงไม่อยากเห็นกูแย่งแฟนแฟนเก่าตัวเองใช่มั้ยล่ะ มันยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีกนะมึง”
“กูว่าน่าสนุกดีออก” มันยิ้มตาเป็นประกาย “กูชักติดใจละครชีวิตมึงแล้วว่ะไปป์” ว่าแล้วก็มาตบบ่าผมแปะ ๆ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลสินะมึง...ไอ้หัวเห็ด !!!“คราวหน้ามีอะไรห้ามลืมบอกกูนะ !!!” ไอ้หัวเห็ดเอาส้อมชี้หน้าผมแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ ส่วนผมก็กุมขมับ...โอเค ช่วงนี้กูพ่ายแพ้ทุกคนตั้งแต่อิกะเทยแม็กซ์นั่นละ เฮ้อออออออออออ
“เออ กูจะบอกให้หมดตับไตไส้พุงเลย พอใจยัง”
“มาก...แล้วนี่มึงไม่กินรึไง งั้นกูขอหน่อยนะ” ผมเลื่อนจานหลบจากส้อมพิฆาตของมัน มันเบ้หน้าใส่ “ไอ้งก”
“ได้ไง...กูยังไม่ได้กินเลยเฟ้ย”
จากนั้นก็เป็นสงครามแย่งอาหารกันครับ แลดูอุบาทว์สายตาต่อผู้พบเห็นผู้ชายสองคนกำลังยื้อแย่งเค้กในจาน...อืม...แลดูปัญญาอ่อนสิ้นดี (แต่ก็ยังทำ) หลังจบสงครามปัญญาอ่อนของผมกับฟาร์เราก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันแต่พรุ่งนี้ต้องนัดเจอกันไปหาชุดไว้ไปงานบายเนียร์ ไอ้ฟาร์บอกว่าถ้ามันวิ่งให้รถทับตอนนี้แล้วไม่ไปงานจะได้มั้ย...ผมเลยบอกให้มันลองดูแต่มันไม่ยักกะลองแฮะ (แหม...เสียดาย)
ผมเดินกลับหอที่อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยนัก เตาะแตะขึ้นบันไดไปถึงหน้าห้อง ไขประตูเข้าไปในห้องได้ยินเสียงทีวีดังออกมานอกห้องเลย มึงจะเปิดเผื่อจิ้งจอกห้องข้าง ๆ ฟังรึไงวะ ไอ้ตัวต้นเหตุนอนหลับแผ่หลาหนุนพุงพี่เดียวอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจทำเอาผมหมันไส้ ถ้ามึงจะหลับแล้วจะเปิดทีวีทำซากไรวะ เห็นหน้าแล้วนึกอยากจะคิดบัญชีที่มันไปทำงามหน้าไว้ที่คณะจริง ๆ
หลังจากผมไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบาย ๆ ก็ออกมานั่งพื้นดูทีวีแทนไอ้คนเปิดที่เสือกหลับหน้าตาเฉย ผมแกะลูกอมจูปาจุ๊ปส์มาอมอย่างเคยชินแอบเอาหัวพาดพุงไอ้คนที่นอนอยู่บนโซฟานิด ๆ มือกดกดเปลี่ยนช่องหาอะไรดูไปเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่ที่ช่องเพลง
อยู่ ๆ ก็มีมือจากด้านหลังมันงัดคอผมขึ้นให้เงยหน้าไปมองเจ้าของมือ
“เล่นไรมึงเนี้ย”
“เปล่า...อยากดูหน้า” เชี่ยนี่พูดอะไร...เล่นเอาเลือดมารวมกันอยู่ที่หน้าผมเลย เอามือจับแก้มยังรู้สึกร้อน ๆ เลยแฮะ
“หน้าโง่ดีนะ”อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์...ไอ้เชี่ยนี่ !!! บ้านมันไม่ได้ต้มหนังสือมารยาทผู้ดีให้ดื่มรึไงวะ มีที่ไหนมาดูหน้าคนอื่นแล้วเสือกบอกว่าหน้าโง่เนี้ย !!!!“ก็โง่ให้หมามาทักไง” ตอนนี้ผมก็ยังหน้าแดงอยู่ครับ แต่เป็นโกรธจนหน้าแดงนะ
“หือ...แล้วเคยได้ยินว่าเล่นกับหมา หมาเลียหน้ารึเปล่าล่ะ ? ”
