"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 512424 ครั้ง)

Margarin_Butter

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
นั่น ...คุณหมอคิดไรเนี่ย

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
คุณหมอมาอย่างเนียนๆเลยทีเดียว 5555

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
พี่หมอสู้ๆ หน่อย ^^

ออฟไลน์ squalo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รักน้ำฟ้าน่ารักไม่ไหวน้ะคนนี้
คู่พี่หมอน่ารักไม่ไหวน้ะ โอ้ยย
ต่อด่วนค่ะอยากเห็นน้ำฟ้า โดนล่อลวง เอ้ยย ! 
 :-[ :o8:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
รวดเดียว ถึงตอนล่าสุดเลยค่ะ
คุณหมอแอบเจ้าเล่ห์พอน่ารักๆ
คุณฟ้าน่ารักเป็นเด็กๆเลย

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
คุณหมอนี่ร้ายลึกนะ ฟ้าน่ารักจัง

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
มีคนมาด้ามใจพี่หมอแล้วคงไม่เหงาแล้วนะ
 :กอด1: :L2: :L1:

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
คุณหมอสู้ๆ คุณหมอนี่แอบเจ้าเล่ห์นะเนี่ย คุณฟ้าก็นะน่ารักเกิ๊นนน !!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
คนเขียนสบายดีนะค๊า
รออ่านอยู่ค๊า

 :z2: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
คนเขียนสบายดีนะคะ แต่กะลังเครียด ลุ้นเอเอฟวีรักอยู่ค่ะ
ถ้าเสาร์นี้วีรักรอด จะพาคุณหมอกะคุณฟ้ามาทักทายแฟนๆ นะคะ
>__<
ลุ้นๆๆๆ ลุ้นวีรัก อิอิ

ออฟไลน์ EunSung87

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-2
ขอเข้ามาอ่านด้วยคนนะคะ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
พี่หมอกะน้ำฟ้า
เมื่อไหร่จะมา
คิดถึงจังเลย
 :z13: :กอด1:  :L2:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
คนเขียนกรุณรส่งต้นฉบับให้คนโพสด่วน เพราะ วีที่รักเป็นตัวจริงแล้ว 

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
ู^
^
อยากบอกว่า ขอวีที่ร๊ากกก ได้แชมป์ก่อนได้ป่าวว 555+
ปล. เด๋ววันจันทร์ มาเสริฟคร้าาาาาา

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
วีที่ลุ้นเป็นวีคู่รึวีเดี่ยวค๊า ^^
รอพี่หมออ่า >"<

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
คิดถึงมากมากเลย
ยังไม่มาอีกเหรอ
รออยู่นะค๊า
 :z13: :กอด1:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
คิดถึงเป็นรอบที่ร้อย
คนเขียนก๊อยังไม่มา
เลยเข้ามาตะโกนดังดัง
ว่ามาต่อได้แล้ว
อยากอ่านต่อมั้กมากกกกกกกกกกกกก


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
คุณหมอ ร้ายกาจมาก
55555. ถูกน้องยีนแกเอาข้อมูลใส่หัวตลอด
ไม่น่าผิดที่จะหวั่นไหว
ฮ่าๆๆ เชียร์คะ อยากให้พี่หมอแกมีคู่กับเขาบ้าง
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ ^^

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
นั่นสิครับ
คุณหมอจะยิ้มทำไม
อร๊ายยยย :-[ เรื่องนี้ดูเบาเบานะ ชอบจัง

ออฟไลน์ kwangun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ >.<  ละครหลังข่าวจริงๆ แต่เราก็ชอบเสพ ฮา
แต่คู่คุณหมอน่ารักมากค่ะ คุณฟ้าแสนดีมาก  รออยู่นะคะ  ดูจากการอัพครั้งล่าสุดแล้ว  :m15: 
แต่จะรอค่ะ สู้ๆๆๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
 :เฮ้อ:รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอเธอก๊อยังไม่มา

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ยังรออ่านคุณฟ้ากับคุณหมออยู่นะค่ะ

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 5 บางสิ่งบางอย่างอาจกำลังเริ่มขึ้น

ถึงแล้วครับที่พัก สถานที่ที่ผมจะต้องใช้เวลาถึงสามวันสองคืน เพื่อพักผ่อนหลังจากตรากตรำทำงานมาหกเดือน ไม่ได้หยุดแม้แต่วันเดียว ทั้งที่ผมไม่ได้นึกอยากจะใช้เวลาอันมีค่าในการทำงานหาเงิน เพื่อมาพักผ่อนเลยด้วยซ้ำ แต่นั่นแหละครับ เมื่อคุณหมอสัตว์ออกปากชวน (ทั้งที่เราสองคนไม่ได้สนิทกันถึงขั้นชวนกันมาเที่ยวแบบนี้ได้เลย) แล้วผมดันตอบตกลงไปเสียด้วย จะกลับคำก็ไม่ใช่นิสัยที่ผมชอบทำนัก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

บางทีที่ผมตกปากรับคำคุณหมอไป ก็อาจเป็นเพราะว่า

...หนึ่ง คุณหมอชวน ผมเลยไม่อยากปฏิเสธ เดี๋ยวเสียน้ำใจ

...สอง ผมคิดว่าคุณหมอชวนเพราะต้องการเพื่อน ซึ่งเมื่อคุณหมอชวนผม นั่นก็แปลว่าอยากให้ผมไปด้วย

