Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 31
“แม่ว่าอะไรนะครับ” น้ำถามซ้ำเพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่แม่เขาพูดออกมาเมื่อครู่นั้นเขาไม่ได้ฟังผิด แม่ยกแก้วน้ำหวานเย็นเจี๊ยบขึ้นมาจิบด้วยท่าทีสบายๆ
“ก็อย่างที่บอกแหละลูก แม่อยากจะนัดเจอแล้วก็พูดคุยกับพ่อแม่ของลูกเขื่อน” น้ำมองใบหน้าพิมพ์ดียวกับเขาเด๊ะอีกรอบ นี่แม่เขาคิดอะไรอยู่นะ แต่เอาเถอะ แม่ขอมาแบบนั้นเขาก็ต้องจัดให้…
“นางค์ นางค์ใช่มั้ย” เสียงทุ้มของพ่อเขื่อนที่เรียกชื่อแม่ของน้ำอย่างสนิทสนมทำให้ทุกคนแปลกใจ
“คุณรู้จักแม่ของน้ำตาลด้วยเหรอคะที่รัก” คุณแม่อลิซถามสามีตัวเองอย่างแปลกใจ
“ใช่ ผมจำนางค์ได้ เธอเป็นภรรยาของเพื่อนสนิทผม” พอพ่อของเขื่อนพูดเพียงเท่านั้น คคนางค์หรือแม่ของน้ำจึงตาโตทันที
“เขตต์ เขตต์ใช่มั้ย” น้ำรู้สึกว่าชั่ววินาทีนั้น แม่ของเขากลับไปเป็นสาวอีกครั้ง
“ผมไม่ได้ติดต่อคุณมานาน คุณยังสบายดีใช่มั้ย”
“สบายดีค่ะ แล้วนี่สินะ ภรรยาที่คุณลงทุนบินไปจีบข้ามประเทศ”
“ฮ่ะๆ เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าเราไปคุยในบ้านกันเถอะ ไปครับที่รัก” พ่อเขื่อนโอบเอวภรรยาตัวเองและผายมือให้เพื่อนเก่าเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ลูกชายทั้งสองยืนอึ้งอยู่
“แหม โลกมันกลมจริงๆนะคะ ชั้นเห็นเขตต์เล่าประจำ ว่ามีเพื่อนสนิทที่รักมากคนหนึ่ง แต่เขามาด่วนจากไป แต่ในที่สุดชั้นก็ได้รู้จักภรรยาของเขาแทน” อลิซยิ้มอย่างปลาบปลื้มที่ได้รู้เรื่องราวอันน่าแปลกใจ
“นั่นสิ ผมเองก็แปลกใจ ว่าเด็กผู้ชายคนนี้หน้าคุ้นๆ คงเป็นเพราะหลังจากที่ไอ้นุมันตาย นางค์ก็ย้ายบ้าน ย้ายที่ทำงาน ผมเองก็ไม่ได้พบนางค์อีก เลยจำหน้านางค์ไม่ค่อยได้ ไม่งั้นผมนึกออกนานแล้วว่าน้ำหน้าคล้ายใคร”
“ชั้นจำเป็นน่ะเขตต์ ใครจะอยากอยู่ในที่ๆเคยมีความทรงจำกับเขาได้ล่ะ” คคนางค์พูดด้วยแววตาสั่นๆ ไม่ว่าเมื่อไรที่นึกถึงเรื่องนี้ ก็เรียกน้ำตาได้เสมอ
“นางค์ จนป่านนี้แล้ว คุณยังเสียใจอีกเหรอ” เขตต์ถามเสียงเรียบ
“ชั้นเคยเสียใจมาก ทำแต่งานๆๆๆ จนไม่ได้ดูแลน้ำเท่าที่ควรจะเป็น แต่พอชั้นเริ่มรู้สึกตัวว่าควรจะหยุดเศร้า น้ำก็สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีชั้นเสียแล้ว”
“นั้นเพราะน้ำตาลเขาเป็นเด็กดีนะคะ เพราะเขาไม่อยากให้คุณเป็นห่วง” สำเนียงที่ไม่ค่อยชัดของอลิซพูดปลอบโยนและลูบเบาๆที่หลังมือของคคนางค์
“ชั้นรู้ค่ะ น้ำเป็นเด็กดี และเข้มแข็งเหมือนนุไม่มีผิด ชั้นจึงวางใจและคอยเฝ้าดูเขาห่างๆจะดีกว่า”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะนางค์ เพราะลูกชายของผมเป็นคนรับผิดชอบพอ เขาจะดูแลน้ำดีที่สุดแน่นอน”
“นั่นแหละค่ะ สาเหตุที่ชั้นมาพบพวกคุณ เพราะเรื่องของน้ำ” คคนางค์มองสองคนตรงหน้าอย่างจริงจัง
“คุณนางค์ต้องการอะไรก็พูดมาเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ อะไรที่เขื่อนทำไม่ได้ เราก็จะบังคับให้เอง” อลิซบอกกลับมาอย่างจริงจังไม่แพ้กัน ทำเอาคคนางค์หลุดหัวเราะออกมาจนได้
“ฮิๆ ไม่ใช่หรอกค่ะ ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้น”
“ไม่ได้หรอก ลูกของคุณแทนที่จะได้มีชีวิตเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป ดันโดนไอ้ลูกโรคจิตของผมมัดมือชกเสียนี่”
“ชั้นไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นค่ะ ที่ชั้นอยากจะบอกคือว่าจะขอฝากฝังน้ำให้พวกคุณดูแลหลังจากนี้ด้วย เพราะชั้นคงไม่สามารถดูแลน้ำได้เต็มที่”
“นางค์ คุณหมายความว่ายังไง?” เขตต์พูดออกมาอย่างตกใจ เขาเกลียดการพูดเหมือนสั่งเสียที่สุด
“ชั้นสมัครไปเป็นแพทย์อาสาที่แอฟริกาค่ะ”
“เฮ้ย ทำไมคุณถึงไปที่กันดารแบบนั้นล่ะ!/แม่ ทำไมแม่ไม่บอกผมล่ะ” เสียงอุทานของเขตต์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวานๆจากประตูห้องรับแขก คคนางค์หันไปมองเจ้าของเสียงหวานแล้วก็กุมขมับ
“น้ำ แอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน ไม่ดีเลยนะลูก..”
“แม่อ้ะ ไม่ต้องมาว่าผมเลยนะครับ แม่มีความลับกับผมใช่มั้ยเนี่ยยยยย” เขื่อนต้องรั้งน้ำเอาไว้สุดแรงไม่ให้ไปเกาะหนึบกับคคนางค์ เพราะดูท่าเจ้าเด็กน้อยนี่ต้องไม่ยอมปล่อยมือจากแม่แน่นอน
“น้ำ แม่ไม่ปิดบัง แต่มันแค่ยังไม่ถึงเวลาจะบอกนะ”
“ไม่เกี่ยวกันครับ แม่จะทิ้งผมใช่มั้ย งั้นผมไม่ไปนิวยอร์คแล้ว ผมจะไปแอฟริกากับแม่” น้ำตะโกนทั้งน้ำตา จนคนฟังอย่างเขื่อนสะดุ้งไปด้วย
“เฮ้ย ไม่ได้นะน้ำ” เขื่อนกอดน้ำไว้แน่นกว่าเดิมและลากให้น้ำมานั่งข้างตัวเองที่โซฟาอีกตัว เขื่อนมองหน้าแม่ของน้ำสลับกับหน้าของพ่อแม่ตัวเอง
“ขอโทษนะครับ ผมห้ามแล้ว แต่ไอ้ตัวดีนี่ดันมาแอบฟังตอนผมไปเอาขนมมาให้”
“ไม่เกี่ยวกับเขื่อนหรอกลูก แม่อบรมน้ำไม่ดีเอง ไม่มีมารยาท แอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน” คคนางค์พูดเสียงเข้มและปรายตามองไปที่น้ำ
“แม่อย่ามาว่าผมนะ ถ้าผมไม่แอบฟังจะรู้เหรอว่าแม่วางแผนจะหนีผม ตอนเด็กๆผมจำได้หมดนะ ที่ผมต้องห่างแม่ ได้แต่รอแม่กลับบ้าน ผมก็ไม่เคยกล่าวโทษแม่ แต่ตอนนี้พอผมโต แม่ก็จะทิ้งผม ผมไม่ยอมหรอกนะ” น้ำพูดทั้งน้ำตาอาบแก้ม ทุกคนพอได้เห็นดังนั้นก็ใจอ่อนและสงสาร เขตต์มองหน้าคคนางค์ด้วยแววตาไม่เห็นด้วย
“ผมว่าคุณก็อย่าไปเลยนะนางค์ สงสารน้ำตาล”
“ชั้นติดสินใจแล้ว ทำเรื่องไปหมดแล้ว ยังไงก็ต้องไปนะคะ”
“แม่ ห้ามไปปปปปปปปปปปปป” เสียงโหยหวนที่เขื่อนไม่สามารถปิดปากไว้ได้ดังอีกรอบ ดูท่าเจ้าซีดนี่มันจะไม่ฟังเหตุผลอะไรเลยสินะ ไม่น่าเชื่อว่าจะงี่เง่าได้ขนาดนี้
“ไม่ไหวแล้วค่ะ งั้นชั้นขอตัวกลับไปเคลียร์กับลูกที่บ้านก่อนนะ” คุณนางค์ลุกขึ้นยืนและดึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้ลุกตาม ส่วนไอ้ลูกลิงนั่นพอเกาะแม่ได้ก็ติดหนึบเป็นปลิงทีเดียว
“อยู่บ้านไป ไม่ต้องตามผมมา” เสี้ยวหน้าเล็กๆหันกลับมาชี้นิ้วสั่งเมื่อเห็นว่าเขื่อนจะลุกตาม
“น้ำ แม่หายใจไม่ออกนะลูก ปล่อยแม่ก่อน” น้ำส่ายหัวกับคำขอของแม่ ร่างบางนั้นเกาะแม่ของตัวเองแน่นเป็นลูกลิง
“เฮ้อ เรารึอุตส่าห์วางใจว่าลูกก็โตแล้ว ที่ไหนได้ ยังอ้อนแม่เหมือนเดิม” มืออบอุ่นลูบเบาๆที่ผมนุ่มของลูกชายอย่างแสนรัก
“ถ้าการที่ผมเป็นเด็ก จะทำให้แม่อยู่กับผม ผมก็ไม่ขอโตหรอก”
“น้ำ เงยหน้ามาคุยกับแม่ด้วยเหตุผลสิลูก” แม่ประคองแก้มนวลของลูกชายขึ้นมาสบตา สายตาของแม่สำรวจใบหน้าลูกชายที่โขกพิมพ์เดียวกับเธอมาเด๊ะ ทั้งดวงตาหวานและจมูกโด่งรั้น หากนุได้มาเห็นลูกชายเขาโตคงดีใจ...
“แม่มีเหตุผลที่ต้องไป แม่ไม่ได้ไปเพราะยังโศกเศร้าและคิดจะเอาชีวิตไปทิ้งหรอกนะ น้ำไม่ต้องห่วงแม่” พอแม่พูดความนัยของลูกชายออกมา เจ้าลูกชายขี้อ้อนก็เบะปากและร้องไห้โฮ
“ผมเป็นห่วงแม่ ผมไม่อยากให้แม่ไปลำบากนี่ครับ ผมกลัวว่าแม่คิดจะเอาชีวิตไปทิ้งและไม่กลับมาหาผมอีก ที่นั่นลำบากจะตาย อย่าไปเลยนะครับ” คคนางค์ยิ้มอ่อนโยน เป็นตามที่คิด น้ำไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ ที่โวยวายมานั่นเพราะห่วงเธอ ไม่อยากให้เธอไปลำบาก แต่ทำอย่างไรได้ ก็สัญญากับเขาไว้แล้ว...
“แม่สัญญากับพ่อของลูกไว้แล้วนะน้ำ” เสียงอ่อนโยนที่เอ่ยถึงพ่อแบบนับครั้งได้ทำให้น้ำต้องตั้งใจฟังพลางสูดน้ำมูก
“สัญญาอะไรครับ”
“แม่สัญญากับพ่อของลูกเอาไว้ ว่าวันไหนที่ลูกเข้ามหาวิทยาลัยและเป็นผู้ใหญ่พอแล้ว แม่กับพ่อจะไปฮันนีมูนที่แอฟริกา จะไปดูทุ่งหญ้าและอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติในแบบที่พ่อเขาชอบ”
“งั้นแม่ก็แค่ไปเที่ยวสิครับ จะไปอยู่นานทำไม”
“เพราะแม่ทนไม่ได้ไงลูก แม่เที่ยวโดยที่ไม่มีเขาไม่ได้ จึงต้องทำงานไปด้วยเพื่อจะได้ลืมๆเรื่องนี้ไปบ้าง” เสียงหวานอ่อนโยนของแม่หลุดสะอื้นฮัก น้ำเป็นฝ่ายลุกขึ้นมานั่งโอบกอดแม่ไว้แทน
“แม่ครับ อยากร้องก็ร้องเลย” น้ำจำความได้ว่าตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยเห็นแม่คร่ำครวญเสียใจเพราะคิดถึงพ่อเลยสักนิด การที่น้ำตาหยดโตของแม่ไหลลงข้างแก้มเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ที่สุด
“รู้มั้ย แม่คิดเสมอเลยนะ ว่าแม่โชคดี ที่ลูกหน้าเหมือนแม่ เพราะถ้าลูกหน้าเหมือนพ่อเขา แม่คงทนมองหน้าลูกไม่ได้” น้ำสงสารแม่จับใจ ความอ่อนแอของแม่ที่เขาไม่เคยเห็นทำเอาใจหล่นวูบ ไม่อยากเห็นแม่เสียใจ...
“ทำไมแม่ถึงรักเขาขนาดนี้นะ..” ใบหน้าที่ยังคงสวยหวานไม่เสื่อมคลายของแม่คลี่ยิ้มบางๆ เหมือนนางฟ้าที่แสนเศร้า
“ถ้าแม่อยากไปแม่ก็ไปเถอะครับ แต่ต้องติดต่อผมทุกอาทิตย์นะ และต้องถ่ายรูปส่งเมลล์มาให้ผมดูทุกวันด้วย” แม่ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าตัวเองและหยิกแก้มลูกชายอย่างหมั่นเขี้ยว
“จ้า พ่อลูกชายบังเกิดเกล้า”
“ผมเจ็บนะ แม่อ้ะ” น้ำทำแก้มป่องแล้วลูบแก้มตัวเองป้อยๆ
“เอาเถอะ คนปลอบลูกเขายืนรออยู่ข้างนอกนานแล้ว” น้ำหันทางประตูระเบียงในสวนตรงที่แม่ชี้ และก็เห็นเขื่อนนั่งอยู่บนชิงช้าในสวนเงียบๆ
“บอกว่าไม่ให้ตามมาไง...” น้ำบ่นพึมพำแต่ก็ตั้งท่าจะเดินออกไปหา และยังไม่วายหันมากำชับแม่อีกรอบ
“แม่อย่าลืมที่ผมขอนะครับ”
“จ้าๆ รู้แล้วจ้าคุณลูก”
>>>>> TBC
ช่วงนี้อารมณ์ขุ่นมัวมากค่ะ
ปัญหาจากที่ทำงาน
ขุ่นมัวซะจนอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดตลอดเวลา
เมื่อวานก็เขียนไม่ได้สักนิด คิดอะไรไม่ออก
จนเมื่อเช้าแต่งตัวไปทำงาน
ส่องกระจกแล้วก็นึกอะไรบางอย่าง...
เรายังไม่ได้อธิษฐานเลยนี่นา
ตั้งแต่วันที่เครียด มันหม่นหมองเสียจนไม่ทันคิดถึงพระบิดา
จนวันนี้นึกได้ ก็มาคิดว่าความเครียดมันน่ากลัวเหลือเกิน
มันมาบดบังจิตใจของเราจนเราลืมพระองค์ไปได้
แต่วันนี้อธิษฐานแล้วค่ะ
หวังว่าทุกอย่างจะสดใสขึ้นในเร็ววัน
ขอพระเจ้าอวยพร