------ 12 ------
“ฮิสึกายะ เอาการบ้านมาหรือเปล่า” ฮิสึกายะเงยหน้ามอง คางามิยืนอยู่ ใบหน้าดูปั้นปึง
“เอามา ทำไมเหรอ”
“อาจารย์ให้ฉันมาเก็บการบ้านไปส่ง” ฮิสึกายะล้วงเอาการบ้านปิดเทอมในกระเป๋าส่งให้คางามิ
“เอ่อ ฉันขอยืมดูหน่อยได้มั้ย” ฮิสึกายะมองไม่พอใจ ปิดเทอมตั้งสามเดือน ทำไมไม่รู้จักทำให้เรียบร้อยนะ
“อืม” ฮิสึกายะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ แต่พอรับรู้ได้ว่าคางามิยังไม่ไปไหนก็เงยหน้ามอง
“มีอะไร?”
“คือว่า...เรื่องวันนั้น ฉันขอโทษนะ” คางามิหน้าเครียด
“แต่นายน่ะ ไม่สมควรจะไปยุ่งกับคนๆนั้นหรอกนะ เพราะเขาไม่เหมือนเรา” ฮิสึกายะที่กำลังจะบอกว่าไม่เป็นไรรีบกลืนคำพูดกลับไป และส่งสายตาเย็นชาให้คางามิ
“ยังไง?”
“ก็นายนั่นน่ะ เขาเป็นพวกศิลปิน ขายหน้าตา ไม่ได้ฉลาดและมีเป้าหมายเหมือนเรานะ” พวกฮิสึกายะเป็นเด็กสายวิทย์ ต่างจากเด็กสายศิลป์แบบรุ่นพี่โดยสิ้นเชิง แนวทางการใช้ชีวิต ความคิด เป้าหมายต่างๆไม่เหมือนกัน
“ขอบใจที่เตือน” ฮิสึกายะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
“ฉันจะบอกพี่นาย” คางามิชักสีหน้า และพูดขู่เมื่อเห็นว่าฮิสึกายะไม่สนใจ และเดินปึงปังจากไป ฮิสึกายะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ว่าคางามิเดินไปไกลแล้ว เขานึกถึงพี่ๆของเขา ตระกูลของคางามิสนิทสนมกับตระกูลของพ่อในระดับหนึ่ง ทำให้คางามิรู้จักกับพี่ๆของเขา แต่คางามิไม่ได้รู้ถึงขนาดว่า ฮิสึกายะเป็นลูกเมียน้อย...
“พี่ๆงั้นเหรอ ปิศาจสิไม่ว่า” ฮิสึกายะยิ้มเย็น และก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
ติ๊งต่อง~
ฮิสึกายะลุกไปเปิดประตูด้วยตัวเอง วันนี้รุ่นพี่ก็ต้องไปโปรโมทเพลง ฮิสึกายะจึงอยู่คนเดียว
“ไง” ชายหนุ่มและหญิงสาวร่างสูงที่มีใบหน้าละม้ายฮิสึกายะทักทาย ฮิสึกายะตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นคนทั้งสอง เขาจะปิดประตูแต่ฝ่่ายชายก็ดันมือมาขวางไว้
“ให้พวกเราเข้าไปหน่อยสิ” ใบหน้ายิ้มแสยะนั่น..ใบหน้าที่ฮิสึกายะแสนเกลียด..
“พวกเราอยู่ไม่นานหรอกนะ เพราะไม่ได้ว่างเหมือนนาย” ฝ่ายหญิงพูดบ้าง เรียวปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดนั่นขยับไปมาแบบเหยียดๆ
“...” ฮิสึกายะเปิดให้เข้ามา เขาเดินนำมาในห้องรับแขกและนั่งลง
“จะไม่เอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟหน่อยเหรอ” หญิงสาวนั่งลงและถามด้วยน้ำเสียงหยิ่งทะนง ฮิสึกายะลุกไปในครัวและนำเครื่องดื่มสองแก้วออกมาเสิร์ฟ
“ยังคงทำตัวเป็นกาฝากที่คอยสูบเลือดเนื้อของบ้านเราไม่เปลี่ยนเลยนะ” ผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่คำพูดที่ออกมาช่างกรีดใจของฮิสึกายะเหลือเกิน ใบหน้าคมก้มหน้านิ่ง
“ทำไงได้ล่ะคะพี่ ก็แม่ของมันเสี้ยมสอนมาแบบนั้นนี่นา”
“คงเป็นแบบนั้นล่ะเคียวโกะ” มือเรียวกำหมัดแนนจนซีดขาว ทุกๆครั้ง เวลาที่พ่อจะให้อะไรกับเขา เวลาที่พ่อจะทำอะไรเพื่อแม่ คนพวกนี้ มักจะมาพูดจาเหยียดหยามน้ำใจให้รู้สึกแย่เสมอ ฮิสึกายะจำที่แม่สอนได้ จำได้เสมอ
‘พวกเขาเป็นพี่ของลูกนะจ๊ะ ไม่ว่าเขาจะว่าอะไร ก็ต้องทน อย่าทำให้แม่เสียใจนะ’ ใบหน้าซูบซีดของแม่จนนาทีสุดท้ายขอร้องเขาเอาไว้
“นายต้องไม่ไปเรียนที่เยอรมัน” พี่ชายคนละแม่ของเขาหันมาพูดประโยคสำคัญด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม ดูท่าคนพวกนี้คงถูกเงินตราดูดวิญญาณไปจนหมดแล้ว
“ถ้านายไป ชั้นจะไปขุดศพแม่นายขึ้นมาจากสุสาน และเอาศพไปโยนทิ้งลงทะเลให้ปลาปิรันย่ามันกิน” พี่สาวที่มีใบหน้าสะสวยแต่จิตใจหยาบกระด้างผิดกับหน้าตาลุกขึ้นเท้าโต๊ะและชะโงกหน้ามาใกล้
“ปิรันย่าไม่ได้อยู่ในทะเลเสียหน่อย มันอยู่ในลุ่มน้ำอะเมซอนต่างหาก คุณป้า” ฮิสึกายะเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของเสียง ใบหน้าคมมีแววตาหวั่นไหว... เพราะความดีใจ
“พวกคุณเป็นใคร มาระรานอะไรซัตสึคิ” รุ่นพี่วางกระเป๋าตรงทางเดิน ร่างสูงเดินเข้ามาหมายจะเอาเรื่อง
“แกเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง เพื่อนแกเหรอ” พี่ชายปิศาจหันมาถามฮิสึกายะ
“ซัตสึคิเป็นคนรักของผม” แววตาของพี่ชายและพี่สาวดูตะลึง
“นอกจากแกจะเป็นกาฝากแล้ว นายยังเป็นพวกรักร่วมเพศอีกรึนี่ น่ารังเกียจจริง” พี่สาวเน้นท้ายประโยคด้วยเสียงแหลม
“แทนที่คุณจะเอาเวลามาดูถูกคนอื่น สู้ไปหาสามีให้ได้ก่อนที่คุณจะแก่จนเครื่องสำอางราคาแพงพวกนั้นเอาไม่อยู่ดีกว่ามั้ย? ยังไงซัตสึคิก็ยังมีผม ที่รักเขาจริงๆ แต่พวกคุณน่ะ หาคนที่จะมาเอาได้หรือยัง ระวังจะต้องไปเอากันเองในสายเลือดนะ” ฮิสึกายะมองรุ่นพี่ที่กำลังตอบโต้ด้วยวาจาเผ็ดร้อน ความเจ็บปวดถูกกลืนหายไป แทนที่ด้วยความสะใจที่มหาศาล
“อ๊าย พี่คะ มันว่าชั้น”
“มันก็ว่าพวกเราทั้งคู่แหละเรียวกะ”
“พวกคุณออกไปจากห้องได้แล้วนะ ไม่งั้นผมนี่ละจะฆ่าพวกคุณทิ้งซะเอง รีบไปเลยนะ!!” รุ่นพี่ตะคอกเสียงสนั่นห้อง ฮิสึกายะแอบไขว้นิ้วด้านหลังและกลั้นหัวเราะไป
“ไปเซ่!” สองแขกที่ไม่ได้ต้อนรับรีบลนลานออกไปอย่างรวดเร็ว รุ่นพี่ตามไปกระแทกประตูใส่หน้าแล้วล็อกอย่างแน่นหนา พร้อมกับโทรไปบอกยามที่ชั้นล่างว่าต่อไปนี้ห้ามให้สองคนนั้นขึ้นมาเด็ดขาด ไม่งั้นจะไล่ออก??
“รุ่นพี่ จะไล่ยามออกได้ยังไงครับ รุ่นพี่ไม่ใช่เจ้านายเขาเสียหน่อย” ฮิสึกายะถาม
“ไม่ใช่ของฉัน แต่ของพ่อฉัน ใครจะทำไม แล้วนายน่ะ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ พวกนั้นน่ะใคร ทำไมนั่งให้มันมาด่าฉอดๆ” รุ่นคว้าตะกร้าองุ่นมาวางบนตักและนั่งลงข้างฮิสึกายะ
“ผมเพิ่งรู้ว่าที่นี่เป็นกิจการของที่บ้านรุ่นพี่”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิซัตสึคิ” รุ่นพี่เสียงดัง
“พวกเขาเป็นลูกของพ่อ” ฮิสึกายะตอบหน้าบึ้ง คนๆนี้ชอบบังคับเขานักละ
“ลูกของพ่อนาย พี่นายงั้นเหรอ?”
“ผมไม่นับญาติกับคนพวกนั้นหรอก” ฮิสึกายะทำหน้านิ่ง
“ท่าทางร้ายน่าดูเลยนะ” ฮิสึกายะพยักหน้า
“แล้วตอนนายเด็กๆ โดนแกล้งหนักหรือเปล่า” ฮิสึกายะยิมขมขื่นเมื่อนึกถึงอดีต
“พ่อเคยพาผมไปเล่นที่บ้านใหญ่ ตอนเด็กๆน่ะ ก็มักจะโดนแกล้งประจำแหละ ทั้งทุบตี ด่าหยาบคาย” ฮิสึกายะยักไหล่พูดอย่างไม่เคยใส่ใจ
“ต่อไปนี้น่ะ ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” รุ่นพี่ป้อนองุ่นใส่ปากฮิสึกายะ แล้วลูบผม
“ฉันจะปกป้องนายเอง” ฮิสึกายะหน้าแดง ใบหน้าคมหลุบต่ำแล้วพูดบ่นอุบอิบ
“ผมไม่ใช่เด็ก ดูแลตัวเองได้ครับ”
“เหรอ แล้วใครกันนะ ที่นั่งหน้าซีดให้สองโรคจิตนั่นโขกสับเมื่อกี้” มือใหญ่ดึงร่างฮิสึกายะให้เขยิบมาใกล้และรั้งสองขาเรียวมาพาดตักตัวเองไว้
“หึ..”
“แนะ ยังจะมางุ้งงิ้งอีก ก็นายนั่นละซัตสึคิ นั่งหน้าซีดเชียว ถ้าฉันเข้ามาไม่ทัน นายไม่ช็อคตายเลยเรอะ”
“พูดเกินไปครับ” ฮิสึกายะเลยหน้ามาทำปากยื่นใส่โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าทำหน้าแบบนั้น รุ่นพี่ยิ้ม และดึงแก้มนวลเต็มแรง
“โอ๊ะ เจ็บนะ”
“หมั่นเขี้ยว นายทำหน้าน่ารักทำไมล่ะ”
“หน้าผมก็เป็นแบบนี้ละ น่ารักตรงไหนกัน”
“นายนี่น้า ไม่รู้ตัวเองเลยรึไง เดี๋ยวนี้นายทำสีหน้าได้หลากหลายมากเลยนะ” รุ่นพี่ขยับไปนั่งตรงข้ามฮิสึกายะ ดึงขาให้มาพันไว้กับเอวตัวเอง
“อย่าสิครับ นั่งดีๆ” ฮิสึกายะยุกยิก รุ่นพี่ยิ่งเขยิบเข้ามาใกล้ จนตอนนี้กลายเป็นว่าฮิสึกายะนั้นนั่งหันหน้าหากัน และเอาขาพันไว้ที่เอวรุ่นพี่
“นั่งแบบนี้ ใกล้ชิดดีเนอะ...”รุ่นพี่เอนร่างมากระซิบข้างหู สองมือโอบเอวของฮิสึกายะเอาไว้
“บ้าสิครับ..”
“บ้าก็บ้ารักนายคนเดียวนะ.. หืม..” มือใหญ่เชยคางมนให้เงยขึ้น ฮิสึกายะมองเห็นริมฝีปากแดงของรุ่นพี่วนเวียนอยู่ตรงหน้า รับรู้ได้ว่าใบหน้าตัวเองร้อนผะผ่าว พอรุ่นพี่เห็นใบหน้าแดงๆนั้นแล้วก็หัวเราะเบาๆในลำคอ
“อย่ามาหัวเราะผมนะ! ใครจะไปเจนจัดเหมือนรุ่นพี่ละ” ฮิสึกายะเถียงหน้าแดงกว่าเดิม รุ่นพี่หลุดหัวเราะก๊าก ยิ่งทำให้ฮิสึกายะหน้างอเข้าไปใหญ่
“ฮะฮะ แกล้งนายเนี่ยสนุกจริงๆนะ” รุ่นพี่คว้าศีรษะทุยๆนั้นมากอดรัดฟัดเหวี่ยงจนฮิสึกายะแทบหายใจไม่ออกจึงยอมปล่อย ยิ่งพินิจดูใบหน้าคมที่มักจะประดับด้วยความเรียบเฉยตลอดเวลานั้นแล้ว ยิ่งทำให้รุ่นพี่หลงใหลมากขึ้น
“เรารู้จักกันมานานเท่าไรแล้วนะ”
“อืม...ประมาณ หก-เจ็ดเดือนได้แล้วมั้งครับ”
“โห นานเหมือนกันแฮะ”
“...” เพราะรุ่นพี่ไม่ยอมปล่อยฮิสึกายะออก ยังคงกอดอยู่แบบนั้น ฮิสึกายะจึงวางคอพาดไว้ที่ไหล่รุ่นพี่ กลิ่นกายของรุ่นพี่ทำให้เขารู้สึกดีเสมอ
“แล้วฉันเคยบอกนายมั้ย”
“บอกอะไรครับ?”
“บอกว่า...ฉันรักนายนะ..” เหมือนเวลาหยุดลงไปชั่วขณะ ฮิสึกายะรู้สึกว่าวันนี้ดอกไม้ในแจกันของเขาช่างสวยงามกว่าทุกวัน แม้แต่หนังสือบนชั้น ยังดูจัดได้เข้าที่และเรียงเล่มดีเหลือเกิน
“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” รุ่นพี่ดึงหน้าฮิสึกายะให้หันมามอง ดวงตารุ่นพี่พราวระยับ ฮิสึกายะอึกอัก ความคิดตีกันวุ่นวาย
“ผมไม่รู้สิ...” ใบหน้าเนียนมีแววเศร้า
“ผมรู้แค่ว่า ผมเคยชิน เคยชินกับการที่มีรุ่นพี่อยู่ด้วย ผมเคยชินกับ..กับการได้รับสัมผัสจากรุ่นพี่เสมอ..ผม...ผม...”
“เอาละ ไม่ต้องพูดแล้ว” ฮิสึกายะใจเสียเพราะคิดว่ารุ่นพี่โกรธ แต่พอมองหน้า ก็เห็นว่าใบหน้านั้นเปื้อนรอยยิ้มกว้าง
“ซัตสึคิ นายนี่น่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ หึหึ”
“ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่น่ารักหรอก..”
“หึหึ นิสัยนี้ก็น่ารัก”
“ฮื้อ ผมไปทำกับข้าวละ” ฮิสึกายะผลักอกรุ่นพี่เต็มแรงแล้วรีบลุกออกไปในครัว