-6-
หลังจากที่คุณหญิงลัดดาเป็นลมล้มพับไปแล้วนั้น ทั้งกษิดินทร์และกันต์กวีก็ช่วยกันประคองพาเธอมานอนพักที่ห้องนอนก่อนป้านิ่มซึ่งเป็นแม่บ้านจะกุลีกุจอไปหายาลมยาดมมาให้
“วี ผมฝากแม่แป๊บหนึ่งนะ ผมจะไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้แม่หน่อย”
ร่างโปร่งพยักหน้าตอบรับ ระหว่างนั้นๆคุณหญิงลัดดาก็ฟื้นคืนสติมา ทันทีที่เห็นกันต์กวีเธอก็แทบจะร้องกรี๊ดออกมา
“แก...ทำอะไรลูกชายของฉัน”
กันต์กวีหัวเราะเสียงใส เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มร้าย
“เปล่าสักหน่อย เขาต่างหากที่ทำตัวเอง”
“แกหลอกลูกชายฉัน”
“ก็บอกความจริงกับเขาไปสิ ดีไม่ดีอาจจะสติแตกไปเลยก็ได้”
“อยากจะแก้แค้นหรืออยากจะทำอะไรก็มาลงที่ฉันนี่ ลูกชายฉันไม่เกี่ยว”
มือเรียวคว้าแขนคุณหญิงลัดดาเต็มแรงก่อนจะจ้องมองอีกคนด้วยแววตาแข็งกร้าว
“ไอ้คนที่มันฟังคำสั่งคนอื่นจนลืมจรรยาบรรณ ทำให้หนึ่งชีวิตต้องตาย ยังกล้าพูดอีกว่าไม่เกี่ยว”
ร่างโปร่งเหวี่ยงเธอล้มลงไปนอนกระแทกกับฟูกก่อนจะลุกขึ้นยืนมองอย่างผู้ที่เหนือกว่า
“ลูกชายฉันไม่รู้เรื่อง”
...เชื่อก็โง่เต็มที...
ไม่นานกษิดินทร์และแม่บ้านก็เดินเข้ามา ชายหนุ่มร่างสูงใช้มือใหญ่จับชีพจรของผู้เป็นแม่เพื่อเช็คอาการ เมื่อเห็นอย่างนั้นกันต์กวีจึงเอ่ยขอตัวกลับบ้าน
“ไว้ผมจะโทรนะวี”
“อืม...จะรอนะ”
ก่อนจากยังไม่วายเอ่ยด้วยเสียงหวาน กับดักหลุมนี้มันยังลึกไม่พอ เขาจึงต้องพยายามมากขึ้นอีกเพื่อให้มันลึกพอจนอีกคนไม่มีวันได้ขึ้นมาเห็นแสงตะวันอีกต่อไป
... ... ...
...
ยามบ่ายคล้อยภายในร้านกาแฟเล็กๆแถบชานเมือง มีหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งนั่งอยู่ แม้ว่าหญิงสาวต่อหน้าจะรูปร่างหน้าตาสะสวยเพียงใดแต่ดวงตาคู่เรียวคมของร่างสูงใหญ่ก็ยังเมินมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เทพคะ”
เสียงอ่อนหวานเรียกก่อนจะวางมือเรียวสวยลงบนหลังมือใหญ่แต่มือคู่นั้นกลับเลื่อนหนี
“วันนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวออกออกค่าแท็กซี่ให้”
“ทำไมล่ะคะ เดี๋ยวนี้เทพเป็นอะไรถึงได้เย็นชากับวิกกี้”
“ผมเหนื่อย ผมเบื่อ อยากอยู่เงียบๆคนเดียว”
หญิงสาวชักสีหน้าเมื่อได้ยินคำตอบ ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยถูกใครพูดอย่างนี้ใส่มาก่อน ด้วยความไม่พอใจทำให้เธอยกแก้วน้ำทรงสูงขึ้นมาก่อนจะสาดของเหลวใส่คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ทันทีที่กระแทกแก้ววางลงก็ลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่ได้ทันมองซ้ายมองขวาจึงชนเข้ากับบริกรหนุ่มร่างเล็ก
ทำให้แก้วเซรามิคหลายใบตกลงแตกกระจายบนพื้นแล้วที่สำคัญของเหลวที่บรรจุอยู่ในนั้นได้เลอะทั้งตัวเธอ บริกรหนุ่มและอดิเทพ
“กรี๊ด...เสื้อผ้าฉัน รู้ไหมว่านี่คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของปราด้าเชียวนะ ลำพังเงินเดือนพนักงานเสิร์ฟกระจอกๆอย่างแก มีปัญญาชดใช้เหรอไง”
บริกรหนุ่มหน้าซีดก่อนจะก้มหัวขอโทษขอโพยหลายต่อหลายครั้งทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองคนเดียว
“มันน่านักนะ”
เธอเงื้อกระเป๋าหนังสัตว์ยี่ห้อหรูเตรียมฟาดลงเพื่อทำโทษบริกรฐานที่ทำให้ชุดราคาแพงของเธอต้องเปรอะเปื้อน แต่อดิเทพรั้งข้อมือเธอไว้เสียก่อน
“เกินไปหน่อยแล้ววิกกี้”
“ปล่อยฉัน...ฉันจะสั่งสอนมัน”
“หยุดทำตัวงี่เง่าได้แล้ว กลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ซะ”
อดิเทพขึ้นเสียง เขาเองก็เริ่มรำคาญเธอเข้าแล้วจริงๆ ยิ่งเมื่อได้เห็นธาตุแท้ยิ่งรู้สึกโล่งใจแทนกษิดินทร์ที่ไม่ได้เอ่ยรั้งเธอไว้
“อยู่จัดการร้านอยู่ไหน”
“ขอร้องล่ะครับ จะให้ผมกราบก็ได้แต่อย่าเรียกผู้จัดการร้านเลยนะครับ”
“ไปเรียกผู้จัดการมาเดี๋ยวนี้”
ยิ่งเธอโวยวาย อดิเทพก็ยิ่งรู้สึกอายแทน มือใหญ่คว้ามือบอบบางก่อนจะดันตัวเธอออกนอกร้าน
“โทรมาบอก ถ้าต้องการเรียกค่าเสียหาย”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หยิบนามบัตรออกมาก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋าเสื้อของบริกรหนุ่มคนเมื่อครู่และเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้อีกคนต้องก้มหัวยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
อดิเทพขับรถออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองใจ ชายหนุ่มทิ้งหญิงสาวลงข้างทางด้วยความอดทนอดกลั้นไม่ไหว จะหาว่าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษก็ยอมเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นสุภาพสตรี
เสื้อผ้าที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบของเหลวสีน้ำตาลเข้มทำให้เขาจำต้องขับรถกลับบ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่และยังไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ว่าไงล่ะครับ คุณชาย”
-อยู่ไหน ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าห้องนายเนี่ย-
“รอก่อนนะ ไม่เกิน 10 นาทีถึง”
น่าแปลก...เพียงแค่ได้รู้ว่ากันต์กวีมาหาเขาหัวใจก็ลิงโลดด้วยความดีใจ
........................................................50%.........................................................
อดิเทพรีบวิ่งขึ้นบันไดด้วยความไม่อยากเสียเวลายืนรอลิฟต์ นานๆทีกันต์กวีจะเป็นฝ่ายมาหา เขาไม่อยากให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
“ไง...”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หอบแฮ่กก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่นั่งกอดเข่ารออยู่ที่หน้าประตู
“ไปไหนกับใครมา”
“ก็...แค่ไปกินข้าวกับแฟนเก่าของหมอดิน”
“จากนี้ไม่ต้องไปแล้วนะ”
“ทราบแล้วครับ ท่านชาย”
“หิว...”
กันต์กวีเอ่ยก่อนจะยื่นมือไปต่อหน้า อิดเทพส่งยิ้มให้ก่อนจะจับมือเรียวเพื่อฉุดให้อีกคนลุกขึ้นยืน
“งั้นเดี๋ยวทำสปาเก็ตตี้ให้กิน”
เจอลูกอ้อนของคนตัวเล็กกว่าเข้าไปมีหรือที่เขาจะไม่ทำให้
ร่างสูงยืนอยู่หน้าเตา หยิบโน่นจับนี่ด้วยท่าทางคล่องแคล่วทำให้คนนั่งมองอยู่แอบนึกทึ่งอยู่ในใจ
“เดี๋ยวนี้ผู้ชายส่วนใหญ่จะทำอาหารเป็นเหรอ”
“ส่วนใหญ่ที่ว่ารวมหมอดินด้วยหรือเปล่า”
“ฉันถามนาย อย่าพูดถึงคนอื่นได้ไหม”
“นายเปลี่ยนไปนะวี รู้ตัวเองไหม”
กันต์กวีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ฉันเนี่ยนะเปลี่ยนไป ก็เหมือนเดิมทุกอย่างแหละ”
“ยังอยากแก้แค้นอยู่ไหม”
เจอประโยคนี้เข้าไปร่างโปร่งถึงกับนิ่งอึ้ง เมื่อก่อนเขาตอบได้ทันทีแบบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่ายังไงก็ต้องแก้แค้นให้ได้แต่นี่เขากำลังคิด กำลังลังเลหรือว่าเขา...เปลี่ยนไปจริงๆ
“หมอดินดีต่อนายไหม”
อดิเทพเอ่ยถามก่อนจะชิมเส้นสปาเก็ตตี้แต่แล้วทั้งร่างก็นิ่งงันเมื่อถูกสวมกอดโดยคนที่เขาหลงรักมานาน
“ไม่มีใครดีกับฉันเท่านายหรอก”
“เลิกเล่นน่าวี”
“กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นจริงจังไปได้หรือว่าเดี๋ยวนี้หวงตัว”
“เปล่า...แต่อย่าเล่นแบบนี้เลยเพราะฉันจริงจัง”
เจอประโยคนี้เข้าไปกันต์กวีเลยถอยตัวออกมา ใช่ว่าเขาจะไม่รักอดิเทพแต่รักของเขานั้นมันคนละความหมายกับอีกฝ่ายก็เท่านั้นเอง
เมื่อกันต์กวีอิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อยหนังตาก็เริ่มหย่อนจนต้องเอนตัวลงนอนบนโซฟาตัวนุ่ม อิดเทพเดินมาแอบมองคนหลับใหลก่อนจะนั่งพิมพ์งานที่โน้ตบุคไปด้วย เมื่อละสายตาจองจอคอมพิวเตอร์ก็พบเข้ากับเสื้อเชิ้ตที่เลอะคราบสีน้ำตาลของกาแฟ ในใจเลยหวนกระหวัดนึกถึงใครคนหนึ่งเข้า
เขาเซิร์จข้อมูลเพื่อหาเบอร์ของร้านกาแฟ เมื่อได้เบอร์มาก็กดโทรศัพท์ทันที
“ฮัลโหลครับ...ผมอยากคุยกับพนักงานเสิร์ฟที่ตัวเล็กๆผิวขาวๆหน้าตาเหมือนลูกครึ่งหน่อยได้ไหมครับ พอดีเมื่อวันก่อนเกิดเรื่องที่ร้านแต่เขาไม่ยอมโทรมาบอกค่าเสียหายสักที”
-อ่อ...พี่คนที่มากับผู้หญิงแรงๆคนนั้น หลังจากที่พี่พาเธอกลับไปแล้ว เธอก็กลับมาที่ร้านอีกโวยวายเสียงดังเรียกหาผู้จัดการจนเป็นเรื่องใหญ่โต-
“คุณคือ...บริกรคนนั้นเหรอ”
-เปล่าครับ ผมเป็นเพื่อนไอ้เจฟมัน-
“ขอผมพูดกับเขาหน่อยสิ”
-มันเพิ่งถูกผู้จัดการไล่ออกไปเองครับ น่าสงสาร...ชีวิตมันบัดซบสุดๆพี่ พ่อมันเป็นอเมริกันมาเที่ยวมาเจอแม่ไอ้เจฟเข้าไม่รู้ถูกใจกันท่าไหนแต่ที่แน่ๆก่อนไอ้เจฟเกิดมาพ่อมันก็เก็บกระเป๋าบินกลับประเทศไปแล้ว เนี่ยทุกวันนี้มันก็ทำเงินส่งตัวเองเรียน แม่มันก็ป่วยออดๆแอดๆจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ มะ...-
“โอเค...บอกมาว่าบ้านของเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน”
-ผมไม่รู้จักบ้านมันหรอกพี่-
“มีวิธีไหนจะติดต่อได้ไหม”
-ผมได้ยินมาว่า...มันเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมฯแถวนั้น-
“ขอบคุณมาก แค่นี้แหละ”
อดิเทพเอ่ยก่อนจะกดวางสายไป เขาเข้ากูเกิ้ลเอิร์ธเพื่อขยายดูแผนที่ว่าแถวนั้นมีดรงเรียนมัธยมฯอะไรบ้างและก็มีอยู่เพียงที่เดียวที่ใกล้ที่สุดและเป็นโรงเรียนรัฐบาล
“ทำอะไรน่ะ หน้าตาเคร่งเครียดเชียว”
เสียงงัวเงียเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังทำให้อดิเทพหันไปมอง
“เปล่า...ก็ดูอะไรไปเรื่อย”
“จะกลับไปเรียนมัธยมฯอีกรอบเหรอไง ถึงได้เปิดดูข้อมูลโรงเรียนน่ะ”
“อ่อ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
อดิเทพเอ่ยก่อนจะปิดหน้าจอ ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรเสียงมือถือของกันต์กวีก็ขึ้นเสียก่อน
“ชู่ว์...อย่าเสียงดังเชียวนะ”
ร่างโปร่งเอ่ยบอกก่อนจะกดรับโทรศัพท์
“วีอยู่ที่ห้อง มีอะไรหรือเปล่า”
-มาหาหน่อยได้ไหมที่อพาร์ทเม้นต์ของผม ผมอยากเจอวีน่ะ”
“เดี๋ยววีจะรีบไป”
กันต์กวีเอ่ยกับปลายสายก่อนจะรีบเก็บกระเป๋าเตรียมตัวไป
“ได้ใหม่แล้วลืมเก่าเลยนะ”
“ได้ยินว่าตัวเองก็กำลังจะเจอของใหม่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ เด็กมัธยมฯซะด้วย”
“ก็แค่เด็กคนหนึ่ง ฉันไม่สนใจใครอื่นหรอกนอกจากนาย”
“ฉันไปล่ะ มีภารกิจรอให้พิชิตอยู่”
อดิเทพได้แต่มองอีกคนเดินจากไปโดยไม่อาจเอ่ยห้ามหรือรั้งเอาไว้ได้ เส้นแบ่งที่ถูกขีดไว้เขาอยากจะข้ามไปหลายต่อหลายครั้งแต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่ยืนมองกันต์กวีอยู่ในที่ของตัวเอง
“โชคดีนะวี”
นี่...คงเป็นอีกคำที่เขาพูดได้ คำพูดที่แสดงความห่วงใยเท่านั้น
เมื่อรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองนับวันจะอับเฉาลงจึงคว้ากุญแจรถเพื่อที่จะไปหาอะไรทำบ้าง อย่างน้อยเขาก็จะต้องควานหาตัวของเด็กหนุ่มคนนั้นให้จงได้
เอาเงินให้สักก้อนถือว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แล้วจากนั้นจะได้ไม่ต้องรู้สึกว่ามีอะไรติดค้างต่อกันอีก
2BeCon…
(มาอัพให้จนครบ 100% แล้วนะคับ :กอด1:พอดีเมื่อวานขี้เกียจเกินไปหน่อย วันนี้ร่างกายกลับมาฟิตเหมือนเดิมแล้วคับ
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจนะคับ
ส่วนใหญ่อยากให้จบแบบ Happy Ending กัน ก็โอเคนะคับ แฮปปี้แน่นอนเดี๋ยวจะไม่มีใครอ่านนิยายของไนท์ต่อ 555+ น้อมรับคำสั่งคับ ขอบคุณทุกๆท่านมากนะคับ 
ปล สุขสันต์วันแห่งความรักนะคับทุกท่าน ขอให้พบเจอคนดีๆ รักดีๆ คนโสดขอให้ได้แฟน คนมีแฟนขอให้รักกันยั่งยืนนะคับ
) 