คนนี้แหละใช่เลย16 รถจี๊บสัญชาติยุโรปเข้าจอดสงบนิ่งอยู่หน้ารั้วไม้ ก๋วยจั๊บหันไปกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ พี่ฉัตร จะเข้าไปในบ้านไหมครับ”
“ก็ดีเหมือนกัน พี่เข้าไปกราบคุณลุง คุณป้าหน่อย พาลูกท่านมาส่งซะค่ำ ว่าแต่พี่จะโดนเจ้าเกี๊ยวทำอะไรหรือเปล่า?”
ก๋วยจั๊บหัวเราะเบาๆ “ก็ไม่แน่หรอกครับ แต่รับรองไม่ถึงชีวิตแน่นอน เข้าไปกันดีกว่าครับ”
ร่างโปร่งเดินนำหน้าไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญ แสงสีเหลืองนวลจากตะเกียงแบบโบราณที่แขวนอยู่ข้างทางทำให้เดินได้ไม่ลำบากนัก กลิ่นดอกราตรีโชยหอมไปทั่วบริเวณ ขณะที่กำลังเดินนำอยู่นั้น ร่างโปร่งพลันสะดุดก้อนหินจนร่างเซถลา
“อ๊ะ!”
เสียงอุทานทำให้มือแกร่งเอื้อมคว้าเอวบางไว้อย่างทันท่วงที ฉัตรรอให้อีกฝ่ายทรงตัวได้แล้วจึงปล่อยมือออกอย่างสุภาพ
“ขอบคุณมากครับพี่ฉัตร เกือบล้มไปจับกบหลายตัวเสียแล้ว” ร่างโปร่งพูดอย่างเขินนิดๆ ก่อนจะหันไปนำทางต่อ
ชั่วครู่ปลายหางตาเหมือนเห็นเงาดำวูบไหวผ่านไป ก๋วยจั๊บหยุดชะงัก ดวงตากลมโตหันไปจับจ้องบริเวณที่เห็นเมื่อสักครู่ แต่ไม่พบสิ่งใด ฉัตรเห็นอาการผิดปรกติจึงเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือจั๊บ”
“ผมเหมือนเห็นเงาคนเมื่อตะกี้ สงสัยจะตาฝาด ไปต่อดีกว่าครับพี่ฉัตร”
เมื่อขึ้นบ้านปุ๊บ เกี๊ยวที่เห็นหน้าพี่ชายก็ตะโกนเสียงลั่น
“โหย พี่จั๊บ กำลังจะโทรไปตามเลยเชียว ทำไมกลับค่ำจัง ผมมีอะไรจะบอก อ้าวนั่นใครมาส่งน่ะ”
ฉัตรที่เดินตามหลังมาส่งยิ้มให้น้อยๆ ร่างโปร่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดๆ ก็อุทานออกมา
“โธ่ พี่ฉัตรนี่เอง นึกว่าหนุ่มที่ไหนตามมาส่งพี่ผมเสียอีก”
“พาพี่ชายมาส่งซะค่ำ คงไม่ว่าอะไรหรอกนะ เกี๊ยว” ฉัตรสัพยอก
ร่างโปร่งยิ้มเขินๆเอ่ยแก้ตัว “ถ้าเป็นพี่ฉัตรก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่พี่จั๊บ มีคนมาหาแน่ะ รออยู่ที่ท่าน้ำ”
ร่างโปร่งนิ่งไปนิด แววตามีรอยสงสัย
“ใครหรือ?”
“ไปดูก็รู้เองแหละ รีบไปหน่อยก็ดีนะ เค้ามารอพี่นานแล้ว”
เมื่อฉัตรทราบว่าก๋วยจั๊บมีแขก จึงขอตัวกลับก่อน ร่างโปร่งจึงเดินเลี่ยงมาที่ศาลาริมน้ำ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่ยืนหันหลังอยู่กลางศาลา ก็ทำให้หัวใจไหววูบ ถึงอย่างนั้นเสียงที่เปล่งออกไปกลับกระด้างจนตัวเองยังรู้สึกตกใจ
“มาทำไม?”
เจมินี่หันกลับมา ใบหน้ามีแววอิดโรย ความเหนื่อยล้าปรากฏฉายชัดอยู่ในดวงตาสีเทาคู่นั้น ร่างโปร่งก้าวเข้ามาประจันหน้ากับอีกฝ่ายที่ยังคงยืนนิ่งสงบอยู่
“ถามว่ากลับมาทำไม? ” ก๋วยจั๊บขึ้นเสียง สองมือยกขึ้นผลักที่อกของอีกฝ่าย ความโกรธที่กักเก็บไว้ภายในใจเริ่มทะลักล้นออกมา “นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป เห็นที่นี่เป็นอะไร?”
“บ้าน” เสียงทุ้มอ่อนโยนที่ตอบกลับมา ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้ร่างโปร่ง
“โกหก!! นายไม่คิดว่าที่นี่เป็นบ้านหรอก เพราะถ้านายคิดเหมือนที่นายพูดจริงๆ นายคงไม่ไปโดยไม่บอกฉันหรอก”
“นายจะฟังฉันบ้างได้ไหม ฉันรู้ว่าผิดที่กลับไปโดยไม่บอก แต่มันมีเหตุผล เหตุผลที่ฉันพยายามจะอธิบายให้นายฟัง แต่นายไม่เคยให้โอกาสฉันเลย”
ก๋วยจั๊บสะบัดหน้าไปทางอื่น ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นสนิท
เจมินี่เคลื่อนกายเข้าใกล้แล้ววางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่กลมมน ส่วนอีกมือหนึ่งเลื่อนไปจับคางของอีกฝ่ายให้เบือนหน้ากลับมา ดวงตาสีเทาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
“นายไม่เชื่อฉันรึไง นายเห็นว่าฉันเป็นคนแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ใช่!! นายมันแย่!!! ทำตัวแย่ๆ”
ก๋วยจั๊บปัดมือใหญ่ออกอย่างแรง แล้วเดินเลี่ยงไปทรุดตัวลงนั่งบนพื้นแล้วใช้สายตาบังคับให้เจมินี่ทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้าม โดยมีโต๊ะไม้ตัวเตี้ยกั้นอยู่ระหว่างกลาง
“จะพูดอะไรก็พูดมา”
“วันนั้น...ลอเรนซ์โทรมา.....”
เพียงประโยคแรก ดวงตากลมโตก็เป็นประกายกล้าขึ้นมาทันที นายแบบหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเอ่ยต่อ “เขามีปัญหา ฉันเลยต้องกลับไป จะบอกนาย นายก็เมาหลับไปเสียก่อน”
ร่างโปร่งแค่นเสียง “หึ แค่ลอเรนซ์มีปัญหา นายก็รีบกลับไปถึงขนาดนั้น เป็นห่วงเป็นใยกันเหลือเกินนะ”
น้ำเสียงประชดประชันทำเอาเจมินี่มีสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “ไม่ใช่อย่างนั้น จั๊บนายเป็นอะไร มารวนฉันทำไมเนี่ย”
ก๋วยจั๊บทำตาโต “ใครรวนนายมิทราบ ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้แหละ ตกลงว่าเรื่องของนายแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะได้กลับ”
ร่างโปร่งทำท่าจะลุกขึ้นแต่ติดมือใหญ่ที่เอื้อมมารั้งไว้เสียก่อน สีหน้าของนายแบบหนุ่มเครียดขรึมลง น้ำเสียงเข้มขึ้น
“ห้ามลุก!! วันนี้ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องไปไหนกันล่ะ”
ร่างโปร่งก้มมองมือใหญ่แล้วเงยหน้าขึ้นขู่ “ปล่อย”
“ไม่ปล่อย จนกว่าจะพูดกันรู้เรื่อง”
“ไม่ปล่อยเหรอ ดี!! นี่แน่ะ!!” จบประโยค มือข้างที่เป็นอิสระก็ฟาดไปที่ต้นแขนของอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโมโห เจมินี่จึงรวบคนเกเรให้มานั่งอยู่บนตัก ซึ่งกว่าจะได้ก็ขลุกขลักเอาการ แถมด้วยการยึดมือที่ชอบประทุษร้ายไว้ให้อยู่นิ่งๆ ร่างสูงมองใบหน้านวลแล้วเอ่ยออกมาลอยๆ
“คนงี่เง่า”
“ว่าใครงี่เง่า?!!!” ร่างโปร่งกระชากเสียงถาม เจมินี่ยิ้มน้อยๆ
“ใครรู้ตัวว่างี่เง่าคนนั้นก็รับไป”
ดวงตากลมโตวาวโรจน์ขึ้น เอ่ยเสียงขุ่นๆ “ปล่อยซะที เจ็บแขน นายแบบแรงควาย!!”
เจมินี่หัวเราะพรืด พอโกรธขึ้นมาก๋วยจั๊บก็ปากจัดใช่เล่น ร่างสูงปล่อยมือที่ยึดไว้แต่ยังคงโอบร่างในอ้อมแขนเอาไว้หลวมๆ พอมือเป็นอิสระเท่านั้น เจ้าตัวก็เงื้อมือขึ้นหวังทุบไปบนไหล่กว้าง
“ถ้าทุบลงมาละก็ มีเรื่องแน่ๆ คนนะ ไม่ใช่กระท้อน ทุบเอาๆ”
“เดี๋ยวนี้หัดเล่นสำบัดสำนวนนะ พูดได้เข้าหน่อย ทำเป็นเก่ง” ก๋วยจั๊บเอ่ยอย่างหมั่นไส้ มือเรียวทุบไหล่กว้างเข้าเต็มแรง โดยไม่เกรงกลัวคำขู่เลยแม้แต่น้อย
“หึ หึ อย่างนายเรอะ จะกล้า......”
พูดยังไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากที่เอ่ยคาดโทษไว้ก็ฉกวูบลงมาประทับบนเรียวปากนุ่ม แถมบดเบียดเบาๆ ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปหาความชุ่มชื่นจากอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้ได้แต่เบิกตาโพลง แต่รับรู้ถึงการหยอกเย้าจากปลายลิ้นซุกซน แม้หลังจากการจูบที่กินเวลาสั้นๆจะสิ้นสุดลงแต่ร่างโปร่งยังคงนั่งตะลึงตัวแข็ง ได้แต่มองอย่างไม่เชื่อสายตา
“อย่างฉันจะกล้าอะไร? พูดต่อสิ”
“ทะ...ทำไม? เมื่อกี๊ ....เมื่อกี๊” เสียงตะกุกตะกักหลุดออกมาอย่างลำบากยากเย็น
“อ๋อ.....จูบน่ะสิทำไม?”
“แล้ว...ทำไม....ทำไม?”
“ก็บอกไปแล้วว่าถ้าทุบจะมีเรื่อง แล้วเชื่อไหมล่ะ? จะลองอีกทีไหม?”
คราวนี้ก๋วยจั๊บสั่นหน้าทันที ใบหน้านวลซับสีแดงระเรื่อ เจ้าตัวก้มหน้าหงุด ไม่ยอมสบนัย์ตาพราวระยับที่จ้องมองอยู่
“เรายังพูดกันไม่จบสินะ เอาล่ะ ฉันจะเล่าให้นายฟังให้จบ พอจบแล้วนายอยากจะด่า จะว่าฉันก็เอาเลย ที่บอกว่าลอเรนซ์มีปัญหาน่ะ มีจริงๆ เขาทำปัญหาขึ้นมาจริงๆ เขาแทงคนได้รับบาดเจ็บ ”
ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นทันที “อะไรนะ? แทงใคร?”
“พ่อฉัน” คำตอบราบเรียบนั่น ทำให้ก๋วยจั๊บเผลอกุมมือใหญ่เอาไว้โดยไม่รู้ตัว เจมินี่ยิ้มบางลูบมือเรียวเบาๆ “โชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ แต่รอยก็แทบบ้าไปเลย กว่าฉันจะจัดการเคลียร์เรื่อง ปิดข่าว ก็ใช้เวลาอยู่แต่อย่าวว่าแหละยังเหนื่อยไม่เท่าต้องง้อคนเลยนะนี่”
“อย่านอกเรื่องสิ ทำไมลอเรนซ์ถึงแทงพ่อนายล่ะ?”
“รอยทนไม่ได้ที่พ่อมีคนอื่น ก็เลยทะเลาะกัน แล้วรอยก็โมโห คว้ามีดแทงพ่อ”
“แต่ลอเรนซ์ชอบนายไม่ใช่หรือไง? ฉันยังพาลโดนลูกหลงไปด้วยเลย” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้น เมื่อนึกถึงตอนที่ตนตามไปเป็นผู้จัดการของเจมินี่
“เมื่อก่อนฉันกับรอยเคยคบกัน แต่รอยก็เปลี่ยนใจไปหาพ่อฉัน จากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก สำหรับหมอนั่น ฉันก็เป็นเหมือนของที่แม้เขาจะไม่ได้ ก็ไม่อยากยกให้ใครนั่นแหละ”
“แล้วพ่อของนายว่าอย่างไรบ้าง?”
“พ่อบอกกับตำราวจว่าเป็นอุบัติเหตุน่ะ จริงๆแล้วพ่อน่ะรักรอย แต่แกล้งทำเป็นมีคนอื่นไปอย่างนั้นเอง ดี คราวนี้จะได้เข็ด”
ก๋วยจั๊บตีแขนอีกฝ่ายเบาๆ เอ็ดว่า “พูดอย่างนี้ได้ยังไง นั่นพ่อนายนะ”
ร่างสูงยิ้มกว้าง “ว่าแต่หายโกรธแล้วสินะ?”
“หายก็ได้” ก็นะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ถ้าเขาจะโกรธเจมินี่ ก็งี่เง่าเต็มทนจริงๆนั่นแหละ
คำตอบสั้นๆทำให้เจมินี่หัวเราะเบาๆ เอ่ยกระเซ้า “นี่ถ้ารู้ว่าพอจูบแล้วนายจะเข้าใจอะไรง่ายๆแบบนี้ ฉันทำไปนานแล้ว”
ก๋วยจั๊บทุบหลังเจมินี่ดังอั๊ก “ยังมีหน้ามาพูดอีก คนอะไร หน้าไม่อาย นี่ก็อีกเรื่อง มาเคลียร์กันเดี๋ยวนี้เลย”
“เรื่องอะไร?” เจมินี่แสร้งทำหน้าเหรอหรา ไม่เข้าใจ ร่างโปร่งหน้าแดง
“ก็เรื่องนั้นน่ะแหละ”
“อ๋อออออ จูบบบบบบบบน่ะเหรอ ทำไมล่ะ คนรักกัน จูบกันก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“ใครรักกับใครมิทราบ นายยังไม่เคยบอกรักฉันสักหน่อย” ก๋วยจั๊บกอดอก ดวงตากลมโตจ้องเขม็งที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
“บอกไปแล้ว”
“ยัง!!”
“บอกไปแล้วจริงๆ” เจมินี่ยืนยันหนักแน่น ร่างโปร่งเอียงคอน้อยๆมองอย่างสงสัย
“เมื่อไหร่? ยังไง?”
“ก่อนหน้านี้ก็บอก ตอนนี้ก็ยังบอก บอกในใจไง แย่จัง ไม่เคยได้ยินเลยหรือนี่” พูดจบเจ้าตัวยังทำหน้าแบบเสียดาย ก๋วยจั๊บกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง แหวใส่
“นี่ฉันไม่ได้หูผี จมูกมดนะ จะได้รู้ว่านายพูดอะไรอยู่ในใจ อีกอย่างฉันบอกเรอะว่าชอบนาย”
“หึงออกขนาดนี้ยังไม่เรียกว่าชอบแล้วจะเรียกว่าอะไร?”
“ไม่รู้แหละ ฉันไม่ยอมรับหรอกนะ นายขี้ตู่เอาเองชัดๆ” ร่างโปร่งพยายามทำสีหน้าให้เคร่งเครียด แต่ทำยังไงก็ซ่อนแววตาขี้เล่นเอาไว้ไม่อยู่ เจมินี่ถอนหายใจแรงๆ
“อย่างนี้ก็ต้องทำให้ยอมรับอย่างเดียวล่ะสิ เฮ้อ เอาละนะ” มือแข็งแรงสอดเข้าไปในเส้นผมนุ่มลื่นแล้วประทับจูบที่กลางกระหม่อมเบาๆ เอ่ยถาม
“ยอมไหม?”
“ไม่”
ริมฝีปากได้รูปย้ายไปจุมพิตที่กลางหน้าผากมน ประทับนิ่งไว้ชั่วครู่ ก่อนจะก้มลงถาม
“ยอมไหม?”
“ฝันไปเถอะ”
คราวนี้ริมฝีปากได้รูปจึงเปลี่ยนจุดหมายมาประทับบนเปลือกตาบางทั้งสองข้างที่เจ้าของหรุบลงต่ำ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจของร่างโปร่ง ได้ยินเสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้นเบาๆ
“ยอมไหม?”
“หนวกหู”
เป้าหมายการรุกรานที่อ่อนหวานจึงกลายมาเป็นแก้มเนียนๆทั้งสองข้างที่แปรเป็นสีชมพูจางๆ ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอยู่ตรงผิวแก้ม ทำให้ใบหน้านวลร้อนวาบ
“ยอมได้หรือยัง?”
“อืม...คะ.คิดดูก่อน”
อย่างไม่ยอมให้เสียเวลา เรียวปากนุ่มจึงถูกทาบทับอย่างนุ่มนวล เรียวลิ้นตวัดคละเคล้าเพื่อหาความหอมหวานอย่างเรียกร้อง เว้าวอน จนผู้ถูกรุกรานต้องสนองตอบอย่างเผลอไผล หลังจากดื่มด่ำความหวานจนพอใจ เจมินี่จึงถอนริมฝีปากออก กระซิบข้างใบหูเล็กด้วยเสียงแหบพร่า
“My sweet …….”
“ I love you”
จูบที่สองที่ตามมาหนักแน่นแต่อ่อนโยนราวกับจะเน้นย้ำถึงความหมาย เรียกเสียงครางแผ่วหวานจากคนในอ้อมกอดได้เป็นอย่างดี ร่างโปร่งเอนกายพิงอกกว้าง เจมินี่โอบร่างในอ้อมแขนไว้หลวมๆ ได้ยินเสียงถามจากคนในอ้อมกอด
“แน่ใจนะ ว่าจะไม่เปลี่ยนใจที่หลัง”
“แน่ใจสิ ยิ่งเจอก็ยิ่งรัก ยิ่งรู้จัก ก็รู้ว่าคนนี้นี่แหละ ใช่เลย ว่าแต่นายเถอะ ตอนเจอกันครั้งแรก ไม่หลงเสน่ห์ของฉันเลยเหรอ”
“หลงตัวเองชะมัด!! อย่างนายน่ะไม่อยู่ในสายตาฉันหรอก”
“เหรอ แต่นายอยู่ในสายตาฉันทั้งตัวเลยนะ จะบอกให้” เจมินี่พูดด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย ทำเอาร่างโปร่งหน้าร้อนวูบเมื่อคิดถึงว่าตอนเจอกันครั้งแรก เจอกันในลักษณะเช่นไร
“ห้ามพูดนะ!!! ห้ามคิดถึงด้วย!!!!”
เสียงของร่างโปร่งดังลั่นไปทั่วศาลาริมน้ำ ประสานกับเสียงหัวเราะชอบใจของอีกฝ่าย เพียงครู่ก็เหลือเพียงเสียงหัวเราะของทั้งสองฝ่ายที่สอดประสานเหมือนกับท่วงทำนองของหัวใจสองดวงที่ถูกเกี่ยวคล้องไว้ด้วยคำว่า ‘รัก’
จบ
ส่งท้าย....
ชีวาสนั่งมองแผ่นหลังของเกี๊ยวที่ซ่อนตัวอยู่ในดงพุทธรักษาริมตลิ่งใกล้ๆกับศาลาริมน้ำด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก ร่างสูงเอ่ยเสียงเนือยๆ
“นี่กลับเถอะ จะมานั่งให้ยุงมันกัดทำไม”
“นายมันจะไปรู้อะไร ชีวาส ฉันก็ต้องมาดูสิว่าพี่เจ็มจะง้อพี่จั๊บสำเร็จหรือเปล่า” ร่างโปร่งหันมาตอบ ตาก็คอยมองไปในศาลาริมน้ำ มือก็พยายามตบยุงที่มารุมกัดด้วยเสียงที่เบาที่สุด
“ไอ้ยุงบ้านี่ก็เยอะจริงเชียว คอยดูนะ พ่อจะเอาย่าฆ่ายุงมาฉีดให้ตายเรียบเลยคอยดู” เกี๊ยวเอ่ยอาฆาต หันไปว่าคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง
“นี่หัดทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยได้ไหม อุตส่าห์ชวนมาหัดไล่ยุงให้หน่อยสิ”
“ก็บอกว่าให้กลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้น่ะ ตุ่มเต็มตัว” ชีวาสพูดด้วยเสียงเนือยๆ ก่อนจะเข้าไปโอบอีกฝ่ายทางด้านหลัง เอ่ยกระซิบ
“แต่จริงๆ เราลองมาจู๋จี๋ ท่ามกลางธรรมชาติก็ไม่เลวหรอกนะ หรือว่าไงเกี๊ยวจ๋า”
ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก ตายล่ะหว่านี่มันไม่เคยมีสามัญสำนึกบ้างหรือไง ทำไมถึงเป็นคนหน้าด้าน หน้าทนขนาดนี้นะ
“แว๊กกกกกก ...หยุดนะ ไอ้ชีวาส เอ็งจะทำอะไรข้า จ๊ากกกก ...เอามือเอ็งออกไปเดี๋ยวนี้น้า” ร่างโปร่งดิ้นรนหวังจะให้หลุดจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายที่เข้ามานัวเนียด้วย แต่เนื่องจากที่ๆซุ่มอยู่มันเป็นตลิ่งดังนั้น เจมินี่และก๋วยจั๊บจึงได้ยินเสียงวัตถุตกลงน้ำดัง ตูม
“เอ๊ะ นั่นเสียงอะไร?”
“อืม ปลาล่ะมั๊ง”
“แต่เสียงมันดังมากเลยนะ ปลาอะไรจะตัวใหญ่ขนาดนั้น” ร่างโปร่งยังคงสงสัย เจมินี่ส่ายหัว
“ช่างมันเถอะ”
“อืม ช่างก็ช่าง”
ก๋วยจั๊บเอ๊ย ช่างไม่รู้ซะเลยว่าน้องชายนายเกี๊ยวนั่นแหละ ปลาตัวโต เหอ เหอ