ตอนที่ 6 ผมกำลังจาบจ้วง
ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เหมาะกับบรรยากาศสบายๆ ของท้องทะเลสวย บนเตียงนอนหลังไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็พอให้ผู้ชายตัวโตกับตัวเล็กกว่านอนด้วยกันได้อย่างไม่ลำบาก ผ้าม่านเนื้อหนาบดบังแสงของเวลาบ่ายคล้อยไว้ได้แทบจะทั้งหมด ผมที่กำลังเอนตัวลงช้าๆ ทอดตัวนอนข้างคนตัวเล็กกว่า โดยที่ผมนอนซ้อนอยู่ด้านหลัง คุณฟ้านอนนิ่งซุกหน้ากับหมอนใบเขื่อง ส่วนหมอนอีกใบที่เคยวางไว้เคียงกันตกอยู่ในอ้อมแขนเรียวยาว คุณฟ้ายึดหมอนของผมไปซะแล้ว ผมเลยได้แต่วางศอกไว้บนเตียงใช้มือรองศีรษะ นอนตะแคงมองใบหน้าเล็กๆ ที่ครึ่งหนึ่งถูกซ่อนไว้กับหมอนใบนุ่ม
เสียงลมหายใจของคุณฟ้าดังเบาและสม่ำเสมอ ฟ้องว่าเจ้าตัวหลับไปอย่างสนิทในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่ผมออกไปเดินออกไปจากห้องหลังจากปิดม่านให้อีกฝ่ายได้นอนสบาย โดยไม่มีแสงแดดจากข้างนอกลอดผ่านเข้ามารบกวน เจอพนักงานสาวสวยที่เดินมาเก็บแก้วน้ำกระเจี๊ยบไปเก็บ ผมจึงฝากให้เธอช่วยไปบอกอชิตะว่า ผมกับคุณฟ้ายังไม่หิวของนอนพักก่อน ไม่ต้องรอพวกผมแล้ว ไว้ตอนเย็นผมค่อยออกไปกินทีเดียวเลย อันที่จริงผมก็หิวแต่ยังไม่พร้อมจะออกไปเจอทุกคน โดยที่ไม่มีคุณฟ้าไปด้วย
มันยังไม่พร้อม...จริงๆ ครับ
ไม่ใช่เพราะยังคงรักน้องลมไม่เปลี่ยน เพราะความรู้สึกว่า “รัก” มันน่าจะหมดลงแล้วครับ หมดไปพร้อมกับความหวัง ที่ยังรู้สึกอยู่ตอนนี้ก็แค่ความรู้สึกดีๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รัก แต่ที่ไม่อยากออกไปเจอใครเพราะไม่พร้อมจะเจอน้องลมกับตินพร้อมกันต่างหาก มันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวยังไง ในเมื่อก่อนหน้านี้ผมเคยจะจีบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของภาคี พอความจริงเปิดเผย ผมต้องถอยแล้วตัดใจ เลิกรัก มันทำได้ไม่ยากเท่าไร และไม่ได้เจ็บจนทุรนทุรายอย่างที่คิดกลัว
ผมยังพูดคุยกับน้องลมได้เป็นปกติ แม้ไม่มากเพราะผมอยากทิ้งระยะห่าง อยากเลิกรักเพราะจะได้ไม่ถลำลึก เพราะไม่มีสิทธิ์คิดอะไรกับน้องลมเหมือนกันด้วยล่ะครับ มันเลยง่ายที่จะตัดใจแบบที่ไม่เจ็บปวดเจียนตายอะไร อย่างมากที่เป็นช่วงแรกที่ตัดใจคือโหยหา คิดถึง อยากเจอ แต่เมื่อเอาเหตุผลความจริงเข้ามาต้านความรู้สึกแล้ว มันก็ทำให้อาการเหล่านั้นลดลง จนตอนนี้ผมก็ลืมไปแล้วว่าตอนอยู่กับน้องลมรู้สึกอย่างไร อาการอยากกอด อยากหอม อยากใกล้ชิด กลิ่นเนื้อตัวที่หอมหวานชวนให้แตะต้องในตอนที่อยู่ใกล้กัน ผมก็แทบไม่รู้สึกถึงความหอมหวานเหมือนแต่ก่อน
เพราะไม่รู้สึกอะไรเหมือนเคยล่ะมั้ง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยรู้สึกกับน้องลม มันเป็นอดีตที่แทบจะจำไม่ได้แล้ว ถ้าหากไม่มานอนคิดถึงมันอยู่เช่นตอนนี้
พูดถึงกลิ่นหอมหวานที่เคยสัมผัสจากตัวน้องลมแล้ว ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าคนที่นอนหันหลังให้ผมอยู่นี้ มีกลิ่นอ่อนๆ น่าสัมผัส แก้มใสที่โผล่มาให้เห็นซีกเดียวแถมยังน้อยนิดอีกต่างหาก ชวนให้ลิ้มลองความนิ่ม ในห้องที่มีเพียงแสงสลัวและบรรยากาศเงียบๆ มีเพียงเสียงลมหายใจของคุณฟ้าให้ได้ยินเป็นจังหวะชวนฝัน ผมรู้ตัวว่ากำลังขยับเข้าชิดร่างบางที่นอนนิ่งหายใจเป็นจังหวะ แล้ววางมือข้างหนึ่งบนเอวเล็กเพียงเบาๆ แต่มั่นคงในการแตะต้อง ผมยกศีรษะขึ้นสูง มองเสี้ยวหน้าที่เป็นต้นเหตุให้ผมคิดอะไรบางอย่างออกมาเป็นการกระทำที่เรียกว่า “ชั่วร้าย” อยู่ไม่น้อยเลย
เสี้ยวหน้าใสๆ ที่เห็น ทำเอาผมสลัดความคิดบ้าๆ ออกไปไม่ได้ ทั้งที่ไม่อยากทำ มันเหมือนคนฉวยโอกาส ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของอีกฝ่ายที่กำลังถูกผมกระทำ แต่ในเมื่อคุณฟ้าหลับ และเป็นการหลับที่สนิทมาก ไม่ออกอาการดิ้นรุนแรงอย่างที่เจ้าตัวเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า เป็นคนดิ้นมากและเคยถีบคนตกเตียงมากแล้ว และก่อนหน้านี้ที่หน้าหาด ท่ามกลางกลุ่มคนที่ผมอยากทำให้เข้าใจไปในทิศทางที่ควรจะเป็น แต่คุณฟ้ากลับทำให้พวกนั้นเข้าใจในทิศทางที่ถูกต้อง
‘ผมเป็นแค่เจ้าของร้านกาแฟข้างคลินิกของคุณหมอพิษณุ’
ได้ยินแล้วมันหงุดหงิดจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ เลยไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากรีบขอตัวออกมา ถึงมันเป็นความจริงก็ตาม แต่มันความจริงที่ผมอยากจะแกล้งลืมๆ ไป แล้วเปลี่ยนสถานะใหม่ให้กับคนที่เป็น “เจ้าของร้านกาแฟข้างคลินิก” ของผมให้กลายเป็นคนใกล้ชิดหัวใจในช่วงเวลาสามวันสองคืนบนทะเลจันทร์ หรือถ้าเป็นไปได้จะตลอดไปก็ได้ ถ้าคุณฟ้าจะให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ
ผมอยากศึกษาคุณฟ้า พอๆกับที่อยากให้คุณฟ้าศึกษาผมไปด้วย บางทีเราสองคนอาจจะเป็นคนสองคนที่ถูกเขียนคำว่า “พรหมลิขิต” เข้าไว้ด้วยกันก็ได้ ใครจะไปรู้
‘เป็นแค่คนรู้จักกัน ถูกชวนมาเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน เลยมาด้วย’
นี่ก็เป็นอีกใจความหนึ่งที่ผมสรุปได้จากการสนทนาระหว่างคุณฟ้ากับอชิตะและคณิต ขณะที่ผมกำลังหงุดหงิด พูดอะไรไม่ออก ปั้นหน้าไม่ถูกกับการเจียระไนความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณฟ้าได้ชัดเจนขนาดนั้น
ผมถือว่าเรื่องที่หน้าหาดเมื่อครู่คือความผิดของคุณฟ้า ที่ทำให้ผมหงุดหงิด ทั้งที่ผมปรารถนาจะให้คุณฟ้าช่วยทำให้สถานการณ์ของผมดีขึ้นมา อย่างน้อยก็น่าจะทำให้ทุกคนสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณฟ้า ไม่ใช่บอกไปซะปรุโปร่งขนาดนั้น
ความคิดของผมเกี่ยวกับความผิดของคุณฟ้า เดินทางไปพร้อมกับปลายจมูกที่กดลึกบนแก้มนิ่ม กดค้างไว้อยู่อย่างนั้น สูดดมความหอมหวานของแก้มอยู่นาน โดยที่คุณฟ้าก็ยังคงไม่รู้สึกตัว ยังคงนิ่งอยู่ในท่าเดิม นึกกลัวเหมือนกันว่าแรงกดจากจมูกของผมบนแก้ม จะทำให้คนนอนนิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา
พอได้คืบแล้วก็อยากจะได้ถึงศอก...
ปลายจมูกอาจไม่เพียงพอเท่ากับริมฝีปาก....
กลิ่นหอมอ่อนๆ ได้รู้สึกได้ในระยะใกล้ เรียกให้ต้องใช้กลีบปากหนาแนบชิด สำรวจความนิ่มของใบหน้าด้วยริมฝีปากหนัก ก่อนละออกมาเพื่อขยับตัวให้เข้าที่ แล้วใช้มือสองข้างประคองใบหน้าคนนอนหลับลึกขึ้นมาให้เห็นเต็มวงหน้าหวาน แนบจูบบนเสี้ยวหน้าอีกด้าน
ดูนะครับ ผมทำขนาดนี้แล้ว คุณฟ้ายังคงหลับตานิ่ง หายใจสม่ำเสมอ แม้แต่เปลือกตาก็ยังไม่กระพริบแม้แต่นิด ถ้าผมทำมากกว่านี้ คุณฟ้าจะรู้สึกตัวบ้างไหม
นั่นสินะ...จะรู้สึกอะไรตัวไหม
ถ้าเปลี่ยนจากแก้มเป็นปากบาง...
แล้วผมเองล่ะ จะรู้สึกอะไรไหมกับสัมผัสที่เห็นแก่ตัวแบบนี้
‘เห็นแก่ตัว’ มันฟังดูแล้วเลวร้ายไปหน่อย แต่บางครั้งในที่ลับตาคน ในที่มีเพียงคนสองคน คนหนึ่งอยากได้มากกว่าแค่นิดๆ หน่อยๆ และอีกคนหลับสนิทถึงขั้นหลับลึก คนอย่างหมอพิษณุเป็นคนดีมานานแล้วมั้ง ลองทำตัวแบบเห็นแก่ตัวบ้างคงจะไม่เป็นไร และในเมื่อคุณฟ้าหลับลึกซะขนาดนี้ มันยิ่งกระตุ้นให้อยากทำอย่างที่ใจคิด
ความคิดของผมเดินทางไปพร้อมการกระทำเสมอเหมือนที่เคยผ่านมา เพียงแค่ก้มหน้าเข้าไปใกล้หน้าที่ประคองไว้ด้วยสองมือ หักองศาให้พอเหมาะ กลีบปากบางที่คาดคิดว่าคงหวานกว่าใบหน้าที่เห็นและคงมีรสชาติที่ต้องการ
หัวใจผมเต้นถี่ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเต้นถี่และแรง กลัวเปลือกตาสวยจะเผยดวงตากลมแสดงอาการตกตื่นและตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธขึงในทันทีที่ผมจาบจ้วงกับปากบางนั้น ถึงกลัวแต่ก็ท้าทายกับรสชาติที่คุ้มค่า อย่างน้อยผมก็ไม่อยากห้ามความต้องการของตัวเอง พอๆ กับความมั่นใจว่าคุณฟ้าจะไม่ตื่นมาเห็นการกระทำอันเห็นแก่ตัวของผมอย่างแน่นอน
แน่นอนว่า....
‘ผมจูบคุณฟ้าไปแล้ว’
แม้จะแค่แตะไปเบาๆ ก่อนถอนตัวออก
เจ้าของกลีบปากนั้นก็ยังคงอยู่ในความเงียบสงบ หลับลึกเช่นเคย เพราะเหนื่อยอย่างที่เจ้าตัวได้บอกผมก่อนหน้านี้หรือเปล่า? น่าจะใช่
สาบานได้ว่าผมไม่ได้แอบใส่ยานอนหลับในน้ำกระเจี๊ยบที่คุณฟ้าดื่มอย่างแน่นอน
หึหึ....
ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ แล้วเลียริมฝีปากตัวเอง หลังจากแตะปากเข้ากับกลีบปากบ้างซ้ำๆ อีกหลายรอบ คิดแล้วบ้าซะมัด เหมือนผมเป็นหมอโรคจิตหรือไม่ก็พวกจิตหื่น เป็นไปได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอหมอพิษณุ หมอสัตว์ที่มีแต่คนชมว่านิสัยดี เป็นคนดี เป็นคนจิตใจดี และอีกบลาๆ ตามแต่เจ้าของหมาแมวจะเอ่ยปากชม
ลึกๆ แล้ว ความจริงผมอาจจะไม่ได้ดีเด่อย่างภาพที่ใครๆ เห็นก็ได้ ผมก็มนุษย์คนหนึ่ง มีรัก โลภ โกรธ หลง และยังมีความต้องการ หากมีอะไรมากระตุ้น
คุณฟ้ากำลังกระตุ้นผม...งั้นเหรอ?
อืม....นอนหลับลึกแบบนี้ เรียกว่า “ยั่ว” ได้หรือเปล่า?
อืม....คิดแบบคนเป็นหมอสัตว์ ก็คงเรียกว่า “ยั่ว” ได้......มั้ง
แล้วความคิดก็เดินทางไปพร้อมการกระทำอีกครั้ง ผมละมือจากใบหน้านั้น แล้วหันมาจับคนตัวหอมให้นอนหงาย จัดท่าให้สะดวกต่อภารกิจสำเร็จโทษคนช่างยั่ว ไม่คิดอะไรแล้วครับนาทีนี้ บรรยากาศมันพาไป อะไรๆ มันก็เป็นใจ แน่ล่ะก็มันเป็นใจของผมเองนี่ครับ มันเรียกร้องอยากได้อะไรมากกว่าแค่ “แตะ” อย่างเด็กประถม
มันน่าจะมีการ “สำรวจตรวจตรา” กันหน่อยสิครับ “ข้างนอกหรือจะสู้ข้างใน”
ความผิดของคุณฟ้ามีเยอะครับ
หนึ่ง...พูดให้ผมหงุดหงิด
สอง...ไม่ช่วยผมเลย
สาม...ยั่วผมเอง
สี่...จะหลับสนิทไปถึงในกัน
ความผิดแบบนี้ มันสมควรได้รับการลงโทษครับ....หึหึ หัวเราะชั่วร้ายอีกแล้วครับ ชั่วร้ายพอๆ กับความคิด
ผมไม่เคยบอกใครว่าผมเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนที่จิตใจงดงาม ไม่เคยเอาเปรียบใคร เลยสักครั้ง ทุกคนต่างหากที่มองผมว่าเป็นคนแบบนั้น เพราะเห็นผมแต่ในมุมแบบนั้น ถ้ามีใครสักคนเห็นผมในมุม ‘เห็นแก่ตัว’ แบบนี้แล้วล่ะก็ ก็คงรู้แหละครับว่าผม ‘ก็คนเหมือนกัน’
.
.
.
.
กลีบปากบางเผยออกให้ลิ้นของผมรุกล้ำอย่างง่ายดาย ผมกำลังจาบจ้วงเอาความหวานตามความต้องการที่อยากได้ ลิ้นเล็กที่พบเจอถูกดูดกลืนให้สมกับความคิดร้ายๆ ลิ้นของผมกำลังกวาดไล่ความหวานที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมด โดยที่เจ้าของมันยังคงหลับสนิทและไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา
เหมือนมันจะไม่พอและผมเองเหมือนหยุดไม่ได้แค่นี้...
เพราะรู้ตัวอีกทีมือของผมก็มุดเข้าไปใต้เสื้อ ลูบไล้อยู่กับผิวกายที่เหมาะกับการสัมผัสเป็นไหนๆ มันเนียนและลื่น ไม่กระดากหรือหยาบแม้แต่น้อย
เพราะรู้ตัวอีกทีจมูกกับปากของผมมันก็แตะต้องไปทั่วใบหน้า ไล่มาซอกคอ ไหล่ลาดซึ่งเป็นผิวเนื้อที่ไม่ได้โผล่พ้นเนื้อผ้า และก่อนที่ปากกับจมูกจะเลื่อนไปต่ำกว่านี้ พร้อมกับจะถูกเลิกขึ้นจนถึงอก อวดเม็ดเล็กสองข้างให้กระตุกอารมณ์ดิบเถื่อน และก่อนที่มืออีกข้างของผมจะสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่ต่ำกว่าเอว
....ถ้าคุณฟ้าไม่คว้ามือที่เลื่อนไล่จากผิวเนื้อเนียน ต่ำลงไปตรงหน้าท้องแบน และต่ำลงไปอีกนิด
“....อือออ นนท์.... ไม่เอา....จะนอน......”
มือเล็กจับข้อมือผมไว้แน่น จนผมตัวแข็ง สันหลังมันเสียววูบ กลัวเปลือกตาสวยจะเผยดวงตากลมให้เห็นการกระทำตามอารมณ์ดิบของผม ผมค้างอยู่อย่างนั้นไปชั่วครู่ รู้ถึงแรงผ่อนของมือเล็กก่อนที่มันจะค่อยๆ ตกไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก กลับไปอยู่ที่เดิมอีกครั้ง
...ฟู่~~…
ละเมอ....
ไม่ใช่
รู้สึกตัว....
อารมณ์ดิบหายไปแล้วครับ ไม่ใช่หายไปเพราะคุณฟ้าละเมอ แต่เป็นเพราะชื่อที่หลุดออกมานั่นต่างหาก ผมกำลังเห็นแก่ตัว เอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วจาบจ้วงอย่างน่าเกลียด อาศัยเอาความไว้เนื้อเชื้อใจมาทำเรื่องที่ไม่สมควร
คุณฟ้าเป็นใคร ผมเป็นใคร
ผมชื่อพิษณุ คุณแม่เรียกผมว่า “ตาหนู” ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ สมัยเรียนเรียกว่า “นุ” และปัจจุบันก็เรียกผมว่า “หมอ” ลำดับชื่อเรียกที่ผมมีอยู่จากคนทุกคนที่รู้จักผม ยังไงก็ไม่มีชื่อว่า “นนท์”
ผมไม่ใช่ “คุณนนท์” คนที่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับคุณฟ้าได้
เราสองคนก็แค่คนรู้จักกัน ไม่ได้สนิท ไม่ได้คุ้นเคย ถ้าผมทำอะไรเกินไปกว่านี้ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติคุณฟ้าและไม่ให้เกียรติตัวเองเลย กลายเป็นว่าที่ผมชวนคุณฟ้ามาเที่ยวนั้นคือการหลอกลวง (ถึงแม้จะหลอกให้มาเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่ใช่ทำถึงขั้นนี้)
ผมทิ้งตัวลงนอน ตามองเพดาน หลังจากเอื้อมตัวไปเปิดไฟตรงหัวเตียงแล้ว แสงสีอ่อนไม่ได้รบกวนการนอนหลับลึกของคุณฟ้าเลย
ความคิดงี่เง่ากำลังถูกรุมประณามด้วยความคิดฝ่ายดี ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองกล้าทำถึงขนาดนี้ หันมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ยังคงนอนนิ่งและหายใจสม่ำเสมอเช่นเคย ปากบางที่เคยเห็นดูจะเจ่อนิดๆ ทั้งที่ทำขนาดนี้ คุณฟ้าก็ยังไม่รู้สึกตัว ไม่อยากจะคิดครับว่าถ้าคุณฟ้าไปนอนค้างอ้างแรมกับใคร แล้วไอ้หมอนั่นมันทำแบบผม
ให้ตายสิ!!
