- 2 -
“โฮกกกก!!!...กร๊าซซซซซzzz...โฮกกกก!!!..” พลังสิงห์โตคำรามที่เปล่งออกมาจากสามพ่อลูก...ไอ้พี่เต้ ไอ้พี่โต๋ พ่อสิงห์...ดังสนั่นลั่นไปทั้งป่า...ดังมาก...
ดังจนหูอื้อวิ้งไปชั่วขณะ แต่ไม่ยักกับรู้สึกหัวใจสั่นหรือหวิววูบ..ตรงข้ามมันกลับทำให้สมาธิปลอดโปร่ง
เลือดลมวิ่งพล่านกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีกับพลังสิงห์โตคำรามที่ทั้งสามร่วมกันเปล่งออกมา...
ใช่แล้วพวกเขาใช้สิงห์โตคำรามสยบพลังนังมารกรองกุมภ์ที่ทำร้ายทุกคนอยู่ในตอนนี้
ได้ผล..สติของทุกคนคืนปกติ บรรยากาศกดดันอึดอัดแทบขาดใจสลายไปในพริบตา...พวกไอ้พี่บอมย์กับทุกคนถอนหายใจ
โล่งอกกันไปทั่ว เสียงร้องโอดโอยครวญครางที่ดังมาจากฐานของพวกเราก็พลอยสงบเงียบลงอีกครั้ง ป่าทั้งป่ากลับมาสงบ
ในพริบตาหลังสิ้นเสียงพลังสิงห์โตคำรามของพ่อลูก..
ตระกูล..."สิงห์ราช"....
พวกเรารีบสำรวจคนเจ็บที่เลือดปริ่มปากปริ่มจมูก ดีที่ช่วยไว้ทันตอนนี้นอนหอบเหนื่อยดูจากสภาพ
คงไม่เป็นไรมากแล้วหละ..ก่อนพ่อสิงห์จะพูดขึ้นมาว่า
“
ไม่อยากเชื่อ...กรองกุมภ์ฝึกพลังมารได้ถึงขั้นนี้ ประมาทไม่ได้เด็ดขาด...มึงว่าไง?..เกริก”
ก่อนจะหันมาถามพ่อเกริก...
“
ถ้ากูดูไม่ผิด...มันใช้วิชาจิตสังหาร...ที่สาบสูญไปกว่าร้อยปี..มันสามารถฝึกสำเร็จได้
ไม่ธรรมดาเสียแล้ว...งานนี้พวกเราเจอศึกหนักละสิ...ไม่รู้มันจะงัดไม้เด็ดอะไรออกมาอีก..นี่แค่น้ำจิ้มยังดุเดือดขนาดนี้...
เห็นทีงานนี้คงต้องพึ่งโตโต๋กับตะเกียงรับมือแล้วละเพื่อน...ตึงมือเหลือเกิน..ดูแล้วเกินกำลังสิงห์เฒ่าแล้วว่ะ” พ่อเกริกพูด
พร้อมคิ้วขมวดมุ่น เหลียวดูหน้าพ่อสิงห์ก็ไม่ต่างกัน..แถมมีพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดพ่อเกริกอีก กูอดไม่ไหวถามไปว่า
“
พลังจิตสังหาร มันคืออะไรพ่อ?” พ่อเกริกจ้องหน้ากู ก่อนจะหันดูหน้าแต่ละคน
ที่เรียงตัวยืนล้อมวงเข้ามาฟังอย่างสนใจ ปล่อยให้พวกพี่ทหารสิบกว่านายปฐมพยาบาลกันไป เว้นช่วงพักยกตอนนี้
ป่าเงียบยังกะป่าช้า ก่อนเล่าให้พวกกูฟังว่า
“วิชานี้เป็นวิชามารที่ใช้ควบคุมจิตใต้สำนึกส่วนลึกของคน ดึงเอาความหวาดกลัวของแต่ละคน
ซึ่งไม่เหมือนกัน ออกมาหลอนให้จิตประหวัดคิดพรั่นพรึงไปตามจิตสำนึกนั่นๆ ทำให้คนที่ถูกครอบงำหลอนจนควบคุม
ตัวเองไม่ได้ อาจทำร้ายตนเอง คนรอบข้าง หรือบางคนจิตอ่อนทำให้ธาตุไฟแตกเลือดออกทวารทั้งเก้าจนตายในที่สุด...
วิชานี้โหดเหี้ยมอำมหิต..เพราะผู้ที่ฝึกต้องทรมานเหยื่อที่จับมาฝึกวิชาให้แสดงความหวาดกลัวอย่างทรมานจนตาย...
เพื่อดึงจิตที่หวาดกลัวออกมาให้หมด...สำหรับให้คนฝึกเอาไปผูกพลังมารที่มันนำมาใช้เหมือนตะกี้นี้ไง...กรองกุมภ์ใช้พลังนี้
ได้สมบูรณ์ขั้นสูง...ถึงสามารถควบคุมคนที่ได้ฟังเสียงอย่างรวดเร็ว แม้จะไกลถึงฐานของเรา..แต่พลังของมันยังส่งไป
ควบคุมได้..นังมารนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว...พ่อยอมรับเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของพ่อและพ่อสิงห์มาก...เห็นที
คงต้องอาศัยสิงห์โตคำรามขั้นสูงกับวรเวทย์อัคนีของตะเกียงรวมกันปราบนังมารนี้เท่านั้น...นอกนั้นเราไม่มีหนทาง
ต่อกรกับมันได้เลย...” ถึงขนาดพ่อกูพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ แสดงว่าหนักหนาสาหัสเอาการ...
“แต่พ่อสิงห์..พี่เต้..กับพี่โต๋ ก็รวมพลังสิงห์โตคำรามสยบนังปีศาจได้ไม่ใช่หรือครับ” กูยังข้องใจ
ก่อนพ่อสิงห์จะเป็นคนตอบมาเองว่า
“แล้วตะเกียงเห็นไหม?..พวกพ่อต้องรวมกันถึงสามคน...ลำพังโต๋คนเดียว คงคุมพลังได้ไม่เกิน
ห้าร้อยเมตร แต่พลังปีศาจมันกินพื้นที่ไปถึงฐานเราไม่ต่ำกว่ากิโล พ่อจึงต้องรวมพลังกันถึงสามคนกระแทกพลัง
สิงห์โตคำรามสลายจิตมารลงได้...เห็นความแตกต่างหรือยัง...” กูพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่ไอ้พี่พรตมันจะเสนอไอเดียมาว่า
“ทำไมพวกเราไม่ปาระเบิดใส่กระต๊อบมันไปเลยหละครับ ไม่เห็นต้องสนเลยเรื่องแค่นี้เอง..ผมว่า
นังปีศาจมันก็คน..คงไม่หนังเหนียวต้านระเบิดได้หรอกจริงป่ะ!...ถ้าหากระเบิดยังฆ่ามันไม่ได้....ผมว่าพวกเราเตรียมตัว
เผ่นไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า..เพราะมันคงไม่ใช่คนจริงๆ แล้วหละ” ขึ้นต้นความคิดน่าสนใจ กูยังเผลอพยักหน้าตามไอเดีย
ที่มันเสนอ..แต่ตอนท้ายอยากถีบมันจริงๆ มีตลกคาเฟ่เสริมซะงั้น...ไอ้พี่เหยี่ยวรั่ว...มั่วได้ทุกสถานการณ์เลยมัน...
ไอ้พี่รันอมยิ้มกลั้นขำแฟนมันสุดๆ..ในขณะที่คนอื่นๆ จะขำก็ขำไม่ออก จะเศร้าก็ใช่ที่ กลายเป็นหน้าขี้ไม่ออกกันสักคน..กรรม
“
หึ..หึ...ไม่ง่ายอย่างที่คิดนะสิ...ตอนนี้ศัตรูอยู่ในกระต๊อบหรือเปล่ายังไม่รู้แน่ชัด...แต่ถึงจะอยู่
เราปาระเบิดเข้าไปถล่ม...หากมันใช้พลังปิดทวารและผลักระเบิดกลับด้วยพลังเปิดทวาร พวกเรานั่นแหละจะตายหมู่
เพราะระเบิดเราเอง...บอกได้อย่างเดียวงานนี้ใช้อาวุธสงครามไม่ได้...ศาสตร์มารพลังเร้นลับแบบนี้ยากนักที่จะอธิบาย
ให้เข้าใจได้ละเอียด....ตอนนี้เราต้องระวังตัวให้ดี..ไม่รู้มันจะโจมตีด้วยวิธีไหนอีก...พ่อสิงห์พูดยังไม่ทันไร...เสียงเป่าไม้ไผ่
แหลมยาวสลับสั้นก็ดังเสียดหูขึ้นมาต่อเนื่อง
“วี๊ดzzzzzz!....วี๊ด!...วี๊ดดดดๆๆๆ!” ดังสลับเป็นระยะ..ก่อนที่พวกกูจะเริ่มเห็นความผิดปกติ เมื่อได้ยินเสียงสวบสาบๆ...ตามพื้น เราจึงใช้ไฟฉายส่องไปดูกัน
แล้วต้องตกใจสุดขีด เพราะขณะนี้กองทัพสัตว์พิษมากมายกำลังยั่วเยี๊ยะตีวงล้อมขนาบกันเขามามืดฟ้ามัวดินบริเวณที่
พวกกูรวมกันอยู่ พวกทหารรีบสาดกระสุนรัวปืนเอ็ม 16 ระดมยิงจนฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว มีทั้งตะขาบ แมงป่อง งูเห่า
งูจงอาง..งูสามเหลี่ยม..ฯลฯ..สารพัดสัตว์พิษร้ายแรง แบบโดนทีเดียวยมบาลรอเปิดประตูรับว่างั้นก็ได้
“
เห็นยัง..นังปีศาจมันฝึกวิชามารสำเร็จจริงๆ สามารถบังคับสัตว์พิษได้ขนาดนี้
ฝีมือน่ากลัวมาก...ต่อให้เรายิงกระสุนจนหมดก็ไม่สามารถฆ่าสัตว์พวกนี้ได้หมดหรอก....ไม่ได้การแล้วขืนปล่อยไว้แบบนี้
คนของพวกเราต้องล้มตายกันไม่มากก็น้อย..โตโต๋ถึงเวลาแสดงฝีมือแล้วไอ้ลูกชาย..อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง” พ่อสิงห์พูดจบ
ไอ้พี่โต๋มันก็พยักหน้ารับทราบ ตาคมดุแน่วนิ่งยิ่งกว่าครั้งไหน..พาเอาคนมองแต่ละคนหนาววูบทันที...นี่ใช่ไหมจิตสังหาร
พิฆาตมารในตัวมัน...กำลังจะสำแดงวิชาปราบมารแล้วสินะ...สิงห์เทพของกู...
“
เดี๋ยว!...พี่โต๋..พี่จะทำอะไร?” กูถามมันให้แน่ใจ
“พี่กำลังจะใช้พลัง ‘
สิงห์พิโรธ’ ทำลายสัตว์พิษพวกนี้ให้ราบคาบ" มันตอบกูมา
ทุกคนคงงงว่ากูถามมันทำไม ในเมื่อน่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว
“แล้วพี่ต้องใช้พลังกี่ครั้งมันถึงจะตายหมด...ในเมื่อสิงห์พิโรธพี่ทำลายเป็นครึ่งวงกลม ถามจริงเถอะ..
หากพี่ทำเช่นนี้มันไม่ทำลายป่าไม้ใบหญ้าให้ราบเป็นหน้ากองไปด้วยรึไง..ในเมื่อสิงห์พิโรธกระแทกพลังคลื่นเสียงกับวัตถุ
แตกระเบิดแบบนั้น..” พอกูพูดขึ้นมา ทุกคนเริ่มแสดงสีหน้าเห็นด้วยกับข้อคิดกู
“แต่มันก็มีแต่พลังสิงห์พิโรธเท่านั้น ที่ทำลายเป็นพื้นที่กว้าง ตะเกียงก็เห็นแล้วนี่ว่าสัตว์พวกนี้
มันมาเยอะขนาดไหน...สิงห์ธนูทำลายได้ที่ละตัวเท่านั้น..แม้จะร้ายกาจที่สุดด้านพลังทำลาย แต่พี่คงหมดแรงก่อนจะทำลาย
พวกมันได้หมด...ไม่มีทางเลือกแล้วคงต้องใช้วิธีนี้ มันแต่นึกถึงสภาพแวดล้อมพวกเราได้ตายกันพอดี...เห็นไหมพวกทหาร
กระสุนกำลังจะหมด...ยิงต้านได้อีกเท่าไหรกัน....พวกมันแห่มาเป็นกองทัพ” มันอธิบายให้ฟัง ซึ่งแต่ละคนก็กลับไปพยักหน้า
เห็นด้วยกับมันทันที....กูรู้ว่ามันต้องใช้สิงห์พิโรธเท่านั้น แต่กูกำลังจะทำให้สิงห์พิโรธมันทำลายอย่างมีระเบียบ..เพื่อไม่ให้
เสียเวลานาน กูเลยบอกไปว่า
“พี่สามารถกักพลังสิงห์พิโรธให้เป็นกลุ่มก่อนแตกกระจาย ไว้ในวัตถุใดวัตถุหนึ่งหรือไม่?..”
รีบถามมันไปให้แน่ใจ
“ก็ทำได้...ไม่ใช่เรื่องยากไรนี่..คล้ายกับที่ไอ้เทคมันบังคับดึงเอาหนอนออกจากท้องตะเกียงยังไง..
ถามทำไมมีอะไรหรือ?” มันตอบพร้อมกับถามกูคืน
“
งั้นดีเลย...พี่เอาพลังสิงห์พิโรธ...ส่งมากักในท้องตะเกียงได้เปล่า...เอาแบบเต็มแม็ก
100% ทีเดียวเลยนะ..ที่เหลือตะเกียงจัดการเอง” กูบอกมันไปแบบไม่เสียเวลาคิด
“
เห้ย!..ไม่ได้อันตรายมาก สิงห์พิโรธต่อให้พี่บังคับพลังเป็นก้อน..สุดท้ายไม่เกินสามนาที
มันก็จะระเบิดในทันที สลายพลังไม่ได้ด้วยนะ..ระเบิดลูกย่อมๆ เลยจะบอกให้ หากฝากไว้ในท้องตะเกียง
แล้วไม่ปล่อยออกมา ตะเกียงจะเละเป็นจุลไปเลยเข้าใจไหม? ไม่เอา..พี่ไม่ทำแน่” มันรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเร็ว
กูยังไม่ทันอธิบาย พ่อเกริกพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ทำตามที่น้องบอกเถอะโต๋...ไม่ต้องห่วงรับร้องตะเกียงไม่เป็นอะไรหรอก...พ่อเข้าใจว่าตะเกียงจะทำอะไร...
เชื่อมือน้อง..ประหยัดเวลา..ประหยัดพลังด้วย...ม้วนเดียวจบ..ทุกอย่างไม่ต้องราบเป็นหน้ากองอีกตะหาก” พอพ่อกูพูดขึ้นมา
มันก็มองนิ่งๆ ก่อนจะหันมาจ้องตากูเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้ง กูยิ้มให้มันพร้อมกับพยักหน้าว่าไม่ต้องห่วง ..ทุกคนยืนลุ้น
กันกระจาย ในขณะที่พวกทหารยังยิงรักษาพื้นที่โดยรอบไม่ให้พวกสัตว์พิษเข้ามาเกินระยะสิบเมตร ซึ่งก็ย่ำแย่ลงทุกขณะ
เพราะสัตว์พวกนี้มากันมากมายไม่หมดไม่สิ้น...
ไอ้พี่โต๋มันสูดหายใจลึกๆ...ก่อนจะเบ่งกล้ามหน้าอกจนพอง แล้วจับหน้ากูแหงนขึ้นก่อนประกบปากลงมา
อย่างนุ่มนวล กูสัมผัสได้ถึงขุมพลังมหาศาลที่กำลังถ่ายออกจากปากมันไหลลงคอกูไปอัดแน่นอยู่ในท้อง...เป็นก้อนพลังที่
หน้ากลัวจริงๆ ก่อนมันจะผละริมฝีปากออกไป
หลายคนหน้าแดงหูแดงที่เห็นมันประกบปากกูต่อหน้าต่อตา..แต่คงไม่คิดไรมาก..ถึงคิดมาก
ก็ช่างหัวมันเถอะ...เหตุการณ์ตรงหน้าสำคัญกว่า การถ่ายพลังไม่ถ่ายทางปากจะให้ถ่ายทางตูดกันหรือไงหว่ะ!...
กูเดินลมปราณวรเวทย์อัคนีเข้าคลุมพลังสิงห์พิโรธมันทันที ก่อนจะดันลมปราณไทเก็ก
ขับพลังออกมาช้าๆ เมื่อพร้อมแล้ว..ค่อยส่งสายตาเป็นสัญญาณให้พ่อเกริกรับรู้ ท่านก็พยักหน้า..กูแหงนหน้าขึ้นฟ้า
ก่อนจะอ้าปากปล่อยกลุ่มพลังสิงห์พิโรธที่คลุมด้วยวรเวทย์อัคนี ขับออกด้วยปราณไทเก็กขึ้นไปเป็นกลุ่ม
“ย๊ากกกกกๆๆๆๆ!!!..” พลังพุ่งทะยานขึ้นฟ้า..แล้วขยายตัวกระจายครอบคลุมบริเวณกว้างลุกคืบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนท้องฟ้าแดงฉานไปหมด
ทุกคนยืนตะลึงอ้าปากค้างกับการเปลี่ยนสีของท้องฟ้าที่เห็นในตอนนี้...และแล้วพลังสิงห์พิโรธที่กูบังคับด้วยวรเวทย์อัคนี
และปราณไทเก็กหยินหยาง ก็เริ่มสำแดงเดชมัตติจูดดูดเอาสัตว์พิษกิ่งไม้ใบหญ้าที่อยู่ในอาณาบริเวณขึ้นไปในกลุ่มพลัง
อย่างรวดเร็วในพริบตา
เป็นการดูดวัตถุที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตน้ำหนักมวลสารโดยรวมไม่เกินสามสิบกิโลในระแวกจะถูกดึงขึ้นไป
ในขุมพลังทันที ส่วนของที่มีน้ำหนักเกินแค่สัมผัสได้ถึงพลังดึงดูดสั่นไหวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถูกดึงขึ้นไปด้วย คิดดูคงไม่มีงู
ตัวไหนจะไม่ถูกถึงขึ้นไป เพราะงูพิษที่มาใหญ่สุดน้ำหนักไม่เกินยี่สิบกิโลหรอก ไม่ใช่งูเหลือมนิ พวกมันเป็นแค่สัตว์พิษ
งูพิษเท่านั้น
นอกจากจะเก็บกวาดพื้นดินให้สะอาดหมดจดแล้ว ยังไม่ทำลายป่าไม้สิ่งแวดล้อมอีก...ก่อนที่พลังสิงห์พิโรธ
จะสลายหายไปจนหมดไม่เหลือ ไม่เห็นแม่แต่ซากศพสัตว์พิษต่างๆ เหล่านั้น มันจะเห็นได้ไง เพราะมันระเบิดถูกเผาเป็นจุล
ในขุมพลังจนป่นไม่เห็นธุลีไปแล้ว....
“
สุดยอดเลยโต๋..ตะเกียง...พวกมึงแม่งเหนือมนุษย์จริงๆ หวะ..ไม่เห็นกับตากูคงไม่เชื่อเด็ดขาด
จะมีพลังพวกนี้อยู่จริงๆ นึกว่ามีแต่จินตนาการในหนัง..” ไอ้พี่ชัด มันพูดออกมาสายตาทึ้งอึ้งอย่างที่พูดจริงๆ
เสียงวี๊ดไม้ไผ่เงียบไปแล้วตั้งแต่ตอนที่กูปล่อยพลังขึ้นท้องฟ้า...เมื่อท้องฟ้ากลับคืนปกติ
เสียงพูดสะท้อนก้องก็ลอยดังมาให้ได้ยินกันถ้วนทั่ว
“
หึหึหึ!..ไม่ธรรมดา...พวกแกแน่มาก..ที่สามารถกันได้ถึงขั้นนี้ อย่างนี้ค่อยสนุกหน่อย
กูจะได้ไม่ต้องออมมืออีก...วันนี้..เห็นทีคงได้ทดสอบพลังปิด..เปิดทวารขั้นสูงของกูเสียที...
หึหึหึ..” เสียงกรองกุมภ์
ดังออกมาทั่วทั้งบริเวณ พ่อสิงห์รีบชิงส่งพลังเสียงสิงห์โตคำรามตอบไปว่า
“
กรองกุมภ์...ฉันว่าเธอควรออกมาดวลกันไปเลย คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะได้ไม่ต้องบาดเจ็บล้มตาย..
หากเธอมั่นใจว่าจะชนะลูกชายฉันได้...เธอน่าจะออกมาสู้กันให้สมศักดิ์ศรี...ไหนๆ ก็ตกมาถึงรุ่นลูกแล้ว ความแค้นตั้งแต่รุ่น
พ่อแม่ปู่ย่าให้มันจบสิ้นกันไปวันนี้ ฉันรับปากจะไม่ใช้อาวุธลอบทำร้ายเด็ดขาด...คำไหนคำนั้น” เสียงพ่อสิงห์ห้าวหาญ
ทรงอำนาจมาก..เมื่อผนวกพลังสิงห์โตคำรามไปในน้ำเสียงด้วยแล้ว ยิ่งดังกังวานไปทั่วบริเวณไม่แพ้เสียงนังมารกรองกุมภ์
“
หึหึ!..ต่อให้พวกแกใช้อาวุธกระจอกเหล่านั้น นึกหรือว่าฉันสน...แต่เอาเถอะ...ในเมื่อแกต้องการ
แบบนั้นฉันจะสนองให้...” พูดจบไม่ทันไรประตูกระต๊อบก็เปิดออก..พร้อมกับกรองกุมภ์นำขบวนออกมา เธอมาในกางเกงรัดรูป
สีดำขายาวเสื้อรัดรูปสีดำแขนยาว ผมยาวสยายดวงตาคล้ำนัยตาแดงก่ำปานสีเลือด หน้าขาวซีดยังกะผีจูออน ปากแดงแปร๊ด..
เห็นได้ชัดเจนมากแม้อาศัยแสงจากไฟตะเกียงที่บริวารของเธอถืออยู่
ข้างๆมีศรีริต้าหรือจะเรียกให้ถูกกรองเกยยืนขนาบใกล้กัน..จิกตามองพวกกูอย่างเอาเรื่อง อีกฝั่งหัวหน้า
หมู่บ้าน ลูกชาย และใครอีกสี่คน พวกเราสองฝ่ายยืนเผชิญหน้ากันในระยะห่างยี่สิบกว่าเมตร...ต่างคนต่างจ้องกันนิ่งๆ
ไม่มีใครเอ่ยปากก่อน..ถึงเวลาแล้วสินะ..ที่กูจะแก้แค้นให้คนที่ตายในครั้งนี้...ทุกชีวิตที่ดับสูญจะไม่สิ้นเปล่า..โดยเฉพาะพี่ชายกู..
พี่เทค......คอยดูตะเกียงจัดการนังปีศาจนี่นะพี่... มาต่อให้แล้วนะค่ะ...ตอนหน้ารอวันอาทิตย์เด้อ.
กับชื่อตอน...
‘จุดจบของกรองกุมภ์’คนอ่านเฉลี่ยต่อตอนกว่าสองพัน...รีไพร์ไม่ถึงห้าสิบ...เศร้าชะมัด

Luk.