Touching You ~ลุ้นรัก คุณน้ากำมะลอ~ Story by kuruma&p.k.a (CH14 END 18/9/2011)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Touching You ~ลุ้นรัก คุณน้ากำมะลอ~ Story by kuruma&p.k.a (CH14 END 18/9/2011)  (อ่าน 82573 ครั้ง)

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
อ๊าย บอกความในใจกันแล้ว แล้วคำตอบจากรันล่ะ

รอลุ้นว่ารันจะตัดสินใจยังไงต่อ

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ห่างหายไปนาน
เป็นกำลังใจให้ลงต่อไปคะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
ลุ้นมากๆๆอ่ะ

รันให้คำตอบไว้ๆ ทีเถอะ

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
อยากอ่านต่อ  :impress:
 :call:

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
หายไปไหนแล้วววว  T^T

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
เอ่อ ทำไมคุณหลานชักช้าแบบนี้
อย่างรันดื้อๆ นี่ต้องจัดการให้อยู่ในโอวาท
ขอหวานๆ บ้างนะคะ คู่นี้ตั้งแต่ต้นมีแต่จิกกัดกัน
น้องรันเป็นเด็กคิดมาก ค่อนข้างกดดันตัวเอง
ไม่รู้ว่า ถ้าไม่เมาจะรู้สึกอะไรกับคุณหลานบ้างหรือเปล่า
+1 เป็นกำลังใจคนเขียนทั้งสองนะคะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@Writer's Talk@@@
ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ทำให้คอยกันมานานนะคะ
เดือนที่ผ่านมา คนโพสต์อย่างข้าพเจ้านั้น มีเรียนสามอาทิตย์ติด
อ่านนิยายทุกวันมันก็ัคงสนุกหรอกนะคะ แต่อ่านแล้วต้องเอาไปเรียนทุกวันนี่
ก็เหนื่อยเหมือนกันค่ะ แต่ก็สนุกมากๆเลยล่ะค่ะ เมื่อคืนเลยแก้นิยายเตรียมโพสต์ไว้เรียบร้อย
หลังจากนี้ก็คิดว่าจะได้โพสต์กันแบบไม่ต้องให้รอนานแล้วล่ะค่ะ
เอาล่ะ ไปต่อกับเรื่องของสองน้าหลานกันต่อเลยก็แล้วกันนะคะ :L2:


.....................................................


แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาสาดลงบนผนังสีขาวของตัวบ้านหลังใหญ่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่ดูหรูหราชานเมือง ชายหนุ่มเดินลงจากรถมาเปิดประตูรั้วแล้วขับรถเข้าไปด้านในด้วยตัวเอง ดึกดื่นป่านนี้เขาไม่อยากจะปลุกให้คนรถหรือแม่บ้านแหกขี้ตาตื่นมาเพียงเพื่อเปิดประตูให้เขาเข้าบ้านเท่านั้น ร่างสูงขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถขนาดใหญ่ที่มีรถมียี่ห้อจอดเรียงอยู่สองคัน คันหนึ่งเอาไว้ใช้รับรองแขกหรือไปออกงานต่างๆ ในขณะที่อีกคันก็มีไว้ให้แม่ของเขาใช้เวลาไปบริษัทหรือเวลาส่วนตัว

“โฮ่งๆๆ....”

พลันได้ยินเสียง “ตัวประกัน” ดังมาจากด้านหลังบ้าน ถึงจะเป็นกลางดึกสงัดแต่ในสวนก็มีไฟส่องแสงสลัวนำทางให้เดินไปด้านหลังบ้านได้ไม่ได้ยากเย็นอะไร ร่างสูงเดินไปตามเสียงเจ้าตัวดีที่เห่าเรียกประหนึ่งรู้ว่าเป็นเขาเองที่มา เจ้าเคน โกลเด้นท์รีทรีเวอร์หัวโตยกหางส่ายไปมาจนสั่นไปทั้งตัวด้วยความดีใจ
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้กรงแล้วนั่งยองๆลงตรงข้างกรงนั่นเอง เคนพยายามยื่นปลายจมูกชื้นๆมาดมที่มือที่เขายื่นออกไป มันดมแล้วดมอีกเหมือนจะพยายามสำรวจและพิสูจน์ว่ากลิ่นนั้นใช่กลิ่นของเจ้านายเก่ามันหรือไม่ และเหมือนจะยิ่งดีใจหนักทั้งครางทั้งเลียที่มือของอินทัชจนเปียกเลยทีเดียว
 
“ได้กลิ่นรันใช่ไหมล่ะ...คิดถึงเขาใช่ไหม เจ้านายเราน่ะ ดีใจซิ่นะ”

 น้ำเสียงทุ้มที่มักจะสั่งงานลูกน้องอย่างเด็ดขาด สายตาคมที่พิจารณาธุรกิจของตนเองอย่างไม่เคยมีเรื่องบกพร่อง บัดนี้กลับแหบพร่าและไหววูบ นี่ถ้าเจ้าเคนมันรู้ว่า มือที่มันกำลังเลียและพยายามเอาหัวมาอิงด้วยความดีใจนี้ล่ะ ที่สัมผัสและทำให้เจ้านายที่มันรักนักหนาต้องเสียน้ำตาล่ะก็...มันจะหันมาฝังเขี้ยวลงบนฝ่ามือของเขาหรือเปล่า

“ขอโทษนะ....”

.......................................


แม้กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปดึกดื่นค่อนคืนแล้ว แต่อินทัชกลับลืมตาตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เปิดสมุดบันทึกดูตารางงานแล้วเห็นว่าในช่วงเช้าตัวเองยังพอมีเวลาว่างให้ไป “สะสาง” ในเรื่องที่ยัง “ค้างคา” อยู่ ร่างสูงจัดแจงแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนทับด้วยสูทสีเทา ไม่ผูกเนคไทด้วยรู้สึกว่าเรื่องที่กำลังจะไปทำนั้นมันคงชวนให้อึดอัดมากพออยู่แล้ว การผูกเนคไทคงรังแต่จะช่วยให้ความอึดอัดที่มีอยู่ในใจนี้มันยิ่งหนักมากขึ้น ร่างสูงคว้ากุญแจรถขับรถออกจากบ้านไปโดยที่ไม่ได้รอพบหน้ามารดาแต่อย่างใด

"คุณท่านคะ คุณชายมาขอพบค่ะ” 

เสียงสาวใช้ดังขึ้นเมื่อเดินนำอินทัชไปถึงห้องอาหาร ดวงตาคมของชายหนุ่มมองเข้าไปด้านในก่อน แต่เมื่อเห็นว่ามีชายชรานั่งอยู่เพียงลำพังจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ อาจจะยังเช้าเกินไปจนวรัญญูอาจจะไม่ทันได้กลับออกมาจากคอนโดของเขาก็เป็นได้...ถ้าอย่างนั้นแล้วคงได้พูดในเรื่องที่อยากจะพูดได้มากขึ้น

"มีอะไรถึงได้ถ่อมาถึงนี่ได้แต่เช้า อินทัช " เสียงของชายชราดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงช้อนกระเบื้องที่ค่อยวางลงกับจานรอง ข้าวต้มร้อนๆยามเช้า กับกาแฟเป็นสิ่งที่ภูธรโปรดปรานนัก
 
" ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้งให้คุณตาทราบน่ะครับ " อินทัชเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ พลางเดินเข้าไปดึงเก้าอี้ตัวที่ใกล้กับที่นั่งของคุณตาของตัวเองมากที่สุดให้ถอยออกห่างจากโต๊ะก่อนนั่งลง สองมือประสานบนพื้นผิวเรียบที่ปูทับด้วยผ้าปูโต้ะผืนงาม
" เรื่อง วรัญญู "

"วรัญญู? เรื่องของเด็กนั่น มีอะไรรึ จะมาบ่นอะไรอีกล่ะ" เสียงชายชราหัวเราะเบาๆ พลางขยับเลื่อนเก้าอี้ไฟฟ้าให้หันไปทางที่อีกฝ่ายนั่งอยู่จะได้มองหน้ากันได้อย่างถนัดถะหนี่

" คุณตาคงทราบดี ว่าผมไม่เคยเห็นด้วยที่คุณตารับวรัญญูมาเป็นลูกบุญธรรม และผมรู้ว่าคุณตาก็มีหูตากว้างขวางพอที่จะเห็นว่าระหว่างผมกับเขา พวกเราไม่เคยคิดจะญาติดีกันซักเท่าไร...ผมไม่คิดว่าเราจะเป็นญาติกันในแบบ น้า หลาน หรืออะไรก็ตามที่คุณตาคิดเอาไว้ได้ ผมกับเขาไม่สามารถอยู่ในสถานะที่จะเป็นญาติกันได้...ผมว่าคุณตาควรจะยุติเรื่องนี้ครับ " ดวงตาคมสบตากับผู้เป็นตานิ่ง

"สถานะ?...อธิบายซิ่ ว่าไอ้สถานะที่แกว่า เนี่ย มันเป็นยังไง ตาตามคำศัพท์ของแกไม่ทันหรอกนะ" ผู้เป็นตายังคงเห็นว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้น เป็นแค่อาการประท้วงเดิมๆที่ นั่นก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขามาตลอดแล้ว

" ผม....” อินทัชสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกได้ว่ามือข้างหนึ่งของตัวเองกำลังสั่น ชายหนุ่มบีบมือข้างนั้นด้วยมือข้างอีกข้างจนแน่น “ผมไม่คิดว่าเขาคู่ควรกับบ้านหลังนี้ ไม่ควรที่จะมาเป็นลูกชายที่จะมาใช้นามสกุลของตา วรัญญู...หมอนั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ขายทุกอย่างเพื่อที่จะให้มีกินมีใช้ไปวันๆ แต่ยังมาชูคอเดินไปมาในบริษัทของเรา เอาเงินของคุณตาไปใช้พร่ำพรื่อ...ผม...ทนไม่ได้หรอกที่ต้องเห็นเขาทำตัวแบบนั้นทั้งๆที่ยังมีนามสกุลของเราห้อยท้าย...หมอนั่นไม่สมควรจะมีเกียรติอะไรทั้งนั้น...ผมเลยต้องเอาคืน ผม.....ข่มขืนหมอนั่น...จะได้ไม่มาหือมาอืออะไรกับผมอีก และหมอนั่นคงไม่มีหน้าจะมาอยู่ในบ้านอีกแล้ว ...คุณตาก็ช่วยสงเคราะห์ให้เขาไปไกลๆผมซักทีเถอะครับ...ผมขยะแขยง "

"........................" คำพูดของหลานชายทำให้ผู้เป็นตาถึงกับนิ่งเงียบ ดวงตาของชายชรามองหน้าของอินทัชนิ่ง
"นี่แก...แกกำลังจะบอกว่า แกใช้กำลังกับผู้ชาย...กับเจ้ารันมันอย่างนั้นใช่ไหม “เสียงของภูธรที่ปรกติแหบแห้งด้วยชราวัยเหมือนถูกบีบเค้นออกมาจากลำคอที่แห้งผาก

