เรื่องเล่าสบายๆ ของผู้ชายสองคน - คืนวันศุกร์ [ ศุกร์นี้มีนัด]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าสบายๆ ของผู้ชายสองคน - คืนวันศุกร์ [ ศุกร์นี้มีนัด]  (อ่าน 105597 ครั้ง)

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 :a3:  ก็ยังว่าอยู่..อ่านเจอตอน บ้านไร่กาแฟ..คล้ายๆว่าเคยอ่านเจอแบบผ่านๆมาจาไหนไม่รู้.....

นึกว่าโจ้เขียนเอง....งั้นไม่เม้นเรื่องการเขียนนะ...เพราะพี่เองก็ไม่ได้เก่งอะไร...แค่ถูๆไถๆ ไปเรื่อยๆตามประสา

คนแก่ไม่อะไรทำ.....  ไม่เม้นเรื่องการเขียน  แต่เม้นเรื่องตัวละครก้ได้...... :a4: :a4: :a4: :a4:

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
ศุกร์ไหนนัดกัน บอกด้วยนะ ไปด้วย เดี๋ยวไปนั่งรอ คิคิคิ :m1:

มารอต่อนะครับ

น่าสนใจดี

aumzaa

  • บุคคลทั่วไป



 o18
 o18


รอตอนต่อปายครับผม



 :m7: :m7:

[attachment deleted by admin]

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
...กลับมาแล้วครับ โจ้ :a4: .... อ่านตอน 2 แล้ว เริ่มน่าติดตามมากขึ้น
มาให้กำลังใจทั้งคน โพส คนเขียน แล้วก็คนอ่านครับ .....
...อ่านแล้ว รู้สึกเหงาจิงๆ นั่นแหละ ....แต่ยังไงแล้ว เพื่อนๆ มนนี้ทุกคน ถึงจะเหงา แต่ ก็ไม่เหงาตลอดไปหรอกเน้อ ... เพราะทุกคนก็ยังเข้ามาอ่านมา เมนท์ กัน ... ยังไงก็ สู้ๆ คร้าบๆ  :a2:

ลป.เรื่องที่ยังไม่มีเวลอ่านเรื่องของผมไม่เป็นไรครับโจ้ ...ว่างๆ ค่อยอ่านก็ได้ ผมก็ดีใจที่เพื่อนๆ ก็ยังเข้ามาอ่ามาเมนท์ กัน ....  :a9:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อ้าว ไม่ใช่โจโจ้แต่งเหรอ  :a4:  :a4:
อืม คอนเช็ปต์คนเหงา ๆ เหรอ น่าสนดีอ่ะ
เป็นกำลังใจให้นะ  :m13:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับโจ้ชิวคุงที่เอานิยายเรื่องใหม่มาให้อ่านกัน o13

เดี๋ยวจะมาอ่านนะครับ คือตอนนี้กะลังตามเรื่องของนายต๊อบอยู่ ไว้อ่านทันเรียบร้อยเมื่อไหร่จะกลับมาอ่านครับ  :a9:

ขอบคุณครับ

ได้ครับคุณไซ โจ้เข้าใจว่าตอนนี้ต๊อบเป็นที่หนึ่งในใจของคุณไซ ไม่มีใครสามารถมาแทรกได้
คุณไซทำให้มดทำงานหนัก เพราะตอนกลางคืนก็ยังต้องมาไต่กระทู้ คนนอนดึก อีก หุหุ


 :undecided:

เรื่องนี้ท่าทางจะมีแต่คนเหงา.....

ขนาดคนโพสยังเหงาเลย.....

เป็นกำลังใจให้จิงโจ้ดึ๋งดั๋ง  :m1: :m1:



ขอบคุณคับป๋อม เป็นกำลังใจให้คุณป๋อมเช่นกัน

:a9:
จึ๊ยย
ช่างน่าติดตาม
รอคับ รอ ร้อ รอ

ยินดีต้อนครับคุณ uknowvry (อ่านว่ายังไงอ่ะคับ)

รอศุกร์ถัดไปจ้า  :a1:

เดี๊ยวลงให้ทันทีเลยจ้าหนึ่ง

นัทยังไม่ได้อ่านเลยอ่ะค่ะโจ้

แต่ว่าจะตามอ่านนะ

ยังงัยก็ต้องลงให้จบนะโจ้ 

จะมาติดตามทุกวันนะ

 :m17: :m17: :m17: :m17: :m17:



ขอบใจจ้ะนัท แค่เข้ามาให้กำลังใจกัน โจ้ก็ดีใจแล้วคับ

คนในเรื่องเหงา คนโพสก็เหงา  คนรอก็รอจนเหงาไปด้วย :เฮ้อ:

น้ำค้างไม่เหงาหรอกคับ มีคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไงคับ

ตามมาให้กำลังใจโจ้ที่ร้ากแล้วว  พลาดตอนตัดริ้บบิ้น แย่ๆๆ  o1  o1

เรื่องนี้  ถ้าบอกว่าโจ้แต่งเองก็พอได้นะเนี่ย  คอนเซปต์เดียวกัน ผู้ชายขี้เหงา
ชอบชื่อเรื่องจังเลย  วันศุกร์ สีฟ้า คืนเหงาๆ กับคนเหงาๆ

รออ่านต่อนะโจ้ เป็นกำลังใจให้จ้า สู้ๆ บวกหนึ่งกับเรื่องใหม่
 :a2:  :a2:  :a2:  :a2:  :a2:

ใช่แล้ว ขาดพิมพ์ไปเหมือนขาดหนึ่งในแขกผู้มีเกียรติเลย
จิงโจ้นั่งคิดชื่อเรื่องอยู่ตั้งนานแหน่ะกว่าจะให้มันคล้องจองกันได้
และก็ต้องมีคืนวันศุกร์ด้วย

