Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.19 80%
สายน้ำเย็นสาดเข้ากระทบกับใบหน้า ฉุดกระชากสติที่กำลังดำดิ่งลงลึกสู่ความเงียบงันให้ฟื้นตื่นขึ้นแม้เจ้าของร่างจะไม่เต็มใจ รัตติกรฝืนเปลือกตาให้เปิดขึ้นเล็กน้อย มันหนักราวกับมีใครเอาหินมาถ่วงไว้ภายในร่างกายของเขาร้อนผ่าว ผิดกับภายนอกที่เย็นเฉียบจากน้ำที่ยังเกาะพราวอยู่ตามร่างกาย
“มันรู้สึกตัวรึยังวะ?”
“ขยับแล้วนี่? คงจะตื่นแล้วล่ะ มึงเข้าไปเช็คสิวะ”
ปลายคางถูกดันให้ยกขึ้นสูง รัตติกรปรือตามองอีกฝ่ายที่เห็นได้เพียงแค่เป็นภาพเลือนราง ฝ่ามือหยาบหนาตบเข้าที่ใบหน้า รสเลือดแสบคอจึงแผ่กระจายอยู่ในปากอีกครั้ง จมูกกระสากลิ่นสนิมจางๆ หากแต่ความเจ็บร้าวก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม หนุ่มชาวไทยครางออกมาแผ่วเบาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารู้สึกตัว ส่งผลให้อีกฝ่ายหัวเราะลั่นเมื่อทำตามคำสั่งของเจ้านายได้ลุล่วงเสียที
“ว่าไปไอ้เลขานี่ก็อึดเป็นบ้า เหยื่อคราวก่อนของนายไม่มีใครทนได้เท่านี้สักคน”
“ปากเก่งด้วยนะโว้ย ใจเด็ดชิบหาย โดดฟาดเลือดสาดขนาดนั้นยังเถียงนายกลับไปได้ ไม่หลุดความลับของไอ้พวกมาเฟียนั่นออกมาสักคำ”
“งี้พวกอเมริกันที่นายพามาเค้าจะไม่หัวเสียแย่เหรอวะ?”
“มึงก็รอดูตอนนายกลับมาสิวะ ท่าทางเป็นยังไงผลก็เป็นแบบนั้นแหละไอ้โง่”
พวก…อเมริกัน?
รัตติกรเงี่ยหูฟังสิ่งที่ลูกน้องของฟงเจิ้นฮ่าวคุยกัน ข้อมูลที่หลุดออกมาอีกอย่างช่วยจำกัดวงของผู้ต้องสงสัยว่าใครกันแน่คือคนที่อยู่เบื้องหลังคนคนนั้นของเจิ้นฮ่าวต้องเป็นคนอเมริกัน มีอำนาจมากพอที่คิดจะต่อกรกับเวสเปอร์แฟมมิลี่ รวมไปถึงเส้นสายที่ฝ่ายนั้นมีก็เชื่อมโยงมาถึงประเทศจีน มันแน่นหนาพอที่จะเป็นแบ็กอัพให้กับตระกูลฟงแทนที่อำนาจเดิมของลาร์เฟียร์
ดูท่างานนี้ศัตรูจะเป็นตัวฉกาจไม่เบา ดอนแห่งปาเลอร์โม่คงจะเจอกระดูกชิ้นโตเข้าให้แล้วล่ะมั้ง…
เสียงประตูเหล็กลั่นครืดคราดดังขึ้นมาจากด้านบน ฝีเท้าของผู้ก้าวเข้ามามีไม่กี่คน มันลงจังหวะแผ่วเบาแล้วค่อยๆเยื้องย่างลงบันไดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชายผ้าไหมสีแดงเข้มชี้ตัวผู้ก้าวเข้ามาได้ก่อนสิ่งใด
ฟงเจิ้นฮ่าวนั่นเอง…
หนุ่มชาวจีนมีผู้ติดตามมาด้วยสองคน ผู้แรกคือคนสนิทที่รัตติกรเห็นตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ถูกจับมา หากแต่อีกคนกลับเป็นชายมีอายุที่อยู่ในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตา สังเกตคร่าวๆได้ไม่นานฟงเจิ้นฮ่าวก็ก้าวเข้ามาภายในห้องขัง ดวงตาเรียวรีฉายประกายระยับลุ่มหลง เสริมความน่าขยาดเข้าไปด้วยรอยยิ้มเหยียดกว้างและเสียงหัวเราะแหลมในลำคอที่ระคายหูเหลือคณานับ
รัตติกรขมวดคิ้วและให้ความสนใจกับชายในเสื้อกาวน์มากกว่ามาเฟียโรคจิตตรงหน้า นายแพทย์คนนั้นวางกล่องเครื่องมือลงกับพื้นและมองมาทางเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว มือที่มีร่องรอยเหี่ยวย่นให้ได้เห็นบ้างแล้วนั้นสั่นระริกยามที่เอื้อมมือไปเปิดกล่องตรงหน้า เผยให้เห็นภายในที่มีทั้งขวดยาขนาดเล็ก ชุดผ่าตัด รวมไปถึงเข็มฉีดยาและผ้าผันแผล
หมอนี่จะเล่นอะไรกับเขาอีกล่ะ…
“ดีใจที่คุณยังมีสติรอผมกลับมานะครับ ช่วงที่ผมไม่อยู่คงมีเวลาเหลือเฟือให้คุณได้คิดไตร่ตรองสักนิดบ้าง ว่ายังไงครับ ตกลงจะบอกผมได้รึยัง?”แม้จะว่าเช่นนั้น ทว่าท่าทางที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเท่าที่ควรกลับทำให้รัตติกรสงสัยว่าอีกฝ่ายมั่นใจอะไรนักหนาว่าจะสามารถเค้นความจริงออกจากปากของเขาได้
“โง่…รึเปล่า? ถ้าผมจะบอก อึก!…คุณก็ไม่ต้องมาอ้อนวอนขอมันจากผมแบบนี้หรอก!! หึ”หนุ่มชาวไทยส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเป็นการยั่วโมโหอีกฝ่าย รวมไปถึงใช้ปิดบังอาการสำลักเลือดที่พุ่งวูบขึ้นมาถึงคอ ดูท่าสนับมือที่อีกฝ่ายซัดเข้าชายโครงของเขาจะออกฤทธิ์เข้าให้แล้ว
บาดเจ็บภายใน…มันเริ่มเข้าขั้นวิกฤตแล้วนะ!
เมื่อไหร่ไอ้เจ้านายซังกะบ๊วยของเขามันจะโผล่หัวมาช่วยสักที?
“นั่นสิ…ผมก็เลยไม่หวังว่าจะเค้นอะไรจากคุณในสภาพนี้ได้อีกแล้วล่ะ!!”ฟงเจิ้นฮ่าวกล่าวทั้งรอยยิ้ม มือเรียวยาวตวัดขึ้นคว้าลำคอเพรียวบางเอาไว้อย่างถนัดมือแล้วบีบขย้ำเต็มแรงจนรัตติกรดิ้นพล่าน รอจนกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มจะแน่นิ่งไป ร่างในชุดจีนจึงยอมผ่อนแรงลงจนกลายเป็นการจับเอาไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะยิ้มเยาะให้เหยื่อของตนเองที่สำลักไอจนน้ำตาคลอ
แม้จะไม่ใช่น้ำตาที่เกิดจากความหวาดกลัว ทว่าใบหน้าหยิ่งทะนงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งที่แลดูอ่อนแอเช่นนี้กลับยิ่งทำให้เขาอยากเห็นคนตรงหน้าดิ้นรนครวญครางทั้งน้ำตาภายใต้ร่างของเขายิ่งกว่าสิ่งใด!!
ฟงเจิ้นฮ่าวใช้อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบขวดแก้วใบเล็กขึ้นมา ปลายนิ้วเรียวยาวคลึงขวดนั้นให้กลิ้งไปมาบนฝ่ามือขาวซีด รัตติกรกัดริมฝีปากข่มอาการของตนเอาไว้ คิ้วเรียวขมวดแน่นเมื่อมองเห็นขวดที่ว่า ภายในนั้นบรรจุของเหลวสีใส ปริมาณมีเพียงเล็กน้อย ที่ฝาขวดผนึกไว้ด้วยจุกยางสีเทาอ่อน ลักษณะของขวดชัดเจนว่าเป็นขวดยาที่ต้องใช้เข็มฉีดเข้าเส้นเลือด…
ยาที่เอามาใช้เพื่อให้สารภาพความจริงส่วนใหญ่มักเป็นยาที่อยู่ในกลุ่มกล่อมประสาท อยู่กับมาเฟียพวกนี้ก็ไม่น่าจะเป็นยาที่ใช้ในทางการแพทย์โดยตรงเท่าไหร่นัก หนุ่มชาวไทยเลยสันนิษฐานได้ไม่ยากว่ามันคือยาเสพติดชนิดหนึ่ง!
“แค่ก! หึ…เลยต้องใช้…มอร์ฟีน…มาคุยแทนสินะ? อั่ก!!!”รัตติกรกล่าวทั้งใบหน้ายิ้มเยาะคล้ายไม่รู้สึกรู้สา ทว่าเสียงหัวใจในอกที่กำลังเต้นกระหน่ำเพราะความหวาดกลัวกลับดังก้องกระหึ่ม มือของผู้กระทำลงแรงบีบอีกครั้งความเจ็บปวดที่ได้รับเปลี่ยนเป็นด้านชา หยาดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่บนใบหน้าเย็นเยียบขึ้นมากระทันหัน
“!?...”ฟงเจิ้นฮ่าวขมวดคิ้วทันควัน หนุ่มชาวจีนรู้ว่ารัตติกรกลัวเป็นและกำลังกลัว แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น สติของเจ้าเลขานี่กลับยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ดวงตาสีน้ำตาลไหม้คู่นั้นยังคงฉายประกายแวววาวคมกล้า เขาแน่ใจว่าไม่ได้เอ่ยชื่อยาในขวดนี่ออกไปแม้แต่น้อย แล้วทำไมคนคนนี้ถึงรู้ทั้งที่ทำแค่เพียงเหลือบมองมันเท่านั้น?
รองหัวหน้าตระกูลฟงขบฟันแน่น เขาไม่ยอมแสดงอาการหวั่นวิตกให้คนตรงหน้าได้ใจไปกว่านี้แน่นอน ชายหนุ่มกระชับมือตนเองเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา สัมผัสเย็นเฉียบของขวดแก้วที่ถือเอาไว้สร้างความอุ่นใจให้เขาอย่างง่ายดาย
มีสิ่งนี้แล้วเขาจะกลัวอะไร? อีกไม่นานความหยิ่งทะนงที่น่ารำคาญนี่ก็จะถูกทำลายจนราบคราบแน่นอน!!
“เก่งจริงนะ…ไม่แปลกใจที่นายท่านเลือกคุณมาเป็นเลขาของเวสเปอร์…เสียดายที่ผมต้องทำงานให้เสร็จก่อน รับรองว่าถ้าคุณพูดมันออกมาเมื่อไหร่ ต่อจากนั้นผมจะพาคุณไปสนุกให้ถึงสวรรค์เลยล่ะ”กล่าวจบฟงเจิ้นฮ่าวก็แย้มรอยยิ้มออกกว้าง เขาคลายมือออกจากลำคอของรัตติกรอย่างอ้อยอิ่ง เฝ้ามองคนตรงหน้าที่สั่นระริกไปด้วยความกลัวที่ยังคงผสานความกล้าเอาไว้ด้วยกัน ลำคอขาวเนียนเป็นรอยแดงช้ำ เสียงหอบหายใจเบาๆฟังดูยั่วยวน ดวงตาแสนสวยคู่นั้นก็ยังฉายประกายดื้อรั้นไม่ยอมคนอยู่เช่นเดิม
“เอาให้ถึงนรก…ก็อย่าหวัง ว่าจะได้อะไรไปจากผม!!!”
ความรู้สึกที่ควรจะขัดแย้งกัน รัตติกรกลับแสดงมันออกมาพร้อมกันได้…
เพราะสิ่งนี้หรือ ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์จึงเก็บคนคนนี้เอาไว้กับตัว?
“ฉีดยาให้เขาซะ!”
ถ้าอย่างนั้น เขาก็จะทำลายคนตรงหน้านี้ให้กลายเป็นเพียงเศษกระเบื้องให้ดู!!! ______________________________________
โซอาห์เร โนวาห์ ผิวปากเบาๆเมื่อเห็นสิ่งที่รัตติกรโต้กลับฟงเจิ้นฮ่าวผ่านโทรทัศน์ที่มีทั้งภาพและเสียงต่อตรงมาจากคุกใต้ดิน เจ้าของผมสีเงินยาวเอนตัวพิงผนักโซฟาหนานุ่มแล้วมองไปทางโนเอลซึ่งยืนอยู่ข้างหลัง บอดี้การ์ดร่างสูงแค่เพียงทำหน้าเรียบเฉยตอบกลับท่าทีเหมือนจะถามของคนตรงหน้า ส่งผลให้ดวงตาสีไอซ์บลูเย็นชาฉายประกายขบขันขึ้นมาแวบหนึ่ง
“เลขาคนใหม่ของลาร์เฟียร์ไม่เลวนะว่าไหม?”โซอาห์เรถามเหมือนจะกระเซ้าเย้าแหย่ให้คนสนิทหน้าตายของตนหลุดออกมาบ้าง ทว่าเจ้าตัวคนถูกถามกลับยังคงมาดนิ่งไม่มีเปลี่ยน
“ก็ดีครับ”
“จะไม่แสดงความเห็นอะไรรึไง?”
“ก็
ดี ไงครับ”โนเอลยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ตัดกับโซอาห์เรที่ยิ้มบางๆ เสียงหัวเราะแหบเครือดังขึ้นในลำคอก่อนที่เจ้าตัวจะกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายเดินมาข้างหน้าแทนที่เขาจะต้องเสียเวลาเอี้ยวตัวกลับไปมอง
“หึงเหรอ?”
“....”
“ฉันจะสนใจใครมันก็เป็นเรื่องของฉันนะโนเอล ฉันไม่ใช่ของของเธอ”
“แต่ผมเป็นของของคุณ...”
“...หึ”ฝ่ายหนึ่งยังคงคงสีหน้าเรียบเฉยของตนเอาไว้ ขณะอีกด้านทำเพียงหัวเราะเสียงเหยียดหยัน โซอาห์เรกระชากแขนของโนเอลที่มายืนอยู่ตรงหน้า บังคับให้อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาหา ริมฝีปากสีซีดสัมผัสที่มุมปากแผ่วเบาแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเทาสบกับปราการน้ำแข็งในดวงตาของผู้เป็นเจ้านาย มันยังคงไม่สะท้อนสิ่งใดอยู่เช่นเคย
เป็นดวงตาอันแสนเย็นชาที่ไม่ต่างกับจูบเบาๆเมื่อครู่นี้
โซลให้เขาได้ ถ้าเขารู้จักเรียกร้อง...
แต่โซลจะไม่มีวันมอบทั้งหมดให้เขา เหมือนกับที่เขามอบทั้งชีวิตให้โซล... “ถึงเวลาไปรึยังครับ?”โนเอลถามพร้อมกับยันตัวขึ้นมาจากโซฟาที่ถูกดึงให้ล้มลงไปหาเมื่อครู่ ท่าทางแสดงออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาถ้าจะทำเป็นเฉยดีกว่าจะต้องแสดงออกว่าเจ็บปวดเพื่อเรียกร้องให้อีกฝ่ายหันมาสนใจตน
บอดี้การ์ดหนุ่มเบี่ยงตัวหลบออกไปเพื่อให้โซอาห์เรเห็นภาพในวงจรปิดอีกตัวกำลังแสดงให้เห็นถึงกลุ่มคนที่กำลังบุกเข้ามาจากทุกประตูของคฤหาสน์ ส่วนใหญ่เป็นคนจากทางฝั่งยุโรปด้วยรูปร่างและหน้าตา แต่สิ่งที่บอกสังกัดของผู้ที่บุกรุกได้ชัดเจนที่สุดก็คือชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่
มีเพียงเวสเปอร์แฟมมิลี่เท่านั้นที่ใช้สีขาวเป็นสัญลักษณ์... “ลาร์เฟียร์เร็วกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ฉันอุตส่าห์วางกับดักเขาไว้ตั้งหลายชั้น หึหึหึ”
“มาเถอะครับ เขากับคุณก็ไม่ใช่เล่นพอๆกัน คนของเรามีอยู่แค่นี้รับมือเขาได้ไม่นานหรอกนะครับ”โนเอลเอ่ยเร่ง ทว่าท่าทีของเขาก็ดูไม่ได้รีบร้อนเหมือนเช่นคำที่เอ่ยออกจากปาก บอดี้การ์ดร่างสูงถ่ายโอนสัญญาณของกล้องวงจรปิดมาสู่ i-pad ด้วยรู้ว่าหมาป่าสีเงินแห่งองค์กรโนวาห์ยังต้องการรับชมภาพการบุกเข้าชิงตัวเลขาคนใหม่ของเวสเปอร์แฟมมิลี่อย่างแน่นอน
“ฉันรอวันจะงัดข้อกับเขาบ่อยไป โนเอล”ว่าไปพลาง รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของโซอาห์เรก็ยิ่งดูเหี้ยมเกรียมขึ้นเท่านั้น ร่างเพรียวบางลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปที่เตียง โทรศัพท์เครื่องบางวางอยู่เหนือกล่องสีดำสนิท ตัวเลขดิจิตอลสีแดงส่องแสงเรืองวาบ มันเป็นเลข 30 ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว ปลายนิ้วเรียวเอื้อมไปกดรหัสเพื่อเปิดการทำงานของกล่องดำตรงหน้า ตัวเลขที่เคยหยุดนิ่งจึงได้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยตัวเลขที่ลดไปทีละวินาที
29:30....
“หวังว่าของขวัญชิ้นพิเศษนี่จะทำให้ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ประทับใจนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ” เหลือเวลาอีก 28:00นาที คฤหาสน์แห่งนี้จะระเบิดเป็นจุล!!!! ______________________________________
ย้าฮ่า กลับมาแล้วครับ (สภาพตอนนี้ปางตายมาก

)
ต่อไปคงเป็นฉากที่รอคอยจริงๆ(ซักที แหะๆ) ป๋ามาแล้วฮะ!!

ขอโทษน้องแยมด้วยที่พี่สัญญาว่าจะอัพให้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแต่มันเพิ่งมาโผล่เอาตอนนี้นะครับ

สภาพการณ์ตอนนี้หมาโยจะเดี้ยงละฮะ คือแบบ เปิดเทอมมาได้2-3อาทิตย์เองอ่ะ งานสาขาเข้ามาเยอะมากกกกก ละครสาขาผมอยู่ฝ่ายฉาก ฝ่ายโสต ฝ่ายจัดหาทุน ฝ่ายเสร่อไปลักวิชาผู้กำกับ

ละครโรงเรียนเก่าผมก็ไปช่วย ดูเหมือนว่ากีฬาระหว่างคณะก็เป็นนักกีฬาด้วย(ต้องตื่นตี5...นั่นมันเวลานอนผมนะ..)นิยายยังแต่งไม่จบ การบ้านกองท่วมหัว เข่าหลุดจนขาเดี้ยง เดินกะเผลกๆทั้งวัน ไม่นานมานี้เพิ่งตกจากที่สูง...เอวเดี้ยงไปอีกที่...
ชีวิตกรู...

เอาเป็นว่ากว่าจะฟื้นคืนชีพได้ กว่างานจะหมด ไอ้ที่เคยช้าอยู่แล้วก็จะช้าขึ้นไปอีก...(โดนตบผลั่ว

)
ผมว่าผมไม่สัญญาดีกว่าว่าจะอัพตอนไหน สัญญาทีไรเลททุกรอบเลยอ่ะ เอาเป็นว่าขึ้นอยู่กับชะตาฟ้าลิขิต วันไหนงานน้อยผมจะรีบกลับมานะครับ

คิดถึงเสมอ และขอบคุณที่ยังรอกันอยู่นะครับ

Namioto Yo
แล้วเจอกันฮะ
ปล.มาลงๆดูแล้วโคตรสั้นเลยอ่ะ ผมว่าผมก็พิมพ์ไปเยอะน้าาาา
