Part 79
ตะเกียง..พันลาย.
.
.
.
.
.
อาจารย์หัวหน้าภาควิชาพละ..ชื่ออาจารย์พจน์ แกพาโค้ชเข้ามาพอดี
หลังจากกูด้นมุกแป๊กพาพวกขำกันท้องคัดท้องแข็ง เรื่องกระสุนลูกโดด..อิอิอิ..
โค้ชคนนี้ชื่อพี่..ชัยชนะ...อืม..ชื่อดีมีชัยไปกว่าครึ่ง สงสัยทีมกูคงชนะตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่ง
แค่ชื่อโค้ชก็กินขาดแล้วว่ามั้ย?
“หวัดดีน้อง ๆทุกคน พี่ได้รับเกียรติจากส่วนกลางให้มาทำหน้าที่ฝึกซ้อมให้กับน้อง ๆ
ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เรียกพี่ว่า..พี่ชนะ..สั้น ๆนะครับ
อดีตพี่เคยเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลทีมชาติอยู่หลายปี เคยเล่นลีกส์อาชีพในประเทศแถบเอเชีย..
ก็สองสามประเทศ พอรู้เทคติกการเล่นของประเทศในแถบนี้พอสมควร พี่จะเอาประสบการณ์ที่มี
มาฝึกฝนให้น้อง ๆ คว้าชัยชนะให้ประเทศในการไปแข่งที่ปูซานครั้งนี้” พูดจบ
พวกกู..ปรบมือต้อนรับทันที แหมพูดดี..รูปร่างสูงใหญ่ พอ ๆกับไอ้พี่บอมย์แหนะ..แต่ความหล่อ...
พวกมันกินขาด พี่แกอายุสามสิบต้น ๆใช่ว่าแกขี้เหร่หรอกนะ
เพียงแต่หล่อสู้พวกกูไม่ได้ตะหาก..ฮ่าๆๆ!
“เอาหละครับ....เรามาทำความรู้จักกันก่อน..แนะนำตัวทีละคน..ให้พี่ได้รู้จักชื่อพวกเราไว้ด้วย
ใครชื่อไรกันบ้าง?” พูดจบพวกกูก็เริ่มแนะนำตัวกันทันที โดยเริ่มจากพวกเหยี่ยว
เพราะเป็นรุ่นพี่ม.5 ยังไงก็ให้เกียรติ..ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก
"ผมพรตครับ...ผมเทคครับ..ผมวินครับ..ผม..บลาาาาๆๆ” จนกระทั่งครบทุกคน รวมพวกกูด้วย
พี่ชนะพูดต่อทันที
“วันนี้..พี่ยังไม่ซ้อมนะครับ พรุ่งนี้เราถึงจะเริ่มซ้อมกัน
แต่ก่อนอื่นอยากให้ทุกคนแบ่งงานในทีมก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง
อันดับแรกให้น้อง ๆ เลือกหัวหน้าทีมกันก่อนเลย” พูดจบพวกกูเงียบ
ไอ้พี่รันหันไปซุบซิบกับไอ้หล่อเทพ ก่อนจะพูดว่า
“ผมเสนอให้พรต..เป็นหัวหน้าทีมครับ” ทุกคนหันไปมองกุนซือเทพเป็นตาเดียว
กูรู้เหตุผลที่ไอ้พี่รันมันทำอย่างนั้น เป็นการดีที่สุดแล้ว...เพราะไอ้พี่พรตเป็นรุ่นพี่
แถมเป็นหัวหน้ากลุ่มเหยี่ยวอีกด้วย ควรให้เกรียติมัน พวกเหยี่ยวจะได้รู้สึกดีไปด้วย
ที่สำคัญ...ไอ้พี่พรตเป็นหัวหน้า..แต่เบื้องหลัง..ใครกุมบังเหียน..ฮิ้ววววว!
