Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 17
“ดูถูก? ฉันดูถูกนายเรื่องอะไรกัน” ตกใจก็ตกใจ โมโหก็โมโห เจ็บก็เจ็บ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เอาแต่พล่ามเรื่องความดีของยัยแม่มดนั่น แล้วยังเฝ้าบอกแต่ว่ายัยนั่นดีนักหนา รู้จักกันมานานบ้างละ ปฎิเสธน้ำใจไม่ได้บ้างละ รู้บ้างมั้ยว่าคนรอบตัวเขื่อนเดือดร้อนเพราะยัยนี่ขนาดไหน”
“ผมถามหน่อย ผมไม่เคยดีในสายตาเขื่อนเลยงั้นเหรอ!” ใบหน้าหวานกราดเกรี้ยว เขื่อนอยากจะเอากล้องมาถ่ายช็อตนี้เก็บไว้แต่คงไม่เหมาะ
“เพราะผมมาทีหลังสินะ เพราะผมไม่เคยเอาหน้าไปรับหมัดใครแทนเขื่อนสินะ เพราะผมไม่ได้รู้จักกับเขื่อนมาแต่เด็กสินะ! อย่าเอาเรื่องอื่นมาอ้างเลย เขื่อนมันเห็นแก่ตัว ไอ้คนเห็นแก่ตัว!”
“เอ่อ...น้ำใจเย็นๆนะ..” เขื่อนพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะดูท่าน้ำตาลของเขาจะเดือดจนไหม้แล้ว
“ไม่ยงไม่เย็นแล้ว งั้นผมไปคบกับมะนาวดีมั้ย เพราะมะนาวเขาดีกับผมมาก่อน เราสนิทกันมาก่อน หรือผมจะไปขอคบกับพี่กิ๊ฟท์ดี เพราะผมก็รู้จักกับพี่เขามาแต่เด็ก ห๊ะ!”
“เฮ้ย ไม่เกี่ยวกันแล้ว ฉันไม่ได้คบกับแซมมี่นะเว้ย แล้วไอ้กิ๊ฟท์นั่นมาเกี่ยวอะไร คิดจะนอกใจฉันใช่มั้ย!” เขื่อนเริ่มเลือดขึ้นหน้าเมื่อได้ยินว่าน้ำจะไปคบกับคนอื่น
“เขื่อนอย่ามานอกเรื่อง! เขื่อนนั่นแหละ ที่คิดจะนอกใจผมใช่มั้ย ถึงไปอี๋อ๋อออเซาะกับยัยแม่มดนั่น!” น้ำเถียงกลับหน้าแดง ดูท่าเรื่องราวจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ว หากไม่มีเสียงเคาะประตูขัดจังหวะคงไม่จบแน่ๆ
ก๊อก ก๊อก
“ใครวะ!” เขื่อนตะโกนออกไปอย่างหัวเสีย
“พ่อแกไงล่ะ” หน้าคมที่กำลังโกรธเกรี้ยวชะงักกึก ก่อนจะลุกไปเปิดประตู เผยให้เห็นร่างของชายร่างสูงหน้าตาเหมือนเขื่อนเดียะๆและคุณแม่อลิซที่ยืนยิ้มกว้าง
“สายัณห์สวัสดิ์จ้ะชูการ์บอย” น้ำยิ้มแหยๆและโบกมือกลับให้คุณแม่อลิซ
“ออกมานั่งคุยกันข้างนอกดีกว่าเนอะ” น้ำลุกเดินออกไปตามที่เสียงหวานๆนั้นบอก ปล่อยให้คู่แฝดต่างวัยได้สนทนากันตามลำพังดีกว่า
“เสียงดังไปถึงข้างนอกเลย” ร่างต้นแบบของเขื่อนเดินเข้ามาและหยุดนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ
“อ๊ะ พ่อ อย่าสูบ น้ำไม่ชอบกลิ่นบุหรี่” เขื่อนร้องห้ามอย่างฉับไว ทำเอาคนเป็นพ่อลดมือลงแบบงงๆ
“เอาจริงสินะ...” เก็บบุหรี่ใส่กระเป๋าเสื้อแล้วก็นั่งจ้องหน้าลูกชายนิ่ง
“อืม” เรื่องคบกับน้ำเขาไม่เคยคิดทำเล่นๆอยู่แล้ว
“แซมมี่อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ผมว่าไม่น่าจะเกินสิ้นปีนี้...” เขื่อนหน้าสลด ทำไมมันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้นะ
“พ่อว่าแกน่าจะตัดขาดจากแซมมี่ได้แล้วนะ ที่ผ่านมาแกไม่ได้มีใครให้ต้องแคร์ แต่ตอนนี้มีคนที่ยังต้องการให้แกให้ความสำคัญกับเขาอยู่อีก แกอย่าลืม”
“แต่แซมมี่...เขาไม่มีใคร..”
“แล้วแซมมี่ทำตัวได้สมกับที่ไม่มีใครหรือเปล่าละ แซมมี่ไม่มีใครเพราะหล่อนทำตัวเอง”
“ถ้าแกยังคงให้ความสำคัญผิด ยังเอาความรู้สึกของน้ำมาล้อเล่น ระวังแกจะเสียเขาไป”
“ครับ” เขื่อนพยักหน้า และนั่งมองพ่อเดินออกไป
“ทำอะไรน่ะ” พ่อออกไปไม่ทันไร ไอ้เจ้าร่างบางๆนั้นก็เดินเข้ามาและรื้อของเสียยกใหญ่
“หาชุดนอนครับ”
“เอาไปทำไม”
“แม่เขื่อนให้ผมขนเสื้อผ้าไปนอนอีกห้องหนึ่ง” น้ำตอบห้วนๆ
“เฮ้ย ไม่ได้ นอนที่นี่แหละ”
“แม่เขื่อนสั่งมา จะให้ผมทำไงล่ะครับ” ปากบอกว่าถูกสั่งมา แต่สีหน้ากลับมีแววเยาะเย้ยที่ได้อยู่ห่างๆเขื่อน
“นายโกรธเหรอน้ำ!” เขื่อนกระชากแขนน้ำจนเสื้อผ้าในมือหล่นไปกองที่พื้น
“เปล่าครับ” ใบหน้าหวานเหยเกเพราะความเจ็บ
“งั้นจะไปนอนที่อื่นทำไม”
“แม่เขื่อนบอกให้ไปนี่ครับ”
“ไม่เห็นต้องแคร์นี่หว่า นี่เพราะนายโมโหฉันมากกว่า ไม่เอาน่า...อย่างอนสิ” เขื่อนพยายามจะดึงร่างบางนั้นเข้ามากอด แต่เจ้าตัวก็สะบัดหนีออกห่าง
“อย่ามายุ่ง! ผมคิดว่าดีเหมือนกัน ถ้าเราจะห่างกันสักพัก” ว่าแล้วก็เดินฉับๆออกไปโดยทิ้งให้เขื่อนยืนอึ้งคนเดียว
“แม่งเอ๊ย! มีแต่เรื่อง นอนคนเดียวก็ได้วะ”
“เดี๋ยวเย็นนี้ไปเก็บเสื้อผ้ามาค้างที่นี่ ฉันจะเปิดวิดีโอการแข่งของปีที่แล้วให้ดู” มิสเตอร์โรมานอฟฟ์กล่าวสั้นๆ ก่อนจะสั่งเลิกคลาสตอนเย็น เทียบกับอาจารย์ปฐพีแล้ว ตาลุงนี่โหดหินกว่าเยอะ ซ้อมวันละเกิน 12 ชั่วโมง แถมยังด่าๆๆเป็นว่าเล่น
‘เหนื่อย...’ ประโยคเดียวที่วนเวียนในหัว ยิ่งใกล้งานแข่ง ยิ่งซ้อมหนัก น้ำล้มแผละลงบนที่นอนทันทีที่มาถึงบ้าน ห้องนอนนี้เขามานอนตั้งแต่วันนั้น หากลองนับดูก็จะพบว่าผ่านมาสี่วันแล้ว จะพบเขื่อนก็เฉพาะแค่ตอนอาหารเย็น หลังจากนั้นเขาก็จะรีบนอน เพราะความเหนื่อยล้า พอคิดอะไรไปเพลินๆก็ดูท่าว่าหนังตามันจะปิด...
“อือ...” กำลังหลับสบายๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมานัวเนีย เอามือไปปัดไล่ก็ไม่ยอมไป
“จะนอน...อือ..” รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับ แต่ความง่วงมันมากกว่านี่นะ
“คิดถึง...” เสียงทุ้มที่ฟังดูอู้อี้เหมือนคนกำลังร้องไห้ตอบกลับมา
“ฮื้อ ผมจะนอน...” อยากจะผลักไอ้ที่มาวุ่นวายกับตัวเขาออกไป แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง
“หึหึ หลับขี้เซาเหลือเกินนะ...” งือ... เสียงเหมือนเขื่อนเลย..ไม่ได้หลับนะ แค่ลืมตาไม่ขึ้น...
“อือ..” เหมือนมีริมฝีปากมาคลอเคลียแถวแก้มเลย จั๊กจี้จัง
“คิดถึงจังเลย คิดถึงเหลือเกิน...” เสียงทุ้มๆแบบนี้ เขื่อนแน่เลย...อือ ทำไมทำเสียงเศร้าแบบนั้นละ
“อือ...ม่าย....ม่ายอาว.....” จู่ๆก็รู้สึกเหมือนถูกจับถอดกางเกง และเจ็บๆที่ตรงก้น...พยายามขยับหนี แต่ก็ถูกล็อกไว้แน่น แต่มันก็รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ ปล่อยไปเลยละกัน...
“เขื่อน!! ไอ้โรคจิต” เสียงหวานตวาดดังลั่น พอหลับจนเต็มตื่นก็สะดุ้งพรวดขึ้นมา ยิ่งเห็นสภาพตัวเองและคนที่นอนคุดอยู่ข้างๆไม่มีเสื้อผ้าก็ยิ่งรู้ว่าไม่ใช่ฝัน
“มาลักหลับได้ยังไง นิสัยเสีย” มือเรียวกำหมัดและทุบอั้กๆไปที่หลังของคนที่กำลังหลับสบาย
“อื้อ อะไรกันน้ำ” เขื่อนลืมตามามองงัวเงีย นี่มันไม่คิดจะเจ็บเลยใช่มั้ย!
“เขื่อนทำอะไรน่ะ ผมเจ็บระบมไปหมดเลยนะ” น้ำประท้วงเสียงดัง เขารู้สึกว่ามันเจ็บแปลบๆอย่าบอกไม่ถูกที่...ตรงนั้นแหละ
“อ้าว เจ็บเลยเหรอ โทษที เห็นหลับอยู่เลยเผลอเอาหนักไปหน่อย หึหึ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย” น้ำดึงหมอนมาฟาดหัวเขื่อนก่อนจะลุกพรวดเพื่อลงจากเตียง แต่ดูท่าว่าเขื่อนจะหนักมือไปจริงๆ เพราะเมื่อน้ำตั้งท่าจะลุกก็รู้สึกเจ็บแปล็บจนเซและจะล้มลงไป
“จะลุกไปไหน” เหมือนพระเอกขี่ม้าขาว แต่ต้องไม่ใช่กับไอ้โรคจิตที่เข้ามาประคองเขาไว้ได้ฉิวเฉียดแบบนี้!
“อาจารย์นัดให้ไปค้างวันนี้”
“ไปทำไม”
“ไปดูวิดีโอการแข่งของปีที่แล้ว”
“หึ ไม่จำเป็น” ว่าแล้วก็อุ้มน้ำขึ้นไปบนเตียงเหมือนเดิม และโถมร่างลงมานอนทับไว้ทั้งตัว
“เขื่อน อาจารย์นัดผมแล้วนะ” น้ำพยายามดันร่างเขื่อนออก แต่แรงมหาศาลเหมือนควายกลับชาติมาเกิดนั้นเอาแต่นัวเนียเขาไม่ยอมห่าง
“ซื้ดดด หอมจังเว้ย” เขื่อนลากเสียงด้วยความพอใจเมื่อซุกไซ้ไปทั่วทั้งร่างกายของน้ำ
“พอรึยัง ผมต้องไปบ้านอาจารย์นะ” น้ำหน้าหงิก คนรึอุตส่าห์เลี่ยงไม่อยากพบ ยังจะหน้าด้านมานัวเนียอีก
“ไม่ต้องไป ฉันไปก๊อปปี้ไฟล์มาให้แล้ว” น้ำมองตามร่างสูงที่ลุกไปหยิบแผ่นซีดีออกมาจากกระเป๋า นี่เขื่อนมีญาณวิเศษหรือไงนะ อยากรู้แต่ก็ไม่ถามดีกว่า เพราะเดี๋ยวก็กวนตีนกลับมาอีก ดีเหมือนกันแบบนี้ นอนดูที่บ้านสบายใจกว่าเยอะ
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะครับ” น้ำถามขณะนอนมองเขื่อนเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ร่างสูงหันมายิ้มกริ่ม
“อยากรู้เหรอ” น้ำพยักหน้าแทนคำตอบ
“ฉันไปส่งแซมมี่ที่สก็อตแลนด์มา ไปตั้งแต่เช้าน่ะ แล้วก็รีบกลับมาทันที”
“ห๊ะ หมายความว่ายังไงน่ะครับ” นี่เป็นเรื่องน่าตะลึงที่สุดในรอบสัปดาห์นี้ของน้ำเลย
“ก็ฉันไปบอกกับแม่ของแซมมี่ ว่าแซมมี่นั้นเกะกะระรานคนที่ฉันรักขนาดไหน ตัวฉันเองพยายามหักใจไม่ให้เกลียดแซมมี่ แต่ถ้าแซมมี่ยังคงอยู่ที่นี่ ไม่แคล้วจะมีเรื่องราวให้ขุ่นเคือง และอาจจะมีผลกระทบกับเรื่องงานของพ่อแซมมี่ที่เป็นลูกน้องพ่อฉันด้วย คุณป้าก็เลยบอกว่าแกก็เหนื่อยกับความเอาแต่ใจของลูกตัวเองเหมือนกัน เลยจะส่งแซมมี่ไปอยู่บ้านที่เอดินเบิร์กแทน และจ้างพยาบาลมาช่วยดูแล” เขื่อนเล่าอย่างสบายๆ ขณะใส่เสื้อยืดและกางเกงขายาวก่อนจะเดินมานั่งยิ้มตรงขอบเตียงที่น้ำนอนอยู่
“แล้วเรื่องหมั้นละครับ”
“แม่ของแซมมี่ขอถอนหมั้นเองน่ะ บอกแล้ว มันเป็นแค่คำขอเอาแต่ใจของคนๆหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีใครเห็นด้วยหรอก ”
“อือ...ผมตกใจแฮะ..” น้ำกระเถิบร่างที่ซุกใต้ผ้าห่มเหมือนตัวหนอนไปนอนเอาหัวเกยที่ตักเขื่อน
“ทำไมล่ะ อยากจะลองสานสัมพันธ์กับแซมมี่งั้นเหรอ หึหึ”
“อย่ากวนตีนสิครับ ผมแค่แปลกใจว่าทำไมจู่ๆเขื่อนถึงลุกมาจัดการเรื่องนี้ซะเรียบร้อยฉับไวยิ่งกว่าบริการ Fed-Ex แบบนี้” น้ำหลับตารับสัมผัสจากมือเขื่อนที่กำลังลูบๆที่แก้มของเขา อืม...สบายจังเลย
“ทุกอย่างที่ฉันทำเกิดขึ้นเพราะนายนะน้ำ ฉันทำทุกอย่างลงไปเพื่อนาย เพราะฉันไม่อยากให้นายเสียใจและฉันไม่อยากต้องแยกห่างจากนาย อย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันจะไม่ทำให้นายต้องเจ็บปวดแม้เพียงเสี้ยวเดียวอีกแล้ว” น้ำหน้าแดง คำพูดแบบนี้พอออกจากปากเขื่อนแล้วทำไมมันถึงทำให้เขินขึ้นอีกสิบเท่านะ
เขื่อนอมยิ้มมองใบหน้าหวานที่แดงก่ำเพราะเขินอาย แต่ภายในใจของเขื่อนนั้นยังคงมีบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่ แต่เรื่องอะไรเขาจะบอกกับน้ำล่ะ ว่าเขาสนุกกับการที่ได้เห็นน้ำทรมานใจเพราะหึงหวงเขาเพียงไหน นับว่าคุ้มจริงๆที่ทำให้น้ำได้เจอกับแซมมี่...
“ผมไม่โกรธแล้วแหละครับ” จะหาว่าโง่ก็ช่างที่ยอมทนกับเรื่องแบบนี้ จะยังไงเสีย เขื่อนก็ไม่ได้ลึกซึ้งกับยัยแม่มดนั่นสักหน่อย
“น่ารักที่สุด” เขื่อนยิ้มกริ่มและหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ขณะหยิบเสื้อผ้ามาใส่
“แล้วเขื่อนใส่เสื้อผ้าทำไมครับ จะออกไปข้างนอกเหรอ” ใบหน้าหวานนั้นเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยมุมที่ดูแล้วแสนน่ารัก ก้นงอนๆใต้ผ้าห่มที่นูนขึ้นมาช่างดึงดูดใจให้อยากใกล้ชิดเสมอ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่งั้นน้ำตาลของเขาต้องเป็นลมแน่ๆ
“จะไปหาอะไรให้นายกินไงล่ะ นอนอยู่นี่แหละ” เขื่อนยิ้มให้แล้วกุลีกุจอลงไปหาของกินชั้นล่าง พอเรียบร้อยแล้วกำลังจะขึ้นชั้นบนก็เหลือบไปเห็นพืชผักผลไม้ในตะกร้าบนโต๊ะ สมองคิดประมวลอย่างฉับไวก็คิดว่าคว้าติดมือไปดีกว่า เผื่อจะได้เล่นอะไรแปลกใหม่ๆ
ตุบ! พอเดินเปิดประตูเข้าไปและคาดว่าจะได้พบน้ำที่นอนเปลือยกายบนที่นอนรอเขาอยู่กลับกลายเป็นน้ำที่แต่งตัวเรียบร้อยและกำลังนั่งดูวิดีโอการแสดงอยู่ก็ผิดหวังอย่างแรงจนทำตะกร้าผลไม้ตกพื้น
“เขื่อน เป็นอะไรครับ ทำไมทำตะกร้าตกพื้นแบบนี้ละ” เจ้าตัวการที่ทำให้เขาผิดหวังถลันเข้ามาเก็บผักผลไม้เข้าตะกร้าเหมือนเดิม
“บอกให้นอนรอ ทำไมรีบลุกละ...”