คิดแล้วเป็นห่วงคุณฟ้าจริงๆ ถ้าไอ้หมอนั่น มันไม่หยุดเหมือนที่ผมหยุดล่ะ ไม่อยากจะคิด แต่ก็ต้องคิด ไอ้หมอนั่นมันจะลักหลับคุณฟ้าถึงขั้นไหน แล้วคุณฟ้าจะรู้สึกตัวตอนไหน
~~ หมับ ~~
มือมาก่อนครับ
~~ หมับ ~~
แล้วตามด้วยขา
เฮ้ยยย..... ผมที่กำลังนอนคิดเรื่องลักหลับอยู่ ทั้งมือทั้งขาของคุณฟ้าก็กักตัวผมไว้ราวกับว่าผมเป็นหมอข้าง กอดอย่างเดียวไม่ว่า นี่ถึงขั้นดึงเข้ามาก่อนประหนึ่งผมเป็นหมอนข้าง ผมถลาเข้าสู่อ้อมกอดอย่างง่ายดาย (ความจริงผมโอนอ่อนผ่อนตามครับ ไม่อยากขัดศรัทธา) ปล่อยให้คุณฟ้ากอดแล้วก็ซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งของผม
ลมหายใจยังสม่ำเสมอ แต่เนื้อตัวที่ถูกไถเนี้ย มันไม่สม่ำเสมอกับความรู้สึกของผมเลย จะดิ้นไปไหนครับ หรือว่าจะใช้ผมเป็นเตียง เพราะตอนนี้คุณฟ้าแทบจะนอนเกยอยู่บนตัวของผมแล้ว
นอนดิ้นของจริง มันเป็นแบบนี้ใช่ไหมครับคุณฟ้า...
ผมจะทำยังไงดี
เกยซะขนาดนี้
ดิ้นซะขนาดนี้
ไม่อยากปลุก
ไม่อยากเรียกให้ตื่น
หรือเพราะ
รู้สึกดีหว่า....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“........................”
ผมมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เกยทับผมอยู่ทั้งตัวลุกขึ้น ทำให้ผมพลอยรู้สึกตัวไปด้วย แปลว่าหลังจากที่ถูกคุณฟ้าเกยมาทั้งตัว ผมก็นอนคิดอะไรไปเลยเปลือยจนหลับไปเหรอเนี้ย แล้วหลับไปนานเท่าไร นาฬิกาก็ไม่ได้ใส่มาด้วย เลยไม่รู้เวลาเลย
“ตื่นแล้วหรือครับ” ผมถาม ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เก็บความรู้สึกผิดเอาไว้ในใจ ไม่กล้าสบตาคู่ใสของคุณฟ้าเท่าไหร่ มันทำใจลำบากหลังจากทำเรื่องจาบจ้วงงี่เง่านั้นไป แต่แล้วคุณฟ้าก็ทำเอาผมแปลกใจ เมื่อมือเล็กๆ ยื่นมาปัดผมให้ผม ผมมองการกระทำนั้นตาไม่กระพริบเลย อันที่จริงเรียกว่ามองหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบมากกว่า
“แหะๆ ขอโทษครับ พอดีผมติดนิสัยน่ะครับ” คุณฟ้าส่งยิ้มแห้งๆ มาพร้อมกับคำบอก ก่อนจะดึงมือกลับ
“ไม่เป็นไรครับ” จะให้ผมว่าอะไรล่ะครับ รู้สึกดีด้วยซ้ำ จนอยากจะสัมผัสกลีบปากบางนั้นซ้ำอีกครั้ง อยากสัมผัสตอนที่เจ้าของปากรู้สึกตัว พร้อมกับให้ความร่วมมือ
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทำไมรู้สึกอยากแตะต้องตัวของคุณฟ้า ทั้งที่ผมไม่ได้ผูกพัน สนิทสนมจนรู้นึกรักใคร่คุณฟ้าเลย คุณฟ้าสำหรับผมแล้วที่ผ่านมาก็เหมือนเจ้าของร้านกับคุณลูกค้าประจำ ปฏิสัมพันธ์กันก็คนซื้อกับคนขาย ไม่ได้มีจิตรักใคร่ผูกพันกันเลย แล้วทำไมผมถึงอยากทำเรื่องแบบนี้กับคุณฟ้าได้
คิดไปเองหรือเปล่าว่าคุณฟ้าอ่านความคิดผมออก เพราะแค่ผมคิดไม่ทันไร คุณฟ้าก็ลุกจากเตียงไปยืนข้างๆ แทน ทำหน้าแปลกๆ แล้วก็ทำท่าทางเหมือนไม่รู้จะทำอะไรดี หรือเพราะสถานที่ระหว่างเราสองคนมันล่อแหลมเกินควร ผู้ชายสองคนที่ไม่ได้สนิทอะไรกันเลย มานั่งคุยกันบนเตียงเหมือนคู่รักกันก็น่าจะใช่ ผมเลยลุกตาม
พอลุกได้เท่านั้นแหละครับ อาการเมื่อยถามหาทันที ก็นะ คุณฟ้าแค่ตัวเล็กกว่าผม แต่ไม่ใช่คนตัวเล็กนะครับ สูงเกือบจะเท่าผมแล้วละครับ น่าจะห่างๆ กันสักห้าเซ็นต์ได้มั้ง (ผมร้อยแปดสิบหกครับ) แล้วมานอนทับผมซะขนาดนั้น มันต้องมีเมื่อยกันบ้างล่ะ
“หิว หรือยังครับ” ผมถาม พอเดาเวลาได้จากแสงไฟจากด้านนอกที่ลอดเข้ามาให้รู้เวลาว่า ตอนนี้มันค่ำพอที่จะเปิดไฟไปทั่วรีสอร์ทแล้ว
“หิวครับ มากด้วย” คุณฟ้าเอามือลูบท้อง ทำเอาผมเผลอลูบตามไปด้วย แล้วคิดไปไกลถึงเรื่องที่ผ่านมา หน้าท้องแบนราบ....อืม หยุดเถอะความคิด ชักจะหื่นไปเยอะแล้ว
“งั้นก็ไปหาอะไรกินกันครับ ผมก็หิวเหมือนกัน” แล้วนั่นคุณฟ้าขำอะไรผม ผมทำอะไรให้หน้าขำครับเนี้ย
“ขำอะไรครับ” อดไม่ได้ที่จะถามให้รู้เรื่อง
“ขำท่าหิวของคุณหมอครับ ทำเหมือนผมเลย” อ่า...ขำที่ผมทำท่าเหมือนคุณฟ้า ก็แน่ล่ะ ผมทำตามคุณฟ้านี่น่า แล้วผมก็หิวจริงๆ ครับ ไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าแล้ว นอกจากกาแฟและก็.....
เนื้อหนังมังสา...ของคุณฟ้า ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้อิ่มท้องเลย นอกจากอิ่มความต้องการในเวลานั้น
“ก็คน...........” กำลังจะบอกคุณฟ้าไปว่า ‘ก็คนมันหิวเหมือนกันนี่น่า’ แต่เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้นมาเสียก่อนที่ผมจะได้พูดจบประโยค
....ก๊อก....ก๊อก....ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูเงียบลง พร้อมกับเสียงเรียกจากน้ำเสียงที่คุ้นเคย
“พี่หมอครับ อยู่ไหมครับ”
น้องลมคือคนที่อยู่ด้านนอก เจ้าของเสียงเคาะประตูห้องผม แล้วไม่ต้องเดาให้ลำบากว่า น้องลมไม่ได้มาคนเดียวแน่ ๆ ภาคีคงไม่ยอมให้คนรักมาเคาะประตูห้องผมเพียงลำพังหรอก แล้วเสียงกึ่งประชดนั้นก็ช่วยยืนยันได้ดี
“หนีกลับไปแล้วมั้ง” ยังคงหึงไม่เลิกจริงๆ
“ติน!”
...เพี้ยะ....
นั่นไง โดยไปเลย อยากจะสมน้ำหน้า แต่ก็ทำไม่ได้ครับ ยังไงผมก็ยังเป็นคุณหมอสัตว์ใจดีอยู่ครับ
“เจ็บนะครับ ลม”
“ถ้ายังไม่เลิก จะเจ็บกว่านี้นะ”
“คร้าบบบบบ”
ผมรู้ว่าตินรักน้องลมมาก เลยทำให้เหม็นขี้หน้าผมมากเช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะเกิดเรื่อง ผมกับตินก็เคยกินเที่ยวด้วยกันออกบ่อย ตามประสาเพื่อนรักของอชิตะ เจ้านายของติน แต่พอเกิดเรื่อง ความสนิทสนมก็เหมือนจะหายไปเลย เหลือเพียงอาการไม่ชอบหน้าที่ตินมักจะแสดงให้ผมเห็น
แน่ล่ะ...
ครั้งหนึ่งผมเคยจีบคนรักของติน แล้วใครหน้าไหนมันอยากจะญาติดีด้วยล่ะ
น้องลมโชคดีครับที่สมหวังในความรัก
แล้วผมล่ะ จะโชคดีอย่างน้องลมบ้างไหม น้องลมเป็นรักแรกที่ผมจริงจังด้วยมากที่สุด มากจนคิดถึงอนาคตด้วยซ้ำไป แต่สุดท้าย มันก็เป็นเพียงอนาคตในความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง
คุณฟ้าหันมามองหน้าผม ตากลมสวยเหมือนมีคำถาม แต่ก็แสดงความห่วงใยมาให้เห็น ผมจะอธิบายยังไงดีล่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะดึงคุณฟ้ามาแล้วนั่งจับเข่าคุยกันถึงเรื่อง “รักที่เคยสามเศร้า” มันไม่สนุกหรอกว่าไหมครับ
แล้วที่สำคัญ ผมอายครับที่จะบอกว่า ครั้งหนึ่งผมเคยแย่งคนรักของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง...
“พี่หมอครับ พี่หมอ” น้องลมตะโกนเรียกอีกครั้ง เสียงดังกว่าเดิม
“ลมครับ พี่หมอของลม เค้าอาจจะกำลัง......” ได้ยินแค่นี้ครับ เพราะเสียงนั้นหายไปกับประโยคสุดท้ายที่เอ่อ....ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าสองคนข้างนอกกำลังกระซิบอะไรกันอยู่ มองหน้าคุณฟ้าก็เหมือนจะไม่เข้าใจอะไร โล่งอกครับที่คุณฟ้าใสซื่อ จนเดาประโยคต่อไปไม่ออก เพราะยังคงทำตัวเป็นปกติ ยืนมองหน้าผมเหมือนเคย
“จะไม่ไปเปิดประตูให้หรอครับ” ถามเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่ไปเปิดประตู
แล้วผมจะยืนอยู่ทำไมละครับ เลยต้องเดินไปเปิดประตู แต่ไม่ลืมกดสวิซไฟที่ข้างประตูก่อน เพื่อให้ห้องสว่างขึ้น
“พี่หมอ ทำไมช้าจังครับ” คำถามของน้องลมมาพร้อมกับสายตาที่สอดส่องไปด้านหลังผม เดาออกครับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ก็สายตามุ่งตรงไปที่เตียงนอนซะขนาดนั้นนี่ครับ พอหันไปมองอีกคนที่มาด้วยกัน สายตานั่นก็ฟ้องว่าคิดไปไกลซะแล้ว
เฮ้อ.....
ช่างเถอะ ปล่อยให้คิดกันไป จะแก้ตัวไปทำไม ตอนแรกก็อยากให้คิดกันอย่างนี้อยู่แล้ว ดีเหมือนกัน สามวันกับสองคืนของผมจะได้สงบเหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ คนรักของน้องลมจะได้เลิกมองว่าผมจ้องแต่จะแย่งแฟนเขา
“พี่เพิ่งตื่นครับ”
“เหรอครับ แล้ว...........คุณฟ้าล่ะครับ” แล้วจะทิ้งช่องว่างไว้มากขนาดนั้นทำไม ผมนึกอยากจะถาม แต่ท่าทางอยากรู้แล้วก็อยากเห็น แทบจะมุดจักกะแร้ผมเข้ามาในห้องด้วยซ้ำ พอดีผมยืนขวางประตูเอาไว้น่ะครับ ถ้าในบรรดาหกคนที่มาด้วยกัน น้องลมถือว่าเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดเลยล่ะครับ ยืดตัวมองผ่านไหล่ของผมก็คงไม่เห็นอะไรหรอกครับ
“เก็บที่นอนอยู่ครับ” ผมเบี่ยงตัวให้น้องลมเห็นได้ชัดๆ ว่าคุณฟ้ากำลังทำอะไรอยู่ ว่าไปก็แปลกนะครับ น้องลมกับคุณฟ้า มีชื่อที่ซ้ำกันด้วย น้องลมชื่อสีฟ้า ส่วนคุณฟ้า ชื่อน้ำฟ้า
“สวัสดีครับ เมื่อตอนบ่ายยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมลมนะครับ ส่วนคนนี้ก็ตินครับ” น้องลมทักทายคนที่กำลังพับผ้าห่มอยู่ตรงปลายเตียง
“ครับ” คุณฟ้าหันมายิ้มตอบ ก่อนจะเดินมาร่วมวงด้วยกันที่หน้าประตู
“น้องลมมีอะไรกับคุณฟ้าหรือเปล่า” ผมแกล้งถามไปงั้นแหละครับ รู้ๆ อยู่ว่าน้องลมคงไม่ตอบความจริงตามที่ใจคิดจินตนาการไปไกลหรอกครับ ส่วนคนที่มาด้วยก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยืนเอามือล้วงกระเป๋า แต่เห็นอยู่ว่าสายตามองคุณฟ้าตลอด
“ลมกับตินมาตามพี่หมอกับคุณฟ้าไปปาร์ตี้หน้าหาดครับ มีของทะเลสดๆ ทั้งนั้นเลย”
เหอะ...ผมว่า มีแค่น้องลมเท่านั้นล่ะครับที่อยากมาตาม ส่วนอีกคนมาคุมมากกว่า
“อาหารทะเล มีปลาหมึกด้วยหรือเปล่าครับ” เสียงนั้นระรื่นเลยครับ เดาว่าคงชอบปลาหมึกมาก
“มีแน่นอนครับคุณฟ้า คุณฟ้าชอบกินปลาหมึกหรือครับ เหมือนตินเลย รายนี้น่ะ ชอบมาก”
“ครับ ชอบมากที่สุดครับ”
ผมเหลือบมาคนชอบปลาหมึกที่ไม่ใช่คนรักของน้องลม ปากบางฉีกยิ้มสมใจจนจะถึงใบหูเล็กๆ แล้วครับ ตาก็เป็นประกายวาววับเหมือนได้ของถูกใจ
“งั้นผมขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะครับ แล้วจะรีบตามไป”
“เร็วๆ นะครับคุณฟ้า เดี๋ยวปลาหมึกหมดซะก่อน” นั่นมีขู่ ผมว่าไม่ต้องรอให้น้องลมขู่ คุณฟ้าก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปแล้วครับ เหมือนเด็กไม่มีผิด
“พี่หมอครับ”
“ครับ”
สงสัยครับว่าเรียกทำไม ทำเสียงหวานกับตาเป็นประกายด้วย น่าจะห่วงความปลอดภัยแล้วก็ความสุขของผมด้วยก็ดีนะครับน้องลม คนของตัวเองชอบฟาดหัวฟาดหางซะด้วย ไม่ได้กลัว ให้ต่อยกันผมก็สู้ได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่ไม่อยากมีปัญหาครับ เพราะมันกระทบหลายฝ่าย
“คุณฟ้าน่ารักดีนะครับ”
“ครับ” อืม เข้าใจล่ะ
“ผมอยากให้พี่หมอเจอคนดีๆ อยากให้พี่หมอมีความสุข อยากให้พี่หมอ......”
“เดี๋ยวพี่ตามไปนะครับ” ผมไม่รอให้น้องลมพร่ำคำพูดยาวเหยียดไปกว่านี้ครับ อย่างที่บอก ไม่อยากมีปัญหากับคนของน้องลม รายนี้น่ะ เข้าใจอะไรยากเหมือนกัน เดี๋ยวจะตีความหมาย “ความห่วงใย” ของน้องลมเป็นเรื่องของ “เยื่อใย” ที่ตัดไม่ขาดซะก่อน
คนขี้หึงก็เป็นแบบนี้ทุกคนครับ ผมเข้าใจ ผมมีเพื่อนแบบนี้เยอะ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ยกตัวอย่างเช่นอชิตะครับ ส่วนผม ไม่ใช่คนขี้หึงอะไร เรียกว่าเป็นพวกขี้เหงามากกว่า
“ตินหิวปลาหมึกแล้วนะครับลม ไปกันได้ยัง” นั่นกระชากเสียงซะ ตาเริ่มขวางครับคนของน้องลม
“ก็กลับไปก่อนสิ”
“ก็กลับไปด้วยสิ”
“ติน!”
“ลม~~”
คนหนึ่งขึ้นเสียงแบบรำคาญ ส่วนอีกคนก็ลดเสียงต่ำเหมือนอ้อน เอาเข้าไปครับ อยากจะงอน อยากจะง้อก็ตามสบาย ผมไม่สนใจล่ะ
“เดี๋ยวพี่ตามไปนะครับ” ว่าแล้วก็ปิดประตูเลยครับ ใช่เรื่องที่ผมจะต้องทนดูคนรักเค้างอนง้อกัน
.
.
.
.
.
.
.
เฮ้ย!!!!!!!!!!
คุณฟ้า....
นะ...นั่น....มันคืออะไร
ไหนบอกว่าล้างหน้า.....
แล้วนั่น.......
ที่ผมเห็นคืออะไร.....
.
.
.
.
.
.
ห้องที่แบ่งส่วนของห้องน้ำไว้ด้านข้าง เป็นผนังเจาะทะลุ ไม่มีประตู มีเพียงกรอบไม้สีกลืนไปกับพนังกั้นเขต เมื่อเดินผ่านเข้าไปจะพบว่า ห้องอาบน้ำกับห้องสุขาแยกกันชัดเจน อยู่กันคนละฝั่ง มีบริเวณอ่างล้างมือกั้นกลางกับชั้นวางผ้าเช็ดตัว ส่วนของห้องสุขาอยู่ฝั่งซ้ายมือ มีประตูเปิดเข้าออก เพิ่มความเป็นส่วนตัวกับกิจธุระเบาๆ กับหนักหน่วง แต่ส่วนของห้องอาบน้ำที่อยู่ด้านขวามือนี่สิ แทบจะเปลือยเปล่าเพราะมีเพียงโมบายกิ่งไม้ห้อยยาวจนถึงพื้น
โมบายไม้ห้อยยาวถึงพื้น.....
....แค่นั้นเอง
คุณหมอสัตว์จะเป็นลม....
ให้ตายเถอะ....
คุณฟ้าช่วยระวังตัวหน่อยไม่ได้หรือไงคร้าบบบบบบบบบบบบบ...
...
ปล. จากคนเขียนค่ะ
เนื้อหาบางอย่างมีส่วนขัดกับเนื้อเรื่องในตอน 1-5 บ้างเล็กน้อย ขอคนเขียนกลับไปแก้ไขให้ตรงกันก่อนนะคะ อิอิ