ผมเด้งตัวออกจากมือมันทันที ไม่ได้ครับไอ้นี่แม่งยิ่งบ้า ๆ อยู่ เกิดมันเลียหน้าผมขึ้นมาจริง ๆ จะทำไงครับ ผมหันไปค้อนงาม ๆ ให้มันหนึ่งที มันดันหัวเราะอีกครับ...ขำมากนักเหรอมึง
มันค่อย ๆ เลื้อยตัวขึ้นมานั่งบนโซฟา แต่อยู่ ๆ แม่งก็เอามือรวบผมขึ้นไปนั่งข้าง ๆ มันบนโซฟาหน้าตาเฉย ปกติผมไม่นั่งโซฟาข้าง ๆ มันนะครับ ต้องมีพี่เดียวดายมานั่งช่วยชีวิตตลอด
“ไรมึงเนี้ยภคิน” เสือกพาดแขนลงมาข้างหลังอีก มันจะชักจะรุ่มร่ามกับผมมากเกินไปละนะ
“บอกให้เรียกคินไง ตัด ภ สำเภาออกตัวเดียวมันยากรึไงวะ มึงนี่สมองเล็กรึไง” มันว่าพลางเอารีโมตมาเขกหัวผมไปทีนึง
“โอ๊ย !!!...ก็มึงอยากให้เรียกกูก็จะไม่เรียกไง” ผมยักคิ้วกวน ๆ ใส่มัน
“กูให้โอกาสอีกครั้ง เรียกคินซิ” มันชี้หน้าผมเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก
ผมยกยิ้มมุมปาก ก่อนเรียกด้วยความมั่นใจ “ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน ภคิน”
มันยักไหล่ก่อนคว้าตัวผมเข้าไปใกล้....
ฟอดดดดดดดดดดดดดดดดดเหยดดดดดดดดดดด....เต็ม ๆ ครับแก้มกู อ้าปากค้างจนจูปาจุ๊ปส์แทบร่วง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โอเค...กูพอใจละ มึงจะเรียกอะไรก็เรียกไปเหอะ”
งื้อออออออออออออออออ...ผมเอามือถูแก้มข้างที่มันหอมไป หน้าเน่อนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ ยังกะมีคนทำถังสีแดงตกใส่หน้า...ไอ้หน้าด้านเอ๊ย !!!!
เพลงเกาหลีที่ช่องมันเปิดอยู่นี่ไม่ได้เข้าหูผมหรอกครับ แก้มงี้แสบไปหมดเลยดันถูแรงไปหน่อย ส่วนมันก็นั่งมองหน้าผมแทนทีวีอย่างไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย คุณต้องลองมาอยู่ในสถานการณ์แบบผมดู เอาง่าย ๆ ครับคิดภาพตามนะ คุณถูกบังคับให้นั่งอยู่บนโซฟาสองต่อสองกับอาเสี่ยพุงพลุ้ยคนนึง ที่เอาแต่จ้องคุณด้วยสายตาเหมือนจะเขมือบคุณเข้าไปได้ทั้งตัว แต่คุณต้องทำเป็นไม่สนใจเค้าเนี้ย...แม่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายนะโว้ย !!!!
“โอ๊ย !! มองอะไรนักหนาวะ” เอาสิ มึงกล้ามองกูก็กล้าด่าวะ !!!!
“กินจูปาจุ๊ปส์หน่อยดิ๊” อ๋อ...นี่ที่มึงจ้องแถว ๆ ปากกูตั้งนานนี่คือจะขอส่วนบุญว่างั้น ?
“ไม่ให้เว่ย ใครเค้ากินลูกอมต่อกัน สกปรกจะตาย”
“ตอนรับน้องคณะกูยังอมกันทั้งรุ่นได้เลย”
“นั่นมันมึง ไม่ใช่กูเฟ้ย...อย่าได้เอาไปเทียบกัน”
“ไม่สน...จะกิน” มันเอามือมาจับก้านพลาสติกที่ยื่นออกมาจากปากผมแล้วดึงนิด ๆ ผมก็กัดก้านมันแน่น มันเลยได้โอกาสเอานิ้วปัดให้ไอ้ก้านนั่นดีดดึ๋ง ๆ อยู่ในปากผม....อูย...ปวดฟันเบา ๆ ครับแต่ผมไม่แสดงออกเดี๋ยวมันได้ใจ มันเลยเปลี่ยนมาจับก้านพลาสติก
ดึงไปทางซ้ายที...
...ทางขวาที...
ผมกัดฟันแน่น ยักคิ้วกวน ๆ ให้มันเหมือนจะเยาะเย้ยว่า เห็นมั้ยมึงเอาไปไม่ได้หรอก... มันก็ยังไม่ยอมแพ้ มันเริ่มออกแรงโยกใหม่
ดึงไปทางซ้ายที...