“ก็ผมไม่อยากนอนเฉยๆนี่นา เลยลุกมาเปิดวิดีโอรอฆ่าเวลาดีกว่า” ยังจะมาทำตาใสแป๋วอีก เขาคาดหวังว่าจะใช้ผักผลไม้พวกนี้กับน้ำทันทีที่เข้ามาในห้องแท้ๆ
“...อะนี่ นมกับคลับแซนวิช กินซะ” เขื่อนยื่นจานแซนวิชให้น้ำด้วยใบหน้าที่ผิดหวังสุดขีด พอน้ำรับไป เขื่อนก็เดินไปทรุดนั่งลงบนโซฟา น้ำมองอย่างงงๆ และคิดว่าคงผีเข้าตามปรกติ เลยไม่ได้สนใจ ถือจานแซนวิชไปนั่งกินขณะดูวิดีโอ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่ง...
“เขื่อน! นี่แซมมี่เขาเคยเป็นนักเปียโนของมิสเตอร์โรมานอฟฟ์งั้นเหรอ” น้ำหันมาถามเขื่อนที่กำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด ร่างสูงพยักหน้าให้แบบแกนๆ
“ผมนึกออกแล้วละ วันนั้นน่ะ ที่ผมอาละวาดใส่แซมมี่ เหมือนว่าแซมมี่จะพูดอะไรเรื่องเปียโนๆเนี่ยละ” น้ำเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่เขื่อนกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดว่า
“แซมมี่เขาบอกว่าขอให้ทีมแพ้น่ะ สงสัยเธอคงอิจฉานาย” เขื่อนตัดสินใจไม่เล่าทั้งหมด เพราะรู้ดีว่าน้ำต้องอาละวาดอีกแน่
“ห๊ะ!ยัยนั่น อวดดีมาจากไหนกัน” น้ำนั่งบ่นงึมงำๆแล้วหันไปดูวิดีโอต่อ
“เขื่อน” เสียงเรียกจากคนที่นั่งหันหลังดูวิโออย่างตั้งใจฟังดูจริงจัง
“หืม”
“คอยดูนะ ผมต้องทำให้ดีที่สุด ต้องชนะให้ได้” เขื่อนลุกเดินมานั่งข้างน้ำ ดวงตาคู่สวยนั้นเหมือนมีประกายไฟภายใน เขื่อนยกแขนขึ้นโอบไหล่น้ำไว้และดึงให้ร่างบางมาซบ
“ฉันรู้ว่านายต้องทำได้ คนเก่งของฉัน” คำพูดอบอุ่นที่มาพร้อมกับจูบอ่อนโยนตรงหน้าผาก ไม่น่าเชื่อว่าแค่คำพูดของคนที่รักก็ทำให้เรากล้าหาญขึ้นเป็นพันเท่า!
>>>>> TBC
ปล.1 มีฉากเร้าใจแบบกรุบกริบ พอให้เรียกน้ำย่อยนิดหน่อยนะจ๊ะ
ปล.2 บีเห็นว่าผู้อ่านที่รักหลายๆคนโมโหเขื่อนกันมากมาย จึงอยากจะขอให้ทำความเข้าใจกันนิดนึงนะคะ ว่าในช่วงชีวิตหนึ่งที่เรามีความรัก เราย่อมผ่านปัญหาต่างๆมาด้วยกัน และแต่ละคนก็จะมีวิธีจัดการปัญหาต่างกันไป ซึ่งปัญหาหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องของมือที่สาม บางคนอาจเลือกจบปัญหาด้วยการเลิกรา แต่บางคนอาจเลือกให้อภัย ดังนั้น ขอให้ทำความเข้าใจในเรื่องความแตกต่างของคนเราด้วยค่ะ เพราะบีเองก็เลือกที่จะเป็นคนให้อภัยค่ะ