Do not disturb ✰ ขอโทษครับ ห้ามรักกวน[เปิดจองDNDเล่มพิเศษ+Reprint p.206]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Do not disturb ✰ ขอโทษครับ ห้ามรักกวน[เปิดจองDNDเล่มพิเศษ+Reprint p.206]  (อ่าน 2289793 ครั้ง)

ออฟไลน์ MinKKniM

  • 난 널 사랑해 동해
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
ทั้งสองคนรักกัน แต่ต่างคนต่างมีความคิดความเข้าใจเป็นของตัวเอง โดยไม่เคยพูดคุยหรือทำความเข้าใจให้ตรงกัน
ภคิน รักและยึดติดกับไปป์มาก เลยเกิดความระแวงกลัวว่าจะสูญเสีย เกิดความไม่มั่นใจเก็บมานานมากจนเป็นแผล
ไปป์ มันก้อรักภคินนะ แต่ไม่ค่อยแสดงออก อาจจะมาจากที่ไปป์มันชายแท้ไม่ได้บอร์นทูบีคงจะยากที่จะต้องประกาศตัว การแสดงออกมันเลยเหมือนไม่แคร์
ไปป์ค่อนข้างแคร์ครอบครัวคงกลัวพ่อแม่ผิดหวัง แถมมันขี้นินทาคงกลัวคนอื่นจะนินทามันเหมือนที่มันทำ
ภคินอย่าเป็นอะไรนะ ลองกลับมาปรับความเข้าใจกับไปป์ จะได้รู้ว่าไปป์มันก้อรักภคินไม่น้อยไปกว่าภคินรักไปป์เลย

ออฟไลน์ NiNJA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เมื่อไหร่จะมาต่อ ฮือออ!!

เค้ารอมาหลายวันเเล้วอ่ะ!

ภคิ๊น!

MAKWAN

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
Room 52

   ลมหายใจแผ่วติดกลิ่นยาฆ่าเชื้อเป็นสิ่งแรกที่ผมรับรู้...

   หัวสมองขาวโพลนไปหมด  ไม่รู้ที่มาที่ไปของอะไรทั้งนั้น  ลองพยายามขยับนิ้วช้า ๆ  ซึ่งก็พบว่ามันปวดระบมอยู่พอสมควร  ยังดีที่รู้สึกเจ็บ  ขอบคุณสำหรับความเจ็บ...  มันทำให้ผมรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่

   หายใจเข้าออกช้า ๆ  ค่อย ๆ สูดอากาศให้เต็มปอด  เมื่อออกซิเจนไหลเข้าสู่สมองอย่างเต็มที่  ผมก็เริ่มจะนึกถึงเหตุการณ์ก่อนจะสลบไปขึ้นมาได้...  ผมกำลังจะกลับบ้าน  ใช่แล้ว  แล้วก็ถูกดักซ้อมในซอยแคบ ๆ นั่น  แล้วต่อจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นวะ?  ผมพยายามจะขืนตัวลุกขึ้นนั่ง  แต่พอขยับขาปุ๊บ  ความปวดแปล๊บก็แล่นขึ้นมาถึงไขสันหลัง  อ่า  โดนพวกมันเหยียบซะขนาดนั้นไม่เจ็บก็เกินไปแล้ว

   ทั้ง ๆ ที่หนีมาได้ตลอดแท้ ๆ  แต่ตอนนั้นผมพลาดเองที่ทำอะไรไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน  ทั้งความโกรธ  ทั้งความน้อยใจมันมากระตุ้นให้ตัดสินใจพลาด  เลยโดนพวกมันยำตีนซะได้  มือซ้ายของผมเริ่มควานหาสิ่งที่มักจะอยู่ข้างกายเสมอทุกครั้งที่ตื่นนอน  มันเป็นความเคยชินที่ไม่รู้ว่าติดเป็นนิสัยตอนไหน  แม้ว่าการขยับเคลื่อนไหวร่างกายมันจะทำให้รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่ช่วงอก  แต่ผมก็ยังพยายามควานหาสิ่งนั้นต่อไป  และสุดท้ายสิ่งเดียวที่พบก็คือ... ความว่างเปล่า

   กว่าจะรู้ตัว... น้ำตาผมก็ไหลออกมาอีกแล้ว

   ผมเกลียดตัวเองเวลาอ่อนแอแบบนี้ที่สุด  เคยคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมาตลอด  นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องชกต่อยอย่างนี้  ไม่ว่าจะมีบาดแผลมากมายแค่ไหน  จะเจ็บปวดสักเพียงใด  ทุกครั้งที่ลืมตาผมก็จะกัดฟันแล้วลุกขึ้นมาได้ด้วยตัวเองเสมอ  แต่ทำไมคราวนี้ถึงได้ลุกไม่ขึ้นกันวะ  ไอ้คิน... มึงแม่งโคตรอ่อนเลยว่ะ

   “ไปป์...” ผมครางชื่อคนที่ควานหามานาน  และคนที่ผมเรียก...  เขาก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้

   ห้องพักในโรงพยาบาลนี่มันขาวจริง ๆ แฮะ...  ผมหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อให้ดวงตาคุ้นชินกับแสงจากไฟนีออน  ก่อนจะเหลือบมองออกไปผ่านรอยแยกของผ้าม่านที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา  ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว  วันที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  ผมไม่ค่อยได้นอนโรงพยาบาลนักหรอก  มีแผลนิดหน่อยเลีย ๆ เอาก็หาย  คราวนี้ท่าจะอาการหนักจริง ๆ  ยิ่งเห็นขาขวาของตัวเองถูกดามด้วยเฝือกเรียบร้อย  ยิ่งตอกย้ำถึงความเจ็บที่ได้รับ  ผมปาดน้ำตาโง่ ๆ ก่อนจะมองสำรวจไปทั่วบริเวณห้อง  เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องน้ำเปิดออกมา

   “คิน!” แม่ปิดปากด้วยความตกใจที่เห็นผมลืมตาขึ้นมาแล้ว  เธอรีบโผเข้ามาเกาะที่ขอบเตียง  ลนลานคว้ากริ่งเรียกพยาบาลมากดเป็นการใหญ่ “คะ... คุณหมอคะ  ลูกดิฉันฟื้นแล้วค่ะ”
   “แม่...” ผมเรียกเธอเบา ๆ  ฝ่ามือสั่นระริกนั้นเอื้อมมาสัมผัสมือที่มีแต่รอยแผลของผมแล้วยกขึ้นแนบที่ข้างแก้ม  ดวงตาของแม่แดงก่ำและยังหลงเหลือคราบน้ำตาให้เห็น  แย่จัง  ผมทำให้แม่ต้องร้องไห้ซะแล้ว...  แม่พร่ำบอกกับผมซ้ำ ๆ “ไม่เป็นไรแล้วนะลูก...  ไม่เป็นไรแล้ว”
   “ผมมาโรง’บาลได้ไง?”
   “ลุงแช่มแกไปเจอลูกกำลังโดนทำร้าย  ลุงแกเลยตะโกนเรียกชาวบ้านแถวนั้น  ไอ้พวกนั้นเลยตกใจหนีไปแล้วล่ะลูก...” เธอลูบหัวผมเบา ๆ อย่างอ่อนโยน “ขวัญเอ๊ยขวัญมา...”
   ผมหลับตาลงรับไออุ่นจากแม่  แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่หมอจะมาเข้ามาขอตรวจอาการโดยรวม  แต่นั่นก็พอจะทำให้จิตใจที่บอบช้ำได้มีชีวิตขึ้นมาบ้าง...