ไม่มีใครคัดค้าน สรุปไอ้พี่พรตเป็นหัวหน้าทีมหรือกัปตันอะแหละ ไอ้พี่โต๋เป็นรองหัวหน้า
คนอื่น ๆ ต่างมีหน้าที่หมุนเวียนกันทำทุกวัน จับคู่เตรียมน้ำใส่กระติกไว้กินตอนซ้อม
สวัสดิการเหล่านี้..ต้องไปเบิกร้านค้าสหกรณ์ส่วนกลาง ไม่ต้องซื้อเพราะโรงเรียนทำบันทึกแจ้งให้แล้ว
พวกกูต้องจับคู่รับผิดชอบหมุนเวียนตลอดการซ้อม..จนหมดแข่งโน้นแหละ...
“งั้นพรต..พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้ว พาเพื่อน ๆวอร์มอัพก่อน พอบ่ายสามโมงครึ่ง
ค่อยพาลูกทีมวิ่งรอบสนามฟุตบอลห้ารอบทุกวัน ห้ามน้อยกว่านี้
หลังจากนั้นกลับเข้ามาวอร์มเบสิคการครองบอลทั่วไป พี่จะมาประมาณสี่โมง
เมื่อพี่มาถึงแล้ว ทุกคนต้องพร้อมซ้อมตามตาราง หวังว่าคงวินัยดีกันทุกคนนะ
ไม่อู้ไม่หลบเป็นอันขาด หน้าที่ครั้งนี้เพื่อประเทศชาติ
เราต้องเคร่งครัดและเคารพตัวเองให้มาก ความสำเร็จถึงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม” โอ้!..อยากจะบอกว่า
พี่แกพูดดีชะมัด..พวกกูฮึกเหิมกันทุกคน ต่างพร้อมจะซ้อมตามตารางของพี่เค้าหละ
จากนั้นแกก็ถามเรื่องส่วนตัวทั่วไปของพวกกูเล็ก ๆน้อย ๆ ถือเป็นการทำความคุ้นเคยไปด้วย
ก่อนปล่อยให้กลับบ้าน เพิ่งห้าโมงนิด ๆพวกเสี้ยนเลยขอลงเล่นทีมกันต่อ
ไหน ๆก็เปลี่ยนชุดซ้อมกันแล้ว พี่ชนะแกขอกลับก่อน
พร้อมสั่งให้เก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อยตอนเลิกเล่นด้วย
พวกแบ่งทีมกัน..กูขอบาย ไอ้พี่กานขอแยกตัวกลับก่อน บอกมีนัดน้องกิ่งว่างั้น
กลายเป็นฝั่งละห้าคนลงตัว นั่งดูพวกมันเล่นได้สักพัก อยากออกไปเดินเล่นนอกยิมสักหน่อย
ตรงสวนหย่อมที่น้องกิ่ง..เคยพากูไปดูริต้าหอมไอ้หล่อนั่นแหละ เห็นพวกกำลังเล่นกันมันส์เกมส์ติดพันอยู่
เลยไม่ได้บอกใครไว้ กะออกมาแป๊ป ๆแล้วค่อยกลับเข้าไป คิดได้งั้นเลยเดินออกมาทันที
สวนหย่อมด้านหลังตอนนี้ไม่เหลือนักเรียนสักคน น่าจะกลับกันหมดแล้ว ก็เกือบหกโมงแล้วนี่นา
ส่วนใหญ่เวลานี้ไม่ค่อยมีนักเรียนบริเวณนี้หรอก มักไปรวมอยู่สนามฟุตบอลหน้าโรงเรียน
หรือตามม้าหินอ่อนใต้อาคาร รอผู้ปกครองมารับซะมากกว่า
ช่วงเย็นแบบนี้..นักเรียนบางตาไม่พลุกพล่านเท่าไหร่
กูหาที่นั่งตรงพื้นหญ้า..มองสระบัวตรงหน้า..ชูดอกอวดกันเต็มสระเพลิน ๆอยู่นั้น
จู่ ๆรู้สึกมีคนกำลังเดินเข้ามาด้านหลัง จำนวนไม่น้อย..ใกล้เข้ามาไม่ถึงสิบก้าว
กูลุกขึ้นยืนแกล้งปัดตูดหันหน้ากลับไปทันที พวกหยุด..ต่างจ้องกูกันนิ่ง มันมากันสามคน
หน้าตาบ่งบอกไม่ได้มาดีแต่มือไม่มีอาวุธ สวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์กันทุกคน
อยู่ในวัยฉกรรจ์ทั้งนั้น ตัวแม่งสูงหนาพอ ๆพวกไอ้พี่โต๋แหละ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดขึ้นว่า
“เชิญตามพวกเราไปดีดี” มันสั่งชัด ๆดันบอกเชิญ พูดจบพวกมันอีกสองคนตีวงอ้อมหลังกูทันที
เหมือนต้องการต้อนให้เดินตามมัน คิดว่าพวกนี้คงเป็นอีกกลุ่มแน่ ๆ..คงไม่ใช่กลุ่มที่คิดจะฆ่ากูหรอก
คงพวกที่ต้องการตัวกูไปเปิดถ้ำ ไม่งั้นคงไม่พูดพร่ำทำเพลงแบบนี้ ดีหละ..ลุยเลยดีกว่า
อยากรู้ฝีมือพวกมันเหมือนกัน
“ไปไหน..บอกก่อนได้เปล่า?”แกล้งถามมันไป เผื่อได้รู้ที่มาที่ไปของพวกมัน
“ไม่จำเป็นต้องรู้ เดินตามมาดีดี..จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว” พูดจบมันเบี่ยงตัวเปิดทางให้กูเดินก่อน
กูทำเป็นว่าง่ายแกล้งเดินตามมันสั่ง คำนวนระยะห่าง ไอ้สองคนที่เดินประกบหลังห่างประมาณสามก้าว
ไอ้คนนี้คงเป็นหัวหน้ากลุ่ม ต้องจัดการมันก่อน ดูวิธีสั่งการของมันแล้ว ฝีมือคงไม่ใช่ชั่ว
คิดได้ดังนั้น..กูลงมือทันที สเต็ปเท้าลานนาคาดเชือก...ขยับไหวประชิดตัวมัน
สะบัดนิ้วกดจุดบริเวณลิ้นปี่เข้าให้
“จึ๊ก!..ตุ๊บ!..” เสียงมันล้มทั้งยืน โดนกูกดจุดชาจัง ๆ มันคงขยับตัวไม่ได้ประมาณห้านาที
พอแล้วสำหรับเวลาจัดการไอ้สองคนด้านหลัง ซึ่งพอเห็นลูกพี่ล้มลงไปนอนจ้องกูตาแทบถลน
ไม่พูดไม่จา มันทั้งคู่ไม่รอช้า วาดขาเตะเข้าใส่กูทันที..อีกคนก็ตรงเข้ามาออกหมัดต่อยกู
กลุ้มรุมพร้อมกันทั้งซ้ายทั้งขวา
“ปั๊ก!...ผลั๊ก!..ปึ๊ก!..ตุ๊บ!..ปั๊ก!..บ๊บ!..” รัวกันเป็นชุด กูก็ใช้อ่อนสยมแข็งปัดป่าย
พริ้วไหวหลบหลีกตามหลักไทเก็กต้านรับอย่างไม่วู่วาม คอยจ้องหาจังหวะสวนกลับอยู่
แต่ยังไม่มีโอกาส มันเล่นรัวติดต่อกันถี่ยิบไม่มียั้ง...ไม่มีเว้นจังหวะให้กูได้พักเลย
คงไม่กล้าประมาทฝีมือกูแน่ หน้าตาพวกมันเริ่มเครียด คงเห็นกูพริ้วหลบหลีก
ไม่โดนหมัดเท้าพวกมันสักทีมั้ง โอกาสมาถึงกูแล้ว เห็นช่องโหว่ขึ้นมานิดหนึ่ง
รีบต่อยมันตรงเสยเข้าใต้ท้องแขน..ใกล้หัวไหล่ไอ้คนทางขวาอย่างจัง
“ปึ๊ก!..กร๊อบ!.โอ้ย!” เสียงกระดูกไหล่มันหลุด หลุดร้องเสียงหลงเลยมึง
คงเจ็บไม่น้อยไหล่ห้อยต่องแต่ง ไอ้คนทางซ้ายเห็นดังนั้น พยายามรัวเตะใส่กู
ไม่ยอมก้าวเข้าประชิด ก่อนที่ไอ้คนไหล่หลุดจะหยิบวัตถุคล้ายกระป๋องกาแฟ
ใช้ปากกัดจุก..กระชากฝาหลุดออก..แล้วโยนลงบนพื้นใกล้ ๆกูยืนพอดี..
“ฉี่....ปุ....พลุ่ง!..บึ้ม!” ควันขโมงโฉงเฉงพวยพุ่งเต็มไปหมด กูต้องรีบกลั้นหายใจ..
รู้ว่าสูดเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะจะสำลักแสบร้อนโพลงจมูกไปหมด พยายามแหวกหาที่พื้นโล่ง
ได้ยินเสียงไอ้พี่บอมย์ไอ้พี่โทนี่ร้องโวกเวกดังลั่น ก่อนตัวกูจะลอยหวือขึ้นจากพื้น
พาวิ่งตึก..ตึก..ตึก!..หลุดออกมาตรงอากาศปลอดโปร่ง ที่กูไม่ดิ้นรนขัดขืน
เพราะสัญชาตญาณทำให้รู้ว่า คนที่แบกกูวิ่งคือใคร......
“เป็นไงบ้าง..ตะเกียง..บอกพี่ดิ” มันวางกูลง.. รีบใช้สองมือจับหน้ากูสำรวจใหญ่
กู้ต้องรีบบอกก่อนที่มันจะใจเสียไปมากกว่านี้ หน้ายิ่งซีด ๆอยู่
“ไม่เป็นไรครับ...ยังโอเคอยู่...พวกมันหละ...จับได้ไหม?” รีบถามหาไอ้พวกห่านั่นทันที
เพราะจำได้ว่าไอ้คนหนึ่งไหล่หลุด ไอ้ตัวหัวโจกกูกดจุดชานอนแม่บอยู่ตรงพื้น
ควันเริ่มจางลงแล้ว พวกแม่งยืนล้อมกูกันหมด ไอ้หล่อเทพมันพูดขึ้นว่า
“จับไม่ได้...พวกมันหนีไปก่อน...พี่มาไม่ทัน..พี่ห่วงเรามากกว่า..เลยไม่ไล่ตามมันไป
เห็นหลังพวกมันไกล ๆ อ้อมไปข้างยิม..ป่านนี้หนีไปกันหมดแล้ว....” มันเล่าให้กูฟัง กูไม่ได้ว่าไร
เพียงฟังนิ่ง ๆ พวกมันมีฝีมือใช่ชั่ว..นี่หากไอ้ตัวหัวหน้าไม่ดันประมาทกูก่อน
ทำให้โดนกูกดจุดลงไปนอน ถึงได้มีเวลาจัดการลูกน้องมันสองตัว ขนาดนั้นยังไม่ใช่ขี้ ๆ
ฝีมือดีพอตัวเชียวหละ ไม่ติดหัวหน้ามันเดี้ยงก่อน กูอาจเหนื่อยเยอะ โชคดีเพื่อนมันไหล่หลุด
บาดเจ็บพลาดท่าถึงสองคน ไม่งั้นมันคงไม่เลือกใช้วิธีปาระเบิดควันหนีไปแน่ ๆ
“เกิดไรขึ้นตะเกียง...พวกมันเป็นใคร..ต้องการอะไร?” ไอ้พี่วิน พี่ชัด พี่หน่อง ฯลฯ
พากันรุมถามกูทันที สิงห์โตดำไม่มีใครตั้งคำถาม คงรู้ระแคะระคายมาบ้างแล้ว
กูไม่ตอบมองพวกมันยิ้ม ๆ ไอ้พี่หล่อตอบแทนซะงั้น
“โจทย์เก่ากูนะ...มันคงเห็นตะเกียงอยู่คนเดียว..เลยถือโอกาสเอาคืน..ไม่มีไรมากหรอก” จบข่าว...
สุดท้ายทุกคนก็เข้าใจไปตามนั้น ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน กูนั่งบนรถอยู่กับไอ้พี่โต๋
มันกอดกูไว้แน่น ลุงพีขับรถของแกไปไม่สนใจมามอง กูเลยล้วงของบางอย่างจากกระเป๋ากางเกง..
แบมือให้มันดูตรงหน้า...
“อะไร?..” มันมองหน้ากูงง ๆ ก่อนจะพูดซะงั้น
“สร้อยทองคำขาว...อย่าบอก..ซื้อให้พี่หรือครับ” เข้าใจไปนั่น...แต่ช่างเถอะเฉลยดีกว่า
“ตอนตะลุมบอนกับพวกมัน จังหวะมันปาระเบิดควัน ตะเกียงประชิดตัวไอ้คนที่กำลังสู้กันอยู่..
ฉกเอาสร้อยที่มันห้อยคอมานี่ไง” ไอ้พี่โต๋มันมองกูอึ้ง ๆ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบสร้อยไปจากมือกู
มันเป็นสร้อยคอทองคำขาวลายห่วงโซ่...ห้อยจี้เขี้ยวหมูป่า..กูเห็นพวกมันสวมเหมือนกัน
คิดว่าน่าจะเป็นสัญลักณ์ไรสักอย่างเป็นแน่
“เป็นไง..พอใช้เป็นหลักฐาน..หาที่มาที่ไปของสัญลักณ์นี้ได้ป่าว?” มันมองกูยิ้ม ๆ
ก่อนจะเอามือมาขยี้หัวกูกึ่งหยอกเล่น พูดขึ้นว่า
“เก่งจริงนะ...ตัวแค่เนี๊ยะ!...เดี๋ยวพี่จะเอาไปให้พ่อดู..คงได้รู้อะไรคืบหน้าแน่นอน” พูดจบ
มันดึงกูเข้าไปกอด กดจมูกหอมแก้มกูหน้าตาเฉย หน้าตามีรอยยิ้มอบอุ่น
กูก็ยิ้มมีความสุขตามระเบียบ...เห็นไหม..ตะเกียงอย่างกู....ลายก็มีนะโว้ย!...ไม่ใช่ธรรมดา...
แถมไม่ได้มีแค่ลายเดียว....มีเป็นพันลาย...ห่ะ.ห่ะ..ห่ะ!..ก๊ากกกกๆๆๆๆ.....
อยากจะบอกว่า นู๋คิดมุ่งหวังปัญญาเลยเถิดไปนิด
ว่าอยากให้นิยายเรื่องนี้ถึง 100 หน้า แต่พอลองคำนวนตอนที่มีเหลืออยู่
ในมือตอนนี้แล้ว 21 ตอน
ขอบอก...ช่างไกลเกินฝันซะเร้วหละ...ไอ้ครั้นจะยืดเยื้อ ดึงรั้ง ก็หาใช่นิสัยของนู๋ไม่
ไอ้ครั้นจะเพิ่มตอน ยิ่งหน้าเกลียดเข้าไปใหญ๋
สุดท้าย...ตอบตัวเองว่า...ทำใจ.....เอาเป็นว่า...
ตะเกียงก็ใกล้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วนะค่ะ
ต้นเดือนหน้าก็คงโบกมือลากันแล้ว .....ยังไงสัญญาว่า...มีเรื่องหน้าแน่นอนค่ะ
กำลังเริ่มต้นทำอยู่ นู๋ไม่ชอบแบบแต่งไปโพสไป เดี๋ยวจะทำให้คนอ่านค้างรอนาน
เรื่องใหม่...เป็นเรื่องของพี่บอมย์ล้วนๆ พร้อมกับมีคู่ของพรต& รัน ด้วย...ในชีวิต
ตอนเรียนมหาลัยแล้วค่ะ รับรองสนุกไม่แพ้กัน เกริ่นให้นิด ๆ...พี่บอมย์ต้อง
ต้องหัวปั่น..ในฐานะคุณอาจอมเฮี๊ยบ ที่กลายมาเป็นผู้ปกครองหลานชายโครตเกรียน
กวนส้น หัวโจก...ฯลฯ สารพัดที่จะเรียกรอยยิ้มและทำให้นักอ่านอ้าแขน เปิดหัวใจ
รับเอา....น้องจอมภาคย์...ไว้ในอ้อมใจอีกคน...น้องคนนี้เกรียนจริง ฮาจริง
ที่สำคัญจะทำให้น้าบอมย์ปวดกบาลไม่ว่างเว้น....อิอิอิ
Luk.[/color]