...ทางขวาที...
แล้วก้มลงงับก้านพลาสติกแม่งเลย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ผมนั่งตาค้าง รู้สึกถึงริมฝีปากคนตรงข้ามที่แตะลงมาที่ปากตัวเองว่ามันช่างร้อนผ่าวซะจนแทบละลายไปตรงนั้น จะได้ไม่ต้องสบตากับไอ้คนตรงข้ามนี่ที่จ้องมา เหมือนประจุไฟฟ้าแล่นวาบไปทั่วทั้งร่าง ผมค่อย ๆ เบือนสายตาออก ผละริมฝีปากออกจากลูกอมรสโคล่าอย่างอ้อยอิ่ง
“กะ...กูหิวแล้ว...” ผมพูดได้แค่นั้นแล้วก็พรวดพราดออกมาที่โต๊ะกินข้าว รู้สึกได้ถึงไอร้อนบนหน้าตัวเอง ซึ่งไม่รู้ว่าอายหรือโกรธ...อย่างไหนมากกว่ากัน ? แต่อย่างไหนมันก็ไม่ดีต่อหัวใจผมทั้งนั้นแหละ มันเต้นตุบ ๆ เหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกเลย
“ไปป์เป็นไร ?? ” ไอ้ตัวต้นเหตุเดินดุ่ม ๆ มาอยู่ข้างหลังตอนไหนก็ไม่รู้
“......”
“เงียบทำไม” มันชะโงกหน้าเพื่อพยายามมองหน้าผม “ปกติเห็นพูดมากจะตาย ทำไมคราวนี้เงียบ”
นี่มึงมีสิทธิ์มาด่ากูเรอะ !!!!!
“ไปป์...” มันอามือดึง ๆ เสื้อยืดผมเรียกร้องความสนใจแบบเด็ก 3 ขวบ “เป็นไรวะ”
“เสือก”“เอ้า !! ด่ากูอีก คนเค้าเป็นห่วงนะเนี้ยรู้มั้ย”
ผมถอนหายใจ “ภคิน...กูถามมึงจริงๆนะ...” เงียบไปสักสามสี่วิฯ เพื่อทำใจก่อน เอาล่ะ...สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“มึงเป็นเกย์เหรอวะ”ไอ้คนถูกถามสะดุ้งเฮือก ถลึงตาใส่แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า ’ไม่ใช่ว้อย มึงเอาเหี้ยอะไรมาคิด !!!!!!!’
ครับ...นั่นคือสิ่งที่มันสมควรจะทำ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว...
“แล้วมึงคิดว่าไงอะ ? ” มันยักคิ้วยิ้มกวนตีน แถมยังพลิกตัวผมให้ไปมองหน้ามันเต็ม ๆ ตาอีก
“ไม่รู้เว่ย ถ้ากูรู้กูจะถามมึงมั้ยล่ะ...คิดมั่งสิวะ” ผมจ้องตามันตอบ ไม่ใช่พวกหลบตาใครอยู่แล้วครับผมน่ะ
“อืมมมมมมมมมม...เป็นดีมั้ยวะ ?? ” มันเอามือจับคางทำท่าคิด “เอ๊ะ...หรือไม่เป็นดี ?? ”
“ให้กูเอาตีนลูบหน้าแล้วมึงจะนึกออกดีมั้ย ? ” ผมถอนหายใจในความกวนส้นตีนของไอ้คนตรงหน้า นี่กูซีเรียสสุด ๆ ขนาดว่ากลั้นใจถามเลยนะ ยังมาเล่นไม่ดูเวลาอีก “ทำไมมึงชอบมาวุ่นวายกับกูจังวะ กูเป็นผู้ชายเหมือนมึงนะเว่ย”
“อืม...แล้วไงล่ะ มึงเป็นผู้ชายแล้วไงวะ” ภคินเลิกคิ้วขึ้น คราวนี้มันจับไหล่ผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้น...
“ฟังนะไปป์....ถ้าสิ่งที่กูทำอยู่นี่มันเรียกว่า ’เกย์’ ก็เอาเหอะงั้นกูก็เป็น กูไม่สนคำนิยามโง่ ๆ ที่ใครจะเรียกกูว่าอะไรทั้งนั้น กูรู้แต่ว่าถ้ากูทำอะไรแล้วมีความสุขกูก็จะทำ...มันก็แค่นั้นเอง”
สายตาจริงจังที่สะท้อนในตาผมชวนให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในทันใด แต่ก็ไม่อาจหลบสายตาที่จ้องมาโดยแฝงความหมายแปลก ๆ ได้ มันพูดเหมือนกับว่าอยู่กับผมแล้วมีความสุขมันก็เลยทำ แล้วมันหมายถึง ’ชอบ’ ผมรึเปล่านะ ?
เหมือนตกอยู่ในภวังค์ด้วยสายตานั้น ผมไม่อาจจะขยับตัวหนีเมื่อเห็นใบหน้าของคนตรงหน้าค่อย ๆ โน้มตัวลงมาใกล้เรื่อย ๆ ...เรื่อย ๆ ...เรื่อย ๆ ...
โครกกกกกกกกกกกกกกก...เอิ่ม...เสียงมันมาจากท้องผมเองครับ ไม่ใช่ใคร...
ภคินจ้องหน้าผมที่ผละตัวออกจากมันอย่างรวดเร็ว มันยกยิ้มมุมปากพร้อมด้วยแววตาขบขัน “มึงไปตายอดตายอยากมาจากไหนวะเนี้ย ท้องร้องดังกว่าเสียงนาฬิกาปลุกกูอีก นี่กูขอแนะนำให้มึงท้องร้องให้เป็นเวลานะกูจะได้เอาไว้ใช้แทนนาฬิกาปลุก เสียงดังชิบหาย”
“ไอ้เชี่ยนี่ !!! ก็ใครใช้ให้มึงพูดอะไรยืดยาว กูก็บอกแล้วว่าหิวอยู่ยังจะพูดมากอีก !!!!”
“ก็มีไอ้หน้าโง่ที่ไหนมันถามซอกแซกอยู่นั่นแหละ กูถึงต้องมานั่งตอบเนี้ยฮะ !? ”
ชิ !!! ไม่เถียงแม่งละ แดกข้าวดีกว่า...
ผมเอากับข้าวที่อุ่นแล้วมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจอีกคน ซึ่งมันก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร นั่งกินข้าวหน้าตายเฉยเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนไม่สนใจโลกอย่างมันนี่รับมือยากจริง ๆ เหอะให้ตายสิ !!!
“ภคิน...” ผมเรียกมัน
“ไรวะ”
“กูขอโทษที่ถามมึงเรื่องเมื่อกี้ว่ะ...”
“รู้ตัวด้วย” มันเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ก็แอบอมยิ้มนิด ๆ
“คือกูถามมึงผิด กูต้องถามว่ามึงเป็นไบรึเปล่าถึงจะถูก...”และมันก็ทำหน้าเหม็นเบื่อทันที !!!!
อ้าว...ผิดกูอีกเหรอเนี้ย ????
TBC
มาแก้ให้แล้วนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ เหมือนจะแฮงค์ไปตอนอีดิทT T
มาแล้วจ้า ตามสัญญาวันที่10 ที่กำหนดไว้ว่าวันนี้เพราะมันเป็นวันเกิดคนเขียนค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด(มึงจะกรี๊ดทำไม)
อยากให้น้องได้จูบกันวันนี้ค่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกก(สาเหตุเกรียนมาก)
พี่สาวที่รักและเคารพวาดรูปให้เป็นของขวัญวันเกิด ขออัญเชิญมาแปะไว้ณ.ที่นี้...
หมายเหตุ-น้องไปป์ไม่ได้น้ำลายไหลนะคะ มันเป็นก้านจูปาจุ๊ปส์ แต่บังเอิญว่าย่อรูปมันเลยเห็นไม่ชัดค่ะ
(พี่เค้าไม่ให้บอกชื่ออ่ะ เค้าบอกว่า A SECRET MAKES A WOMAN WOMAN โอเค...งั้นเราจะไม่บอก)
รูปมันสวยเมพมากอ่ะค่ะ ดูแล้วอยากจะกรี๊ดไปสามบ้านแปดบ้าน มันตรงอิมเมจมากๆ
ช่วงนี้ติดอนิเมะเรื่องsekai-ichi-hatsukoi แบบว่าชอบมากกกกกกกก ไม่ไหวแล้ว ไม่ได้รู้สึกก๊าวใจแบบนี้มานานมาก
ใครยังไม่ดูขอแนะนำให้ไปดูโดยด่วน ส่วนใครดูแล้วมาเม้าท์กันค่ะ ฮ่าๆๆๆ
เจอกันตอนหน้าค่ะ รักคนอ่านทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าทุกคน จุ๊บๆ
นอกเรื่องใครเล่นทวิตฟอลโล่วเราได้นะคะ @Indigo_PAR แต่ห้ามทวงนิยายนะ ฮ่าๆๆ