……………………………………………………………..
………………………………………………
…………………………
……..
“ไปป์”
“หือ...”
“เอาปากกาให้กูหน่อย ตรงนี้กูว่ามันแปลกๆนะมึงจดมาผิดรึเปล่า” ไอ้ฟาร์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้วอย่างมึนงงไม่รู้ว่างงกับบทเรียนหรือว่าลายมือผมกันแน่
วันนี้เป็นวันจันทร์ครับ ผมกับฟาร์เลิกเรียนค่อนข้างเร็วมันเลยได้มานั่งจ๋องอยู่ในห้องผมเอาหนังสือมาเปิดๆ ไม่ได้ขยันครับ แต่อาจารย์สั่งทำรายงาน เราเลยต้องช่วยกันรื้อสมองที่มีแต่ขี้เลื่อยออกมา
“อื้ออออออออออออ....” ผมบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยล้า...โอยยยย ปวดไหล่จริงๆ “ฟาร์กูว่าวันนี้เราพอแค่นี้เหอะว่ะ อ่านมากกว่านี้มึงไปเตรียมโลงให้กูได้เลย”
“โอเค...ตามนั้น” แหม...รอให้กูพูดนานแล้วล่ะสิมึง
ผมกับมันลุกจากกองหนังสือบนโต๊ะอาหารมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟา มันเอามือกุมขมับพลางนวดเบาๆ ผมเข้าใจครับตอนนี้กูก็หัวจะระเบิดไม่ต่างจากมึงเลย
“มึงอยู่ห้องคนเดียวเหรอวะ”
“คงงั้น...ไม่เห็นไอ้ภคินตั้งแต่เช้าละ” ผมยืดแขนออกไปบิดขี้เกียจอีกครั้ง “มึงอ่ะชมรมเป็นไงมั่งวะ แล้ววันนี้ไม่เข้าเหรอ”
“ไม่อยากเข้า” ผมขมวดคิ้วสงสัยมันคงจะดูออกมันเลยขยายความ “ไม่ชอบ”
“อะไรวะ...แป๊บเดียวก็ไม่ชอบซะละ”
“มึงก็รู้กูไม่ชอบอยู่กับคนไม่สนิทด้วย” มันทำท่าฟึดฟัดแล้วซบหน้าลงบนไหล่พี่เดียว
“อ้าว...ก็อยู่กะไอ้แซ๊กดิ”
“นั่นมันเพื่อนมึง ไม่ใช่เพื่อนกู”
“เฉยชาซะจริงนะมึง” ผมเอามือเฉดกบาลมันเบาๆ “ไม่ชอบก็ออกเลยดิวะ อยู่ไปทำไม”
“ทีตอนจะเข้านี่สนับสนุนกูใหญ่นะ บอกอยากให้มีสังคมเหี้ยไรก็ไม่รู้”
“กูก็เห็นท่าว่าอยู่ไปมึงก็ไม่มีสังคมอยู่ดี...มึงก็ออกมาเหอะ ไม่มีมึงแล้วเหงาปากว่ะ ไม่มีช่วยช่วยกูนินทา”
“นี่สาเหตุของมึงใช่มั้ย” มันทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม “พี่ที่ชมรมเขาไม่ยอมให้ออกอ่ะดิ ยังหาคนมาเล่นแทนไม่ได้”
“ซวยจริงๆมึง” ผมเอามือขยี้หัวเห็ดมันจนยุ่งไม่เป็นทรง “มึงก็ทนๆเอาเหอะ ไม่พอใจก็เหวี่ยงแม่งเลย”
“กูไม่ใช่มึงนะไปป์ เรื่องกูเอาไว้ก่อน...ว่าแต่เรื่องของมึง...”
“ห๊ะ...เรื่องไรวะ??”
“มึงยังไม่บอกกูเลยว่าวันนั้นมึงหายไปไหนกับภคิน”
“ก็กลับห้องไง”
มันถอนหายใจ “ไม่ใช่วันนั้น....กูหมายถึงวันที่เราไปกินสเวนเซ่นกันน่ะโว้ย แล้ววันต่อมามึงก็ไปเดินชนประตูจนตาปูดข้างเดียวไง” เออ..กูรู้ว่ามึงไม่เชื่อที่กูบอกแต่ก็ไม่ต้องประชดกันขนาดนั้นว้อยยยยย...
