ขอบคุณทุกคนที่แวะมาชม มาอ่านถึงแม้จะเม้นท์บ้างไม่เม้นท์บ้างก็ดีใจที่แวะมาชม แต่(คนแต่ง)จะดีใจที่สุดถ้าบอกว่าชอบไม่ชอบเรื่องนี้ยังไง

ตอนที่ 2 ครึ่งหลังค่ะ
เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าที่ภาคีรับมาจากบริกรของงานเลี้ยง ชายหนุ่มดื่มมันราวกับว่าเป็นน้ำหวานลื่นคอ
จนนิรดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องหันมาถาม เพราะชายหนุ่มดื่มเยอะขนาดนี้มาก่อน
“ตินกินเยอะไปแล้วนะคะ พอเถอะค่ะ”
เธอแย่งแก้วเหล้าที่ภาคีเตรียมสาดลงคอมาไว้ในมือ ชายหนุ่มไม่ได้ว่าอะไร เพราะสมองของเขาตอนนี้มันยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
“คิดอะไรอยู่คะ” ว่าพลางวางมือทาบบนหลังมือใหญ่ ลูบน้อยๆ ให้เจ้าของมือได้สัมผัสถึงความห่วงใยของเธอ
“เปล่าครับ” เขาปฎิเสธ แล้วดึงมือออก สัมผัสจากนิรดาทำให้เขารู้สึกแย่กว่าเดิม
“กลับกันเถอะ”
ภาคีรู้ว่าคงไม่มีอะไรดูขึ้นหากเขายังนั่งอยู่ในงานนี้ ยิ่งนั่งก็ยิ่งฟุ้งซ่าน คิดถึงแต่ใครอีกคนที่เขาทำให้โกรธจนตัวสั่น หน้าตาสวยบูดบึ้งจนน่ากลัว
ใบหน้าบูดบึ้ง ไม่ใช่ใบหน้าที่เขาอยากเห็น มันทำให้เขากลัวว่าเจ้าของใบหน้านั้นจะเกลียดเขามากขึ้น จนไม่อยากเสียเวลาสักเสี้ยวนาทีมาประชดหรือดูถูกถางทางเขาเหมือนเช่นเดิม
------------------------------------------------------------------------------------------------
เกือบตีหนึ่งกว่าที่ภาคีจะกลับถึงบ้าน เพราะพอออกจากงานเลี้ยง เขาพานิรดาไปส่งที่บ้านของเธอ ไม่ฟังคำอ้อนใดๆ ที่จะรบเร้าให้เขาเข้าไปในบ้านของเธอ จากนั้นเขาก็ขับรถของนิรดาไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เขาไม่อยากกลับบ้าน เขาสังหรณ์ใจว่าใครบางคนคงตั้งหน้ารอการกลับมาของเขาอยู่แน่ ซึ่งมันไม่ผิดไปจากที่คิดเลย เมื่อแสงไฟภายในตัวบ้านสว่างโล่ แสดงว่ามีอยู่ในบ้าน แล้วต้องไม่ใช่ใครอื่น นอกจากสีฟ้าคนเดียวที่กล้าทำ กล้าบุกรุก กล้าประกาศตัวว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน
ใจหนึ่งดีใจที่จะได้เห็นได้เห็นหน้าเหมือนคนแอบรักทั่วไป แต่อีกใจก็ล้าเกินกว่าจะบรรยายได้ว่าเป็นเพราะอะไร
มันอาจเป็นเพราะ
.....เขาไม่ใช่สิ่งของ....
....เขาไม่ใช่ของๆสีฟ้า....
แต่สีฟ้ากลับทำให้เขารู้สึกว่าเป็นสิ่งของและเป็นของๆ สีฟ้า ที่เจ้าตัวจะจับทำอะไรก็ได้ตามแต่ความต้องการ ไม่เคยคิดถึงหัวจิตหัวใจของเขาว่าจะรู้สึกอย่างไร
ที่ผ่านมาเขาทนเพราะอยากทน เผื่อความเกลียดชังจะลดน้อยลง แต่มันกลับยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เห็นหนทางที่ความหวังจะเป็นจริง วันนี้เขายังทนได้เพราะอยากทน วันไหนที่เขาต้องฝืนทน วันนั้นต่อให้พี่สาวคัดค้านยังไง เขาก็คงยืนยันความต้องการอย่างเด็ดขาดซะที
นานกว่าที่ภาคีจะเดินเข้าไปในบ้าน เพียงแค่เท้าที่ก้าวเข้ามาในตัวบ้านที่แอร์เย็นสบาย ประโยคแรกที่สีฟ้าเตรียมไว้สำหรับชายหนุ่มจึงดังขึ้นให้คนถูกถามเหนื่อยหนักขึ้นอีก
“ฉันอยากรู้ ยัยหน้าจืดนั่นมีดีตรงไหน ถึงทำให้นายปฏิเสธเพื่อนฉัน” ต่อให้นิรดาแต่งหน้าจัดแค่ไหน สีฟ้าก็มองว่าหน้านั้นจืดสู้เพื่อนเขาไม่ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตา เรื่องฐานะด้วย ต่างกันราวกับแม่ค้ากับเจ้าหญิง
สีฟ้านั่งรอภาคีหลังจากที่น้ำเพชรกลับ เพื่อนของเขาร้องไห้หนัก กว่าจะหยุดได้ก็ปลอบกันเกือบชั่วโมง นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องบินไปฝรั่งเศสพรุ่งนี้ สีฟ้าคงรั้งให้น้ำเพชรอยู่เคลียร์เรื่องนี้ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป เอาให้จบ รักหรือไม่รัก จะได้เลิกสักที เขาก็เหนื่อยเหมือนกัน ไม่อยากช่วยน้ำเพชร แต่ก็ทำใจแข็งไม่ได้สักที
“ผมไม่ขอตอบ”
ครั้งแรกกระมังที่ภาคีใช้เสียงแข็งกับสีฟ้า ที่ผ่านมาต่อให้สีฟ้าพูดหรือทำอะไรกับเขา ภาคีเพียงเก็บมันเอาไว้ ไม่แสดงอะไรออกมามากมายอย่างตอนนี้ คงเพราะน้ำเปลี่ยนนิสัยที่เขาดื่มเข้าไปเป็นแน่ ทำให้เขากล้า กล้าแม้กระทั่งสบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว
ดีเหมือนกันสีฟ้าจะได้รู้เสียทีว่าเขาไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ของๆ สีฟ้า......แต่เขาคือผู้ชายคนหนึ่งที่มีหัวใจ เจ็บเป็น ความอดทนก็มีขีดจำกัด ไม่ใช่รักแล้วจะยอมทุกอย่าง
“แต่นายต้องตอบ”
สีฟ้าลุกเดินเข้ามาประชิดแต่ไม่มาก ใกล้พอแค่ที่เขาจะเงยหน้ามองคนตัวสูงโดยไม่ต้องลำบากมาก ถึงเขาจะไม่ใช่คนตัวเตี้ยแต่เขาก็สูงสู้อีกคนไม่ได้ แต่ตอนนี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ความสูง มันอยู่ที่ภาคีกล้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่แยแสต่างหาก มันทำให้หงุดหงิด เขาไม่ชอบท่าทางอวดดีของภาคี เสียเวลานั่งรออยู่นานหลายชั่วโมง จะให้ฟังคำปฏิเสธเท่านี้หรือ ไม่มีทางเด็ดขาด ไม่เคยมีใครขัดใจสักครั้ง
“ผมเหนื่อย ผมขอตัว”
“นายยังไม่ตอบคำถามฉัน”
“ผมขอตัว”
คงไม่ต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีอีกต่อไป ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ทำตัวเป็นแขกที่ดี ภาคีเดินเลี่ยงเข้าห้องของตัวเอง ทิ้งให้สีฟ้ายืนไม่พอใจกับการกระทำของเขาอยู่เบื้องหลัง
เสียงประตูเปิดและปิดในเวลาต่อมา กระตุ้นเตือนให้สีฟ้าทำอะไรสักอย่าง เขาตัดสินใจ ก่อนจะสาวเท้าก้าวตามไปในห้องส่วนตัวที่เขาไม่เคยก่ำกราย
ภาคีที่กำลังถอดเสื้อสูทพาดไว้กับเก้าอี้ หันกลับมามองคนบุกรุกทันทีที่เสียงเปิดประตูดังขึ้น ก่อนจะปิดเสียงดัง สีฟ้าจะถือสิทธิ์มากเกินไปแล้ว แม้กระทั่งห้องนอนที่ควรเป็นห้องส่วนตัวของเขา สีฟ้ายังกล้าเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ
“นี่มันห้องนอนของผมนะครับ คุณลม”
เขาพยายามทำเสียงเรียบข่มความโกรธ มือข้างหนึ่งขยับคลายปมเน็ทไท อีกมือหนึ่งเอื้อมไปที่หัวเตียงจับกรอบรูปไม้อันเล็กคว่ำหน้าลง ไม่ให้คนบุกรุกเห็นสิ่งหวงแหน
“ฉันมาเอาคำตอบ นายต้องตอบคำถามของฉัน” อะไรที่สีฟ้าอยากได้อยากรู้ มันต้องได้และต้องรู้ ถึงจะยอมจากไป ถ้ายังไม่ได้ ยังไม่รู้ ชายหนุ่มก็จะอยู่เค้นเอาจนได้และจนรู้
สีฟ้าเดินมาใกล้อีกนิด ในระยะที่เขาเงยหน้ามองได้สบายเหมือนทุกครั้ง ตาเรียวจ้องไม่ยอมลดละ เขาทันเห็นว่าอีกฝ่ายทันคว่ำกรอบรูปเล็กๆ หนีสายตาของเขา มีความลับซ่อนอยู่ในนั่นแน่ๆ อยากรู้ ปากเลยถามออกไปอย่างใจใคร่รู้
“อะไร?”
ภาคีมองตามสายตา ไม่มีคำตอบที่ตรงคำถาม เมื่อเขาดึงให้กลับไปยังเรื่องเดิม
“นี่มันห้องนอนผม คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามา”
“ทำไมฉันจะเข้ามาไม่ได้ อะไรก็ตามที่มันอยู่ในรั้วบ้านฉัน มันคือของฉันทุกอย่าง แม้กระทั่งที่ที่นายยืนอยู่มันก็ของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้”
ได้ผล สีฟ้าลืมความใคร่รู้ของตัวเองไปทันทีทันใด เมื่อภาคีพูดถึงเรื่องสิทธิ์ที่สีฟ้าป่าวประกาศอยู่ตลอดเวลา ว่าตัวเองมีสิทธิ์ในทุกตารางนิ้วภายในรั้วบ้านแห่งนี้ ทั้งบ้านหลังใหญ่ราวคฤสาห์และบ้านรังเล็กเท่ารังหนูในความรู้สึกของเขา
“หรือจะเถียง” หน้าสวยเชิดถามอย่างถือดี เรียวแขนเล็กยกขึ้นกอดอก ท้าทายเอาคำตอบ
“................”
“หึ...เถียงไม่ออกล่ะซี่”
“.................” ปากหนาเม้มเน้น กดอารมณ์
“คราวนี้ก็ตอบคำถามฉันมา ยัยหน้าจืดนั่นมีอะไร หรือว่าเป็นเมียนายแล้ว”
“คุณลม!” ภาคีเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง ตามอารมณ์ที่ถูกยั่ว สบตาคู่สวยแวววับเอาเรื่อง ไม่เคยคิดว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะกล้าพูดประโยคนี้ออกมา มันดูถูกทั้งเขาและนิรดา
“ทำไม? ฉันพูดอะไรผิด เห็นออเซาะกันขนาดนั้น ไม่พามาอยู่ด้วยกันเลยล่ะ พามาอยู่สิ ฉันจะได้ยกบ้านหลังนี้ให้เป็นสินสมรส ในฐานะผู้ใหญ่ฝั่งชาย” ปากบางเหยียดยิ้ม ไม่สะทกสะท้านกับแววตาโกรธกริ้วนั้น
“ถ้าผมจะแต่งงานกับนุ่น ผมก็คงไม่พานุ่นเค้ามาอยู่ที่นี้หรอกครับ เกรงใจ” ชายหนุ่มพยายามบอกเสียงเรียบ หากมันก็อดที่จะเน้นหนักในคำสุดท้ายไม่ได้ เขาเห็นอีกฝ่ายทำปากแบะ
“ไปอยู่บ้านเมียว่างั้น?”
“..........................” ไร้คำตอบ แต่สีฟ้าก็ไม่สน
“ดีเหมือนกันนะ มีเมียให้เกาะ”
“คุณลม!!” ภาคีแทบอยากกระชากร่างเล็กมาเขย่าให้สาแก่ใจกับคำพูดเจ็บแสบนั่น เขาก็ทำได้แค่คิด ขณะที่ใบหน้าสวยนั้นก็ยังยิ้มภูมิใจกับคำพูดของตัวเอง ไม่เคยคิดจะสนใจความรู้สึกคนฟัง มือที่กำแน่นเพื่อกดอารมณ์ระเบิดคลายตัวออกช้าๆ ภาคีสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนปล่อยมันออกมาอยู่หลายครั้ง
“ผมอยากจะเกาะใครก็เรื่องของผม คุณลมไม่เกี่ยว ออกจากห้องผมไปได้แล้ว เชิญครับ” ภาคีเดินผ่านร่างเล็กไปยังประตู มือจับลูกบิดหมุน ประตูห้องเปิดออก เขายืนอยู่ตรงนั้น มองไปยังคนที่ยืนกอดอกทำหน้าเช็ด
“เชิญครับคุณลม”
“ไม่” สีฟ้าหรือจะยอม ยอมก็ไม่ใช่สีฟ้าแล้ว ยิ่งโดนอีกฝ่ายไล่ด้วย ยิ่งไม่มีทางจะก้าวขาออกไปง่ายๆ ต่อให้ยืนอยู่จนถึงเช้าชายหนุ่มก็ทำได้ เพื่อเอาชนะ
นานเกือบสิบนาทีที่คนทั้งคู่เล่นสงครามประสาทกัน สีฟ้ายังยืนกอดอกอยู่กลางห้อง ส่วนภาคีก็ยังจับลูกบิดไว้แน่น ก่อนที่จะหาผู้ชนะไม่ได้ เป็นฝ่ายภาคีเองที่ออกจากที่มั่นของตัวเอง ไม่กี่ก้าวมือใหญ่ก็จับต้นแขนของคนร่างบาง กระชากให้ออกไปจากห้อง แต่สีฟ้ากลับสะบัดมันหลุดด้วยแรงที่เกือบจะเท่ากัน
“ปล่อย”
สีฟ้าตวาดกลับ สะบัดแขนจากการเกาะกุม พลางคลำต้นแขนที่โดนบีบคลายความเจ็บ แรงจากมือภาคีทำเขาเจ็บไม่น้อย
“นายไม่มีสิทธิ์มาไล่ฉัน”
คล้ายเส้นความอดทนของภาคีขาดผึง ที่ผ่านมาเขายอมมากพอแล้ว ยอมทั้งที่สีฟ้าทำกับเขาราวเป็นสิ่งของ ชายหนุ่มกระชากไหล่บางเข้าใกล้แทบปะทะแผ่นอกแข็งแกร่ง โชคดีที่สีฟ้าใช้มือดันไว้แผ่นอกนั้นไว้ก่อนที่จะปะทะให้ต้องเจ็บตัว
“ผมบอกให้ออกไป” เขาบอกเสียงเข้ม
“ไม่ไป ปล่อยฉัน”
สีฟ้าพยายามสะบัดไหล่ให้หลุดจากมือใหญ่ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล ซ้ำร้ายยังถูกกระชากให้เข้าใกล้อกกว้างยิ่งขึ้น มือที่ดันอยู่นั้นก็แทบต้านแรงไม่ไหว เขาได้กลิ่นเหล้าอ่อนๆรวยรินอยู่เหนือผิวแก้ม รู้สึกหวิวๆ บอกไม่ถูก เหมือนกำลังตกอยู่ในอันตราย
เพราะเหล้านี่เองทำให้ภาคีกล้าจะตวาดเขาเสียงดังแบบที่เจ้าตัวไม่เคยทำมาก่อน
“นายไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้กับฉัน”
แม้จะอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่สีฟ้ายังฝืนทำใจกล้า ตวาดอีกฝ่ายเสียงดัง สบตาขึงโกรธอย่างไม่หวาดหวั่น ทั้งที่ในใจมันสั่นรัว
“ผมให้โอกาสคุณแล้ว แต่คุณดื้อเองนะคุณลม” เสียงแข็งกดต่ำ
ความคิดแรกคือต้องสั่งสอนให้สีฟ้าจดจำเสียบาง ส่วนความคิดหลังคือสิ่งที่มาจากก้นความรู้สึกลึกล้นมาเนิ่นนาน
“ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อยไง นายไม่มีสิทธ์ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องพี่ลิน” ทุกครั้งที่เขาขู่อะไรภาคี เขามักจะอ้างชื่อของพี่สะใภ้เสมอ เพราะรู้ว่าภาคีเกรงใจพี่สาวตัวเองที่สุด
“มีสิทธิ์สิ นี่มันห้องนอนของผม คุณเดินเข้ามาหาผมเอง”
ภาคีเหวี่ยงร่างบางไปบนเตียง ก่อนจะโถมตัวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดหาทางหนี สีฟ้าถอยร่นไปจนสุดเตียง แต่ชายหนุ่มรั้งเอวบางไว้ได้ทัน ดึงให้เข้ามาอยู่ใต้ร่างกำย่ำของเขาได้อย่างง่ายดาย
“ปะ...”
ไม่ทันได้แผลงฤทธิ์ ริมฝีปากสีสดถูกทาบปิดด้วยปากหนา ดักทุกคำขู่ให้กลืนหายไปกับเรียวลิ้นร้อนจาบจ้วง สีฟ้าผลักใบหน้าหล่อเป็นพัลวัน แต่ว่าไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้เลย ริมฝีปากร้อนบดขยี้รุนแรง ลิ้นร้อนจาบจ้วงอย่างน่ารังเกียจ
ภาคีรัดร่างบางไว้แน่นและจูบอย่างแรง เมื่อคนใต้ร่างของเขาเริ่มจะใช้กำปั้นเล็กทุบไหล่เขา ชายหนุ่มละจากปากนุ่ม เพื่อรวบมือทั้งสองของเจ้าของปากนุ่มตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนกดแน่นลงกับผิวเตียง มองตาคู่สวยด้วยสายตาวาววับ ปากสีสดที่หอบเอาอากาศเข้าปอดเมื่อครู่ ตอนนี้มันเม้นแน่นไม่ยอมเปิดออก เพราะกลัวจะเป็นการเปิดช่องทาง ภาคีเสียเวลาสบตาคู่สวยเพียงครู่เดียว ก่อนค้นหาความหวานจากซอกคอระหงต่อ มืออีกข้างที่เหลือเคลื่อนเข้าไปสัมผัสกับผิวนุ่มภายใต้ชุดนอนเนื้อนิ่มที่เจ้าตัวใส่อยู่
ร่างด้านใต้ที่ขัดขืนด้วยภาษากายเริ่มอ่อนระทวยใต้ร่างกำยำ แรงสัมผัสวาบหวาม สองมือที่ถูกรวบแล้วตึงไว้เหนือศีรษะอ่อนแรงต้านเมื่อถูกปล่อยให้อิสระ แล้วกลับกลายมาเป็นโอบรัดร่างกายของคนด้านบนเอาไว้แน่น ตามโดยอารมณ์ที่โหมพาไป ปากหนาช่ำชองพาให้เตลิดไปไกล มือใหญ่ที่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกลามไปถึงแผ่นหลังก็ทำให้แอ่นตัวให้สัมผัสได้มากขึ้น มันตอบสนองการบุกรุกนั้นอย่างห้ามใจไม่อยู่
เพราะสัมผัสจากมือเรียวยาวที่โอบรัดร่างของเขาเอาไว้ ทำให้ภาคีเริ่มเรียกสติและความถูกต้องกลับมาได้ กลับมาเป็นเขาคนเดิม ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างรวดเร็ว พร้อมคลายอ้อมกอดไปพร้อมกัน เขาลุกขึ้นนั่งขอบเตียง หันหลังให้กับร่างที่นอนหอบเหนื่อยอยู่บนเตียงของเขา
รู้สึกผิดจนไม่กล้ามองหน้า แม้แต่หายใจยังไม่กล้า
สีฟ้าลุกพรวดขึ้น ปรับสมองและความคิดให้เป็นปกติ แล้วกระชับเสื้อผ้าให้เข้าที่ พลางหลับตาปิดกั้นความปวดร้าวและความอับอายไม่ให้เจ้าของแผ่นหลังกว้างเห็น ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดเสียงเรียบเป็นปกติออกมาว่า
“คุณลมออกไปเถอะครับ ผมขอร้อง ส่วนเรื่องของคุณแพท มันเป็นไปได้หรอกครับ เพราะผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว”
สิ้นคำบอกที่พยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติที่สุด คือยินเสียงประตูห้องปิดอย่างแรง ภาคีซบหน้าลงกับผ่ามือทั้งสอง นิ่งนานจนถึงเช้า