ตอนที่ 27
“ปล่อยได้แล้ว” สีฟ้าสะบัดตัวหลุดจากวงแขนแกร่งทันที หลังจากประตูห้องถูกปิดลงด้วยฝีมือของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แต่กลับมาสร้างกวนอารมณ์เขารับอรุณอย่างนี้ เรื่องตัวปัญหาอาจจะจบลงได้ด้วยดี แต่สีฟ้ายังต้องสะสางคดีเอากับภาคีต่อในเรื่องของรูปถ่ายที่กองอยู่บนโต๊ะ
สีฟ้าก็เดินไปหยิบรูปถ่ายสิบกว่าใบที่นิรดาวางไว้ขึ้นมา ยืนมันให้คนที่เดินตามเขามาเหมือนคนกลัวความผิด
ภาพมันฟ้อง....
อยากรู้ว่าภาคีจะแกล้งตัวยังไง
“นี่มันหมายความว่ายังไง ฉันอยากรู้” พออารมณ์แปรปรวน คำเรียกขานก็เปลี่ยนกลับไปเป็นห่างเหินเหมือนเมื่อครั้งเก่า
รูปภาพพวกนี้ ใช่ว่าไม่เคยเห็น รูปภาพที่สีฟ้าคิดว่าลืมมันไปได้แล้วเชียวนะ มันเคยทำให้เขาอารมณ์พุ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นที่ณัชชาเอามันมาให้เขาดู คิดว่าจะแกล้งลืม จะไม่พูดถึง แล้วจะไม่ใส่ใจ แต่พอมันกลับมาให้เห็นอีกครั้ง มันก็ทำใจเย็นไม่ได้
“อะไรครับ?” ภาคีโอบเอวบาง ก่อนจะออกแรงดึงเจ้าของเอวให้ลงไปนั่งบนโซฟานุ่มด้วยกัน ในสภาพที่อีกฝ่ายนั่งอยู่บนตักของเขา แล้วเขาก็วางคางสากไว้กับไหล่มน แต่ไม่ลืมกดปลายจมูกโด่งบนแก้อีกฝ่ายเหมือนที่ชอบทำ
“รูปพวกนี้มันหมายความว่ายังไง พอห่างจากฉันก็ไปเกาะแกะยัยนุ่นนั่นเลยใช่ไหม?” สีฟ้ายอมรับว่าหึงมากถึงมากที่สุด ถึงแม้รูปที่เห็นจะฟ้องว่านิรดาเป็นฝ่ายเสนอทั้งตัว ทั้งแขน ทั้งหน้า เข้าหาคนของเขาที่ยืนนิ่งให้นิรดาถึงเนื้อถึงตัว แต่มันหวง มันหึง เลยพาลโกรธคนของเขาไปด้วย ข้อหาที่ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวซะบ้าง
“หึงอ่ะดิ” น้ำเสียงออกจะรื่นเริงเกินไปหน่อย เลยโดนศอกกระทุ้งเต็มแรงรัก
“อย่านอกเรื่อง บอกมาเดี๋ยวนี้ว่ารูปพวกนี้มันหมายความว่ายังไง”
“ลมครับ เวลาหึงลมเนี่ย รู้ตัวไหมว่าขาดความรอบคอบไปเยอะเลยนะครับ” ถ้าภาคีกล้ากว่านี้ เขาคงจะพูดว่า สีฟ้าตาถั่วมาก แต่เขาไม่กล้าพูด กลัวจะเพิ่มโทษให้ตัวเองซะมากกว่า
“ฉันถามนายนะ ไม่ใช่ให้นายมาย้อนถามฉัน ” หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่โดนย้อน
“พูดไม่เพราะเลยนะครับ ต้องพูดว่าลมกับตินสิครับ”
“กล้าสั่งฉันเหรอ?” คนมันของขึ้น ภาคพูดอะไรก็ฟังขัดหูไปเสียหมด
“โธ่ลมครับ ตินไม่ได้สั่งนะครับ ตินแค่อยากฟังชื่อของตัวเองออกจากปากของคนที่ตินรักมากที่สุด คนที่เป็นรักแรกของติน คนที่เป็นรักเดียวของติน และก็เป็นรักสุดท้ายของติน ตินไม่ได้คิดจะสั่งให้ลมพูด แต่ตินอยากขอร้อง ได้ไหมครับ นะครับลม คนดีของติน”
คำพูดเพราะๆ จากปากของคนที่สีฟ้าก็รัก ไม่ต่างจากที่คนๆ นี้รักเขาเช่นกัน มันเลยทำให้สีฟ้ารู้สึกตัว ว่าตัวเองนิสัยไม่ดีแค่ไหน เอาอารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง ลืมที่จะสนใจความรู้สึกของคนที่เขารัก
“ขอโทษ”
“ขอโทษทำไมครับ” ภาคีงงไม่น้อย เมื่อจู่ๆ สีฟ้าก็ขอโทษเขา พร้อมกับขยับตัวลงจากตักของเขา แต่ยังคงนั่งชิดติดกัน เพียงแค่ให้ใบหน้าทั้งสองหันมาเจอกัน ตาประสานตา แล้วเขาก็เข้าใจว่าคำขอโทษของสีฟ้า มาจากเรื่องอะไร
“ขอโทษที่ใส่อารมณ์กับตินไง ลมขอโทษ ต่อไปจะพยายามทำตัวให้ดีกว่านี้ จะเรียกชื่อตินให้เหมือนกับที่ตินเรียกชื่อลม”
“หรือครับ? ทำได้แน่นะครับ” คนถามทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ ทั้งที่ใจมันเชื่อไปหมดแล้ว
“ทำได้”
“ไม่ฝืนแน่นะ”
“อืม”
“ชัวร์”
“ติน....”
“ครับๆ เชื่อแล้วครับ”
“แต่ลมยังไม่ลืมเรื่องรูปนะ พอจะมีคำอธิบายดีๆ ให้ลมได้หรือยัง ว่าทำไมถึงยังไปยุ่งกับยัยนุ่นนั่นอีก”
“ลมลองดูดีๆ สิครับ” ภาคีหยิบรูปขึ้นมา ชี้ให้คนขี้หึงแล้วก็อารมณ์ร้อนดู
“เห็นความแตกต่างอะไรระหว่างตินในรูปกับตินตัวจริงบ้างครับ ตอบให้ตินชื่นใจหน่อยสิครับ” ปลายเสียงออกจะยั่วนิดๆ มือใหญ่ก็พลิกรูปที่อยู่ในมือให้คนในอ้อมแขนดูช้าๆ จนครบทุกรูป
“ไม่เห็น” คำตอบแสนห้วน ที่พยายามจะเอามันมาปิดบังความอับอายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นี้ถ้าลดความหึงหวงลงให้น้อยลงได้ เขาก็คงเห็นความแตกต่างนี้ตั้งแต่วันที่ณัชชาเอามาให้ดูแล้วล่ะ
ภาคีในรูปที่เห็น เจ้าตัวอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเขียวเข้มที่เขาเห็นใส่บ่อยๆ กับภาคีคนที่อยู่กับเขาในตอนนี้ แม้หน้าตาจะเหมือนกันราวกับแฝดเพราะเป็นคนๆ เดียวกัน แต่มันต่างกันตรงที่ความสั้นยาวของผมเส้นหนา ภาคีในรูปผมสั้นจัดทรงตั้งๆ เหมือนทรงนักเรียน แต่ภาคีคนที่อยู่นอกรูป ผมยาวกว่าในรูปมาก เวลาเดือนกว่าจากผมสั้นขนาดนั้น คงยาวขนาดนี้ไม่ได้แน่นอน
แสดงว่าเขาหึงจนตาถั่วใช่ไหม? อายมาก ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ดูป้ายผ้าด้านหลังด้วยสิครับ จะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น” ถึงสีฟ้าจะบอกว่าไม่เห็น แต่มีหรือว่าภาคีจะไม่รู้ สีฟ้ากำลังอายตัวเอง เขาเลยต้องชี้ให้ดูรายละเอียดของภาพต่อ
ฉากด้านหลังในภาพเป็นงานเลี้ยงของบริษัทแทบทุกใบ มีป้ายผ้าผืนใหญ่และยาวแขวนห้อยอยู่ ตัวหนังสือบนป้ายผ้าบอกปีพ.ศเอาไว้ชัดเจน ปีพ.ศที่บอกว่าอยู่ห่างจากปีพ.ศ.นี้ไปถึงสามปี
ภาพพวกนี้ถ่ายมาแล้วถึง 3 ปี เขาถูกณัชชากับนิรดาหลอกใช่ไหม?
“เข้าใจแล้ว” สีฟ้าบอกเสียงเบา มองหน้าคนในรูปแล้วก็อายจนต้องหลบตา
“คราวหน้าก็หึงให้มันน้อยหน่อยนะครับลม” คนพูดยิ้ม ไม่ได้โกรธที่ถูกเข้าใจผิด ออกจะชอบใจที่สีฟ้าแสดงอาการหึงหวงเขาออกมาให้รู้ ว่าไม่ใช่แค่เขาฝ่ายเดียวที่หึงหวงสีฟ้า สีฟ้าก็หึงและหวงเขาด้วยเช่นกัน
“รู้แล้ว”
“บอกตินหรือบอกพนังห้องครับลม หน้าตินอยู่ตรงนี้นะครับ”
“เลิกแกล้งได้ไหมติน ลมก็สำนึกผิดแล้วไง จะเอาอะไรอีก” ปลายเสียงตวัดค้อนนิดๆ แต่ไม่ถึงกับใส่อารมณ์อะไรมาก เขาผิดจริง เลยไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปเถียงสู้ดี
“เอาอันนี้ครับ” ปากบอก ก่อนนิ้วมือจะวางแปะบนปากหยักของตัวเอง มุมปากยกยิ้ม
“แต่....”
“ห้ามแต่ครับ....รู้ไหมเมื่อกี้ที่ลมโกรธอ่ะ ตินเจ็บตัวแค่ไหน ตินขอแค่นี้ไม่ได้เลยหรือครับ” คนพูดทำเสียงเบาเวลาถาม ตีหน้าเศร้าอ้อนขอ ส่วนคนทำผิดก็ไม่อยากตามใจมาก แต่เมื่อเขาผิด จะปฏิเสธก็ไม่ใช่ที่
มันไม่ได้เสียหายอะไร แค่จูบ มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว....แต่มันก็ยังอายอยู่เหมือนกัน ที่ภาคีขอน่ะ คือเขาต้องเป็นฝ่ายจูบภาคีก่อนนี่สิ ไม่ใช่ไม่เคย เคยตั้งหลายครั้ง แต่หลายครั้งนั้นอารมณ์มันพาไป ไม่เหมือนครั้งนี้นี่นา
ถ้าต้องจูบจริง เขาก็คงไม่กล้าจูบภาคีแน่ๆ หากตาคมหวานยังจ้องเขาราวกับจะกลืนกินอยู่แบบนี้
“หลับตาได้ไหม” อย่างน้อยถ้าภาคีหลับตาลง เขาก็อาจจะอายน้อยลง.....มั้งนะ
“ไม่เอาอ่ะ ไม่หลับตา เดี๋ยวลมโกงติน พอตินหลับตา ลมก็จะหนีลมไป” มีหรือภาคีจะยอมทำตาม ก็กลัวว่าพอหลับตาปุบ รางวัลหวานๆ อาจจะกลายเป็นอากาศไป หรือไม่ก็อาจจะโดนเคาะกะโหลกรับอรุณก็ได้
“ลมไม่หนีไปไหนหรอก ไม่เชื่อใจลมเหรอ” เขาถามเสียงหวาน เอาใจ ไม่ได้คิดจะหนีอย่างที่ภาคีพูดเสียหน่อย แค่เขาอาย ไม่อยากจูบตอนที่อีกฝ่ายยังลืมตามองหน้าเขาหวานซึ้งซะขนาดนี้
ใครไม่อาย แต่สีฟ้าอาย อายมากด้วย ถ้าภาคียังลืมตาอยู่อย่างนี้
“ก็ได้ครับ ตินเชื่อลม”
แล้วตาคมหวานก็ถูกกลืนหายไปภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท ทาบทับด้วยขนตายาวยาวของภาคี ก่อนที่สีฟ้าประคองใบหน้าที่หน่วยตาปิดสนิทด้วยสองมือ จรดปากอิ่มเข้ากับปากหยัก ปรุงแต่รสหวานอย่างแผ่วพลิ้ว แล้วแทรกสอดเรียวลิ้นเข้าไปหลังรอยแยกของปากหยัก ก่อนจะเจอกับลิ้นร้อนชื้นเกี่ยวกะหวัด
หวาน....จนละลาย
ร้อนแรง....จนหลงใหล
...
มีต่อค่ะ