“ก็แบบ...มันมีเรื่องนิดหน่อยอ่ะ”
“มึงไปต่อยกะไอ้ภคินรึไงวะ?”
“เกือบถูก...พูดให้ถูกคือกูไปช่วยมันต่อยกะคนอื่นอ่ะ” มันอ้าปากค้างเหมือนไม่เชื่อผม “อะไรเล่า...กูเป็นคนดีหน่อยไม่ได้เลยรึไง”
“มันไม่ใช่ว่าดีไม่ดี แต่นั่นมันภคินนะเว่ย ศัตรูหมายเลข1ของมึงเลยไม่ใช่”
ผมนิ่งไป ...เออ..กูรู้ก็แม้แต่กูก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำอะไรเพื่อมันไปทำไม แล้วจะให้กูตอบมึงว่าอะไร มันจ้องหน้าผมตาแบ๋วเหมือนจะเค้นความลับ...ผมไม่ว่ามันหรอกครับเพราะผมเองก็ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านเหมือนกัน
“ไปป์...” แล้วมึงจะทำเสียงจริงจังทำไมวะ “กูถามจริงๆนะ..”
“อะไรวะ?”
“มึงคิดยังไงกะภคินวะ” มันหรี่ตามองผมเหมือนจะจับผิด “ช่วงหลังๆมานี้มึงดูสนิทกับมันมากขึ้นนะ”
“สะ...สนิทเหี้ยไร ตีกันบ้านแทบแตก” อ้าว...ผมไม่ได้โกหกนะก็ตีกันตลอดเวลาจริงๆนี่หว่า
“จริงเหรอ??”
“ยิ่งกว่าจริงซะอีก กูยังคิดอยู่เลยว่าข้างห้องมันทนฟังได้ไง แล้วมึงรู้มั้ยมันทั้งสกปรก โสโครก จานชามก็ไม่ค่อยล้างลำบากกูตลอดเวลา”
“เอ่อ...กูเข้าใจละ”
“แม่ง..ใครได้มันเป็นผัวนะ ต้องซวยไปจนตายแน่ๆ!!!”
“ระวังตัวเหอะมึงไว้เหอะ เดี๋ยวจะได้ซวยตลอดชีวิต” มันยิ้มเผล่แซวผม เอ๊ะ...เล่นของสูงใช่มั้ยมึง
“เรื่องอะไรกูต้องไปเป็นเมียมัน”
“ก็มึงดูชอบมันออก” ผมเบิกตาโตเหมือนหมาปัคที่ได้ยินเสียงฟ้าผ่า
“เหยดดดดดดดดดด...มึงเอาอะไรคิดห๊ะไอ้หัวเห็ด!!!!!” ผมเอานิ้วจิ้มจึกๆที่หน้าผากมันจนหัวเด้งไปข้างหลัง
“โอ๊ยยยยยย...เลิกยุ่งกะหัวกูได้แล้ว” มันเอามือปัดๆนิ้วผมออก “มึงนี่พอกูพูดความจริงก็ทำร้ายกูอีก เป็นพวกซึนเดเระรึไงวะ”
“ไม่ได้เป็น...สัสนี่ พูดจายังกะพวกโอตาคุ”
มันหัวเราะร่า ก่อนจะค่อยๆลดเสียงลดแล้วจ้องหน้าผมจริงจังอีกครั้ง เอ่อ..มึงกลับไปหัวเราะเหมือนเดิมก็ได้นะกูไม่ว่า “มึง...รู้สึกยังไงกับภคินกับแน่วะ”
“มึงจะคาดคั้นเอาอะไรกับกูนักหนา” ไอ้ห่านี่...ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่รู้!!!(แต่บอกในใจนะครับ)
“อ้าวตอนแรกเห็นว่าไม่ชอบ ตอนนี้ตอบไม่ได้ซะแล้ว” มันชี้หน้าผมเป็นเชิงล้อเลียน “อยู่ด้วยกันแล้วชอบขึ้นมาแล้วล่ะสิมึง แหน่~~~~~~~~ ไม่ชอบก็อย่ายิ้มสิวะ”
“ไอ้ห่ามึงมามุกนี้เลยเหรอ” ตอนมัธยมคุณต้องเลยโดนมั่งแหละไอ้พวกเพื่อนที่ชอบมาชี้หน้าแล้วพูดว่า’แหน่~~~~~’ แล้วเราต้องยิ้มตามมันน่ะครับ มุกเก่าเล่าได้เรื่อยๆนะไอ้ฟาร์
“ยอมรับมาซะดีๆ มึงชอบมันใช่มั้ย”
“ไม่ชอบเว่ย!!!!!!!!”
“อย่ามาซึน เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่เลย”
“ก็เมื่อกี้มึงเล่นชี้หน้ากูแบบนั้นใครไม่ยิ้มก็บ้าแล้วโว้ย!!!!” ผมเอามือสองข้างจับแก้มตัวเองแล้วดึงลงเกร็งใบหน้าให้เคร่งขรึมที่สุด
มันหัวเราะร่าเหมือนดีใจเสียเต็มประดาที่ได้ต้อนผมให้จนมุม “ไม่ชอบแล้วรู้สึกยังไงล่ะ??”
“กูเกลียดมันเหมือนเดิมนั่นแหละ....เกลียดมัน...เกลียดมัน....ได้ยินรึยัง!!!!!!!!”
“เออ...ได้ยินเต็มสองรูหูแล้ว” ทั้งผมและไอ้ฟาร์สะดุ้งเฮือกเมื่อมีบุคคลที่สามปรากฏกายโดยไม่ได้นัดหมายไว้ และแน่นอนว่าตามสไตล์หนังไทย...ไอ้ห่านั่นต้องเป็นไอ้ภคินแน่ๆ!!!!!! มันอยู่ในชุดเตรียมตัวออกจากบ้านยืนพิงประตูห้องนอนที่เปิดอ้าไว้ ไอ้ฟาร์ส่งสายตาเลิ่กหลั่กมาให้ผมเป็นเชิงว่า’ไหนว่ามันไม่อยู่ไงวะ’ เออ..กูก็คิดแบบนั้นเหมือนกันใครจะไปรู้ว่ามันจะอยู่ในห้องวะ
มันไม่พูดอะไรนอกจากสีหน้าเฉยชาที่ตวัดมองหน้าผมจนรู้สึกจุกขึ้นมาในอก มันเดินมาคว้ารองเท้าผ้าใบเน่าๆบนชั้นวางมาใส่ก่อนจะตวัดมองหน้าผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ประตูจะปิดลง....
ปังงงงงงงงงงง!!!!!!ไอ้ฟาร์ค่อยๆหันมาสบตาผมช้าๆ....
“เสียงดังแล้วข้างห้องเค้าไม่ด่าเหรอวะ”TBC
แหม...หายไปนานเลย ต้องขอโทษคนอ่านทุกท่านด้วยค่ะ//คลานเข่าเข้ามากราบ
ยังอยู่กทม.อยู่เลยค่ะ อาจจะได้กลับสักวันที่24 ดังนั้นช่วงระหว่างที่อยู่นี่อาจจะไม่ได้อัพบ่อยเหมือนตอนอยู่บ้านนะคะ ต้องขออภัยจริงๆ
ตอนนี้ขอจัดคู่หลักเต็มๆก่อนนะคะ เพราะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม(เหรอ?) คู่รองรอไปก่อนนะลูกเมียน้อยก็แบบนี้แหละค่ะ

แอบปลื้มเวลามีคนเข้ามาทวงอ่ะ งั้นต้องลองดองบ่อยๆละ//โดนโบก

PS.แอบอยากเขียนอีกสักเรื่องแต่เอาแบบดราม่าอ่านแล้วหายใจไม่ออกไปเลย รอเขียนเรื่องนี้จบก่อนเนอะ(ถ้าจะอีกนานค่ะ)ตอนนี้ก็เก็บข้อมูลไปก่อน