...สาม เพราะคิดว่าคุณหมอไม่มีเพื่อนไปเที่ยวด้วย ถึงชวนผม ผมเลยตอบตกลง พอมารู้ว่าคุณหมอไม่ได้ไปเที่ยวคนเดียว ผมก็อยากจะยกเลิก แต่ดูท่าทางคุณหมอแล้ว ผมคงทำได้แค่รักษาคำพูดของตัวเองต่อไป

...สี่ ผมควรพักผ่อนบ้าง ตามคำที่สาวยีนพูดกรอกหูผมอยู่ทุกวัน

...ห้า ผมคงไม่อยากนอนคนเดียวในห้องที่ไร้เงาของนนท์ แม้ข้าวของทุกชิ้นของนนท์จะยังอยู่ครบ เหมือนเมื่อวันวานที่ผมยังมีนนท์ เหมือนเมื่อวันที่นนท์ยังไม่ทิ้งผมไป

... หก ผมคิดว่า “ทะเล” กับ “คนอกหัก” มันเข้ากันได้ดีซะมัด

...เจ็ด บางที ผมอาจจะเอาคำว่า “รัก” จากนนท์ มาโยนทิ้งทะเล แล้วให้คลื่นลูกแล้วลูกเล่า ซัดเอาคำรักของนนท์ให้หายไปจากชีวิตผมเสียที


ทะเล...

สายลม...

เกลียวคลื่น...

น่าหลงใหลมากครับ

ลมเย็นสบายพัดกลิ่นอายทะเลมาเตะจมูกผม

ท้องทะเลก็สร้างเกลียวคลื่นสีขาวให้ผมนิ่งมอง

รู้สึกดีครับ จนเผลอกางแขนจนสุด ให้ลมปะทะกับตัว แล้วสูดเอากลิ่นทะเลเข้าเต็มปอด ผมปิดตาลง แล้วใช้หูรับรู้เสียงบรรเลงบทเพลงของท้องทะเล


ระหว่างที่เดินทางจากกรุงเทพจนถึงทะเลจันฯ บ่อยครั้งที่ภาพเก่าๆ ระหว่างผมกับนนท์ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ภาพของเราสองคนบนพื้นทรายและน้ำทะเล มันเป็นภาพที่เกิดขึ้นครั้งแรก เป็นครั้งเดียว และกลายเป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างเราสองคน นานมากแล้วครับ แต่มันก็ไม่นานพอที่จะทำให้ผมลืมว่า

ทะเลระหว่างผมกับนนท์ ในวันนั้น เมื่อห้าปีก่อน  คือท้องทะเลที่นนท์ “บอกรัก” ผม

คำรักของนนท์มาจากท้องทะเล ผมก็จะโยนมันคืนท้องทะเลไปครับ ต่อจากนี้ น้ำฟ้าคนนี้จะมีชีวิตอยู่ให้ได้ แม้จะไม่มีคำว่ารักจากผู้ชายที่หวังจะใช้ชีวิตด้วยกันไปตลอด

ทิ้งรักลงทะเล....

หลังจากที่ถูกคนรักทิ้ง...



ท้องทะเล...ไม่ทำให้ผมเหงาอย่างที่คิดไว้ระหว่างเดินทางมาครับ คงเป็นเพราะเสียกระแอมเบาๆ จากคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ตามมาด้วยคำบอกที่ดูเหมือนจะเกรงใจผมอยู่ไม่น้อย คงกลัวจะทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของผม แต่คงเพราะเสียงตะโกนโหวกเหวกของกลุ่มคนที่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของคุณหมอ ที่ทำให้คุณหมอต้องดึงผมออกมาจากความคิดที่ชักเตลิดไปไกลเกินกว่าความสวยงามของทะเลตรงหน้า

“ไปทักทายเพื่อนผมก่อนนะครับ”

“ครับ”

คุณหมอว่า ผมก็พยักหน้ารับ ปากบอกครับ แล้วยิ้มให้คุณหมอทีหนึ่ง เพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่า คุณหมอไม่ได้ผิดอะไร (เพราะหน้าคุณหมอเหมือนรู้สึกผิดเอามากๆ)

“ส่งกระเป๋ามาครับ เดี๋ยวผมถือเองดีกว่า”

เริ่มรู้ตัวครับ ว่าไม่ควรให้คุณหมอถือกระเป๋าเป้ของผม ยิ่งต้องเดินไปหากลุ่มเพื่อนของคุณหมอที่นั่งล้อมวงดีดกีตาร์อยู่บนเตียงใหญ่ ปูฟูกหนา ผ้าคลุมชมพูเข้ม (เป็นแบบ Day Bed น่ะครับ) ความจริงกระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่นักของผม มันไม่ได้หนักอะไรมากมายที่ผมจะแบกหรือถือไม่ได้ แต่คุณหมอกลับรีบหยิบมันขึ้นมาถือแทนผม ตอนที่กำลังลงจากรถ

‘ผมถือให้ครับ’

คุณหมอบอกอย่างนี้ ตอนที่ผมทำท่าจะขอกระเป๋าเป้คืน ครั้งแรก แต่พอครั้งที่สองที่ผมของคืน (คือตอนนี้) ก็ได้รับคำตอบแบบเดิมครับ

“ผมถือให้ครับ” ว่าแล้วคุณหมอก็เดินนำผมไปหากลุ่มเพื่อน ส่วนผมก็ได้แต่เดินตาม
.
.
.
.
.
.


“ช้าว่ะ”

เป็นประโยคแรกที่เพื่อนคนแรกของคุณหมอเอ่ยทัก หลังจากที่สายตาทั้งสี่คู่หันมามองผมเป็นจุดเดียวกัน ผมที่ยืนยิ้มทักทายทุกคนอย่างเป็นมิตรที่สุด

“ก็ไม่รู้จะรีบขับไปทำไม ช้าหรือเร็วก็ถึงเหมือนกัน”

คุณหมอตอบคำถามของเพื่อนคนแรกไปแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าจะนั่งลง เมื่อเพื่อนคนนั้นขยับที่ว่างให้นั่ง รวมถึงคนอื่นๆ ที่เหลือก็พากันขยับตาม เพื่อให้เหลือที่ว่าง พอคนสองคนจะนั่งได้ ถ้าสังเกตให้ดี ผมเห็นว่ามีเพื่อนคุณหมอคนหนึ่งครับ ทำท่าจะไม่ขยับ จนโดนคนตัวเล็กกว่าที่นั่งข้างๆ ตีแขนไปสองทีถึงยอมขยับ แต่คุณหมอกลับยืนนิ่ง  ผมแอบงงเล็กน้อย เลยต้องยืนตามคุณหมอ ทั้งที่ใจจริงผมอยากจะนั่งให้สบาย

“ไอ้ถึงน่ะมันถึง แต่มันถึงช้า แล้วนี่ทำไมไม่นั่ง เล่นตัวนะไอ้หมอ ....”

เพื่อนคุณหมอทักแล้วครับว่าทำไมคุณหมอถึงไม่นั่ง ก่อนจะหันมาทางผมอีกครั้ง กำลังจะอ้าปากถามผมมั้งครับ คิดว่าอย่างนั้น แต่เพื่อนอีกคนของคนหมอชิงถามขึ้นมาก่อน

“ใครครับคุณหมอ หรือว่า.....”

เพื่อนคุณหมอคนที่สองถาม แล้วทิ้งประโยคเปิดเอาไว้ให้คุณหมอตอบ ผมว่าบางทีอาจจะไม่ใช่เพื่อนคุณหมอมั้งครับ เพราะคำเรียกขานดูจะให้เกียรติมากเกินไป เกินกว่าจะเป็นเพื่อน แล้วดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว ในกลุ่มที่นั่งอยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าคนที่จะดูจะเป็นเพื่อนคุณหมอมากที่สุด คงมีแค่คนแรกที่เอ่ยทักคุณหมออย่างสนิทสนม ส่วนอีกสามคนที่เหลือน่าจะเป็นแค่คนรู้จัก สนิทสนมด้วย แต่ไม่ถึงขั้นเพื่อน ดูอายุน่าจะห่างกันหลายปี น่าจะเท่าๆ ผม (อีกเก้าเดือน อายุผมจะเต็มยี่สิบสี่แล้วครับ)

โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น คนที่โดนคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มตีแขนนั่นล่ะครับ รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆ มันเหมือนมีอะไรอึมครึมระหว่างกัน

ดูไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่ถึงกลับเกลียดจนไม่มองหน้ากัน


“เพื่อน” คุณหมอตอบสั้นๆ แต่เหมือนทุกคนไม่เชื่อ สายตาที่ผมมองสบบอกอย่างนั้นครับ สายตาแต่ละคู่นี้ ไปคนละทิศละทางเลยครับ

เพื่อนคุณหมอ....มองผมอย่างสงสัย เขาคงไม่เชื่อ เพราะถ้าผมเป็นเพื่อนคุณหมอจริง เขาน่าจะรู้จักบ้าง

คนที่ถามว่าผมเป็นใคร....สายตาที่มองผมมันเป็นประกายวิบวับเหมือนถูกใจอะไรบางอย่าง ไม่อยากตีความหมายไปไกลครับ แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังคิดว่าผมต้องมีความสัมพันธ์แบบคู่รักกับคุณหมอแน่ๆ ย้ำนะครับว่า ถ้าผมตีความหมายไม่ผิดนะ

คนตัวเล็กที่สุด...สายตาที่มองผมก็ไม่ห่างไกลจากคนที่สองเท่าไหร่

คนสุดท้าย...รายนี้มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยครับ หน้าบึ้งๆ ที่ผมเห็นครั้งแรกก็คลายลงครับ

ผมกลัวความคิดของผมตอนนี้จังครับ...

ผมกำลังคิดว่า...

คุณหมอเป็นเกย์!?

.
.
.
.
.

ผมเดินตามคนตัวสูงกว่าผม (แต่ไม่มาก เพราะผมเป็นคนตัวสูงอยู่เหมือนกันครับ) เข้ามาในห้องที่ถูกแยกเป็นหลังๆ ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวด้วยทางเดินเล็กๆ เชื่อมห้องพักแต่ละหลัง ห้องดูมีชีวิตชีวาดีครับ ผมรู้สึกชอบมาก ผนังและเพดานห้องสีขาวสะอาดตา ลงตัวกับผ้าม่านสีเขียวเข้มสดใสไร้ลวดลาย ไม่ต่างจากผ้าปูและผ้านวมสีขาวบนเตียงนอนที่ทำจากหวาย กับหมอนสีเขียวเข้มสองใบที่วางเคียงกัน พื้นห้องตกแต่งด้วยปูนเปลือยเรียบๆ ดูเกลี้ยงและน่าเดินดีครับ

สูงขึ้นไปตรงผนังห้องเหนือเตียงนอนเป็นชั้นวางตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลเกือบสิบตัวครับ เรียงลำดับจากตัวใหญ่ไปหาตัวเล็ก ผมหมายตาเอาไว้แล้วครับ ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่สุด (ตัวใหญ่ประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของตัวผมครับ) ผมจะเอามันมากอดตอนนอนคืนนี้ แบบว่าผมเป็นคนติดหมอนข้างมาก แล้วห้องนี้ก็ไม่มีหมอนข้างให้ผมซะด้วย เลยต้องหวังเพิ่งเจ้าหมีตัวโตตัวนี่ล่ะ ไม่งั้นคงนอนไม่หลับ

ข้างๆ หัวเตียง มีโต๊ะไม้สีเข้มสี่ขาไม่มีลิ้นชักวางขนาบทั้งสองข้าง บนโต๊ะมีโคมไฟวางตั้งอยู่ทั้งสองตัว มีชามเล็กๆ ลอยด้วยดอกลีลาวดีวางเคียงกัน สวยดีครับ เพราะโดยส่วนตัวผมชอบดอกลีลาวดี กลีบของมันสวยและสง่า ชวนมอง

สรุปแล้ว...

ผมชอบห้องพักของรีสอร์ทนี้นะครับ โดยเฉพาะตอนนี้ผมชอบเตียงนอนเป็นพิเศษ ชอบเสียจนอยากจะกระโจนลงไปนอน แล้วหลับให้สาแก่ใจ เพราะผมง่วงมาก ง่วงจริงจังทันทีที่เห็นเตียง อย่างที่เคยบอกไว้ ผมแทบไม่เคยไปไหนได้ไกลกว่ากรุงเทพเลย การเดินทางจากกรุงเทพถึงจันฯ ที่ใช้เวลาเกือบห้าชั่วโมง คุณหมอขับรถช้ามากครับ ทั้งที่มันควรจะใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ ตามคำบอกของคุณอิง เพื่อนของคุณหมอ ที่บอกว่าเขาใช้เวลาแค่สองชั่วโมงครึ่ง! การเดินทางทำให้ผมเหนื่อยและเพลีย อยากนอนเต็มทน

ผมมองเตียงนอนอีกครั้งเพราะอยากนอนมาก ขณะที่คุณหมอเดินเอากระเป๋าทั้งของผมและของคุณหมอไปวางไว้ในตู้เสื้อผ้า ตู้ที่ทำจากหวาย แล้วใช้ผ้าม่านสีเขียว (สีเดียวกับผ้าม่านและหมอน) แทนประตูตู้ คุณหมอรื้อเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาแขวนแล้วครับ แต่ผมยังคงเหนื่อยเกินกว่าจะทำแบบคุณหมอ ตอนนี้ใจของผมมันลอยไปอยู่ที่เตียงตรงหน้าแล้ว ขนาดของเตียงที่ผมอยากกระโดนไปนอนใจจะขาด ไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ก็พอที่ผู้ชายสองคนจะนอนด้วยกันได้สบายๆ ถ้าไม่มีใครคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนที่เป็นคนนอนดิ้น คงไม่มีใครคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนต้องกลิ้งตกเตียง

แต่ผมอยากบอกจังครับ...

ว่าผมนอนดิ้นมาก!!

เรื่องนี้นนท์เป็นคนบอกผม ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของนนท์ ผมมักจะถูกล้อด้วยเรื่องนี้เสมอ แต่กลับนนท์ มันไม่เป็นอะไรไงครับ เราเป็นคนรักกัน แม้ตอนนี้จะไม่ใช่แล้วก็ตาม แต่กับคุณหมอ ผมเกรงใจ เพราะผมกับคุณหมอก็แค่คนรู้จักกันแบบผิวเผิน (ตามที่ผมบอกกับกลุ่มเพื่อนของคุณหมอไป) ถ้าเผลอดิ้นไปถีบคุณหมอตกเตียงจะทำไง คิดแล้วกลุ้มครับ

ไม่รู้ว่าเผลอทำหน้าเครียดหรือเปล่า คุณหมอถึงได้ถามเสียงห้วนๆ จนผมสะดุ้งเลยครับ หันไปมองหน้าคุณหมอ เห็นมือใหญ่กำลังค้างอยู่ที่กระเป๋าเป้ของผมพอดี อย่าบอกนะครับว่า คุณหมอคิดจะจัดการกับเสื้อผ้าของผมด้วย

แต่ผมก็ไม่มีเวลาที่จะถามอย่างที่ใจคิด ก็คุยหมอเล่นทำหน้าเครียด เสียงเข้ม ใส่ผมซะงั้น

“ลำบากใจหรือครับ?”

“ปะ...เปล่าครับ” ไม่รู้ว่าคุณหมอต้องการสื่อว่าลำบากใจเรื่องไหน ผมก็ขอตอบว่าเปล่าไว้ก่อน ก็ตอนนี้คุณหมอน่ากลัวมากครับ

ถึงผมจะพูดน้อย แต่ก็ไม่เคยพูดแล้วทำคนฟังสะดุ้งแบบที่คุณหมอกำลังทำอยู่ตอนนี้นะครับ คุณหมอพูดน้อย แต่พูดที่ก็ทำเอาผมสะดุ้ง น่ากลัวจนผมทำอะไรไม่ถูกไปเหมือนกัน เมื่อกี้ก็เหมือนกันครับ ตอนที่ยืนคุยกับเพื่อนคุณหมอ แล้วผมแก้ความสงสัยของเพื่อนๆ คุณหมอว่า ผมเป็นแค่เจ้าของร้านกาแฟข้างคลินิกสัตว์ของคุณหมอ ไม่ใช่เพื่อน เป็นแค่คนรู้จักกัน คุ้นหน้ากัน แล้วคุณหมอชวนมาเที่ยวพักผ่อนด้วย เท่านั้นแหละ หน้าคุณหมอบึ้งทันทีครับ ผมพูดผิดหรือไง คุณหมอถึงชักสีหน้าแบบนั้น ทำเอาผมทำหน้าไม่ถูก ก็ผมพูดความจริงนี่ครับ

ผมไม่ใช่เพื่อนคุณหมอ เราสองคนก็เป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้นเอง...

ทำไมต้องทำหน้าเหมือนไม่พอใจด้วย ผมก็ได้แต่นึกครับ ไม่กล้าพูดหรือถามอะไรอย่างที่ใจคิด แล้วจังหวะนั้นคุณหมอก็ขอตัวเอาของมาเก็บครับ ทั้งที่ผมยังไม่รู้จักชื่อครบทุกคนเลย รู้จักแต่คุณอิงกับคุณหนึ่ง ที่ชิงแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ อีกสองคนที่เหลือผมเลยไม่รู้จักชื่อ

“แต่คุณฟ้าทำหน้าลำบากใจอยู่นะครับ หรือว่าลำบากใจที่จะนอนห้องเดียวกับผม”

คำถามนี้ดูจะชัดเจนในจุดประสงค์มากขึ้นครับ ผมรู้แล้วว่าไอ้เรื่องลำบากใจที่คุณหมอพูดหมายถึงเรื่องอะไร ซึ่งมันก็ถูกต้องส่วนหนึ่งนะครับ ผมลำบากใจจริงๆ ที่จะนอนกับคุณหมอ แต่ไม่ได้ลำบากใจที่จะนอนห้องเดียวกัน ผมลำบากใจที่จะนอนเตียงเดียวกันมากกว่า

อย่างที่บอกครับ ผมเป็นคนนอนดิ้น กลัวจะเผลอถีบคุณหมอตกเตียง ผมกลัวจริงๆ นะครับ

“เปล่าครับ”

คุณหมอไม่เชื่อคำตอบรอบที่สองของผม หน้าของคุณหมอบอกแบบนั้นครับ แน่ล่ะ ขนาดผมเองยังไม่เชื่อเลย โกหกใครเก่งซะที่ไหนกัน

“...............”

คุณหมอเงียบครับ ไม่พูดอะไร เหมือนจะรอคำตอบที่ดีกว่านี้จากผม เลยใช้ความเงียบเป็นตัวงัดเอาความจริงจากปากผมออกมา

ตาสีเข้มนั้นนิ่งมากครับ นิ่งจนน่ากลัว ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกกลัวสายตาคู่นี้ของคุณหมอเลยครับ หรือเพราะผมไม่เคยยืนสบตากับคุณหมอระยะประชิดตัวแบบนี้ เมื่อคุณหมอเดินเข้ามาใกล้ผม หน้าแทบจะชนกันอยู่แล้ว จนผมต้องก้าวถอยหลังให้ระยะห่างมันเกิดขึ้นมาหน่อย ไม่อย่างนั้นผมคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ

“ว่าไงครับ”

เมื่อผมไม่ตอบ คุณหมอก็เลิกใช้ความเงียบกับผม ถามย้ำอีกครั้ง ถึงตอนนี้คุณหมอจะไม่ก้าวตามผมมา ทว่าสายตากับน้ำเสียง กลับทำให้ผมเกร็งยิ่งกว่าเดิมอีกเท่าตัว รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูก มือไม้ก็ดีเป็นส่วนเกินที่หายที่เก็บไม่เจอ

“ว่าไงครับ”

นั่น! คำถามเดิม แต่น้ำเสียงเปลี่ยน เลวร้ายกว่าเดิม เค้นเอาคำตอบยิ่งกว่าที่เคย

“.........”

ไม่กล้าพูดครับ อายเรื่องนอนดิ้นครับ

“ว่าไงครับ” คราวนี้ก้าวตามมาแล้วครับ ส่วนผมก็ถอยหลังเรื่อยๆ คุณหมอก็ไม่หยุดซะที ไม่คิดจะทิ้งระยะห่างกันเลย สุดท้ายผมก็ต้องหยุดเมื่อหลังชนกับผนังห้องอย่างจัง เจ็บไม่มากเมื่อเทียบกับความกลัวคนตรงหน้า

ผมกำลังถูกคุกคามจากคนรู้จัก ที่หลงตกปากรับคำมาเที่ยวทะเลด้วยกัน ถ้าผมปฏิเสธไปแต่แรก ผมคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ผมคงผูกผ้ากันเปื้อนล้างถ้วยกาแฟอยู่หน้าอ่าง ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้

“..................” ตาสีเข้มจ้องหน้าผมแบบไม่ยอมละสายตา คาดคั้นเอาคำตอบที่ถูกใจ

“คือ...คือผมเป็นคนนอนดิ้น เลยกลัวว่าจะรบกวนคุณหมอตอนนอนน่ะครับ อีกอย่างผมก็เคยถีบคนที่นอนด้วยตกเตียงมาแล้ว ทั้งที่เตียงก็กว้างกว่าเตียงนี้ตั้งเยอะ”

บอกไปตามที่คิดครับ แล้วก็โล่งอกเพราะตาสีเข้มนั้นดูผ่อนคลาย ไม่คาดคั้นเหมือนเคย แน่ล่ะซิ ก็ได้คำตอบไปแล้วนี่ครับ แถมคุณหมอเองยังหลุดขำออกมานิดๆ  ไม่ถือครับ มากว่านี้ก็เคยโดนมาจากนนท์มาแล้วครับ รายนั้นนะ ล้อผมได้ตลอด ตั้งแต่เป็นเพื่อนจนขยับฐานะเป็นแฟน เพิ่งจะมีช่วงหลังๆ นี่แหละครับที่ห่างกันไป คำหยอกล้อที่มีเริ่มหายไปทีละเรื่อง จนในที่สุด เราสองคนก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ นอนด้วยกัน แต่ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว อ้อมกอดที่เคยนอนกอดจนถึงเช้า มันจืดชืดแทนที่จะอบอุ่นเช่นเคยเป็น...

สู้ไม่ต้องกอดกันเสียจะดีกว่า...


“รู้ได้ยังไงครับว่านอนดิ้น ส่วนมากคนนอนดิ้น มักไม่รู้ตัวนะครับว่านอนดิ้น”

ถามคำถามที่ผมไม่อยากตอบอีกแล้ว ถ้าไม่ตอบก็กลัวจะโดนเหมือนเมื่อกี้อีกครั้ง

“นนท์บอกครับ”

แล้วภาพผู้ชายที่ผมรักก็ฉายชัดอีกครั้งในความคิดถึงของผม

เป็นเดือนแล้วครับที่ผมตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอหน้าผู้ชายที่เคยบอกว่าจะใช้ทั้งชีวิตกับผม และมันเพิ่งจะชัดเจน เมื่อวันก่อน วันที่นนท์ไม่สามารถทำในสิ่งที่เฝ้าบอกผมให้ผมชื่นใจได้อีกต่อไป ผมไม่ได้ถามว่าเพราะอะไร? ไม่จำเป็นต้องถาม คำตอบนั้นผมรู้ได้ด้วยตัวเอง แค่มองตานนท์ ผมก็รู้แล้วว่านนท์มีใคร ใครคนที่นนท์รักมากกว่าผม

ใครที่นนท์รักมากกว่าผมมาก มากพอที่จะทำให้เขา “ทิ้งผม” ไป

แค่ผมไม่รู้เท่านั้นว่า “ใคร” คนนั้นเป็นใคร ผมรู้แค่ว่านนท์รักเขามาก มากกว่าผม ผมที่กลายเป็นแค่คนที่นนท์เคยรัก เคยพร่ำบอกคำว่ารัก เคยอยากใช้ชีวิตร่วมกันไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

วันนี้ผมกลายเป็นคนที่นนท์ไม่สามารถจะรักอีกต่อไปแล้ว...ก็เท่านั้น


ขอบตาผมเริ่มร้อนๆ หน่วยตาเริ่มหนักเพราะน้ำอุ่นที่กำลังเอ่อร้น ผมรู้สึกว่าอีกไม่กี่วินาทีมันจะไหลออกมา เหมือนที่ภาพของนนท์กำลังไกลออกไปจากผมเรื่อยๆ


“ไม่ร้องนะครับ”

เม็ดน้ำตาของผม มันกำลังไหล ผมห้ามมันไม่ได้ คุณหมอคงสงสารถึงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้ เหตุการณ์วันที่นนท์บอกเลิกผม คุณหมอคงเห็นและเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับนนท์

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผม “ถูกทิ้ง”

“ขอบคุณครับ”

นานครับกว่าผมจะเอ่ยคำพูดนี้ออกมาได้ แต่เสียงที่พูดก็ยังสั่น คนตรงหน้าก็เหมือนเป็นห่วง

“อายจังครับ” ผมบอกความรู้สึกจริงๆ ออกไป อายครับที่ต้องมายืนร้องไห้ให้คุณหมอต้องมาซับน้ำตาให้ ก่อนจะโอบตัวผมแล้วพาไปนั่งบนเตียงนุ่ม ที่ก่อนหน้านี้ผมอยากกระโจนลงไปนอนใจจะขาด

“ไหวไหมครับ”

คุณหมอคงหมายถึง ผมจะออกไปทานข้าวกับเพื่อนๆ คุณหมอไหวไหม เพราะเพื่อนคุณหมอรอทานข้าวอยู่ที่เรือนอาหารของรีสอร์ท ตอนนี้เกือบบ่ายสองแล้วครับ เพื่อนของคุณหมอยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงเพราะรอคุณหมอกัน (เพื่อนคุณหมอตะโกนบอกตามหลังมาน่ะครับ)

“............”

ถามมาอย่างนี้ผมก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไง เรื่องหิว ก็ไม่หิวแล้วครับ ผมเหนื่อย อยากนอนมากกว่า แล้วก็ไม่อยากออกไปในสภาพที่ผ่านการร้องไห้มามาดๆ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่า หน้าคงแดง ตาคงช้ำ แต่เกรงใจเพื่อนของคุณหมอ

“ถ้าบอกว่าไม่ไหวจะเป็นอะไรไหมครับ ผมรู้สึกเหนื่อยน่ะครับ ไม่ชินกับการเดินทางไกลๆ แถมยังร้องไห้แบบนี้ด้วย ให้ออกไปด้วยสภาพนี้ บอกตามตรง ผมอายครับ” บอกไปตามตรงดีกว่าครับ ตอนนี้ไม่อยากเอาหน้ายับๆ ไปอวดสายตาใคร แค่คุณหมอก็อายมากพอแล้ว ไม่อยากอายกว่านี้ แล้วก็รู้สึกเหนื่อยจริงๆ  แทบอยากจะพุ่งเอาหน้าซุกหมอนเลยครับ

“ไม่เป็นไรครับ เหนื่อยก็พัก ว่าแต่คุณฟ้าไม่หิวแน่นะครับ?”

น้ำเสียงที่ถามเป็นห่วงครับจริงจังครับ หิวน่ะหิว ตอนเช้าก็มีแค่กาแฟปั่นแก้วเดียวเองที่ตกถึงท้อง แต่เผอิญว่าความหิวมันถูกแซงด้วยความเหนื่อยและความอายไปแล้วล่ะครับ


“หิวครับ แต่เหนื่อยมากกว่า อยากนอน” บอกเสียงอ่อนออกไปครับ กลัวโดนดุ เพราะบ่อยครั้งที่นนท์ดุผมเรื่องนี้ เรื่องที่ผมเลือกจะนอนมากกว่ากิน ทั้งที่หิวแทบตาย

“แต่ก็ควรทานอะไรก่อนนะครับ” ทีนี้เสียงเข้มมาเลยครับ แต่ทำอะไรผมไม่ได้ เพราะไม่ได้น่ากลัวอย่างตอนที่โดนขู่ครับ อันนั้นน่ากลัวจริงจัง กลัวจนไม่กล้าหืออะไรเลย

“ก็ดื่มน้ำกระเจี้ยบไปแล้ว” โชคดีที่ได้น้ำกระเจี้ยบเป็นตัวช่วย ก่อนเดินเข้ามาในห้องน่ะครับ พนักงานของรีสอร์ทเดินมาเสิร์ฟน้ำกระเจี้ยบเย็นๆ แก้วใหญ่เลยครับ ถือซะว่าเป็นของรองท้องก็ได้ ผมกินง่ายอยู่ง่ายอยู่แล้วครับ

“น้ำกระเจี้ยบแก้วเท่านั้น มันจะช่วยอะไรได้ครับ”

“ได้สิครับ” คราวนี้ผมยืนยันหนักแน่น ไม่ทำเสียงอ่อนให้โดนบังคับอีกแล้ว ก็คนมันอยากนอนแล้ว ร้องไห้เมื่อกี้ก็ทำให้ผมปวดตาด้วย

“..........................”

คุณหมอคงหมดคำพูดกับผมแล้ว ดูได้จากการส่ายหน้าช้าๆ แล้วมองหน้าผมแบบปลงๆ คุณหมอนี่ก็ตลกนะครับ มีหลายอารมณ์ดีแท้ ตอนอยู่หน้าหาดทำหน้าบึ้งใส่ผม พอเข้ามาในห้อง ผมพูดอะไรไม่ถูกใจก็ทำตาหน้ากลัวใส่ผม คาดคั้นผมสุดฤทธิ์ พอตอนนี้ก็เหมือนปลงกับชีวิตของผม

ถ้าคุณหมอรู้จักผมดี เหมือนที่นนท์รู้จัก คุณหมอจะรู้ครับว่าผม “ดื้อเงียบ” แค่ไหน

“ฝากขอโทษเพื่อนคุณหมอด้วยนะครับที่ผมเสียมารยาท” ยังรู้สึกผิดอยู่ครับ ถึงผมจะดื้อ แต่ยังแคร์ความรู้สึกคนรอบข้างอยู่มากครับ


“ครับ”

พูดจบคุณหมอเปลี่ยนจากหน้าปลงเป็นหน้ายิ้ม เดินไปปลดผ้าม่านผืนหน้าให้กั้นแสงแดดที่ลอดเข้ามาในห้อง ส่วนผมก็เอนตัวลงนอนทันทีครับ มองคุณหมอที่ยุ่งอยู่กับม่านหน้าต่าง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่วายที่จะหันมายิ้มให้ผมก่อนด้วย ผมก็ยิ้มตอบครับ

สบายตัวดีจังครับ ที่นอนนุ่มในห้องพักแห่งใหม่ เหมือนผมได้พาตัวเองออกมาจากที่เดิมๆ สู่โลกใบใหม่ที่สบายและผ่อนคลาย ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคงเป็นหมอนใบใหญ่และกลิ่นสุดท้ายที่ผมสัมผัสได้คือกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหมอนใบที่ผมซุกหน้าลงไป....


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“....................”


เสียงแรกที่ผมได้ยินเมื่อเริ่มรู้สึกตัวคือเสียงลมหายใจที่เป่ารดอยู่ด้านบน เหนือศีรษะ

ความรู้สึกแรกที่ผมรู้สึกคือ ไออุ่นจากร่างกายของใครสักคนหนึ่ง ที่ผมกอดเขาอยู่

ไม่สิ!!

ต้องบอกว่าใครสักคนที่ผมกำลังเอาตัวทั้งตัวไปเกยอยู่บนตัวของเขา แสงไฟสีอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ทำให้ผมเห็นหน้าของใครคนนั้นได้ชัด จะใครที่ไหนอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่....

เฮ้ย....!!

สะดุ้งสุดตัวเองครับ ลุกแทบไม่ทัน ทันทีที่รู้ว่ากำลังปีนป่ายเกาะเกยอยู่บนตัวคุณหมอ คุณหมอที่แค่รู้จักแต่ไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นมานอนเตียงเดียวกันได้ แถมยังอยู่ในสภาพที่ล่อแหลมแบบนี้

ผมก็รู้ตัวนะครับว่านอนดิ้น ไม่ถีบคนร่วมเตียงตกเตียง ก็นอนเกยแบบนี้ล่ะ กับนนท์ก็เป็นประจำ แต่นั่นคือนนท์ไงครับ แต่นี่คือคุณหมอ ฐานะความสัมพันธ์มันแตกต่างกัน


พอผมลุก คนที่ผมนอนเกยอยู่ก็รู้สึกตัวแทบจะทันทีด้วยเหมือนกัน แล้วงัวเงียตื่นขึ้นมานั่ง ไม่ห่างจากที่ผมนั่งอยู่เลยครับ

“ตื่นแล้วหรือครับ” เสียงคุณหมอเหมือนจะแหบลงไปนิด คงเพราะเพิ่งตื่น

“ครับ” 

ผมของคุณหมอชี้โด่ ผมเห็น แล้วก็ตามเคยครับ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจัดให้เข้าทรง เหมือนที่ผมชอบทำให้กับนนท์ กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรทำแบบนั้น ก็เมื่อตาสีเข้มมองผมตาไม่กระพริบนั่นแหละครับ แล้วมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมจัดทรงให้คุณหมอเสร็จ

“แหะๆ ขอโทษครับ พอดีผมติดนิสัยน่ะครับ” ผมดึงมือกลับครับ ยิ้มแห้งๆ ส่งให้คุณหมอเป็นคำขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ”

คุณหมอยิ้มตอบกลับมา แต่ไม่มีท่าทีว่าจะขยับลุกไปไหน ผมเลยต้องลุกเสียเอง เพราะรู้สึกว่านั่งใกล้แบบนี้แล้ว มันรู้สึกแปลกๆ

เพราะผมกับคุณหมอไม่ได้สนิทกันขนานที่จะนั่งคุยกันบนเตียงแบบนี้

“หิวหรือยังครับ” คุณหมอลุกตาม บิดตัวไล่ความเมื่อย แอบคิดว่าคุณหมอต้องเมื่อยเพราะผมนอนเกยทับ ไม่เมื่อยก็แปลกแล้วครับ ผมก็ไม่ได้ตัวเล็กสักหน่อย ถึงสูงไม่เท่าคุณหมอ แต่คงห่างกันไม่ถึงห้าเซ็นต์

“หิวครับ มากด้วย” ตอบไปก็ลูบท้องตัวเองไปด้วยครับ เพื่อยืนยันคำตอบ ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน คงนานเหมือนกัน ผมว่านะ เพราะมองผ่านรอยแยกของผ้าม่านที่เห็น มีแสงจากโคมไฟตรงหาดหน้าห้องพักแทรกเข้ามาแล้ว

“งั้นก็ไปหาอะไรกินกันครับ ผมก็หิวเหมือนกัน” นั่น คุณหมอทำท่าประกอบเหมือนผมไม่ผิดเลย ลอกกันเห็นๆ คิดแล้วขำ ไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอขำออกมาทางท่าทางและเสียง รู้ตัวก็เมื่อคุณหมอทักนั่นแหละ

“ขำอะไรครับ”

“ขำท่าหิวของคุณหมอครับ ทำเหมือนผมเลย”

“ก็คน...........”

คุณหมอกำลังจะพูด แต่จู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นซะก่อน


....ก๊อก....ก๊อก....ก๊อก...ก๊อก...

ตามด้วยแล้วเสียงเล็กๆ น่ารักที่ผมได้ยินเมื่อตอนกลางวัน เอ่ยถามผ่านประตูเข้ามา

“พี่หมอครับ อยู่ไหมครับ”

“หนีกลับไปแล้วมั้ง” เสียงอีกเสียงหนึ่ง ที่ผมจำได้เช่นกัน ดังแทรกเข้ามาอีก ฟังแล้ว ไม่เหมือนจะพูดกับคนในห้องหรอกครับ แต่น่าจะพูดประชดเจ้าของเสียงแรกมากกว่า

“ติน!”

...เพี้ยะ....

“เจ็บนะครับ ลม”

“ถ้ายังไม่เลิก จะเจ็บกว่านี้นะ”

“คร้าบบบบบ”

ผมดึงสายตาออกจากต้นเสียงข้างนอก กลับมามองคนที่ถูกเรียก ที่ยืนอยู่ข้างผม

ตาสีเข้ม ดูเศร้าทันที แสงอ่อนของโคมไฟตรงหัวเตียงทำให้ผมเห็นอย่างนั้น....



...
แก้ไขเนื้อหาบางส่วนตามประสงค์ของคนแต่งค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2011 22:01:30 โดย Aphrodite »

Namtarn

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแล้ว ดีใจมากๆ ค่ะ คิดถึงลมมากๆๆ
ขอแสดงตัวว่าโหวตเซ็งเป็ดให้เรื่องนี้ค่า

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแล้ว ดีใจมากๆ ค่ะ คิดถึงลมมากๆๆ
ขอแสดงตัวว่าโหวตเซ็งเป็ดให้เรื่องนี้ค่า
[/quot]

+1 แทนคนแต่งค๊า  ถ้าคนแต่งรู้คงมีกำลังใจสู่น้ำท่วมได้มากโข

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
หายไปนาน
แต่ก็ดีใจที่กลับมาซะที อย่าหายไปอีกนะ
เอ้าคุณหมอรีบตัดใจให้ขาดแล้วมาเริ่มรักครั้งใหม่ดีกว่า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด