ตอนที่ 33
บนท้องถนนในยามค่ำคืน สายฝนที่เทกระหน่ำลงมาตั้งแต่ต้นค่อยๆ เบาบางลงเรื่อยๆ จนหยุดตกในที่สุด แม็คขับรถไปตามถนนที่การจราจรเริ่มโล่งเมื่อเวลาผ่านไปค่อนคืน เด็กหนุ่มขับรถไปเรื่อยๆ ปล่อยอารมณ์สบายๆ ไปกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ตั้งแต่แยกจากแชมป์มา รอยยิ้มบางๆ ผุดให้เห็นตรงมุมปากตอนที่หวนนึกนึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ดำเนินมาตั้งแต่ต้นตอนได้รู้จักกับเต็น นับตั้งแต่วันแรกที่ได้ทักทายกันผ่านโปรแกรมแชท วินาทีแรกที่ได้พบหน้ากัน น้ำเสียงแรกที่ส่งให้กันตอนพบหน้า ภาพใบหน้าเศร้าๆ ของฝ่ายนั้นยามนึกถึงเรื่องราวเจ็บปวด ภาพมึนๆ เบลอๆ ของเจ้าตัวตอนที่ได้รับฤทธิ์ยานรก ภาพความสุขที่ตนเคยได้รับจากร่างกายนั้น ช่วงเวลาเหล่านั้นเขาได้แอบเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้รอว่าเมื่อเจอกันอีกครั้งเขาจะถือโอกาสบอกว่าตัวเขาเองนึกชอบเจ้าตัวเพียงไร แต่แล้วก็ต้องใจหายเมื่อคนๆ นี้ได้หายไปจากชีวิตโดยไม่ทิ้งช่องทางติดต่อใดๆ ไว้ให้ แต่แล้วเพียงสามสี่เดือนต่อมาหัวใจก็พองโตตอนได้เจอกันโดยบังเอิญในโรงภาพยนตร์ย่านที่เจ้าตัวพักอยู่ หัวใจนึกกลัวเหลือเกินว่าเจ้าตัวจะห่างหายไปอีกจึงได้เริ่มสานสัมพันธ์ตั้งแต่วันนั้น ดีใจที่สุดเมื่อฝ่ายนั้นยอมเปิดใจคบในฐานะเพื่อนใหม่ จนมีช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้กันและกัน หลายเหตุการณ์ หลายเรื่องราว หลายคำพูดที่คนๆ นั้นแสดงออกมาจากใจจริงๆ มันทำให้เขาประทับใจจนตกหลุมรักในที่สุด ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเจ้าตัวโดนคนอย่างแชมป์ทำร้ายจิตใจได้ยังไง ใช่สินะ เจ้าตัวเคยบอกว่าแชมป์ไม่ได้เพศที่เรียกว่าชายรักชาย แต่นั่นมันคงเป็นความเข้าใจที่ผิดแล้วล่ะเพราะวันนี้ตอนนี้คนที่โดนบอกว่าไม่ได้เป็นชายรักชายก็กำลังจะตามง้อผู้ชาย เต็นเอ้ย รู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ยว่าตัวเองสามารถทำให้ผู้ชายหนึ่งคนที่เคยรักผู้หญิงมาแปรเปลี่ยนเป็นผู้ชายที่รักผู้ชายได้ ป่านนี้จะงอนง้อกันไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ อยากจะรู้จังว่าสุดท้ายแล้วสองคนที่เคยมีนิยามรักที่ต่างกันจะยอมลดราวาศอกให้กันแค่ไหน งานนี้คนที่รับศึกหนักน่าจะเป็นนายแชมป์นั่นแหละเพราะเป็นฝ่ายตามง้อ
“สู้ๆ แล้วกันนะแชมป์ฉันเชื่อว่านายทำได้” เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาในนาทีสุดท้ายก่อนจะเลิกคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ เขายังมีภาระอีกมากมายที่ต้องสะสาง นั่นคือเรื่องราวอนาคตที่ครอบครัวขีดเส้นไว้ให้ แต่เลิกคิดก็ใช่ว่าจะเขาจะลืม หัวใจเขายังพร้อมตลอดเวลาที่จะดูแลเต็นหากว่านิยามรักของคนๆ นี้กับอีกคนจะเชื่อมต่อกันไม่สำเร็จ
รถคันหรูเพิ่มระดับความเร็วขึ้นพุ่งไปตามถนนเมื่อคนขับได้ปล่อยวางอารมณ์ต่างๆ และเรื่องราวของตัวเองตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนปัจจุบันเสร็จลง
*******************************************************************
ด้านแชมป์ตอนนี้ได้พาร่างมาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องของคนที่ตัวเองฮึดกำลังใจตามงอนง้อ ระหว่างเดินขึ้นมายังห้องๆ นี้ชายหนุ่มได้วางทิฐิและอาการใจฝ่อ พร้อมเขี้ยวเล็บร้ายๆ ที่เคยใช้มันทำร้ายคนในห้องทิ้งไปแล้ว ที่อยู่กับเขาตอนนี้เหลือเพียงจิตวิญญาณของคนสำนึกผิดที่พร้อมจะก้มหน้ารับคำพิพากษาต่างๆ ที่คนในห้องเป็นดั่งตุลาการชี้ขาดว่าเขาสมควรจะรับโทษในเรื่องราวร้ายๆ ที่เคยทำผ่านมามากน้อยเพียงใด
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดอีกหนึ่งเฮือกก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้อง ยืนคอยสักพัก ประตูห้องจึงได้เปิดออกมา รอยยิ้มบางๆ จึงส่งให้คนตรงหน้าทันที
เต็นตกใจนิดๆ ที่เห็นแชมป์มายืนยิ้มให้ต่อหน้าตอนนี้ แต่ยังไม่ทักอะไรคนนั้นก็เอ่ยขึ้นก่อน
“แชมป์ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย”
“ก็ ก็ได้” เต็นอึกอักตอบ เหตุที่ต้องตกใจตอนที่ได้เจอกับคนตรงหน้าตอนแรก เพราะตัวเองก็กำลังนั่งคิดถึงเจ้าตัวอยู่นั่นเองหลังจากที่เพิ่งเลิกพูดคุยกับนพทางโทรศัพท์ ซึ่งในตอนท้ายก่อนที่ฝ่ายนั้นจะวางสายไปเจ้าตัวได้บอกได้พบกับแชมป์โดยบังเอิญ และได้พูดคุยกันนิดหน่อยจนเผลอหลุดปากบอกถึงเรื่องที่ตนกำลังจะรับรับปริญญาในอีกไม่กี่วัน
การที่คนรักเก่ามาเอ่ยชื่อคนที่ตนเพิ่งจะนึกถึงเจ้าตัวเมื่อตอนมองสายฝน และได้เย็นชาใส่กันมาตลอดระหว่างที่นั่งอยู่ในรถของแม็คมาด้วยกันจึงทำให้หัวใจเกิดนึกถึงเจ้าตัวขึ้นมาอีกครั้ง จนเผลอไปค้นดูสิ่งของเก่าๆ ที่ตัวเองอาจจะมีเก็บไว้มาดูเล่นๆ ที่สุดก็เจอตั๋วหนังที่ได้ไปดูกับเจ้าตัวตอนออกเดตกันครั้งแรก ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเก็บตั๋วสองใบนี้ไว้ตอนไหนเพราะตอนนั้นก็ยังไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่การมาค้นเจอมันอีกครั้งมันก็ทำให้หัวใจนึกหวนถึงวันนั้นได้ดี แรกๆ เด็กหนุ่มก็ยิ้มบางให้กับภาพความสนุกของแชมป์กับการเล่นเกมส์ในตู้เกมส์ ก่อนตอนท้ายๆ จะแอบเหงาจนน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงตอนที่ได้นั่งคู่กันภายในโรงหนังและฝ่ายนั้นกุมมือตนไว้ตลอดเวลาจนหนังจบ ที่ต้องเหงาเพราะภาพนั้นมันยังขัดกับภาพสุดท้ายที่ตัวเองโดนตัดขาดความสัมพันธ์เหลือเกิน
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นในตอนนั้น เด็กหนุ่มจึงวางตั๋วหนังไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติเดินไปเปิดดูว่าใครมาเคาะ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่ตนกำลังนึกถึง
เต็นปิดประตูห้องช้าๆ ตอนที่แชมป์เดินมาหยุดกลางห้องแล้ว เด็กหนุ่มแอบใช้มือปาดดูที่ขอบตาเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำตาตัวเองไม่ได้ซึมอยู่ ก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆ ตอนที่แชมป์เอ่ยถาม
“ฝุ่นเข้าตาเหรอ ให้แชมป์ดูให้มั้ย”
“ปะ เปล่า” เด็กหนุ่มรีปปฏิเสธ และเมื่อแน่ใจว่านัยน์ตาตัวเองคงไม่มีอะไรผิดปกติแล้วจึงหันมาสบตากับคนที่มาทำให้ตกใจ ถามขึ้น
“ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ”
“ไม่รู้ดิ ยังไม่อยากกลับ” แชมป์เอ่ยตอบ เริ่มประหม่าและฝ่อกับคำถามแบบนี้อีกครั้ง
“แล้วแม็คล่ะ” เต็นอดถามถึงอีกคนไม่ได้ มันเป็นไปตามสัญชาตญานของความเป็นเพื่อนที่สนิท เพราะการที่แชมป์มาโผล่ที่ห้องเขาแบบนี้ มันดูผิดจากความน่าจะเป็น ก็ฝ่ายนั้นบอกจะขับรถไปส่งคนๆ นี้นี่ แล้วทำไมถึงปล่อยให้เจ้าตัวมายืนอยู่ในห้องตนตอนนี้
“กลับไปแล้ว” แชมป์น้อยใจหน่อยๆ ที่เห็นเต็นใส่ใจที่จะถามถึงอีกคนมากกว่าสนใจสารรูปที่กำลังเปียกปอนของตน แต่เพราะบอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะก้มหน้ายอมรับทุกสภาพที่เต็นโยนให้จึงทำใจดียืนอยู่ต่อโดยไม่คิดเรียกร้องอะไรจนกว่าเต็นจะเป็นคนหยิบยื่นให้เอง
“ก็ไหนแม็คบอกจะไปส่งนายไง ยังไงกันนะ” เต็นบ่นเมื่อเริ่มมึนงงกับสถานการณ์
“อืม แชมป์ขอไม่กลับเองแหละ คือแชมป์อยากคุยกับเต็น” แชมป์ยอมเอ่ยออกมาตามตรง มองสบตากับเต็นนิ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะหลบสายตาก่อนแล้วหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้เอ่ยบอก
“สภาพนายดูไม่ได้เลย ไปอาบน้ำก่อนเถอะไป”
แชมป์รับผ้าเช็ดตัวมาถือไว้ในมือ หันไปมองตระกร้าผ้าที่ว่างอยู่จึงอดแซวไม่ได้
“วันนี้เสื้อผ้าไม่มีให้ซักเหรอ”
“หมายความว่าไง” เต็นถามเพราะยังไม่เข้าใจความหมาย แชมป์จึงเอ่ยบอก
“ก็วันนั้นที่เต็นลงไปซักผ้า เพราะหลบหน้าแชมป์ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เกี่ยวหรอก ทำไมเราจะต้องหลบหน้านายด้วยล่ะ” เต็นปฏิเสธ
“เต็นน่าจะรู้คำตอบดี”
สองคนมองสบตากันนิ่ง ที่สุดแชมป์ก็เป็นฝ่ายผละเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อชำระร่างกาย เต็นถอนหายใจให้กับความรู้สึกที่เริ่มไหวเอน ก่อนจะจัดการหาเสื้อผ้ามาจัดวางไว้บนเตียงเพื่อคนที่ออกมาจากห้องน้ำได้ผลัดเปลี่ยน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จจึงออกจากห้องไปเช่นเดิม เพราะเชื่อว่าฝ่ายนั้นน่าจะออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบน หรือมากกว่านั้น แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ เขาไม่สมควรที่จะอยู่มองเจ้าตัวใจสภาพที่ไม่เรียบร้อย เดี๋ยวจะพาลว่าฉวยโอกาสเอาอีก
ที่ๆ ที่เต็นหลบมายืนพักคือดาดฟ้าของหอพัก ซึ่งสภาพของมันเปียกแฉะจากฝนที่เพิ่งหยุดตกทำให้ไม่สามารถนั่งได้ เด็กหนุ่มเดินไปไปหยุดยังที่กั้นซึ่งสูงเพียงแค่ระดับเอว สายตามองยังผืนฟ้าที่ยังมืดครึ้มอยู่ แสงดาวก็ไม่เห็น พระจันทร์ก็ไม่มี คงจะโดนเมฆฝนบดบังไปซะหมด บรรยากาศมันจึงดูหดหู่ดีพิลึก แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็ต้องทนยืนอยู่นานหลายนาทีเพื่อที่จะให้ความเป็นส่วนตัวกับอีกคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ ซี่งป่านนี้น่าจะกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
ภายในห้อง แชมป์กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่จริงๆ ในตอนแรกที่ออกมาจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็คิดอยู่ว่าเจ้าของห้องจะอยู่ แต่แล้วฝ่ายนั้นก็หาทางเลี่ยงหลบไปตามเดิม มองดูตระกร้าผ้า ก็ยังวางอยู่ที่ของมัน คราวนี้เจ้าตัวจะหลบไปอยู่ไหนอีกนะ ท่าให้เดาน่าจะเป็นดาดฟ้านะแหละ
เมื่อคิดได้ดังนั้นหลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแชมป์จึงไม่รอช้าที่จะตามเต็นไป เด็กหนุ่มยืนมองร่างเต็นที่ยืนกอดอกอยู่ริมที่กั้นเมื่อตามมาเจอ รู้สึกผิดเหลือเกินที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความฝังใจให้เจ้าตัวต้องพยายามเลี่ยงหลบที่จะอยู่กับตัวเองตามลำพังในสถานที่จำกัด เด็กหนุ่มเดินตรงไปหาร่างนั้นอย่างเบาฝีเท้าพอไปถึงก็ตัดสินใจสวมกอดเอาไว้ทางด้านหลัง
เต็นสะดุ้งตกใจที่เห็นว่าร่างตัวเองโดนสวมกอด เด็กหนุ่มพยายามแกะมือคนสวมกอดออกเมื่อหันมาเห็นแล้วพบว่าเป็นใครพลางบอก
“ปล่อยแชมป์”
“วันนี้ฟ้ามืด ไม่มีใครเห็นหรอก” แชมป์บอกยิ้มๆ ไม่ยอมปล่อยมือโดยง่าย
“ไม่มีใครเห็น แต่มันไม่ควรที่เราจะทำแบบนี้” เต็นบอกเมื่อนึกถึงความเหมาะสม เด็กหนุ่มยังไม่รู้ถึงความคิดของคนกอดหรอกตอนนี้ รู้แต่เพียงว่าตัวเองกับเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมายืนกอดกันแบบนี้
“ไม่ควรยังไง” แชมป์เอ่ยถาม
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“แล้วอยากเป็นมั้ย”
เต็นชะงักในคำถามที่ได้ยิน เริ่มเข้าใจในเหตุการณ์จึงบอกนิ่งๆ
“เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอแชมป์ นายจะทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“เพื่อให้เราสองคนกลับมาคืนดีกันไง” แชมป์บอกเสียงนิ่งๆ บ้าง เต็นได้ฟังก็ฮึดเรี่ยวแรงที่มีเพื่อแกะมือที่แชมป์กำลังสวมกอดตัวเองให้หลุด เพราะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้วที่เขาจะกลับไปคืนดีกับคนๆ นี้ ทุกอย่างมันกำลังไปได้ดี เขากำลังอยู่ได้เองลำพัง แม้จะเหงาบ้างในบางครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ทุรนทุรายดังแต่ก่อน การที่ยอมให้คนที่เคยทำร้ายจิตใจย้อนกลับเข้ามามีอิทธิพลเหนือชีวิตแบบนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องดีนัก
“ปล่อยเราเถอะแชมป์ แล้วหากนายมาที่นี่คืนนี้เพื่อต้องการคุยเรื่องนี้ เราว่านายกลับบ้านไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์หรอก และอย่าถามหาเหตุผลว่าทำไมเพราะเราเคยบอกนายไปหมดแล้วตอนเราคุยกันครั้งล่าสุด”
เต็นบอกอีกเมื่อเรี่ยวแรงที่มีไม่สามารถทำให้ตัวเองเป็นอิสระจากการโดนสวมกอดได้
“แชมป์ก็เคยทำตามที่เต็นบอกแล้วไง เต็นบอกให้แชมป์อยู่กับความเหงาให้ชินแชมป์ก็อยู่แล้ว ถึงวันนี้แชมป์ไม่อยากเหงาอีกต่อไปแล้ว มันทรมานนะเต็น เต็นเองก็เคยเป็นเต็นน่าจะเห็นใจแชมป์บ้างนะ” แชมป์เริ่มอ้อนวอน กอดกระชับคนที่พยายามขัดขืนแน่นดั่งไม่ต้องการให้เจ้าตัวหลุดมือไปได้อีก
“งั้นปล่อยก่อน ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้เราหายใจไม่ออก” เต็นออกอุบาย เพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ ซึ่งหากว่าโดนปล่อยจริงเด็กหนุ่มก็คิดจะเดินหนีจากคนๆ นี้ทันที คิดไว้แล้วว่าจะไม่เปลืองน้ำลายพูดอะไรอีก อะไรที่จบแล้วก็คือจบ
แชมป์ค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกเมื่อคิดว่าเขาไม่ควรทำอะไรขัดใจคนๆ นี้มากนัก เพราะเดี๋ยวจะพาลให้ตัวเขาเองโดนเกลียดขี้หน้ามากไปกว่านี้ อีกอย่างคำว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันของฝ่ายนั้นทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ ร่างทั้งร่างก็เสียหลักเซถลาล้มลงไปกับพื้นเมื่อโดนคนที่ตัวเองปล่อยให้เป็นอิสระผลักเต็มแรง
เต็นรีบเดินลงจากดาดฟ้าเมื่อเห็นคนที่ตนผลักร่างให้พ้นทางนั่งจมอยู่ที่พื้น เด็กหนุ่มก้าวเท้าให้เร็วเพื่อหวังกลับเข้าห้องให้เร็วที่สุด แต่พอไปถึงหน้าห้องก็ใจเสียเมื่อประตูโดนล็อคเอาไว้ เข้าใจทันทีว่ากุญแจน่าจะอยู่กับคนที่ตัวเองผลักให้ล้มเมื่อครู่
“บ้าชะมัด” เด็กหนุ่มบ่นเมื่อไม่รู้จะเอายังไงดี ที่สุดก็ตัดสินใจเดินกลับไปหาคนที่ตัวเองเพิ่งผลักให้ล้ม ไปถึงก็ต้องแปลกใจที่เห็นเจ้าตัวยังคงนั่งอยู่ที่พื้นแฉะๆ นั่นไม่ลุกไปไหน แต่ก็พยายามไม่สนใจด้วยการเอ่ยถามถึงกุญแจห้อง
“กุญแจห้องอยู่ที่นายหรือเปล่า”
แชมป์ยื่นกุญแจห้องคืนให้คนที่เอ่ยถาม โดยไม่ยอมหันมองหน้าเจ้าตัว เต็นยืนมือรับกุญแจมาช้าๆ แล้วยืนมองคนที่ยังคงหลบหน้าตนอยู่สักพักแล้วตัดใจเดินหนีกลับเข้าห้อง คนๆ นี้จะเป็นยังไงจะมีท่าทีแบบไหนก็ไม่ใช่เรื่องแล้วที่ตัวเขาเองจะมาคิดใส่ใจ
ลับหลังเต็นไปแล้วแชมป์ค่อยหันมองตามหลัง การที่ต้องนั่งจมอยู่ที่พื้นแบบนี้เพราะหัวใจไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะตามยื้อฝ่ายนั้นแล้ว อาการใจฝ่อที่ถูกทิ้งไว้ก่อนหน้าค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง จึงขอนั่งพักทำใจสักพัก
ด้านเต็นกลับเข้าห้องมาก็พยายามทำใจให้ว่างโดยคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาต้องไม่ไหวเอนอะไรอีก เด็กหนุ่มไม่ยอมแตะต้องเสื้อผ้าของแชมป์ที่อยู่ในตระกร้าผ้าต่างจากคราวก่อนที่ยอมซักยอมรีดให้เพราะยังมีใจให้กับเจ้าตัวอยู่ แต่ในตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำแบบนั้น
ไฟในห้องดับลงเมื่อเต็นปล่อยใจให้ว่างได้สำเร็จและเข้านอนจนผล็อยหลับไปในที่สุด มาสะดุ้งรู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องกระหน่ำ และได้ยินเสียงเม็ดฝนที่ตกกระหน่ำลงมาจึงต้องรีบเปิดไฟดูรอบห้อง อดใจหายไม่ได้เมื่อเห็นว่าแชมป์ยังไม่กลับเข้ามา ตอนก่อนจะนอนเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดล็อคห้องเอาไว้ ไม่ได้คิดกลัวอันตรายเพราะอยู่หอนี้มานาน อีกอย่างคิดว่าแชมป์น่าจะตามเข้ามาและคงจัดการล็อคห้องให้ตนเองหากตนนั้นนอนหลับไปก่อน แต่แล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อภายในห้องตอนนี้ยังมีแค่ตนคนเดียว
“เป็นบ้าอะไรนะแชมป์ ประชดให้มันได้อะไรขึ้นมา” เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างหน่ายใจในพฤติกรรมของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายก่อนจะตัดสินเปิดประตูห้องออกไปดูยังชั้นดาดฟ้า ไปถึงก็ส่ายหน้าเมื่อเห็นร่างนั้นยังคงนั่งตากสายฝนอยู่ที่เดิมก่อนจะวิ่งเข้าไปฉุดลากเจ้าตัวลงมาได้สำเร็จ
“อายุเท่าไหร่ถามหน่อย ไปนั่งตากฝนแบบนั้นให้เป็นไข้ตายหรือไง” เด็กหนุ่มโวยใส่หน้าทันทีเมื่อพาเจ้าตัวมาหยุดอยู่หน้าห้องได้แล้ว
“ถ้าไม่ห่วงก็ไม่ต้องมาว่ากัน” แชมป์เอ่ยบอก เต็นไม่อยากโต้ตอบจึงเปิดประตูห้องแล้วเดินหายเข้าไปก่อนสักพักแชมป์จึงตามเข้าไป ตกใจที่เห็นผ้าเช็ดตัวถูกโยนมาให้แทนการยื่นให้ จึงอดว่าอีกไม่ได้
“ไม่เต็มใจเอาให้แชมป์หยิบเองก็ได้นะ”
“งั้นก็หยิบเอง” เต็นรำคาญการโดนประชดจึงเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวกลับไปแขวนไว้ที่เดิม แชมป์ยืนมองการกระทำ จากที่คิดว่าจะทนและนิ่งให้มากที่สุดพอถึงตอนนี้ก็เริ่มที่จะทนไม่ไหว การกระทำของเต็นทำคล้ายกับไม่แยแสอะไรเขาเลยจริงๆ
“ดูเหมือนว่าตอนนี้แชมป์จะทำอะไรก็ดูขัดใจเต็นไปซะหมดเลยนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกเสียงนิ่งแสดงแววตาตัดพ้อให้เห็นอย่างชัดเจน เต็นรับรู้เพียงไม่คิดใส่ใจจึงยืนกอดอกเบือนหน้าหนีประหนึ่งว่าไม่ต้องการมอง
“โอเค แชมป์ไม่กวนเต็นต่อไปแล้วก็ได้ วันนี้แม้แชมป์จะเสียใจแต่อย่างน้อยแชมป์ก็ดีใจว่าแชมป์ได้พยายามแล้ว ขอให้โชคดีละกัน” แชมป์เอ่ยบอกอีกคราวนี้น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความสะเทือนใจที่ตัวเองต้องเดินจากเต็นไปอย่างคนที่เป็นผู้แพ้ดังเดิม เต็นได้ฟังน้ำเสียงก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองคนพูดอีกครั้ง เห็นเจ้าตัวเดินไปเก็บของมือไม้สั่นก็รู้สึกใจหาย แต่ก็ไม่พูดอะไร ก็อย่างที่เคยบอกไว้ว่าอะไรที่มันจบลงแล้วก็คือจบ
แชมป์เก็บของชิ้นสุดท้ายได้กำลังจะหมุนตัวมาบอกลาเจ้าของห้องก็พลันชะงักเมื่อเจอตั๋วหนังสองใบวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง จำได้ว่ามันเป็นหนังเรื่องแรกที่เคยดูกับคนๆ นี้ เด็กหนุ่มกำลังจะเอื้อมหยิบมาดู แต่ช้ากว่าอีกมือที่คว้าไปก่อนพร้อมกับฉีกตั๋วนั่นออกจากกันแล้วฉีกเพิ่มให้มันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนเจ้าตัวจะเดินเอาไปทิ้งลงถังขยะหันมาบอก
“สนใจทำไมแค่เศษกระดาษ อย่าลืมเอาเสื้อผ้านายกลับไปด้วยนะ คงไม่ว่างซักให้ ออกไปแล้วปิดประตูล็อคห้องให้ด้วย เราจะนอน”
เต็นแข็งใจเอ่ยถ้อยคำนี้อีกเพราะคิดว่าตั๋วหนังที่ตัวเองเผลอวางเอาไว้อาจจะเป็นน้ำมันที่ราดบนเชื้อไฟในใจของแชมป์ให้มันลุกลามไม่จบไม่สิ้น เจ้าตัวกำลังจะออกจากชีวิตไปแล้วอย่างถาวรก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาสะกิดต่อมอาลัยอาวรณ์ให้เห็น
ด้านแชมป์น้ำตาที่ฝืนเก็บไว้จนมือไม้สั่นตอนเก็บของแทบไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดกับคำพูดและการกระทำที่ได้เห็น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจะมีคนใจแข็งเป็นหินหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ให้เขาได้เห็น เขาเองก็เคยปฏิเสธที่จะคืนดีกับมิวแต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรที่เป็นฝ่ายทำร้ายจิตใจฝ่ายนั้นขนาดนี้ จะว่าไปมิวเองก็หลอกลวงเขาอยู่หลายครั้งหลายครา แต่เขาก็ยังเห็นเจ้าตัวเป็นเพื่อนคนหนึ่ง แต่สิ่งที่เต็นทำกับเขาตอนนี้ เขาเปรียบเป็นใครก็ไม่รู้ที่เข้ามาสร้างความรำคาญให้ นี่ยังไงล่ะคำพิพากษาที่เขาได้รับจากคนๆ นี้ ต่อแต่นี้ไปเขาคงโดนจองจำให้อยู่กับคำว่าเจ็บปวดนี้ไปอีกนาน
“ตกลงว่าเราสองคนจะจบความสัมพันธ์ลงแบบนี้จริงๆ ใช่มั้ยเต็น” แม้ทุกอย่างจะชัดเจนแล้วแต่แชมป์ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาแบบนี้ เพราะจากนี้ไปเขาคงไม่กล้าพาตัวเองมาเจอกับคนๆ นี้อีก
“เท่าที่จำได้เราสองคนยังไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันไม่ใช่เหรอแชมป์ แชมป์อย่าพยายามหาเรื่องที่จะมารื้อฟื้นอะไรอีกเลยนะ ออกจากชีวิตเราไปเถอะ ถือซะว่านี่เป็นคำขอครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน อย่ากลับมาสร้างความวุ่นวายอะไรให้เราอีก ต่างคนต่างเดินไปตามเส้นทางที่มันควรจะเป็นเถอะ”
แชมป์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ได้ฟังพร้อมๆ กับน้ำตาหยดแรกได้ไหลออกมาให้เห็น เด็กหนุ่มพยายามฝืนยิ้มเพื่อบ่งบอกว่าตนไม่เป็นไรทั้งๆ ที่ภายในใจแหลกลาญไปหมดแล้วไม่อย่างนั้นลูกผู้ชายอย่างเขาคงไม่เสียน้ำตาให้ใครเห็นง่ายๆ
เต็นตกใจเมื่อไม่เคยคาดคิดว่าคำพูดของตัวเองจะสามารถทำให้ลูกผู้ชายหนึ่งคนน้ำตาไหลให้เห็นได้
“แชมป์” เด็กหนุ่มครางชื่อฝ่ายนั้นออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้าง
“แชมป์ไม่เป็นไร โทษทีมันไหลเองน่ะ โชคดีนะ ดูแลตัวเองด้วยต่อไปแชมป์คงไม่กล้ามาเจอเต็นอีก” แชมป์พยายามฝืนใจบอกเมื่อไม่อยากให้น้ำตาของตัวเองสร้างความวุ่นวายใจให้กับคนตรงหน้าได้อีก วันนี้เขาแพ้คดีลงแล้วอย่างราบคาบเขาก็สมควรก้มหน้ารับคำพิพากษาโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
เด็กหนุ่มยกมือเช็ดน้ำตาหันไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองหันมาส่งยิ้มบางๆ ทั้งคราบน้ำตาให้กับคนที่ยืนมองอยู่ก่อนจะพาร่างเดินหายออกไปจากห้อง ลับหลังไปแล้วเต็นทรุดนั่งลงที่พื้นอย่างคนหมดเรี่ยวแรงทรงตัว ทำไมเขาจะต้องรู้สึกใจหายกับคำว่าไม่กล้ามารบกวนของคนที่พาร่างหายไปด้วยนะ เขาควรจะดีใจสิที่ชีวิตจะได้ไม่ต้องวุ่นวายหรือเกี่ยวพันกับเจ้าตัวอีก