"  ........ " คำพูดของผู้เป็นตาทำให้อินทัชต้องกลืนน้ำลายลงไปในคอ กังวลอยู่น้อยๆว่า “การแสดง” ในครั้งนี้ของตัวเองจะสามารถตบตาชายที่ผ่านชีวิตมามากมายผู้นี้ได้หรือไม่ ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้นเหมือนอย่างทุกครั้ง

“ผมก็แค่ทนไม่ได้กับการที่จะต้องเห็นหน้าหมอนั่นทุกวัน ไปๆเสียก็ดีเหมือนกัน...ผมบอกแล้ว ว่าผมไม่ยอมรับเขาในฐานะญาติของผมแน่นอน...คุณตาเองก็ควรจะเลิกเล่นเกมส์บ้าๆนี่ได้แล้วนะครับ”

คิ้วของภูธรขมวดเข้าหากันแน่น บางอย่างในคำพูดของหลานชายทำให้สมองที่ยังเฉียบคมแม้จะอายุจะล่วงเลยเข้าสู่วัยชรามานานเริ่มทำงานอีกครั้ง

"คนอย่างแกนี่ล่ะนะ...ไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็ต้องเอามาให้ได้ตลอดเลยใช่ไหม” ร่างของชายชราขยับเอนมาข้างหน้าเพื่อมองหน้าของหลานชายให้ถนัดถนี่
“แล้วแก ไอ้หลานตัวดี ก็เอาเรื่องที่แกไปอะไรกับเจ้ารันมาเล่าให้ฉันฟังแบบนี้ แกก็คงรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าฉันจะทำยังไง...ตัวแกเองก็คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้วด้วยซิ่นะ” ถึงจะพูดออกไปเชิงรู้ทัน แต่เรื่องที่ได้ยินได้ฟัง หากเป็นจริงดังที่อีกฝ่ายเล่ามานั้น....มันก็คงจะน่าผิดหวังไม่น้อย

" ผมแค่มาขอให้คุณตายุติเรื่องนี้เท่านั้น .. และไม่ว่าคุณตาคิดจะทำโทษผมที่ไปทำเรื่องผิดกับวรัญญูยังไง ผมยินดีจะรับโทษของการกระทำครั้งนี้ทั้งหมด ...ขอแค่อย่างเดียว เอาหมอนั่นออกไปให้พ้นจากบ้านของเราเสียที" อินทัชเอ่ย พยายามซ่อนเร้นความรู้สึกบนสีหน้าและดวงตาของตัวเองเอาไว้

"ยอมขนาดนั้นเชียว?...นี่เป็นครั้งแรกนะที่ตาเห็นแกพยายามจะทำอะไรมากขนาดนี้...ได้ บทลงโทษคงมีแน่ ตาอาจจะต้องเขียนพินัยกรรมใหม่เลยก็ได้...ก็ไปอธิบายกับแม่ของแกเอาก็แล้วกันไม่อย่างนั้นจะมาหาว่าตาลำเอียงอีก" ภูธรกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พลางยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นจิบ

" ขอบคุณครับ " อินทัชยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นตา

"ได้... ตาจะทำให้ แต่ไอ้เรื่อง "ขืนใจ "ที่ว่าน่ะ ถ้ามันจริงแล้วมีเรื่องแจ้งความหรืออะไรขึ้นมา ตาไม่รู้ด้วยนะ ส่วนไอ้เรื่อง "ฝืนใจ"น่ะ เลิกเล่นกันได้แล้ว โตๆกันแล้ว" ภูธรว่าพลางวางแก้วกาแฟลง ก่อนจะกดปุ่มเลื่อนเก้าอี้ออกจากห้องอาหารไปยังห้องหนังสือ ดูเหมือนว่า คุณตาคงจะต้องมีธุระคุยกับทนายของบ้านอีกยาวเป็นแน่

….หลานชายคนเดียวของบ้าน....
....เพิ่งจะบอกว่าข่มขืนผู้ชายด้วยกัน...
....หาทางหนีทีไล่เรื่องพินัยกรรมไว้ก่อนท่าจะดี...


............................................................

อินทัชยังคงนั่งอยู่ในห้องอาหาร ชายหนุ่มปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่วห้อง แม้สาวใช้จะเข้ามาถามว่าเขาจะรับอาหารเช้าหรือไม่ แต่อินทัชกลับหันไปบอกว่าเขาขอเวลาอยู่คนเดียวซักพัก เวลาผ่านไปนานเท่าใด ตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจ จนในที่สุดก็ตัดสินใจดึงเอาโทรศัพท์ราคาแพงขึ้นมากดปุ่มโทรด่วนหาสุรีรัตน์หัวหน้าแผนกเลขานุการ

" คุณสุรีรัตน์เหรอครับ...ผมเอง...รบกวนจองตั๋วเครื่องบินไปเมลเบิร์นให้ผมหน่อยจะได้ไหมครับ...ขอด่วนที่สุดเลยก็แล้วกัน "

 เมื่อวางสายจากสุรีรัตน์ อินทัชยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เจ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว เดี๋ยวเขาคงต้องรีบบึ่งไปจัดการงานเอกสารที่บริษัท แต่ก่อนจะได้เดินออกจากห้องอาหารไปไหน เมื่อมองไปก็เห็นร่างบางของชายหนุ่มผมยาวยืนพิงกรอบประตูอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวกอดอกแน่น

"คุณจะกลับไปเมลเบิร์นอย่างนั้นเหรอ" เสียงนุ่มของวรัญญูดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของอินทัช ดวงตาคู่สวยที่ปราศจากกระจกใสของแว่นมาบดบังนั้นเห็นได้ชัดว่ายังแดงก่ำ ใบหน้าสวยของวรัญญูเหมือนจะยังไม่ได้นอนเสียด้วยซ้ำ ท่าทางอิดโรยอยู่ใช่น้อย

" มันเป็นวิธียุติเรื่องนี้ที่ดีที่สุด ก็เท่านั้นเอง .. ฉันบอกนายแล้วนี่...ส่วนนายอยากจะทำยังไงก็ไปบอกคุณตาท่านเอาเองก็แล้วกัน "ดวงตาสีน้ำตาลมองใบหน้าสวยนิ่งก่อนจะเหลือบเห็นรอยแดงเป็นจ้ำที่เขาฝากฝังเอาไว้ที่ผิวบางตรงลำคออีกฝ่าย

"คุณคิดอะไรของคุณกันแน่ ทิ้งคำถามให้ผมต้องตอบไว้ให้ผม  แต่สุดท้ายก็หนีไป คิดเหรอว่าคุณตาของคุณจะภูมิใจ..." ดวงตาคู่สวยจ้องหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง เขาเพิ่งจะกลับมาถึงที่บ้านเดินมาที่ห้องอาหารเห็นอีกฝ่ายนั่งคุยอยู่กับภูธรก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู แม้จะได้ยินใจความไม่หมด แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่า อีกฝ่ายคิดจะกลับไปเมลเบิร์นแน่ๆ และ คงจะไม่ได้กลับมาง่ายๆ นี่คนตรงหน้าของเขาคนนี้ คิดจะทิ้งหน้าที่ความเป็นหลานที่พ่อบุญธรรมของเขาอยากได้นักหนากันไปง่ายๆแบบนี้หรือ

"นั่นมันเรื่องของฉัน แล้วก็ช่วยเลิกเอาเรื่องความภูมิใจของคุณตามาเกี่ยวด้วย...เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคุณตา..."
อินทัชตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แค่เห็นว่าดวงตาของอีกฝ่ายยังแดงช้ำ เพียงแค่นั้นเขาก็เกือบจะ “แสดง” ไม่จบเสียแล้ว ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลีกทางของวรัญญูก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยไม่หันมาหาอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

...........................................

เมื่อมองอีกฝ่ายเดินไปจนลับตา วรัญญู ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหา พ่อบุญธรรมที่คงจะนั่งอยู่ในห้องหนังสือ

ก๊อก...ก๊อก...


เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆก่อนที่วรัญญูจะเปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน

"คุณพ่อ..." เสียงของวรัญญูแผ่วเบา  “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มว่าพลางยกมือขึ่นไหว้ภูธรร่างเล็กกึ่งกล้ากึ่งกลัวที่จะเดินเข้าไปหา

 "พ่อขอโทษที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เจ้ารัน...."เสียงของชายชราแหบพร่า รถเข็นไฟฟ้าส่งเสียงมอเตอร์ยามที่ภูธรหันกลับมามองหน้าของวรัญญู ทำเอาชายหนุ่มอายุคราวหลานถึงกับทำอะไรไม่ถูก ร่างเล็กแทบถลาเข้าไปนั่งพับเพียบข้างรถเข็นไฟฟ้าคันนั้นแทบไม่ทัน

“คุณพ่อพูดอะไรแบบนั้นครับ....”

ภูธรมองหน้าของวรัญญู มือที่เหี่ยวย่นนั้นแตะข้างแก้มของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ใบหน้านี้ช่างดูเหมือนรักแรกของเขาเสียนี่กระไร แต่ใบหน้าที่เหมือนกับคนรักเก่ากลับต้องดูอิดโรย ดวงตาแดงก่ำ แถมยังมีร่องรอยปรากฏอยู่ที่บนผิวเนื้ออีก....

.....ไอ้ทัช ไอ้หลานตัวดี....
.....ทำให้เจ้ารันร้องไห้ขนาดนี้เลยเรอะ....

 
"ขอโทษ...ที่ฉันเอาเรามาเป็นลูกบุญธรรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฉันก็มีเหตุผลหลายอย่าง...หนึ่งในนั้นคือ ฉันอยากจะเอ็นดูเรานะ เจ้ารัน เพราะว่าเราน่ะ เป็นเลือดเป็นเนื้อของผู้หญิงที่ฉันเคยรักนะ...ถึงเราจะไม่ได้เป็นเลือดเป็นเชื้อ แต่ฉันก็ละเลยหลานของคนที่ฉันรักไปตอนที่เขามีปัญหามากมายแบบนั้นไม่ได้หรอก จริงไหม "วรัญญูพยักหน้าลง เขารู้ดีถึงข้อนั้น

"ผมทราบครับ "

"ฉันชอบเรานะ เจ้ารัน เราเป็นลูกชายที่ดี ในช่วงสั้นๆ ก็เถอะ... แต่ถ้านั่นทำให้เราอึดอัดนักที่จะทำอะไร ... เราก็กลับไปใช้นามสกุลเดิมของเราเถอะ เรื่องการเรื่องงานถ้าอยากจะไปทำงานที่อื่น หรือกลับไปเปิดร้านอะไรก็ไปเถอะ... แต่ฉันแค่ยังอยากให้เราอยู่ที่นี่เพราะสำหรับฉันเราก็ยังเป็นลูกชายคนนึงของฉันอยู่ดี...คงไม่ว่าหรอกนะ หากจะอยู่เป็นเพื่อนตาแก่แบบนี้"

“................................................” ท่าทางของชายสูงวัยที่ศร้าสร้อยอย่างน่าประหลาด แม้ภูธรจะยิ้มแต่ก็เป็นเพียงยิ้มฝืนๆที่เพียงมองก็รู้ได้ในทันทีทำให้คนที่มักจะตัดพ้ออยู่ในใจตลอดมาอย่างวรัญญูรู้สึกเจ็บปวดในใจ ร่างเล็กไม่ตอบอะไรเพียงแค่ซบหน้าลงกับไออุ่นจากมือที่เหี่ยวย่นเพราะความชรา เขารักมือคู่นี้เพราะมันให้ความรู้สึกอบอุ่นเช่นเดียวกับมือของย่าของเขานั่นเอง

“.................................................” ภูธรนิ่งไปนานราวกับว่าลังเลที่จะพูดออกไป วรัญญูได้ยินเสียงทอดถอนหายใจแผ่วเบาจากร่างผอมของชายชรา

"เจ้าหลานบ้านั่นมันบอกว่า มันขืนใจเรา...จริงไหม วรัญญู "  คำพูดของพ่อบุญธรรมทำให้ชายหนุ่มร่างบางต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ

"อะไรนะครับ? "  วรัญญูไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้าแบบไหนดี จะให้ร้องว่าตัวเองเป็นเจ้าทุกข์หรือ เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น...นอกจากรอยจูบที่อินทัชทิ้งเอาไว้...เขาก็แทบไม่ได้เป็นผู้เคราะห์ร้ายทางกายเลย

"เพราะความดื้อของเจ้าอินทัชมันซิ่นะ... นึกผิดจริงๆที่ให้มันทำความเข้าใจกับธุรกิจแต่เด็กๆ...มันเลยไม่ค่อยจะสนใจความรู้สึกของคนอื่นเท่าไรนัก มองข้ามญาติพี่น้อง อะไรๆก็ดีแต่จะหากำไร สร้างธุรกิจ นี่ฉันเคยคิดว่าถ้ามีเธอมาอยู่ด้วย เขาอาจจะรู้สึกอยากจะแบ่งปันอะไรกับคนอื่นขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่คิดแค่ว่าถ้ามีใครเข้ามาใหม่แล้วจะต้องคิดมาแก่งแย่งชิงดีเอาทรัพย์สมบัติแต่เพียงอย่างเดียว หรือถ้าใครอยากจะได้อะไรก็ต้องแลกมาด้วยเงิน หรืออะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะมาใช้วิธีแบบนี้...ฉันผิดหวังจริงๆที่มันพูดออกมาแบบนั้น ก่อนที่จะสอนเรื่องเงินเรื่องทอง ฉันควรจะสอนมันเรื่องศักดิ์ศรีและการให้เกียรติคนก่อนเห็นจะดี "

คำพูดของภูธนั้นราวกับจะรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ดวงตาของชายชรายังคมกริบ เขาเห็นได้ในสีหน้าของวรัญญู ผิวแก้มของเด็กหนุ่มคราวหลานนั้นเจือเลือดฝาดยามที่เอ่ยชื่อของอินทัช ความสัมพันธ์แบบคู่กัด เจ้านายลูกน้อง ความใกล้ชิดอะไรก็ตามทีที่อาจจะไปเกิดขึ้นในที่ลับสายตาของเขานั้น มองปราดเดียวก็เห็นได้ชัดเจน

"เจ้ารัน...ฉันเองก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา กับ เจ้าอินทัช...แต่คิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ และไปถามเขาเองเถอะว่ามันเรื่องอะไร...เพราะอะไรกันแน่ถึงได้พูดแบบนั้นออกมา ทั้งๆที่ปากบอกว่าอยากไล่เราให้ออกจากบ้านนี้ไป แต่ตัวเองกลับหาเรื่องจะให้โดนไล่ออกจากกองมรดกเองเนี่ย...มันเรื่องอะไรกัน รีบไปถามล่ะ ไอ้เจ้าหลานบ้ามันยิ่งเป็นพวกมาไวไปไวอยู่ด้วย" ชายชราโบกมือไล่

“อะไรนะครับ...ไล่ออกจากกองมรดก...”

...ก็จะไม่ได้กลับมาแล้ว....อย่างนั้นเหรอ....

หัวใจในอกของวรัญญูเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความหวาดหวั่น แต่ทำไมเขาต้องกลัวด้วย...กับความคิดที่ว่า อินทัช จะไม่กลับมาแล้ว...เขาควรจะดีใจไม่ใช่หรือ? แต่....ความรู้สึกตอนนี้มัน... มือเรียวเผลอจับที่อกเสื้อของตน ใจในอกสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้

" เดี๋ยวขอโทรคุยกับทนายก่อนก็แล้วกัน เราจะไปทำอะไรก็ไปซะเถอะ"

“ครับ คุณพ่อ...ถ้าอย่างนั้นผม...ผม....ผมขอลา” เด็กหนุ่มว่าพลางกราบอีกฝ่ายแทบตักก่อนจะจะขอตัวกลับออกมาในสมองเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่นึกว่า อินทัช จะพูดออกไปแบบนั้น

....ข่มขืนเหรอ บ้าไปแล้วหรือไง ....
...หาเรื่องโดนตัดออกจากกองมรดกเหรอ....
...อะไรกัน คุณเป็นคนบอกว่าจะปล่อยผมไปไม่ใช่รึไง...
...แล้วนี่มันอะไรกัน...


มือเรียวรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากด หมายเลขที่จะทำให้เขาติดต่อกับอีกฝ่ายได้ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อ ดูเหมือนว่า มันจะถูกปิดเบอร์ไปเสียแล้ว

“บ้าชะมัด ปิดเครื่องเรอะ!” วรัญญูโวยลั่น ในขณะที่มืออีกข้างก็พยายามควานหากุญแจรถมินิคูเปอร์ของตัวเอง ชายหนุ่มดูลนลานจนทำอะไรไม่ถูก แต่เขาอยากได้คำอธิบายจากอีกฝ่าย ตอนนี้ เดี๋ยวนี้

“อย่ามาทิ้งเรื่องเอาไว้แบบนี้นะ เจ้าหลานบ้า!”  พลันนึกขึ้นมาได้ ข้อความสุดท้ายที่เขาได้ยิน อินทัชกำลังโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขลงไปอีกครั้ง

...คุณสุรีรัตน์...

คือชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

" ค่ะ น้องรัน มีอะไรให้พี่ช่วยเหรอคะ? " เสียงหวานของเลขาอย่างสุรีรัตน์ดังขึ้น

"อ่ะ ครับ เมื่อซักครู่ ที่ท่านประธานโทรมาบอกให้ช่วยจองตั๋งให้ ไม่ทราบว่าเครื่องจะออก กี่โมงหรือครับ" วรัญญูถามอย่างร้อนรน

" เครื่องไปเมลเบิร์นจะออกบ่ายสองค่ะ ท่านประธานได้ฝากเอกสารให้คุณศึกษาแล้วนะคะ ดิฉันวางไว้ที่โต๊ะค่ะ "สุรีรัตน์เอ่ย ถึงจะแปลกใจกับการให้จองตั๋วเครื่องบินแบบกะทันหัน แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะแปลกใจเป็นธรรมดาของพวกผู้บริหารที่มักจะมีธุรปะปังด่วนอยู่เสมอ มีบ่อยครั้งที่ต้องรีบจัดหาเครื่องบินส่วนตัวให้เสียด้วยซ้ำ ดูท่าแล้วเจ้านายใหญ่อย่างอินทัชคงจะมีธุระด่วนจริงๆ

"เมลเบิร์น บ่ายสองใช่ไหมครับ "วรัญญูมองนาฬิกาข้อมือ "ขอบคุณมากครับ" ชายหนุ่มว่าพลางตัดสายจากอีกฝ่ายวิ่งไปหารถมินิคูเปอร์ของตัวเอง ติดเครื่องยนต์แล้วบึ่งออกไปทันที

....ตอนนี้ก็แปดโมงเข้าไปแล้ว....
....บ่ายสอง จะเข้าต้องเช็คอินก่อน...
...รถติดแน่ แต่...ไม่ลองก็ไม่รู้ล่ะวะ วรัญญู!!...



.............................................to be con

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
ตัดสินใจไวสุดๆจริงๆ ลงมือปุ๊บเตรียมบินปั๊บ  :o

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
มาไว ไปไว เคลมไว ทำยังกับประกันรถยนต์ไปได้ ป๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาด

ออฟไลน์ Mitra

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อินทัชจะหนีไปนอกซะแล้วสิ
รันจะตามไปทันไหมนะ

รอตอนต่อไปนะ
เป็นกำลังใจจ้า
สู้ๆ นะจ้ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
หายไปนานๆๆๆๆ
ขอบคุณที่มาต่อครับ
อย่ามาม่า่มากนะครับ  กลัวรับไม่ไหว  5555+

LEKU_W

  • บุคคลทั่วไป
หายไปนานมากเลยนะค่ะ

โฮกกกกก อินทัช แกทำอะไรลงไป  จะหนีหน้าน้องรันหรอ

ไม่ให้ไปง่ายๆน้า น้องรีัน จัดการเลยยยยยย

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
หายนานมาก..สงสารคนอ่านนิดนึง...ค้างนะ
+1

ออฟไลน์ Wins_Sha

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 949
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-4
มาไวไปไวจริงๆๆ

ตกลงอินทัชคิดจะแก้ปัญหายังไงกันแน่เนี่ย
ไหงมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อ่ะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
น้าหลานกำมะลอคู่นี้ ชักจะยังไงซะแล้วสิ อิอิ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@Writer's Talk@@@
มาต่อแบบเร็วๆ...แต่อาจจะสั้นหน่อยนะคะ
อาทิตย์นี้ เอื่อยเฉื่อยจังเลย ชีวิตคนโพสต์อย่างพีจังดูไร้สีสัน
ใครมีวิธีทำให้รู้สึกสดชื่นได้บ้างช่วยบอกหน่อยเถอะค่า... :monkeysad:

ว่าแล้วไปอ่านเรื่องของน้าหลานกันต่อดีกว่า จะไปทันไหมนะ!

.................................................



ถึงการจราจรไปยังสนามบินสุวรรณภูมิจะทำให้การเดินทางของอินทัชล่าช้าไปบ้าง แต่ก็เป็นไปตามกำหนด ชายหนุ่มจัดการเรื่องเอกสารต่างๆในการเดินทางให้เรียบร้อย รอเพียงเวลาที่จะขึ้นเครื่องเท่านั้น อินทัชแวะดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในสนามบิน สุวรรณภูมิ ท่ามกลางผู้คนมากมายต่างชาติต่างศาสนาที่เดินสวนกันไปมา และพูดคุยกันด้วยสำเนียงเสียงที่บางครั้งก็ไม่คุ้นหู ตรงหน้ามีแก้วกาแฟร้อนหอมกรุ่นแต่กลับไม่ได้รู้สึกอยากจะยกขึ้นมาจิบลิ้มรส ดวงตาคมเหม่อมองออกไปยังกลุ่มคน ร่างสูงนั่งครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขากลับมาที่เมืองไทย

....คืนแรกในกรุงเทพฯหลังจากหลายปีที่เขาไม่ได้กลับมาเหยีบแผ่นดินแม่ เขาได้เจอกับชายหนุ่มร่างบางผู้ลึกลับ น่าค้นหา ผิวกายนุ่ม เส้นผมละเอียด กลิ่นกายหอมหวานบวกกับน้ำเสียงหวานใส...เพียงชั่วเวลาไม่กี่นาที ที่ได้พูดคุยหยอกล้อ บทสนทนาที่ฉาบฉวยเหมือนทุกครั้งแต่เขาคนนี้กลับ.....ตกหลุมรัก..

...แต่ในเช้าวันต่อมา เขากลับพบกับเด็กที่พยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่กว่าเขา จนน่าขัน ทั้งรวบผมยาวประบ่านั่นเสียแน่นตึง แถมยังใส่แว่นกรอบเงินดูจริงจังผิดกับหน้าตาที่ดูไร้เดียงสา แก้มใสขยับน้อยๆยามที่เม้มริมฝีปากด้วยขัดใจแต่ก็พยายามจะสกัดกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้แบบนั้นก็ดูน่าเอ็นดูไม่หยอก ....

 ... เหมือนชะตาเล่นตลกกับเขา ที่สองคนนั้นคือคนๆเดียวกัน และน่าแปลกเหลือเกินที่เด็กหนุ่มคนนี้ กลับทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป จนถึง ณ วินาทีนี้ จริงอยู่ที่เขาหาทางแกล้งให้อีกฝ่ายได้หัวหมุนอยู่เนืองๆ แต่นั่นเพียงเพราะอยากเห็น ธรรมชาตีที่แท้จริงของอีกฝ่ายก็เท่านั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า ตลอดชีวิตของอินทัชคนนี้ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วเป็นแค่เพียงเกม เป็นเพียงธุรกิจที่จำต้องทำให้สำเร็จลุล่วง สิ่งใดที่เขาต้องการ เขาจะแย่งชิงมาไม่ว่าจะต้องใช้เงินมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่...กับวรัญญูคนนี้.. เขากลับเลือกที่จะเสียสละเพื่ออีกฝ่าย นึกถึงตรงนี้ เขาก็ต้องยิ้มเยาะตนเองอย่างช่วยไม่ได้

….นายจะหาว่าฉันบ้าก็ได้....
....แต่ดูเหมือนว่าฉันจะยกให้นายไปหมดแล้วล่ะ....
...ไม่ว่านายจะอยากได้หรือไม่ก็ตาม...
...เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้...นายก็ไม่เข้าใจฉันเสียที....


ชายหนุ่มนั่งทบทวนอะไรอยุ่นาน จนกระทั่งนาฬิกาข้อมือราคาแพงของเขาและหน้าจอตรงหน้าบอกเวลาที่ต้องไปแล้ว อินทัชลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปทางประตูที่จะพาเขากลับไปที่ออสเตรเลีย มือที่ถือเพียงบอร์ดดิ้งพาสและพาสปอร์ตเอาไว้นั้นกำแน่น ดวงตาคมมองไปยังประตูที่จะเดินไปยังเพื่อเช็คเอกสาร ถ้าผ่านประตูนี้ไป จะเกิดอะไรขึ้นกัน ชายหนุ่มถามตัวเองในใจ มันไม่แน่ว่าจะได้กลับไปมีชีวิตเดิมกับการเป็นผู้บริหาร หลังจากนี้เขาอาจถูกลดขั้นเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดา เพราะสิ่งที่ได้บอกกับผู้เป็นตาไปก็เป็นได้

.......................................................


“อยู่ไหนนะ.....”  วรัญญูมองซ้ายขวาหาร่างสูงที่คุ้นตาท่ามกลางผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มายังสนามบินขนาดใหญ่แห่งนี้ เขาพยายามเร่งเครื่องมาให้ได้เร็วที่สุดแล้ว ชายหนุ่มร่างเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังบริเวณเค้าท์เตอร์ของสายการบินที่อินทัชจะต้องเข้าเช็ค แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็มองไม่เห็นคนที่คุ้นเคย ร่างบางร้อนใจ ในอกกระวนกระวายและร่างกายของเขาเหมือนจะอยู่ไม่สุข ยังนึกถึงดวงตาคมกับใบหน้านั้นที่มองมา คำพูดที่พูดทิ้งท้ายเอาไว้เมื่อคืน ยังคงทำให้ใจของเขาสั่นสะท้าน ในใจภาวนาขอให้ตัวเองมาทันเวลา ร่างเล็กวิ่งไปเข้าไปหาพนักงานที่เคาท์เตอร์สอบถามตารางเวลาของเครื่องที่จะบินไปเมลเบิร์น

"ขอโทษนะครับ...เที่ยวบิน.....ไปเมลเบิร์นนี่ไม่ทราบว่าออกไปแล้วหรือยังครับ"

"คะ...สักครู่นะคะ"
พนักงานสายการบินยิ้มหวาน แม้จะดูตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆก็มีคนพุ่งพรวดเข้ามาหาเธอที่เคาท์เตอร์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผิดปรกติสักเท่าไรนัก 

วรัญญูยืนมองผู้หญิงตรงหน้าคีย์ข้อมูลด้วยความรวดเร็ว์ แต่สำหรับเขาแล้วมันเหมือนนานเป็นชั่วโมง คำตอบนี้ต้องได้ไวที่สุดเท่านั้นและขอให้ มันเป็นคำตอบที่เขาต้องการด้วย

..... คิดจะหนีไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ....
......ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย.....
......ในเมื่อเรื่องทั้งหมด จริงๆแล้วมันก็ควรจะเป็นแค่....


"เอ่อ...คุณคะ"
น้ำเสียงของพนักงานสายการบินเรียกให้วรัญญูต้องออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง

"ครับ?...ว่าไงครับ" น้ำเสียงที่เอ่ยถามซ้ำออกไปนั้นแหบพร่า ปนกับอาการหอบหายใจเบาๆจากตัวเขาเอง

"เที่ยวบิน....ไปเมลเบิร์นเวลา บ่ายสองนะคะ เครื่องเทคออฟออกไปเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี้เองค่ะ"

"...เหรอครับ....ครับ....ครับ....ขอบคุณครับ"  วรัญญูรับคำซ้ำๆกับตัวเองอยู่หลายรอบ ก่อนจะค่อยๆผละออกมาจากเค้าท์เตอร์ของสายการบิน ขาที่ก้าวเดินออกมานั้นเหมือนไม่มีแรงจะเดิน กระนั้นก็ยังพยายามพยุงตัวเองให้เดินต่อไป ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด มันเหมือนกับว่าในอกนั้นมีบางอย่างหลุดลอยหายไป เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้น ... มาช้าเกินไป


...ไม่ทันหรอกเหรอ...



................................................


ไม่นานนัก คนที่หุนหันออกจากบ้านของตระกูลธิติเดชาพงศ์ไปก็กลับมาถึงบ้านด้วยท่าทีที่ดูจะต่างไปจากตอนออกไปอย่างสิ้นเชิง

"นี่ไปไหนมาทั้งวันเจ้ารัน...คนที่บริษัทเขาโทรมาถามหาแน่ะ...แล้วทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ มานี่สิ เป็นอะไรไปเรา? "
เสียงของชายชราที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ร่างเล็กค่อยๆเดินเข้าไปหาภูธรที่นั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้าเหมือนทุกที ร่างเล็กทรุดลงนั่งพับเพียบข้างรถเข็นไฟฟ้าราคาแพงของชายชรา

"ก็หลานชายของ...ท่านประธา..." วรัญญูจะพูดแต่ก็ต้องหยุดเมื่อเห็นมือของชายชรายกขึ้นราวกับจะห้าม เขาเลือกใช้คำเช่นนั้นเพราะคิดว่าต่อแต่นี้ไปเขาคงไม่ได้มาข้องเกี่ยวอะไรกับนามสกุลธิติเดชาพงศ์อีกแล้ว...แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดไป

"พ่อ...ฉันถือว่าเราเป็นลูกไปแล้ว ...เรียกพ่อซะดีๆ "

"อ่ะ..ครับ พ่อ ..."วรัญญูรับคำ รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ่อนแรง

"คือ...เขามาทิ้งปริศนาให้ผมแก้ ...ให้ผมอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาพูด เขาทำไปทั้งหมดนั้นเพื่ออะไร ... แล้วเขาก็ไป...ง่ายๆ แบบนั้นเลย "
วรัญญูหัวเราะเบาๆ ซึ่งก็ดูรู้ว่าเป็นการฝืนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกแย่แบบนี้ นับตั้งแต่เมื่อคืนที่อินทัชผละออกมา ในอกนี้รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป ราวกับว่าตอนที่ร่างของชายหนุ่มคนนั้นถอยหลังเดินหนีออกไปนั้น อินทัชได้หยิบอะไรจากตัวเขาเดินจากไปด้วย ร่างกายของเขา สั่นสะท้านบ้างร้อนรนควบคุมความรู้สึกนึกคิดต่างๆที่เกิดขึ้นในหัวไม่ได้ ทุกอย่างดูสับสน ยิ่งเมื่อเดินทางไปถึงสนามมบินแล้วพบว่าตัวเองตามไปไม่ทันเยี่ยงนี้....มันเหมือนกับว่า เขาจะไม่มีวันได้สิ่งนั้นกลับคืนมาอย่างไรอย่างนั้น ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาต่อหน้าภูธรด้วยลืมตัว ก่อนจะกระแอมไอเบาๆเป็นเชิงกลบเกลื่อน สิ่งนั้นยิ่งทำให้ภูธรแน่ใจในสิ่งที่ตัวเองคิด ยิ่งเมื่อตอนกลางวันที่สายโทรศัพท์ด่วนมาจากรุ่งนภาด้วยแล้ว...ทุกอย่างก็เหมือนจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น

"นี่เราคงไม่คิดว่าฉันแก่แล้วไม่รู้อะไรหรอกนะ วรัญญู "เสียงของพ่อบุญธรรมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“เอ่อ....ไม่ครับ ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับคุณพ่อเลยนะครับ” วรัญญูส่ายหน้ารัว
นี่เขาแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปกันอีกฝ่ายถึงได้ถามเขาเช่นนั้น แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมของภูธร มองแล้วละม้ายคล้ายกับดวงตาของอินทัชอย่างบอกไม่ถูก หากแต่มีประกายตาที่สุขุมเปี่ยมด้วยประสบการณ์อยู่มาก เมื่อถูกสายตาเช่นนั้นมองมาแล้วเขาจะสรรหาคำพูดใดมาโกหกอีกฝ่ายได้ แต่วรัญญูก็ยังไม่อยากจะพูดออกไป...ไม่อยากพูดออกไปทั้งๆที่ในใจของเขายังรู้สึกสับสนเช่นนี้ แต่เนื่องจากโกหกต่อหน้าอีกฝ่ายไม่ได้ ในท้ายที่สุดวรัญญูก็ต้องพยักหน้าลงช้าๆ

ท่าทางของคนที่ทั้งสับสนในตัวเอง สับสนในเหตุการณ์รอบๆกายของวรัญญูนั้นทำให้ ภูธรอดจะรู้สึกใจหายไมได้ วรัญญูเคยเป็นเด็กหนุ่มที่สดใส ใบหน้าที่จัดได้ว่าสวยเหมือนใบหน้าของรักแรกของเขานั้นมักมีรอยยิ้มให้เขาตลอดมา และคงเป็นเพราะอาศัยอยู่กับย่ามาโดยตลอด วรัญญูจึงรู้จักวิธีปฏิบัติตัวเขา “คนแก่” อย่างเขาเป็นอย่างดี แต่ในตอนนี้ภาพของเด็กหนุ่มคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย

....เจ้าพวกเด็กปากแข็งนี่ล่ะนะ....

“เอ้า...เจ้าอินทัชมันทิ้งไว้ให้” มือที่เหี่ยวย่นของชายชรายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับอีกฝ่าย 

“อะไรเหรอครับ....”  วรัญญูรับมาพลางเปิดหา ก่อนต้องตาโตด้วยตัวอักษรที่พิมพ์เอาไว้อย่างเรียบร้อยและกำกับไว้ด้วยลายเซ็นต์ของสองแม่ลูก รวมไปจนถึงลายเซ็นของบอร์ดผู้บริหารทั้งหมด

....นี่มัน....

“คุณพ่อครับ แบบนี้มันมากเกินไปนะครับ!” วรัญญูอุทานลั่น

อะไร ที่หมอนั่นข่มขืนเราแล้วขอโอนหุ้นทั้งหมดของตัวเองกับอำนาจในการบริหารบริษัทที่เมืองไทยนี่ให้เราดูแลเป็นการไถ่โทษน่ะเหรอ...หึ...มันก็สาสมแล้วนี่นะ กับคนที่ทำผิดแบบนั้นน่ะ” ภูธรหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ

“แต่เขา.................” วรัญญูหมายจะเอ่ยค้านแต่เมื่อเห็นสายตาของผู้ที่เป็นนายใหญ่ของตระกูลก็ต้องเงียบ ...

"ฉันรู้...ว่าเจ้าตัวดีนั่นไม่ได้ทำหรอก... ถึงจะเป็นพวกชอบเอาชนะ แต่เจ้านั่นไม่เคยคิดจะ หาเรื่องก่อคดีแน่... ถ้าเราไม่ยอม...จริงไหม" ดวงตาของผู้สูงวัย มองลึกเข้าไปในดวงตาของวรัญญู ราวกับจะบาดลึกลงไป นั่นยิ่งทำให้ต้องพยักหน้ารับ

"เราก็ไปคิดเอาเองเถอะว่า เขาทำไปทำไม...ส่วนเรื่องบริษัท...ก็ดีเหมือนกันพ่อกำลังเบื่อๆอยู่พอดี " ชายชราเอ่ยอย่างอารมณ์ดีปลายนิ้วที่เหี่ยวย่นนั้นขยับไปมาด้วยความตื่นเต้น บางทีเขาอาจจะได้กลับไปลงสนามในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงผู้บริหารมือใหม่ก็เป็นได้

……………………………………


ทางด้าน อินทัช เมื่อกลับไปที่เมลเบิร์น ชายหนุ่มแปลกใจที่คุณตาของเขายังไม่ได้มีหนังสือสั่งปลดเขาออกจากงาน มิหนำซ้ำยังมีงานสั่งมาให้ทำยาวเป็นหางว่าว แถมยังเจอกับงานเก่าคั่งค้างที่กองสุมกันร่วมเดือนกว่าๆ งานที่รอให้เขาตัดสินใจทุกอย่าง
แม้จะเหนื่อยใจกับงานการมากมาย แต่อินทัชกลับไม่คิดลังเล ชายหนุ่มกระโจนเข้าหางานต่างๆที่รอเขาอยู่อย่างจริงจัง และทำงานจนแบบที่ใครเห็นคงอดจะเอ่ยปากถามไม่ได้ว่า ไปหิวเงินหิวงานมาจากไหน

ร่างสูงหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จัดการกับงานเอกสาร ติดต่อบริษัทคู่ค้าจากต่างประเทศเอง แบบที่ไม่ยอมปล่อยงานออกจากมือไม่ยอมพักผ่อนจนพนักงานคนอื่นๆต้องแปลกใจ ต่อให้เจ้านายของพวกเขาจะจริงจังกับงานแค่ไหนแต่ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาก็ไม่เคยเห็นว่าอินทัชจะทำงานหามรุ่งหามค่ำขนาดนี้ ซึ่งมันผิดปรกติวิสัยของคนไทยหลายๆคนที่ฝรั่งหัวทองอย่างพวกเขาจะเคยพบเคยเจอ

สถานที่ๆเคยไปอย่างผับสุดหรูกลางเมืองหรือการแอบหลบไปเล่นเซิร์ฟบอร์ดที่ชายหาดแบบนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว เหมือนกับว่า
“งานอดิเรก” พวกนั้นไม่เคยมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับชีวิตของเขามาก่อน ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรรอบตัวนอกจากงานตรงหน้าเท่านั้นราวกับว่าพยายามจะหาอะไรทำให้มือไม่ว่าง และให้ตัวเองยุ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะได้ลืมอะไรบางอย่างไป...ก็เท่านั้น

"ท่านประธาน ถ้าไม่พักแบบนี้ร่างกายจะแย่เอานะคะ " เสียงเลขาสาวดังขึ้นเบาๆ

" รู้แล้วล่ะ แอนนา ขอบคุณที่ห่วง .. "ชายหนุ่มตอบกลับไป ก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารตรงหน้า ไม่แตะแม้กาแฟร้อนที่อีกฝ่ายยกเข้ามาให้ ถึงกระนั้นก็ยังรู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ

" ถ้าเป็นพวกนั้นโทรมา ผมไม่คุยนะ " อินทัชหมายถึงหญิงสาวหลายต่อหลายคน รวมไปจนถึงผู้ชายอีกหลายรายชื่อที่พยายามติดต่อเขาแทบจะตลอดเวลาตั้งแต่กลับมายังออสเตรเลีย

"ทราบแล้วค่ะ.... " คำสั่งที่มีให้เธอยิ่งทำให้เอาไปพูดกันลับหลังได้สนุกปาก เมื่ออยู่ๆ เพลย์บอย
อย่างประธานอินทิช อยู่ๆ ก็จะมาถอดเขี้ยว ถอดเล็บ หลบการติดตามของใครต่อใครแบบนี้

...สงสัยไปเจออะไรดีๆ ที่เมืองไทยมาแน่เลย...



…………………………………………to be con

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
หนีอะไรก็หนีพ้นแต่หนีใจตัวเองมันจะหนีไปอยู่ตรงไหนดีคะ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เอาละสิ ที่นี้ต่างคนต่างก็รอคอยหัวใจที่ฝากกันเอาไว้ แบบไม่ได้เอ่ยปาก
ส่วนคุณหลานชายก็การพยายาม ทำให้ยุ่งจะได้ไม่มีเวลาว่าง ให้คิดถึงคุณน้า  :m20:
อะไรก็ช่าง กับความเป็นไป ก็ไม่พ้นสายตาก็ผู้สูงวัย 
มาลุ้นกันต่อว่าเรื่องจะลงเอยอย่างไร
+1 ให้คนละแต้ม พร้อมเป็นกำลังใจให้ :กอด1:

ออฟไลน์ Wins_Sha

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 949
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-4
คุณตาคิดจะทำอะไรอ่ะ

ท่าทางรันกะอินทัชคงเจอศึกหนักแน่ๆๆเลย


ปล.เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซักทีนะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ลุ้นๆๆๆๆๆ
เมื่อไหร่จะเปิดใจกันดีๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Meen_Emp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-2
 :เฮ้อ:
ทิ้งรันไปได้งัยเนี่ย...

ให้เป็ดเป็นกำลังใจนะจ๊ะ...

 :กอด1:

tawan

  • บุคคลทั่วไป
สั้นอะมายาวกว่านี้ได้ปะ :z3:

 :call:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ตามเขาไปดีไหมรัญ
หรืออินทัชควรเป็นฝ่ายกลับมาเก็บเอาหัวใจของตัวเอง

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
หนีได้ก็ตามได้~  :oni1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ให้น้องรันตามไปสั่งงานถึงเมลเบิร์นเลยดีกว่า อิอิ

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
เอาล่ะสิปัญหาใหญ่เลย

เมื่อไหร่คู่นี้เขาจะเข้าใจกันได้เนี่ย

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
รีบตามไปโดยด่วนเด็กน้อย!!!
อย่าช้า เดี๋ยวหลายชายในนามจะตายไปกับงานกองโตเสียก่อน เร็วๆ เล้ย!!
รออ่านตอนหน้า รู้ใจ(เปิดใจ)กันสักทีนะจ๊ะ...

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@Writer's Talk@@@
คนอ่านที่รักทุกท่าน.......
ท่านจะโกรธเราไหม...........
ถ้าจะบอกว่า....................................



ตอนนี้ตอนจบแล้วเจ้าค่า!!!!

อย่า...อย่าทำหน้าตกใจแบบนั้น
พีจังเขียนเรื่องนี้กันมากับ Kuruma ก็ตกใจเหมือนกัน
แบบ....เฮ้ย ....จบละ? แต่....จบแล้วจริงๆค่ะ
เอาล่ะ เราไปดูตอนจบของนิยายเรื่องนี้กันเลยดีกว่านะคะ  :L2:

.............................................





ทางด้านของวรัญญู

ถึงแม้ว่าจะมีหนังสือออกมาเป็นทางการแล้วว่าจะมีการโอนหุ้นในส่วนของอินทัชให้กับวรัญญู แต่ชายหนุ่มกลับยืนกรานปฏิเสธที่จะรับด้วยท่าทีนอบน้อม และขอยกหุ้นในส่วนนั้นรวมไปจนถึงอำนาจบริหารคืนให้กับรุ่งนภา ซึ่งจะเป็นเหมือนรักษาการแทนประธานบริษัทแทนที่จากภูธรซึ่งดูจะสนุกกับการเข้ามาที่บริษัทเป็นพักๆ แต่ในท้ายที่สุดก็ยกให้ลูกสาวเป็นผู้ดูแลแทนเช่นเดิม และถึงแม้ว่าที่บริษัทจะไม่ได้มีประธานบริษัทมานั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานแล้ว แต่สำหรับวรัญญูแล้วทุกวันยังเป็นวันทำงาน ชายหนุ่มยังคงมาทำงานที่ห้องนั้นทุกวันในฐานะของพนักงานคนหนึ่ง

นามสกุลที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นนามสุลเดิมนั้นทำให้ เขารู้สึกสบายใจที่จะเดินเข้าไปขอศึกษาดูงานกับใครๆมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะภายใต้รอยยิ้มที่มีให้กับคนที่ทำงาน หรือว่า บาร์เท็นเดอร์ที่ผับ ตัวตนของชายหนุ่มร่างบางกลับกำลังเป็นทุกข์ด้วยว่าคิดไม่ตกเรื่องที่ ชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นทำ หลังจากที่อินทัชไม่อยู่ วรัญญูได้รับรู้ข้อมูลมากมายว่า อินทัชไปขอให้หลายๆคนช่วยมาดูแลเขาเป็นอย่างดี

..ท่านประธานทำเหมือนกับจะสอนงานให้ น้องรันสืบทอดตำแหน่งต่ออย่างนั้นล่ะค่ะ ..

สุรีรัตน์เลขาคนเก่ง บอกมาเช่นนั้น


"สืบทอดตำแหน่ง?...อินทัช คุณคิดมาได้ยังไง...ในเมื่อทั้งหมดมันก็เป็นของๆคุณ"
วรัญญูไม่เข้าใจเลย ทั้งๆที่ในตอนแรกอีกฝ่ายก็ดูจะอารมณ์เสียมากขนาดนั้นแท้ๆ กับมุขตลกร้ายของภูธรที่ไปรับเขาเข้ามาเป็นลูกบุญธรรม

" อุ้ย ขอโทษจ้ะ น้องรัน"

สุรีรัตน์ที่เปิดประตูห้องประธานเข้ามาต้องผงะเมื่อเปิดประตูเข้ามาพบกับร่างบางของวรัญญูยืนเหม่อลอยอยู่ที่ริมหน้าต่างกว้างบนชั้นบนสุดของตึกสูง น่าแปลก ทั้งๆที่ประธานไม่อยู่ แต่หนุ่มร่างบางกลับมานั่งอยู่ที่โต้ะเลขาในห้องนี้ทุกวัน บางครั้งก็ดูเหม่อลอยบางครั้งก็ดูครุ่นคิดปัญหาอะไรซักอย่างอยู่

"อ่ะ...ขอโทษนะครับ ผมแค่อยากจะคิดอะไรนิดหน่อย" วรัญญู ฝืนยิ้มให้กับอีกฝ่าย

" ไม่หรอกค่ะ .. ที่จริงคุณอินทัชเองก็ฝากพี่ให้ดูแลน้องรันมากๆ เห็นน้องรันไม่ค่อยสบายใจ พี่ก็เป็นห่วง " สุรีรัตน์รีบบอก
" ท่านเคยเปรยกับพี่ไว้ว่า อีกหน่อย ถ้าน้องรันได้เป็นประธานคนต่อไป อยากให้พี่มาเป็นเลขาให้น้องรันน่ะคะ "

"ฮ่ะๆ .... " คำพูดของหญิงสูงวัยกว่าทำให้วรัญญู ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ "เขาคิดไปเองต่างหาก...เขานั่นล่ะ คือ ประธานตัวจริง"

" ท่านเป็นห่วงคุณนะคะ ถึงขนาดออกหน้าให้น้องรันดูงานในหลายๆแผนกแบบนี้นี่ พี่ก็เพิ่งเคยเห็น "


...เป็นห่วง?...



คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ใจนั้นเจ็บขึ้นมา


"ผมคิดว่าผมไม่เป็นไรหรอกครับ..ขอบคุณนะครับ" วรัญญูยิ้มน้อยๆให้กับอีกฝ่าย

สุรีรัตน์ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป ถึงจะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเลขานุการของประธานบริษัท แต่การที่ได้รับการไว้วางใจถึงขนาดนั้นจากทั้งอินทัชเองก็ดี รุ่งนภาเองก็ดี รวมไปจนถึงคุณภูธรด้วยแล้ว ทำให้รอบกายของเด็กหนุ่มผมยาวประบ่าคนนั้นดูมีพลังงานที่แตกต่างจากพนักงานคนอื่นจริงๆ ...และนั่นทำให้เธอไม่ลังเลเลยที่จะปฏิบัติกับคนๆนี้ในฐานะที่เป็นประหนึ่งผู้บริหารคนหนึ่ง

………………………………….


...เป็นห่วงถึงทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ...
....แต่ผมกลับว่าคุณไปแบบนั้น ...ผมนี่ก็เห็นแก่ตัวนะ...คุณยังจะดีกับผมอีก...อินทัช...


ยิ่งคิดวรัญญูก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวเขาไม่เข้าใจ

...ทำไม...แล้วยังเรื่องที่ว่าร้ายตัวเองไปแบบนั้นอีก...
....นี่ไม่ใช่ละครนะที่พระเอกจะรักนางเอกมากถึงขนาดจะยอมทำให้ขนาดนี้น่ะ...


คิดได้แบบนั้น ชายหนุ่มร่างบางก็ต้องนิ่งไปกับความคิดของตัวเอง

...รัก?...

ในวินาทีนั้นร่างทั้งร่างปานมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่ากลางร่างของวรัญญู เขารู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนคิดมาก แต่ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้นก็มีบางเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงไปเหมือนกัน หรือ อาจจะเรียกได้ว่าไม่อยากจะคาดถึงจนกลายเป็นไม่อยากจะคาดหวังไปเสีย ท่าทีของอินทัชที่มีมาตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากแสดงออกให้เขารู้ว่า ชายหนุ่มคนนั้นมีใจให้เขาแค่ไหน ต้องการเขาแค่ไหน แต่เขาก็ถูกความคิดของตัวเองตีกรอบกั้นเอาความรู้สึกที่ส่งมานั้นของอินทัชออกไปเสมอ...


“หึ....งี่เง่าจริงเรานี่....” วรัญญูหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก
"พี่...สุรีรัตน์ครับ!! " วรัญญูผลุนผลันไปที่ประตู ก่อนจะเรียกเอาตัวสุรีรัตน์เอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินไปไหนไกล ใบหน้าสวยของอินทัชแทบจะฉีกยิ้มให้กับอีกฝ่าย

" คะ? " หล่อนรับคำเบาๆ พลางหันไปยิ้มตอบอย่างงุนงง

"ถ้าจะทำเอกสารไปออสเตรเลีย กับจองตั๋วไปเมลเบิร์นนี่ใช้เวลานานไหมครับ” วรัญญูเอ่ยถามอย่างสุภาพ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหนอยู่

“ก็คงไม่นานนะคะ มีธุระอะไรด่วนเหรอคะ”

“เอ่อ....ก็........“ วรัญญูอึกอักใบหน้าสวยของชายหนุ่มแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ 

" รับทราบค่ะ .. ว่าแต่ ต้องการเที่ยวบินด่วนที่สุดไหมคะ? " สุรีรัตน์ถามกลับพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ นี่เธอไม่ได้เห็นรอยยิ้มจากวรัญญูมานานแค่ไหนแล้วนะ ...ถ้าให้บอกก็คงตั้งแต่อินทัชไม่อยู่นั่นกระมัง ที่แท้ความห่วงใยที่ยากนักที่จะเห็นจากอินทัชนั้นคืออะไรเธอก็พอจะเข้าใจได้ในตอนนี้เอง

“เอ่อ ขอด่วนมากๆเลยนะครับ แล้วก็ขอเครื่องกลางคืนก็ได้นะครับ ผมอยากไปถึงโน่นตอนเช้า"

“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการให้นะคะ น้องรันไม่ต้องเป็นห่วง”

“ขอบคุณครับพี่” วรัญญูเอ่ยพลางยกมือไหว้ “เอ่อ....พี่สุรีรัตน์ครับ....” ชายหนุ่มเรียกอีกฝ่ายเอาไว้อีกครั้ง

“คะ?”

“แล้วก็ขอที่อยู่ของบริษัทที่นั่นให้ผมด้วยนะครับ พอดีผมมีธุระด่วนมากที่เพิ่งนึกขึ้นได้จะต้องไปสะสางน่ะครับ...ถ้าได้เรื่องยังไงแล้วรบกวนบอกผมด้วยก็แล้วกันนะครับ"

" ค่ะ " สุรีรัตน์รับคำก่อนขอตัววรัญญูไปจัดการเรื่องเอกสารทันที


...............................


หนึ่งอาทิตย์ในการเตรียมเอกสารแบบเร่งด่วนสุดๆของสุรีรัตน์ผ่านไปกับทุกๆวันของวรัญญูที่แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ไม่สุขด้วยคอยมาถามความคืบหน้าอยู่เป็นประจำ...

วรัญญูดูจะตื่นเต้นกับการเดินทางไปต่างประเทศอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กของชายหนุ่มที่ยังอาศัยอยู่กับภูธรที่บ้านหลังใหญ่ชายเมืองนั้นวิ่งวุ่นเก็บแพ็คของใช้เล็กๆน้อยๆลงกระเป๋า เมื่อเห็นว่าลูกบุญธรรมของตัวเองอยู่ๆก็มาวิ่งวุ่นกับการเก็บกระเป๋าแบบนั้นก็ทำเอาชายชราอย่างภูธรต้องหัวเราะออกมาเบาๆอย่างช่วยไม่ได้

...เจ้าพวกนี้เนี่ยล่ะน้า...แล้วฉันจะได้มีทายาทสืบสกุลไหมเนี่ย...

……………………………………………………..


ไฟห้องทำงานชั้นบนสุดของอาคารยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงแม้จะเข้าสู่เช้ามืดของวันใหม่ อินทัชยังอยู่กับงานที่กองอยู่บนโต๊ะ และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คคู่ใจ สูทสีเข้มราคาแพงถอดออกพาดพนักเก้าอี้ไว้ เหลือเพียงเสื้อนอกที่ปลดทั้งเนคไทและคลายกระดุมออก ร่างสูงเอนกายไปด้านหลังจนสุดพยายามบิดเนื้อตัวเพื่อคลายความเมื่อยล้าเอกสารที่เขียนแก้มาหลายรอบในที่สุดก็เสร็จสมใจ ก่อนเหลือบมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือบ่งบอกเวลาใกล้จะรุ่งสาง บวกกับแสงสีทองที่ขอบฟ้าทำให้อินทัชลุกจากเก้าอี้ผู้บริหาร ร่างสูงเซเล็กน้อยเป็นสัญญานเตือนจากร่างกายว่ากำลังจะดำเนินไปถึงขีดสุดของร่างกาย และมันกำลังจะทนต่อไปอีกไม่ไหวเพราะโหมทำงานเกินขีดจำกัดมาหลายอาทิตย์  ชายหนุ่มลงจากลิฟท์ของอาคารลงมาชั้นล่าง โดยหยิบเพียงแค่กุญแจรถกับโทรศัพท์มาเท่านั้น
 
ประตูอาคารถูกเปิดออก เมื่อมันจับการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ภายในอาคารได้ที่หน้าประตู เมื่อก้าวออกมาด้านนอก ลมเย็นของยามเช้าพัดผ่านมาหอบเอาละอองน้ำจากน้ำพุที่ลานหน้าตึกมากระทบกับผิวกาย อินทัชหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึก สองหูเงี่ยฟังเสียงน้ำที่ตกลงกระทบกับบ่อน้ำเบื้องล่าง เขารู้สึกดีขึ้นได้เสมอเมื่อได้ยินเสียงน้ำพุหน้าอาคาร มันทำให้เขาสดชื่นได้เสมอ แม้จะเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม

“เอาล่ะ ได้เวลาไปงีบซักหน่อย”

ที่บอกว่างีบเพราะเขาใช้เวลาแค่วันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นในการพักผ่อน นับแต่กลับมาถึงเมลเบิร์น อินทัชลืมตาขึ้นแต่ก็ต้องหยีตาลงเล็กน้อยเมื่อพบกับแสงจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะพ้นกลุ่มเมฆที่จับกลุ่มบดบังแสงแรกแห่งวัน พลันต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีร่างของใครบางคนอยู่ตรงหน้า และภาพที่อยู่ตรงนั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง ร่างบางของชายหนุ่มผมยาวประบ่าคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ขอบของบ่อน้ำพุ ส่งยิ้มน้อยๆพลางโบกมือให้

" วรัญญู? " เสียงของชายหนุ่มแหบพร่า เพราะสภาพร่างกายของตนเอง ดวงตาคมที่บัดนี้ดูเหนื่อยล้ามองอีกฝ่ายราวกับไม่เชื่อว่าจะใช่เจ้าของชื่อ

...ทำงานมากไปหรือไง? .. ถึงได้ตาฝาด..


" เป็นนายเหรอ วรัญญู " อินทัชพยายามประคองตนเองเอาไว้ มือแกร่งข้างหนึ่งพิงกับกระจกของอาคาร

"ก็ผมน่ะซิ่ คิดว่าเป็นใครล่ะ ผมดันขอมาแต่ที่อยู่ของบริษัท ไม่รู้จะเข้าไปยังไงเลยกะว่าจะนั่งรอคุณอยู่ที่นี่..." ชายหนุ่มร่างบางว่าพลางหัวเราะกับความเปิ่นของตัวเองที่ตระเตรียมทุกอย่างเสียดิบดีท้ายที่สุดดันไม่มีที่อยู่ที่พักของคนที่อยากจะเจอเสียนี่ ร่างเล็กเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
"ผมอยากจะมาถามคุณ ...ให้มันรู้เรื่องไปเลย... " 

อินทัชปล่อยมือจากกระจก เขาพยายามจะยืนให้ได้ แต่สภาพร่างกายของเขาที่ฝืนตนเองมาหลายวันหลายคืนกำลังทำให้เขาไม่ไหว ร่างสูงเซ แต่ก็ได้วรัญญูที่ปราดเข้ามาหาเป็นหลักยึด

"อินทัช!? คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เรียกหมอไหม" วรัญญูปราดเข้าไปพยุงอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยกลัวว่าร่างที่อ่อนแรงนั้นจะล้มลงไป ชายหนุ่มค่อยประคองให้อีกฝ่ายเดินไปนั่งที่ชายของบ่อน้ำพุที่หน้าบริษัทสองมือเล็กประคองร่างสูงเอาไว้ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายที่ดูอ่อนแรกนั้นจะหงายหลังลงไปในน้ำเสียก่อน

" ไม่..ไม่เป็นไร " อินทัชส่ายหน้าเบาๆก่อนอิงศีรษะซบลงกับไหล่บางของวรัญญู กลิ่นหอมอ่อนๆของโคโลญจน์ที่ใช้กลิ่นเดียวกันมาตลอดทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้อินทัชสูดลมหายใจเข้าไปเสียเต็มปอด
" เป็นนายจริงๆ "

"ก็เป็นผมไง...จะมีใครบ้าลงจากเครื่องแล้วมานั่งรอหน้าบริษัทแบบนี้บ้างล่ะ" วรัญญูหัวเราะเบาๆ สองมือบางโอบรอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้
"ผมมาหาคุณแล้ว" พูดออกไปแบบนั้นแต่ก็อมยิ้มเองด้วยความเขินอาย

" ไม่ได้บอก..ให้มา " มือแกร่งกอดตอบร่างนั้นแทบจะทันที ริมฝีปากบางกระซิบข้างหูของอีกฝ่าย

"ผมมาเอง...ผมแค่อยากรู้..จากปากคุณ" วรัญญูขยับถอยออกมาเล็กน้อย เพียงเพื่อจะได้มองหน้าของอีกฝ่ายได้ถนัดตายิ่งขึ้น ใบหน้าคมที่มักจะดูดีตลอดเวลานั้นดูแปลกไปจากทุกรั้งที่ปลายคางนั้นเริ่มมองเห็นได้ถึงเคราที่ขาดการโกนและดูแล เสื้อผ้า นั้นถูกปลดกระดุมออก แถมยังยับยู่ยี่เหมือนไปผ่านศึกอะไรมาแบบนี้อีก
"นี่คุณไม่ได้นอนมากี่วันแล้วเนี่ย?" สภาพแบบนั้นทำให้ต้องเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

" ก็...ตั้งแต่..กลับมา...ละมั้ง " อินทัชหัวเราะเสียงแห้ง พลางก้มลงมองสภาพของตัวเอง เสื้อเชิ้ตยับๆไม่ได้เนี๋ยบเหมือนทุกที
" น่าเกลียดชะมัด "

"ให้ผมตอบว่าใช่ หรือเปล่าล่ะ" วรัญญู หัวเราะเบาๆ สภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้ช่างแตกต่างทุกๆครั้งที่เคยพบเจอ อินทัชที่แสนจะสมบูรณ์แบบคนนั้นน่ะหรือจะกลายสภาพมาเป็นแบบนี้ บอกกับใครกี่สิบรอบก็คงไม่มีใครยอมเชื่อเป็นแน่ สองแขนเรียวกระชับอ้อมแขนกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่นขึ้น “พวกเรานี่ล่ะนะ มีเรื่องให้คิดหนักกันเยอะเลยให้ตายเหอะ”

" อย่ากอดฉันเลย..สภาพแบบนี้..ฉันอยากกลับแล้วล่ะ " อินทัชบอกก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากน้ำพุ " ไปบ้านฉันเถอะ "

"เอาอย่างนั้นเหรอ...ไหนรถคุณล่ะ ผมขับให้ แล้วคุณจะได้นอน ...แต่บอกทางให้ผมก่อนนะ"

ชายหนุ่มยื่นกุญแจรถให้อีกฝ่าย แล้วพยายามใช้สติเพื่อบอกทางให้อีกฝ่ายพาเขากลับบ้านของเขาที่เช่าเอาไว้เผื่อใช้รับแขก ความจริงเขามีทาวเฮาส์ใกล้บริษัทอีกที แต่ทำใจคิดไว้แล้วว่าถ้าเสร็จงานเอกสารที่เพิ่งลุล่วงไปนี่แล้วเขาจะลาพักซักสองสามวัน เลยติดกุญแจบ้านมาแต่บ้านตากอากาศเท่านั้น รถสปอร์ตคันงามมาจอดในย่านคนมีอันจะกินใกล้ชายทะเล บ้านแบบตากอากาศกว้างขนาดชั้นครึ่ง มีเฉลียงออกไปรับวิวและลมทะเล ด้านหน้ามีสระว่ายน้ำ คือบ้านของอินทัช

.....................................


"เอ้า...ค่อยๆลงนะ กุญแจบ้านล่ะ มา ผมจะเเปิดให้ "
วรัญญูรีบวิ่งลงมาจากอีกฝั่งเพื่อรับอีกฝ่ายเอาไว้ คีย์การ์ดถูกยัดใส่มือของวรัญญูแทบจะทันที ชายหนุ่มร่าบางพยุงอีกฝ่ายให้เดินไปที่ประตู จัดการเปิดบ้าน เปิดไฟพาอีกฝ่ายเดินเข้าไปนั่งที่โซฟายาวทันที เพราะด้วยไม่รู้ว่าห้องนอนอยู่ตรงไหน

" ห้องนอน..ทางนี้ " ชายหนุ่มชี้ไปด้านใน ยังไงเขาก็ไม่ยอมนอนโซฟาเด็ดขาด เขาเป็นแบบนี้มาตลอด จะมีนอนโซฟาก็คืนนั้นเอง คืนที่พาวรัญญูมาค้างที่คอนโดตอนอยู่ที่เมืองไทย

"อ่ะ...ถ้าอย่างนั้นก็ลุก "วรัญญู พยายามพยุงอีกฝ่ายไปที่ห้องนอนอย่างทุลักทุเล เพราะ ตัวเขาเองก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นเหมือนกัน

ประตูห้องนอนขนาดใหญ่ที่ยื่นระเบียงออกไปให้เห็นทะเลรอบด้าน สีของมันเข้ากับผ้าม่านสีขาวพริ้ว และพื้นไม้ มีเตียงขนาดใหญ่ที่กลางห้องหมอนดูนุ่มน่านอนวางเรียงกันหลายใบ 

"เอาล่ะ ถึงแล้ว...นอนซะนะ " วรัญญูว่า พลางค่อยๆ จัดให้อีกฝ่ายนอนลงบนเตียง

แต่ทันทีที่หลังของเขาพิงกับพื้นเตียง มือแกร่งที่ดูเหมอืนจะไร้เรี่ยวแรงกับดึงให้วรัญญูลงมานอนบนเตียงด้วยกันทันที มือแกร่งดันให้อีกฝ่ายลงไปนอนอยู่ข้างล่างในขณะที่ตัวเขานั้นกลับขยับขึ้นคร่อมร่างนั้นไว้

"อะไร...ง่วงไม่ใช่เหรอ อย่ามาแผนเยอะนะ" วรัญญูเอ่ย ใบหน้าสวยงอง้ำเมื่อรู้ว่าโดนหลอก สองแขนเล็กพลางพยายมดันอีกฝ่ายออก

" อื้อ..ยังมีแรงอยุ่ " มือนั้นลูบผิวแก้มใสนั้นไปมา " นายกับฉันต้องคิดหนักเรื่องอะไร?” คำพูดที่ถูกละเลยไปเมื่อครู่ถูกนำมาย้อนถามวรัญญูอีกครั้ง

คำถามนั้นทำให้ร่างบางต้องหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้ม มือเรียวจับมือของอีกฝ่ายให้แนบชิดกับผิวแก้มของเขามากขึ้น....

.....อุ่นจัง.....
 
"คิดถึงเรื่องที่พวกเราทำไป...ผมคิดนะ..เรื่องที่คุณทำให้ผมทั้งหมด" ดวงตาคู่สวยสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง

" ฉันไม่ได้ทำอะไรดีๆให้นายซักหน่อย" อินทัชปฏิเสธ พลางก้มลงกระซิบเสียงแผ่ว ปลายขมูกโด่งไล้เรื่อยกับผิวแก้มนั้นเบาๆ

"ก็...ทั้งเรื่องบริษัท แล้วก็เรื่องที่คุณเอาไปพูดกับคุณพ่อ" วรัญญูตอบเสียงเบา  "ผมแค่อยากจะถามว่าทำไม "

" แล้วนั่นมันเรียกว่า เสียสละ .. แบ่งปัน หรืออะไรที่นายคอยย้ำมาตลอดหรือเปล่า? " ชายหนุ่มกระซิบติดริมฝีปากอีกฝ่าย

"อาจจะใช่...แต่คุณก็ทำเกินไป จนผมอยากจะถามคุณว่า คุณรักผม ขนาดนั้นเลยหรือยังไง หรือเพียงแค่ ประชดกันไปมา ในเกมบ้าๆ ของพวกเรา " ดวงตาคู่สวยปิดลง วรัญญูรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นบนผิว และ เสียงหัวใจเต้นจากอกของตัวเองสอดคล้องกับเสียงแห่งชีวิตของอีกฝ่าย

" อาจจะใช่ก็ได้..วรัญญู..เพราะฉันไม่เคยทำให้ใครแบบนี้..ฉันไม่เคยอยากให้ใครเข้าใจการกระทำของฉันมากเท่านาย อยากให้นายเห็นฉันบ้าง ที่ใจนี้ อยากให้นายลองสัมผัสฉัน และอยากให้นายยอมให้ฉันได้สัมผัสตัวตนของนายแบบนี้...ทุกอย่างอาจจะเป็นเพราะนาย..ตั้งแต่คืนนั้นที่เจอกันในสภาพที่เป็นยู..และนายที่เป็น รัน เป็น วรัญญูคนนี้ "มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มลูบไล้ร่างของอีกฝ่ายไปทั่ว

" ฉันคงตกหลุมรัก ตั้งแต่คืนนั้นแล้ว "


"สำหรับผม...ก็คงจะเหมือนกัน คืนนั้นผมก็คงจะตกหลุมกับหน้ายุ่งๆของคุณตอนเดินเข้ามาในร้าน" สองมือเรียวจับใบหน้าคมของอีกฝ่ายให้สบตากับเขา

"ผมรักคุณ อินทัช  "

อินทัชยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ตัวเขาเองก็คงไม่เคยเห็นตัวเองยิ้มเช่นนี้มาก่อน ร่างสูงก้มลงแตะริมฝีปากกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน สัมผัสอีกฝ่ายด้วยรักอย่างที่ใจเฝ้ารอคอยมานาน

“ฉันรักนาย...คุณน้าตัวดี”

“ทีแบบนี้มาเรียกน้า เดี๋ยวต่อยเลยนี่” วรัญญูทุบไหล่ของร่างที่ทาบทับเสียงดังอึก

“ล้อเล่นน่ะ...ก็บอกแล้วไงครับ...ว่าไม่อยากได้น้า” อินทัชยิ้มน้อยๆ พลางจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายอีกครั้ง “หัวใจที่ขอน่ะ ให้ได้หรือยัง” ไม่วายยังทวงถามสิ่งที่ต้องการมาโดยตลอด

“เอาแต่หัวใจเหรอ ตัวไม่เอาใช่ไหม” ร่างเล็กถามกลับ ดวงตาคู่สวยสบตาของอินทัชนิ่ง ประกายตาของวรัญญูนั้นบ่งบอกความหมายลึกซึ้งจนอินทัชต้องพยักหน้าลงแทนคำตอบ ริมฝีปากได้รูปจูบเม้มรับความหอมหวานจากร่างบาง สองมือไล้บีบทั่วร่างเล็กราวจะยืนยันถึงการมีอยู่ของวรัญญูในอ้อมแขนของตน

“พูดแบบนี้...ก็ขอเลยก็แล้วกัน”

.........................................................


หลังจากนั้นผ่านไปอีกอาทิตย์กว่าๆ บ้านพักตากอากาศของท่านประธานหนุ่มก็ดูเหมือนจะมีสีสันเข้ามาเพิ่มเติม วรัญญูต่อเติม ตกแต่งหลายมุมในบ้านพักตากอากาศของ “คนรัก” ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ไปเลือกซื้อมา ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความภูมิในในฝีมือการตกแต่งของตัวเอง

"รอเจ้าเคนอีกนานเลยนะเนี่ย... " บ่นพลางเดินไปทิ้งตัวลงกับโซฟาตัวใหญ่ ที่ตั้งอยู่หน้าทีวี

" ไว้ไปเยี่ยมก็ได้นี่ .. สนามบินแค่นี้เอง " อินทัชที่เดินกลับมาจากห้องครัวว่า ชายหนุ่มวางจากขนมลงบนโต้ะ เขารบกวนให้แม่ของเขาส่งเจ้าเคนขึ้นเครื่องมาที่เมลเบิร์น โดยมีวรัญญูนั่งเครื่องไปรับเจ้าโกลด์เด้นท์ตัวโตนั่นมาจากเมืองไทย

" กินซะ เมื่อคืนใช้พลังงานซะเยอะ " อินทัชบอกอีกฝ่ายยิ้มๆ พลางส่งขนมให้กับอีกฝ่าย

"ก็เพราะใครล่ะ" วรัญญูถึงกับหน้าแดงก่อนจะต้องยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่มแก้เขินเสียอึกใหญ่ท่าทีขวยเขินที่มีนั้นยิ่งมองยิ่งเหมือนเชิญชวนให้ขยับเข้าใกล้ อินทัชเท้าแขนกับพนักด้านหลังพลางก้มลงเข้าไปหาชายหนุ่มร่างบาง


RRRR RRRR

ก่อนที่ใบหน้าคมจะได้ก้มลงไปใกล้กับวรัญญูมากไปกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียเข้าให้ อินทัชดูนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจ ในเวลาแบบนี้จะเป็นใครไปได้

"สวัสดีครับ คุณตา ไม่ทราบมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ? " ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปราวกับเป็นเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติ

"เออ มี แกเอาลูกชายของฉันไปไหน เจ้าหลานตัวดี "เสียงชายขราดังขึ้นตอบท่าทางไม่สบอารมณ์นัก

" เขาไม่ใช่ลูกชายคุณตาแล้วนี่ครับ .. เขาเป็นแฟนผมต่างหาก อยู่ข้างๆนี่เลยด้วย " อินทัชตอบกวนๆอย่างอารมณ์ดีไม่วายมือแกร่งคว้าไหล่ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆมาไว้ในอ้อมแขน ทำเอาวรัญญูต้องส่งเสียงประท้วงเบาๆ

"อ้าว ได้ยังไง แล้วนี่แกก็ยังเอาหมาไปด้วยอีก แกจะให้แม่กับตาของแกอยู่กันบ้านเงียบๆแบบนี้น่ะเหรอ...แล้วนี่เรื่องบ้านนี้จะไม่มีเหลนมาให้ฉันอุ้มอีก ลูกชายก็ไม่มี ....เจ้าอินทัช รีบกลับมาเมืงไทยเดี๋ยวนี้นะ " เสียงคุณตาบ่นยาวมาตามสายโทรศัพท์

"โธ่ ก็คุณตารับใครมาเป็นลูกอีกคนก็ได้นี่ครับ .. ผมจะได้สอนงานให้ " ชายหนุ่มตอบกลับไปท่าทางผ่อนคลายขึ้นมาก ตั้งแต่เขาคบกับวรัญญูแล้ว ความเย็นชาในหัวใจที่เคยมีมานั้นก็ค่อยหายไปเรื่อย เพียงแค่มีคนที่รักอยู่ข้างๆ ความสุขนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องของเงินตราอีกต่อไป

"โอ้ย เอามาอีก แกก็จะได้แย่งไปอีกน่ะเหรอ คราวนี้ เอาลูกสาวคนใหม่ก็แล้วกัน " เสียงคุณตาบ่นอะไรตามมาอีกก็ไม่รู้ยาวเหยียด

“คร้าบ....คร้าบ....เอ๊ะ อะไรนะฮะคุณตา ไม่ได้ยินเลย สายไม่ดีแน่เลยครับ ผมวางหูก่อนนะครับ” ชายหนุ่มหาข้ออ้างไปเรื่อยก่อนจะใช้จังหวะที่ผู้เป็นตากำลังโวยวายนั้นตัดสายของคนแก่ขี้บ่นอย่างภูธรหน้าตาเฉย

"คุณพ่อบ่นยาวเลยเหรอ" เสียงวรัญญูถามขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะน้อยๆ ตาหลานคู่นี้นี่เป็นแบบนี้ตลอดเลย 

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไปเยี่ยมเจ้าเคนกันดีกว่าไหม? "อินทัชทำเป็นไม่ตอบคำถามนั้น แต่ก็หยักคิ้วให้กับอีกฝ่ายเป็นอันรู้กันดี

"อื้ม ไปๆ ไม่ไปเยี่ยมเดี๋ยวเคนมันงอนเอา  " วรัญญูว่าพลางยิ้มก่อนจะส่งแก้วชาให้กับอีกฝ่าย


ทั้งสองคนใช้เวลายามบ่ายไปกับการจิบชา ก่อนที่ช่วงเย็นจะพากันไปเดินริมหาดทราย ฝากรอยเท้าของทั้งคู่ที่เดินเคียงกันอาไว้บนผืนทรายก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับแล้วยามค่ำคืนที่หอมหวานจะกลับมาเยือนบ้านพักตากอากาศหลังนี้อีกครั้ง


-Fin-


@@@Writer's Talk@@@
และแล้ว....เรื่องมันก็จบลงไปด้วยประการฉะนี้นี่เอง.....
ขอบคุณคนอ่านทุกคน ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่มีให้
ขอบคุึณทุกความห่วงใย ทุกความเห็นใจที่มีให้กันมาโดยตลอดนะคะ

เอ...เรื่องใหม่? อ้อ มีแน่นอนค่ะ (ไม่รู้จะมีคนถามไหม แต่ พีจังชิงตอบไว้ก่อน)
รอติดตามกันให้ได้เลยนะคะ!!!

(ป.ล. ช่วงนี้เห็นคนใช้กันเยอะ Fin ที่เห็นเขียนนั่น อ่านว่า แฟง นะคะ เป็นภาษาฝรั่งเศสค่ะ
ปรกติจะใช้ตอนจบของหนังน่ะค่ะ แต่ถ้าทั่วไปแล้วจะ เขียนว่า la fin ค่า) 

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
แฮปปี้ แฮปปี้เอนดิ้ง
 :มอบ :L2:และคำ :pig4:สำหรับคนเขียนทั้งสองค่ะ
จะรออ่านเรื่องใหม่นะคะ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
สนุกจ้า

แต่มีบางช่วงที่ประชดๆกันอ่านแล้วงงๆ ต้องการสื่ออะไรหว่า

ชอบเจ้าเคน น่ารักง่ะ!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด