"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 507915 ครั้ง)

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
จับกดไปเลย
ไม่นานเกินรอแน่ ลมเอ๊ยเตรียมตัวได้เลย
ถ้าไม่ชอบเรื่องนี้ คงไม่ติดตามมาอ่าน ชิมิ ชิมิ
ก็เรื่องแบบนี้แหละจ้า บรรดาแม่ยก พ่อยกเค้าจะชอบกัน
ต่างคนต่างแอบรักกัน แต่กลับแสดงออกว่าเกลียดกัน
มันสนุกอีตรงสาดอารมณ์ใส่กันไปมานี้แหละ อิ อิ
แต่แหม..คุณหนูลมนี่ก็ปากดีจริงแหละ (ใช่ไหมภาคี ได้ชิมไปแล้วนี่ ดีจริงใช่ไหมล่า)
พูดออกมาแต่ละคำ มันน่า..จริงๆ จารออ่านตอนต่อไปจ้า
ขอบคุณที่ติดตามและชอบเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้นายเอกของเราเค๊าแผนการณ์เยอะนะค่ะ 
ตีหัวแล้วลากเข้าถ้ำซะนะคะง่ายดี :laugh:

น่าจับลมมาปิดปากโดยการจับจูบซะหั้ยเข็ด ปากนี่ดีนัก :jul3:

มาต่อเร็วๆนะคะ :m5: :z2:แต่สงสารตินอ่า :o12:

มาแล้วค๊า
สมน้ำหน้าปากดีนักคราวนี้จะได้หุบปากดีๆซะที


ดีนะที่ไม่โดนกดด้วย


หายซ่าเลยงานนี้อีสีฟ้า  เกือบเป็นสีแดง
555 สีแดง ดีนะที่ยังมีเกือบ
:m20:
ขอบคุณค่ะที่แวะมาชม
ได้ข่าวว่าจะมาแย้วววว ^^'
เชิญรับชมตอนต่อไปได้เลยค่ะ

ตอนที่ 3

สีฟ้าวิ่งผ่านหน้าพี่ชายและพี่สะใภ้ที่กำลังกลับจากงานเลี้ยงข้างนอก ชายหนุ่มไม่มีกะใจจะเอ่ยทักคนทั้งคู่เหมือนเช่นทุกครั้ง
“วิ่งหนีอะไรมาหะ ลม”
เมฆาตะโกนถาม เมื่อคนเป็นน้องเอาแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่ง ไม่ยอมทักทายพี่ชายอย่างเขาเลย
“ไม่มีอะไรครับพี่ฟืน”
คนเป็นน้องตะโกนตอบกลับมา สองเท้าวิ่งเร็วหายไปในห้องทันที

ครั้นพอเข้าห้องของตัวเองมาได้ หนุ่มหน้าหวานรีบโถมตัวลงบนเตียงกว้าง ซบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ ปลดปล่อยความรู้สึกทุกอย่างออกมาเป็นน้ำใสไหลจากหน่วยตาสวย ในห้องที่มีเพียงสีฟ้าคนเดียว เขาไม่จำเป็นต้องกักเก็บสิ่งใดๆ เอาไว้ให้ทรมาน ปล่อยมันออกมาให้หมดกับความรู้สึกที่ถาโถม

เขาเจ็บที่ใจ เจ็บที่เผลอไผลไปได้ยังไง



____________________________________________________________________

เช้าวันต่อมาภาคีขับรถแวะไปรับนิรดามาทำงานด้วยกัน เพราะรถของเธออยู่กับเขา ภาคีส่งนิรดาเข้าบริษัทไปก่อนขับมา บอกเหตุผลว่าเขามีธุระที่ต้องทำนิดหน่อย ไม่ถึงยี่สิบนาทีชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ เดินเอามันไปให้นิรดา ทำเอาหญิงสาวยิ้มกว้าง คิดว่าตัวเองฝันไป จนกลายเป็นที่อิจฉาของสาวๆ ในออฟฟิศ ดอกไม้ช่อแรกที่เธอได้รับจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก

“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
นิรดาถามเสียงหวาน เมื่อรับช่อดอกไม้นั้นเอาไว้เต็มอ้อมแขน ดอกไม้ช่อใหญ่สวยถูกใจ ด้วยมันเป็นดอกไม้ช่อแรกที่เธอได้รับ นอกจากนั้นเธอก็แสนจะภูมิใจที่ตกเป็นที่อิจฉาของผู้หญิงในบริษัท

“แต่งงานกับผมนะนุ่น” 

คำขอนั้นหลุดออกมาจากปากหยัก ทำเอานิรดาหยิกแขนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ใช่ความฝัน แขนตรงที่เธอหยิกมันเจ็บ เสียงกรีดร้องเบาๆ จากเหล่าเพื่อนร่วมงานสาวก็ช่วยยืนยันได้ดีทีเดียว ภาคีขอเธอแต่งาน แม้ว่าหน้าตาของเขาจะเรียบเสียจนเธอคิดว่าเขาท่องสคิปส์มา
แม้คำขอแต่งงานจะราบเรียบ ไม่สวยงาน ไม่เหมือนอย่างที่นิรดาวาดหวังเอาไว้ เธอคิดว่าภาคีจะต้องพาเธอไปนั่งทานข้าวใต้เสียงเทียน ฟังเพลงรักแสนหวานก่อนที่จะขอแต่งงาน ด้วยการนั่งคุกเข่า จับมือเธอเบาๆ สวมแหวนให้ ก่อนจะแนบปากหยักของเขาบนเรียวนิ้วของเธอ แทนที่จะเดินมาหาเธอแล้วขอแต่งงานด้วยสีหน้าไม่บอกความรู้สึกอันใด ช่างเถอะ แค่เขาขอเธอแต่งงาน โดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยปากขอซะเอง มันก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ค่ะ” หญิงสาวตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่หวานยิ่งกว่าทุกครั้ง พลางเขย่งปลายเท้าขึ้น จูบแก้มอีกฝ่ายโดยเร็ว สร้างความฮือฮาให้กับพวกพนักงานที่ซุ่มแอบดูได้ไม่น้อย 

“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
ภาคีไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการกระทำของอีกฝ่าย นิรดาหุบยิ้มแทบไม่ทัน ไม่เข้าใจกับท่าทางของภาคี นี่เขารักเธอมากจึงต้องขอแต่งงานใช่ไหม? 

แต่สิ่งที่เธอสัมผัสคล้ายกับมันไม่ใช่



“มานี่เลยๆ ไอ้ติน มึงกินยาลืมเขย่าขวดหรือไงวะ ถึงได้ไปขอยัยนุ่นแต่งงาน หรือว่าโดนทำเสน่ห์วะ”
คณิต เพื่อนรักที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่ง จบมาก็ยังตามมาทำงานที่เดียวกันกับภาคี ชายหนุ่มกวักมือเรียกเพื่อนรักที่เดินถือถ้วยกาแฟหอมกรุ่นเดินออกมาจากห้องครัว ก่อนนั่งลงที่โต๊ะทำงาน คณิตเพิ่งรู้เรื่องที่ภาคีของนิรดาแต่งงาน เมื่อกี้นี้เอง  เนื่องจากวันนี้เขามาทำงานสาย เลยไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย 

“เปล่า”

ภาคีตอบสั้นๆ ตามสไตล์ เขาเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ผิดกับคณิตเพื่อนรัก ที่พูดได้ไม่มีหยุด ภาคีละเลียดจิบกาแฟรสขมทีละนิด จนหมดถ้วย มันเป็นถ้วยที่สองสำหรับเช้านี้ เหตุการณ์เมื่อคืนทำเขานอนไม่หลับ ถ้าพูดให้ถูกยิ่งกว่านี้คือ หลังของเขาไม่ได้สัมผัสที่นอนเลยด้วยซ้ำ หลังจากที่สีฟ้าออกไป เขาก็นั่งอยู่ตรงนั้น ท่านั้น ตลอดทั้งคืน กับความรู้ยากอธิบาย

ไม่รู้ทำไมต้องสติแตกทำเรื่องแบบนั้นกับสีฟ้า

เพราะสีฟ้าดื้อ จนต้องสั่งสอน
หรือ
เพราะเขา มันเลว ฉวยโอกาสได้หน้าด้านๆ

เรื่องที่เกิดขึ้น มันกลับไปแก้ไขใดๆ ไม่ได้แม้แต่น้อย ต่อไปนี้เขาจะกล้าสู้หน้าคนในบ้านสีฟ้าได้ยังไง เขาคิดไม่ออก โดยเฉพาะคุณกฤษกับคุณอุษา ผู้เป็นบิดาและมารดาของสีฟ้า ท่านทั้งสองดีกับเขาเหมือนที่ดีกับพี่สาวเขา แต่เขากลับทำแบบนี้กับสีฟ้า ลูกชายคนเล็กที่คุณกฤษและคุณอุษาเลี้ยงดูมาอย่างดี น่าละอายใจจนไม่อยากสู้หน้าหากต้องเจอหน้ากัน
“เปล่า แล้วมึงไปขอยัยนุ่นแต่งงานทำไมวะ” 

เสียงของคณิตดึงเขาหลุดออกมาจากห้องความคิด ภาคีวางถ้วยกาแฟลงช้าๆ มองหน้าเพื่อน ที่กำลังดึงเก้าอี้ของตัวเองมานั่งข้างๆ โต๊ะเขา โต๊ะทำงานของเขากับคณิตอยู่ใกล้กัน

“กูไม่เข้าใจมึงเลยจริง คิดใหม่ได้นะโว้ย มันทั้งชีวิตมึงนะไอ้ติน”
ไม่ใช่คณิตไม่ชอบนิรดา แค่คิดว่าเพื่อนเขาไม่ได้ชอบนิรดาแน่ๆ เขากล้าเอาหัวเป็นประกันเลยด้วยซำ เป็นเพื่อนกันมานาน มีหรือเขาจะไม่รู้ ดูหน้าเพื่อนของเขาตอนนี้สิ หน้าตาเหมือนคนอมทุกข์มากกว่าอมสุข   

ที่ผ่านมาก็มีแต่นิรดาที่เที่ยวป่าวประกาศแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าภาคี พอเพื่อนเขาไม่พูดอะไร เลยกลายเป็นว่าถูกจับทำแฟนไปซะ
“หรือว่ามึงทำยัยนุ่มท้อง โธ่เอ้ย...กูเตือนมึงให้ระวังยัยนุ่นเอาไว้ ยัยนุ่นจ้องจะทับมึงอยู่ทุกวัน ไม่เชื่อกูเลย ซวยเลยมึง”

“เปล่า”

ภาคียังไม่มีอารมณ์อยากเล่าให้เพื่อนรักฟัง เขายังอยากให้เรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝันงี่เง่าเท่านั้น แต่ความจริงมันคือความจริง

“อะไรวะ พูดเป็นอยู่คำเดียว” คณิตส่ายหน้าเซ็ง พูดไปเยอะ ได้กลับมาแค่คำเดียว  พอจะรู้จักนิสัยเพื่อนดี มันพูดน้อยก็จริง แต่คราวนี้มันฟังดูน้อยกว่าปกติ 
“อ้าว? คุยอะไรกันอยู่ครับ ผมคุยด้วยได้ไหม” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง สองหนุ่มเพื่อนซี้หันไปยิ้มทักทาย เจ้าของเสียงที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ วางมือบนไหล่คณิต หน้าตาใคร่รู้มากกว่าจะตำหนิในฐานะเจ้าของบริษัท แม้ไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่แต่ก็มั่นคงในหลายๆ ด้าน

“ก็คุยเรื่องคนกำลังจะแต่งงานสิครับบอส บอสเคยเห็นป่าว ว่าที่เจ้าบ่าวหน้าเหมือนจะโดนเชือด ผมละเชื่อจริงๆ ว่ามันอยากแต่งงาน ไม่ใช่อยากบวช” คณิตพูดอย่างขำๆ พลางดึงเก้าอี้ตัวที่ใกล้มือมาให้บอสของเขานั่ง 

“งั้นที่ผมได้ยินก็เป็นความจริงสิครับ” อชิตะ เจ้านายหนุ่มที่อายุห่างจากภาคีกับคณิตแค่ห้าปี ทำหน้าอยากรู้ความจริง พลางนั่ง  ชายหนุ่มให้ความสนิทสนมกับพนักงานทุกคนของเขา แต่ถ้ามากที่สุดคงเป็นสองคนนี้แหละ

“จริงไม่จริง บอสก็ดูหน้าไอ้ตินมันครับ ตาคล้ำ หน้าหมอง ชีวิตหดหู่ เหมือนคนมีความสุขที่ซู๊ดดด” คณิตทำเสียงสูง ปากยื่น จนน่าถีบ

“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะครับ” อชิตะพูดยิ้มๆ ชายหนุ่มเป็นเจ้านายที่สุภาพเสมอ เขาห่วงลูกน้องไม่ใช่น้อย เคยฟังๆ จากที่คณิตพูดเป่าหู ความสัมพันธ์ของภาคีกับนิราดามันเหมือนไม่ใช่คนรักกัน ถึงจะรักก็คงเป็นฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวมากกว่า แล้วเขาก็เคยได้ยินนิรดาปรอยอยู่บ่อยๆ ว่า ภาคีไม่เคยทำตัวเหมือนแฟนคนอื่นเลย ที่เขารู้ก็เพราะนิรดาเป็นน้องสาวของเพื่อนเขา   

“นั่นสิไอ้ติน นี่มันคำเตือนจากบอสเชียวนะโว้ย ขืนมึงไม่เชื่อ มีตกงานได้ ใช่ไหมครับบอส” คนพูดหันไปขอเสียงสนับสนุนจากบอสที่แสนจะสนิทด้วย สนิทถึงขั้นร่วมหัวจมกองเหล้าแทบจะทุกอาทิตย์

“ผมตัดสินใจแล้วครับ”

แค่นั้นแหละบทสนทนาเลยต้องจบลงอย่าช่วยไม่ได้ ขัดใจคณิตมาก เมื่อภาคีหันกลับไปก้มหน้าทำงาน ปล่อยให้เจ้านายกับเพื่อนซี้มองหน้ากันเหมือนปลงกับคำตอบ
ก่อนจะแยกย้ายไปทำงานของตัวเองต่อ

เมื่อคณิตลากเก้าอี้กลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แล้วอชิตะเดินเข้าไปในห้องทำงาน ภาคีกลับมาอยู่ในความครุ่นคิดแบบเดิมๆ อีกครั้ง ไหล่หนาห่อตัวลง แผ่นหลังกว้างอ่อนแรงจนต้องพิงพักไว้กับพนักเก้าอี้ หัวจิตหัวใจของเขาไม่มีความสุขเลย นับตั้งแต่วินาทีที่รู้ตัวว่าทำผิดและทำเกินไป

เรื่องราวมันวิ่งวน ราวกับไม่อยากให้หลงลืม

เรือนร่างนั้นบอบบางกว่าที่คิด กลิ่นหอมที่เคยคิดว่าหอมหวาน ยิ่งหอมล้ำกว่าเมื่อได้สัมผัสใกล้ มันยากหักห้าม ถึงตอนนี้ เขาก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ที่ทำอย่างนั้นไป ที่จับร่างเล็กแล้วกดกอดไว้ใต้ร่างของเขา ซุกไซ้แล้วจาบจ้วงราวกับอดอยาก มันเป็นเพราะความดื้อด้านของสีฟ้าที่ทำให้อยากสั่งสอนด้วยวิธีเลวๆ หรือเพราะมันคือความต้องการส่วนลึกที่โหยหาและต้องการมาตลอด


Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ต่อค่ะ

บนความเลวร้ายที่ภาคีไม่สามารถกลับไปแก้ไข เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปกับความผิดที่ก่อขึ้น บนความเลวร้ายนั้น มันก็ทำให้ภาคียิ้มกับความหวานที่แม้ไม่หลงเหลือแม้แต่ปลายลิ้น หากมันฝังหวานจำลึกในความรู้สึก

ปากอิ่ม นิ่มและหวาน
ลิ้นชื้น ไม่ชำนาญ แต่ชวนหลงใหล
เรือนกาย หอมจนไม่อยากถอน

หากให้หัวใจของเขานิยามความหมายของสีฟ้า คำว่า “ดอกฟ้า” คงไม่ใช่คำนิยามที่คู่ควร และเขาไม่เคยคิดจะนิยามคำนี้ให้กับสีฟ้าเลย
 สีฟ้าคือะไรที่มากกว่านั้น ไม่มีคำนิยามใดๆ ให้ได้ นอกจาก “ผู้ชายคนเดียว” ที่เขาอยากยอมให้ทุกอย่าง

ยอมแม้กระทั่ง...


....ตัดใจและจากลา

แล้วมันก็คือเหตุผลที่วันนี้ เขาขอนิรดาแต่งงาน
เขาควรเริ่มต้นออกเดินเสียที เพื่อปลดปล่อยตัวเอง ปล่อยให้สีฟ้าอยู่ตรงนั้น บางทีวันหนึ่งหัวใจเขาจะลืมเลือนสีฟ้าได้ อาจยาก หากมันก็คงไม่ลำบากจนเกินไป

‘คุณลม ผมอยากบอกคุณเหลือเกินว่าผม...........
..............................ผมไม่อยากทำอย่างนี้เลย’
----------------------------------------------------------------------------------------


เพราะมัวแต่รื้อค้นข้าวของอยู่ตรงท้ายรถ ทั้งแฟ้มงานที่หอบกลับมาทำ เพราะทั้งวันสีฟ้าแทบไม่ได้แตะต้องงานเลยด้วยซ้ำ ทั้งข้าวของที่เพิ่งเดินเตร่ๆ ไปซื้อมาเพราะยังไม่อยากกลับเข้าบ้าน จะเรียกคนมาช่วยถือก็ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวาย แค่นี้เขาถือเองได้ เมื่อวุ่นวายอยู่ตรงนั้นทำให้ไม่ทันสังเกตว่ามีใครมายืนอยู่ด้านหลัง พอหมุนตัวกลับต้องตกใจเมื่อเห็นนิรดายืนส่งยิ้มหวานมาให้ แต่ดูให้ดีสีฟ้าเชื่อว่าในรอยยิ้มนั้นแฝงแววเย้ยหยันไว้เต็มที่

ทุกทีแทบจะไม่กล้าสู้ตาเขา แต่วันนี้กลับกล้า ไปกินอะไรมานิรดา สีฟ้านึกสงสัย ถึงไม่อยากใส่ใจก็คงต้องใส่ใจ เมื่อดูท่าทางแล้วนิรดาคงมีเรื่องจะคุยกับเขาแน่ๆ  
สีฟ้าปิดกระโปรงรถเสียงดัง ทำเอาแขกที่ไม่ได้รับเชิญสะดุ้ง แต่ยังทำใจกล้าสู้ผู้ชายหน้าหวานเอาไว้มั่น เพราะวันนี้นิรดาเชื่อมันว่าเธอเหนือกว่า และเธอชนะ

“สวัสดีค่ะคุณลม” นิรดาเอ่ยทักเสียงใส ฉีกยิ้มกว้าง ด้วยความคิดที่ว่าเธอเป็นต่อด้วยเรื่องที่กำลังจะพูดถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

เธอกำลังจะกลับบ้านอยู่พอดี แต่พอเห็นรถของสีฟ้าแล่นเข้ามา เธอเลยเดินเข้ามาหา หวังว่าภาคีคงไม่เห็นหรอกนะ คิดว่าภาคีคงเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้ว เมื่อครู่อยู่คุยกับภาคีเกือบสามชั่วโมง ทว่าเวลานานหลายชั่วโมงนั้น คงเป็นเธอเสียมากกว่าที่เป็นฝ่ายคุย เธอวาดหวังถึงเรื่องแต่งงาน วางแผนถึงงานที่สวยหรู แม้ยังไม่รู้เลยว่าวันงานจะมีขึ้นวันไหน

ภาคีไม่ได้บอก เขาแค่ขอเธอแต่งาน แต่ไม่มีรายละเอียดอื่นใดให้เธอเลยแม้แต่น้อย

“ทำไมไม่ราตรีสวัสดิ์เลยล่ะ คุณนุ่น” สีฟ้าประชด ทำเอาอีกฝ่ายหน้าจ๋อยไป แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนจะฉีกยิ้มราวกับผู้ชนะ เมื่อบอกกับสีฟ้าว่า

“นุ่นกับติน เราสองคนจะแต่งงานกันค่ะ”

เสียงของนิรดาคล้ายดังมาจากที่แสนไกล จนคิดว่าหูฝาดไป แต่เมื่อมองใบหน้าสวยที่ยิ้มรออยู่นั้น มันทำให้เขารู้ว่ามันคือเรื่องจริง

แต่งงาน?  
มันถึงเวลาแล้วเหรอ?
เร็วไปไหม?
รักกันมากเลยหรือไง?
รักจนต้องแต่งงานกัน?
เมื่อคืน...หมอนั้นก็พูด เขานึกว่าภาคีพูดตามอารมณ์ที่ถูกเขายั่ว

ทั้งที่เขาไม่คิดว่ามันเป็นความจริง แต่การที่นิรดาพูด มันคงเป็นคำลวงไม่ได้ ท่าทีนั้นของนิรดาก็ทำให้เขาเชื่อว่าเธอคือว่าที่เจ้าสาวของภาคี

แล้วเมื่อไรคือวันนั้น วันที่ภาคีจะก้าวออกจากบ้านหลังเล็กนั้น คำถามและความคิดนั้นดึงให้สีฟ้าต้องหันไปมองยังบ้านของภาคี แสงไฟในบ้านทำให้เห็นร่างนั้นเดินออกมา หยุดมอง แล้วก้าวเท้า มุ่งหน้ามาตรงนี้

สีฟ้ารีบดึงสายตากลับ ขยับแฟ้มงานและถุงของให้เข้าที่ กัดกลีบปากล่างของตัวเองเบาๆ กดความคิดวุ่นวายเอาไว้

“แล้วมาบอกทำไม?” สีฟ้าเปิดปากถามช้าๆ ผิดจากข้างในที่วุ่นวาย อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามา แต่เสียงของนิรดาก็ดึงเขากลับไปยังเธออีกครั้ง

“เปล่าค่ะ นุ่นแค่อยากเชิญคุณลมไปงานของเรา คุณลมไปร่วมยินดีกับสองคนด้วยนะคะ”
“....................”
แม้ไม่มีคำตอบจากปาก หากสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่นิรดาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว งานแต่งของเธอ จะมีหรือไม่มีสีฟ้า มันก็ไม่มีความหมายหรือความสำคัญกับเธอแม้แต่นิด แค่เธออยากบอก อยากประกาศให้รับรู้เอาไว้ ว่าภาคีกำลังจะเป็นของเธอ อย่าพยายามยัดเยียดเพื่อนตัวเองหรือแม้กระทั่งตัวเองให้ภาคีเด็ดขาด

น้ำเพชรไม่น่ากลัวสำหรับเธอเท่าไหร่ คนที่น่ากลัวคือผู้ชายหน้าหวานคนนี้ต่างหาก มันน่ากลัวจนคิดว่าถ้าขืนปล่อยให้อยู่ใกล้กันมากกว่านี้ ภาคีของเธออาจกู่ไม่กลับ

เพื่อนของเธอที่เรียนจบจิตวิทยาบอกมาว่า ผู้ชายแท้ๆ ถ้าได้ลองมีอะไรสักครั้งกับผู้ชายด้วยกันเอง กี่รายต่อกี่รายก็ไม่เคยจะกู่กลับ
 
สีฟ้าไม่มีคำตอบตกลงใดให้คนชวน แต่เขาก็คิดว่าแววตาของเขาบอกหญิงสาวคนนี้ไปหมดแล้ว ภาคีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา อยู่ข้างกายนิรดา มือวางแตะไว้ตรงแผ่นหลังของว่าที่เจ้าสาว เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาไม่อยากรับรู้เรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ แม้แต่นิดเดียว เท้ามันเร็วเท่ากับความคิด ขยับก้าวยาวและเร็วเข้าไปในตัวบ้านทันที

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ม่านเนื้อหนาสีอ่อนถูกปล่อยลง เมื่อรถเก๋งคันเก่าสีเทาแล่นพ้นออกไปจากรั้วสูงสีอิฐ สีฟ้าที่เฝ้ายืนดูรถคันนั้นจนหายลับไปจากสายตา หัวใจของสีฟ้ารุ่มร้อนเกินจะทำให้มันกลับมาเป็นปกติ สามวันมาแล้วที่เขาตกอยู่ในห้วงอารมณ์นี้  นับตั้งแต่วันที่เจ้าของรถคันเก่าน่าเกลียดบอกเขาด้วยสายตาแบบผู้ชนะ จนถึงวันนี้เขายังไม่สามารถสลัดคำพูดนั้นออกไปจากหัวได้ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะบ้าตายเข้าสักวัน พอคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง สีฟ้าก็รีบสาวเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว จุดหมายของเขาคือบ้านของภาคีและตัวภาคีเอง

ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง
ทั้งเรื่องน่าอายคืนนั้น ทั้งเรื่องที่จะหนีจากเขาไป!
เขาไม่ยอม!!


เมื่อเดินเข้าไปใกล้สีฟ้าเห็นเจ้าของบ้านกำลังนั่งเหม่ออยู่หน้าบ้าน มีกล่องกำมะหยีสีแดงอยู่ในมือ ภาคีนั่งพลิกมันไปมา ชายหนุ่มคงนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ว่าที่เจ้าสาวกลับ แปลกดีเหมือนกันวันนี้นิรดากลับบ้านเร็วกว่าปกติ ทุกทีเห็นฟ้าไม่มืด ไม่กลับ

เดินเข้ามาใกล้อีกนิด ก็เห็นได้ชัดว่าคิ้วเข้มชวนมองของชายหนุ่มขมวดเป็นปม ปากหยักเม้มเป็นเส้นตรง สีฟ้ายิ้มเยาะ นี่หรอหน้าตาของคนที่กำลังจะแต่งงาน หน้าเหมือนคนอมทุกข์ไว้ทั้งโลก คงแต่งได้หรอกนะภาคี ไอ้เรื่องคืนนั้นมันก็ฟ้องตัวตนของภาคีได้ไม่ยาก ผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนจะกล้าทำแบบนั้น นอกจาก.....
“สวยดีนี่”
สีฟ้าคว้าเจ้ากล่องกำมะหยีจากมือภาคี โดยที่เจ้าของไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ เดาไม่ผิดจริงๆ ว่ามันคืออะไร เขาหยิบแหวนวงเล็กออกมา คืนกล่องเปล่าให้เจ้าของที่มองดูการกระทำของเขา สีหน้าบอกความไม่พอใจ

แหวนทองขาวเกลี้ยงฝังเพชรเม็ดเล็กเพียงเม็ดเดียว น่ารักไม่น้อย เขาชอบมันนะ ไม่หรูเกินไป ใส่อยู่บนนิ้วก็ไม่เด่นให้ใครจับตามอง สีฟ้าจับแหวนวงเล็กพลิกไปมาก่อนจะสวมมันบนนิ้วนางด้านซ้าย พอดีกับนิ้วของเขาเลย

มันไม่ใหญ่ไปหรือสำหรับนิรดา ถึงเขาจะไม่ได้ตัวใหญ่มากแต่เขาก็ตัวใหญ่กว่านิรดา แล้วไอ้แหวนวงน่ารักที่พอดีนิ้วของเขา มันไม่น่าจะพอดีกับนิ้วของว่าที่เจ้าสาวของภาคีได้เลย

“มันจะไม่คับไปหน่อยหรือไง สำหรับว่าที่เจ้าสาวของนาย” เขาถาม ตายังคงจับจ้องนิ้วที่มีแหวน ก่อนยื่นมือนั้นให้เจ้าของแหวนดู ภาคีหลบสายตาเขา มองเมินไปทางอื่น

แต่แล้วภาคีต้องหันมาจ้องตากับคนที่ถือวิสาสะเอาแหวนของเขาไปสวม ทั้งยืนกรีดนิ้วไปมา เมื่อได้ยินประโยคต่อมาที่ทำเอาเขาพูดไม่ออก ไม่คิดว่าสีฟ้าจะกล้าขนาดนี้

“น่ารักดี ฉันขอ” คำขอที่พูดได้น่าตาเฉย ไม่ใช่ว่าอยากได้มากมายอะไร ถึงจะชอบและถูกใจ แต่แหวนวงแค่นี้ราคาคงไม่เท่าไร เขาซื้อมาใส่เองก็ได้
 แต่ที่อยากคือแค่อยากแกล้ง  

“มันไม่ใช่ของคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง “เอาของผมคืนมา” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่พอจะข่มให้สีฟ้าตัวเล็กลงถนัดตา
แต่มีเหรอที่สีฟ้าจะกลัว ที่นี่มันบ้านเขา เกิดอะไรขึ้นคนใช้ทั้งบ้านก็คงวิ่งเข้ามาช่วยทันอยู่แล้ว
“ก็รู้ว่าไม่ใช่ของฉัน ถึงได้ขอไง” สีฟ้าลอยหน้าตอบ ทำเอาเจ้าของแหวนกัดสันกรามแน่น ข่มอารมณ์กับนิสัยของคนพูด  
“ผมขอคืน”
“ไม่คืนจะทำไม” เขารู้ว่าภาคีไม่กล้าทำอะไรเขาหรอก ทุกทีก็ทำเสียงเข้มเวลาที่ไม่พอใจ แต่ก็แค่นั้น ยกเว้นคืนนั้นที่มีกลิ่นเหล้าเต็มปาก

.....ชวนเคลิ้ม

“คุณลม” เสียงของภาคีแทบจะเป็นตวาด แต่ไม่ได้ทำให้คนอย่างสีฟ้ารู้สึกหรือรู้สาอะไร นอกจากจะถูกใจ ที่สามารถปั่นอารมณ์ชายหนุ่มได้ รอยยิ้มพอใจจึงฉายอยู่บนใบหน้าหวาน ตาสวยเป็นประกายสมใจ พร้อมกับมือเรียวยังกรีดกรายไปมา ไม่มีทีท่าว่าจะเอามันคืนให้กับเจ้าของแหวนที่ทำหน้าเข้มไม่พอใจ
“ผมบอกว่าเอามันคืนมา!”
คราวนี้น้ำเสียงกลายเป็นตะคอกทันที ภาคีก้าวพรวดเข้าชิดหาร่างที่เล็กที่ตั้งท่ารอเขาด้ายสีหน้าท้าทายและเหนือกว่า สีฟ้าคงคิดว่าเขาไม่กล้าทำอะไร สีฟ้าคิดถูก คนอย่างเขาไม่มีทางกล้าทำร้ายร่างกายชายหนุ่มตัวเล็กได้
สีฟ้ายิ้มประจันหน้าคนตัวใหญ่อย่างไม่สะทกสะท้าน เรื่องอะไรที่เขาจะต้องกลัว นี่มันบ้านของเขา แล้วไม่ใช่ที่ลับตาคนพอที่ภาคีจะใช้แรงที่มากกว่าทำแบบเดียวกับเรื่องคืนนั้นได้ แล้วมีอะไรอีกให้ต้องกลัว ยังไงแหวนต้องเป็นของเขา ในเมื่อมันใส่พอดีนิ้วเขาซะขนาดนี้ แล้วเขาก็ชอบมัน ชอบที่เขาแย่งมันมาครองเอาไว้ได้

ซื้ออีกกี่วง ถ้าเขาเห็น อย่าหวังจะรอดมือไปได้

“คุณลม พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ผมบอกว่าเอาแหวนผมคืนมา” เสียงขุ่นตวาดห้วน ตาคมแข็งกร้าว ไม่เคยเลยสักครั้งที่ภาคีจะพูดแบบนี้กับสีฟ้า ทุกครั้งเขาจะเก็บปาก แล้วรองรับอารมณ์ของสีฟ้าตลอด มือของเขาพยายามคว้ามือของอีกฝ่าย หวังถอดแหวนออกจากนิ้วให้ได้ แต่สีฟ้าไม่ยอมง่ายๆ ชายหนุ่มเอามือไพล่หลัง ยักไหล่ท้าทาย

เมื่อสีฟ้าไม่ยอมคืน ภาคีจึงต้องใช้กำลัง ชายหนุ่มคว้าร่างบางเอาไว้ พยายามดึงมือที่ไพล่หลังเข้าหาตัวเอง หวังดึงแหวนออกจากนิ้วซ้าย ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คืนดีๆ เขาก็ต้องทำแบบนี้  สีฟ้าดิ้นไม่ยอมให้อีกภาคีคว้ามือเขาได้ พยายามเบี่ยงตัวหนีมือใหญ่ที่วุ่นวายอยู่กับมือเขา พอขยับถอย ร่างสูงกว่าก็ตามมาประชิด กำลังจะหันหลังวิ่งหนีแต่ต้องเสียหลักเมื่อถูกกระชากโดยมันทันตั้งตัว ร่างเล็กล้มกระแทกพื้นหญ้านุ่มอย่างแรง ถึงกับร้องครางออกมาอย่างแรง

“โอ๊ยยยยย...” เสียงร้องเพราะเจ็บของสีฟ้าไม่เบา มันดังพอที่จะเรียกให้คนใช้สาวสองคนวิ่งตามเสียงนั้นมา ก่อนจะทรุดตัวลงประกอบทั้งซ้ายทั้งขวาของเจ้านายหนุ่ม  

“เป็นอะไรไปคะคุณลม” หนึ่งในสองสาวใช้เอ่ยถาม ขณะที่ช่วยกันประคองนายหนุ่มคนเล็กของบ้านให้ลุกขึ้นยืนในสภาพทุลักทุเล

“นายตินผลักฉันน่ะซิ” เสียงขุ่นตอบ สีฟ้ายึดสองมือของสาวใช้เป็นหลัก เขาล้มเอาก้นไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง เมื่อลุกขึ้นจึงยืนด้วยตัวเองไม่ค่อยจะได้ใบหน้าหวานยังคงแสดงอาการเจ็บเห็นได้ชัด จนคนที่เป็นต้นเหตุรู้สึกผิด แทบไม่กล้าสู้สายตาคนมาใหม่ที่ไม่ได้รู้เรื่องราวที่แท้จริง ว่าเจ้านายของตัวเองก่อเรื่องอะไรไว้ พูดไปก็คงไม่เชื่อ สายตามันฟ้องซะขนาดนั้นว่าโกรธแทนเจ้านาย
“พาฉันกลับเดี๋ยวนี้”
พอได้ยินคำสั่ง สองสาวก็รีบพยุงตัวเจ้านายหนุ่มออกไป สีฟ้าไม่สนใจจะเอาความกับคนที่ทำเอาเขาเจ็บ เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ในสิ่งที่ต้องการมาครอบครอง
“แหวน....”
มันอยู่คงอยู่บนนิ้วของเขาเหมือนเดิม
โทษตัวเองเถอะภาคี ที่ไม่เคยเอาชนะเขาได้....สักครั้ง  



ความวุ่นวายหายไปพร้อมกับแหวนของเขา ภาคีทิ้งตัวลงนั่งเหมือนคนหมดแรง คว้ากล่องกำมะหยีสีแดงขึ้นมา พลิกมันไปมาอยู่อย่างนั้น
ราวกับว่าเขาจะหาแหวนวงนั้นเจอ.....
กล่องเปล่าไม่มีค่าอะไร เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างในมันไม่ได้อยู่ในนี้แล้ว แหวนทองขาวฝังเพชรเม็ดเล็ก แหวนที่เขาไปซื้อมันมาเมื่อตอนบ่าย เลือกมันอยู่นานกว่าจะได้วงที่ถูกใจ และมันเหมาะที่จะไปอยู่บนนิ้วของคนที่เขาอยากให้

............คิดไม่ผิดเลยที่เลือกวงนี้มา...........

มันสามารถไปอยู่บนนิ้วที่เขาอยากให้จนได้ ทั้งที่คิดว่ามันคงไม่มีโอกาส แต่สุดท้ายโอกาสนั้นก็วิ่งโลดเข้ามาหาเขาเอง  

ใบหน้าหล่อคมเข้มเผยยิ้มช้าๆ และกว้างในที่สุด
เมื่อครู่เขาโมโหจริงๆ โมโหที่สีฟ้าทำนิสัยไม่น่ารักออกมา เอาแต่ใจตัวเอง ไม่คิดถึงใจคนอื่น อยากได้อะไรก็ต้องได้ โดยเฉพาะกับเขา
โมโหจนต้องตวาด แต่เขาก็รู้ สีฟ้าเคยกลัวอะไรที่ไหน หนำซ้ำยังลอยหน้าลอยตา ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เจ้าตัวต้องรู้ว่าเขาซื้อแหวนวงนี้ให้นิรดา แม้ความจริงมันจะไม่ใช่ก็ตาม

สุดท้ายต่อให้เขาเอาแหวนวงน่ารักนั้นคืนมาได้ ก็ใช่ว่ามันจะไปอยู่บนนิ้วของนิรดาได้ คำถามของสีฟ้ามันถูกต้อง ที่ถามว่า มันไม่คับเกินไปหรอสำหรับว่าที่เจ้าสาวของเขา

คำถามที่เขาไม่มีคำตอบให้ เพราะเขากับนิรดา ไม่ใช่สิ คงต้องเขาคนเดียวที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องแหวน หรือแม้กระทั่งกำหนดการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานระหว่างเขากับเธอ นิรดาพูดและคิดทุกอย่าง เรื่องแหวนหญิงสาวก็คะยั้นคะยอให้เขาพาไปเลือก แต่เขาบ่ายเบี่ยงตลอด

วันนี้ถึงเขาจะไปดูแหวน แต่ก็ไม่ใช่สำหรับนิรดา เขานึกถึงใครอีกคนที่ได้มันไปแล้วต่างหาก ครั้งแรกที่เห็นแหวน ใบหน้าของสีฟ้าก็ลอยอยู่รอบตัวเขาเต็มไปหมด

แล้วสีฟ้าก็ได้มันไปจริงๆ
ดื้อจนเจ็บตัว ถ้ารู้ว่าแหวนเป็นของตัวเองตั้งแต่แรก ยังคงอยากได้มันอีกไหม......คุณลม
ผมอยากรู้จริง ถ้าคุณรู้ว่ามันเป็นของคุณมาแต่แรกแล้ว คุณยังอยากได้ไหมอยู่อีกไหม.....ผมอยากรู้จริงๆ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เด็กชายวัยหกขวบวิ่งมาหาคนเป็นอาที่นั่งอยู่ในห้องกระจกใส ภายนอกคือสวนสวย  โดยมีพี่เลี้ยงวิ่งตามมาด้วยอีกคน เด็กน้อยปีนขึ้นไปนั่งบนตักตามความเคยชิน แล้วแหงนหน้ามองคนเป็นอาที่นั่งน้ำตาไหล หมุนแหวนวงเล็กในมือเบาๆ

“อาลมเป็นอะไรไปคับ” เด็กชายถาม เห็นน้ำตาคนเป็นอาไหลอาบแก้ม ก่อนอาของเด็กน้อยจะตอบพร้อมกับใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม แต่มันก็ยังไหลออกมาไม่ขาดสาย ฟ้องความรู้สึกที่กำลังเป็นอยู่

“อาร้องไห้ครับน้องอ้น” สีฟ้าเอื้อมมือไปลูบผมสั้นตั้งเดะของหลานชายอย่างเบามือ เขารักหลายชายคนนี้มาก และหลานชายก็รักเขามากเช่นกัน แล้วหอมแก้มยุ้ยนั้นไปฟอดใหญ่

คนในบ้านต่างพากันพูดว่า เด็กชายอ้น หน้าเหมือนแม่มาก แต่สำหรับเขา เขาคิดว่าเหมือนภาคีมากกว่า ค่าที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน โตขึ้นหลานชายของเขาคงหล่อน่าดู

“อาลมร้องไห้ อ้นจะไปบอกคุณปู่กับคุณย่า” เด็กชายบอก ก่อนจะปีนลงจากตักของสีฟ้า วิ่งตามหาปู่กับย่าเพื่อบอกเรื่องที่อาของตัวเองร้องไห้

พอหลานชายวิ่งลับตาไป สีฟ้าจึงรีบเช็ดน้ำตาที่นั่งบังคับมันอยู่นานกว่าจะไหลออกมาได้ แน่นอนล่ะ เขาไม่ได้ร้องไห้จริงๆ แค่แกล้งร้อง เพื่อเป็นการเริ่มต้นแผนการที่ดีต่างหาก ขั้นแรกของแผนการคือการให้หลานชายมาเห็นตอนเขาร้องไห้ ซึ่งมันเป็นไปตามแผนที่คิดเอาไว้

แผนที่จะทำให้นิรดาฝันสลายในวินาทีต่อไป

วันก่อนนิรดาชนะ แต่คงเป็นชัยชนะครั้งแรกและครั้งเดียวของหญิงสาว คนอย่างสีฟ้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก มันต้องสู้กันหน่อย แล้วเขาก็ชนะเห็นๆ  

‘ฉันไม่อยากทำอย่างนี้หรอกนะนิรดา ถ้าเธอไม่ทำเหมือนกับเป็นผู้ชนะแล้วคิดว่าฉันผู้แพ้ ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าชัยชนะที่แท้จริงมันเป็นของใคร

ได้เวลาทำตามแผนขั้นที่สองแล้ว สีฟ้าลุกขึ้นยืน เช็ดน้ำตา เดินออกจากห้องขึ้นไปชั้นบนที่หมายคือประตูห้องของตัวเอง เขาต้องขังตัวเองอยู่ในห้อง รอเวลาให้ทุกอย่างดำเนินไปตามที่มันต้องเป็น เขาเพียงแค่รอเวลาเท่านั้นเอง แล้วทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เขาหวังและตั้งใจให้มันเกิดขึ้น





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2011 20:12:10 โดย Aphrodite »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
ยาวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
นายเอกเราแอบร้ายนะเนี่ย
พระเอกก็แอบเนียนเรื่องแหวน

ชอบอารมณ์แบบนี้จริงๆ ภาคิน - สีฟ้า

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
หนูฟ้าร่ารักมากๆๆอ่ะ แก้แค้นโลด เห็นด้วยสุดจั๊กก่ะแร้ ฮ่าๆๆๆ  o18
ทั้งคู่ใจตรงกันแท้เลยเนอะ ฮุๆๆๆ สนุกมากเลยจ้า ไรเตอร์สู้ๆๆนะ

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย

zemicolon

  • บุคคลทั่วไป
ปลื้ม สีฟ้า จังเลย อิอิ

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เจ้าแผนการทั้งคู่

 o18

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เหมือนดูละครอยู่ ฮ่าๆ ภาคีสู้ๆ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านอีกอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






2Botaku

  • บุคคลทั่วไป
อินจัด!! ไปกับคุณลมแล้วเนี่ยยยยยยย :fire:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ดอกฟ้าวางแผนทำอะไรอีกละ :L1:

ออฟไลน์ EVE910

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 4

บ่ายโมงกว่าคนในบ้านหลังใหญ่ต้องวุ่นวายกันหนัก เมื่อเด็กน้อยนำความมาบอกคนเป็นย่า แล้วคุณอุษาต้องรีบเรียกคุณกฤษที่กำลังสนุกกับกวนกอล์ฟกลับมาที่บ้านด่วน ด้วยเรื่องของลูกชายคนเล็กที่นั่งร้องไห้ ซ้ำยังขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง นางเคาะเรียกอยู่หน้าประตูเท่าไรก็ไม่ยอมออกมา

พอคุณกฤษกลับมาก็เจอหน้าภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากทำหน้าทุกข์หนัก คุณอุษาเล่าเรื่องที่ได้ฟังจากหลานชายให้คุณกฤษฟัง ตามด้วยเรื่องที่บรรดาคนใช้เล่าให้ฟังอีก แค่เรื่องที่หลานชายนำมาบอกว่า ลูกชายคนเล็กนั่งร้องไห้คงไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่ได้ฟังจากสาวใช้สองคนนี่สิ มันใหญ่และชวนให้เครียด

“คืนวันก่อนหนูเห็นคุณลมวิ่งออกมาจากบ้านคุณตินตอนดึกค่ะ”
สาวใช้คนแรกรายงาน อีกคนที่เห็นเหตุการณ์ช่วยเสริม
“เหมือนร้องไห้ด้วยนะคะ”
คุณอุษาตบอกผ่าง แล้วต้องตกใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่ออีกหนึ่งสาวใช้เอ่ยต่อ
“เมื่อเย็นวาน หนูสองคนเห็นคุณลมกับคุณตินทะเลาะกันด้วยค่ะ”
“ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันนะคะ”
คุณอุษาอยากเป็นลมเมื่อได้ยินสองสาวใช้เล่า นี่เรื่องมันคงไม่เป็นอย่างที่นางกลัวใช่ไหม ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ รู้ว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว  ถ้าเป็นจริงล่ะนางจะทำยังไง
คุณอุษาไม่ได้นึกถึงความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่คิดถึงความเสียหายที่เกิดกับลูกชายคนเล็กที่นางรักนักรักหนาต่างหาก อุตส่าห์เฝ้าถนุถนอมมาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้เกาะ กลับมาโดนปู้ยี้ปู้ย้ำ (หรือเปล่า??) เพราะคนในรั้วบ้านเดียวกัน นางนึกเอ็นดีภาคีมาตลอด แต่ไม่คิดว่าตัวเด็กหนุ่มกับลูกชายนายจะเกี่ยวพันกันด้วยเรื่องนี้

ความรักไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว แล้วลูกชายคนเล็กของนางน่ารักน้อยที่ไหน

“คุณกฤษ เราจะทำยังไงดี”  คุณอุษาหันไปถามสามีน้ำเสียงร้อนใจ แตกต่างจากสามีลิบลับที่เอาแต่ยิ้ม ไม่มีทีท่าจะวุ่นวายใจเหมือนตัวนางเลย
“มันอาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้น่า คุณอุษา”  คุณกฤษพูดให้ภรรายาสบายใจ ส่วนตัวเขาคิดเพียงว่ามันเป็นเรื่องของเด็ก ยังไงตระกูลของเขาก็มีคนสืบทอดแล้ว กลัวอะไรหากลูกชายคนเล็กจะรักชอบกับผู้ชายด้วยกันเอง ดูหน่วยก้านของภาคีก็ใช้ได้ นิสัยก็ดี ไม่มีอะไรต้องน่าห่วง ห่วงแต่เด็กหนุ่มที่จะต้องมาเจอลูกชายคนเล็กที่เอาแต่ใจของเขามากกว่า
คุณกฤษโอบบ่าภรรยาเอาไว้ ปลุกปลอบ ในใจก็คิดว่าลูกของเขาเป็นผู้ชาย เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น ก็คงไม่ท้องโตให้กลายเป็นขี้ปากสังคมไฮโซของเขาหรอก คนมันรักกันก็ต้องปล่อยไป ฝืนกันได้ที่ไหนเล่า

“มีอะไรหรือครับคุณพ่อคุณแม่”

เมฆาเดินมาพร้อมกับภรรยาสาว  เขากับนลินทำบุญกันอยู่ที่วัด จู่ๆก็ถูกตามตัวกลับ โดยยังไม่รู้รายละเอียดของเรื่องราวทั้งหมด
“เกิดเรื่องกับน้องของเราน่ะสิ ตาฟืน”
คุณอุษาบอกลูกชาย ก่อนหันไปทางลูกสะใภ้
“ลิน ลูกตามตัวตาตินแล้วใช่ไหม”
“ค่ะคุณแม่”
นลินพยักหน้ารับ นึกเดาว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับน้องชายของเธอแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เธอตามตัวน้องชายมาหรอก

“แล้วตาตินจะมาถึงเมื่อไหร่” นางกลุ้มใจหนัก อยากเจอภาคีเร็วๆ จะได้ถามสิ่งที่เป็นกังวล ภาคีเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดี ไม่ต่างจากหน้าตาที่จัดว่าหล่อ เกิดเรื่องเป็นอย่างที่นางคิด นางก็ไม่เป็นห่วงมากนัก แค่อยากรู้ แล้วอยากให้มันถูกต้อง

“ตินบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงจะถึงค่ะคุณแม่ พอดีเขาติดงานออกแบบที่บ้านลูกค้าน่ะค่ะ”

“ตาฟืนไปตามน้องลงมาหน่อย”  คนเป็นแม่บอกเสียงเบา หันไปรับยาดมจากคนคนใช้ที่ยื่นมาให้  ชั่วโมงก่อนคุณอาขึ้นไปเคาะประตูห้องลูกชายคนเล็กอยู่นานมาก แต่ลูกชายกลับไม่ยอมออกมาพบ คงต้องให้ลูกชายคนคนโตขึ้นไปตาม เพราะพี่น้องสองคนสนิทกันมาก น่าจะพูดกันได้ง่ายกว่า

“มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่ ผมงงไปหมดแล้ว” เมฆาถาม ก่อนที่คุณอุษาจะเล่าทุกอย่างให้ลูกชายคนโตฟัง

-----------------------------------------------------------------

“ลม เปิดประตูให้พี่หน่อย”
เมฆาทำตามคำบอกของมารดา พาตัวเองไปยืนเคาะประตูหน้าห้องน้องชาย หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด
เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ภาคีกับน้องชายเขานี่นะ ไม่อยากเชื่อ เมื่อหันไปมองภรรยาแล้ว
นลินเหมือนกำลังจะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง เขาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี 
“ลม” เมฆาเคาะประตูเรียกน้องชายอีกครั้ง ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออกพร้อมกับร่างน้องชายที่โผล่เข้ามาซบเขา สะอื้นไห้
 น้องชายเขาร้องไห้ แค่คิดว่าใครทำให้น้องชายเขาเป็นอย่างนี้ เขาก็โกรธจนอยากตั้นหน้าให้หนัก จากที่ไม่เชื่อ เขาก็เชื่อจนเต็มอก 

“ไอ้ตินมันทำอะไรลม”  เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของน้องชาย  ถามเกี่ยวเรื่องที่เกิดขึ้น สีฟ้าเงยหน้ามองพี่ชายคนเดียวของเขา ปาดน้ำตาที่อาบแก้ม
“เขาบอกว่าเขารัก เขาซื้อแหวนให้ แต่เขากำลังจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น”
คำพูดที่ดังมาพร้อมกับเสียงสะอื้นและเนื้อตัวที่สั่นเทาของสีฟ้า ทำเอาเมฆายืนนิ่ง เรื่องมันจริงยิ่งกว่าจริง ถึงขั้นซื้อแหวนให้กัน มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว

เมฆาเห็นแหวนที่อยู่ตรงนิ้วนางด้านซ้ายของคนพูด จับมันขึ้นมาดู แหวนวงเล็กน่ารัก
มันให้ความหวังน้องชายเขาขนาดนี้เลยเหรอ?  ถึงจะวงเล็ก ราคาคงไม่เท่าไหร่ แต่มันก็คือแหวน สัญลักษณ์

“ลมผิดเองพี่ฟืน ทุกอย่างเป็นเพราะลม เขาไม่ผิด” ว่าแล้วก็ต้องซบหน้ากับอกกว้างของพี่ชายอีกรอบ เพื่อซ่อนรอยยิ้มสมใจเมื่อแผนเดินมาถึงอีกขั้น

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อภาคีก้าวเข้ามากลางห้องโถงใหญ่ใจกลางบ้านหลังใหญ่  ชายหนุ่มรับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียด ร้ายกว่านั้นทุกย่างก้าวของเขาเหมือนถูกจับจ้องไม่วางตาจากเจ้าของบ้านทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พี่สาวคนเดียวของเขา 
มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น? ทุกคนถึงได้อยู่กันพร้อมหน้า แล้วมันเป็นเรื่องที่เขาต้องเขามาร่วมรับรู้ด้วยหรือไง
เป็นเพราะภาคีเดินช้าเกินไปหรือเพราะเมฆาใจร้อนจนห้ามไม่ไหว พี่เขยหนุ่มถึงได้ลุกพรวดเข้าไปหาน้องเมียอย่างรวดเร็ว ก่อนซัดกำปั้นหนักๆเข้าไปตรงปลายคางภาคีไปหนึ่งที ภาคีไม่ทันตั้งตัวจึงล้มฟุบไปกองกับพื้น มีเสียงร้องลั่นของผู้เห็นเหตุการณ์ นลินปราดเข้ามาคว้าแขนสามี เพราะว่าตั้งท่าจะซัดเปรี้ยงไปอีกรอบ ด้านของภาคีก็มีสีฟ้าวิ่งเข้ามาทรุดนั่งข้างๆ จับแขนภาคีไว้แน่น แล้วเงยหน้าร้องขอพี่ชายตัวเอง

“ตินไม่ผิดครับพี่ฟืน ลมผิดเอง”
สีฟ้ากางแขนปกป้องคนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย   แต่กำลังตกเป็นหมากตัวหนึ่งของเขา พลางน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะสั่งได้ เพื่อให้ทุกอย่างมันดูเป็นเรื่องจริง

คนโดนหมัดงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อต้องมาเจอกำปั้นของพี่เมฆา อะไรไม่แปลกใจเท่ากับคำพูดของสีฟ้า และท่าทางห่วงใยนั้นด้วย ทั้งหมดทำให้ภาคีจับต้นชนปลายไม่ถูก มือเล็กจับแน่นที่แขนเขา แล้วพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้น 
“ตาฟืนมานี่”
คุณอุษากวักมือเรียกลูกชายเสียงเข้ม นางไม่ชอบเห็นใครมาใช้กำลังในบ้าน ส่วนคุณกฤษก็ปรามด้วยสายตา เมฆามีทีท่าว่าจะไม่ทำตามเท่าไหร่ นลินเลยทั้งจูงทั้งลากสามีให้กลับมานั่งที่เดิม นั่นแหละเมฆาถึงต้องกลับมาทิ้งตัวลงนั่งอย่างสุดอารมณ์โกรธ   โกรธที่น้องชายของเขาโดนผู้ชายหน้าซื่อหลอก โดนผู้ชายด้วยกันหลอก มันน่าดีใจไหมล่ะ
“ผมเดินเองได้”
ภาคีเกาะมือเล็กที่กำรอบแขนเขาออก แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งข้างพี่สาว อีกข้างหนึ่งของพี่สาวคือพี่เขย  ที่มองเขาด้วยสายตาโกรธแค้น ทำให้เขานึกอยากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันคืออะไร เขาไปทำอะไรให้เมฆาโกรธถึงกับต้องชกหน้า  แม้เขากับเมฆาจะไม่ได้สนิทกันมากเพราะเขาเป็นคนพูดน้อยเข้ากับใครไม่เก่ง แต่ก็พอคุยกันได้ 

คุณอุษาดึงตัวลูกชายคนเล็กเข้ามานั่งตรงกลางระหว่างนางกับสามี เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กยืนน้ำตาซึมที่ถูกภาคีทำเฉยชาใส่ นางจับมือลูกชายไว้แน่น   สัมผัสถูกแหวนบนมือนั้น แหวนที่เจ้าตัวบอกว่าภาคีซื้อให้ ก่อนจะหันไปถามตัวต้นเรื่องทั้งหมด

“มีอะไรจะบอกป้าไหม” น้ำเสียงยังคงเหมือนเดิม ผู้ใหญ่ใจดีที่รักและเอ็นดูภาคีเสมอ คุณอุษาชอบภาคีอยู่ไม่น้อย และไม่นึกรังเกียจเลยหากต้องยกลูกชายคนเล็กให้....เฮ้อ ถ้าเรื่องเป็นอย่างที่คิดคงต้องยอมรับใช่ไหม

ภาคีกำลังจะเอ่ยปากถาม ว่าที่คุณอุษาพูดหมายถึงเรื่องอะไร เขามีเรื่องอะไรจะบอกคุณอุษา แต่ว่าสีฟ้ารีบแทรกขึ้นมาเสียก่อน ภาคีเลยได้แต่มองหน้าสีฟ้า คำพูดที่ได้ฟังก็ยิ่งทำให้งงหนักขึ้น แต่รู้สึกตะหงิดว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดี แล้วมันเกี่ยวกับเขาโดยตรง

“คุณแม่ครับ ลมบอกแล้วไงครับ ทุกอย่างมันเป็นความผิดของลม ลมรักเขา ลมยอมเขาเอง อย่าโทษเขาเลยครับ ปล่อยให้เรื่องนี้มันจบที่ลมเถอะนะครับ ”

ร่องรอยสะอื้นยังไม่จางหาย เรียกความเห็นจากคนกลางทั้งหลายได้มากทีเดียว สีฟ้าพูดปนเสียงสะอื้นที่หนักขึ้นจากเดิม ทุกคนพากันเห็นใจ ขาดแต่ภาคีที่เขายังไม่เข้าใจอะไรมากนัก หากก็เริ่มปะติปะต่อบางคำพูด บางท่าทางของสีฟ้าเข้าไว้ด้วยกัน มันคืออะไร เขานั่นหมายถึงตัวของเขาเองหรือเปล่า แต่มันจะหมายถึงเขาได้ยังไง ในเมื่อสีฟ้าบอกว่า รักเขา คงไม่ใช่ตัวเขาแน่ๆ

“ลมรักเขา แต่เมื่อเขาไม่รักลมแล้ว ลมจะปล่อยเขาไป ไปอยู่กับคนที่เขารักจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ลม” สีฟ้ายังคงพูด พูดทั้งน้ำตา ยิ่งทำให้ภาคีงุนงงปนครุ่นคิดหนัก 

ยิ่งคิดยิ่งสับสนกับความคิดของตัวเอง แต่ก็เพียงไม่นาน ความสับสนของภาคีก็หายไป เมื่อสีฟ้าถอดแหวนออกจากนิ้วอย่างช้าๆ พร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลราวกับสายน้ำ เดินช้าเข้ามาหาเขา หยุดยืนอยู่ตรงหน้า แล้วยื่นแหวนที่แย่งเขาไปเมื่อวันก่อนคืนมาให้ มันทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้น ใบหน้าหวานเปื้อนน้ำตา ดูเศร้าสร้อย บอกช้ำในสายตาของคนอื่น แต่ไม่ใช่ภาคีเพราะยิ้มที่เกิดตรงมุมปาก ที่อาจมีเขาเพียงคนเดียวได้เห็นมัน มันฟ้องว่าคนบอกช้ำไม่ได้บอกช้ำสักนิด แววตาที่มีน้ำตาไหลทะลักก็ทอประกายสาแก่ใจ สมใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“แหวนวงนี้มันควรไปอยู่กับคนที่ตินรัก คนที่ตินจะแต่งงานด้วย ขอให้ตินมีความสุขกับคนที่ตินรักตลอดไป ไม่ต้องห่วงว่าคนๆ นี้จะเป็นยังไง จะเจ็บ จะปวด จะร้องไห้แค่ไหน ไม่ต้องสนใจนะ เพราะเวลาที่ผ่านมาระหว่างเราสองคน ลมจะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เคยมีร่วมกัน ลมจะเก็บมันเอาไว้อย่างนี้ตลอดไป ไม่...อึก...ไม่...อึก...มีวัน...ละ...อึก...ลืมเด็ดขาด ลมสัญญา”

สีฟ้าย่อตัวลง คุกเข่าอยู่ตรงหน้าภาคี  เขาดึงมือใหญ่เข้าหาตัว วางแหวนวงลงในอุ้งมือนั้น ก่อนรวบมันด้วยสองมือของเขา กุมเอาไว้หลวมๆ พร้อมกับเงยหน้าสบตาอย่างมีความหมาย เป็นแววตาที่คนกลางทั้งหลายไม่มีวันได้เห็น นอกจากภาคีคนเดียว

ตาเรียวกำลังยิ้มทั้งที่น้ำตาเต็มหน้า 

น้ำตาไม่รู้มาจากไหนมากมาย มันไหลได้อย่างใจของสีฟ้าต้องการ มันทำให้ทุกคนต่างหลงกลไปกับแผนของชายหนุ่ม ยกเว้นภาคีที่แทบจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างโดยทันทีที่เห็นสายตาของสีฟ้า มันฉายชัดว่ากำลังเล่นละครครั้งใหญ่ โดยการลากเอาเขาให้กลายเป็นคนผิด ในเรื่องที่เจ้าตัวอยากให้เป็น

“นายต้องรับผิดชอบลม”
 เมฆาเอ่ยแทรกขึ้นมา ชายหนุ่มขบกรามแน่น “นายแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากลม”
วาจาประกาศก้องของเมฆาสมใจสีฟ้านัก ใช่สีฟ้าอยากให้มันเป็นอย่างนี้แหละ
“รับผิดชอบหรือครับ ผมทำอะไรคุณลม ทำไมผมต้องรับผิดชอบ”
ถึงน้ำเสียงที่บอกจะราบเรียบเป็นปกติ แต่กลับทำให้เมฆาเดือดพล่าน ลุกพรวดขึ้นหมายจะซัดตัวคนพูดให้หายแค้น ทว่าถูกนลินรั้งตัวไว้ก่อน มิหนำซ้ำสีฟ้ายังออกตัวปกป้องอย่างเต็มที่
“นี่มึงกล้าเหรอ มึงกล้าพูดอย่างนี้เหรอ ไอ้ติน!! “ เมฆาโมโหจัด คำสรรพนานเริ่มเปลี่ยนไปเขาอยากชัดภาคีให้หายแค้น แต่ติดที่ภรรยาแล้วก็น้องชายมายืนขวางทางเขาไว้ เขาเลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากกำมัดแน่น 
“พี่ฟืน ตินไม่ผิด ลมผิดเอง”
....ภาคีไม่ผิด สีฟ้าผิดเอง...
ช่างเป็นประโยคที่สีฟ้าชอบเหลือเกิน
“คุณลม คุณบอกมาว่าผมทำอะไรคุณ” ภาคีถามเสียงห้วน เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ ครั้งนี้สีฟ้าทำเกินไปแล้ว
“ตินซื้อแหวน ตินบอกรัก แล้วคืนนั้นคืนก็จูบ...แล้วก็...”
 สีฟ้าย้อนความทั้งน้ำตา เป็นน้ำตาที่กลั่นออกมาจากสมองหาใช่หัวใจแม้แต่น้อย สีฟ้าฉลาดพอจะพูดให้สั้น ให้ทุกคนตีความหมายไปไกลกว่าถ้อยคำ ถือว่าเขาไม่ได้พูดโกหก แค่พูดไม่หมด ไม่ได้บอกว่าซื้อให้ใคร บอกรักใคร แล้วคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น เท่านี้ทุกคนก็คงจิตนาการไปไกลสุดกู่กันแล้ว
คุณกฤษประคองตัวคุณอุษาที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม เมื่อฟังสิ่งที่ลูกชายคนเล็กพูด แค่นี้นางก็พอรู้แล้วว่าระหว่างสองคนนี้ไปถึงไหนกันแล้ว   ถึงไหนต่อไหนในความคิดของคุณอุษา แม้ไม่ท้อง แต่มันก็เสียหายไปแล้ว

“คุณลม!”

ภาคีจ้องใบหน้าหวานเขม็ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ พูดแบบนี้แล้วมันมีอะไรดีขึ้นมา ตัวเองเสียหายชัดๆ 

“ลมขอโทษ” สีฟ้าโผล่ซบอกกว้างอย่างรวดเร็ว ร้องไห้สะอื้นเสียงดังลั่นห้องโถงกว้าง 
ภาคีพยายามดึงร่างบางนั่นออก แต่สีฟ้าก็กอดเขาแน่นมาก น้ำตาชื้นก็ไหลซึมสู่ผิวเนื้อของเขา 
“ตินทำอะไรลงไปต้องรับผิดชอบ พี่ไม่อยากเห็นตินเป็นคนแบบนี้เลย”
นลินที่นั่งนิ่งฟังมาตลอดได้เวลาพูดขึ้นมาบ้าง ส่วนหนึ่งในใจของเธอ ไม่เชื่อเลยว่าน้องชายจะทำเรื่องให้สีฟ้าเสียหายอย่างที่ทุกคนเชื่อ เพราะภาคีเป็นน้อง เธอหรือจะไม่รู้จักนิสัย แต่ในเมื่อสีฟ้ายืนยันขนาดนี้แล้ว เธอก็คร้านจะเค้นอะไรจากใคร คงต้องปล่อยให้เลยตามเลย และที่สำคัญเธอดูน้องชายออก ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอรู้ว่าภาคีรู้สึกเช่นไรกับสีฟ้า

“แต่พี่ลิน ผมไม่....” เขาพูดไม่ออก เมื่อสายตาทั้งคู่จับจ้องมาที่เขาคนเดียว แม้แต่คนที่สะอื้นไห้ที่อกเขา ยังมองตาแป๋ว ถ้าเขาปฏิเสธ พี่สาวของเขาจะลำบากไหม  ในฐานที่เป็นพี่สาวของคนที่ทำให้ลูกชายเจ้าของบ้านเสียใจ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำมันเลย แต่ทุกคนก็ดูเหมือนจะเชื่อสีฟ้ากันทั้งนั้น

“ตินเป็นลูกผู้ชายนะ”

ดูเถอะ ขนาดพี่สาวของเขายังหลงกลไปกับมารยาของสีฟ้า  ก็ได้ในเมื่อทุกคนคิดว่าระหว่างเขากับสีฟ้ามีพันธะต่อกัน เขาก็ยอมรับ อยากรู้นักว่าสีฟ้าจะทำอะไรต่อไป จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากใครต่อใครในสังคมไฮโซรู้ว่าลูกชายคนเล็กของบ้านกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันเอง

คงสนุกพิลึก 

“ครับ ผมจะรับผิดชอบสิ่งที่ผมทำลงไป” เขาบอกทุกคน แต่สายตาจับจ้องอยู่กับคนตรงหน้า เอาสิ เมื่อสีฟ้าอยากเล่นเกมอะไรก็ตาม เขาก็จะเล่นด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าสีฟ้าจะทำยังไงต่อไป สร้างเรื่องขึ้นมาเอง ก็สร้างมันให้จบแล้วกัน

ส่วนเขาจะเสียหาอะไร มีแต่ได้กับได้...หึ

“ติน ลมขอบคุณ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งลมไปไหน” เสียงของสีฟ้าที่พูดออกมาให้ทุกคนได้ยิน มันระริกไปด้วยความยินดีที่ปั้นแต่งขึ้นมาอย่างงดงามให้สมกับบทบาทที่กำลังแสดงอยู่
แผนของเขาสำเร็จแล้ว นึกแล้วอยากเห็นหน้าของนิรดาว่าจะเป็นอย่างไร ถ้ารู้เรื่องนี้ เป็นไงล่ะ หัวเราะที่หลัง ดังกว่าเยอะ บอกแล้วไงว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในเขตรั้วบ้านของสีฟ้า ทุกสิ่งและทุกคน ทั้งหมดมันเป็นของสีฟ้า ไม่มีใครคนไหนจะแย่งเอาไปได้
แม้กระทั่ง ภาคี!!
ถ้าสีฟ้าไม่ยกให้  อย่าหวังจะได้เอาไปครอง


นิรดาแทบจะกรี๊ดลั่นบริษัท ถ้าเธอไม่กลัวว่าจะมีใครเดินผ่านมาเจอกับเสียงหวีดร้องของเธอ ทันทีที่ภาคีบอกข่าวร้าย หลายอาทิตย์ก่อนชายหนุ่มเพิ่งขอเธอแต่งงาน แต่วันนี้เขากลับมาบอกเลิก เพราะเขามีพันธะต้องรับผิดชอบ

รับผิดชอบผู้ชายด้วยกันเอง!

รับผิดชอบสีฟ้า!!! 

“ทำไมคะติน มันเกิดอะไรขึ้น” เธอข่มความโกรธไว้ไม่มิด ใบหน้าสวยบึ้งตึง น้ำเสียงฉุนเฉียว ต้องการคำอธิบายที่มากกว่านี้ ไม่ใช่สีหน้าที่ราบเรียบไร้ความรู้สึก ไม่ต่างจากใบหน้าวันนั้นที่ขอเธอแต่งงาน ช่างเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

“ผมขอโทษ”
“นุ่นอยากรู้ มันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่คำขอโทษ”
“ผมขอโทษ”

ภาคีมีคำพูดนี้เท่านั้นที่ให้นิรดาได้ เขาไม่รู้จะพูดหรืออธิบายใดๆ ที่มันดีกว่านี้ เพราะตัวเขายังไม่รู้เลยว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ก่อนจะหันหลัง ทิ้งให้นิรดายืนกระทืบเท้าเร่าๆ อยู่ด้านหลัง โดยที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้

 

“ได้ใจมากวะมึง ไอ้ติน เจ๋งโครต กูละชื่นชมในการตัดสินใจของมึงจริงๆ อาทิตย์ก่อนขอแต่งงาน วันนี้บอกเลิก เลวได้ใจกูเมิ่กๆ”

คณิตที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นสักเท่าไร แต่ก็อดไม่ได้ ขอสักเรื่องเถอะ ชายหนุ่มเลยแอบมายืนดูบทสนทนาของภาคีกับนิรดา แอบลุ้นอยู่หลังพุ่มไม้ของปลอมในมุมลับตาคนอยู่นาน ว่าไอ้เพื่อนรักมันจะสลัดรักนิรดาได้สำเร็จหรือเปล่า พอน้ำตานิรดาไหลเท่านั้นแหละ คณิตก็แทบกระโดดเป็นลิงเต้นระบำ ดีใจที่เพื่อนหลุดพ้นบ่วงกำนี้ไปได้ พอภาคีเดินกลับมาที่โต๊ะ คณิตจึงตรงเข้าไปกอดเขาเพื่อนรักของเขา

“มึงแอบฟัง” ภาคีถามอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนคว้าแปลนบ้านขึ้นมาดู 

“ก็ใช่นะเซ่ ทำไม ฟังไม่ได้หรือไงวะ ทำเป็นมีความลับกับเพื่อนไปได้ หน็อยแน่อย่าคิดนะว่ามึงจะมีความลับอะไรกับกูได้” ยิ้มของคณิตสะกิดใจคนฟัง ไม่ต่างจากน้ำเสียง ทำเอาต้องนิ่งไปนิด ก่อนจะอ้าปากค้างหนักกว่าเก่า

“กูรู้นะ สาเหตุที่มึงทั้งขอแต่งงาน ทั้งบอกเลิกเมื่อกี้ คนอย่างกูรู้หมดแระ แค่กูไม่พูดเท่านั้นเอง ”
“มึงรู้อะไร?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน คำพูดกับน้ำเสียงของคณิตไม่น่าไว้ใจ พูดเหมือนรู้
“ก็รู้ว่ามึงมีใครอยู่ในหัวใจนะสิ อะ...อะ...อ้า หน้าเป็นแพนกวิ้นหาทางกลับบ้านไม่เจอเลยนะมึง บอกแล้วว่าอย่าดูถูกเพื่อนอย่างกู กูมันคนฉลาดโว้ย มึงมีความลับกับกูไม่ได้หรอก”
“กูไม่....” ภาคีกำลังจะอ้างปากเถียง แต่คณิตก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้เกิดขึ้น
“อย่ามึงอย่า เพราะคุณลมหน้าหวานนั่นใช่ป่าว อย่าเถียง ถ้าคิดว่ากูเป็นเพื่อนของมึง”

ตอนที่เรียนอยู่ด้วยกัน คณิตแทบจะไปกินไปนอนอยู่ที่บ้านภาคีเลยด้วยซ้ำ ทำให้เขาเห็นอะไรดีๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะกรอบรูปที่ไอ้เพื่อนคนซื่อ คิดจะเอาซ่อนเขาไม่ให้เห็น แต่ขอโทษที่คณิตซะอย่าง ไม่มีอะไรหนีพ้นสายตาได้หรอก และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาไปบ้านภาคี เป็นจังหวะที่หนุ่มหน้าหวานกลับจากต่างประเทศพอดี ก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดีนี่แหละแอบมองซะตาละห้อย ยิ่งละห้อยใหญ่เมื่อหนุ่มหน้าหวานมีสาวมาส่งดอกไม้ช่อโตให้ถึงบ้าน แถมตอนเย็นมีรถคันโก้กับหนุ่มหล่อระดับเทพมาสู่ถึงตีนบันได
เพื่อนของเขามันคนจน อาศัยพื้นที่บ้านของคนอื่นอยู่ เลยเจียมตัว แต่ไม่เคยเจียมใจ

“มึงรู้” นิ่งไปนาน กว่าที่ปากหยักจะมีคำพูดหลุดออกมา เขาไม่คิดเลยว่าคณิตจะรู้เรื่องนี้
“เออซิวะ มีไรเปล่า” คณิตบอก ทำท่ากวน ขณะเดียวกันก็ยิ้มให้กับความฉลาดของตัวเอง
“มีครับ”

คำตอบนี้ไม่ใช่ของภาคี แต่เป็นของเจ้านายหนุ่มที่เดินถือกระเป๋ามาอยู่ด้านหลังของคนทั้งคู่ ถ้าเป็นบริษัททั่วไปและเจ้านายจอมโหด สองหนุ่มคนโดนเล่นงานซะอ่วมแน่ แต่นี้เป็นอชิตะ เจ้านายที่ใจดี ทำตัวกลมกลืนไปกับลูกน้องเหมือนเพื่อนไม่มีผิดเพี้ยน และรู้เรื่องของภาคีดีๆ เพราะคณิตชอบเอาเรื่องของภาคีมาเล่าให้เขาฟัง

“คุยอะไรกันอยู่ครับ ขอผมมีส่วนร่วมได้ป่ะ”

อชิตะเอ่ยปากถาม ไอ้เรื่องอยากรู้อยากเห็นของอชิตะก็มีไม่น้อยเลย เขาถือว่าการรู้เรื่องของลูกน้องคือสิ่งที่ควรทำ เพราะมันจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับลูกน้องที่ดีอีกทางหนึ่ง

“ข่าวดีครับบอส ลูกน้องคนนี้ของบอส” คณิตชี้ไปที่ภาคี อชิตะมองตาม “ไอ้ตินครับ มันฉลาดขึ้นแล้วครับ มันไม่อยากได้หน้าแต่มันอยากเอาหลัง บอสเข้าใจใส่ไหมครับ” คณิตพูดติดทะลึ่งตามนิสัย บอสหนุ่มส่ายหน้า คณิตเลยต้องพูดเป็นการเป็นงานขึ้น

“ตินมันยกเลิกงานแต่งแล้วครับ”
“โอ้โห ผมถือว่าเป็นเรื่องนี่นะครับเนี่ย ต้องฉลองกันสักหน่อยดีไหม”
เจ้านายหนุ่มยังใจดีเหมือนเดิม
“โอ.เค. ครับบอส” คณิตตกปากรับคำทันที ของฟรีมีที่นี้
“เออ...ผมว่าอย่าดีกว่าครับ คือผมต้องรีบกลับบ้าน”

ภาคีหลังจากที่เงียบมานาน ได้โอกาสพูดซะที ก็เพราะโดนเจ้าเพื่อนรักตัดหน้าไปทุกครั้ง แต่ความจริงแล้ว เขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะตอนนี้ในสมองของเขามีแต่คำถามเกิดขึ้น ว่าทำไมคนหน้าหวานถึงทำแบบนั้น สีฟ้าต้องการอะไรกันแน่

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

หลายวันต่อมาคุณกฤษและคุณอุษา เรียกภาคีมาคุยถึงเรื่องระหว่างเขากับสีฟ้าว่าจะเอายังไงต่อไป จะย้ายมาอยู่บ้านหลังใหญ่ด้วยกันไหม

ภาคีปฏิเสธการอยู่รวมกับบ้านใหญ่ แล้วสีฟ้าก็ไม่ขัดข้อง สีฟ้าพยายามเล่นบทเป็นผู้ตามที่แสนดี ภาคีว่าอย่างไรเขาก็ว่าตาม

“แน่ใจนะว่าเราสองคนจะย้ายไปอยู่เรือนหลังเล็กด้วยกัน” คุณอุษาถามเอาความแน่ใจ ไม่คิดว่าลูกชายคนเล็กจะไปอยู่ที่นั่นได้ บ้านหลังเล็กนั้น ใหญ่กว่าห้องนอนของลูกชายนางแค่นิดเดียวเอง แล้วจะไปอยู่ยังไงไว้ ตู้เสื้อผ้าก็คงปาไปครึ่งบ้านแล้วมั้ง

“ครับ”

คุณอุษาหันไปทางลูกชาย เพื่อขอคำยืนยันอีกรอบ เผื่อบางทีสีฟ้าอาจจะอยากอยู่ห้องกว้างของตัวเองเหมือนเดิม แต่ลูกชายส่ายหน้า
“ลมเห็นด้วยกับตินครับ” สีฟ้าหันไปสบตากับภาคี ยิ้มมีความหมาย ยิ้มที่ให้ภาคีเห็นเพียงคนเดียว
“ตินอยู่ที่ไหน ลมก็อยู่ที่นั่นครับคุณแม่”

.................................................

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
 :jul3:

หึหึ หุหุ >///<

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
ภาคีมีแต่ได้กับได้จริงๆ  สีฟ้าคิดดีแล้วเหรอจ๊ะ

ออฟไลน์ BEN*_*MOS

  • เด๊กน้อยเลือดกรุ๊ปY
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-0
ภาคีในเมื่อลมทำถึงขนาดนี้ก็จับปล้ำซะเลยย

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
ร๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากหนู๋ลม อิอิ แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ต่อไปคงแซ่บน่าดู

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ไม่ต้องวิ่งไปหาให้เหนื่อยแล้วพี่ติน


เหยื่อวิ่งเข้ามาให้กินเองถึงที่



สบายๆนอนอ้าปากรอได้เลยงานนี้

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนที่ 5


งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นตอนช่วงเช้า เป็นงานเลี้ยงฉลองที่จัดขึ้นอย่างเล็กๆ และง่ายๆ ตามความต้องการของเจ้าของงานทั้งสอง


ภาคีไม่ได้บอกใครเพราะเขาเองกับพี่สาวไม่มีญาติที่ไหนอีกเลย และเขาเองก็เป็นคนมีเพื่อนน้อย งานนี้จึงมีแค่เพียงคณิต และถ้าหัวหน้าของเขาไม่ติดต้องบินไปต่างประเทศด่วนขึ้นมา ก็คงมาร่วมงานนี้ของเขาเหมือนกัน

ส่วนสีฟ้าเอง เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ เพราะมันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่เอาไว้แกล้งนิรดา มันจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกใคร โดยเฉพาะน้ำเพชร โชคดีที่น้ำเพชรไปต่างประเทศยังไม่กลับ

แหวนทองขาวได้มาอยู่บนนิ้วของสีฟ้าสมใจอยาก แล้วเจ้าตัวก็สั่งทำแหวนอย่างเดียวกันนี้ให้ภาคี

“รักกันให้มากๆ นะลูก” พรจากคุณกฤษ
“หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก ลมอย่าดื้อกับพี่เขานะลูก  ส่วนตินก็ดูแลน้องแทนแม่ด้วยนะลูก” คุณอุษาเอ่ยต่อคนเป็นสามี น้ำตานางเริ่มคลอเบ้า  
“ดูแลลมให้ดี อย่าทำให้น้องฉันร้องไห้เด็ดขาด จำเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
คำอวยพรของเมฆา ดูเหมือนจะเป็นคำสั่งมากกว่า
“พี่ขอให้ทั้งสองมีความสุขนะ” นลินเอ่ยบอก พลางสบตาคนเป็นน้องชายคล้ายจะปลอบโยนและให้กำลังใจอยู่ในที

คนนอกเพียงคนเดียวที่มีโอกาสได้เข้ามาร่วมงานคือคณิตที่ดื้อด้านจะมา ทั้งที่ภาคีไม่ได้ชวนเลยแม้แต่น้อย เมื่อทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว จึงถึงเวลาของคณิต

“อย่าหักโหมมากนะโว้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงไปทำงานไม่ไหว กูกลัวเหงาปากว่ะ ว่าแต่ สวยว่ะ มิน่าละถึงไม่มองใครเลย ”
คำอวยพรของคณิตออกจะชวนให้ขาภาคีไปฟาดบนปากเสียนี่กระไร แต่คณิตก็ไม่ลืมที่จะชื่นชมชายหนุ่มหน้าหวานที่ยืนอยู่ไม่ห่างเพื่อนรักของเขา หวังว่าคงไม่ได้ยินคำพูดของเขาหรอกนะ ก็กระซิบถึงขนาดนี้ จากนั้นชายหนุ่มก็หันไปพูดกับสีฟ้า

“เพื่อนผมมันขี้อาย พูดน้อยครับ แต่เรื่องรักแล้ว มันรักจริง รักนาน รักทน รักมั่นคงและรักตลอดไป เออ..อีกอย่างครับ เอาใจมันให้มากๆ หน่อยครับ มันเป็นเด็กขาดความอบอุ่นต้องการคนเอาใจตลอดเวลา มันชอบคนเอาใจ มันรักตายเลยครับเจอคนแบบนี้ แต่ไม่ต้องมากก็ได้ครับเพราะเท่านี้มันก็รักก็หลงคุณลมจะแย่อยู่แล้ว ”

คณิตพูดเป็นชุด พร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนหน้าหวานที่พยักหน้ายิ้มรับกับสิ่งที่เขาบอก แต่แววตาคู่สวยที่เขาเห็นแวบหนึ่งที่มันฉายแววเศร้า

‘แล้วฉันควรจะดีใจเหรอ? ที่เพื่อนนายเป็นคนรักจริงขนาดนี้’

สีฟ้านึกเศร้าอยู่ข้างใน ยิ่งฟังคำที่คณิตพูดแล้วให้เจ็บแปลบจนแทบจะฝืนยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้าเพื่อนนายรักฉัน ฉันก็คงจะดีใจแล้วก็มีความสุขที่สุด แต่นี่นายคงไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้เพื่อนนายต้องมายืนอยู่ข้างฉันในวันนี้

“ไอ้หนึ่ง มึงอยากเดินออกบ้านกูอย่างครบสามสิบสองประการอยู่หรือเปล่าวะ” ภาคีลากตัวเพื่อนปากดีออกมาให้ห่างสีฟ้านิดหนึ่ง เกรงว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน แล้วรู้ทุกอย่าง  

“อะไรวะ กูอุตส่าห์ช่วยมึงนะโว้ย” คณิตโวยวายไม่เบาเลย ภาคีเอามือปิดปาก

“ช่วยอะไรวะ” ภาคีกระชากเสียงถามห้วน แต่ก็อยู่ในระดับที่ได้ยินกันแค่สองคน หันไปมองสีฟ้าก็เห็นว่าเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง หยิบโน่นจับเนี่ยไป เหมือนกำลังสำรวจตรวจตราทุกซอกมุมในบ้านของเขา  

“อ้าว...ก็ช่วยให้คุณลมที่รักของมึง รู้จักมึงให้มากกว่าเดิมไงเล่า หรือไม่จริง ก็มึงมันไอ้โคโบต้ารักทนรักนานขนาดนั้น คุณลมรู้จะได้ซาบซึ้งในความรักของมึงไง” คราวนี้คณิตพูดเสียงเบาลง

“เออ...ขอบใจ แต่ถ้าไม่พูดจะดีกว่า แล้วมึงก็กลับไปได้แล้ว” จะโทษคณิตก็คงไม่ได้ เพราะเขาเองต่างหากไม่ได้บอกรายละเอียดของเรื่องทั้งหมดให้คณิตรู้ เพราะเขาบอกแต่ว่าวันนี้เขากับสีฟ้าตกลงจะอยู่ด้วยกันก็เท่านั้น คณิตก็คงต้องเข้าใจผิดความสัมผัสระหว่างเขากับสีฟ้าไปในทางที่เจ้าตัวคิด

“มึงจะรีบทำการบ้านหรือไงวะ แม่มม ฟ้ายังไม่มืดเลยนะโว้ย แต่ก็นะ มืดไม่มืด มึงก็คงไม่สนใช่ป่ะ” ไม่รอให้โดนถีบออกมานอกบ้าน ด้วยฝีเท้าที่รวดเร็ว คณิตพาตัวเองออกจากห้องของภาคีไปในทันที

..............................................................


เมื่อเหลือภาคีและสีฟ้าเพียงสองคน หลังจากที่ทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว สีฟ้านั่งอยู่ที่ตรงบนโซฟากลางบ้าน คลายปมเนทไทสีหวานให้หายอึดอัด ภาคีเปิดประเด็นความสงสัยและอยากรู้สิ่งที่สีฟ้าต้องการทันที

“ผมอยากรู้ คุณลมต้องการอะไรกันแน่”

เป็นครั้งแรกมั้งที่ชายหนุ่มเอ่ยมันขึ้นมา เรื่องที่ติดค้างคาใจนับตั้งแต่วันเกิดเรื่อง เพราะสีฟ้าพยายามหลบหน้าเขาตลอด จะเจอตัวก็ต่อเมื่ออยู่กันพร้อมหน้าทุกคนนั่นแหล่ะ ทำให้เขาหาเวลาคั้นเอาความจริงเรื่องนี้จากสีฟ้าไม่ได้

“ฉันก็อยากเป็นเจ้าของๆ นายสิ” สีฟ้ายักไหล่ ดวงตาสบมองอย่างไม่หวั่นไหว แม้อีกฝ่ายจะทำหน้าหงุดหงิดใส่ก็ตาม

“อยากเป็นเจ้าของผม” ภาคีทำเสียงหึอยู่ในลำคอ พยายามเค้นยิ้ม “นึกยังไงถึงอยากเป็นเจ้าของผม ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณคอยแต่จะยัดเยียดผมให้ใครต่อใคร”

ใครต่อใครที่ภาคีหมายถึง มีเพียงคนเดียว ก็คือ น้ำเพชร

“แต่ต้องไม่ใช่ยัยนุ่น ฉันไม่มีทางยกนายให้ยัยนุ่นเด็ดขาด” น้ำเสียงของหนุ่มหน้าหวานแข็งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว สีฟ้าไม่ชอบขี้หน้านิรดาเอามากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

“ผมไม่ใช่สิ่งของ”
“แต่ฉันมีสิทธิ์”
“มีสิทธิ์ ?” ภาคีย้อนถามเสียงห้วน
“ใช่ ฉันบอกแล้วไง อะไรก็ตามที่อยู่ในรั้วบ้านของฉัน ฉันมีสิทธิ์ทุกอย่าง”

สีฟ้าลุกขึ้นมาเผชิญหน้า ห่างจากร่างสูงไม่กี่ก้าว เพียงพอได้กระไอร้อนของอีกฝ่าย แต่สีฟ้าไม่เคยกลัว หลงลืมบทเรียนครั้งก่อนไปชั่วขณะ
“รวมถึงตัวผมด้วย” ภาคีเอ่ย น้ำเสียงของชายหนุ่มห้าวลึก “คุณลมมีสิทธิ์จะทำอะไรกับผมงั้นก็ได้เหรอ”
“ใช่” สีฟ้าตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนแกล้งหันไปให้ความสนใจกับข้าวของภายในบ้านของสีคราม ที่กลายมาเป็นเรือนหอจำเป็นของเขา เมื่อน้ำเสียงและหน้าตาของภาคีดุดันขึ้น บางครั้งชายหนุ่มก็กลัวเป็นเหมือนกัน
“สิทธิ์ของคุณคือการโกหกทุกคน โกหกได้หน้าตาเฉยว่าผมรังแกคุณ ทั้งที่เราทั้งคู่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แล้วผมจะทำอะไรคุณได้”

นั่นสินะผู้ชายเหมือนกัน แต่ทำไมเขาไม่เคยรู้สึกอย่างที่พูดเลย แม้กระทั่งตอนนี้ เรือนกายของสีฟ้าน่ากอดแค่ไหน เขาย่อมรู้อยู่แกใจดีกว่าใคร

“ฉันไม่ได้โกหก ฉันพูดความจริง หรือฉันพูดไม่จริง นายทำอะไรฉันคืนนั้น” สีฟ้ากอดอกยืดตัวเต็มความสูง ยื่นหน้าสวยหวานเข้าไปใกล้อย่างท้าทาย

ภาคีรีบหันหลังให้กับใบหน้าเรียว ตาคู่สวย จมูกโด่งงาม กับปากอิ่มสีแดงระเรื่อที่ช่างหาเรื่อง เพราะสิ่งที่สีฟ้าพูดมันเป็นความจริง

“แต่เราไม่ได้มีอะไรกัน คุณลมก็รู้” เขาบอกไม่ค่อยจะเต็มเสียง เพราะเรื่องคืนนั้นมันเป็นความจริง ความจริงที่เขาห้ามตัวเองไม่อยู่ แล้วมันอาจเลยเถิด ถ้าเขาห้ามตัวเองไม่ทัน

ผู้ชายด้วยกันเหรอ??

แต่ทำไมล่ะ ทำไม....

ทำไมเขาถึงอยากโอบกอดคนร่างบางนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งภายในบ้านที่มีเพียงเขากับสีฟ้าสองคน ความปรารถนามันยิ่งพุ่งพรวด

“แต่ฉันเสียหาย”
“แต่คุณเป็นผู้ชาย”
“แต่นายก็ทำ”
“ก็ได้ ผมยอมรับเรื่องนี้”
เขายอมจำนน ทว่ายังคงถามต่อถึงเรื่องยังค้างคาอยู่อีกหนึ่งเรื่อง เรื่องที่เขาไม่เคยพูดออกมาให้คนหน้าหวานฟังเลยสักครั้ง
“แต่เรื่องบอกรัก แล้วก็เรื่องแหวน ผมยืนยันว่าไม่เคยบอกคุณลม และก็ไม่ได้ซื้อแหวนวงนี้ให้...เอ่อ...ให้คุณลม” ปลายประโยคของเขาออกจะติดขัด เมื่อภาคีรู้ตัวว่าเขาไม่ได้พูดความจริง แหวนมี่ซื้อมา เขารู้ดีว่าซื้อมันมาให้สีฟ้าเพียงคนเดียว
“ฉันไม่ได้บอกนี่ ว่านายบอกรักฉัน ซื้อแหวนให้ฉัน ฉันพูดแต่ว่านายบอกรัก นายซื้อแหวน หรือว่ามันไม่เป็นความจริงหะ”
คนฟังถึงกับอึ้ง
สีฟ้าขยับเข้าใกล้ร่างสูงอีกนิด หน้าสวยมีรอยยิ้มสมใจทุกอย่าง บอกแล้วว่าเขาฉลาดพอ ฉลาดพอที่จะไม่พูดอะไรที่มันจะผูกมัดตัวเอง
“แค่ฉันพูดไม่หมดเท่านั้นเอง ว่านายบอกรักยัยนุ่น และก็ซื้อแหวนให้ยัยนุ่น จริงไหมล่ะ พ่อเทพบุตรของใครต่อใคร” ภาคีไม่สบตาคู่สวย เขาเสมองไปทางอื่นที่ไม่มีหน้าของใครที่กำลังคาดคั้นเอาความจริงกับเขา

เทพบุตรเหรอ??

เทพบุตรของใครต่อใคร??

ไม่หรอก เขาไม่อยากเป็นพ่อเทพบุตรของใครต่อใคร แต่ของเป็นคนธรรมดาของคุณลมเพียงคนเดียวจะได้ไหม.....
คงไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อทุกอย่างระหว่างเขากับสีฟ้า ช่างห่างไกลกันเหลือเกิน แม้อยู่ใกล้ก็คงเหมือนไกล สีฟ้าไม่เห็นค่าอะไรในตัวเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดจะยกเขาให้ใครต่อใครหรอก
เมื่อภาคีไม่พูด สีฟ้าก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากมายกว่านี้ เดี๋ยวจะเข้าตัวเขาหมด เลยเปลี่ยนเรื่องพูดเสีย


“จะให้ฉันนอนห้องไหน”

บ้านหลังนี้มีสองห้อง ห้องแรกเป็นห้องของคุณมณี มารดาของภาคี ส่วนอีกห้องห้องของคนตัวสูง เขาคงต้องไปนอนห้องคุณมณีแน่ๆ  ถ้าต้องนอนห้องนั้นจริง ไม่รู้ว่าจะหลับตาลงหรือเปล่า

“ห้องผม”
สีฟ้าหายใจโล่งจมูกขึ้นมาทันที เมื่อไม่ต้องนอนห้องนั้น  
“ก็ได้” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปยังด้านใน เปิดประตูห้องที่อยู่ด้านซ้ายอย่างคุ้นเคย เพราะครั้งหนึ่งสีฟ้าเคยย่างก้าวเข้ามาแล้ว
พอเข้ามาข้างใน สีฟ้าต้องขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อทั้งห้องยังอยู่ในสภาพเดิม ข้าวของของภาคียังอยู่เต็มไปหมด สีฟ้าหันมามองอดีตเจ้าของห้องที่เดินตามเข้ามา
“นายจะย้ายของไปเมื่อไหร่” สีฟ้าถาม บางครั้งเขาก็นึกเบื่อหน้าไร้ความรู้สึกของภาคีเช่นตอนนี้
ทำไมผมต้องย้าย” อีกฝ่ายย้อนถาม เหมือนกับไม่เข้าใจ ภาคีไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ  
“ก็ห้องนี้จะเป็นห้องของฉัน นายต้องย้ายออกไปสิ นายบอกเองไม่ใช่เหรอไง ให้ฉันอยู่ห้องนี้ ส่วนนายก็ไปอยู่ห้องแม่มณีสิ”
“ผมบอกว่าให้คุณนอนห้องผม แต่ไม่ได้หมายความว่าผมต้องย้าย สามีภรรยาถ้าไม่นอนห้องเดียวกันแล้วจะให้ไปนอนที่ไหน คุณก็รู้” คำพูดเรียบๆ ของภาคีทำเอาสีฟ้าอ้าปากค้าง ไม่บ่อยนักที่จะเห็นภาคีพูดด้วยสีหน้าเป็นต่อแบบนี้ พลางหน้ามันก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาเฉยๆ กับคำว่า สามีภรรยา ให้ตายเถอะ เขาเกลียดคำนี้จริงๆ  
“นี่นาย”

สีฟ้าชี้หน้า แต่เหมือนภาคีจะไม่รับรู้ ก้าวเข้ามาใกล้ประชิดด้านหลังของเขาเสียแล้ว สองมือแกร่งเอื้อมโอบไปแกะกระดุมเม็ดเล็กด้านหน้าให้หลุดออกจากรังดุม หลังจากที่เขาโยนเนทไทไปอีกทางแล้ว

พอคนในอ้อมแขนดิ้น ชายหนุ่มก็รัดเอวบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ได้กลิ่นหอมจากเรือนกาย มันหอมเหมือนคืนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน

“นายจะทำอะไร” สีฟ้าดิ้น เมื่อสัมผัสถึงท่อนแขนใหญ่ที่โอบรอบตัวอยู่ แผ่นหลังที่ปะทะกับอกกว้างก็สั่นไหว เหมือนผิวเนื้อมันแนบสัมผัสจนร้อนรุ่ม

“ชุดเจ้าสาว เขาทำมาไว้เพื่อให้เจ้าบ่าวเป็นคนถอดนะครับคุณลม......หรือคุณกลัว” แม้สีฟ้าไม่ได้ใส่ชุดเจ้าสาว แต่ภาคีก็จะถือซะว่าเสื้อเซิ๊ตสีฟ้าตัวเล็กแนบเนื้อนี้ คือชุดเจ้าสาวที่เขาสมควรถอดมันกับมือ และถ้าสีฟ้ายอม เขาก็จะถอดมันตลอดไป....

“ทำไมต้องกลัว นายจะทำอะไรได้....ถ้าฉันไม่ให้ความร่วมมือ” สีฟ้าพูดอย่างถือดี ทั้งที่ทั้งตัวฝังอยู่ในอ้อมกอดแกร่งนั้นไปแล้ว  

“ลองดูกันไหมล่ะครับ คุณลม” ภาคีปล่อยเอวบางให้เป็นอิสระ เพียงเพื่อจะรั้งร่างบางนั้นให้หันหน้ามาหาเขา

สองมือของภาคีเริ่มจัดการกับกระดุมเม็ดเล็กอีกครั้ง และจัดการมันง่ายขึ้นเมื่ออีกฝ่ายยืนนิ่ง ไม่ออกอาการดิ้นรนเช่นเมื่อครู่

คนสองคนสบตากันอย่างท้าทาย เหมือนเล่นเกม ใครหลบตาคนนั้นแพ้

กระดุมเม็ดเล็กเริ่มหลุดออกจากรังดุมทีละเม็ด แต่ละเม็ดที่หลุดออกมานั้น มันต่างก็เผยให้เห็นผิวเนื้อเรียบนวลกระจ่างตาทีละนิด...ทีละนิด

ความเย็นวูบปะทะกับผิวเนื้อนวลสวย สลับกับลมหายใจอ่อนอุ่นที่กระทบใบหน้า มันทำให้สีฟ้ารู้สึกปั่นป่วนบอกไม่ถูก ชายหนุ่มกำลังสั่นสะท้านกับลมหายใจที่เป่ารดอยู่ไม่ห่าง ที่ใกล้กันคือปลายจมูกโด่งและริมฝีปากหยัก

ภาคีปล่อยมือจากกระดุมเม็ดสุดท้าย เคลื่อนมือใหญ่โอบเอวบางไว้หลวมๆ ประทับริมฝีปากอุ่นแนบสนิทตรงแก้มเนียนและนุ่มที่เขาสัมผัสได้ว่ามันหวานเหลือเกิน และละเลยมาถึงคองามระหง ดึงดูดความหวานจากตรงนั้นอยู่เนินนาน ก่อนมาหยุดอยู่ข้างแก้มนวลอีกครั้ง คลอเคล้าแผ่วเบา

สีฟ้าแทบยืนไม่ไหว ระทวยอ่อนแรง ต้องพิงร่างกับอกกว้าง รู้สึกว่าแขนของชายหนุ่มเลื่อนมาจับไหล่ทั้งสอง พามานั่งตรงเตียงนุ่ม เขาแพ้ เพราะหลบตาคมของภาคีก่อน  

“ผมว่าคุณลมคงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อาบน้ำแต่งตัวก่อนดีกว่าครับ เอาเสื้อผมไปเปลี่ยนก่อนก็ได้ เดี๋ยวบ้านโน่นคงเอาของคุณลมมาส่งให้”

ภาคีบอกเสียงแหบพร่า สะกดอารมณ์บางอย่างเอาไว้ ไม่สมควร เขาไม่อยากฉวยโอกาสจากคนตรงหน้า เพราะความถือดีของอีกฝ่าย แม้มันห้ามยากเหลือเกินก็ตาม

“เดี๋ยวเราคงต้องจัดการกับของของคุณลมอีกนาน”

สีฟ้าช้อนตามองคนพูดที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เมื่อครู่ภาคียัง...ยัง...

โอ๊ย...แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แตะนิดถูกน้อยก็เคลิ้มจนได้

ใช่สิ สีฟ้าไม่ใช่คนที่ภาคีอยากแต่งงานด้วยนี่นา ยัยนุ่นนั่นต่างหาก คือผู้หญิงที่ภาคีอยากแต่งงานด้วย มีหรือจะมาพิศวาสตัวเขา เขาที่มีทุกอย่างเหมือนภาคี ไม่แตกต่างกันเลย แล้วจะมีอะไรไปสู้ได้

“นายก็ออกไปสิ” สีฟ้าออกปากไล่ ไม่กล้าสบตาด้วย เมื่ออีกฝ่ายยิ้ม เป็นยิ้มที่เขาดูไม่ออกเลย เมื่อกี้เขายังนึกเบื่อหน้านิ่งเหมือนไร้ชีวิตของภาคี มาตอนนี้เขาเกลียดใบหน้าที่ยิ้มอยู่นี่จริงๆ

“ครับ”

ภาคีเดินออกไปแล้ว สีฟ้าถอนหายใจยาว ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง เรี่ยวแรงต่างๆมันมลายหายไปไหนหมดไม่รู้ ความรู้สึกเจ็บแปลบมันเกิดขึ้นที่ใจ สองครั้งแล้วที่ภาคีทำไม่สนใจเขา ทั้งที่ภาคีเป็นคนปลุกอารมณ์อ่อนหวานนั่นขึ้นมาเองแท้ๆ หรือว่ารูปร่างหน้าตาของเขามันไม่ดีพอ ไม่สิ ใครก็บอกว่าเขาสวยกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ รูปร่างเหรอ ใครๆ ก็ต่างอยากจะจับยัดใส่กระเป๋าเอาไปนอนกอดทั้งวันทั้งคืน

หรือเพราะเขาเป็นผู้ชาย

ภาคีไม่ได้ชอบผู้ชาย เป็นไปไม่ได้ ไม่ชอบผู้ชายก็คงไม่กล้าทำแบบนั้นกับเขา ผู้ชายแท้ที่ไหนเขาทำกันอย่างนั้นได้

หรือเขาเสน่ห์ไม่แรงพอ!!

ไม่ได้...เขาไม่ชอบให้ใครปฏิเสธ คนอย่างสีฟ้าไม่เคยมีใครปฏิเสธได้ ให้มันรู้ไปสิว่าจะไม่แตะต้องตัวเขาไปได้นานแค่ไหน

สีฟ้าเริ่มคิดแผนอีกครั้ง จะทำให้ภาคีรู้สึกอยากได้ตัวเขาและหลงรักเขาให้ได้ แต่ว่าเขาจะหลอกล่อภาคีเท่านั้น หากภาคีเริ่มต้องการเขาเมื่อไหร่ เขาจะปฏิเสธอย่างไม่ใยดีเชียวล่ะ

แทนที่จะเข้าไปอาบน้ำตามคำบอกของเจ้าของห้อง สีฟ้ากลับเดินสำรวจห้องแสนเรียบของภาคี ในห้องนี้แทบไม่มีอะไรเลย นอกจากเตียงและตู้ กับโต๊ะตัวเล็กที่ตั้งอยู่ข้างเตียง สีฟ้านึกขึ้นมาได้ว่าครั้งแรกที่เข้ามาห้องนี้ เขาทันเห็นภาคีคว่ำกรอบรูปอะไรสักอย่างลงให้พ้นสายตาเขา และเขาก็หมายมั่นอยากรู้ว่ามันเป็นรูปของใคร ถ้าเป็นรูปของยัยนุ่น เขาจะจัดการฉีกมันทิ้ง วันนี้มีโอกาสก็รีบจัดการซะดีกว่า

ว่าแล้วสีฟ้าก็พยายามมองหากรอบรูปอันนั้น ห้องที่ไม่ได้กว้างมากมาย ไม่ได้รกอะไรสักนิดเลย ทุกสิ่งที่อยู่ในห้องนี้ออกจะเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าห้องของเขาซะอีก แต่ไม่ยักจะเห็นกรอบรูปอันนั้นเลย

“หรือว่าจะอยู่ในลิ้นชัก” แล้วเท้าของสีฟ้าก็ก้าวหยุดอยู่ที่ข้างเตียง ตรงที่มีโต๊ะหัวเตียงตั้งอยู่ โต๊ะตัวนี้มีลิ้นชักอยู่ด้วย มันน่าจะอยู่ในนี้
….กึก....
มันล็อค

“คงสำคัญมาสินะ นายถึงต้องซ่อนมันไว้”


..................................................................................................



รู้สึกเหมือนอะไรอุ่นๆทาบผ่านผิวแก้ม พลางมือเรียวยกขึ้นลูบร่องรอยนั้น สีฟ้ากำลังงัวเงียเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เจอภาคีอยู่ข้างเตียง เขากำลังก้มหาอะไรอยู่ตรงลิ้นชัก
อีกอย่างที่สีฟ้าพบหลังจากเปิดเปลือกตาขึ้น เขาพบว่าของทุกอย่างของเขาถูกจัดวางเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าใครจัดการกับมัน

“ตื่นแล้วหรือครับ”

ภาคีถามเสียงเรียบเป็นปกติ ก่อนเดินไปหยิบผ้าขนหนูให้คนที่ดูเซ็กซี่เหลือเกินยามตื่นขึ้นมาแล้วทำหน้ายุ่งน้อยๆ กับผมสั้นที่กระเซิงหน่อยๆ เรียวปากอิ่มสีสดที่แสนจะ...จะ....จะอะไรอีกเล่า ในเมื่อเขาทำมันไปเมื่อครู่แล้วนี่....
แก้มนวลถูกเขาขโมย....ภายหลังจากที่เขาขโมยกลีบปากอิ่มนั้นไปก่อนหน้าแล้ว
สีฟ้าพยักหน้ารับ พลางรับผ้าจากมือชายหนุ่ม คนเพิ่งตื่นยังคงมึนๆ อยู่ เลยทำทุกอย่างที่เจ้าของห้องหนุ่มบอก

“อาบน้ำก่อนเถอะครับ เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน บ้านโน้นเอาอาหารมาให้นานแล้ว”

ภาคีพยายามจะไม่มองแผ่นอกขาวภายใต้เสื้อเซิ๊ตที่กระดุมทุกเม็ดไม่ได้อยู่ในรังดุมเลย พอเขาออกจากห้องไป เจ้าตัวก็หลับไปทั้งสภาพแบบนี้

สีฟ้าเหมือนจะรู้ตัวว่า ตัวเองเผลอหลับไปทั้งที่อยู่ในสภาพเปลือยแผ่นอก เพราะเห็นตาคมที่เหลือบมองมา ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนี มือเรียวรวบสาบเสื้อเข้าหากัน ก่อนเดินหนีเข้าห้องไป  
สีฟ้าจะรู้หรือเปล่าว่าตอนที่เขานอนกลับอยู่บนเตียงของภาคี เป็นช่วงเวลาที่ทำเอาภาคีแทบคลั่ง ดีที่มีข้าวของมากมายของสีฟ้ามาเป็นตัวช่วยดึงความสนใจจากร่างบางไปได้บางขณะเวลา แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ตลอดเวลาหรอกนะ
ภาคีมองตามร่างบางไปจนร่างนั้นหายลับเข้าไปในห้องน้ำเล็กๆ ของเขา ก่อนผ่อนลมหายใจยาว ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของเขา โชคดีที่สีฟ้าไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไปบ้างตอนที่กำลังหลับอยู่ ถ้ารู้คงได้เอะอะโวยวายแน่

จบตอน


...
ปล ตอนนี้ลงกันแบบยาวๆๆ และลงครบตอนตามความประสงค์ของน้องแอ๋วทุกประการกันเลยทีเดียวที่บอกว่าให้ลงครบตอนและต่อไปคงจะลง วันเว้นวันนะค่ะ ถ้าไม่ติดขัดเรื่องต้นฉบับ ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านและขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากๆๆ ที่เปรียบเหมือนเป็นกำลังให้ทั้งคนแต่งและคนโพสค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2011 10:48:40 โดย Aphrodite »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย

hahn

  • บุคคลทั่วไป
+1 ให้เป็นกำลังใจจ้า มารอตอนต่อไปด้วย

สีฟ้าน่ารักมีร้ายเล็กๆ ชอบนะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
สีฟ้า ลุยหน้าเลยลูก  100 เล่มเกวียนนี่ ตอนนี้เรายังใช้ไปไม่ถึงเล่มเกวียนลยนี่
ทำให้ภาคีหัวปั่นเลย ไอ้พวกปากหนัก ปากไม่ตรงกับใจเนี่ย แสนจะน่าหมั่นไส้

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
ภาคีจะทนได้นานแค่ไหนนะ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
คนแบบภาคีหาได้จากที่ไหนบ้างจ้าเค้าอยากได้บ้าง(จะเหลือเรอะ :laugh:)
ชอบตรงที่รักทนรักนานนี่แหละ :-[
+1จ้า ชอบทั้งสีฟ้าและภาคีมาก :กอด1:

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :L2:มาต่อให้ไวๆ จะรอดูว่าตินจะทนได้นานแค่ไหน

ออฟไลน์ maio2000

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ให้ตายเถอะ น่ารักมากๆ แบบปากไม่ตรงกับใจกันเลย
ถ้าเปิดใจพูดกันดีๆ จะไ้ด้กันไมเนี่ย
ชอบค่ะ

ออฟไลน์ Mr.Frog

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
แอร๊ยยยยยยยยยยย น่ารักๆ

 :pig4: เป็นกำลังใจให้คั้บ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด