จับกดไปเลย
ไม่นานเกินรอแน่ ลมเอ๊ยเตรียมตัวได้เลย
ถ้าไม่ชอบเรื่องนี้ คงไม่ติดตามมาอ่าน ชิมิ ชิมิ
ก็เรื่องแบบนี้แหละจ้า บรรดาแม่ยก พ่อยกเค้าจะชอบกัน
ต่างคนต่างแอบรักกัน แต่กลับแสดงออกว่าเกลียดกัน
มันสนุกอีตรงสาดอารมณ์ใส่กันไปมานี้แหละ อิ อิ
แต่แหม..คุณหนูลมนี่ก็ปากดีจริงแหละ (ใช่ไหมภาคี ได้ชิมไปแล้วนี่ ดีจริงใช่ไหมล่า)
พูดออกมาแต่ละคำ มันน่า..จริงๆ จารออ่านตอนต่อไปจ้า
ขอบคุณที่ติดตามและชอบเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้นายเอกของเราเค๊าแผนการณ์เยอะนะค่ะ
ตีหัวแล้วลากเข้าถ้ำซะนะคะง่ายดี 
น่าจับลมมาปิดปากโดยการจับจูบซะหั้ยเข็ด ปากนี่ดีนัก 
มาต่อเร็วๆนะคะ
:z2:แต่สงสารตินอ่า 
มาแล้วค๊า
สมน้ำหน้าปากดีนักคราวนี้จะได้หุบปากดีๆซะที
ดีนะที่ไม่โดนกดด้วย
หายซ่าเลยงานนี้อีสีฟ้า เกือบเป็นสีแดง
555 สีแดง ดีนะที่ยังมีเกือบ

ขอบคุณค่ะที่แวะมาชม
ได้ข่าวว่าจะมาแย้วววว ^^'
เชิญรับชมตอนต่อไปได้เลยค่ะ
ตอนที่ 3
สีฟ้าวิ่งผ่านหน้าพี่ชายและพี่สะใภ้ที่กำลังกลับจากงานเลี้ยงข้างนอก ชายหนุ่มไม่มีกะใจจะเอ่ยทักคนทั้งคู่เหมือนเช่นทุกครั้ง
“วิ่งหนีอะไรมาหะ ลม”
เมฆาตะโกนถาม เมื่อคนเป็นน้องเอาแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่ง ไม่ยอมทักทายพี่ชายอย่างเขาเลย
“ไม่มีอะไรครับพี่ฟืน”
คนเป็นน้องตะโกนตอบกลับมา สองเท้าวิ่งเร็วหายไปในห้องทันที
ครั้นพอเข้าห้องของตัวเองมาได้ หนุ่มหน้าหวานรีบโถมตัวลงบนเตียงกว้าง ซบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ ปลดปล่อยความรู้สึกทุกอย่างออกมาเป็นน้ำใสไหลจากหน่วยตาสวย ในห้องที่มีเพียงสีฟ้าคนเดียว เขาไม่จำเป็นต้องกักเก็บสิ่งใดๆ เอาไว้ให้ทรมาน ปล่อยมันออกมาให้หมดกับความรู้สึกที่ถาโถม
เขาเจ็บที่ใจ เจ็บที่เผลอไผลไปได้ยังไง
____________________________________________________________________
เช้าวันต่อมาภาคีขับรถแวะไปรับนิรดามาทำงานด้วยกัน เพราะรถของเธออยู่กับเขา ภาคีส่งนิรดาเข้าบริษัทไปก่อนขับมา บอกเหตุผลว่าเขามีธุระที่ต้องทำนิดหน่อย ไม่ถึงยี่สิบนาทีชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ เดินเอามันไปให้นิรดา ทำเอาหญิงสาวยิ้มกว้าง คิดว่าตัวเองฝันไป จนกลายเป็นที่อิจฉาของสาวๆ ในออฟฟิศ ดอกไม้ช่อแรกที่เธอได้รับจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