:impress:

ขอบคุณครับคุณโจโจ้ ที่นำเรื่องราวดี ๆ มาโพสให้อ่าน

ฝาก thank ไปยังคนแต่งด้วยนะครับ

ยังไงจะรออ่านต่อไปนะ

 o15


แล้วโจ้จะฝากไปบอกคุณ za-to-ru ให้นะคับ zandwizz


...........ตามมาหั้ยกำลังใจคนโพสและคนแต่งนะคราบ......... o13 o13

..........อ่านแล้วอบอุ่นดีจัง........เล่นเกมส์กันได้น่ารักดี........ :give2: :give2:

ใจจ้ะถุง ขอคอมเม้นท์เด็ดๆ จากถุงด้วยนะครับ

:a3:  ก็ยังว่าอยู่..อ่านเจอตอน บ้านไร่กาแฟ..คล้ายๆว่าเคยอ่านเจอแบบผ่านๆมาจาไหนไม่รู้.....

นึกว่าโจ้เขียนเอง....งั้นไม่เม้นเรื่องการเขียนนะ...เพราะพี่เองก็ไม่ได้เก่งอะไร...แค่ถูๆไถๆ ไปเรื่อยๆตามประสา

คนแก่ไม่อะไรทำ.....  ไม่เม้นเรื่องการเขียน  แต่เม้นเรื่องตัวละครก้ได้...... :a4: :a4: :a4: :a4:

พี่แสบอ่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่เลยนะครับ โจ้นั่งรอคุณ za-to-ru แต่งทุกวัน ไม่เคยมีการเอาไปโพสท์ที่ไหนมาก่อนเลย
ขอบคุณพี่แสบที่จะช่วยเม้นท์ให้นะคับ คนแต่งจะได้มีกำลังใจแต่งเรื่องใหม่ให้เราอ่านกันต่อไป
เพราะเค้าไม่เคยเขียนเรื่องแนวนี้มาก่อนเลยน้า ถือว่าเป็นงานเปิดตัวเรื่องแรกเลยนะครับเนี่ย

ศุกร์ไหนนัดกัน บอกด้วยนะ ไปด้วย เดี๋ยวไปนั่งรอ คิคิคิ :m1:

มารอต่อนะครับ

น่าสนใจดี

ศุกร์ 13 เจอกันนะคับ OhhO16 ^-^


 o18
 o18

รอตอนต่อปายครับผม

 :m7: :m7:

อ่านต่อได้เลยคับคุณอั้มซ่า

...กลับมาแล้วครับ โจ้ :a4: .... อ่านตอน 2 แล้ว เริ่มน่าติดตามมากขึ้น
มาให้กำลังใจทั้งคน โพส คนเขียน แล้วก็คนอ่านครับ .....
...อ่านแล้ว รู้สึกเหงาจิงๆ นั่นแหละ ....แต่ยังไงแล้ว เพื่อนๆ มนนี้ทุกคน ถึงจะเหงา แต่ ก็ไม่เหงาตลอดไปหรอกเน้อ ... เพราะทุกคนก็ยังเข้ามาอ่านมา เมนท์ กัน ... ยังไงก็ สู้ๆ คร้าบๆ  :a2:

ลป.เรื่องที่ยังไม่มีเวลอ่านเรื่องของผมไม่เป็นไรครับโจ้ ...ว่างๆ ค่อยอ่านก็ได้ ผมก็ดีใจที่เพื่อนๆ ก็ยังเข้ามาอ่ามาเมนท์ กัน ....  :a9:

ไหนคุณเอ็กซ์บอกว่ากลับวันอังคารไงครับ ยังไงก็ยินดีต้อนรับกลับบ้านเรา ณ เล้าเป็ดนะครับ
ใช่ครับเรายังมีกันและกันในนี้ใช่มั๊ยครับ ขอบคุณนะครับเอ็กซ์

อ้าว ไม่ใช่โจโจ้แต่งเหรอ  :a4:  :a4:
อืม คอนเช็ปต์คนเหงา ๆ เหรอ น่าสนดีอ่ะ
เป็นกำลังใจให้นะ  :m13:

โจ้ไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกครับ
แล้วก็ไม่มีเรื่องราวใดๆ ผ่านเข้ามาเป็นแรงบันดาลใจเลยอ่ะคับ
ยังเป็นจิงโจ้น้อยเหงาๆ อยู่จนถึงขณะนี้
ขอบคุณทิพย์ด้วยจ้ะ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

thank มากมายครับ

น่ารักจิง ๆ เลย

 :a11:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ศุกร์ที่ 2

                   ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเอาแต่นับวันเวลาให้ถึงวันศุกร์เร็วๆ แม้จะรู้ตัวเองดีว่าการทำอย่างนั้นไม่ได้ช่วยให้วันเวลาเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมเลย

                   สำหรับเหตุการณ์ในวันนั้นผมรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่แปลกตรงที่ว่าเป็นฝันที่สามารถสัมผัสได้ เมื่อยามที่ผมนึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนนั้น สิ่งที่ยังคงเป็นปริศนาสำหรับผมคือตอนที่ถามเขาว่าทำไมถึงอยากมารู้จักกับคนอย่างผม แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นกลับไม่ใช่คำตอบที่ตรงประเด็นสักเท่าไหร่นัก

                  ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง ผมมองนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกว่าเป็นเวลาสองทุ่ม ชักไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเขานัดให้ผมไปเจอตอนกี่โมง แต่ที่รู้แน่นอนคือตอนนี้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคนใจร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกเดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย

                  เนื่องจากเป็นเวลาช่วงหัวค่ำ บนถนนหนทางการจราจรยังคงติดขัด มีนักเรียนและผู้ใหญ่ในชุดทำงานเดินกันไปมา ผมมองไปในร้านบ้านไร่กาแฟซึ่งในตอนนี้มีลูกค้าเยอะพอสมควร เมื่อผมผลักประตูกระจกเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมของกาแฟที่คุ้นเคยก็ลอยล่องมาแตะจมูกเหมือนทุกครั้ง ผมเดินตรงดิ่งไปยังเคาร์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่ม

                 “หนุ่ม” เสียงนุ่มที่คุ้นเคยเหมือนอยู่ในความฝันดังมาจากด้านหลังของผม ผมหันไปมองจึงพบกับเจ้าของเสียง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือจีน คืนนี้เขาสวมเสื้อยืดสีดำมีลวดลายและตัวอักษรภาษาฝรั่งเศษสีขาวตรงกลางหน้าอก สวมกางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินเข้มกับรองเท่าผ้าใบสีขาวลายฟ้าออกเขียว
                “อ้าว มานานแล้วเหรอ” ผมทักออกไปด้วยความตกใจ
                “เพิ่งมาได้สักพักนะ” เขายิ้ม
                “แล้วมีที่นั่งหรือยัง?”
                “มีแล้ว โต๊ะตัวเดิมของวันศุกร์ที่แล้วนะ” เขาชี้ไปทางโต๊ะตัวเดิมที่อยู่ติดกับหน้าต่าง หลังจากนั้นเขาเดินกลับไปที่โต๊ะ ปล่อยให้ผมสั่งเครื่องดื่มที่เคาร์เตอร์เพียงคนเดียว

                “เป็นยังไงบ้าง สัปดาห์ที่ผ่านมา” เขาเอ่ยถามทันทีที่ผมเดินมานั่งที่โต๊ะ
                “เหมือนกับสัปดาห์อื่นทั่วไป ไม่มีอะไรแตกต่าง สอนหนังสือ กลับหอพัก นอนหลับเพื่อตื่นไปสอนหนังสือเช้าวันต่อไป เป็นกิจวัตรประจำวันที่น่าเบื่อนะ จริงไหม”
                “ไม่หรอก อาจเป็นเพราะการทำอะไรเหมือนเดิมซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน เลยรู้สึกเบื่อหน่าย เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้ว แต่ถ้าหากวันไหนที่นายต้องเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันใหม่ นายจะคิดถึงช่วงเวลานี้นะ” เขาพูดโดยหันหน้าไปมองนอกกระจก
                “นายละ?” ผมถาม
                “งานค่อนข้างวุ่นวายนะ ไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่” เขาละสายตาจากกระจกมามองหน้าผม
                “แล้วทำไมนายมานั่งอยู่ที่นี้ละ ไม่กลับไปจัดการงานให้เรียบร้อย” ผมพูดด้วยความตกใจ
                “ก็เพราะวันนี้เป็นคืนวันศุกร์ยังไงละ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ผมมองดูเขาด้วยความงุนงงเพราะยังไม่เข้าใจความหมายของเขาสักเท่าไหร่
                “คืนวันศุกร์ควรเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อนประจำสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ”
                “แล้วงานนายไม่เสียหายนะ” ผมถามย้ำด้วยความเป็นห่วง แต่เขากลับหัวเราะออกมาแทนคำตอบ
   
               พนักงานหญิงเดินเอาถ้วยกาแฟกับขนมปังที่ผมเพิ่งสั่งมาวางบนโต๊ะ เขาหยุดหัวเราะแล้วหันหน้าไปยิ้มให้พนักงานหญิง ซึ่งพนักงานหญิงยิ้มตอบด้วยความเขินอาย ผมสังเกตว่าเธอหน้าแดงเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังกลับไป
              
              “อืม...” เขาเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็เงียบไป แล้วหันหน้าไปมองกระจกแทน ผมก้มหน้าลงมองที่ถ้อยกาแฟพร้อมกับใช้ช้อนคนไปมาเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลาที่ไม่รู้จะทำตัวยังไง บางทีเขาอาจจะหมดคำถามแล้วก็เป็นได้ สงสัยว่าผมคงต้องเป็นฝ่ายถามก่อนบ้าง แต่ว่าจะถามอะไรดีละ?
              “อืม...” ผมเงยหน้าพร้อมกับส่งเสียงขึ้นมาแทนคำถาม เขาหันหน้ากลับมามองผมด้วยความเร็ว แต่ผมกลับก้มหน้าลงมองถ้วยกาแฟอีกครั้ง ช่างเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ
                “นายจะถามอะไรก็ถามมาเลยนะ” เขาพูด
                “นายถามมาก่อนก็แล้วกัน เรายังคิดคำถามไม่ออก” ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
                “เอายังงี้ไหม เราเพิ่มกติกาเจ้าไปในเกมของเราอีกสักข้อ”
                “ยังไงละ”
                “เราสองคนเขียนคำลงในกระดาษแล้วม้วนเอาไว้ จากนั้นเราสองคนสลับกันจับเพื่อตอบพูดถึงคำที่หยิบได้” เขาอธิบายด้วยหน้าตาจริงจัง ทำให้ผมนึกสนุกไปกับเกมของเขาเสียแล้วละสิ

                เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เราสองคนเขียนคำถามแล้วใส่ไว้ในถ้วยกาแฟเปล่าที่เขาเพิ่งขอมาจากพนักงาน
              
                “นายหยิบก่อน” ผมคว้าถ้วยกาแฟแล้วยื่นให้เขาจับ เขายิ้มตรงมุมปากพร้อมกับหยิบม้วนกระดาษออกมาหนึ่งม้วน เขาคลี่กระดาษแล้วจ้องมองสักพัก
                “สถานที่ท่องเที่ยว!” เขาพูดออกมาเสียงดัง
                “เอาที่ไหนดีละ” เขาพูดเบาๆพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
                “เลือกยากเหมือนกันนะ แต่ถ้าไปแล้วสบายใจที่สุดก็คงเป็นทะเลมั้ง เราชอบเวลามองน้ำทะเลยาวไปจนถึงเส้นขอบฟ้า มันกว้างขวางดี เหมือนเรากำลังมองอะไรที่ตื่นตาตื่นใจอยู่นะ เหมาะสำหรับการพักผ่อนนะ ยิ่งเวลาที่เดินบนชายหาดด้วยเท้าเปล่า จะรู้สึกผ่อนคลาย” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี
                “เหมือนเราเคยได้ยินมาเหมือนกันว่า การเดินเท้าเปล่าบนเม็ดทรายจะทำให้เราผ่อนคลาย เหมือนกับการนวดฝ่าเท้าอะไรประมาณนั้นหรือเปล่า”
                “คงเป็นอะไรประมาณนั้นแหละ แล้วนายชอบไปทะเลหรือเปล่า?”
                “เราไม่ค่อยได้ออกไปไหนที่ไกลจากกรุงเทพหรอก ทะเลที่ว่านี่นับรวมสวนสยามหรือเปล่าละ” ผมพูดติดตลก ซึ่งทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
                “ตานายบ้างแล้วละ” เขาถือถ้วยกาแฟยื่นมาให้ผม ผมจับมาแล้วคลี่อ่านอย่างรวดเร็ว
                “รายการทีวี” ผมอ่านออกเสียง
                “ปรกติแล้วเราไม่ค่อยได้ดูรายการทีวีสักเท่าไหร่นะ ขอเวลาคิดก่อนนะ...” ผมลองนึกถึงช่วงเวลาที่เคยดูรายการทีวีตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก แต่ก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรสำคัญสักเท่าไหร่ เลยพยายามคิดอีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าเป็นพวกรายการเกมโชว์อะไรพวกนี้ก็ตัดไปได้เลย เพราะเราไม่เคยดู คือแบบว่ามันมีสาระมากสักแค่ไหนที่ได้เห็นพวกดาราหรือนักแสดงถูกทางรายการแกล้ง” เมื่อพูดจบเขาพยักหน้าเร็วๆเหมือนเป็นการเร่งให้ผมพูดต่อไป
                “แต่จริงๆแล้วเราเป็นคนชอบดูภาพยนตร์นะ แต่กับพวกละครไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไหร่ คือนายเข้าใจความแตกต่างระหว่างละครกับภาพยนตร์ไหม แบบว่า...ภาพยนตร์เราเสียเงินเข้าไปดูเพียงแค่ชั่วโมงหรือสองชั่งโมงแล้วทุกอย่างมันจบอยู่แค่ตรงนั้น แต่ละครเราเสียเวลาดูเป็นเดือนโดยที่เสียเวลาไปตั้งเยอะ”
                “แปลว่านายไม่ค่อยชอบดูละครอย่างนั้นใช่ไหม”
                “คงจะเป็นประมาณนั้น ทุกครั้งที่เปิดไปก็เจอแต่นางร้ายพูดด้วยเสียง 180 เดซิเบล” ผมพูดประชด
                “แต่เป็นนางร้ายก็คุ้มนะ” เขาหัวเราะ
                “คุ้มยังไงละ?” ผมงง
                “นางร้ายมักจะได้ผู้ชายทั้งเรื่อง” เมื่อพูดจบเขาก็หัวเราะเสียงดัง ทำให้ผมเผลอหัวเราะตามไปด้วย หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วผมก็หยิบถ้วยกาแฟยื่นให้เขาอีกครั้ง เขาหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาแล้วอ่าน
                “หนังสือ” เขาพูดออกมาช้า คงกำลังนึกถึงคำว่าหนังสืออยู่ในใจ ผมหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเพื่อบอกเป็นนัยว่าไม่ได้รีบ
                “เราชอบอ่านหนังสือมาก เพราะว่าตอนเราไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นได้เหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไปได้...” เขาเล่ามาถึงตรงนี้แล้วเสียงก็ขาดหายไป
                “คือตอนเด็กร่างกายเราไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่นะ ขนาดออกไปแตกแดดโดนลมก็กลับมาเป็นไข้ไปหลายวัน เราเลยต้องใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ จากนั้นมาเราก็กลายเป็นคนชอบอ่านหนังสือโดยไม่รู้ตัว” เสียงของเขาฟังดูหม่นหมองไปจากเดิม แต่ยังคงยิ้มตรงมุมปากเหมือนเช่นเดิม
                “เข้าใจละ” ผมตอบพร้อมกับพยักหน้า
                “หนังสือที่ผมอ่านแล้วชอบมากที่สุดคงเป็นเรื่อง ‘การรอคอยของดวงตะวัน’ นายเคยอ่านหรือเปล่า?” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นร่าเริงอย่างรวดเร็ว แต่ยังนุ่มนวลแบบผู้ชายอบอุ่น
                ผมพยายามระลึกถึงหนังสือที่ผมเคยอ่านว่าเคยมีชื่ออะไรแนวนี้บ้างหรือเปล่า แต่สุดท้ายผมก็ตอบกลับไปว่า “สงสัยจะไม่เคยหรอก”
              
                เขาเริ่มเล่าเรื่องราวจากหนังสือให้ผมฟังอย่างคราวๆว่า ในอดีตที่ผ่านมาดวงตะวันเป็นคู่ครองกับดวงจันทร์ แต่ด้วยความเจ้าชู้ของดวงตะวันจึงได้แอบไปพูดคุยกับดวงดาวที่มีนับแสนนับหมื่นดวง จนวันหนึ่งพระจันทร์หมดสิ้นความอดทนต่อความหลายใจของดวงอาทิตย์จึงขอเข้าพบกับพระเจ้า เพื่ออธิบายและขอร้องอะไรบางอย่างแก่ท่าน
              
               ครั้งแรกพระผู้เป็นเจ้าได้ขอให้ดวงจันทร์คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจ และได้เรียกดวงตะวันเข้าพบเพื่อตักเตือนถึงความเจ้าชู้ แต่ในที่สุดแล้วดวงตะวันไม่อาจเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ดวงจันทร์จึงกลับมาขอร้องกับพระเจ้าด้วยน้ำตา พระเจ้าทำตามคำขอร้องของดวงจันทร์ โดยได้แบ่งให้โลกมีสองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน นั้นคือกลางวันและกลางคืน
   
               พระเจ้าจึงให้ดวงจันทร์ไปอยู่ในช่วงเวลากลางคืน แต่เนื่องจากดวงจันทร์มีแสงสว่างในตัวเองไม่เพียงพอ พระเจ้าจึงย้ายให้เหล่าดวงดาวทั้งหลายมาอยู่ในช่วงเวลากลางคืนด้วยเช่นกัน และดวงตะวันจึงถูกทอดทิ้งให้อยู่ในช่วงเวลากลางวันเพียงลำพัง
   
               ดวงตะวันเกิดความสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป แต่ก็สายเกินไปที่จะแก้ไขได้ ดวงตะวันพยายามยื้อเวลาในแต่ละวันให้ยาวนานขึ้นเพื่อจะได้เจอกับดวงจันทร์ แต่สุดท้ายดวงตะวันก็ไม่เคยมีโอกาสนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยเหตุนี้ดวงตะวันจึงเปลี่ยนสีของตัวเองให้กลายเป็นสีแดงในตอนเย็นเพื่อแสดงออกถึงคำว่าเสียใจ
   
                “แล้วเรื่องนี้มันจบยังไงเหรอ” ผมถามทันทีที่เขาหยุดเล่า
                “นายคิดว่าดวงตะวันจะได้พบเจอกับดวงจันทร์อีกหรือเปล่าใช่ไหม”
                “คงไม่ได้หรอก” ผมตอบอย่างไม่ต้องคิด
                “นายคิดผิดแล้ว พระเจ้าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอก พระเจ้าจึงได้กำหนดให้มีวันสุริยุปราคาและวันจันทรุปราคายังไงละ”
                “จริงด้วย!” ผมอุทานขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
                “แล้วนายมีหนังสือที่ชอบบ้างไหม?” เขาถามพร้อมกับยกมือขึ้นเหมือนบอกให้ผมอย่าเพิ่งพูด แล้วลุกเดินไปที่เคาร์เตอร์คุยกับพนักงานหญิงเหมือนสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม จากนั้นไม่นานก็เดินกลับมานั่งที่เดิม
                “ไปสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มนะ” เขาบอก ผมพยักหน้า
                “เราเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่คล้ายๆกับเรื่องนี้นะ แต่นึกชื่อเรื่องไม่ออก” ผมพูดแล้วพยายามนึกถึงชื่อเรื่อง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
                “เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผืนดินและท้องฟ้าะ” เขาเอนตัวมาข้างหน้าอย่างสนใจ
                “ผืนดินกับท้องฟ้าเป็นเพื่อนสนิทกัน โดยที่ท้องฟ้าไม่เคยคิดเลยว่าผืนดินแอบมีใจให้กับตัวเอง ท้องฟ้าจึงเผลอใจไปชอบก้อนเมฆที่ผ่านเข้ามาในช่วงเวลานั้น ยิ่งเวลาที่ท้องฟ้าสนิทกับก้อนเมฆมากขึ้นเท่าไหร่ ท้องฟ้าก็ยิ่งห่างจากผืนดินมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายผืนดินจึงน้อยใจแล้วพยายามตีตัวให้ห่างออกมา...”
                “กว่าท้องฟ้าจะหันมาเห็นว่าผืนดินห่างออกไปก็ไม่สามารถเรียกให้ผืนดินกลับขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นเวลาที่ฝนตกนั่นก็คือหยดน้ำตาของท้องฟ้าที่ให้ผืนดินรู้ว่าท้องฟ้าเสียใจ” เขาพูดต่อให้จนจบเรื่อง
                “นายเคยอ่าน” ผมถามด้วยเสียงตื่นเต้น
                “ประมาณนั้นแหละ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม

                เราสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ทันได้สังเกตุว่าจำนวนลูกค้าในร้านค่อยๆ ลดลงไปทีละคนสองคน เมื่อถึงเวลาประมาณตีสองเราทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับที่พัก

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว หมดตอนแล้วเหรอ  อ่านเพลินอ่ะ  มีน้อยจัง

ปล. คุณโจ้  เรามะมีคนนั่งข้าง ๆ หรอก เรานั่งอยู่คนเดียวอ่ะจ้า

jammy

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องที่ทั้งสองคนเล่าคงสื่ออะไรบางอย่างสินะครับ :a1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

มาต่อไว ๆ นะ

มันค้างอ่ะ

เป็นกะลังใจให้นะ

 o15

aum

  • บุคคลทั่วไป
เป็นมิตรภาพที่น่ารักดีครับผม เกิดขึ้นมาด้วยความจริงใจ ชอบๆน้า มาต่ออีกนะ :give2:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
บรรยากาศอบอุ่นดีเนอะ    :m1: :m1:

alive

  • บุคคลทั่วไป
นัทอ่านแล้วอ่ะค่ะโจ้
เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตามเหมือนกันนะเนี่ย

โจ้คงไม่ขี้เหงาเหมือนคนในเรื่องใช่มั้ย

นัทว่านะความเหงาทำให้เราทุกข์ใจ

เพราะฉนั้นหาไรทำที่มันสนุก ๆ ดีกว่า  อย่าเศร้ากันเลย

ชาวเล้าเป็ดทุกคนต้องร่าเริงเข้าไว้

เล้าของเราจะได้มีแต่ความสดใส

เย้ เย้ เย้

 :m4: :m4: :m4: :m4:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :impress: :impress: :impress:

มาติดตามด้วยคนนะครับ

น่าสนุกดีครับผม อะนะคนหนึ่งเป็นเกย์

อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชาย แล้วจีนก็รู้ว่าหนุ่มเป็นเกย์

แล้วยังจะมาคุยกับหนุ่มอีก แล้วยังนัดมาเจอกันอีก

สงสัยๆๆ บอกหน่อยอิอิ

จะรออ่านละกันครับว่าจีน คิดยังไงกันแน่ หรือ แค่อยากมีเพื่อนคุย

แต่เพื่อนก้มีแล้วนิ สงสัยๆๆ

 :impress: :impress: :impress:

aumzaa

  • บุคคลทั่วไป



อาจจะเพราะความเหงาหรือ..
 

เพราะโชคชะตาก็ไม่รู้นะครับ.....


รอตอนต่อปายครับ


 :m7: :m7: :m7:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

เรื่องนี้อ่านแล้วเหงาจริงๆ

ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนขี้เหงา...แต่อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกโหวงๆ ไงก็ไม่รู้สิ
 :undecided: :undecided: :undecided:


พูดถึงเรื่องพระจันทร์กะพระอาทิตย์ หรือว่าพื้นดินกะท้องฟ้า......

เคยอ่านมาเหมือนกัน....เศร้า........แต่แอบโรแมนติกอ่ะ


 :sad2: :sad2: :sad2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ตอนนี้แม้จะเรียบ ๆ แต่ก็ดูอบอุ่นดีเนอะ  :m13:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
บรรยากาศดูอบอุ่น แต่ทำไมมันเหงาฟระ   :undecided:  :undecided:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

............วูบนึงในคืนเหงา.....ที่ทำหั้ยเรามาเจอกัน....

...........วูบนึงในความรู้สึก....ที่เรามีความสุขกับมัน.... o7 o7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
สั้นจังเลย อิอิ

แต่ก้มารอต่อนะครับ :m13:

--------------------

อยากมีคนมานั่งคุยแบบนี้จัง ของผมขอวันเสาร์นะ 555

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ศุกร์ที่ 3

นาฬิกาข้อมือของผมบอกให้รู้ว่าในขณะนี้เป็นเวลาหกโมงเย็น ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมมองออกไปนอกหน้าตาอย่างเหม่อลอย บรรยากาศภายนอกร้านมีลมแรงจนเหมือนว่ากรุงเทพกำลังมีพายุเข้า

               “เป็นยังไงบ้าง” เสียงนุ่มนวลดังขึ้นมาจากตรงหน้าผม ผมละสายตามามอง
               “อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ผมถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นจีนมานั่งยิ้มตรงมุมปากอยู่ข้างหน้าผม วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ๊ตสีดำ ปลดกระดุมสองเม็ดข้างบนออก เผยให้เห็นจี้สร้อยคอสีเงิน บนโต๊ะตรงหน้าของเขามีกล้องถ่ายรูปวางอยู่
               “เพิ่งมาถึงเนี่ยแหละ” เขาพูด ในขณะเดียวกันฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ผมและเขาหันหน้าออกไปมองนอกร้านอย่างรวดเร็ว
               “โชคดีมากเลยนะเนี่ย” เขาหันหน้ามาพูด
               “โชคดีจริงๆเลยนะ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้
               “แล้วทำไมวันนี้มาเร็วจัง” เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
               “เราเห็นลมแรงมาตั้งแต่ช่วงเย็นเลยกลัวว่าฝนจะตก เราเลยคิดว่าออกมานั่งอยู่ที่ร้านก่อนดีกว่า”
               “ครับผม” เขาตอบรับ
               “วันนี้เราลืมเอากระดาษที่เหลือจากวันศุกร์ที่แล้วมาด้วยนะ” เขาพูดพร้อมกับหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาดู
               “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เราเริ่มสนิทกับนายมากขึ้นจนกล้าถามบ้างแล้วละ”
               “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย” เขายิ้มแต่ไม่มองหน้าผม เพราะยังกดปุ่มของกล้องถ่ายรูปดังติ้ดๆ
               “นายเอากล้องถ่ายรูปมาทำไมเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย
               “เพื่อนเราให้ยืมมาใช้สักสองสามวันนะ พอดีเพิ่งมีเวลาว่างไปเอามา”
               “ยืมไปทำอะไรเหรอ”
               “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” เขาตอบพร้อมกับหันมาสบตากับผม
               “...” ผมนิ่งเงียบ
               “เดี๋ยวเราลองใช้กล้องถ่ายรูปหน่อยนะ” พูดไม่ทันขาดคำเขาก็กดปุ่มถ่ายรูปดังแชะ
               “เป็นยังไงออกมาดีไหม” ผมถาม
               “ดีแล้วละ ขอบคุณมากที่เป็นหนูทดลองให้กับเรา” เขาวางกล้องถ่ายรูปไว้บนโต๊ะ แล้วหันมายิ้มกว้างจนหน้าเล็กลง ผมรู้สึกเขินเลยหันหน้าออกไปมองบรรยากาศข้างนอกร้านที่ขณะนี้ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง
               “เวลาเห็นฝนตกทีไร เราชอบนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Be With You” ผมพูดขึ้นมาเบาๆ
               “เรื่องที่แม่กลับมาหาครอบครัวในช่วงฤดูฝนนะเหรอ” เขาถามแล้วหันหน้าออกไปมองนอกกระจก
               “เรื่องนี้ ดีนะ” ผมยิ้มแต่ยังไม่ละสายตาจากบรรยากาศภายนอก
               “เคยดูเรื่องนี้ตอนที่นั่งเครื่องบินไปประชุมที่ต่างประเทศ แต่เราชอบดนตรีของเรื่องนี้มากเลยนะ เมโลดี้เพราะมาก แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์ของประเทศญี่ปุ่น เราชอบเรื่อง Love Letter มากกว่า”
               “เรื่องที่ว่านี้เราก็ชอบนะ เราคิดว่าเนื้อเรื่องมันแปลกดี”
               “แปลกยังไง” เขาหันหน้ามาถาม
               “ก็เพราะว่าเรื่องทั้งเรื่องแทบไม่ค่อยพูดถึงตัวพระเอกเลย แต่กลับซึ้งอย่างบอกไม่ถูก” ผมหันหน้ามาพูด เขาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
               “นายเชื่อไหมว่าในโลกใบนี้จะมีคนหน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ เหมือนในเรื่องนี้”
               “เราคิดว่าเป็นเรื่องแต่งเท่านั้นแหละ เพราะแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ประจำตัวไม่เหมือนกัน อย่างเช่นลายมือ หรือแม้แต่นิสัย” ผมพูดแล้วก้มลงคนกาแฟในถ้วย
               “นั่นสินะ คงไม่มีจริงหรอก” น้ำเสียงของเขาเศร้าลงเล็กน้อย จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามอง แต่เมื่อเขาเห็นว่าผมมองอยู่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มตรงมุมปาก
               “เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถาม
               “พูดถึงเรื่องหนังแล้ว เราออกไปดูหนังกันไหม” เขาเปลี่ยนประเด็น
               “ตอนนี้เนี่ยนะ นายไม่ทันสังเกตใช่ไหมว่าฝนยังไม่หยุดตก” ผมพูดพร้อมกับทำตาโตด้วยความตกใจ
               “โรงภาพยนตร์ก็อยู่แค่ตรงนี้เอง วิ่งฝ่าสายฝนไปแป๊บเดียวก็ถึง” เขาชี้นิ้วไปที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์เอกมัย ซึ่งที่อยู่ใกล้อย่างที่เขาบอก ในขณะที่ผมกำลังจะหันไปมองตามนิ้วของเขา ผมก็ถูกเขาจับแขนแล้วดึงตัวให้ลุกขึ้นยืน
               “แล้วกล้องถ่ายรูปมันจะไม่เปียกเหรอ” ผมหาข้ออ้าง แต่เมื่อพูดจบเขาเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์อย่างรวดเร็วจนดูเหมือนเป็นการวิ่ง แล้วพูดคุยกับพนักงานสักพักก่อนจะกลับมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างสีดำ
               “นายทำยังไงถึงได้กระเป๋ามา” ผมถามด้วยความตกใจ
               “เรายืมเขามานะ แค่นี้ก็ไม่ต้องห่วงกล้องแล้วใช่ไหม?” เขาโยนกล้องถ่ายรูปลงไปในกระเป๋าสะพายข้างสีดำแล้วพูดขึ้น ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรเขาก็จูงแขนผมไปที่ประตูทางออกร้าน
               “แล้วเราจะเปียกมากหรือเปล่า” ผมถามเหมือนเด็ก
               “ไม่หรอก” เขาหันหน้ามาตอบ
               “แล้วไหนว่านายป่วยง่ายยังไงละ” ผมพยายามหาข้ออ้าง
               “ตอนนี้ร่างกายเราแข็งแรงแล้ว”
               “แล้ว...”
               “หนึ่ง” เขานับด้วยเสียงดังนิดหน่อย แล้วหันมายิ้มตรงมุมปากให้กับผม

เมื่อเขานับถึงสาม เราสองคนวิ่งฝ่าสายฝนไปตามถนน เพียงไม่ถึงห้านาทีเราสองคนก็มาหยุดหัวเราะกันที่หน้าโรงภาพยนตร์ด้วยความสนุกสนาน จนหลายคนที่ยืนติดฝนอยู่บนบันไดหน้าโรงภาพยนตร์หันมามองด้วยความอยากรู้

               “เข้าไปข้างในกันเถอะ” เขาพูดแล้ววิ่งนำหน้าเข้าไปข้างใน ผมวิ่งตามเข้าไปเหมือนเด็กที่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกัน แต่เมื่อผมวิ่งผ่านประตูกระจกเข้าข้างใน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้เสื้อผ้าและร่างกายที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนกลายเป็นความหนาวเย็น
              “หนาวมากเลยนะเนี่ย” ผมพูดเมื่อเดินไปใกล้กับเขาที่หยุดพักหายใจตรงหน้าร้าน KFC
              “ไปเข้าห้องน้ำกันก่อนเถอะ” พูดจบเราสองคนก็เดิมเข้าไปในห้องน้ำชายที่อยู่ด้านในสุดของตัวอาคาร

หลังจากที่เดินเข้าไปในห้องน้ำผมรีบเดินไปที่อ่างล้างมืออย่างรวดเร็ว ผมส่องดูตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ เห็นสภาพของตัวเองเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน ผมสะบัดหน้าเร็วๆเพื่อสลัดคราบน้ำฝนให้ออกไปจากเส้นผม

              “นาย ใช้นี่สิ” เขาเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนสีขาว
              “ไปเอามาจากไหน?” ผมหยุดมองที่ผ้าขนหนูด้วยความตกใจ
              “เพิ่งออกไปซื้อมา กลัวว่าจะเป็นผ้าขนหนูเก่าหรือยังไง ดูสิเนื้อผ้ายังขาวอยู่เลย” น้ำเสียงของเขาแอบมีเสียงหัวเราะอยู่ ผมละสายตาจากผ้าขนหนูไปมองหน้าของเขาที่เปียกโชก แต่ความเปียกนั้นไม่อาจทำให้หน้าตาที่น่ารักของเขาลดน้อยลงไปได้เลย
              “รับไปสิครับ” เขายื่นผ้าขนหนูมาใกล้หน้าผม ผมคว้ารับไว้เหมือนกับเด็กว่าง่าย
              “แล้วกล้องถ่ายรูปในกระเป๋าจะเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามในขณะที่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้แห้ง
              “คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง” เขาตอบโดยไม่ลองค้นดูของในกระเป๋าเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ส่องกระจกมองดูหน้าตาตัวเอง
              “เอามาให้เราเช็ดบ้างสิ ใจคอจะเช็ดอยู่คนเดียวเลยใช่หรือเปล่า” เขามองผมผ่านกระจกจึงรู้ว่าผมกำลังแอบมองเขาอยู่ จึงพูดออกมาด้วยเสียงเชิงประชดประชัน
              “ครับ” ผมยื่นผ้าขนหนูที่เปียกชื้นให้เขา เมื่อเขาคว้าผ้าขนหนูได้ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำห้องหนึ่ง ผมเหลียวหลังมองหลังไปด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเสื้อเชิ๊ตสีดำถูกพาดขึ้นมาบนขอบประตู ผมจึงเข้าใจว่าเขาคงกำลังเช็ดตัวอยู่อย่างแน่นอน ไม่นานเท่าไหร่เขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำห้องนั้น
              “หิวข้าวหรือยัง” เขาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
              “ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่หรอก” ผมตอบพร้อมกับเดินออกไปจากห้องน้ำ

เราสองคนออกจากโรงภาพยนตร์ตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร้านค้าภายในโรงภาพยนตร์ต่างพากันเก็บของจนเกือบหมด คงเหลือเพียงแต่ชั้นบนสุดที่ยังเปิดไฟสว่างเพียงชั้นเดียว

              “หนังเรื่องนี้สนุกดีนะ” เขาพูดขึ้นขณะที่เราสองคนเดินกลับไปที่ร้านบ้านไร่กาแฟ เขาหันหน้ามามอง ผมได้แต่พยักหน้ากลับไปแทนคำตอบ
              “เก็บตั๋วเอาไว้นะ” เขายื่นตั๋วภาพยนตร์ให้ผม ผมหยิบมันมาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้วยอาการเหม่อลอย

ผมพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะถามเข้าว่าคิดยังไงกับผมกันแน่ เนื่องจากผมเองเริ่มเกิดความสับสนกับชีวิต ตั้งแต่วันที่
เขาเข้ามาคุยกับผม แถมยังทำดีมากมายต่อผมสารพัด ซึ่งตอนนี้หากว่าเขาบอกกับผมว่าเป็นเพียงเพื่อน ผมจะได้เริ่มแบ่งที่ยืนของตัวเองใหม่ไม่ให้คิดมากเกินไปกว่านี้ แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อืม เริ่มสับสนกับตัวเองแล้ว
บางทีอะไรที่ไม่ชัดเจน ก็ไม่รู้ว่าควรจะสุขหรือทุกข์กับมันดี  :a1:  :a1:  :a1:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

จะเศร้าแล้วใช่ไหม.....

กำลังจะเศร้าแล้วใช่ไหม.....

เค้าจะได้เตรียมหาผ้ามาไว้ซับน้ำตา......

 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วยังเหงาอยู่เลย  :เฮ้อ: หนุ่มก็อย่าเพิ่งไปเทใจให้ยีนมากนักนะ เด๋วเสียใจขึ้นมา
แล้วเราจะต้องเสียน้ำตาไปด้วย

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ชอบมากๆครับ ชอบการดำเนินเรื่องมากๆเลย อ่านแล้วสบายใจเพลินดี จะรออ่านตอนต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

บางที ทำอะไรที่เร็วเกินไป มันก็ส่งผลเสียต่อเรานะ

แน่ใจในตัวเองก่อนนะคับ

ขอบคุณนะครับที่มาต่อ

รออ่านต่อไปครับ

 o15

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
เจ้อ่านจบแล้วนะเคอะน้องโจ้

แต่ยังไม่เม้นต์นะ  ขอนอนก่อน  วันนี้เจ้เหนื่อยและง่วงมาก  แต่ก้มาอ่านเรื่องที่โจ้โพสต์ก่อน

เจ้ชอบนะ  อ่านแล้วเบาๆ สบายดี  เนื้อเรื่องเดินไปช้าๆ แต่ไม่ยืดยาด  มีความก้าวหน้าในทุกบรรทัด

มีเหตุการณ์ที่ชวนติดตาม  คนเขียนทำได้ดีในส่วนนี้เคอะ  เจ้ขอชม

วันี้เอาเฉพาะคำชมไปก่อนนะ  ส่วนคำติค่อยมาเอาวันหลัง  อิอิ

แล้วจะหนาววววววววววววววววววววววว

sunshine

  • บุคคลทั่วไป
เหงา.........เหงา.........แต่ในความเหงามันมีความสุขเล็กๆอ่ะ :undecided:
ชอบมากมายครับ เรื่องนี้
สู้ๆน้า..........................
ขอบคุณโจ้ที่เอาเรื่องนี้มาลงนะครับ :m18:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อ่านยังไม่จบ   :m17:
เด๋วรอว่างกว่านี้จะมาอ่านนะโจ้ที่ร้ากก

มาเป็นกำลังใจให้ก่อนจ้า สู้ๆ  :a2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด