ตอนที่ 13 คุณคนเดียวแต่เราสองคน
ไม่ควรเลยที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย แต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ภาพเหตุการณ์ที่หน้าบ้านวันนั้นลอยเข้ามาในมโนสำนึก นัยย์ตาถูกภาพของโศกนาฎกรรมเข้ามาแทนที่ภาพผู้หญิงที่ยืนร่ำไห้และส่งเสียงเกรี้ยวกราดโต้เถียงกับพี่ทีมอยู่หน้าบ้าน ในหูมันตีกันจนอื้อไปหมด จับใจความไม่ได้เลยว่าเค้าพูดอะไรกัน
เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนคุณคนเดียวซ้อนทับกับเสียงกรีดร้องของแม่คุณคนเดียวในวันนั้นไม่มีผิดเพี้ยน เสียงต่อว่าที่ตอกย้ำความจริง ขลุ่ยกำลังเดินตามรอยพ่อ ขลุ่ยกำลังทำลายความรักของใครอีกคนโดยไม่ตั้งใจ
ดูเหมือนงานสังสรรค์จะกร่อยลงไปถนัดตา พี่ทีมหลบออกมาเมื่อคุณคนเดียวเดินเข้าไปถึง เสียงกรีดร้องในตอนแรกเงียบลงไปเมื่อคุณคนเดียวพูดอะไรสักอย่าง
“น้องขลุ่ยเข้าบ้านไปกับพี่ก่อนเถอะ เดี๋ยวคนเดียวก็เข้ามา”
“เอ่อ ขลุ่ย เอ่อ...”
กังวลและเป็นห่วงมันปั่นรวมกันจนปั่นป่วนไปหมด
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คนเดียวมันเคลียร์ได้”
ส่งเรื่องให้คุณคนเดียวจัดการต่อแล้วพี่ทีมก็เดินมาหาก่อนจะดึงมือขลุ่ยเข้ามาในบ้าน พี่หงส์เหมือนจะสร่างเมาแล้วแต่ยังเบลอๆอยู่ ดูไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน ส่วนพี่โป้งและคนอื่นๆคงจะตกใจ แต่ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมา ทุกคนได้แต่เงียบและเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆเท่านั้น
นี่หรือเปล่าคือวิบากกรรมที่ขลุ่ยจะต้องชดใช้ รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นรักต้องห้ามก็ยังไม่ยอมห้ามใจตัวเอง ยิ่งรู้ว่าคุณคนเดียวมีใจให้ก็ยิ่งย่ามใจ สุดท้ายขลุ่ยก็ได้กลายเป็นผู้ร้ายโดยสมบูรณ์แบบจริงๆ
“คิดมากเหรอขลุ่ย”
“ครับ”
ถ้าปฎิเสธพี่ทีมว่าไม่ได้คิดอะไรมันคงเป็นเรื่องที่ขลุ่ยโกหกได้ไม่เนียน ความผิดมันซัดกระหน่ำมาเต็มๆความรู้สึกเลยตอนนี้ มันรู้สึกจนไม่รู้จะทำสีหน้ายังไงไม่ให้ดูแย่จนใครๆก็มองออกแบบนี้ เสียงต่อว่าที่ทะลุโสตประสาทเข้ามาทำร้ายความรู้สึกจนหูอื้อตาลายไปหมด นี่ขลุ่ยกำลังแย่งคนรักอยู่กับผู้หญิงงั้นเหรอ มันดูเสียชาติเกิดเสียยิ่งกว่าเป็นเกย์อีกนะ
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ความรักมันเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้นี่นะ มันไม่มีใครผิดหรอก มันมีแค่สมหวังกับผิดหวังแค่นั้นเอง”
“พี่ทีมรู้เหรอครับ”
ความจริงต่อให้ไม่มีใครรู้เรื่องราวอัปยศพวกนี้ แต่เสียงโหวกเหวกโวยวายของแฟนคุณคนเดียวที่หน้าบ้านเมื่อสักครู่ก็ไม่ต่างอะไรกับป่าวประกาศให้ทุกคนรู้เรื่องหรอก
“พอรู้อะครับ คนเดียวมันไม่ได้เล่าหรอก แต่มันแสดงออกพี่เลยสังเกตเอาเอง”
“ขลุ่ยทำให้คุณคนเดียวสับสนเองแหละครับ”
“อย่าเรียกว่าทำให้สับสนเลย เรียกว่าทำให้มันรู้ใจตัวเองดีกว่า”
“แต่คุณคนเดียวไม่ได้เป็นเกย์นะครับ”
“เท่าที่พี่รู้มาเกย์เค้าก็ไม่ได้เป็นกันมาตั้งแต่เกิดนี่ครับ มันเกิดจากความรู้สึกใช่มั้ยล่ะ อย่างพี่ถ้าวันหนึ่งพี่เจอใครที่อยู่ใกล้ๆแล้วมีความสุข พี่ก็จะอยู่กับคนนั้น แล้วถ้า
เค้าเป็นผู้ชายพี่ก็จะกลายเป็นเกย์”
มันแปลกใช่มั้ยที่ใครสักคนจะพูดถึงความรักที่ผิดธรรมชาตินี้เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องปกติทั่วไป ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ง่ายๆ
“ความสุขที่พี่ทีมพูดถึงคือความสุขที่อยู่บนความทุกข์ของใครอีกคนนะครับ แล้วเค้าก็ไม่ได้ผิดอะไร”
“ทุกข์ตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าทุกข์ไปตลอดชีวิตเพราะหลอกตัวเองไปวันๆนะครับ บางทีคนเรายอมทุกข์แค่ต้องการจะเอาชนะกันก็แค่นั้น ไม่เห็นมีอะไรดีเลยนะ ทุกข์กันไปทุกฝ่าย”
“ขอบคุณนะครับพี่ทีมที่ช่วยปลอบใจ”
ยอมรับว่าคำพูดของพี่ทีมทำให้ลดความอึดอัดใจลงไปบ้าง ไม่ทำให้ลมหายใจสะดุดจนเกินไป ถ้าขลุ่ยต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คนเดียว บางทีขลุ่ยอาจจะฟุ้งซ่านไปกว่านี้ แล้วอาจจะตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปก็ได้
“พี่พูดความจริงครับ เชื่อใจคนเดียวมันเถอะครับ พี่ว่ามันได้รับบทเรียนแล้วมันคงมีทางแก้ของมัน ปล่อยให้คนแก้ปมเชือกคือคนที่ผูกปมนั้นเองเถอะครับ”
ขลุ่ยเชื่อใจคุณคนเดียวเสมอ เคารพทุกการตัดสินใจเหมือนผู้ตามที่ไม่เคยทะเยอทะยานขึ้นมาเทียบเท่าหรือเป็นผู้นำแต่อย่างใด คุณคนเดียวรู้แล้วแน่ๆว่าความรักของขลุ่ยมีแค่ไหน คนที่ไม่รู้คือขลุ่ยเองต่างหาก ไม่รู้ว่าความรักที่คุณคนเดียวตอบกลับมามีค่าเท่ากันหรือเปล่า
จากที่ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าบ้าน ตอนนี้คุณคนเดียวกับแฟนเปลี่ยนเป็นมานั่งคุยกันที่โต๊ะสนามหน้าบ้านแล้ว เสียงเกรี้ยวกราดเหมือนคนที่ระงับสติอารมณ์ไม่ได้ในตอนแรกของพี่เมย์ดูเหมือนจะสงบลงมากเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณคนเดียว
สิ่งเดียวที่ขลุ่ยรอ คือรอการตัดสินใจของคุณคนเดียว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะต้องดีใจหรือเสียใจก็คิดว่าตัวเองจะรับได้ ไม่รู้ว่าตอนนั้นพ่อจะทรมานใจได้เท่ากับตอนที่ขลุ่ยเป็นอยู่ตอนนี้มั้ย หรือสถานการณ์ที่พ่อเผชิญมามันจะเลวร้ายกว่านี้
“ดึกแล้วขึ้นไปพักผ่อนก่อนดีมั้ย ท่าทางจะเคลียร์กันยาว บ้านพี่มีห้องรับรองแขกอยู่พักผ่อนได้ตามสบายเลยนะ”
“ไม่เป็นไรครับขลุ่ยรอได้ หรือไม่ขลุ่ยกลับเองได้นะครับ”
เพื่อนบางคนที่รอจนแน่ใจว่าวงเหล้าแตกแน่ๆแล้วก็ค่อยๆทยอยกลับกันทีละคนสองคน ที่ดูจะปักหลักแบบไม่คิดจะถอยไปไหนนอกจากเจ้าของบ้านแล้วก็มีพี่หงส์กับพี่โป้งนี่แหละที่ยังนั่งจิบเหล้าไปแบบไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมาเลยสักคน
“กลับเองก่อนนี่เลิกคิดเลยครับ คนเดียวโวยวายบ้านพี่พังแน่ๆ ถึงจะนอนไม่หลับแต่พักสายตาบ้างก็ดีนะครับ ขลุ่ยคงไม่อยากให้คนเดียวมันห่วงหน้าพะวงหลังใช่มั้ย”
พี่ทีมพูดถูก ถ้าขลุ่ยตัดสินใจอะไรตามอารมณ์นางเอกหนังไทยที่สับสนกับการกระทำของตัวเองหรือพระเอกแล้วหนีไป มันคงเป็นความคิดที่งี่เง่ามากแน่ๆมันยิ่งจะทำให้คุณคนเดียวลังเลที่จะตัดสินใจทำอะไร การรอคอยอย่างสงบน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองไว้มันทรมานยิ่งกว่ายอมรับความจริงเป็นไหนๆ
“งั้นขลุ่ยรบกวนหน่อยแล้วกันนะครับพี่ทีม ขอล้างหน้าแล้วก็พักสายตาสักหน่อย พรุ่งนี้จะไปโรงเรียนนะครับ”
“ได้เลยๆ ตามพี่มาเลย หงส์ โป้ง เดี๋ยวกูมานะพาน้องขลุ่ยไปพักผ่อนก่อน”
“โอเคๆ ตามสบายนะครับน้องขลุ่ย อย่าคิดมากนะ”
“ขอบคุณครับพี่ ขอตัวก่อนนะครับ”
ถึงจะยังเพลียๆอยู่เพราะเพิ่งหายจากไข้แต่พอหัวถึงหมอนแผ่นหลังถึงที่นอนก็ข่มตาหลับไม่ลงจริงๆนั่นแหละ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่แฟนคุณคนเดียวไม่เตลิดไปเหมือนเหตุการณ์ครั้งนั้น ถ้าประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยกันเหมือนถ่ายเอกสารออกมาจริงๆขลุ่ยคงไม่มีสติพอที่จะมานอนรออย่างสงบอยู่อย่างนี้
บางครั้งความรู้สึกของคนที่ถูกเลือกก็ไม่ได้มีความสุขอย่างที่ใครๆเข้าใจสักเท่าไหร่ ขลุ่ยถึงได้เลือกที่จะเข้าใจพ่อในตอนนั้นและยอมให้คุณคนเดียวระบายอารมณ์ยังไงก็ได้ ถึงพ่อจะเป็นคนที่คุณลุงเลือกแล้วว่ารัก แต่ความรักที่ได้มาก็ไม่ได้ทำให้พ่อมีความสุขเลยสักนิดเดียว ที่พ่ออยู่ได้เพียงเพราะทั้งพ่อและคุณลุงต่างอยู่เป็นกำลังใจให้กันและกันเพื่อครอบครัวเท่านั้นเอง ไม่มีใครมีความสุขกับความรักที่เลือกไม่ได้และต้องหลบซ่อน ถึงขลุ่ยจะเป็นผลผลิตที่เกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่เคยคิดเสียใจเลยที่เรื่องมันต้องเป็นอย่างนั้น ถึงไม่ได้เกิดมาจากความตั้งใจแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่พ่อทำให้ขลุ่ยรู้สึกว่าไม่ได้รับความรัก พ่อก็ยังเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับขลุ่ยอยู่ดี
ตอนที่จะเดินขึ้นมาพักผ่อนข้างบน หางตาอดที่จะมองไปยังสองคนที่คุยกันอยู่ที่หน้าบ้านไม่ได้ ขลุ่ยไม่รู้หรอกว่าคุณคนเดียวมีสีหน้ายังไง เพราะคุณคนเดียวนั่งหันหลังให้ แต่พี่เมย์กำลังนั่งร้องไห้อยู่แน่ๆ ถึงจะไม่ฟูมฟายอะไรแต่ก็มองเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มได้ชัดเจน
.
.
.
รอยอุ่นชื้นบนใบหน้าและแรงกอดรัดจากทางด้านหลังทำให้รู้สึกตัว ที่เผลอหลับไปคงเป็นเพราะยังไม่ฟื้นจากไข้เต็มที่ น้ำหนักตัวที่ทิ้งลงนอนข้างๆเป็นคนเดิมที่คุ้นเคย ไม่รู้ว่าดึกแค่ไหนแล้ว เผลอๆอาจจะดึกมากหรือไม่ก็กลายเป็นเช้าวันใหม่ไปแล้วก็ได้
“ขอโทษ คุณคนเดียวทำให้ตื่นเหรอ”
แรงกอดรัดที่ช่วงเอวแน่นขึ้นกว่าเดิมจนแทบจะจมหายไปกับอกกว้าง ปลายจมูกที่ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอไม่ได้เกิดจากความต้องการของร่างกายแต่เหมือนคนที่กำลังเหนื่อยล้าและต้องการที่พักพิงมากกว่าความใคร่
“ไม่ได้หลับหรอกครับ แค่เคลิ้มๆไปเท่านั้นเอง”
“อือหึ๊”
“คุณคนเดียวครับ...เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ แต่ก็รู้สึกแย่”
“เล่าได้มั้ยครับ”
“ได้สิ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ได้มั้ย”
“เมื่อไหร่ก็ได้ครับ”
“เหมือนคุณคนเดียวกำลังชดใช้กรรมอยู่เลยนะ ขอโทษนะที่ทำให้ขลุ่ยต้องโดนไปด้วย กำลังคิดมากเรื่องนี้เหมือนกันใช่มั้ย”
“ขลุ่ยแค่สงสารคนที่ไม่ถูกเลือกน่ะครับ”
“แล้วไม่สงสารคนที่ต้องเลือกบ้างเหรอ”
“คุณคนเดียวลำบากใจที่ต้องเลือกเหรอครับ”
“เปล่าหรอก คนที่ต้องเลือกคุณคนเดียวมีอยู่แล้ว แต่รู้สึกแย่ที่ทำให้เค้าเสียใจน่ะ”
“คุณคนเดียวเลือกใครเหรอครับ”
“เป็นคำถามที่สมกับเป็นขลุ่ยจริงๆเลยนะ มันทำให้คุณคนเดียวรู้สึกแย่ขึ้นอีกสองเท่าเลย”
“อ้าว....ขอโทษครับ”
“ที่ผ่านมาคุณคนเดียวไม่เคยชัดเจนเลยใช่มั้ย เลยทำให้ใครต่อใครเข้าใจผิดไปทั่ว ขนาดขลุ่ยเองยังไม่มั่นใจจนต้องถามคำถามนี้ออกมาเลย”
“ก็คุณคนเดียวไม่เคยบอกเลยนี่ครับ”
“บอกว่าอะไร บอกว่าเลือกใครน่ะเหรอ หรือว่าบอกรัก”
“ทั้งสองอย่างครับ”
“พูดว่ารักมันง่ายมากเลยนะขลุ่ย ง่ายกว่าเข้าใจความรู้สึกตัวเองเยอะ แต่ถ้าอยากได้ยินก็จะบอก แล้วอย่าบ่นว่าเบื่อนะ”
“มันบ่อยขนาดเบื่อได้เลยเหรอครับ”
“ถ้าตลอดชีวิตนี่มันบ่อยมั้ยล่ะ คุณคนเดียวไม่อยากใช้คำว่ารักผูกมัดใครพร่ำเพรื่ออีกแล้วนะ”
“เราจะได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตอย่างที่คุณคนเดียวบอกจริงๆน่ะเหรอครับ แล้ว......”
“จริงสิ คุณคนเดียวนี่เป็นลูกที่แย่มากเลยนะ ทั้งๆที่พ่อพยายามต่อสู้และเสียสละหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเปิดทางกว่าจะมาถึงเราขนาดนี้ คุณคนเดียวก็ยังโกรธและ
ไม่เข้าใจพ่อได้ ถ้าคุณคนเดียวเป็นพ่อยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงกับเรื่องพวกนี้ดี บอกเลิกใครสักคนยังรู้สึกแย่ขนาดนี้แล้วคิดดูสิพ่อต้องแต่งงานกับใครสักคนบังหน้าเพื่อรักษาความรักเอาไว้จะรู้สึกแย่สักแค่ไหน”
“แต่พ่อคุณคนเดียวก็รักแม่คุณคนเดียวจริงๆนะครับ”
“คุณคนเดียวรู้ แต่รักของพ่อกับของแม่มันมีความหมายไม่เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”
“ครับ”
“กลับบ้านเรากันเถอะ”
“แล้วพี่ๆเค้าละครับ”
“คงสลบกันอยู่ในห้องไอ้ทีมแหละมั้ง พวกมันคงหมดแรงลุ้นกันไปแล้ว”
“แล้วแฟนคุณคนเดียวล่ะครับ”
“เมย์เป็นอดีตแฟนไปแล้วล่ะ คุณคนเดียวส่งขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว”
“น่าจะไปส่งเค้าให้ถึงบ้านนะครับ”
“เมย์เค้าต้องการแบบนั้นน่ะ เค้าต้องการเวลาทำใจ ถ้าคุณคนเดียวยังใจดีด้วย เดี๋ยวอาจจะเปลี่ยนใจไม่ปล่อยคุณคนเดียวแล้วขลุ่ยจะทำยังไง”
“ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ”
“ไม่เสียใจเลยเหรอ”
“เสียใจสิครับ”
“เมื่อไหร่ขลุ่ยจะคิดว่าคุณคนเดียวเป็นของตัวเองเหมือนที่คุณคนเดียวคิดว่าขลุ่ยเป็นของคุณคนเดียวสักทีนะ”
“ได้เหรอครับ”
“ได้สิ”
“แล้วคุณคนเดียวจะไม่รำคาญเหรอ”
“ไม่รำคาญหรอกเพราะคุณคนเดียวก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกันต่อไปนี้เราเท่าเทียมกันแล้วนะ จะมาว่าคุณคนเดียวเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว”๐ สวัสดีค่ะ เราต่อความยาวสาวความยืดคุณคนเดียวมาพอสมควรแล้ว ม่านคงจะปิดลงในตอนหน้าได้แล้วนะคะ...คนเขียนทำได้เท่านี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีและประหลาดใจมากแล้วล่ะคะ
๐ คุณคนเดียวแต่เราสองคนเป็นหนังสือหนึ่งเล่มจบประมาณสองร้อยหน้าได้มั้งค่ะ อันนี้ตั้งใจจะทำออกมาหนึ่งเล่มให้พี่คนประมูลหนังสือเล้าได้อยู่แล้ว และจะเก็บไว้เองเป็น Ref.ด้วยว่าตัวเองแต่งนิยายไว้กี่เรื่อง ลูกหลานTRomance ในอนาคตจะได้สืบสานความตั้งใจสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันต่อไปนะจ๊ะ แต่เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบคนเขียนลงเล้าหมดนะคะ ไม่ต้องกลัวขาดตอน ถ้าเล้ายังอยู่สามารถคุ้ยอ่านนิยายคนเขียนคนนี้ได้ทุกเรื่อง แต่อาจจะมีตอนพิเศษเพิ่มในเล่มประมาณสามตอน (ไม่ได้ลงเล้าก็ไม่ได้ทำให้สับสนอะไรในเรื่องราวนะคะ คนเขียนแค่เพิ่มขึ้นมาเฉยๆ ไม่ใช่ส่วนอธิบาย หรือขยายภายในเนื้อเรื่องหลักแต่อย่างใดค่ะ) ... ไม่ต้องตกใจคนที่อ่านเด็กป๋ามานะคะ คนเขียนกอปมาเลยทั้งดุ้น อิอิ
๐ ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามและสนับสนุนกันมาโดยตลอด คนเขียนเป็นมือใหม่ที่ผิดพลาดไปบ้าง แต่งเองขัดแย้งกันเองบ้าง มีคำผิดให้ทุกคนได้ฝึกสายตากันอยู่บ่อยๆ แต่คนอ่านก็ยังให้อภัยและอยู่ข้างกันมาเสมอ นะคะ
๐ TRomance
[/color]