ตอนที่ 9
ในหัวเบาหวิวแต่ตัวหนักอึ้งเหมือนใครเอาหินมา ถ่วงไว้ สองแขนสองขาไร้เรี่ยวแรง ฝ้าเพดานเบลอจนตาลายยิ่งมองเท่าไหร่ก็ยิ่งปวดหัว ทำไมไฟถึงได้มีสองดวงบ้างสามดวงบ้างไม่เท่ากันเลยสักครั้งล่ะ
สูดหายใจลึกๆนอนนิ่งๆสักพักลืมตามองใหม่ครั้งสุดท้ายไฟเหลือแค่ดวงเดียว ฝ้าเพดานฉาบเรียบสีขาวไม่ได้มีลายอะไร
“หิวน้ำมั้ย”
สะดุดลมหายใจตัวเองจนแทบช็อค!!
คนที่ไม่คิดว่าจะเจอเป็นคนแรกมายืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าอยู่ห่างกันแทบจะแบ่งลมหายใจกันใช้
กลัว เกร็ง และทำอะไรไม่ถูก
หิวน้ำจนคอแห้งแล้วรู้สึกว่าเสียงก็หายไปด้วยนะ แต่ร่างกายก็สวนทางกับจิตใจทุกอย่าง
หิวแทบตายแต่ก็ส่ายหน้าจนตัวเกร็ง คนตรงหน้ามีอิทธิพลต่อร่างกายและจิตใจได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“ไม่หิวเหรอ แต่กินหน่อยก็แล้วกันล้างปากซะบ้างนอนหลับไปตั้งนานน้ำลายบูดเหม็นจะแย่”
ปกติก็ไม่กล้าสู้หน้าแล้วก็หลบสายตาเป็นอาชีพอยู่แล้ว เจอแบบนี้ไอ้ที่จะอ้าปากงับหลอดน้ำเลยกลายเป็นเม้มแน่น
“พูดเล่น ให้โอกาสอีกครั้งจะกินมั้ยน้ำ”
กลัวคุณคนเดียวจะเปลี่ยนใจ มีกำลังเท่าไหร่เอาออกมาใช้ดูดน้ำจากหลอดจนหอบแฮ่กๆ
“อ้าวๆ เดี๋ยวก็ได้สำลัก ไม่ต้องตะกละน้ำทางโรงพยาบาลเค้าไม่คิดตังค์กินเท่าไหร่ก็ได้”
ยังพอมีแรงอีกนิดเลยเผลอหยิกเนื้อตัวเองดูหน่อยว่านี่ไม่ได้ฝันไป
คุณคนเดียวพูดดีๆได้ หัวเราะ และ ยิ้ม
หิมะคงจะตกทางภาคอีสานของประเทศไทยแน่ๆ
ที่สำคัญถึงแรงจะไม่ค่อยมีแต่ที่หยิกเนื้อไปเมื่อกี้มันเจ็บมาก เจ็บฉิบหาย
วูบ!!
สาบานได้ว่าไม่ใช่ลมพัดเอามือจับแก้มก็รู้สึกอุ่นแล้วก็ชื้นๆ
ถูกขโมยหอมแก้ม!!
ความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายที่ได้รับจากคุณคนเดียวมันนานมากจนจำไม่ได้
“55555 ทำไมทำหน้าตลกแบบนั้นล่ะ ช็อคจนเพี้ยนไปเลยหรือไง”
ก็อยากจะตรวจอยู่เหมือนกันแหละว่าใครกันแน่ที่เพี้ยนแต่ไม่ใช่ฝันก็ดีแล้ว คุณคนเดียวกลับมาเกือบเหมือนเดิมก็ดีแล้ว
หยุดหายใจไปไม่กี่วินาทีตื่นขึ้นมาเจอความเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มนะ
“เจ็บมั้ย”
“ครับ หมายถึงอะไรครับ”
“ก็รอยพวกนี้ไง ขลุ่ยเจ็บมั้ย”
พอ บทจะดีก็ดีเสียจนตามอารมณ์ไม่ทันใครจะรู้ว่าไอ้ที่เอาแขนเขาไปจับแล้วพลิกไป พลิกมาเพื่อจะดูร่องรอยที่ตัวเองทำเอาไว้ ถ้าไม่เกรงใจจะถอดเสื้อให้ดูเลยว่ามันลายพร้อยไปทั้งตัวแค่ไหน
“ไม่แล้วครับ”
ดีนะที่ยั้งปากไว้ได้ไม่เผลอต่อท้ายประโยคไปว่าชินแล้ว
“คุณคนเดียวขอโทษนะ ขอโทษนะครับ”
อูยยยยย.....นี่ตกลงไม่ได้ฝันแต่ความจริงคือตายไปแล้วใช่มั้ย
ตะกุกตะกักสุดๆทำตัวไม่ถูกเลยให้ตาย
“ยกโทษให้พี่ได้มั้ย”
สัญญาณเรียกพยาบาลอยู่ไหน ช่วยตามหมอมาฉีดยาให้ตายไปเลยดีกว่า หน้าร้อนฉ่าตัวจะละลายแล้ว
“หืมมม ว่าไง ได้มั้ยครับ”
“คะ ครับ”
เรียกได้ว่าเงียบไปหลายอึดใจ เหมือนเกมส์สงครามเวลา ใครส่งเสียงก่อนคนนั้นชนะ
“คุณคนเดียวครับ”
“หือ มีอะไร”
“ตอนนี้คุณคนเดียวเกลียดผมน้อยลงหรือยังครับ”
“พี่เคยบอกว่าเกลียดเหรอ”
ส่ายหน้า ไม่เคยจริงๆด้วย ไม่เคยบอกว่าเกลียด เคยแต่ใช้กำลังทำร้ายร่างกาย คุณคนเดียวไม่ผิด
“แต่โกรธ”
“ครับ”
“อ้าว ไม่ถามแบบเมื่อกี้แล้วเหรอ”
“ถามว่ายังไงครับ”
ใครปิดสวิซส์ปุ่มอารมณ์ดีคุณคนเดียวกะทันหันกันนะ ใบหน้าต่างกับเมื่อกี้ราวกับหน้ามือหลังมือ
สงครามเวลาเริ่มขึ้นอีกครั้ง ดูท่าทีกันยาวนานแค่ชั่วอึดใจเดียว
“ตอนนี้คุณคนเดียวโกรธขลุ่ยน้อยลงหรือยังครับ”
อาห์......ขอบคุณสมองที่ตัดสินใจให้ปากทำงานได้เร็วพอๆกับความคิด
คุณคนเดียวยิ้มเหมือนเดิมแล้ว
“ไม่น้อยลง”
คนที่สลดแทนคือขลุ่ย
“แต่มันไม่มีแล้วต่างหาก ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง”
ทำหน้าแบบไหนนะ ไม่มีกระจก ตอบคำถามไม่ได้
“ดีใจครับ”
“ดีใจก็ยิ้มสิ ทำไมทำหน้าเหมือนกินยาขม ตลกดีนะจะว่าไปก็ไม่เห็นอะไรแบบนี้นานแล้ว”
ยิ้มก็ยิ้มครับ......ไม่อยากขัดใจไม่อยากเจ็บตัวมากไปกว่านี้
“คุณลุงล่ะครับ”
“พ่อกลับไปแล้วขลุ่ยขี้เซาไม่ตื่นสักทีพ่อเค้ามีประชุมเช้ารีบกลับไปนอน”
“แล้วป้าล่ะครับ”
“นี่ใจคอจะใช้นมเฝ้าไข้ถึงเช้าเลยเหรอ นมแก่แล้วพี่เป็นคนบอกให้ไปพักผ่อนเองแหละ”
“ครับ”
“ทำไมเหรอ”
“ปล่าวครับ ขลุ่ยถามเฉยๆ”
ก็มีกันอยู่สามคนแค่นี้ คนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่ถามหาคนที่เหลือจะให้ถามหาใครที่ไหนล่ะ ตามอารมณ์คุณคนเดียวไม่ทันจริงๆ
“ขลุ่ย”
“ครับ”
“จบม.หก แล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
อารมณ์ไหนอีกนะ คุณคนเดียวไม่ถามเรื่องแบบนี้ตั้งแต่วันนั้นแล้วนี่นา
“อยากเรียนคณะอะไร”
“บริหารระหว่างประเทศครับ”
“คณะนี้มหาลัยพี่ก็มี รู้ใช่มั้ยว่าต้องเลือกมหาลัยไหน”
ถอด รหัสได้ว่ามันคือคำสั่งสินะ เอาเหอะ เลือกก็ได้นอกจากไม่อยากขัดคำสั่งให้ต้องอารมณ์เสียแล้ว ความจริงก็ยากอยู่ใกล้ๆคุณคนเดียวเหมือนกันแหละนะ
“ครับ”
เอาแค่น้ำๆ เนื้อทดเก็บเอาไว้ในใจ
“เออขลุ่ย”
“ครับ”
เหมือนคุณคนเดียวไม่ได้พูดมานานมาก พอพูดได้นี่น้ำไหลไฟดับตอบรับแทบไม่ทัน
“ถึงจะไม่โกรธแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องขึ้นไปเหมือนทุกวันนะ”
ห๊ะ! อะไรดลใจให้วกมาเข้าเรื่องนี้ได้ล่ะ
“เพราะฉะนั้นรีบหายเร็วๆรู้มั้ย เพราะที่นี่พี่ไม่ชินสถานที่อ่ะ”
เอาเลยครับเอาให้แก้มผมร้อนจนมันย่อยสลายตัวเองได้ไปเลยแล้วกันให้หน้าท้องมันวูบวาบๆเสียวแวบไปทั้งสันหลังจนถึงบั้นท้าย
เอาให้ไม่ต้องแหงนหน้าสบตากันเลยทีเดียว ให้มันค้างไปจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ ถือว่าเอาคืนที่โดนทำร้ายมาก็แล้วกัน
ว่าแต่บวกลบคูณหารแล้วจุดคุ้มทุนมันอยู่ตรงไหนกันนะ
ทำไมรู้สึกว่าคุณคนเดียวมีแต่ได้กับได้ล่ะ
“ขลุ่ย”
“ครับ”
“ลืมอะไรรึเปล่า”
ลืมอะไรมั้ยไม่รู้ ที่รู้คือคืนนี้เพลียและง่วงมาก
ร่างกายขาดน้ำและต้องการพักผ่อนอย่างใหญ่หลวง
“นี่”
จะเขย่าตัวผมทำไมครับ เขย่าอย่างเดียวไม่เด็ดถ้าจะให้เด็ดต้องขูดแล้วโรยแป้ง
“อะไรครับ คุณคนเดียวนอนได้แล้วไก่ขันแล้ว”
ตรึกตรองภายใต้ระบบปฎิบัติการของสมองกลวงๆหลังโดนทะลวงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งสำหรับคืนนี้
“ขลุ่ย”
เสียงเริ่มเขียว ตาเริ่มแข็ง น้ำลายอย่าไหลตอนนี้นะไม่มีแรงจะวิ่งแล้วอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
“ขลุ่ยรักคุณคนเดียวนะครับ”
สำนึกสุดท้ายมาพร้อมกับฝ่ามือที่เลื้อยเข้าใต้ผ้าห่มและเริ่มลูบไล้แผ่นหลังแล้วนั่นแหละ สติถึงได้กลับมาแล้วปัญญาถึงได้เกิด
เราไม่เข้าใจกันนานแค่ไหนก็ต้องบอกรักชดเชยให้เท่าเทียมหรือมากกว่า
ไม่ใช่จำไม่ได้แต่มันอายทุกครั้งที่จะเอ่ยมันต่างหาก
๐ สวัสดีค่ะ เอาของเก่ามาหากินอีกตอน แต่หมดแล้วล่ะ ตอนต่อไปจะไม่มีในหนังสือแล้วนะคะ
๐ ขอบคุณทุกคนมากเหมือนเดิมค่ะ
๐ TRomance