นิรดาถามเสียงหวาน เมื่อรับช่อดอกไม้นั้นเอาไว้เต็มอ้อมแขน ดอกไม้ช่อใหญ่สวยถูกใจ ด้วยมันเป็นดอกไม้ช่อแรกที่เธอได้รับ นอกจากนั้นเธอก็แสนจะภูมิใจที่ตกเป็นที่อิจฉาของผู้หญิงในบริษัท
“แต่งงานกับผมนะนุ่น”
คำขอนั้นหลุดออกมาจากปากหยัก ทำเอานิรดาหยิกแขนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ใช่ความฝัน แขนตรงที่เธอหยิกมันเจ็บ เสียงกรีดร้องเบาๆ จากเหล่าเพื่อนร่วมงานสาวก็ช่วยยืนยันได้ดีทีเดียว ภาคีขอเธอแต่งาน แม้ว่าหน้าตาของเขาจะเรียบเสียจนเธอคิดว่าเขาท่องสคิปส์มา
แม้คำขอแต่งงานจะราบเรียบ ไม่สวยงาน ไม่เหมือนอย่างที่นิรดาวาดหวังเอาไว้ เธอคิดว่าภาคีจะต้องพาเธอไปนั่งทานข้าวใต้เสียงเทียน ฟังเพลงรักแสนหวานก่อนที่จะขอแต่งงาน ด้วยการนั่งคุกเข่า จับมือเธอเบาๆ สวมแหวนให้ ก่อนจะแนบปากหยักของเขาบนเรียวนิ้วของเธอ แทนที่จะเดินมาหาเธอแล้วขอแต่งงานด้วยสีหน้าไม่บอกความรู้สึกอันใด ช่างเถอะ แค่เขาขอเธอแต่งงาน โดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยปากขอซะเอง มันก็ดีแค่ไหนแล้ว
“ค่ะ” หญิงสาวตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่หวานยิ่งกว่าทุกครั้ง พลางเขย่งปลายเท้าขึ้น จูบแก้มอีกฝ่ายโดยเร็ว สร้างความฮือฮาให้กับพวกพนักงานที่ซุ่มแอบดูได้ไม่น้อย
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
ภาคีไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการกระทำของอีกฝ่าย นิรดาหุบยิ้มแทบไม่ทัน ไม่เข้าใจกับท่าทางของภาคี นี่เขารักเธอมากจึงต้องขอแต่งงานใช่ไหม?
แต่สิ่งที่เธอสัมผัสคล้ายกับมันไม่ใช่
“มานี่เลยๆ ไอ้ติน มึงกินยาลืมเขย่าขวดหรือไงวะ ถึงได้ไปขอยัยนุ่นแต่งงาน หรือว่าโดนทำเสน่ห์วะ”
คณิต เพื่อนรักที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่ง จบมาก็ยังตามมาทำงานที่เดียวกันกับภาคี ชายหนุ่มกวักมือเรียกเพื่อนรักที่เดินถือถ้วยกาแฟหอมกรุ่นเดินออกมาจากห้องครัว ก่อนนั่งลงที่โต๊ะทำงาน คณิตเพิ่งรู้เรื่องที่ภาคีของนิรดาแต่งงาน เมื่อกี้นี้เอง เนื่องจากวันนี้เขามาทำงานสาย เลยไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
“เปล่า”
ภาคีตอบสั้นๆ ตามสไตล์ เขาเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ผิดกับคณิตเพื่อนรัก ที่พูดได้ไม่มีหยุด ภาคีละเลียดจิบกาแฟรสขมทีละนิด จนหมดถ้วย มันเป็นถ้วยที่สองสำหรับเช้านี้ เหตุการณ์เมื่อคืนทำเขานอนไม่หลับ ถ้าพูดให้ถูกยิ่งกว่านี้คือ หลังของเขาไม่ได้สัมผัสที่นอนเลยด้วยซ้ำ หลังจากที่สีฟ้าออกไป เขาก็นั่งอยู่ตรงนั้น ท่านั้น ตลอดทั้งคืน กับความรู้ยากอธิบาย
ไม่รู้ทำไมต้องสติแตกทำเรื่องแบบนั้นกับสีฟ้า
เพราะสีฟ้าดื้อ จนต้องสั่งสอน
หรือ
เพราะเขา มันเลว ฉวยโอกาสได้หน้าด้านๆ
เรื่องที่เกิดขึ้น มันกลับไปแก้ไขใดๆ ไม่ได้แม้แต่น้อย ต่อไปนี้เขาจะกล้าสู้หน้าคนในบ้านสีฟ้าได้ยังไง เขาคิดไม่ออก โดยเฉพาะคุณกฤษกับคุณอุษา ผู้เป็นบิดาและมารดาของสีฟ้า ท่านทั้งสองดีกับเขาเหมือนที่ดีกับพี่สาวเขา แต่เขากลับทำแบบนี้กับสีฟ้า ลูกชายคนเล็กที่คุณกฤษและคุณอุษาเลี้ยงดูมาอย่างดี น่าละอายใจจนไม่อยากสู้หน้าหากต้องเจอหน้ากัน
“เปล่า แล้วมึงไปขอยัยนุ่นแต่งงานทำไมวะ”
เสียงของคณิตดึงเขาหลุดออกมาจากห้องความคิด ภาคีวางถ้วยกาแฟลงช้าๆ มองหน้าเพื่อน ที่กำลังดึงเก้าอี้ของตัวเองมานั่งข้างๆ โต๊ะเขา โต๊ะทำงานของเขากับคณิตอยู่ใกล้กัน
“กูไม่เข้าใจมึงเลยจริง คิดใหม่ได้นะโว้ย มันทั้งชีวิตมึงนะไอ้ติน”
ไม่ใช่คณิตไม่ชอบนิรดา แค่คิดว่าเพื่อนเขาไม่ได้ชอบนิรดาแน่ๆ เขากล้าเอาหัวเป็นประกันเลยด้วยซำ เป็นเพื่อนกันมานาน มีหรือเขาจะไม่รู้ ดูหน้าเพื่อนของเขาตอนนี้สิ หน้าตาเหมือนคนอมทุกข์มากกว่าอมสุข
ที่ผ่านมาก็มีแต่นิรดาที่เที่ยวป่าวประกาศแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าภาคี พอเพื่อนเขาไม่พูดอะไร เลยกลายเป็นว่าถูกจับทำแฟนไปซะ
“หรือว่ามึงทำยัยนุ่มท้อง โธ่เอ้ย...กูเตือนมึงให้ระวังยัยนุ่นเอาไว้ ยัยนุ่นจ้องจะทับมึงอยู่ทุกวัน ไม่เชื่อกูเลย ซวยเลยมึง”
“เปล่า”
ภาคียังไม่มีอารมณ์อยากเล่าให้เพื่อนรักฟัง เขายังอยากให้เรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝันงี่เง่าเท่านั้น แต่ความจริงมันคือความจริง
“อะไรวะ พูดเป็นอยู่คำเดียว” คณิตส่ายหน้าเซ็ง พูดไปเยอะ ได้กลับมาแค่คำเดียว พอจะรู้จักนิสัยเพื่อนดี มันพูดน้อยก็จริง แต่คราวนี้มันฟังดูน้อยกว่าปกติ
“อ้าว? คุยอะไรกันอยู่ครับ ผมคุยด้วยได้ไหม” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง สองหนุ่มเพื่อนซี้หันไปยิ้มทักทาย เจ้าของเสียงที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ วางมือบนไหล่คณิต หน้าตาใคร่รู้มากกว่าจะตำหนิในฐานะเจ้าของบริษัท แม้ไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่แต่ก็มั่นคงในหลายๆ ด้าน
“ก็คุยเรื่องคนกำลังจะแต่งงานสิครับบอส บอสเคยเห็นป่าว ว่าที่เจ้าบ่าวหน้าเหมือนจะโดนเชือด ผมละเชื่อจริงๆ ว่ามันอยากแต่งงาน ไม่ใช่อยากบวช” คณิตพูดอย่างขำๆ พลางดึงเก้าอี้ตัวที่ใกล้มือมาให้บอสของเขานั่ง
“งั้นที่ผมได้ยินก็เป็นความจริงสิครับ” อชิตะ เจ้านายหนุ่มที่อายุห่างจากภาคีกับคณิตแค่ห้าปี ทำหน้าอยากรู้ความจริง พลางนั่ง ชายหนุ่มให้ความสนิทสนมกับพนักงานทุกคนของเขา แต่ถ้ามากที่สุดคงเป็นสองคนนี้แหละ
“จริงไม่จริง บอสก็ดูหน้าไอ้ตินมันครับ ตาคล้ำ หน้าหมอง ชีวิตหดหู่ เหมือนคนมีความสุขที่ซู๊ดดด” คณิตทำเสียงสูง ปากยื่น จนน่าถีบ
“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะครับ” อชิตะพูดยิ้มๆ ชายหนุ่มเป็นเจ้านายที่สุภาพเสมอ เขาห่วงลูกน้องไม่ใช่น้อย เคยฟังๆ จากที่คณิตพูดเป่าหู ความสัมพันธ์ของภาคีกับนิราดามันเหมือนไม่ใช่คนรักกัน ถึงจะรักก็คงเป็นฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวมากกว่า แล้วเขาก็เคยได้ยินนิรดาปรอยอยู่บ่อยๆ ว่า ภาคีไม่เคยทำตัวเหมือนแฟนคนอื่นเลย ที่เขารู้ก็เพราะนิรดาเป็นน้องสาวของเพื่อนเขา
“นั่นสิไอ้ติน นี่มันคำเตือนจากบอสเชียวนะโว้ย ขืนมึงไม่เชื่อ มีตกงานได้ ใช่ไหมครับบอส” คนพูดหันไปขอเสียงสนับสนุนจากบอสที่แสนจะสนิทด้วย สนิทถึงขั้นร่วมหัวจมกองเหล้าแทบจะทุกอาทิตย์
“ผมตัดสินใจแล้วครับ”
แค่นั้นแหละบทสนทนาเลยต้องจบลงอย่าช่วยไม่ได้ ขัดใจคณิตมาก เมื่อภาคีหันกลับไปก้มหน้าทำงาน ปล่อยให้เจ้านายกับเพื่อนซี้มองหน้ากันเหมือนปลงกับคำตอบ
ก่อนจะแยกย้ายไปทำงานของตัวเองต่อ
เมื่อคณิตลากเก้าอี้กลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แล้วอชิตะเดินเข้าไปในห้องทำงาน ภาคีกลับมาอยู่ในความครุ่นคิดแบบเดิมๆ อีกครั้ง ไหล่หนาห่อตัวลง แผ่นหลังกว้างอ่อนแรงจนต้องพิงพักไว้กับพนักเก้าอี้ หัวจิตหัวใจของเขาไม่มีความสุขเลย นับตั้งแต่วินาทีที่รู้ตัวว่าทำผิดและทำเกินไป
เรื่องราวมันวิ่งวน ราวกับไม่อยากให้หลงลืม
เรือนร่างนั้นบอบบางกว่าที่คิด กลิ่นหอมที่เคยคิดว่าหอมหวาน ยิ่งหอมล้ำกว่าเมื่อได้สัมผัสใกล้ มันยากหักห้าม ถึงตอนนี้ เขาก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ที่ทำอย่างนั้นไป ที่จับร่างเล็กแล้วกดกอดไว้ใต้ร่างของเขา ซุกไซ้แล้วจาบจ้วงราวกับอดอยาก มันเป็นเพราะความดื้อด้านของสีฟ้าที่ทำให้อยากสั่งสอนด้วยวิธีเลวๆ หรือเพราะมันคือความต้องการส่วนลึกที่โหยหาและต้องการมาตลอด