   “หัวแตกเย็บสามเข็ม  ซี่โครงหักสองซี่  ขาขวาหักต้องเข้าเฝือกดามไว้  นอกนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ  หมอตรวจสมองให้แล้ว  ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร  ส่วนใหญ่จะเป็นบาดแผลภายนอกมากกว่า” คุณหมอแก่ ๆ สวมแว่นท่าทางใจดีส่งยิ้มให้ผม  ส่วนพยาบาลข้าง ๆ ก็จดบันทึกลงรายงาน “ลูกต้องพยายามไม่ขยับตัวให้มากนะ”
   “ครับหมอ” หมอพูดซะผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ เลย...
   “ขานี่ดามไว้แล้ว  ถ้าไม่ไปทำอะไรแผลง ๆ ก็คงไม่เป็นไร  หมอเป็นห่วงเรื่องซี่โครงนิดหน่อย  ถ้าลูกออกแรงหรือเคลื่อนไหวมาก  มันมีสิทธิ์บอบช้ำได้  แต่ตามปกติร่างกายสามารถประสานซี่โครงให้ตัวเองได้อยู่แล้ว  นอนพักที่นี่สักอาทิตย์นึงอาการก็น่าจะดีขึ้นมากแล้วล่ะลูก”
   “ขอบคุณมากครับหมอ” ผมพยายามรีบยกมือไหว้  แต่ก็เจ็บมือนิด ๆ เพราะเส้นเอ็นยังตึงอยู่  คุณหมอรับไหว้แล้วหันไปพูดกับแม่ผม
   “ไม่ต้องห่วงครับ...  ไม่นานก็หายแล้ว  หมอเป็นห่วงเรื่องสาเหตุมากกว่า  ถ้าคุณแม่ต้องการใบรับรองแพทย์สำหรับใช้แจ้งความ  บอกหมอได้เลยนะครับ”
   “ค่ะ...  ขอบคุณค่ะ”
   “หมอไปก่อนนะครับ  ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลยครับ” ว่าแล้วหมอก็เดินออกไป  ปล่อยให้พยาบาลสาวเปลี่ยนน้ำเกลือและฉีดยาแก้ปวดให้ผมสักพัก  เธอบอกว่าจะมีอาการง่วงเพราะฤทธิ์ยาเล็กน้อย  แล้วเธอก็ขอตัวออกไปจากห้อง  แม่ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทำลายความเงียบ

   “คิน...”
   “ครับแม่”
   “ไปทำอะไรมาลูก...  ทำไมถึงได้โดนเขาซ้อมมาแบบนั้น” แม่ถามผมด้วยน้ำเสียงและแววตาอันสั่นเครือ  ฝ่ามือเล็ก ๆ ของแม่กุมมือผมเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ ด้วยความห่วงใย “รู้มั้ย... แม่ใจจะขาด...  ตอนที่เห็นสภาพลูก  ละ... เลือดเต็มเลย  ละ... แล้ว... ลูกก็หายใจ...”
   “ขอโทษครับ...” แม่พูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว  เพราะเธอปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  ผมพยายามยกมือขึ้นช่วยปาดน้ำตาให้แม่...  มันเจ็บนะที่ต้องเห็นแม่มานั่งร้องไห้  รู้สึกผิดที่ทำให้แม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้

   แต่ในความรู้สึกผิดนั้น  ผมสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง...  แม่ร้องไห้ให้ผม...  แม่เองก็รักผมสินะ...  ผมเองก็สำคัญสำหรับแม่สินะ...

   การได้รับความรักมันรู้สึกดีจริง ๆ

แม่แนบแก้มลงกับผ่ามือของผมเบา ๆ  ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะยอมสงบลงได้  เธอเริ่มตั้งสติและหายใจเข้าออกช้า ๆ  ก่อนจะเอ่ยต่อ
   “มันบอกว่า...  ลูกติดหนี้เจ้านายมัน” แม่ปาดน้ำตาแล้วเริ่มทวงถามความจริง “คิน...  ลูกไปทำอะไรมา  บอกแม่ได้มั้ย?”
   “.........” ผมไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น  ถ้าคำตอบมันจะทำให้แม่รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้  แต่แม่ก็ไม่ยอมแพ้  เธอค่อย ๆ จับใบหน้าผมให้หันไปเผชิญหน้ากันตรง ๆ
   “บอกแม่มาเถอะลูก...  ใครทำอะไรลูก?”
   “แม่...” ผมคราง “ผมจัดการเรื่องนี้เองได้...  แม่อย่าเครียดเลย”
   “ไม่!  แม่ทำให้ลูกลำบากมามากพอแล้ว  แล้วนี่คินเจ็บตัวถึงขนาดนี้...  จะบอกให้แม่อยู่เฉย ๆ ได้อีกเหรอลูก” เธอเอื้อมมือมาลูบแก้มผม  เอ่ยด้วยเสียงสั่น ๆ ออกมา “บอกแม่มาเถอะนะลูก”
   ผมก้มหน้าลงหนีความผิด  รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้ตัวเองผิดเต็มประตู  ไม่อยากให้แม่รู้ว่าตัวเองดื้อขนาดไหน...  แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว  ตัวผมเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน “ผม... ผมติดหนี้เจ้านายมันจริง ๆ ครับ”
   สีหน้าแม่ดูตกใจพอควร “เยอะมั้ยลูก...  เสี่ยเฮงใช่มั้ย?”
   “ครับ...” ผมพยักหน้า “เงินต้นผมจ่ายมันไปหมดแล้ว...  ที่เหลือก็มีแต่ดอก...”
   “เท่าไหร่ลูก  แม่จะไปจ่ายให้เสี่ยมันตอนนี้แหละ” ผมเห็นแววตาโกรธลุกโชนขึ้นมาในดวงตาคู่นั้นของแม่  เลยต้องรีบบีบมือแม่เบา ๆ เพื่อให้แม่ใจเย็นลง
   “ผมจะหามาจ่ายเองครับ  แม่ไม่ต้องหรอก”
   “คิน” แม่พูดเสียงเข้มแล้วจ้องลึกเข้ามาในตาผม “ให้แม่ได้ทำหน้าที่ของแม่บ้างเถอะลูก”

   ความเงียบชั่วขณะเกิดขึ้นในห้อง  ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น  ผมกับแม่ยังคงจ้องตากันเงียบๆ  แม่ทำได้เพียงรอคอยคำตอบจากผมเท่านั้น  แววตาของเธอดูเว้าวอนเหลือเกิน...  แม่คงจะคิดมากว่าเธอไม่เคยได้ทำอะไรให้ผมเลย  ซึ่งผมก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าตัวเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน  ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่สนใจแต่ลุงชาติ  ทุกครั้งที่ผมล้มลง  แม่ไม่เคยเหลียวกลับมามอง  แม่เดินไปข้างหน้ากับคนที่แม่รักเสมอ...  และนั่นก็สอนให้ผมลุกขึ้นมาสู้กับปัญหาด้วยตัวเองมาตลอด

   แต่ในตอนนี้...  แม่กำลังยื่นมือเข้ามา  เพื่อช่วยฉุดดึงให้ผมลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง...

   “...สามหมื่นครับ”

   “ขอบคุณนะลูก...” เธอยิ้ม...
เราสองคนไม่ค่อยได้พูดอะไรกันมากมายอยู่แล้ว  อาจะเป็นเพราะความห่างไกลกันเสียจนคุ้นชิน  เลยทำให้ต่างฝ่ายก็ต่างไม่เคยเรียกร้องให้อีกฝ่ายทำอะไรให้เลย  ผมไม่เคยร้องขอให้แม่ทำอะไรให้  แม่ก็ไม่เคยขอร้องให้ผมทำอะไรให้  เรามีชีวิตเหมือนยืนกันคนละฝั่ง  และออกเดินไปตามทางของตัวเองเสมอมา

   ใช่... ผมเคยคิดว่าแบบนั้นก็ดีแล้ว  จนกระทั่งวันที่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากอ้อมกอดของแม่เป็นครั้งแรก  ทำให้รู้ว่าผมไม่ได้เดินออกไปจากตรงนั้นเลย  ในขณะที่คิดว่าตัวเองเดินห่างมาไกลแล้ว  แท้จริงผมยังคงเดินย่ำอยู่กับที่...  อยู่ข้าง ๆ แม่เสมอ  รอคอยเธอมาตลอด  อยากได้ความรัก...  อยากให้แม่ ‘รัก’

   และในวันนี้...  แม่มาขอให้เธอได้ทำอะไรเพื่อผมบ้าง  มือนั้นของแม่ที่ยื่นมาตรงหน้า...  จะให้ผมปฏิเสธได้อย่างไรล่ะ  ในเมื่อ...  ผมเองก็โหยหามาตลอด

   “ขอบคุณครับแม่...” แม่ลูบหัวผมเบา ๆ และไม่พูดอะไรอีก...

นี่จะเรียกได้ว่าผมกับแม่พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งก็คงจะได้ล่ะมั้ง...  แต่ผมก็ยังปิดความลับเรื่องที่ผมกู้เงินเหล่านั้นมาให้แม่ใช้  บางส่วนก็เอาไปจ่ายค่าอุปกรณ์การเรียนของคณะ  เพราะทำโมเดลแต่ละครั้ง  แม้ว่าจะหารเงินกันมันก็แพงอยู่ดี  อย่าให้แม่รู้เลย...  เดี๋ยวจะรู้สึกผิดต่อผมไปมากกว่านี้  ก่อนหน้านี้ผมก็เคยมีเรื่องกับพวกมันแล้ว  ครั้งนั้นไปป์มันก็มาช่วยเอาไว้เหมือนกัน  ตอนนั้นแม่งโดนต่อยตาบวมด้วยแหละ  ตลกชะมัด  แย่ว่ะ...  คิดถึงมันขึ้นมาอีกแล้ว

   ไม่นานนักอาหารสำหรับคนไข้ก็มาถึง  แม่อาสาป้อนข้าวให้ผม  แม่เล่าว่าผมหลับไปหนึ่งวันเต็ม ๆ  จากนั้นก็ชวนผมคุย  ถามอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่มหา’ลัย  แต่ก็ไม่มีเรื่องของคน ๆ นั้นหลุดออกมาจากปากแม่สักคำ  มันจะรู้มั้ยนะว่าผมหายไป...  จะสนใจกันบ้างมั้ย?  คุยกันได้สักพักแม่ก็บอกกับผมว่า  แม่มีเงินส่วนหนึ่งที่เก็บเอาไว้ได้สักพักแล้ว  คงจะพอจ่ายดอกให้ผมได้อยู่  แล้วแม่ก็ขอตัวออกไปสะสางเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังเสียงประตูปิดลง  รู้สึกแปลก ๆ ที่มีคนมาช่วยเหลือเวลาลำบาก...  แต่ทำไมทีไปป์ผมยังอยากให้มันทำนู่นทำนี่ให้ตลอดเวลาเลยล่ะ  ผมนี่ท่าจะบ้าเนอะ  คิดแล้วก็ค่อย ๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดู  มันเต็มไปด้วยบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ  แต่ก็ทำเอาผิวหนังตึงด้วยสะเก็ดแผล  ทำให้ขยับตัวไม่ค่อยถนัดเอาเสียเลย  แย่ว่ะ...  แบบนี้จะไปทำโปรเจ็คต์กับเพื่อนได้ยังไง  จับดินสอเขียนแบบยังไม่ไหวเลยมั้ง  ให้ไปถือคัตเตอร์กรีดกระดาษหนา ๆ มีหวังตายแน่ ๆ  ไหนจะอาการปวดที่ซี่โครงแล้วยังขาขวาที่อยู่ในเฝือกอีกล่ะ?  คิดได้แบบนั้นผมก็พยายามเอื้อมมือไปคว้ามือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมากดโทรออก  ตอนขยับตัวปวดระบมไปทั้งช่วงอกเลย  ผมแนบหน้าลงกับหมอนทับโทรศัพท์  รอสัญญาณจนมีคนมารับ...

   “ไอ้อาร์ท” สาบานได้ว่าเป็นการคุยโทรศัพท์ที่ไร้มารยาทมาก  ซึ่งกูไม่แคร์
   “ครับ?  ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ  คิน” ไอ้เหี้ยนี่ก็ไร้มารยาทพอกันล่ะวะ  ยอกย้อนได้เจ็บแสบเลือดซิบ
   “โทรมาจากสวรรค์มั้ง  ไอ้เชี่ย”
   “ฮะ ๆ ๆ  งั้นคงต่อสายผิดแล้วล่ะ” ไอ้อาร์ทพูดกลั้วหัวเราะ “คินตัวจริงต้องต่อสายมาจากนรกสิครับ”
   “พอ ๆ ๆ  มึงจะหลอกด่ากูอีกนานมั้ย” กูชักไม่ไหวกับนิสัยกวนประสาทของมึงล่ะนะ  ไอ้ห่าอาร์ท “ตอนนี้กูอยู่โรง’บาลแถว ๆ บ้าน”
   “อ๋อ...  เรื่องนั้นแม่นายโทรมาบอกเราแล้วล่ะ” น้ำเสียงไอ้อาร์ทดูไม่ตกใจสักนิด  กูว่าถึงมึงรู้เรื่องนี้ทีหลัง  มึงก็ไม่ตกใจหรอกวะ “บอกแล้วว่าให้ยืมเงินเราไปก่อน”
   “ไม่เอา!  กูไม่อยากพึ่งคนอื่น”
   “ครับ...  งั้นคราวหน้าก็รับประทานเท้าชาวบ้านเล่นไปนะ” สะอึกเลยกู...  มันก็จริง  เพราะไอ้นิสัยชอบลุยเดี่ยวเนี่ยแหละ  ทำให้กูต้องมาแดกตีนไอ้ตัวกินไก่จนอิ่มอยู่โรง’บาลนี่ไง “แล้วนี่จะโทรมาบอกว่ามาช่วยโปรเจ็คต์ไม่ไหวใช่มั้ยครับ?”
   “เออ...  มือแม่งตึงชิบหาย  จับดินสอดราฟต์ยังไม่ไหวเลยมั้ง” ว่าแล้วก็ลองขยับเบา ๆ  เจ็บว่ะ...
   “ช่างเหอะ  เราก็ไม่ได้หวังพึ่งอะไรนายมากอยู่แล้ว  อีกอย่างกันกับกั้งยังตีกันเรื่องโครงสร้างหลังคาไม่จบเลย”
   “ดีละที่กูเจ็บอยู่  ขี้เกียจไปฟังมันตีกัน  งานก็ไม่เดินสักที” ผมมันพวกไม่ใส่ใจคะแนนซะด้วย  มีส่งกูก็เอาละ
   “แล้วก็  มอเตอร์ไซค์ตอนนี้อยู่ที่ใต้หอแล้วนะ  เราไปจัดการให้แล้ว  นายคงขับไม่ได้หรอก  ขาหักด้วยนี่”
“มึงรู้ได้ไง”
“เมื่อวานพวกเราแห่กันไปโรงพยาบาล  แต่นายดันสลบไม่รู้เรื่องน่ะ  ตอนนั้นยังเกี่ยงกันอยู่เลย  ว่าใครจะบวชหน้าไฟให้  ไม่มีใครอยากตัดผมเลย”
   “เจริญมากเพื่อนกู” ขอกูสาปส่งพวกมึงบ้าง “เออ...  งั้นแค่นี้นะ”
   “อยู่กับไปป์เหรอครับ”
   “.....” ผมเงียบ  อยู่ก็ดีน่ะสิ  จะได้ไม่ต้องตื่นมาควานหาให้เจ็บมือเจ็บใจเล่น  ไม่รู้ว่าที่ผมหายจากห้องไปนี่จะรู้ตัวบ้างไหม  มือถือก็ไม่มีเบอร์มันโทรเข้ามาด้วยซ้ำ  ผมถอนหายใจ “มันไม่มาหากูหรอก”
   “อะไรกันครับ  ก็ตอนนั้น...  เออ... ช่างเถอะครับ”
   “ไรของมึง  มีอะไรก็พูดมาให้จบ” ไอ้เหี้ยนี่ชอบทำตัวมีปริศนาอยู่เรื่อย
   “ไม่มีอะไร  เอาเป็นว่า  เดี๋ยวเราลาอาจารย์ให้ละกัน  นายก็เอาใบรับรองแพทย์มายื่นอีกทีนะ  เดี๋ยวถ้าว่างจะขนกันไปเยี่ยมทั้งคณะ”
   “ไม่ต้องมาเลย  ไอ้ห่า  กูได้โดนเขาไล่ออกนอกโรงบาลพอดี  เสียงดังชิบหาย” ไอ้อาร์ทหัวเราะหลอน ๆ ตอบ  เชี่ยนี่ท่าจะขนกันมาจริง ๆ ว่ะ  กูต้องรีบฟื้นสภาพก่อนโดนหมอเฉดหัวละ

   ผมกดตัดสายอย่างไร้มารยาท  ซึ่งเป็นมารยาทในการคุยโทรศัพท์ของผม  แอบแวบไปโทรบอกไอ้ต้นหน่อยว่าคงได้ลางาน  จากนั้นก็พยายามเอื้อมมือไปวางมือถือไว้ที่เดิม  แน่นอนว่าปวดหน้าอกเสียดขึ้นมาเลย  นี่ขนาดว่าหมอห้ามไม่ให้ขยับตัวเยอะนะ  ตั้งแต่ตื่นมากูขยับไม่หยุดเลย  สักพักก็รู้สึกตึง ๆ หนักหนังตาขึ้นมา  สงสัยยาแก้ปวดที่พยาบาลฉีดให้เมื่อกี้คงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วสินะ  ผมถอนหายใจพรืดแล้วปิดเปลือกตาลง  ค่อย ๆ จมสู่ห้วงนิทรา  ทั้ง ๆ ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาได้เพียงไม่นาน

   อยากเจอมันจังเลย  มันหายไปไหนนะ?  ความน้อยใจพุ่งเข้ามาในใจอย่างห้ามไม่อยู่...  ลำพังตอนนี้แค่หายใจเฉย ๆ ยังแน่นหน้าอกไปหมด  ผมค่อย ๆ หายใจออกช้า ๆ

   ครั้งสุดท้ายที่ไปป์บอกว่ารักผม... มันนานแค่ไหนแล้วนะ?

...............................................................
............................................
.........................
.....

   เสียงกุกกักจากทางขวามือของห้องดังเข้าสู่โสตประสาท  เรียกให้ผมขยับเปลือกตาอันหนักอึ้งเบา ๆ  สมองยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนัก  เพราะฤทธิ์ยายังวนเวียนอยู่ในกระแสเลือด  ถึงจะง่วงไปหน่อย  แต่ก็ช่วยให้ระบมน้อยลงบ้าง  ผมปรือตาขึ้นเล็กน้อย  แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากแสงไฟสีขาวที่อยู่เหนือศีรษะ  ผมพยายามลืมตาให้กว้างขึ้นอีก  และ...

   “ครับ...  คุณน้า” เสียงนี้มัน...  ชิบหาย!  ‘มัน’ นี่หว่า

   ผมรีบหลับตาลงแทบไม่ทัน  โชคดีที่ท่าทางไปป์มันจะไม่สังเกตเห็นว่าผมตื่นแล้ว  มันยังนั่งเขย่าขาเคาะโซฟาก๊อง ๆ แก๊ง ๆ ไป “ทำไมมันต้องทำกันขนาดนี้ด้วย  จะสองหมื่นรึสามหมื่นมันก็ไม่มีค่าเท่าชีวิตคนหรอกครับ!  พวกมันน่ะ  สัตว์นรกชัด ๆ !” มันพูดแทบจะเป็นเสียงตะโกน  ทำเอาผมตกใจแต่ก็ไม่กล้าลืมตาขึ้นมา  มันกำลังโกรธ... โกรธมากซะด้วย  ผมไม่เคยเห็นไปป์โกรธขนาดนี้เลย
   “ขอโทษที่ผมพูดแรงไปนะครับคุณน้า” มันถอนหายใจยาว ๆ “ครับ...  ครับ  ผมไม่อยากยุ่งกับพวกมันนักหรอก ครับ...  ครับ”
   “ถ้ามันไม่มายุ่งกับภคินอีกนะครับ...  โอเคครับ  ได้ยินอย่างนั้นผมก็สบายใจครับ”

   คิดถึงจัง...  แค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกอุ่นวาบเข้ามาในใจแล้ว  สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะแอบปรือตาขึ้นมามองมัน  ไปป์ยังคงสว่างไสวเสียจนตาผมพร่าเหมือนเดิม  แม้ว่าตอนนี้มันจะหัวเสียแบบสุด ๆ ก็เถอะ  หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม  ผมเห็นมันกัดปากตัวเองแน่นแล้วก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้

   ไม่น่าเลย...  ไม่อยากให้มันมาเห็นตัวเองในสภาพทุเรศ ๆ แบบนี้เลย...  จะว่ามันเป็นศักดิ์ศรีโง่ ๆ ก็คงได้  แต่ผมไม่พร้อมจะเจอไปป์ตอนนี้จริง ๆ  ถึงมันจะเคยเห็นผมอ่อนแอมาแค่ไหน  แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน...  มันเลวร้าย  ผมตะโกนใส่หน้ามัน  หนีปัญหา  แถมยังต้องมามีสภาพดูไม่ได้แบบนี้อีก...

   “ยังหลับอยู่เลยครับ” ผมรีบปิดเปลือกตาให้แนบเนียนที่สุด “อ๊อ  ครับ...  กะ... ก็มีงานกลุ่มนิดหน่อยครับ  คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงครับ  ไม่ต้องรีบก็ได้  เดินทางดี ๆ นะครับ...  ครับ”

   เสียงโทรศัพท์ตัดไปแล้ว  ผมได้ยินเสียงมันวางมือถือลงบนโต๊ะพร้อมกับปล่อยลมหายใจออกมายาว ๆ  คงเหนื่อยมากสินะ  ไม่รู้ว่าวันสองวันที่ผ่านมาไปป์จะรู้สึกยังไงบ้าง  ไอ้เป็นห่วงน่ะ...  มันเป็นห่วงทุกคนอยู่แล้วล่ะ  ผมก็คงเหมือน ๆ กันนั่นแหละ  ถ้าคนที่นอนอยู่บนเตียงนี้เป็นไอ้ผมยาว  เป็นฟาร์  เป็นเวฟ  หรือจะเป็นใครก็ตาม  ไปป์ห่วงทุกคนเหมือนกันหมด  ทุกคนที่อยู่ในโลกของมันล้วนแต่มีความสำคัญทั้งนั้น  ไม่ว่าผม  หรือคนอื่น...  ก็ไม่ต่างกัน

   ชั่วขณะนั้นสัมผัสอุ่น ๆ แตะลงบนหน้าผากผมเบา ๆ  ผมจึงรีบคลายปมที่คิ้วออกเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต “มึงมันโง่...  ไอ้ห่าเอ๊ย”

   เอ๊า! ด่ากูซะอย่างงั้น...

   “ไอ้ควาย...  มึงมันโง่!  โง่!  โง่ชิบหาย!  ที่แดกเข้าไปทุกวันนี้ข้าวหรือหญ้าวะ” ก็แดกกับกูอยู่ทุกวันยังจะถามอีกเรอะ  กูแดกหญ้ามึงก็แดกหญ้านั่นแหละว้า...
   ผมชักอยู่ไม่ติดที่ซะแล้ว  เพราะไปป์มันเริ่มกดลงที่หน้าผากแรงขึ้น...  โอ๊ย...  กูเย็บที่หัวไปสามเข็มนะครับ  แผลยังตึง ๆ อยู่เลย  เดี๋ยวก็ปริกันพอดี “ไอ้เวรเอ๊ย...  เขาวุ่นวายกันหมดเพราะมึงคนเดียว” ผมเริ่มหลับตาปี๋กลัวมันจะฟาดลงมาระบายอารมณ์
   “มึงมันโคตรเอาแต่ใจ  ชอบคิดเองเออเอง  ตัวโตเป็นควายเสือกมาขี้น้อยใจอีก  คนเขายังไม่ทันพูดอะไร  แม่งก็วิ่งออกไปหน้าตาเฉย  คิดว่าเท่นักรึไงวะสัตว์” มึงเป็นช่างกลรึไงวะไอ้นี่...  ไม่เอาไม้ทีมาฟาดกูสลบจริง ๆ ไปเลยล่ะ “แล้วนี่เสือกมีเรื่องอีก  ตอนนู้นก็มาหลอกกูว่าไปแทงบอลไว้  กูโดนต่อยตาบวมขนาดนั้น  มึงยังกล้าไปยืมมันมาอีกเหรอ  ถ้ามันมาต่อยกูหน้าแหกไปอีกคนล่ะ!  แล้วดอกเยอะชิบหาย  กู้เงินไม่ดูเลย  มีกูอยู่ทั้งคนทำไมไม่ถามวะ  กูเรียนบริหารนะโว้ย!”

   การนอนนิ่ง ๆ ให้คนด่านี่มันก็ใช้ความอดทนสูงเหมือนกันนะ...

   “เมื่อไหร่มึงจะหัดใช้สมองใช้มันเป็นประโยชน์บ้าง  ไม่ได้ดีแต่ใช้กำลัง  ต่อยตีกับคนนู้นทีคนนี้ที  ไม่คิดถึงแม่มึงมั่งเรอะ  ว่าเขาห่วงมึงขนาดไหน  เพื่อนที่คณะมึงมันจะทำงานกันยังไง  ลูกค้าที่เซเว่นเขาจะไปซื้อของที่ใคร...”

   เสียงตะโกนของมันเงียบไป  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงอันสั่นเครือ...
   “ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมา  แล้วกูจะอยู่ยังไง...  ฮึก...  ไอ้ควายเอ๊ย!” ไปป์ไม่ด่าอะไรผมต่อแล้ว...  ที่ตามออกมามีแค่เพียงเสียงสะอื้นเท่านั้น...
   ไปป์ร้องไห้...  ไปป์ที่เข้มแข็งคนนั้นกำลังร้องไห้...  ผมไม่เคยเห็นมันร้องไห้มาก่อนเลย  และไม่อยากเห็นด้วย  ผมหลับตาปี๋ตอนที่มันคว้ามือผมมาบีบไว้เบา ๆ แล้วปล่อยโฮออกมา  ไม่เคยมีสักครั้งที่ไปป์จะร้องไห้  ไม่ว่าจะเจ็บป่วย  จะโดนผมแกล้ง  หรือแม้แต่ตอนที่ผมเกือบจะปล้ำมัน  มันยังไม่ร้องไห้ด้วยซ้ำไป  แต่ตอนนี้ไปป์ร้องไห้... เพียงเพราะกลัวจะเสียผมไป...

   น้ำตาหยดลงบนฝ่ามือที่เต็มไปด้วยแผลเล่นเอาแสบไปถึงหัวใจ...  ไม่ใช่เพราะแผลโดนน้ำตาหรอก  แต่มันเจ็บใจที่ผมเป็นต้นเหตุทำให้ไปป์ร้องไห้...  ไปป์สะอึกสะอื้นไม่หยุด  ซบหน้าลงกับเตียงนอนบีบมือผมไว้แน่น  ผมปรือตาขึ้นมามองไหล่นั่นสั่นอย่างรวดร้าวไปทั้งใจ  มันเจ็บเสียยิ่งกว่าตอนโดนซ้อมซะอีก...  ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการเห็นคนที่เรารักต้องมาเสียน้ำตาอีกแล้ว...

   ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ  มีแต่เพียงเสียงร่ำไห้ของไปป์เท่านั้น  มันร้องไห้จนกระทั่งเผลอฟุบหลับไปข้าง ๆ เตียงผม...  เมื่อมันค่อย ๆ หายใจเข้าออกช้า ๆ  บ่งบอกว่าหลับสนิทแล้ว  ผมจึงค่อย ๆ เอื้อมมืออีกข้างไปเกลี่ยที่แก้มชื้นน้ำตานั่น  ดวงตาโต ๆ คู่นั้นช้ำจนบวมไปหมด  อยากกอด...  อยากดึงเข้ามากอดให้สมกับที่คิดถึง  ที่ห่วงหา...  ที่ ‘รัก’

   แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะ  สภาพแบบนี้แค่ขยับแขนก็เจ็บไปทั้งซี่โครงแล้ว  สุดท้ายผมก็ไม่ได้ทำอะไร  นอกจากนอนมองหน้าอีกฝ่ายหายใจเข้าออกเบา ๆ  จมูกเล็ก ๆ นั่นแดงเรื่อไปหมด  เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้  ที่มันเป็นแบบนี้เพราะความงี่เง่าของผมเองทั้งนั้น...

   เอาเหี้ยอะไรคิดว่าไปป์มันไม่ให้ความสำคัญ...

   มันทำเพื่อผมมาตลอดแท้ ๆ  ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะมีใครทนผมได้เท่ามันอีกแล้วล่ะ  เลวก็เลว  นิสัยก็ไม่ดี  เอาแต่ใจ  เอาแต่ได้  ไม่เคยสนใจคนอื่น...  แต่มันก็ยังอยู่เคียงข้างผมมาตลอด  ไม่เคยมีถ้อยคำหวานซึ้ง...  เพียงแค่ลูบหัวผมเบา ๆ หรือแค่ยืนนิ่ง ๆ ให้ผมกอด  แต่สิ่งเหล่านั้นก็เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผมก้าวต่อไปได้...

   ผมบีบมือของมันเบา ๆ

   มันแทบไม่เคยบอกว่ารักผม...  แต่มันคงไม่สำคัญอีกแล้วล่ะ
   แค่มันมาอยู่ตรงนี้  เวลานี้  ก็ทำให้ผมรู้แล้วล่ะ...  ว่าเรารู้สึกต่อกันอย่างไร...


ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7

.........................................................................
....................................................
.............................
..............

   ปวดหัวตุบ ๆ ไม่หาย...

   ผมยกมือขึ้นกุมขมับที่มีเส้นเลือดเต้นตุบ ๆ อยู่...  ปวดตาไปหมด  แสบเสียจนต้องไปล้างหน้าในห้องน้ำอีกรอบ  ผมเดินลากขามาทิ้งตัวลงบนโซฟา  แล้วยกผ้าขนหนูมาซับหน้าเบา ๆ  ก่อนหลับตาลงอิงตัวกับท้องพี่เดียวดาย  วันนี้ผมร้องไห้...  ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยร้องมานานแล้ว  จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้คือเมื่อไหร่  เพราะพ่อแม่สอนผมเสมอว่าให้มองโลกในแง่ดีเข้าไว้

   แต่สภาพที่เห็นตรงหน้าจะให้มองในแง่ดียังไงล่ะ...

   ภคินขาหักต้องใส่เฝือก  หัวแตกมีรอยเย็บ  บาดแผลเล็ก ๆ เต็มมือเต็มแขนไปหมด  แล้วไหนจะบาดแผลภายในอย่างซี่โครงหักอีกล่ะ  มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ...  ภคินมันทำอะไรผิดนักหนาถึงต้องมาทำร้ายมันขนาดนั้น  มันไม่ได้ไม่ฆ่าใครตายซะหน่อย

   เมื่อคืนก่อนผมแทบจะเป็นบ้าตาย  ภคินหายไปไม่ยอมกลับห้อง  ตอนแรกผมก็คิดว่ามันอาจจะโกรธ  ผมเลยนั่งทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ ที่คณะ  ไม่อยากโทรไปรบกวน  เพราะกลัวว่าถ้ามันยังไม่เย็นลงจะกลายเป็นว่าเราต้องทะเลาะกันอีก  ผมไม่อยากทะเลาะกับภคินแล้ว  มันรู้สึกแย่มาก ๆ เวลาที่เห็นแววตาแบบนั้น...  มันอึดอัด  หายใจไม่ออก
   แต่ขณะที่ผมตัดสินใจจะโทรหามัน  ก็ดันมีสายจากคุณน้าเข้ามาเสียก่อน  นั่นทำให้ผมหน้าชาที่สุด  ภคินโดนซ้อมในซอยแถวบ้าน  โชคดีที่ลุงข้างบ้านมาเจอก่อนที่มันจะโดนยำตีนไปมากกว่านั้น  แต่สภาพมันที่ผมเห็นตอนแรกก็ทำเอาพูดไม่ออก...  เลือดเปรอะเลอะเต็มเสื้อนักศึกษาไปหมด  ใบหน้าหล่อ ๆ นั่นซีดเสียจนผมใจหาย...  ไม่เคยรู้เลยว่าการกลัวเสียจนยืนแทบไม่ไหวเป็นยังไง  จนกระทั่งได้มาเห็นมันในสภาพแบบนั้น

   ไอ้ฟาร์ต้องคอยพูดให้กำลังใจผมตลอดเวลา  ทั้ง ๆ ที่มันเป็นคนพูดไม่เก่งแท้ ๆ  แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด  จนกระทั่งหมอบอกว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่เห็น  เลยทำให้ผมค่อยสบสติอารมณ์ตัวเองลงได้หน่อย  ไม่ใช่ว่ากลัวเลือด  เพราะสมัยก่อนผมเองก็มีเรื่องต่อยตีกับโรงเรียนอื่นเป็นประจำอยู่แล้ว  แต่ที่กลัวน่ะ...  เพราะมันเป็นภคินต่างหาก

   คืนนั้นผมนอนหลับไปที่เก้าอี้ด้านนอกห้องเพราะไม่ยอมกลับบ้าน  จนไอ้ฟาร์ต้องมานอนเป็นเพื่อน  ในห้องพักฟื้นคุณน้าเองก็แทบเป็นบ้า...  ผมรู้แล้วว่าทำไมสมัยเรียนแม่ถึงได้ดุว่านัก  เวลาที่ผมออกไปมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่น  หัวใจของคนเป็นแม่มันแทบจะแตกสลายจริง ๆ  คุณน้าร้องไห้จนหลับไปที่โซฟาในห้อง

   วันต่อมาภคินก็ยังไม่ฟื้นเสียที  คุณน้าเลยบอกให้พวกเรากลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ  ถ้ามันฟื้นเมื่อไหร่คุณน้าจะรีบโทรบอก  เพราะโรงพยาบาลอยู่แถว ๆ บ้านภคิน  ซึ่งก็ไกลจากมหา’ลัยอยู่พอสมควร  ฟาร์เลยอาสาขับรถไปส่งผม  ส่วนบรรดาเด็กถา’ปัตย์ทั้งหลายที่มานั่งรอ  ก็กลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว  เหลือแต่ไอ้อาร์ท  ไอ้กัน  ไอ้โจ้ที่นั่งหลับเป็นเพื่อนผม

   เย็นวันนั้นผมก็ยังดื้อไปเฝ้ามันในห้องอยู่ดี...  สภาพของมันโทรมจนน่าใจหาย  ทำให้ผมรู้สึกหน่วง ๆ ไปทั้งอก  ไม่ชอบเวลามันหลับเลย  ดูไม่ใช่ไอ้เวรที่กวนประสาทผมทุกวัน  คืนวันนั้นผมกลับไปนอนห้องคนเดียวด้วยความรู้สึกเหงาจนแทบบ้า  ห้องที่เคยอยู่คนเดียวมาก่อนมันกว้างเสียจนไม่รู้จะวางตัวเองไว้ตรงไหน  แม้จะเอาพี่เดียวดายเข้าไปนอนในห้องด้วยก็ไม่ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเลย...  ปวดท้องไปหมด  ผมคงเครียดลงกระเพาะอีกตามเคย  เพียงแต่คราวนี้มันไม่ใช่ช่วงสอบก็แค่นั้น  เพียงแต่คราวนี้ไม่มีคนมาดูแลเหมือนตอนนั้น...  ก็แค่นั้น...

   ผมไปเรียนตามปกติด้วยสมองที่ไม่ปลอดโปร่งนัก  ไม่ว่าอาจารย์จะยัดอะไรเข้ามาก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด  ฟาร์บอกให้ผมกลับห้องไปพักผ่อนก่อน  แล้วมันจะแอบเซ็นชื่อให้  เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ผมดัง...  ราวกับเสียงจากสวรรค์  เมื่อได้ยินคุณน้าบอกว่าภคินฟื้นแล้ว

   ผมรีบโบกแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลทันที  แต่เมื่อไปถึงห้องก็พบว่ามันยังหลับอยู่  คุณน้าบอกว่าอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของยาแก้ปวดที่พยาบาลฉีดให้  และตอนนั้นเองที่ผมได้รู้สาเหตุทั้งหมดที่ทำให้ภคินต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้...  อยากจะด่าอยากจะว่า  อยากจะถีบให้เตียงคว่ำลงมากับความงี่เง่าของมัน  ทำไมมันไม่คิดจะบอกผมเรื่องนี้บ้างเลย...  คิดว่าตัวเองเก่งนักรึไง?  คิดว่าแน่มาจากไหน?

   คิดว่าไม่มีคนเป็นห่วงเลยรึไง?

   ผมระเบิดน้ำตาออกมาอย่างอดกลั้นไม่อยู่  เหมือนความรู้สึกหน่วง ๆ ในอกที่กักกั้นมานานมันประทุออก  มันเจ็บ...  ที่รู้ว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มันต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้  ถ้าวันนั้นผมไม่พูดอย่างนั้นออกไป  ภคินก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้  ตอนนี้รู้ซึ้งถึงคำว่า  เราไม่มีวันรู้ว่าอะไรสำคัญ  จนกว่าจะไม่มีมันแล้ว...

   แค่คิดว่าภคินจะเป็นอะไรขึ้นมา  ผมก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม  คิดอะไรฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานา  ถ้ามันกลับมาเดินเหมือนเดิมไม่ได้ล่ะ?  ถ้ามันกลับมาทำงานที่มันรักไม่ได้ล่ะ?

ไม่มีแววตากวนประสาท  ไม่มีรอยยิ้มที่มุมปาก  ไม่มีเสียงทุ้ม ๆ มากระซิบข้างหู
   ไม่มีภคินแล้วผมจะอยู่อย่างไร?


   ไม่รู้ว่าเสียน้ำตาไปมากเท่าไหร่จนหลับไป...  ผมตื่นขึ้นตอนที่คุณน้าเข้ามาในห้องพอดี  เธอบอกให้ผมกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน  เพราะสภาพผมตอนนี้ดูไม่ได้เอาเสียเลย  เกรงว่าจะเข้าโรง’บาลกันไปอีกคน  คราวนี้ผมดื้อแพ่งเล็กน้อย  เพราะอยากเห็นแววตากวนประสาทนั่นสักครั้งก่อนไป  แต่คุณน้าก็หว่านล้อมจนผมยอมกลับห้องมานั่งเหงาอยู่กับพี่เดียวดายสองคนในตอนนี้...

   “พี่เดียว” ผมเรียกเสียงอู้อี้เพราะซบหน้าลงกับท้องพี่เดียวดายอยู่ “ผมขอโทษนะ”

   ผมหลับตาลงช้า ๆ  วันนี้อยากจะนอนหลับที่โซฟาไปเลย  ไม่อยากได้กลิ่นกายเย็น ๆ เหมือนน้ำทะเลที่ตกค้างอยู่ที่หมอน  มันชวนให้ผมนอนไม่หลับ  เพราะเอาแต่คิดถึงภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเจ้าของกลิ่น...  วันนี้ผมเลยเลือกที่จะนอนที่โซฟาดีกว่า  พรุ่งนี้ผมจะต้องไปสูดกลิ่นเย็น ๆ จากตัวจริงเข้าปอดให้ได้...

   ผมกอดกระชับพี่เดียวดายในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแล้วพึมพำ “ขอโทษครับพี่...”

   “ผมคิดว่าผมรักมันมากกว่าพี่ซะแล้วล่ะ”


TBC

คนเขียนค้นพบแล้วว่าซีนอารมณ์มันเขียนยากจริงๆค่ะ เล่นเอาง่อยไปหลายวัน ที่หายไปนานนี่คือตบตีกับมันอยู่ ...เง้อออออออออออออ
จะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ

ช่วงนี้ใครสอบอยู่ก็ขอให้โชคดีในการสอบนะคะ ส่วนใครที่ปิดเทอมแล้วก็ขอให้เที่ยวให้สนุก ต่อสู้กับอากาศอันเร่าร้อนของเมืองไทยต่อไป
อยากนอนในตู้เย็น อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
 :m31:ร้องไห้ตามไปป์เลย
บางทีมีเรื่องกันบ้าง มันก็ทำให้ชีวิตรักดูเข้าใจกันมากขึ้นเนอะ....แต่อย่ามีเรื่องกันบ่อยๆน่าจะดีกว่า o18

ออฟไลน์ Namioto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-9
โอ่ย โศกสลดเลย~

เขียนซีนอารมณ์ได้สุดยอดมากครับ เข้าถึงจริงๆอ่ะ

คินเจ็บไปป์ก็เจ็บเน้อ ขี้น้อยใจจริงๆ แต่ช็อตแบบนี้ผมชอบนะ 555

ออฟไลน์ Resonance

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อร๊ายยยยยย  เดี๋ยวพี่เดียวน้อยใจนะไปป์  ><


MAKWAN

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bangkeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-4
 :monkeysad: ซึ้งอ่ะ

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ฟื้นแล้วแฟนคลับ คิน-ไปป์ แบบเราค่อยหายใจได้ทั่วๆท้องหน่อยเน้อ
ทำเอาปวดตับอยู่หลายวัน
+1  :กอด1:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
น้ำตาแทบไหลตาม TT^TT ดีกับคนที่รักตอนที่เค้ายังมีชีวิตอยู่นะ ดีที่สุดแล้ว  :monkeysad:

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
รู้หรือยังว่าไปป์รักภคิน
ไม่ได้พูดไม่ได้บอกบ่อย ๆ
ไม่ได้หมายความว่าไม่รัก...

ตอนนี้ซึ้งงงงงงงง  :monkeysad:


ออฟไลน์ P.PAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่านไปแอบน้ำตาหยด!
ตกลงคิดกันได้ทั้งคู่แล้วใช่มั๊ยเนี่ย
หวังว่าตอนหน้าจะแฮปปี้ไวๆน้า  :sad4:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โอ๊ยยย กำลังอยู่โหมดเดียวกันเลยคุณเจ๊ขา
ตบตีอยู่กับนิยายตัวเอง เขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบ
งืออออ
ตอนนี้ซีนอารมณ์เจ๊เวิร์คมากค่ะ ๕๕๕

ออฟไลน์ slurpee04

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-1

ออฟไลน์ sapphire_yaoi

  • Because A True Love Never Die
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คินเข้าใจไปป์แล้วสินะ :sad11:

PueN

  • บุคคลทั่วไป
งืออออออ จุกไปทั้งใจเลย
พูดอะไรไม่ออก ..หายไวไวนะภคิน

Supermimt

  • บุคคลทั่วไป
แงงงงงงงงง :m15:

เลิกกินมาม่ากันเถอะนะ
 :o12:
อืดเต็มท้องเลยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6

wing

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่คินฟื้นขึ้นมาแล้วควานหาไปป์ไม่เจอ แล้วน้ำตาไหล ทำเอาเราจุกไปเลย :เฮ้อ:
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้แม่ลูกคู่นี้เปิดใจให้กันมากกว่าเดิม
ได้รับรู้ว่าไม่ว่ายังไงแม่ลูกก็ตัดกันไม่ขาดได้รับรู้ถึงความรักที่มีให้กัน
แอบประทับใจคุณหมอเรียกคนไข้ว่าลูก คุณหมอดูอบอุ่นมากอิมเมจหมอในฝันสุดๆ
ส่วนไปป์คำพูดสุดท้ายนี่ถ้าเจ้าตัวได้ยินคงลอย เห็นชอบหมั่นไส้พี่เดียวมานานเหอๆ

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
เข้าใจกันมากขึ้นแล้วซิเนาะ

หายเร็วๆนะภคิน  ไปป์เหงาจะแย่แล้ว

ออฟไลน์ AllRiseApril

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
หายไวๆนะภคิน
แต่เอาจริงๆ มันก็น่าน้อยใจอยู่หรอก เป็นใครก็น้อยใจอ่ะ
มันหนึบๆในใจ T^T

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

หวังว่าหลังจากนี้จะเข้าใจกับซะที

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
นี่ขนาดไม่ถนัดแต่งมาม่า อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยว่ะ
.
เอาเป็นว่าถ้าบอกว่าไม่ถนัดจริงๆ ก็ตอนนหน้าก็กลับมาหวานๆกวนตีนๆเหมือนเดิมเถอะนะครับ

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
คินฟื้นแล้วววววว :monkeysad:
"คนเราจะเห็นค่าเมื่อเวลาที่เสียไป"จริงๆ อย่างไปท์คิดว่าแสดงเป็นการกระทำก็พอแล้ว
แต่เชื่อเถอะว่า เมื่อต้องเสียเค้าไปจะมานั่งเสียใจทีหลัง ว่าทำไมไม่พูดตอนที่เค้ายังอยู่กับเรา
+1

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
จะร้องไห้ ไปกับไปป์เเล้ว ขอให้ทุกอย่างมันดีขึ้นหลังจากนี้เหอะ

ออฟไลน์ BiGgYDrIb

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ดีนะ หลังเรื่่องร้ายๆ คนเรามักได้ปรับความเข้าใจ
และเห็นคุณค่าของกันมากขึ้น

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
:sad11:โบกมือลาความเศร้า(ได้รึยัง??)
อ่านแล้วมันอินมาก มันได้อารมณ์แบบที่นักเขียนอยากให้รู้สึกแหล่ะ :monkeysad:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด