me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย End  (อ่าน 33156 ครั้ง)

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ฟ้าเหลืองอ่ะรวบสองเทศกาล หื่นๆอย่างนั้น 5555 โอ๊ยยยยยยยไอ้รีสสสสไอ้บ้า ขำหนักมากก โคตรขี้แกล้ง แต่เฟิร์สมันก็ยอมใส่นะเออ 55555 ซื้อมาให้เขาใส่นะ แล้วเป็นไงละกลายเป็นนางแมวดำยั่วสวาท ถึงกับพูดตะกุกตะกัก "ซะ เซ็กซี่มากกกก" หื่นไปอี๊ก 555555 //โด่ววววววนึกว่าจะพาเฟิร์สไปลอยข้างนอก ที่ไหนได้ เฮ้ยยยยยย!!! กูก็ อืมมม ลอยออนไลน์เหมือนกันว่ะรีส หลายเว็บเลย 55555555  เพื่อนไปเลื่อยกระทง ตัวเองโดนเพื่อนลอยแพ อะไร๊ยยย 5555 นั่งลอยหน้าคอม อย่างเยอะ 55555 ตัวเองเลิกงานช้าไงรถก็โคตรติดคนก็เยอะกว่าจะถึงที่นัด เลยให้พวกมันลอยก่อนซะ 5555 //ฟินนนนนนนกับ #รีสเฟิร์ส ท้างงงงวัน ยิ้มแก้มปริ ^__________________^

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

Me die 36 : ร่วมมือ
[/size][/color]

แลมป์ติดต่อหมอพอลไม่ได้เป็นเวลานาน แถมตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ หายไปไร้ร่องรอยเหมือนกับน้องชายของเขาที่ถึงขนาดใช้แฮกเกอร์มือดีอย่างเชนก็ตามหาไม่พบ นานวันเข้าเขาก็เอาแต่ท้อ ตอนนี้พ่อก็ยิ่งสงสัยว่าเฟิร์สหายไปไหนไม่เห็นหน้าเป็นเดือนๆ นานวันเข้ายิ่งหมดข้ออ้างจะบอกแก่พ่อ ทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะปกป้องและหาให้เจอในเร็ววัน แต่นั่นแลมป์ก็ไม่ได้รู้สึกร้อนใจเท่าที่ควร ใจมันสงบเหมือนน้องชายของเขาปลอดภัยดี เพียงแค่ไม่ได้หยุดตามหา



แต่ครั้งนี้กลับแตกต่าง เมื่อหมอพอลหายไป แลมป์รู้สึกร้อนใจมาก กังวลว่าจะเกิดบางอย่างที่ร้ายแรงตลอดเวลา ความกลัวที่เกิดขึ้นลึกๆในจิตใจ ว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสเจอหมอพอลอีก ความเป็นห่วงที่มีมากเกินไปทั้งที่ไม่ได้ผูกพันธ์กันเกินกว่าผู้มีพระคุณ จะมีก็แต่ครั้งนั้นที่มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น...ทำให้แลมป์แทบไม่มีสมาธิและจิตตกตลอดเวลา วันๆก็เอาแต่จ้องโทรศัพท์รอคอยสายโทรฯเข้า และแวะเวียนไปหาที่คลินิกเป็นประจำ แม้ไปทุกครั้งจะเจอกับคำว่าปิดกิจการก็ตามที



แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขารู้สึกร้อนใจเรื่องหมอพอล ความรู้สึกของเขามันบอกว่าหมอพอลกำลังต่อสู้กับบางสิ่งอยู่คนเดียวอย่างทรมาน แลมป์จึงร้อนใจนัดเชนมาปรึกษาและตกลงเรื่องราคากันใหม่อีกที



แลมป์เดินเข้าไปยังห้องวีไอพีที่จองไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวของร้านอาหารแห่งหนึ่งและเขาเดาว่าเชนคงแต่งหญิงมาอีกตามเคย เพราะไอ้เด็กเพี้ยนที่เขารู้จักผ่านงานเวลาออกมาเจรจารายละเอียดและราคางานกันทีไรมักจะปลอมตัวมาเสมอ ส่วนใหญ่จะแต่งหญิง และยังไม่เคยเห็นหน้าสดๆมันสักที



เมื่อเดินเข้ามาแลมป์ก็เปิดประตูเข้าไปเงียบๆ แล้วยิ่งเห็นเด็กหนุ่มซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเชนนั่งหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็เลือกที่เงียบไว้ รอเสร็จแล้วค่อยเอ่ยถาม เผื่อจะผิดคนขึ้นมา แล้วเป็นสายของศัตรูเขาอาจจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ก็ได้ แถมข้อมูลยังรั่วไหลอีก เขาต้องระวังตัวตลอดเวลา แล้วนิ่งฟังบทสนทนานั่นไปเงียบๆอย่างเลือกไม่ได้



"รุ่นพี่ไม่คิดบ้างหรอครับ ถ้าเราเข้าไปแล้วไม่เจอพี่หมอพอลจำทำยังไง ดร.นั่นอาจจะจับพี่เขาไปขังไว้ที่อื่นก็นะ" เสียงเชนดังขึ้นและเน้นย้ำชื่อของหมอพอล แลมป์ที่ยืนฟังอยู่ก็ได้แค่คิดว่ามันแปลกๆ ถ้านี่เชน แล้วทำไมถึงพูดเหมือนกับรู้ว่าหมอพอลอยู่ไหน ทั้งที่บอกกับเขาว่าหาไม่พบ แล้วยังมีใครอีกคนที่อยู่ในสายที่ต้องการตามหาหมอพอลเช่นกัน



[ฉันก็กลัวแบบนั้น เพราะฉะนั้นฉันถึงให้นายเจาะระบบขององค์กรดูใหม่ อย่างน้อยๆถ้าเราจัดการดร.ไม่ได้ ก็ต้องพาพี่หมอออกมาอย่างปลอดภัย]



เสียงของคนในสายดังรอดออกมา แลมป์เลยเอาแต่งงง คิ้วขมวดติดกันคิดอย่างหนัก เพราะเสียงที่เขาได้ยินมันคือเสียงของ ไมค์ เพื่อนของเฟิร์สที่คอยไปไหนมาไหนด้วยกันก่อนหน้าที่เฟิร์สมันจะสติแตกอีกรอบ...แล้วหมอพอล...



"เข้าใจแล้วครับผม ไว้ใจได้เลย เรื่องแค่นี้สบายมาก ฮิฮิ ว่าแต่ รุ่นพี่อย่าลืมข้อตกลงนะครับ ถ้าแผนนี้สำเร็จ ผมสามารถ..."



[ตกลง]



ติ๊ด!



"ฮิฮิฮิ งานนี้กินหมูอีกแล้วสินะ จัดการดร.เจ้าเล่ห์นั่นได้เราก็สบายไปด้วย ชอบมาวุ่นวายจะดึงเข้าไปใช้งานอยู่เรื่อยทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรให้สนใจเท่าทางนี้ รุ่นพี่...ปีศาจ ร่างกายที่พิเศษขนาดนั้นจะมีความลับอะไรอยู่น้าาา อยากจะเฉือนพิสูจน์เร็วๆแล้วสิ ว่าแต่รุ่นพี่จะยอมจริงรึเปล่า ถึงจะยอมแล้วคนที่อยู่ที่คอนโด ที่ชื่อเฟิร์สนั่น จะยอมรึเปล่า อยากจะตรวจดูอีกคนเหมือนกันนะเนี่ยว่ามีเคล็ดลับอะไรถึงคว้าเอาหัวใจของปีศาจแบบนี้ไว้ได้ หน้าตาดี ก็อาจใช่เห็นว่าหน้าเหมือนเจ้านายนี่นะ นิสัยดี ก็อืม อาจจะ เห็นพี่หมอพอลว่างั้นนะ อา...จริงสิ ลืมเลย เรื่องพี่หมอนี่ต้องมาก่อน อืมๆ" เชนว่าเหมือนนึกขึ้นได้ก็คว้าจอสีเหลี่ยมของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากดไรยุกยิก



"ว่าแต่เมื่อไหร่เจ้านายจะมา รอนานเป็นบ้าเลย" หลังจากที่กดเสร็จก็วางมันไว้ แล้วพูดขึ้นอีกครั้งเหมือนเตือนสติใครบางคนที่เอาแต่เรียบเรียงเรื่องราวเงียบๆอยู่ด้านหลังให้รู้สึกตัวสักที แลมป์มั่นใจว่าเรื่องทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกันเพียงแค่ยังไม่รู้รายละเอียด และรู้ว่าจะหาคนทั้งสองคนได้ที่ไหน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมือแปดด้าน แล้วไอ้คนที่มันรู้เรื่องทั้งหมดดีอยู่แล้วก็อยู่ตรงหน้าเขา คนๆเดียวกับที่ตีหน้าซื่อเล่าเรื่องโกหกให้เขาฟังอยู่นาน



คลิ๊ก!



"ฉันมาได้สักพักแล้ว เชน...นายรู้ทุกอย่างสินะ ทั้งเรื่องน้องชายของฉัน ทั้งคนที่ฉันให้สืบหา!" เสียงขึ้นไกปืนดังขึ้นพร้อมกับปลายกระบอกสำดำมันวาวจ่อติดอยู่ที่หัวด้านหลังของเชน พร้อมๆกับน้ำเสียงของแลมป์ที่เปร่งออกมาอย่างเดือดดาน ถ้าเชนไม่รู้เรื่องทุกอย่าง เขาคงจะฆ่าเชนทิ้งไปแล้ว แต่เขาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล อีกอย่างเชนคือเบาะแสเดียวของเขา



"โอ๊ะโอ โดนจับได้อีกละ ฮิฮิ ใจเย็นครับเจ้านาย ถ้าอยากรู้รายละเอียดละก็เดี๋ยวผมพาไปพบใครบางคน" เชนที่แกล้งทำหน้าตาตกใจ ก็หันมามองด้านหลัง แล้วหัวเราะปิดท้ายจนตาหยี๋ ยกมือขึ้นดันปลายกระบอกปืนให้หันห่างจากตัวเอง แล้วเอ่ยปากบอกตกลงจะทำตามที่เจ้านายสั่ง



แต่ใครจะรู้ว่าที่แลมป์ได้ยินเรื่องนี้ เป็นเพราะเชนจงใจ จงใจที่รับงานจากแลมป์ จงใจที่จะนัดมาคุยกันที่นี่ จงใจไม่แต่งตังปิดบังเปิดหน้าจริงให้เห็นเพื่อความจริงใจที่มีต่อกัน และจงใจอยากให้แลมป์ได้ยิน เพื่องานที่ง่ายขึ้น ในเมื่อบอกว่าจะช่วย ก็หาตัวช่วยให้มันเก่งครบด้านสิ จะได้ไม่เกิดปัญหาคราวหลัง เจ้านายของเขาคนนี้ เก่งหลายอย่างถ้าอยู่กับทีมยิ่งไม่ต้องพูดถึง เสียอย่างเดียวถ้าเป็นเรื่องของคนสำคัญเมื่อไหร่ความคิดจะไขว้เขวจนโดนหลอกใช้แบบไม่รู้ตัวแบบนี้ไง ถึงจะระวังตัวขนาดไหน แต่เจ้านายของเขาก็ประมาทกับคนใกล้ตัว เพราะคิดว่าทุกคนคือทีม แต่ถึงจะโดนหลอกใช้หรือไม่ เรื่องนี้ เชนก็มั่นใจว่ายังไงแลมป์ก็เข้าร่วมอยู่ดี เพราะคนสำคัญที่ตามหาตั้งสองคนนี่นา ถึงแผนนี้จะเสี่ยงที่จะโดนยิงทิ้งแต่เขาคิดว่าเขารู้จักเจ้านานคนนี้ของเขาดี และเพราะว่ารู้จักดีเชนถึงยอมก้มหัวรับใช้และทำงานด้วยทุกครั้งแม้จะมีอีกฝ่ายที่เสนอผลประโยชน์มาให้เขามากกว่า



...



ถัดมาที่ฐานลับอีกแห่งของเชน

รีสมาอยู่ที่นี่ได้สามวันเต็มๆและไม่ได้กลับไปที่คอนโดอีกนับตั้งแต่ครั้งนั้น แต่ถึงไม่ได้กลับไปก็ยังคอยส่งข้อความไปหาและสั่งนู้นนี่ไปให้เฟิร์สตลอด ซึ่งเฟิร์สเองก็ดันเข้าใจและไม่ว่าอะไรที่เขาหายหน้าหายตามา จะมีบ้างที่โทรฯมาแล้วบอกว่านอนคนเดียวไม่หลับ กินข้าวไม่ลงบ้าง ซึ่งรีสก็ได้แต่ยิ้มกับตัวเองแล้วก็เงียบไปอย่างตัดสินใจไม่ถูก แต่ไม่นานเฟิร์สก็ดันร่าเริงขึ้นมาแล้วบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วไม่ต้องห่วง แล้วก็วางสายไปอย่างเข้าใจ แล้วหลังจากนั้นรีสก็มานั้งกังวลกลัวเฟิร์สเหงา แต่พอเชนเกิดแซวบอกให้กลับไปหา ก็ดันบอกว่าต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเป็นโหมดจริงจัง



ทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับความรักของรีสอยู่ในสายตาของไมเคิลตลอด ด้วยความสงสัยในคำว่ารักของรีสตั้งแต่ครั้งนั้น เขาเลยเลือกที่จะคอยแอบฟังและสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ทั้งฉงนทั้งงุนงงที่บางครั้งปีศาจหน้าตายแบบรีสกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บ้างก็นั่งถอนหายใจเมื่อคุยกับเฟิร์สเสร็จ แต่พอโดนเชนแซวก็ดันเปลี่ยนโหมดกะทันหันมาทำงานดื้อๆ แต่เมื่อไมเคิลจ้องเอาๆก็มักจะโดนเชนเข้ามาก่อกวนทุกครั้งไป



"ทุกคนผมกลับมาแล้วววววววว~" เชนที่หายออกไปในช่วงเช้าของวันเดินกลับเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆ ทั้งที่เหมือนจะมีตัวอันตรายที่มีแต่รังสีความขุ่นเคืองบางอย่างเดินตามมาด้วย



"เจ้าพาใครมาด้วยน่ะ นั่น...มนุษย์ที่เป็นคนรักของเจ้าปีศาจงั้นรึ ตอนนี้ไม่อยู่หรอกนะ เห็นว่าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย" ไมเคิลที่เงยหน้าจากงานตรงหน้ามามองทันทีเห็นเข้า ก็ได้แต่เลิกคิ้วสงสัยและถามออกไปฉงน



"เฟิร์ส...ไม่ใช่ แลมป์สินะ เชนนายพาเขามาทำไม" รีสที่เดินกลับเข้ามาพอดี เมื่อเห็นหน้าแลมป์ก็หยุดมองนิ่งเผลอกเรียกชื่อเฟิร์สออกไป แต่ครู่เดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ จึงได้ส่งเสียงถามเชน



"ผมโดนจับได้น่ะสิ แย่จังเลย" เชนว่ายิ้มๆ



"หึ งั้นหรอ ฉันควรเชื่อนายสินะ" รีสหัวเราะในลำคอ แต่เชนก็ไม่ได้ใส่ใจ ยักไหล่ข้างหนึ่งแล้วเดินแทรกตัวหนีออกมาไปนั่งวุ่นวายอยู่ข้างๆไมเคิล ไม่ทำงาน รอดูสถานการณ์น่าตื่นเต้นต่อจากนี้




"คุณไมค์ คุณดูเปลี่ยนไปเยอะนะครับ ผมเกือบจำคุณไม่ได้" เป็นแลมป์ที่เปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน ดวงตาที่มองมาบ่งบอกชัดเจนเลยว่าไม่พอใจและไม่เชื่อใจเขาเท่าไหร่



"ครับ แต่คุณไม่เปลี่ยนไปเลย ผมอยากให้คุณใจเย็นก่อน ผมจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณฟัง ไม่เว้นแม้แต่ความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ด้วย" รีสมองอย่างชั่งใจสุดท้ายก็เอาความใจเย็นเข้าข่ม และพยายามหาวิธีที่ประนีประนอมมากที่สุดเพื่อไม่ให้แลมป์ไม่พอใจไปมากกว่านี้ ว่าแล้วก็เชิญแลมป์ให้ไปนั่งที่เก้าอี้ที่ไว้รับแขกข้างๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวคร่าวๆที่เขารู้จักกับเฟิร์สและหมอพอลรวมถึงเรื่องของดร.นั่นด้วย แลมป์นั่งฟังนิ่งท่าทางชั่งใจอย่างหนัก เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง



"แล้วก็ จริงๆแล้ว ผมชื่อรีส ไม่ใช่ไมค์ แล้วตอนนี้ผมเป็นคนรักของน้องชายคุณ ถึงก่อนหน้านั้นผมจะทรมานและข่มขืนเขาก็ตาม แล้วผมก็ไม่ใช่มนุษย์ ผมเคยตายมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ฟื้นขึ้นมาตลอด แถมบาดแผลก็หายสนิท มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมฟื้นคืนมาจากอุบัติเหตที่น้องชายคุณเป็นคนทำ" เมื่อเล่าจบแลมป์ก็เงียบไป รีสเลยพูดเรื่องแบบสรุปให้ฟังอีกครั้งในความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเฟิร์ส



"เพราะแบบนั้นสินะ นายเลยเลิกที่จะข่มขืนและทรมานเฟิร์ส? ...จนน้องฉันเกือบจะเป็นบ้า" แลมป์นั่งนิ่งไปนาน จู่ๆก็พูดถามออกมา น้ำเสียงนั่นเข้มดุ จนเชนที่แอบนั่งฟังอยู่ห่างๆถึงกับขนลุกเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน



"...ใช่ครับ" รีสเงียบไปนาน แต่ก็มองเผชิญหน้าไม่หลบสายตาเกรงกลัว แล้วยอมรับออกไปอย่างลูกผู้ชาย


คลิ๊ก!!

แลมป์ลุกขึ้นยืนจ่อปืนไปทางรีสอย่างเดือดดาน ไมเคิลและเชนก็เด้งลุกขึ้นจากพื้นด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าแลมป์จะขาดสติจนถึงกับคว้าปืนมายิงแบบนี้ แต่ก็ได้รีสที่ยกมือห้ามไว้ แถมยังมองหน้าแลมป์อย่างไม่เกรงกลัว กล้าทำกล้ารับ แต่แลมป์กลับแปลกใจที่เชนและไมเคิลยอมนั่งลแถมไมเคิลยังก้มหน้าทำงานตัวเองไปอย่างเคยไม่สนใจอะไรทั้งที่รีสอาจจะตายถ้าเขายิง



“เชิญครับ”



“หึ ไม่กลัวตายงั้นสิ” แลมป์ที่ได้ยินรีสพูดเชิญชวนให้เขาทำตามสบายก็ตกใจไปนิดๆแต่ก็นิ่งไว้ ยกยิ้มพอใจนิดๆที่มุมปาก


ปัง!
"นี่สำหรับที่นายข่มขืนเฟิร์ส และทำให้เฟิร์สจิตตก" แลมป์เบนปลายกระบอกปืนมาจ่อที่อกขวาจากที่เล็งที่หน้าผากแบบกะให้สิ้นใจในนัดเดียว ลั่นไกปืนออกไปลองเชิงและระบายความโกรธใส่ตามประสามาเฟียที่ติดตัวมา และเพราะยิ่งรีสท้าทายและไม่เจ็บเลยทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกท้าทาย และก็รู้สึกพอใจอยู่ด้วยที่ยอมรับชะตาที่ตัวเองเป็นคนก่อ



ปัง!
"นี่สำหรับหมอพอลที่นายกำลังทำให้เขาเดือดร้อน" รีสที่รับกระสุนไปนัดหนึ่งที่ถูกยิงเข้าที่หน้าอกข้างขวาก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ ทำแค่เงยหน้ารับฟังคำของแลมป์อย่างท้าทายนิ่งๆ อีกนัดก็ฝังเข้าที่เดิมซ้ำรอยไม่บิดเบียวบ่งบอกความแม่นยำของคนยิงได้เป็นอย่างดี โดยแลมป์ไม่สนว่าเรื่องที่ไม่ใช่มนุษย์จะเรื่องจริงมั้ย แต่ความโกรธของเขาคือของจริง แล้วถ้าคิดพูดเล่นก็แค่ ตาย! แต่ในเมื่อความจริงที่ว่ามันกำลังปรากฏต่อหน้ามนุษย์ธรรมดาอย่างเขาก็ได้แต่นิ่งตกใจไปสักพักใหญ่ๆ



ควันจากกระบอกปืนยังไม่ทันจาง กระสุนนัดนั้นก็ถูกดันออกจากร่างกายล่วงสู้พื้นกลิ้งขลุกๆไปที่ปลายเท้าแลมป์ ที่ได้มองตาค้าง แต่เมื่อผ่านไปพักใหญ่แลมป์ก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งในภายหลัง



"หึหึหึ ไม่ใช่มนุษย์อย่างที่บอกจริงๆ ...น่าสนใจไม่น้อย" แลมป์ยกยิ้มพอใจแบบปิดไม่มิด ในหัวคิดไปไกลถึงขนาดว่าถ้าได้รีสมาร่วมงานธุรกิจบ้านเขาคงดีไม่น้อย


"ใช่มั้ยล่ะครับเจ้านาย ร่างกายรุ่นพี่น่าสนใจม๊ากมาก" เชนที่นั่งมองเหตุการณ์นั้นก็ตาโต ตื่นเต้นที่ได้เห็นด้วยสองตาไม่ใช่จอมอนิเตอร์เล็กๆของตัว ยกมือขึ้นชูนิ้วโป่ง กดไลค์มาให้รีสด้วยความขื่นชอบแบบสุดๆ



"นี่ ผู้ใหญ่เขาคุยกัน เด็กบ้าอย่างนายไม่ควรไปยุ่งนะ" ไมเคิลเงยหน้าจากงานมาลากคอเชนที่แทบจะลุกแล้ววิ่งมาเข้าร่วมวงสนทนาของแลมป์และรีสกลับไปนั่งที่ตัวเอง



"ว่าไงนะ! เอ...งั้น ผมยุ่งกับคุณได้งั้นสิไมเคิล ฮิฮิ" เชนแทบตั้งตัวไม่ทันดีดตัวหนีออกจากแขนแกร่งนั้นแล้วตั้งท่าจะโวยลั่น แต่เมื่อมองหน้าไมเคิบไปก็หยุดความคิดนั้น แล้วเดินเข้าไปซุกไซพยายามจะปีนขึ้นไปนั่งตักไมเคิล แล้วหัวเราะกวนประสาทไมเคิลไปด้วย



"ไปไกลๆเลยเด็กบ้านี่ ฉันจะทำงาน" และก็อีกตามเคย ไมเคิลผู้ขี้รำคาญก็ได้แต่ดันหัวเชนให้หลบออกห่าง ปากก็เริ่มบ่น แต่สุดท้ายก็ให้เชนนอนหนุนตักตัวเองแล้วนั่งทำงานต่อไป

 

"ไม่ต้องสนใจสองคนนั้นหรอกคุณแลมป์ ถึงตอนนี้คุณจะชื่อใจผมได้รึยัง" รีสที่เอือมกับสองคนนั้นเต็มทนก็ไม่อยากให้แลมป์ที่มาใหม่รู้สึกแบบเขาเร็วนักก็เปลี่ยนเรื่องมาคุยกันต่อ



"หึ นายนี่น่าสนใจจริงๆ ฟุบ! จะให้ฉันทำอะไรบอกมาได้เลย เรียกฉันพี่แลมป์ละกันนะดูนายน่าจะอายุน้อยกว่าฉัน แต่เรื่องของเฟิร์สฉันไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจนายก็รู้ดี แค่อย่าทำให้น้องฉันเสียใจอีกก็พอ" แลมป์ยกยิ้มพอใจไปให้รีส ยกมือตบเบาๆที่บ่าเป็นการยอมรับ



“ขอบคุณครับพี่แลมป์ ส่วนเรื่องที่จะให้ช่วย แผนมีดังนี้ครับ...”





เวลาดึกสงัด หน้าตึกร้างแห่งหนึ่ง ที่ค่อนข้างเปลี่ยวและห่างไกลผู้คน ตอนนี้มีกลุ่มคน4-5คนที่นำทีมโดยรีส สะพายเป้ที่มีอาวุธหนักที่พวกเขาทำขึ้นรวมถึงอาวุธปัจจุบันที่ทีมของแลมป์จะใช้มาด้วย เสื้อผ้าที่สวมเป็นชุดสีดำที่เหมือนกับพวกกลุ่มคนที่คอยรักษาความปลอดภัยขององค์กรเพื่อความกลมกลืน มายืนซุ่มอยู่ที่ข้างหน้าเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมแก่การแอบลอบเข้าไปในองค์กรเพื่อจัดการกับดร.และทีมวิจัย เพราะที่นี่ด้านล่างมีท่อระบายน้ำเก่าที่สามารถเชื่อมเข้าสู่ท่อน้ำขององค์กรด้านหนึ่งได้ ตามที่แฮกเกอร์มือดีอย่างเชนแจ้งมา



“เชน เจ้าแน่ใจรึว่าที่นี่” ไมเคิลขยับไมค์จิ๋วที่ติดอยู่ที่หูไว้เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างกันไปมาอย่างไม่คุ้นชิน แล้วถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเขาสำรวจรอบๆบริเวณ ตาสีเหลืองเรืองรองดังสัตว์ที่มองเห็นตอนกลางคืนได้ไม่สามารถตรวงพบสิ่งมีชีวิตใดๆนอกเหนือจากพวกเขาเลย  ที่นี่มันเงียบเกินไป เงียบเสียจนแม้แต่แมลงก็ไม่ส่งเสียงร้อง และเขาก็รู้สึกแปลกๆว่าจะมีบางสิ่งที่รออยู่ข้างใน ซึ่งรีสเองก็รับรู้ความรู้สึกนี้เช่นกัน



"อย่าห่วงเลยคร้าบ ที่นี่น่ะ คนเป็นส่วนน้อยที่จะทราบว่ามีอยู่ แต่ผมแน่ใจว่ามันต่อถึงองค์กรจริงๆ เอาล่ะๆ ทุกคนพร้อมนะครับ เดินเข้าไปกันเลย" เชนว่าจบก็ร่ายยาวต่อบอกทางให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเพื่อตรงไปยังท่อระบายน้ำด้านล่าง



ไมเคิลได้ยินก็ไม่ได้ท้วงอะไรอีก แต่ทั้งเขาและรีสมั่นใจว่าต้องมีบางอย่างรออยู่ด้านใน เพราะกลิ่นที่พวกเขารับรู้นั่น แม้จะบางเบาแต่มันคือกลิ่นของสัตว์อันตราย ส่วนแลมป์และทีมเมื่อได้ยินไมเคิลพูดแบบนีั้นก็เริ่มทำใจและเตรียมระวังตัวกันมากขึ้นเพราะตั้งแต่ทำงานร่วมกับเชนมา ก็รู้ว่าข้อมูลที่ได้มักแม่นยำ หนทางที่ได้ก็กระชับและเข้าถึงไวที่สุด แต่ทางที่เชนเลือกมักจะเป็นทางที่มีตัวอันตรายมากๆรออยู่ เพราะไม่อยากเสี่ยงไปเสียเวลากับพวกแมงเม่าเยอะแยะ ปต่ก็เพราะเชื่อฝีมือของกันและกันเลยผ่านไปได้ง่ายทุกครั้งไป



กลุ่มของรีสเดินเท้าย่ำไปในท่อน้ำเก่าที่มีน้ำสกปรกขังอยู่บางส่วน แต่ไม่มีแม้แต่หนูท่อหรือแมลงสาปวิ่งกันวุ่นเหมือนท่อร้างอื่นๆ เดินตามทางไปตามที่เชนบอก จนไปจนทางแยกที่จะเข้าสู่องค์กรซึ่งท่อนั่นใหญ่กว่าที่เดินเข้ามาเป็นสองเท่า และทางมันแบ่งออกเป็นสามทาง แลมป์ที่กำลังจะขยับไมค์ถามทางเชนก็เป็นอันต้องหยุดเท้าเพราะรีสซะก่อน



"หยุดก่อน" แต่จู่ๆรีสก็หยุดเดิน ตามด้วยไมเคิลก่อนจะพูดเบลกทีมของแลมป์ที่กระชับปืนที่ถือแน่นขึ้นแล้วจ่อไปข้างหน้าตามสัญชาตญาณ ทุกคนมองตรงไปยังข้างหน้าเป็นตาเดียว รีสและไมเคิลเริ่มมีปฏิกิริยา ดวงตาของทั้งคู่เรืองรองในความมืดมิด



"ทุกคน! ข้างหน้ามีบางอย่างอยู่ แต่ผมไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร มันเคลื่อนตัวเร็วมากและมันกำลังไปหาพวก และตอนนี้มันอยู่...ข้างหน้า" เชนที่พูดขึ้นมาทีหลังจากรีสและไมเคิลรู้ตัว รายงานมาอย่างตื่นเต้นเพราะมีสัตว์บางอย่างเคลื่อนตัวไปหาพวกเขาอย่างเร็ว



โฮกกก!!!

...



อีกด้านหนึ่ง

"ดร.ครับ แน่ใจนะครับว่าจะส่งพวกมันเข้าไป พวกมันเป็นสัตว์ทดลองที่ผิดพลาดและควบคุมไม่ได้นะครับ"



"นั่นแหละที่ฉันต้องการ"



ดร.ที่นั่งดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามท่อระบายน้ำเพราะรู้ว่ายังไงรีสก็ต้องมา พรางยิ้มเยาะเมื่อสัตว์เลี้ยงที่หิวกระหายของเขากำลังกระโจนเข้าไปหาพวกนั้นอย่างเร็วตามแผนที่วางไว้เพื่อถ่วงเวลา

...



“มันมาแล้ว!” แลมป์ตะโกนขึ้นมาเสียงดังเมื่อเห็นเงานั้นกระโดดออกมาจากความมืดมิดของท่อน้ำข้างหน้า



โฮก!!!



ปัง! ปัง! ปัง!



สัตว์ประหลาดที่มีสี่ขากงเล็บคมแหลมยาว รูปร่างคล้ายสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ตัวใหญ่โต ผิวตามตัวดูตะปุ่มตะป่ำหน้าเกลียด ปากมันอ้ากว้าง แลบลิ้นเรียวยาวตวัดไปมา พร้อมเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วกระโจนตัวเข้าหากลุ่มของรีสโดยที่ยังตั้งตัวไม่ทัน แต่เพราะความเป็นมืออาชีพของทีมแลมป์ ทำให้พวกเขาวิ่งหลบหลีก และสาดห่ากระสุนใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว และสัญชาตญาณของปีศาจของทั้งรีสและไมเคิลที่แม้จะยืนอยู่ข้างหน้าแต่ก็หลบหลีกและฆ่าพวกมันได้ไม่น้อย



แฮ่.. โฮก!



โอ๊กกกกก! แหมะ! ฉ่า!!!



“ระวัง! น้ำลายมันเป็นกรด” รีสที่สู้อยู่ตรงกลางพลาดโดนน้ำลายของสัตว์ประหลาดที่อ้วกโดนที่แขน เพราะกำลังโรมรันเข้าจับมันฉีกปากให้หลุดออกจากกันด้วยแรงที่ตนมี น้ำลายที่ฤทธิ์เป็นกรดทำให้เนื้อแขนของรีสหลุดแหว่งออก แต่ไม่นานมันก็สร้างใหม่ได้ พร้อมๆกับปากและอีกครึ่งของส่วนหัวของสัตว์ประหลาดนั่นหลุดกระเด็นออกจากตัว



ไมเคิลที่อยู่ด้านซ้ายได้ยินพอดีก็เปลี่ยนจุดโจมตีจากฟาดฟันกันตรงหน้า ก็กระโดดขึ้นไปขี่หลังสัตว์ประหลาดนั่นและใช้กงเล็บดุจสัตว์ป่าของตนกระหน่ำแทง ฉีกดึงแขนขากระจุยกระจายตามใจชอบ ได้ยินแต่เสียงร้องคำรามจากความเจ็บปวดดังมาให้ได้ยินเป็นระยะจากสองคนนี้



ปัง!ปัง!ปัง!



ท่อทางด้านขวา แลมป์และทีมที่ได้ยินก็เปลี่ยนจากการใช่อาวุธที่อาจพลาดอย่างมีด มาใช้ปืนกันทุกคน พวกเขาสาดห่ากระสุนปลิดชีวิตสัตว์ประหลาดที่เข้ามากองพะเนิน แลมป์วิ่งสวนกับมันสไลด์ตัวลงด้านล่างหลบลิ้นที่มีน้ำลายที่เป็นพิษและใช้มีดกว้านตั้งแต่ใต้คอยันท้องก่อนจะหลบไปอีกทางเพื่อฆ่าตัวอื่น 



สัตว์ประหลาดนั่นกระโจนออกมาจากท่อระบายน้ำไม่หยุดหย่อน ไม่สามารถนับจำนวนได้ แต่ไม่นานพวกเขาก็สามารถฆ่ามันหมด สภาพทุกคนเปราะเปื้อนเลือดสีดำคล้ำของสัตว์ประหลาดนั้น จะมีบ้างที่พลาดโดนน้ำลายของมันแต่ก็กำจัดออกได้ทันจนเหลือแค่รอยแดงหรือรอยขาดของเสื้อผ้า จะมีก็แต่รีสที่ดูปกติกว่าใครเพื่อน แต่ไม่ใช่เพราะว่าสู้น้อย สัตว์ประหลาดกระหายเลือดนั่นถูกเขาฆ่ามากที่สุดและโหดร้ายจนบางคนในทีมไม่อาจทนดูเพราะส่วนใหญ่ปากจะถูกดึงกระชากฉีกจนหลุดออกจากหัวเห็นมันสมองเต้นตุบๆเกือบทุกตัว แต่เป็นเพราะบาดแผลของเขานั้นหายเร็ว จนร่างกายนั่นดูสมบูรณ์ไม่เคยผ่ายการสู้รบ จะยกเว้นก็แต่เลือดของพวกมันที่เปรอะเปื้อนตามตัว ไมเคิลที่เก็บเขี้ยวเล็บเข้าที่ยืนดูผลงานของตัวเองที่เศษซากก็กระจัดกระจายน่ากลัวเช่นกัน แต่เขาก็ได้แต่ยืนมองมันเงียบๆ เพราะก่อนหน้าเขาดันเกือบพลาดแต่รีสมาช่วยเขาอีกครั้ง และจับปากมันกระชากจนหลุดออกจากหัว จนเมื่อแน่ใจว่าไม่มีพวกมันอีก พวกเขาก็เก็บและเช็คอาวุธรีบรุดหน้าเข้าสู่องค์กรไปถล่มตามแผนทันที


 ...

เรามาเครียดกันนึดนึงเนาะ ขอบคุณที่ติดตามจ้า

...
ฟ้าเหลืองอ่ะรวบสองเทศกาล หื่นๆอย่างนั้น 5555 โอ๊ยยยยยยยไอ้รีสสสสไอ้บ้า ขำหนักมากก โคตรขี้แกล้ง แต่เฟิร์สมันก็ยอมใส่นะเออ 55555 ซื้อมาให้เขาใส่นะ แล้วเป็นไงละกลายเป็นนางแมวดำยั่วสวาท ถึงกับพูดตะกุกตะกัก "ซะ เซ็กซี่มากกกก" หื่นไปอี๊ก 555555 //โด่ววววววนึกว่าจะพาเฟิร์สไปลอยข้างนอก ที่ไหนได้ เฮ้ยยยยยย!!! กูก็ อืมมม ลอยออนไลน์เหมือนกันว่ะรีส หลายเว็บเลย 55555555  เพื่อนไปเลื่อยกระทง ตัวเองโดนเพื่อนลอยแพ อะไร๊ยยย 5555 นั่งลอยหน้าคอม อย่างเยอะ 55555 ตัวเองเลิกงานช้าไงรถก็โคตรติดคนก็เยอะกว่าจะถึงที่นัด เลยให้พวกมันลอยก่อนซะ 5555 //ฟินนนนนนนกับ #รีสเฟิร์ส ท้างงงงวัน ยิ้มแก้มปริ ^__________________^
555 ชอบคอมเม้นมากเลย หื่นๆกัันไปสองคนนี้ หวานๆหื่นๆตามประสา / ไรท์ก็ลอยในเว็บเลยจัดให้สองคนนี้ลอยเว็บเหมือนกัน ข้อหาอิจฉา ฮาาาา // ตอนนี้มาเคลียดนิดนึง จะไปถล่มรังดร.แล้ววว

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โฮวววว พรู~~~~*เป่าลมออกจากปาก* โล่งงงงงง เชี้ยยยยยโคตรลุ้น!!เผลอกั้นหายใจ 55555 มันตัวอะไรวะเนี้ย แหวะขยะแขยง แม่งเยอะสัส! ดีที่กำจัดพวกมันได้ ไอ้ดร.นี้แสบหว่ะ //คาดไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะได้เฮียแลมป์มาร่วมขบวนด้วย ดีไปอี๊ก 55 เชนแม่งกะล่อนเจ้าเล่ห์ เดี๋ยวจะโดนเฮียแกเอาคืนไม่น้อย หลอกเก็บงำกันมาตั้งนาน คนยิ่งห่วงหมอพอลน้องเฟิร์สอยู่ ระวังไว้เถอะ เดี๊ยะๆหลังแหวน 555555 เกลียดเสียงหัวเราะ "ฮิฮิฮิ..." หมั่นไส้ 555555 ชอบความไม่เห็นแก่เงิน ถ้าใครมาเสนออะไรที่มันไม่สุดโต่งอย่าหวังว่าเชนมันจะไปร่วมงานด้วย มันบ้ามันโรคจิต มันคลั่งปีศาจ (เหมือนตรู) 55555555 //ตลกไมเคิลแอบส่องอาการคนมีรัก โคตรจะเนียน เชนเข้าไปดักก่อกวนตลอด 55555555555 ขำสองคนนี้จริงๆ //เฟิร์สมีพิรุธ แอบไปซนไหนป่าวว่ะ ฮิฮิฮิ //หมอพอลลลลลลลล เป็นไงบ้างละเนี้ยยยยย โอ๊ยๆ ลุ้น //รอออออออ F5 F5 ฮิๆๆ  :pig4:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
 

Me die 37 : ถล่ม
[/color]



“ทุกคนเดินเข้าไปทางนั้นก็จะทะลุเข้าตัวตึกแล้ว ระวังกันด้วยนะครับ มีคนรอต้อนรับพวกเราเพียบเลย ขอให้สนุกกันทุกคนนะครับ ฮิฮิฮิ” กลุ่มของรีสที่เดินตามท่อมืดๆเข้าไปใกล้ตึกทดลองมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าเรียบตึงออกจะเครียดๆกันทุกคน ยกเว้นแต่รีสที่แค่ขมวดคิ้ว กับไมเคิลที่เริ่มเบื่อหน่าย แล้วที่เครียดไม่ใช่เพราะศัตรูที่รออยู่ แต่เป็นเพราะเสียงของเชนที่เอาพูดนู้นพูดนี่มาให้ฟังอยู่เรื่อย ทั้งที่แลมป์ก็บอกเสียงเข้มๆว่าให้เงียบหน่อย แต่เชนซะอย่าง...สนที่ไหน



“ตรงนี้สินะ” ไมเคิลที่เดินตามรีสที่มาหยุดตรงกับประตูทางเข้าเก่าที่ขึ้นสนิมพูดขึ้นแล้วหยุดตาม ทุกๆคนในทีมแลมป์ที่เดินมาด้วยก็หยุดเท้าตามและกำลังจะเตรียมอุปกรณ์ระเบิดติดตั้งเพื่อให้ประตูบานนั้นหลุดออก จากที่รู้จากเชนมาอีกด้านของประตูมันเป็นผนังห้องทดลองที่ค่อนข้างหนาพอสมควร



“ผมเปิดเอง ทุกคนหลบออกไปข้างๆก่อน” รีสที่นิ่งอยู่พูดขึ้นมาแล้วเดินไปหยุดที่ประตู ยกมือผลักมันเพียงเล็กน้อยก็เกิดการสั่นไหว ทุกๆที่เห็นก็รีบเก็บของเข้ากระเป๋าเดินเข้าข้างๆแล้วยกปืนขึ้นแนบกายเตรียมลุย ไมเคิลก็ตั้งท่าอยู่อีกมุม



คลื่นนน!    โครม!



ปัง!  ปัง! ปังๆๆๆๆ



ห่ากระสุนทั้งหลายแหล่สาดเข้าพวกของรีสทันทีที่กำแพงพังถล่ม แม้ควันจากเศษซากปูนยังไม่จากหายไป เหล่ากลุ่มคนติดอาวุธของฝ่ายองค์กรที่ตั้งหน้ารออยู่ก่อนแล้วก็กดกระสุนเข้าใส่ไม่ยั้ง ฟากของทีมรีสที่หลบอยู่ข้างๆก็ยิงสวนกับไป เสียงดวนปืนดังสนั่น พอๆกับเสียงหวีดของสัญญาณเตือนภัยที่ดังกระหึ่ม



“ระเบิด! หลบเร็ว!”



คลิ๊ก ตูม!



เสียงของกลุ่มชายติดอาวุธบางคนดังขึ้นเมื่อเห็นวัตถุระเบิดขนาดย่อมที่ถูกโยนออกมาจากด้านหลังควันที่มาจากผู้ที่บุกรุก แต่ก็ช้าเกิดไป ขายังไม่ทันได้ก้าวหนี หาที่กำบัง บางคนก็ยังไม่รู้สึกตัว เสียงระเบิดก็ดังขึ้นตูมตามติดต่อกันหลายๆลูก อานุภาพของมันมีรัศมีกว้าง1-2เมตร เพราะพวกเขาประดิษฐ์เองเพื่อนำมาใช้งานในลักษณะเสียเปรียบในที่ใกล้และมีที่กำบังตน แรงระเบิดทำให้ทำลายกลุ่มคนติดอาวุธและข้าวของเสียหายเป็นจำนวนมาก



“ลุย!”



“สัตว์ประหลาด! เราฆ่ามันไม่ได้ โอย ไม่!!! เอือก!!”



สิ้นเสียงแลมป์ดังขึ้นเป็นสัญญาณออกลุยหลังจากนั้น รีสและไมเคิลกระโดดออกจากควันเข้าโรมรันกลุ่มคนเพราะความไวที่มีมากกว่าก็เลยง่ายดายเพียงครู่เดียวก็ฆ่าล้างไปได้มากมาย ทีมที่เหลือก็เดินตามแลมป์ที่นำหน้าออกมายกปืนแนบอกพร้อมจ่อยิงเดินดุ่มออกไป ยิงใส่ไม่ยั้งและไม่มีพลาดเป้าด้วยความชำนานที่มีมานาน ได้ยินได้เสียงร้องโหยหวนของกลุ่มคนและเลือดที่สาดกระเซ็นเปราะเปื้อน บ้างก็แขนขาแม้แต่หัวก็หลุดกระเด็นตามความบ้าคลั่งดุจปีศาจของทั้งรีสและไมเคิลที่ยิ่งเมื่อเห็นเลือดก็ยิ่งเดือด



อดฆ่าฟันจนแทบไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์ ไม่นานกลุ่มคนติดอาวุธทั้งหลายก็ล้มตายจมกองเลือดที่เจิ่งนองเต็มพื้นสีขาว



“กำลังเสริม ขอกำลังเสริมด่วน อ๊าก!”



ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!



“เจ้านาย! พวกคุณไปกันก่อน พวกผมรับมือกับพวกที่เหลือเอง” หนึ่งในทีมของแลมป์ดังขึ้น  เมื่อได้ยินสัญญาณเตือนภัยกับไฟสีแดงที่สว่างวาบตามสัญญาณนั่นเป็นระยะๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานกลุ่มคนติดอาวุธที่มีมากเกินกว่าครั้งแรกนั้นจะมาอีกในไม่ช้านี้



“ตกลง! อย่าลืมรักษาชีวิตพวกนายไว้ด้วยล่ะ” แลมป์พูดขึ้นพร้อมสบตากับลูกทีมที่เหลือ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่างานนี้เสี่ยงชีวิตแค่ไหนแต่ก็ยังเลือกที่มาด้วย ด้วยความที่มีหัวใจที่เป็นทีมเดียวกัน พวกเขาเลยเชื่อใจกันเสมอ และสิ่งสำคัญที่จะพูดทุกครั้ง คือการรักษาชีวิตรอดไว้เพื่อมาฉลองกันทีหลัง พวกเขาทำมันสำเร็จเรื่อยมา และจะยังคงทำสำเร็จต่อไป



“เชน! ขอทางที่ใกล้ที่สุด” แลมป์ยกปืนขึ้นแนบกับตัวเองแน่นขึ้น แล้วหันไปพยักหน้ากับรีสและไมเคิลที่รออยู่ก่อนหน้า และหันหลังวิ่งเข้าไปข้างใน



“ได้เลยครับ เจ้านายเดินตรงไป แล้วเลี้ยวซ้ายข้างหน้า จากนั้น...” เชนก็ทำหน้าที่ต่อไปอย่างชำนาน กดเปิดไมค์ตัวนั้นตัวนี้เพื่อคุยกับบางคนบางกลุ่มเฉพาะ มือก็กดแฮกระบบ สายตาสอดส่องบนจอมอนิเตอร์ 5 จอข้างหน้าที่มีภาพแบ่งเล็กๆตามมุมต่างๆอีกมากมาย อีกทั้งส่วนอื่นในห้องที่มีจอภาพและอุปกรณ์ไฮเทคของเขาอีกมากมาย เชนพูดบอกทางให้กับกลุ่มที่แลมป์นำไปเรื่อยๆ สลับกับทางทีมที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธที่พกอาวุธใหญ่มาจนพวกเขาต้องยิ้มสนุกและกระจายตัวทำหน้าที่ตามที่ตนถนัด วิ่งไล่ล่าฆ่าฟัน ติดตั้งระเบิดตามจุดต่างๆที่ตนแฝงกายไปเรื่อยๆ หวังทำลายตึกนี่ทิ้งไม่ให้เหลือซาก



โฮก!!   



โครม!!



“ไมเคิลระวัง! ผมขอโทษ มันมาเร็วมาก จอมอนิเตอร์ผมจับมันไม่ทัน” เชนที่หันไปบอกทางนั้นอยู่ เพราะทางที่เขาบอกแลมป์มันเป็นทางยาวที่แม้มีประตูก็มีแค่ทางเดียวที่จะไปได้ และจอภาพของเขาก็ไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆ จนเมื่อมันเข้ามาใกล้ตัวก็ไม่ทันการได้แต่ตะโกนบอกไมเคิลที่โดนสิ่งนั้นกระโจนเข้าใส่จนลอยกระแทกผนังจนเสียงดังโครมครามด้วยความที่ตั้งตัวไม่ทัน



ไมเคิลที่ลุกออกจากผนังทั้งที่ดวงตาที่เรืองรองยังคงจ้องนิ่งกับสัตว์ประหลาดตัวนั้น ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์หมาป่า หูที่งอกแหลม ปากและจมูกที่งอกยาวออกมา หางและขนมากมายที่ขึ้นปกคลุมตามตัว ผิวหนังที่เคยเป็นมนุษย์ก็ดำคล้ำน่าเกลียดย่นยู่เข้าหากัน มันใช้สายตาที่ดำโตไม่มีนัยน์ตาจ้องสบกับไมเคิล พร้อมแยกเขี้ยวที่งอกแทงสลับกันมาขู่ไปพร้อมๆกัน



“ข้าจัดการเองพวกเจ้าไปต่อได้เลย หึ! แค่มีหูหางและขนเพิ่มขึ้นมา ใช่ว่าเจ้าจะสู้ได้หรอกนะ ไอ้สัตว์ประหลาด โฮก!” ไมเคิลที่พบเจอกับสิ่งที่ชวนสนุก ก็ยกยิ้มพอใจ ปากบอกปัดให้รีสและแลมป์ไปต่อ ดวงตาของเขารีเรียวดังสัตว์กินเนื้อที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ กงเล็บงอกยาวพร้อมต่อสู้ พูดขึ้นพรางเยาะเย้ย แยกเขี้ยวที่คมสวยขู่กระโชก แล้วกระโดดเข้าใส่โรมรันกับมันด้วยความรวดเร็ว

 



 “เชน! ทางแยก!” รีสที่เห็นไมเคิลสนุก ก็ออกวิ่งสู่จุดหมายไม่สนใจไมเคิล แลมป์ก็ออกวิ่งตาม แต่วิ่งมาไม่นานก็เจอเข้ากับทางแยกที่มันไม่มีในแผนที่ที่พวกเขาดูมาก่อนหน้านี้



“ขอเวลาสักครู่ครับ!” เชนหันกลับมาทันที มือกดลงบนแป้นพิมพ์รัวๆเพื่อหาหนทาง เพราะมันเป็นทางใหม่ที่ไม่ในในตอนแรก เชนกดยกมันไปมาเข้าสู่ระบบล็อกอีกชั้น แต่ยังไม่ทันที่จะสำเร็จ เสียงรีสที่เงียบมานานก็พูดขึ้น



“เชน ดร.นั่นอยู่ทางขวาใช่ไหม”



“รุ่นพี่รู้ได้ไงครับ แต่ทางซ้ายนั่นมีพี่หมอ รุ่นพี่คงไม่คิดจะไปคนเดียว รุ่นพี่! มันไม่ได้มีคนเดียวนะครับ!” ทางซ้ายคือทางหลักที่พวกเขาจะไป เพราะคิดว่าดร.นั่นจะรออยู่ที่เดียวกับที่ขังหมอพอลไว้ แต่มันกับผิดถนัด แต่รีสก็ไม่ได้ฟังคำเตือนจากเขา เมื่อการดาวน์โหลดแผนที่ใหม่เสร็จสิ้น เชนก็ต้องเบิกตาโตเพราะที่นั้นมันมีคนอยู่ 4 คน และที่เขาตกใจมันเป็นเพราะแต่ละคนไม่น่าจะเป็นมนุษย์กันอีกแล้ว และพละกำลังก็น่าจะมีมากกว่าตัวที่ไมเคิลกำลังต่อสู้อยู่ตอนนี้ ถึงหนึ่งในนั้นจะเป็นดร.นั่นที่เหมือนจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็ตาม



“ไว้ใจหมอนั่นเถอะเชน พอลอยู่ทางซ้ายใช่ไหม บอกทางด้วย ...หวังว่าทางฉันจะไม่มีตัวบ้าอะไรรออยู่หรอกนะ” แลมป์ที่พูดขึ้นอย่างมั่นใจในตัวของรีส ที่แม้ไม่ต้องพูดออกมา เขาก็มั่นใจว่ารีสจะไม่เป็นอะไร แถมดวงตานั่นก็แน่วแน่เสียจนเขาเองก็ไม่อาจห้าม ทำได้เพียงทำตาม และบอกให้เชนเชื่อมั่นดังที่เขาทำ จากนั้นก็เดินไปตามที่เชนบอกต่อไป พรางพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกระชับปืนในแน่นขึ้น เตรียมกระสุนและและแอบวางระเบิดช่วยลูกทีมอีกแรง



 

รีสที่เร่งเท้ามาจนถึงประตูที่มีระบบล็อกและป้องกันแน่นหนา ประตูมีความหนาแน่น เปรียบเสมือนห้องที่เป็นดังหลุมหลบภัยและแน่นหนาที่สุดขององค์กรนี้ เขาเตรียมจะออกแรงพังมันเข้าไป แต่เชนก็ดันใช้ความสามารถนั้นปลดล็อกระบบที่ยากที่สุดสำเร็จพอดี ซึ่งเขาทำมันมาตั้งแต่ที่แลมป์แยกกับรีส ซึ่งนั้นก็ผ่านมาพักใหญ่ จนเล่นเอาเหงื่อตก แล้วหันไปสนใจด้านอื่นต่อรวมถึงทางแลมป์ที่มาถึงประตูทางเข้าเหมือนกันพอดี



‘ระบบดาวน์โหลดเสร็จสิ้น จะออกเดินทางภายใน 5 4’



แต่แค่ก้าวเท้าเข้ามาก็ทำให้เขาต้องอารมณ์เสียดร.นั้นเข้าไปในแคปซูนขนย้ายที่ทำหน้าที่พาเขาออกไปด้านนอกผ่านทางท่อลับที่ไม่มีอยู่ในแผนที่ใดๆมีแต่คนในไม่กี่คนที่รู้พร้อมๆกับอีกสองคนที่ใส่ชุดนักบวชคลุมปิดใบหน้ายืนอยู่ขนาบข้าง แม้กระจกแคปซูนจะเป็นเพียงแก้วใสที่เหมือนแตกง่าย แต่นั่นมันแน่นหนา แต่ถึงจะทำลายได้ แต่เขาก็มาไม่ทันการ



“เก่งมาก รีส นายยังคงเป็นที่ภูมิใจที่สุด แต่นายมาช้าไป ลาก่อน” ดร.ที่ยืนมองรีส สายตาที่มองมามีทั้งความภูมิใจและเกลียดชัง พร้อมคำพูดเสียดแทงเมื่อเห็นรีสที่กำลังก้าวเข้าประตูนั่นมา รอยยิ้มร้ายของตัวอันตรายที่อยากกำจัดที่สุดของรีสเคลื่อนย้ายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความเจ็บใจของรีสที่โมโหซะจนดวงตาแดงวาบไอเย็นแผ่กระจายไปรอบตัว



“แกไม่มีทางได้ไปเจอดร.หรอก แต่ไม่ต้องเสียใจไป ฉันคนนี้จะให้เกรียติฆ่าแกเอง เนี่ยนะคนที่ดร.ภูมิใจ อยากจะรู้จริงๆว่ามีอะไรให้ภูมิใจนัก” ชายสูงใหญ่มีร่างกายท่อนล่างไม่เป็นมนุษย์อีกต่อไป มีแต่เหล็กกล้าที่แข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบาปกคลุมเขามีร่างกายเป็นไซบอกที่มีกลไกติดอาวุธไว้มากมายตามร่างกาย แต่ส่วนหัวนั้นกลับยังคงเป็นมนุษย์ ที่ยืนอยู่อีกมุมของห้องพูดกับตัวเองเบาๆ และกระโจนเข้าโจมตีรีสที่ยืนมองดร.จากไปด้วยแรงมหาศาลทันที



ตึง!!



“อึก! หึ เจ๋งดีนี่หว่า”



รีสที่ไม่ได้ตั้งตัวโดนโจมตีเข้าข้างหลัง แต่ด้วยกำลังและความโกรธที่เขาจัดการกับดร.ไม่ได้สะสม แม้โดนโจมตีเข้าอย่างจังแต่เขานั้นไม่แม้แต่จะขยับ ทำให้อีกฝ่ายถึงกับกลืนน้ำลาย แต่ก็คิดว่ามันบังเอิญและเขาโจมตีไม่แรงพอเลยเอาแต่หัวเราะเยาะและตั้งท่าต่อสู้ต่อไป



“หึ!” รีสที่ขยับปากหัวเราะหึอย่างสมเพช อารมณ์ครุกกรุ่นใกล้ระเบิดออกเต็มที่ มันมีมากพอที่เขาจะถล่มที่นี่ได้ด้วยแรงของเขา อารมณ์ตอนนี้เขาไม่อาจจะเก็บมันไว้อีกต่อไป เหมือนๆกับไอเย็นที่แผ่กระจายรอบตัวเขาจนอากาศรอบๆเย็นจัด ความโมโหและโกรธเคืองที่ไม่สามารถจัดการตัวต้นเหตุของเขาทำให้เขาเกือบคุมสติไม่อยู่ แต่เมื่อโดนโจมตีเมื่อครู่ มันยิ่งเหมือนไปกระตุ้นต่อมทำลายล้างของเขาให้ตื่นขึ้นและบ้าคลั่งจนคุมสติไม่อยู่ เผลอพูดบางอย่างออกมา ดวงตาและสีหน้าของรีสตอนนี้น่ากลัว ในใจกระหายอยากแต่สงคราม อยากจะสูดดมกลิ่นเลือด อยากทำลายล้างให้หมดสิ้น!



‘พวกมนุษย์น่าสมเพช ในเมื่อต้องการ ข้าจะสนองให้ หึ!’ 



ตูม!



...

ขณะเดียวกัน

แลมป์ที่เดินมาถึงประตูก็หยุดรอหน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อประตูเปิดออก แลมป์ยื่นปลายกระบอกปืนนำเข้าไปก่อน จากนั้นก็ก้าวเท้าตามเข้าไป ส่ายกระบอกปืนไปซ้ายขวาหลบตามตู้และผนัง แล้วค่อยๆสำรวจไปรอบๆอย่างมีสติ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไร และเงียบเชียบจนเขาใจไม่ดี ในห้องนี้เป็นห้องสีเหลี่ยมขนาด 3*5 เมตรที่แทบไม่ค่อยมีอะไรน่าสงสัย เป็นเพียงห้องที่บรรจุคอมพิวเตอร์ ตู้เก็บเอกสาร และหนังสือมากมาย ไม่มีอะไรน่าสงสัย และไม่น่าจะมีหมอพอลอยู่เช่นกัน



“เชน ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรอย่างที่นายบอก หมอพอลอยู่ที่นี่แน่หรอ”



“แน่สิครับ ตำแหน่งข้างหน้าเจ้านายมีคนอยู่แน่ๆ แต่ทำไมผมถึงหาทางเข้าไม่เจอนะ รอสักครู่นะครับ”



แลมป์เดินมาหยุดและเอามือวางทาบบนกำแพงที่มีชั้นเก็บเอกสารอยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างผิดหวังเล็กน้อยที่เข้ามาที่นี่ไม่เจออะไร คิ้วก็ขมวดคิดหนัก ทั้งที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าข้างหน้านี้มีคนที่เขาต้องการเจอมากที่สุดอยู่ แต่มันเป็นเพียงกำแพงโล่งๆที่ไม่มีทางเข้า ทำเอาทั้งเขาและเชนสับสนไปเหมือนกัน



คลิ๊ก!



“...ฉันเจอมันแล้ว ขอรหัสด่วน”



“รอสักครู่ครับเจ้านาย ฮิฮิฮิ ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าดร.นั่นจะชอบอะไรแบบนี้ นี่สินะที่ทำให้องค์นี้ถูกกฎหมายมาตั้งนาน เอาล่ะ มาดูกันว่าดร.นั่นซ่อนอะไรไว้หลังกำแพง รหัสคือ...”



แลมป์ยกยิ้มพอใจเมื่อเจอเข้ากับกลไกลับที่ดร.นั่นสร้างขึ้นมาปิดบังคนภายนอกให้รับรู้ เมื่อมือขยับไปกดโดนตำแหน่งหนึ่งในกำแพงที่ทำให้ระบบมันเปิดขึ้นมาให้ใส่รหัสผ่าน เชนหัวเราะชอบใจที่เห็นระบบนั่นเด้งขึ้นมาที่จอมอนิเตอร์ของเขา รีบกดลงบนคีบอร์ดหารหัสผ่านโดยไว และไม่นานมือแฮกเกอร์อย่างเชนก็ทำสำเร็จ เขาถอดรหัสออกมาได้ และบอกมันแก่แลมป์ เพราะมันเป็นระบบกดด้วยมือ ระบบแบบนี้มันเป็นแบบเก่าแต่ก็ไม่คิดว่าจะใช้ได้ผล ดีที่ในโปรแกรมรักษาความปลอดภัยขององค์มีบันทึกไว้ถึงได้หามันเจอ



กึก! ครืดดดด!



แลมป์ยกปืนขึ้นพร้อมเล็งอัตโนมัต แต่สิ่งที่เขาและเชนได้เห็นผ่านกล้องจากตัวแลมป์ กลับไม่ใช่กลุ่มคนติดอาวุธหรือสัตว์ประหลาดอย่างที่รีสและไมเคิลเจอ แต่มันก็อาจจะอันตรายกว่านั้นได้ ถ้าสิ่งนี้ตื่นขึ้นมา เพราะที่เห็นมันคือ มนุษย์ทดลองมากมายที่หลับไหลอยู่ในโหลแก้วขนาดยักษ์ที่มีน้ำสีต่างๆอยู่ภายในสุดลูกหูลูกตา สีของน้ำแบ่งตามสภาพร่างกายของร่างที่ถูกบรรจุอยู่ ตั้งแต่ที่ยังคงเป็นร่างกายปกติเช่นมนุษย์ธรรมดา ไปจนถึงมีสภาพแตกต่าง มีบางสิ่งงอกเงยเกินออกมาตามร่างกาย บางร่างก็เหี่ยวย่น ร่างกายแปรเปลี่ยนไปจนน่าเกลียดน่ากลัว บางร่างก็มีร่างกายที่ถูกดัดแปลงเอาสิ่งที่ไม่ใช่ชิ้นส่วนมนุษย์มาประกอบใส่ กลายเป็นอาวุธสังหารที่น่ากลัว



“พวกนี้มัน...ดร.นั่นจะสร้างอาวุธสังหารรึไงกัน” เชนที่มองตามไปด้วยอย่างตกตะลึง จนเผลออุทานออกมาไม่ได้ เขาไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดถ้าเทียบกับดร.นี่



“ฉันเคยได้ยินจากพอลว่าดร.ต้องการที่จะสร้างโลกขึ้นมาใหม่ แต่ฉันไม่คิดมาก่อนว่าจะสร้างใหม่โดยการทำลายโลกเก่าทิ้งแบบนี้” แลมป์มองสำรวจไปเรื่อยๆ สายตาสอดส่องหาหมอพอล แล้วพูดไปด้วยหลังนึกคำพูดของหมอพอลที่เล่าเรื่องดร.ที่ทำงานด้วยให้ฟัง แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะโหดร้ายป่าเถื่อนขนาดนี้ คาดว่าหมอพอลเองก็ยังคงไม่รู้ ถึงได้โดนจับได้และหายเงียบมาแบบนี้



“เจ้านาย ประตูซ้ายมือนั่น ขอให้โชคดีนะครับ ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพี่หมอ ผมขอรวบรวมข้อมูลและเก็บภาพพวกนี้ก่อน เป็นไปได้จะส่งไปที่สำนักงานแห่งชาติให้ตาสว่างบ้างเล็กๆน้อยๆ”



“ตามสบาย”

แลมป์เดินผ่านเหล่าโหลทดลองขนาดยักษ์หลากหลายโหล ตรงไปยังบานประตูที่อยู่ทางซ้ายมือตามที่เชนบอก มีบ้างที่สะดุ้งเพราะเหล่ามนุษย์ทดลองขยับร่างกาย เขากลัวมันตื่นแล้วหลุดจากโหลทดลอง เพราะเท่าที่มองเห็นกระสุนของเขาไม่น่าจะรับมือพวกมันได้หมด



“อือ... ไม่ไหวแล้ว...ทรมาน...”



“พอล!”



เสียงของหมอพอลที่ดังเบาบางรอดมาจากห้องข้างๆ ทำให้แลมป์วิ่งเข้าไปหา หัวใจของเขาปวดหนึบ เมื่อเจอหมอพอลนอนร้องโอดควนอย่างทรมาน เหงื่อไหลเป็นน้ำ หน้าซีดจนแทบไร้สี หมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับปาก เบลอจนถึงกับแลมป์เขย่าตัวเรียกอยู่นานยังไม่รู้สึกตัว ถูกมัดมือเท้าและลำตัวติดตึงไว้กับเตียงคนไข้อย่างแน่นหนา มีสายระโยงรยางค์เจอะตามตัว ข้างๆมีจอวัดชีพจรที่เต้นอย่างแผ่วเบา และจอบันทึกผลให้เห็น



“พอล ผมมาช่วยคุณแล้ว เราออกไปจากนรกนี่กันเถอะ” แลมป์ปลดสายต่างๆตามตัวหมอพอลออกด้วยหัวใจที่เริ่มปวดหนึบ ทุกอย่างมันหน่วงจนเขาแทบหมดเรี่ยวแรงที่เห็นอีกคนแทบจะหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา เมื่อปลดออกหมดเขาก็อุ้มหมอพอลขึ้นจากเตียงมากกกอดไว้ด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อได้ยินเสียงครางออกมาอย่างเจ็บปวดก็คลายอ้อมกอดนั้นให้เบาลง แล้วจำใจอุ้มพาดบ่าให้หมอพอลทนเจ็บไปก่อนเพื่อความสะดวกในการหลบหนีออกไปอย่างปลอดภัย แลมป์วางวัตถุระเบิดที่มีอันตรายไว้ตรงนั้น และหิ้วออกมาวางที่โหลทดลองทั้งหมด จากนั้นก็อุ้มหมอพอลเดินออกไป พร้อมกับปืนที่บรรจุกระสุนเต็มแม็ค 2-3 กระบอก เดินออกไป

...



“ทุกคนครับ ระเบิดถูกติดตั้งทั้งหมดแล้ว กรุณาออกจากที่นั้นได้แล้วครับ” เสียงเชนดังขึ้นเมื่อเห็นคนในทีมทำงานสำเร็จ แลมป์ก็เจอหมอพอล เขาก็ได้ข้อมูล ไมเคิลก็สู้ชนะและกำลังกัดกินซากมันอยู่ ส่วนรีส เชนได้แต่เป็นกังวนเพราะพูดอะไรไปก็เหมือนจะไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย เหมือนดั่งคนที่กำลังสติแตกจนควบคุมไม่อยู่ ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องตัดสินใจหาตัวช่วยคนสำคัญ ที่ตอนนี้เหมือนจะนั่งแท็กซี่มาวนเวียนอยู่แถวนี้เหมือนรู้ว่าตำแหน่งของรีสอยู่ที่ไหน แล้วเขาก็กระจ่างเมื่อเห็นโทรศัพท์ของรีสที่วางอยู่ตรงนั้น



“อ่อ GPS นี่เอง ฮิฮิฮิ ร้ายเหมือนกันนะครับเนี่ยแฟนรุ่นพี่ เอาล่ะ เชิญขึ้นมาเลยครับ”

...



ตูม!!



รีสที่ควบคุมสติไม่อยู่ได้แต่แยกเขี้ยวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เมื่อตนเองสามารถทำลายสิ่งต่างๆรอบตัวได้ สัตว์ประหลาดตัวนั้นหนีตาย หลบหนีไปทั่วบริเวณ ตัวของมันขาดหายไปหลายท่อน แต่ยังคงมีลมหายใจ มันตอกย้ำกับตัวเองว่ามันคือมนุษย์ แต่รีสก็เอาแต่หัวเราะเยาะและบอกความจริงที่ว่ามันคือหุ่นยนต์ แถมยังตามไปดึงกระชาก ทุบทำลายชิ้นส่วนอย่างแหลกเหลว ตามพื้นผนังและสิ่งของรอบข้างถูกทำลายล้มระเนระนาดไม่เหลือชิ้นดี



ประกายไฟที่เกิดจากการพังของเครื่องใช้ไฟฟ้ารั่วไหล ทำให้เกิดการรุกไหม้ของเปลวไฟลามไปทั่วห้อง ระบบป้องกันไฟไหม้ปล่อยน้ำลงมาช่วยดับไฟ แต่สิ่งนั้นกลับกลายเป็นน้ำแข็งที่มีความแหลมคม จากพลังของรีส และหล่นจากเพดานทิ่มแทงลงตามชิ้นส่วนหุ่นยนต์นั้น เปลวไฟที่ร้อนเริ่มเผาไหม้สิ่งรอบๆตัว โหมควันจากไฟและจากพลังของรีสให้คลุ้งจนแทบมองสิ่งต่างๆไม่ชัดเจน



“แกมันก็เป็นเพียงหุ่นยนต์น่าสมเพช ฮ่าๆๆๆ” รีสที่ตามมาจนทันสัตว์ประหลาดตัวนั้น คว้าจับมันยกขึ้นด้วยมือข้างเดียว ดวงตาและใบหน้าของเขามีความเครียดแค้นชิงชัง แล้วยกหยิบมันขว้างลงพื้น แล้วตามกระทืบซ้ำจนชิ้นส่วนหุ่นยนต์นั่นกำลังจะแหลกเหลว



“รีส!!!” เสียงของเฟิร์สที่ไม่รู้มาจากไหน ดังก้องภายในหูข้างที่ติดไมค์ของเขา รีสชะงักเท้าที่กำลังจะกระทืบค้างไว้กลางอากาศ



“รีส! ได้ยินฉันไหม ฮึก! ฉันอยากให้นายมีสติ แล้วฟังฉัน ฮือ กลับมาได้แล้ว รีส..” เสียงของเฟิร์สที่สั่น และเสียงสะอื้นไห้ดังแว่วมาให้ได้ยิน



“เฟิร์ส...อ๊าก!”รีสได้แต่มึนงง ครางชื่อคนรักออกมาอย่างแผ่วเบา สะบัดหัวไล่ให้หายจากความคุ้มคลั่ง ร้องโหยหวนทิ้งตัวลงนั่งอย่างทรมานอยู่พักใหญ่

.

.



“ฉัน เป็น มนุษย์...ใช่ไหม” หุ่นยนต์ที่ปากและดวงตาอยู่คนละที่เอ่ยเสียงสุดท้ายของมันพร้อมกับดวงตาที่ยังคงเปิดอยู่ ภายในของมันเจ็บปวดที่รู้ว่ามันไม่เคยเป็นมนุษย์ ความทรงจำทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องแต่ง ซึ่งก่อนหน้ามันไม่รู้ตัวเลยว่านั่นเป็นเพียงไมโครชิฟที่ผังความทรงจำของมนุษย์ไว้ มันเป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ไม่มีใครต้องการ



“นี่ฉัน...ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ”รีสที่สติกลับมาครบถ้วน ค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นยืนมองผลงานของตัวเองที่ไม่รู้ว่า ถ้าเขาไม่ได้ยินเสียงเฟิร์สซะก่อน เขาจะทำลายทุกๆอย่างมากไปกว่านี้ไหม ดวงตานั้นมีทั้งความสงสารและเห็นใจในความคิดของหุ่นยนต์ที่นอนครางอยู่ตรงหน้า และเจ็บปวดในสิ่งที่ตัวเองทำลายลงไป ห้องนี้เละเทะจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม แล้วไหนจะศพมนุษย์ที่ถูกดึงกระชากร่างกายไปคนละทิศทางอีกเกือบสิบคนที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตอนไหน ไฟบรรลัยกัณฑ์ที่กำลังลุกไหม้ก็เริ่มมอดดับลงหลงเหลือเพียงควันไฟ เพราะน้ำที่ล่วงหล่นลงมาจากระบบป้องกันไฟไหม้ทำงานได้เป็นปกติ หลงเหลือเพียงเศษเถ้าถ่านสีดำและน้ำที่เจิ่งนองหลังสิ้นสุดทุกอย่าง



“รีส...ได้ยินฉันไหม...ฮือ…ทุกคนออกมาจากที่นั่นกันจะหมดแล้วนะ...ออกมาสิ รีส...พูดอะไรบ้างสิ ฮือ...” เฟิร์สที่นั่งกอดจอมอนิเตอร์แน่น ยกไมค์ขึ้นพูดเอาๆไม่หยุด และยังคงร้องไห้ไม่หยุด ยิ่งไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากรีสยิ่งใจคอไม่ดี น้ำตาไหลหนักกว่าเดิม บดบังทัศนวิสัยจากที่ก็มองอะไรไม่เห็นอยู่แล้ว ทั่วทั้งห้องมีแต่เปลวควันสีขาวฟุ้งกระจาย เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงร้องอย่างทรมานเมื่อครู่ใหญ่จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรดังรอดออกมาอีกเลย



“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับเฟิร์ส จะออกไปเดี๋ยวนี้”



“ฮึก! ไอ้บ้ารีส ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ฮือ รีบออกมาเลยนะ ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆด้วย”



รีสยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเฟิร์ส คำพูดที่มีแต่ความเป็นห่วง น้ำตาที่ไม่อาจอดกลั้นเมื่อเสียใจ เขาเลือกที่จะทิ้งทุกสิ่งเหล่านี้ไว้ข้างหลัง พร้อมคำบางคำที่เอ่ยมาจากใจ ‘ขอโทษ’ แล้วเดินออกไปหาคนที่เฝ้ารอคอยและเป็นห่วงเขาจากหัวใจ
 


 ...

เครียดดดด กว่าเดิมไหมน้อ แต่เพราะฉากนี้ไรท์เก็บข้อมูลมาพอควร อะไรไม่ถูกก็แนะกันได้นะคะ หวังว่า อยากให้ฉากสมจริงที่สุด

ขอบคุณทุกๆแรงใจนะคะ ตอนหน้าเสริฟnc หนักๆ(น่าจะหนักนะ)

ปล.สักวันเราจะมารีไรท์ตอนแรกๆที่มันค่อนข้างน่าเบื่อ แบะเอาตัวท่ไม่เกี่ยวข้องออก ให้อ่านง่ายขึ้น

โฮวววว พรู~~~~*เป่าลมออกจากปาก* โล่งงงงงง เชี้ยยยยยโคตรลุ้น!!เผลอกั้นหายใจ 55555 มันตัวอะไรวะเนี้ย แหวะขยะแขยง แม่งเยอะสัส! ดีที่กำจัดพวกมันได้ ไอ้ดร.นี้แสบหว่ะ //คาดไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะได้เฮียแลมป์มาร่วมขบวนด้วย ดีไปอี๊ก 55 เชนแม่งกะล่อนเจ้าเล่ห์ เดี๋ยวจะโดนเฮียแกเอาคืนไม่น้อย หลอกเก็บงำกันมาตั้งนาน คนยิ่งห่วงหมอพอลน้องเฟิร์สอยู่ ระวังไว้เถอะ เดี๊ยะๆหลังแหวน 555555 เกลียดเสียงหัวเราะ "ฮิฮิฮิ..." หมั่นไส้ 555555 ชอบความไม่เห็นแก่เงิน ถ้าใครมาเสนออะไรที่มันไม่สุดโต่งอย่าหวังว่าเชนมันจะไปร่วมงานด้วย มันบ้ามันโรคจิต มันคลั่งปีศาจ (เหมือนตรู) 55555555 //ตลกไมเคิลแอบส่องอาการคนมีรัก โคตรจะเนียน เชนเข้าไปดักก่อกวนตลอด 55555555555 ขำสองคนนี้จริงๆ //เฟิร์สมีพิรุธ แอบไปซนไหนป่าวว่ะ ฮิฮิฮิ //หมอพอลลลลลลลล เป็นไงบ้างละเนี้ยยยยย โอ๊ยๆ ลุ้น //รอออออออ F5 F5 ฮิๆๆ  :pig4:
ขนาดไรท์อ่านทวนยังแขยง 555 //สุดท้ายดร.ก็ยังรอดไปได้เนอะ อย่าฆ่าไรท์นะ //ตอนนี้เครียดๆหน่อยไหวเปล่า ตอนหน้าแจกnc อิอิ // เดี๋ยวให้เฮียแลมป์จัดการเชนยังไงดี 555 เชนเก่งนะให้อภัยมันเถอะ คิดสภาพเชนทำตาปริบๆขอร้องสิ แต่อาจจะเหมือนอ้อนตีนก็ได้นะ 555 //ไมเคิลเราก็ยังคงบ้าดีเดือด // รีสสติแตกแล้วน่ากลัวมะ เป็นอีกแล้วคุมพลังตัวเองไม่ได้ ดีนะได้เฟิร์สมาเรียกสติ 555 // ขอบคุณที่เม้นมาตลอดน้า กำลังใจชั้นดีเลย

ออฟไลน์ Soda.wine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :call: สนุกมาก เราจะรอ แล้วเป็นกำลังใจให้ สู้สู้

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
รีบออกมาเลยรีส! เชรี้ยยย!โคตรมันส์ ลุ้นมากกกก แสรดดด!!ไอ้ดร.มันยังรอดไปได้อีก ไหลซะจริงนะมึง แต่ยังไงก็เถอะเจอสนง.ตร.แห่งชาติ ตามล่าหาตัวแน่เพราะเชนมันเก็บภาพหลักฐานจะส่งไปให้แล้ว ไม่โดนรีสฆ่าก็หนีหัวซุกหัวซุนละว่ะงานนี้!! เหี้ยโหดร้ายมากเอาคนไปทดลองเถื่อน!!ตั้งเยอะ มโนแล้วกูกลัวนะไอ้ห่า คนในตู้อ่ะ 5555555 //หมอพอลลลลลลลอย่าเป็นไรนะ มันทำอะไรกับหมอว่ะ แลมป์รีบๆพาไปรักษาเลย อย่าช้าๆทรมานแทน //ไมเคิลใช่ย่อย เจอสัตว์ประหลาดแล้วตาวาว นานๆได้เจอแบบนี้ใช่ไหม คึกเลยตรู จัดการแม่งเรียบ แดก 5555 //เฮ้ยยเฟิร์สฉลาดคิดได้ ตรูก็ลืมไปเลยว่าตาม GPS มาก็ได้ แบบเออว่ะ 55555 ดีที่ตามมารั้งรีสไว้ทัน ไม่งั้นนี้พังพินาศฤทธิ์ราชาปีศาจ ไอเย็นๆแม่งเท่ห์ไปอี๊ก ชอบบ 5555 เหออค่อยยังชั่วสู้กับตัวอื่นได้ รีบๆออกมาเล้ยยย เฟิร์สรออยู่ ห่วงจนร้องไห้หนักรีบมาปลอบเลย >///< //ตามล่าดร.กันต่อไปกบดานที่ไหนก็เจอเถอะ ฮิฮิฮิ 5555 //งานนี้ถ้าไม่ได้เชนแย่เลยถ้าจะแฮกระบบได้ขนาดนั้นทันทุกโปรแกรม เอาไปสิบดาว พวกนี้มันทำงานเคมีกันดีมากเข้าขารู้เรื่อง เหมาะร่วมงานกันแล้วละ 55555 //มันส์มากแต่ละคน ลุ้นก็ลุ้น พาๆกันออกไปให้ปลอดภัยนะ จากนั้นค่อยว่ากัน รอๆตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะที่มาต่อ อ่านเร็วจบเร็วเลยเข้ามาช้า 555555

ออฟไลน์ QmanBaaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพิ่งได้เจอฟิคค่ะ สนุกมากกกกก
เรื่องสนุกมากค่ะ ตัวละครหลากหลายดี
หุ่นยนต์น่าสงสาร
น้องเชนน่ากลัว 5555
ติดตามและเป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk

me die 38 : คิดถึง

 
เมื่อทุกอย่างจบลง ทุกคนออกมาจากที่นั่นได้อย่างปลอดภัย นอกเสียจากหมอพอลที่ยังคงไม่ได้สติและยังคงครางฮืออย่างเจ็บปวดเป็นระยะตลอดการเดินทาง ทุกคนในทีมแยกย้ายจากกันเมื่องานจบ จะนัดฉลองกันอีกครั้งเมื่อทุกอย่างลงตัว

ข้อมูลทุกอย่างถูกเชนรวบรวมมาได้ และกำลังส่งข้อมูลบางส่วนไปที่บางคนที่ไว้ใจได้ในสำนักงานความปลอดภัยของชาติทั้งในและนอกประเทศ โดยมีหน้าตาของดร.และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ยกเว้นรายละเอียดวิธีการทดลองต่างๆเพื่อป้องกันการนำไปใช้ เรื่องหมอพอลและรีส เหล่ามนุษย์ทดลองปริศนาที่ไม่ทราบชื่อมากมายถูกส่งไป โดยลงนามแค่ผู้หวังดี และปิดไอดีแอดเดรสทิ้งจนไม่เหลือร่องรอย แม้จะทำอะไรไม่ได้มากที่จะตามหาดร.กับพวกอีก2ตอนนี้ แต่ก็ทำให้ดร.นั่นไม่สามารถโผล่ออกมายังโลกภายนอกได้สักระยะ

นอกเหนือจากนั้นหลายคนจะได้รับรู้ว่ามีคนคิดจะทำลายโลกใบนี้ สงครามที่ไม่ใช่แค่ทำลายคนที่ขัดผลประโยชน์ แต่เป็นมนุษย์ทั้งหมด จากองค์กรที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อใครหรือเข้าข้างใครทั้งนั้น ซึ่งเป็นเพียงแค่มนุษย์โลภมากที่อยากจะเป็นพระเจ้าของโลกใบใหม่

 
หมอพอลถูกนำไปที่คลินิก เรียกนางพยาบาลที่เคยทำงานกับหมอพอลมารักษาเท่าที่ทำได้ แต่เมื่อเธอมาถึงเธอกับยิ้มและบอกว่าหมอพอลติดต่อเธอมาก่อนหน้าแล้ว และต้องการเพียงให้เธอทำการนำตัวของเขาลงที่เตียงคนไข้ ติดตั้งอุปกรณ์วัดชีพจรและบันทึกข้อมูลต่อเนื่อง จากนั้นแค่เปลี่ยนถ่ายน้ำเกลือจนกว่าตัวเขาจะฟื้นและบอกวิธีนั้นแก่แลมป์

“แบบนี้เจ้านายก็มีสิทธ์พิเศษดูแลพี่หมอคนเดียวสิเนี่ย ทำไมพี่หมอถึงไว้ใจเจ้านายขนาดนี้กันน้า...” เชนที่ได้ยินก็อดปากเอ่ยแซวไปไม่ได้ ซึ่งคำถามนั้นก้ไปตรงกับใจหลายๆคนแต่ไม่กล้าเอ่ยถาม โดยเฉพาะเฟิร์สที่มองหน้าพี่ชายตัวเองสลับกับพี่ชายที่แสนดีอีกคนไปมา ทั้งที่ก่อนหน้าทั้งคู่ไม่ได้มีท่าทีอะไรต่อกันแถมยังแทบไม่รู้จัก ไปมีซัมติงกันตอนไหน

“เอ่อ...คือ...ว่าแต่เฟิร์สมาที่ฐานลับได้ยังไง” แลมป์ที่ทำหน้าไม่ถูก อึกอักไปมาอยู่นาน เพราะทุกสายตาจ้องมาที่เขาแถมยังยิ้มแปลกๆ แม้กระทั่งรีสที่ไม่ค่อยจะสนใจยังแอบชำเรืองมอง จะพูดเล่าก็ไม่ใช่ตัวเขา จึงหาเรื่องเบี่ยงประเด็นไป ซึ่งคนที่ซวยก็ใช่ใครอื่น น้องชายของเขา ซึ่งเมื่อพูดไปแล้ว เฟิร์สก็สะดุ้งเฮือกหน้าซีดเผือดค่อยๆเหลือบมองไปทางรีสที่กำลังจ้องมาด้วยท่าทีนิ่งๆพอดี ‘พี่ขอโทษเฟิร์ส’แลมป์ก็ได้แต่เอ่ยขอโทษในใจเบาๆ

“เรากลับกันเถอะ” รีสที่ยืนนิ่งอยู่ก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ เฟิร์สก็ได้แต่สะดุ้งเบาๆอีกครั้งพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ แม้จะไม่รู้ว่าจะโดนอะไรไหม ที่ออกมาแบบนี้แถมยังไปห้ามไปร้องไห้โฮโชว์คนมากมายก่อนหน้า แถมยังกอดรีสแน่นโดยไม่เกรงใจพี่ชายตัวเองที่พอมารู้ว่ารู้เรื่องแล้วก็แอบเบาใจ แต่หลังจากนี้สิ รีสจะว่าอะไรเขาอีกไหม ทั้งกลัวทั้งโล่งใจที่ตัวเองตัดสินใจออกมาตามหารีส แต่ในเมื่อออกมาแล้วก็ต้องยอมรับในสิ่งที่จะตามมา

“เดี๋ยวก่อนสิรุ่นพี่! ลืมอะไรรึเปล่าเอ่ย...ฮิฮิฮิ” เชนรีบวิ่งไปขวางหน้ารีสอย่างเร็ว จนไมเคิลที่ยืนอยู่ข้างๆยังจับเอาไว้ไม่ทัน แถมยังมายืนยิ้มแป้นแร้นหัวเราะโรคจิตใส่อีก

“ไม่ลืม แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันต้องไปจัดการกับบางคนก่อน” รีสพูดขึ้นนิ่งๆพรางเหลือบมองไปที่เฟิร์สที่แอบหลบสายตาไปก่อนหน้าแถมยังสะดุ้งเบาๆเรียกรอยยิ้มจากรีสได้เป็นอย่างดี

“ได้ไงกันคร้าบบบบ สัญญาต้องเป็นสัญญาสิ” เชนที่บอกปฏิเสธทั้งที่ใบหน้านั้นสนุกสนานที่ได้แกล้ง แถมยังเข้าไปเกาะแขนรีสเบียดตัวเข้าหาลอบมองใบหน้าเฟิร์สที่ขึ้นสีด้วยความโกรธและสงสัย ที่ลอบมองทั้งรีสและเชนสลับกันไปมา แต่รีสก็ยังคงนิ่งไม่ผลักออก เหมือนจงใจจะแกล้งให้คนหึง สุดท้ายดันกลายเป็นเชนที่ทนรำคาญไม่ได้เลยเข้าไปขวางแทน

“เด็กบ้านี่ ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เอางี้ เป็นฉันแทนได้รึเปล่า” ไมเคิลที่เดินเข้ามาแยกรีสและเชนออกจากกัน มองหน้ารีสนิดหน่อย แล้วหันมาหาเชน เอ่ยพูดออกไป ในใจตนนั้นก็สับสนและคุกกรุนนิดๆที่เห็นสองคนนั้นสนิทกัน แต่เขาก็คิดเพียงแค่ว่า นั่นคือการชดใช้บุญคุณที่รีสมาช่วยเหลือเขา จึงจะช่วยกันตัวน่ารำคาญออกไปให้เท่านั้น

“ห๋า...ตกลง แต่ว่าไมเคิล คุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้และอยู่ที่ฐานลับกับผมจนกว่าผมจะให้คุณไป ยอมรึเปล่าล่ะครับ” เชนที่ได้ยินก็อึ้งจนร้องเสียงดังอย่างตกใจ แต่ก็แค่ไม่นานเด็กเจ้าเล่ห์อย่างเขาก็คิดแผนดีๆออก ซึ่งการที่ไมเคิลทำแบบนี้ก็ดันเข้าทางเขาพอดี เพียงแค่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ...หมาป่าที่เห็นตอนเด็ก จะใช่ไมเคิลอย่างที่เขาสงสัยรึเปล่า...

“ตกลง” ไมเคิลตกหลุมพรางทันที ตอบโดยไม่คิดก่อนหลัง บางทีเขาก็ลืมคิดไปว่าคนที่จะไปอยู่ด้วยมันเป็นเด็กประหลาดที่เจ้าเล่ห์เสียกว่าปีศาจหมาป่าอย่างเขา

“ดี! งั้นกันไปกันเลย ทุกคนผมไปก่อนนะ เจ้านายอย่าลืมค่าจ้างนะครับแล้วจะมาเยี่ยมบ่อยๆ ผมจะส่งข้อมูลที่พวกมันทำที่องค์มาให้นะครับคุณพยาบาล แล้วก็รุ่นพี่...อย่าหักโหมนะครับ ฮิฮิฮิ โชคดีครับพี่เฟิร์ส” เชนสั่งลาทุกคนอย่างรวดเร็ว แถมยังทิ้งระเบิดไว้ตูมใหญ่เพื่อให้ทุกคนหัวเสียและหมั่นไส้ตามสไตร์ จากนั้นก็ลากไมเคิลที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปอย่างรวดเร็ว เวลาของเขาสองคนต่อจากนี้จะเป็นยังไงก็ตามแต่ แม้มันจะต้องน่าปวดหัวมากสำหรับไมเคิล แต่เท่าที่เห็นเชนไม่น่าจะให้ไมเคิลจากไปในเร็วๆนี้แน่ เพราะสายตาที่ลอบมองไมเคิลนั้นแตกต่างจากทุกคน มันมีความโหยหาและมีชมพูจางๆที่เกิดจากความรัก...
 

“ไอ้เด็กบ้าดันรู้ทัน...” รีสที่เหวอไปสักพักก็ยิ้มแล้วพูดกับตัวเองเบาๆอย่างไม่ถือสา ต่างจากเฟิร์สที่ความรู้สึกปนเปกันมากมาย จากที่มีความกลัวปะปนอยู่ กับกลายเป็นสงสัยและขุ่นเคือง เกิดความน้อยใจ ข้องใจ และอีกมากมายในความลับทั้งหลายของรีส อีกทั้งที่ตัวเขานั้นรู้เรื่องทุกอย่างทีหลังเสมอ จนกลายเป็นใบหน้างอง้ำ เงียบเชียบไม่พูดไม่จา เอาแต่ยกมือกอดอกแล้วเดินไปรอที่ประตูแทน แลมป์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าระอา ...น้องชายของเขามีคนที่รักหมดใจแล้วสินะ...

“อ่าว เฟิร์ส พี่แลมป์ผมขอตัวไปก่อนนะครับ เดี๋ยวจะพาเฟิร์สมาเยี่ยม ขอให้พี่หมอไม่เป็นอะไรอย่างที่ตัวเขาคาดการณ์ด้วยเถอะ แต่ถ้ามีอะไรเรียกผมได้ตลอดเวลานะครับ” รีสที่งุนงงที่จู่ๆเฟิร์สก็เดินหนีออกไปก่อน ตะโกนเรียกก็ไม่หยุด จนต้องรีบหันมาบอกแลมป์แล้วจะวิ่งตามออกไป แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเสียงแลมป์อีกครั้ง

“ขอบใจ แต่จะดี ถ้านายถนอมน้องฉันหน่อย อย่าให้หนักจนลุกมาเยี่ยมพอลไม่ได้ล่ะ หึหึ ฝากน้องชายฉันด้วย”

“...ครับ”

รีสรับปากอย่างแน่วแน่ แม้จะอายๆอยู่บ้างที่โดนรู้ทันว่าเขาจะทำให้เฟิร์สลุกไม่ขึ้น แต่เรื่องดูแลเฟิร์สมั่นใจและจะทำมันให้ดีกว่าเดิมแน่นอน แล้ววิ่งจากออกไปหาเฟิร์สที่งอนต่ก็รออยู่ที่ประตู ทิ้งไว้แต่แลมป์ที่นั่งยิ้ม จนพยาบาลกระแอมไอเรียกสติเพื่อสอนวิธีการดูแลหมอพอลต่อไป



เมื่อมาถึงคอนโด เฟิร์สก็เดินนำเข้ามาก่อนแล้ว ใบหน้าง้ำงองอนตุบป่องรอคนมาง้อ ตลอดทางที่มาด้วยกันเฟิร์สเงียบมาตลอด รีสก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งที่เฟิร์สอยากได้ยินคำอธิบาย แต่ที่ไม่พูดก็ใช่ว่าจะไม่สนใจอย่างที่เฟิร์สเข้าใจ เพียงแค่อยากมาอธิบายเมื่อถึงห้องมากกว่า เผื่อว่าคุยด้วยคำพูดไม่เข้าใจก็คุยด้วยร่างกายไปเลย.. 

แต่เมื่อมาถึงห้องรีสก็ยังมีทีท่าไม่สนใจอยู่ดี เมื่อถึงก็เดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกายทันที ปล่อยให้เฟิร์สที่เดินนำมาก่อนเหวอสักพัก จากนั้นก็ได้แต่ความง้ำงอของใบหน้าที่มากขึ้น เนื่องจากถูกเมินไม่สนใจ จึงได้แต่นั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียวๆ ในใจก็ทั้งบ่นทั้งด่าอีกคนที่ไม่สนใจ
 

ฟอด!

รีสที่ยิ้มอยู่นาน เมื่อมองคนงอนที่ยืนกอดอกเรียกร้องความสนใจอยู่ที่โซฟา เมื่อเขาไปอาบน้ำมาเพราะตัวเขาสกปกรกไม่อยากให้เฟิร์สเปื้อนไปด้วยไม่ใช่ไม่สนใจอย่างที่โดนใส่ร้าย รีสเดินเข้าไปหาจากทางด้านหลังแล้วเอียงตัวขโมยหอมแก้มคนงอนไปฟอดใหญ่ เฟิร์สตกใจสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นยืนประจันหน้า แต่ก็ต้องหน้าแดงสุกเพราะรีสมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันไว้รอบกาย โชว์เรือนร่างผิวพรรณที่ไม่ว่ามองกี่ครั้งๆก็ทำให้ใจอดสั่นไหวไม่ได้ แต่ไม่นานเมื่อเฟิร์สได้สติก็ดันตัวเองให้พ้นระยะโดยใช้โซฟาเป็นตัวกั้นระหว่างเขาทั้งสอง แล้วเบะปากใส่อย่างงอนๆ

“งอนรีสหรอครับคนดี หืม” รีสยิ้มเบาๆมองคนที่บ่นๆว่าตัวเองอายุมากกว่าเมื่อไม่นานมานี้ทั้งที่ท่าทีที่กำลังทำอยู่มันเด็กชัดๆ แถมยังเป็นเด็กน่ารักน่ากดซะด้วย

“ฉันเปล่า ง่วงแล้ว จะขอตัวไปนอน”เฟิร์สพูดเสียงแข็งอย่างงอนไม่เลิกรา แต่ดวงตากับเหลือบมองไปยังรีสบางครั้งแล้วหน้าแดงไปด้วย ทำยังไงก็อดมองไม่ได้ จึงเปลี่ยนเป้าหมายลุกจะเดินเลี่ยงเข้าห้องนอนไป

“เดี๋ยวครับ เฟิร์สช่วยทำแผลให้รีสก่อนได้ไหม” รีสคว้าจับแขนเฟิร์สไว้เบาๆ เอ่ยร้องขอความเห็นใจเบาๆ ดวงตานั้นสบมองอย่างอ้อนวอน ทั้งที่ข้างในนั้นทะเล้นที่ได้เห็นด้านน่ารักๆของเฟิร์ส แถมยังนึกอยากแกล้งเพิ่มขึ้นไปอีก

“แต่นายไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่หรอ” เฟิร์สนั้นพูดออกมาอย่างไม่สนใจ เสมองไปทางอื่นอย่างงอนๆไม่หันไปมองทางรีสให้ชวนใจอ่อน แต่เมื่อพูดไปแล้วรีสยังเงียบ จากที่งอนก็เริ่มใจคอไม่ค่อยดี จากนั้นจึงหันมาสบมองดวงตาสีแดงที่เว้าวอน แล้วพูดออกไปอย่างลนลานพร้อมๆกับวิ่งไปทางที่รีสยืนอยู่จับร่างกายรีสหมุนไปหมุนมาด้วยความเป็นห่วง

“...หรือว่าเป็น ตรงไหน รีส นายเจ็บตรงไหน! ไปนั่งรอที่โซฟาก่อนนะเดี๋ยวฉันไปเอายา...อืม...” รีสคว้าตัวของเฟิร์สเข้ามาไว้ในอ้อมกอด มืออีกข้างประคองท้ายทอย แล้วมอบจูบไปให้เฟิร์สอย่างนุ่มนวล ลิ้นร้อนค่อยๆแทรกเปิดพัวพันกันอย่างละมุน แลกเปลี่ยนความหอมหวานและความคิดถึงให้กันและกันเนิ่นนาน จนคนที่โกรธงอนในตอนแรกได้แต่หัวหมุนว่างเปล่า ใจอ่อนยวบ หน้าแดงซ่าน แล้วแดงขึ้นไปอีกเมื่อได้สบมองกับดวงตาสีแดงที่แสนมีเสน่ห์

“แฮ่ก แฮ่ก อือ...” รีสปล่อยปากออกเมื่อเห็นอีกคนเริ่มหายใจไม่ทัน ทันทีที่ถูกปล่อยออกเฟิร์สก็ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่เบนหลบสายตาของรีสที่มองมาอย่างเร่าร้อนไปมา ความคุกกรุ่นโกรธเคืองในตอนแรกตอนนี้แทบละลายหายไปหมดสิ้น เมื่อรับรู้ความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดผ่านจูบแสนละมุนเมื่อครู่

“ตรงนี้ไงครับ แล้วยังมีตรงนี้ด้วย” รีสพูดออกไปเสียงหวาน แล้วคว้าจับเอามือเฟิร์สขึ้นไปแนบอก ส่งสายตาอ้อนวอนขอให้เฟิร์สช่วยรักษาไข้ใจ

“เอ่อ ห หัวใจของนายเป็นอะไรงั้นหรอ” เฟิร์สพูดผิดๆถูกๆ หน้าแดงซ่านหนักกว่าเดิม ยิ่งเห็นสายตานั้นมองมายิ่งหวั่นไหว

“หัวใจของรีสมันคิดถึงเฟิร์สจนปวดหนึบไปหมด เฟิร์สช่วยรักษามันได้ไหมครับ” รีสขยับเข้าชิดใกล้จนจมูกชนกัน เอ่ยเสียงพูดอ้อนหวานหยด ดวงตาสีแดงจับจ้องมายังดวงตาของเฟิร์สนิ่งงัน เงาสะท้อนของทั้งคู่สะท้อนอยู่ในดวงตาของกันและกัน แล้วจุมพิตเบาบางลงที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย

เฟิร์สที่ถูกมนต์สะกดให้นิ่งงันทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หน้าแดงสุกด้วยความขวยเขิน ขาแข้งอ่อนแรงจนอีกคนต้องโอบกอดไว้แผ่วเบา แม้จะแค่คำที่หวานหูแต่สำหรับเขาทั้งคู่ที่ไม่ค่อยได้ยินคำพูดอะไรแบบนี้มากนัก มันกลับกินใจที่โกรธงอนให้อ่อนยวบยาบไม่หลงเหลือถ้อยคำใดๆ นอกจากความโหยหา

เฟิร์สยกแขนโอบรอบลำคอของรีส โน้มให้ใบหน้าของคนสูงกว่าลงมาใกล้อีก แล้วจูบไปด้วยความคิดถึงแทนคำพูดที่ไม่ต้องเอ่ยคำใดๆออกมา ดวงตาที่แสนเว้นวอนสะท้อนเงาของรีสในระยะใกล้ กลับหลายเป็นจอมปีศาจเองที่สั่นไหวกับท่าทีนั้น จูบที่คนใต้ร่างเป็นคนนำเองแถมยังเต็มใจ แม้จูบนั้นจะไม่ได้ร้อนแรงแต่กลับวาบหวามชวนใจเต้น จูบที่ส่งมอบความในใจว่าคิดถึงมากเพียงใด... รักมากเพียงใด... โหยหาเขามากเพียงใด... จูบที่ดีต่อใจสองคนมากที่สุด

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

เสียงหัวใจเต้นรัวเป็นจังหวะเดียวกัน จังหวะของความรัก จังหวะของความสุข ความเข้าใจ จังหวะของหัวใจที่นำพาความสุขมาให้พร้อมกัน

รีสโอบอุ้มตัวของเฟิร์สขึ้น ทั้งที่ปากนั้นยังไม่ปล่อยออกจากกัน เมื่อถึงที่นอนรีสก็ถอนจูบนั้นออกอย่างเสียดาย แล้ววางเฟิร์สลงบนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา แม้ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของทั้งคู่ก็รับรู้ได้ว่าต้องการสิ่งใด

เฟิร์สสบมองเรียกร้องสัมผัสจากรีสโดยไม่รู้ตัว สายตาดูยั่วยวน มุมปากมีน้ำใสๆไหลย้อยลงมา กายสั่นไหวขนลุกชันทุกเมื่อที่รีสสัมผัสโดน มือหนาค่อยๆบรรจงปลดเสื้อผ้าของคนข้างใต้ออกเชื่องช้า เผยผิวกายขาวใสน่าสัมผัส

รีสค่อยๆขยับเคลื่อนกายขึ้นคร่อมด้านบน ปลดเปลื้องผ้าเช็ดตัวที่ให้ให้หลุดออก เผยสัดส่วนน่ามองและ แกนกายที่กำลังลุกชันใหญ่โต จนคนข้างล่างเสมองไปทางอื่นอย่างเขินอาย แต่มือหนาก็เอื้อมจับให้หันหน้ามามองใหม่ พร้อมกับอีกข้างที่ลากไล้ตามโคนขาเรียวเฉียดแกนกายสีชมพูที่ตั้งชันอยู่ตรงหน้า แล้วค่อยๆใช้นิ้วลากผ่านท่อนลำเล็กแผ่วเบาสร้างความสยิว แล้วกอบกุมมันไว้ในมือรูดรั้งขึ้นลงแผ่วเบา

“เฟิร์สครับ ทำให้รีสด้วยได้ไหม” รีสโน้มกายเข้าใกล้กระซิบข้างหูคนที่นอนบิดกายอย่างเล่าร้อนใต้ร่างอย่างใจเย็นที่สุด ทั้งที่ไอเย็นๆรอบกายเข้าแผ่กระจายออกมาตามอารมณ์ที่คุกกรุ่น

“อะ อืม...” เฟิร์สที่แทบไม่หลงเหลือสติ นอกจากความวาบหวามและความสุขที่กำลังได้รับ ทำให้หลงลืมตัว ทั้งยั่วยวนทั้งทำตามปรารถนาส่วนลึกทุกอย่าง มือเรียวคว้าจับท่อนลำแข็งแกร่งแล้วรูดรั้งจนได้ยินเสียงครางฮือของคนข้างบนดังสลับกับของตนไปมา

“อะ อื้อ” รีสจับมือของเฟิร์สออกเมื่อสุขมากพอแต่ไม่ยอมปลดปล่อย มืออีกข้างก็ปล่อยออกได้ยินแต่เสียงฮึดฮัดของคนข้างล่างเมื่อโดนใจ จึงคว้าเอามือของเฟิร์สเองมารูดรั้งให้ตัวเอง รีสยกยิ้มพอใจเมื่อเฟิร์สนั้นดูสุขสม แถมยังเย้ายวน กายบิดเร้าเชิญชวนแต่เขาก็ต้องใจเย็น

“อืม...อ่า...อ๊า!” รีสโน้มกายเข้าใกล้จูบซับตามกายจนเป็นรอยกุหลาบทั่วตัว ทั้งยังลูบไล้จนคนใต้ร่างขนลกชันด้วยความซ่านเสียว มือที่ว่างก็ขยับเข้าหาบั้นท้ายทั้งกำทั้งขยำมันจนขึ้นรอยแดง บดจูบสร้างความวาบหวามที่มากขึ้น

“อะ อึก! มะ ไม่ ไม่นะ ห้ามทำแบบนั้นนะ มันน่าอาย ห้ามทำนะ อ๊า!” มือหนายกบั้นท้ายลอยขึ้นแทรกตัวเข้าหา ก้มลงเลียชิมที่ช่องทางสีหวานเป็นการเบิกทาง ไม่ได้ฟังคำทัดทานของอีกคน

“อะ อือ พอแล้ว ส ใส่เข้ามาสิ” หน้าหวานแดงซ่าน เอ่ยขอเสียงตะกุกตะกักด้วยความอาย เมื่อถูกเบิกทางอยู่นานจนทนไม่ไหว ได้แต่ส่ายสะโพกยั่วยวน มือเท้าจิกเกร็ง กัดริมฝีปากล่างแล้วเสมองไปทางอื่น ท่าทางแสนยั่วยวนแบบนั้นยิ่งทำให้คนข้างบนทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบทำตามคำร้องขอนั้นอย่างไม่ขัดศร้ทธา

“อึก! อ๊า! ห๊า! เบา เบาหน่อยรีส มันเสียว...อ๊า!”

“อืม...อย่ายั่วนักสิ รีสจะไปทนไหวได้ยังไง”

เสียงครางระงมสอดประสาน เสียงหัวใจดังแข่งกันไม่หยุด เสียงน่าอายของการสอดใส่และเสียดสีที่ทั้งเบาทั้งรุนแรงสลับกันให้ได้ยิน จนปลดปล่อยออกมา เสียงเหล่านั้นดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดทั้งคืน แม้จะเหนื่อยหอบจนต้องหยุดพัก แต่ก็ยังคงทำกันต่อเนื่องตลอดคืน แม้ว่าฝ่ายโดนกอดจะหมดแรงแต่อีกคนยังคงโหมใส่ปลุกเร้าอารมณ์อยู่สักพักใหญ่

จนรุ่งเช้ามาเยือนเสียงเหล่านั้นก็เงียบหายไป มีเพียงร่างกายของคนสองคนที่นอนกอดกันอย่างเปี่ยมสุขมีผ้าห่มผืนบางคลุมกายไว้ โดยหลักฐานของความสุขยังกระจัดกระจายอยู่ทั่ว หวังแค่ว่าเมื่อบางคนตื่นขึ้นจะไม่เขินอายหน้าแดงซ่าน ไม่เช่นนั้น ตัวของเขาเองคงต้องทำในสิ่งที่ใจเรียกร้องให้กกกอดคนน่ารักเช่นวันนี้อย่างหนักหน่วงในหลายๆเวลาเพื่อชดเชยวันเวลาที่ผ่านมาแน่นอน


...
เป็นไงกันบ้าง มันเหมือนNC มั้ย ไรท์ชอบแบบนี้เค้าว่ามันวาบหวามกว่าตอนสอดใส่อีก หรืออยากได้แบบสอดใส่ด้วยก็เม้นมานะ บอกกันได้ อยากเห็นฉากแบบนี้ ใสให้ได้จะใส้จ้า
แล้วก็ ถ้าตอนนี้สั้นไป ขออภัยด้วยน้า แล้วก็ หัวใจรีสมันเต้นแล้วโว้ย...ถึงจะมีอาการมานานแล้วก็เถอะ แล้วจะเต้นไปตลอดมั้ย หรือจะแค่อาการอีก ลุ้นๆ
ตอนหน้าเรามาลุ้นอาการของหมอพอลกัน จะกลายเป็นอะไรน้อ...
ขอบคุณทุกแรงใจ แรงเม้น แรงเชียร์นะ มีกำลังเขียนต่อไป...
...
:call: สนุกมาก เราจะรอ แล้วเป็นกำลังใจให้ สู้สู้
ขอบคุณสำหรับแรงใจจ้า ดีใจที่ชอบน้า เย้ๆ:mew1: :mew1: :mew1:
รีบออกมาเลยรีส! เชรี้ยยย!โคตรมันส์ ลุ้นมากกกก แสรดดด!!ไอ้ดร.มันยังรอดไปได้อีก ไหลซะจริงนะมึง แต่ยังไงก็เถอะเจอสนง.ตร.แห่งชาติ ตามล่าหาตัวแน่เพราะเชนมันเก็บภาพหลักฐานจะส่งไปให้แล้ว ไม่โดนรีสฆ่าก็หนีหัวซุกหัวซุนละว่ะงานนี้!! เหี้ยโหดร้ายมากเอาคนไปทดลองเถื่อน!!ตั้งเยอะ มโนแล้วกูกลัวนะไอ้ห่า คนในตู้อ่ะ 5555555 //หมอพอลลลลลลลอย่าเป็นไรนะ มันทำอะไรกับหมอว่ะ แลมป์รีบๆพาไปรักษาเลย อย่าช้าๆทรมานแทน //ไมเคิลใช่ย่อย เจอสัตว์ประหลาดแล้วตาวาว นานๆได้เจอแบบนี้ใช่ไหม คึกเลยตรู จัดการแม่งเรียบ แดก 5555 //เฮ้ยยเฟิร์สฉลาดคิดได้ ตรูก็ลืมไปเลยว่าตาม GPS มาก็ได้ แบบเออว่ะ 55555 ดีที่ตามมารั้งรีสไว้ทัน ไม่งั้นนี้พังพินาศฤทธิ์ราชาปีศาจ ไอเย็นๆแม่งเท่ห์ไปอี๊ก ชอบบ 5555 เหออค่อยยังชั่วสู้กับตัวอื่นได้ รีบๆออกมาเล้ยยย เฟิร์สรออยู่ ห่วงจนร้องไห้หนักรีบมาปลอบเลย >///< //ตามล่าดร.กันต่อไปกบดานที่ไหนก็เจอเถอะ ฮิฮิฮิ 5555 //งานนี้ถ้าไม่ได้เชนแย่เลยถ้าจะแฮกระบบได้ขนาดนั้นทันทุกโปรแกรม เอาไปสิบดาว พวกนี้มันทำงานเคมีกันดีมากเข้าขารู้เรื่อง เหมาะร่วมงานกันแล้วละ 55555 //มันส์มากแต่ละคน ลุ้นก็ลุ้น พาๆกันออกไปให้ปลอดภัยนะ จากนั้นค่อยว่ากัน รอๆตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะที่มาต่อ อ่านเร็วจบเร็วเลยเข้ามาช้า 555555
ดีใจมากกกกกกกที่ชอบแล้วลุ้นตามขนาดนั้น 555 ขอบคุณน้าที่ตามตลอดเลย / เราควรฆ่าดร.ยังไงดี 555 ตายยากมาก /หมอพอลนี่ลุ้นตอนหน้าน้า จะให้กลายพันหรือตายดี 555 /ไรท์บอกแล้วว่าเชนมันร้าย 555 ไมเคิลจะเสร็จเชนละ ตกหลุมพรางจนได้ 555/ รีสเฟิร์สตอนนี้หวานยังน้อ...
เพิ่งได้เจอฟิคค่ะ สนุกมากกกกก
เรื่องสนุกมากค่ะ ตัวละครหลากหลายดี
หุ่นยนต์น่าสงสาร
น้องเชนน่ากลัว 5555
ติดตามและเป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณจ้าสำหรับแรงใจ แรงเชียน์ อิอิ แสดงว่าหลงเข้ามาอีกแล้ว 555 แต่ดีใจน้า ที่ยังอยู่...และชอบ // เชนนี่น่ารักและน่ากลัวไปในตัวค่ะ สุดท้ายก็ได้กินปีศาจหมาป่าเลย 555

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Re: me die ?? ตอนที่ 39 25%
«ตอบ #98 เมื่อ21-12-2016 16:07:56 »

Me die 39 : ติดเชื้อ NC 20+ [แลมป์xพอล] 25%

ทางด้านหมอพอลที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ อาการยังคงหนัก50/50 บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่จะดีขึ้น แต่ต้องทำตามความต้องการที่บอกกล่าวไว้ล่วงหน้า รวมถึงแจ้งแก่คนอื่นๆว่าไม่เป็นอะไร คนที่รู้เรื่องก็คงมีเพียงแค่แลมป์ และพยาบาลที่ตอนนี้กลับไปตามคำสั่งของหมอพอลที่บอกกล่าวไว้ล่วงหน้า เกิดเรื่องนี้ในสักวันคนที่จะเห็นเขาสภาพแบบนี้มีแค่แลมป์คนเดียว เมื่อได้รับยาและน้ำเกลือพร้อมทั้งจัดแจงให้นอนพักบนเตียงก็ยังคงนอนหลับอย่างสงบ แต่ไม่นานหลังจากทุกคนกลับไปกันหมด หมอพอลที่ดูเหมือนจะสงบไปแล้วก็เริ่มมีอาการ เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดตามใบหน้า คิ้วเริ่มขมวดใบหน้าเหยเก กายบิดเร้าไปมาอย่างทรมาน

แลมป์เดินออกไปหาอะไรกินห้องข้างๆได้ยินเสียงครางฮืออย่างทรมานของหมอพอล เท้าก็ก้าวเดินจนแทบจะวิ่งทั้งที่มือนั้นยังไม่ทันได้วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะเลย ด้วยความรีบร้อนนั้นทำให้แก้วน้ำนั้นล่วงลงมากระทบพื้นจนแตกออก แลมป์กำลังจะวิ่งเป็นต้องสะดุ้งหยุดมองสิ่งนั้นไปสักพัก จนเสียงครางทรมานของหมอพอลดังขึ้นมา จึงจำเป็นต้องทิ้งเศษแก้วนั้นไว้ก่อน แล้ววิ่งเข้าไปดูคนที่เขาห่วงจับใจ

“อือ...เจ็บ..อื้อ อ๊ากก” มือบางๆนั่นกำแน่นเข้าหากัน เส้นเลือดปูดโปนอย่างทรมาน ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไข้ขึ้นสูงแต่ก็หนาวสั่น ใบหน้ายับยู่ยี่และซีดเผือด ดิ้นไปมาไม่มีทางจะสงบลงแถมยังทวีความรุนแรงขึ้น

“พอลๆ คุณทำใจดีๆนะ” แลมป์
วิ่งเข้ามา เอ่ยเรียกสติอีกคนเสียงดัง ทั้งตะลึงทั้งเจ็บปวดที่เห็นคนๆนี้ต้องทรมาน ขยับเคลื่อนกายตัวเองเข้าไปใกล้ หันรีหันขวางมองหาสิ่งที่จะช่วยทำให้หมอพอลดีขึ้น แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่พยาบาลสั่งเขาทิ้งไว้

‘ถ้าคุณหมอมีอาการอีก ให้ฉีดสิ่งนี้ลงไปในสายน้ำเกลือตรงนี้นะคะ มันคือยาระงับอาการปวดและทำให้ง่วง ไม่นานคุณหมอจะสงบลง’

ไม่ต้องรอนาน เขาคว้าหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุยาไว้เต็มเรียงรายอยู่นับสิบข้างเตียงขึ้นมาถือไว้ เขาพยายามนึกวิธีใช้และทำมันอย่างประหม่า พรางนึกในใจว่าให้เขาจับปืนฆ่าคนยังจะง่ายกว่า มือของเขาสั่นไปหมด แต่ก็ต้องรีบทำเพราะทนเห็นอีกคนนอนดิ้นอย่างทรมานไม่ไหว เมื่อฉีดลงไปไม่นานหมอพอลก็สงบลงในที่สุด แลมป์ถึงกับถอนหายใจโล่งอกแล้วจัดแจงเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เสร็จ แล้วก็ไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเองบ้าง

แต่อาการหนักแบบนี้ ก็เลยวางใจไม่ได้ แลมป์รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วก็ยังไม่ทัน อาการทรมานของหมอพอลก็เริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งทั้งที่ยาเข็มแรกเพิ่งจะฉีดไปไม่ถึง 15 นาที เหงื่อกาฬเม็ดเล็กๆก็เริ่มผุดพายขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้านั้นก็ยังไม่หายซีด เพียงแค่อาการยังไม่หนักเท่าก่อนหน้าเพราะเพิ่งได้รับยาไป แลมป์จึงต้องกลายเป็นพยาบาลจำเป็นนั่งอยู่ข้างๆคอยซับเหงื่อที่เริ่มมีมากขึ้นตามเวลา

แต่ไม่นานพอครึ่งชั่วโมงผ่านไปอาการก็เริ่มกลับมาหนักเหมือนตอนแรก อาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ หมอพอลดิ้นทุรนทุรายหน้าซีดหนักกว่าเดิม ร้องครางระงมอย่างเจ็บปวด แลมป์ก็หยิบยาฉีดให้อีกเหมือนเคย อีกทั้งยังคอยพยาบาลอยู่ข้างๆเช็ดตัวดูแลอยู่ตลอดเวลา ยาก็ฉีดให้ทุกๆครึ่งชั่วโมง อีกดึกขึ้นๆยาก็ยิ่งหมดฤทธิ์เร็วมากขึ้น จึงต้องฉีดถี่ขึ้น

เวลาผ่านไปยังไม่ถึงเที่ยงคืนยาก็ถูกใช้ไปเกือบหมดเหลืออีกเพียงแค่เข็มเดียวเท่านั้น อาการยิ่งทรุดหนักไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นตามที่คาดหวังเลยสักนิด ทำให้แลมป์เป็นกังวลอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จึงจะโทรศัพท์หาพยาบาลที่ดูแลว่ามียาอยู่ตรงส่วนไหนอีกบ้าง แต่ก็ยังไม่ทันได้ทำ เพราะอีกคนดิ้นน้อยๆให้แลมป์ตกใจคิดว่าอากรกำเริบอีก จึงรีบวางโทรศัพท์ลงเตรียมหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาถืออย่างชำนาญ แต่กับมีบางอย่างแปลกออกไป หมอพอลที่เวลานี้ควรจะเริ่มออกอาการและไม่นานอาการคงจะทรุดหนักอีก กับหลับตาพริ้ม  หน้าที่ซีดเริ่มมีสีขึ้นมา หายใจสม่ำเสมอเหมือนคนที่กำลังนอนหลับสนิทเท่านั้น แลมป์เห็นแบบนั้นก็เริ่มยิ้มออก แต่ก็ยังไม่วางใจ

“ผมดีใจนะพอลที่คุณดีขึ้น ตอนนี้ผมเข้าใจความคิดของตัวเองแล้ว ที่คอยห่วงคอยหวงมันไม่ใช่ฐานะเพื่อนหรือผู้มีพระคุณ แต่คุณเป็นยิ่งกว่า คนพิเศษ สำหรับผมซะอีก”



แต่มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น อาการของหมอพอลที่เหมือนจะดีขึ้นก่อนหน้ากลับทรุดลงอีกในกลางดึก แลมป์ที่เผลอหลับไปข้างๆต้องสะดุ้งขึ้นมา เขาหยิบยาเข็มสุดท้ายฉีดเข้าไปที่สายน้ำเกลือ สีหน้าเป็นกังวลหนัก เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้ ยาเข็มนั้นไม่ได้ผลเลยสักนิด ทั้งโทรหาพยาบาลถามหายาสำรองมาให้ต่างๆนาๆก็ไม่มีทีท่าว่าอาการในรอบนี้จะลดลง 

“อึก อือ... เจ็บ ทะ ทนไม่ไหวแล้ว ทะ ทรมาน เหลือเกิน อ๊ากกก! ละ แลมป์ช่วยด้วย...อือ...” หมอพอลเหงื่อไหลท่วมกาย ใบหน้าขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ ริมฝีปากคล้ำม่วงไปหมด มือเท้าเกร็งแข็ง ตัวเย็นจัดและสั่นไหว น้ำตาไหลเป็นทาง สีหน้าดูทรมาน แถมยังส่งเสียงร้องดังระงมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องอย่างเจ็บปวด

“พอล พอล ไหวไหม ผมจะทำยังไงดี โว้ย! กูทำเหี้ยอะไรไม่ได้เลยรึไง ไอ้แลมป์! ไอ้โง่เอ้ย! พอล!” แลมป์ที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองดูความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากอีกคน ในใจขมขื่นเจ็บจนหน้าชา คับแค้นใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่โทษตัวเอง มือที่คอยซับเหงื่อดูแล ขาที่วิ่งพล่านหายาที่พอจะช่วยได้ หน้าตาอิดโรยวิ่งเวนจนแทบจะล้ม ไหนจะบาดแผลที่ได้รับมาก่อนหน้าก็เริ่มกำเริบ แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดเขาที่คอยดูแลคนบนเตียงได้เลย เขายังคงทำหน้าที่นั้นต่อไป ภายในใจภาวนาให้หาย แล้วบอกกับตัวเองให้ทนความเจ็บปวดเสมอ เพราะคนที่เจ็บกว่านอนอยู่ตรงหน้า จะต้องดูแล จะต้องดูแล...

“อึก! ฮือ ไม ไห ว ทะ ทน ต่ ไป ฮ๊ากกกกกกกก!!!!” เสียงพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์  ไม่นานปากอ้าออกกว้างกรีดร้องออกมาเวียงดังลั่น ร่างกายกระตุกเกร็งจนตัวเด้งขึ้นจากที่นอน ดวงตาที่หลับเบิกกว้างขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีเหลืองเต็มดวงที่มีจุดสีดำเล็กเป็นนัยน์ตา จากนั้นก็หลับลงพร้อมกับร่างกายที่ล้มนอนกับที่นอนเหมือนเดิม เสียงร้องเงียบไปแล้ว แต่ร่างกายยังคงกระตุกเกร็ง แลมป์ที่ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่รวบร่างที่อ่อนแอนั้นขึ้นมากอดแนบอก หมอพอลยังคงดิ้นพล่านบิดเร้ากายอย่างทรมาน ตัวสั่นงันงก อุณหภูมิร่างกายที่เคยเย็นซีดกลับกลายเป็นร้อนรุ่มดังสัตว์เลือดอุ่น ไม่นานหูที่เคยเหมือนมนุษย์ก็ค่อยๆงอกแหลม หลังที่ถูกโอบกอดก็มีเสียงกระดูกที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนรูปร่างไม่นานกระดูกนั้นก็ปูดโปนแทงทะลุผิวหนังขึ้นมาสองชิ้น แลมป์ได้แต่กระชับอ้อมกอดเปื้อนเลือดนั้นแน่นขึ้นด้วยใจที่เจ็บปวด ไม่นานเสียงกรีดร้องสุดท้ายดังระงมอย่างทรมาน ร่างกายของหมอพอลกระตุกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแน่นิ่งไป จนคนที่กอดอยู่ใจไม่ดี

“พอล! ผมขอโทษที่ช่วยคุณไม่ได้! ผมมันแย่เองพอล...ตื่นขึ้นมาต่อว่าผมสิ ...อย่าเป็นแบบนี้ ...ให้ผมเจ็บแทนคุณสิ ฮือ…ตื่นขึ้นมาฟังคำว่า รัก จากผมก่อนได้ไหม...” น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอย่างไม่อาย อ้อมแขนสั่นไหวนั้นยกเจ้าของหัวใจขึ้นมากอดแนบอก ภายในใจร้องขอความเจ็บปวดนั้นไว้เอง ความข่มขื่นที่เห็นคนที่รักเจ็บปวดมันเจ็บมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
แม้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันก่อขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่เขาก็แน่ใจว่าคนตรงหน้านี้คือคนสุดท้ายที่เขาเลือกจะใช้ชีวิตด้วย ยิ่งกว่าคนพิเศษใดๆ สำคัญมากกว่าสิ่งไหนในโลกนี้ คนๆเดียวเท่านั้นที่กอบกุมหัวใจเขาตั้งแต่เจอกัน ความตื่นเต้นและแปลกไปของใจตั้งแต่แรกเริ่มที่เขาไม่เคยได้คำตอบ บัดนี้เขาได้คำตอบแล้ว ...เพียงแค่หวังว่ามันคงจะไม่สายไปที่จะสารภาพ



ขณะเดียวกัน

รีสที่นอนกอดเฟิร์สในสภาพเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแผดร้องของโทรศัพท์ ต่างจากอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทเพราะความเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมหนักหน่วงที่เพิ่งจบลงไปไม่นาน เขาขยับร่างของคนตัวเล็กกว่าออกห่างเบาๆแล้วลุกขึ้นจากเตียงนอนมารับโทรศัพท์ ในใจภาวนาว่าอย่าเป็นเรื่องที่หมอพอลอาการทรุดหนักเลย แต่เมื่อเห็นเบอร์กับต้องแปลกใจ เบอร์ไม่รู้จักโทรเข้า ไม่น่าจะใช่ของแลมป์ที่เขาแลกเบอร์กันไว้ สายตาของรีสเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลา ตี3 ดึกขนาดนี้ใครกันที่โทรหาเขา แถมสายตัดไปแล้วยังโทรมาอีกสายแล้วสายเล่า รีสจึงเลิกสงสัยแล้วกดรับโทรศัพท์ทันที

“สวัสดีครับ”

“นั่นเบอร์คุณไมค์รึเปล่าฮะ นี่ผมติวเตอร์นะ เพื่อนรีส ที่คุณบอกว่ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรให้โทรมาเบอร์นี้ จำได้ไหมฮะ”

รีสคิดหนักทันที เมื่อได้ยินเสียงและชื่อที่คุ้นเคย ใจอยากจะตะโกนบอกว่าตนคือรีสเพื่อนรักคนเดิม แต่ก็ต้องเก็บเงียบ แล้วฟังเรื่องต่ออย่างร้อนใจ เพราะคนอย่างติวเตอร์ถ้าไม่เดือดร้อนหมดหนทางหรือทนไม่ไหวจริงๆคงไม่ขอความช่วยเหลือใครง่ายๆ

“ครับ ผมจำได้ มีอะไรรึเปล่าครับถึงโทรมาดึกขนาดนี้ หรือคุณกำลังเดือนร้อน”

“ขอโทษด้วยนะฮะที่ต้องโทรมารบกวนคุณไมค์ตอนนี้ ใช่ฮะ ผมกำลังเดือดร้อน ผมมีเรื่องให้คุณไมค์ช่วย คือ ตอนนี้คุณไมค์ช่วยออกมารับผมที่...ได้ไหมครับ ผมไม่มีที่ไปจริงๆ”

“ครับ ...รออยู่ตรงนั้นนะครับ ผมกำลังออกไป” รีสหยุดมองใบหน้าของเฟิร์สสักพัก แต่ก็ตอบตกลงและรีบออกไปทันที ได้แต่ภาวนาว่าเฟิร์สคงจะไม่โกรธถ้าจะมีสามาชิกมาอยู่ที่นี่เพิ่มอีกสักคน


...
ครึ่งหลังมี nc เบาๆนะจ้ะ

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
ต่อจ้าาาาา


รุ่งเช้า แลมป์ที่เผลอหลับไปอย่างเหนื่อยล้า ทันทีที่สะดุ้งตื่นก็เด้งตัวขึ้นจากหมอน มองไปด้านข้างเพื่อหาบางคน แต่กับต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นก้อนผ้าห่มสีขาวอยู่ข้างๆแทน ย้ำว่าก้อน เพราะลักษณะของมันไม่ใช่รูปร่างคน กลมเรียวเหมือนลูกลักบี้ยักษ์มาวางอยู่ข้างๆแทน ด้วยความสงสัยแลมป์เลยใช้มือเอื้อมเข้าไปใกล้หมายจะหยิบดึงผ้าห่มที่ห่อสิ่งนั้นไว้ แต่ก็ต้องสะดุ้งเด้งตัวออกจากที่นอนจนตกเตียง เพียงเพราะสิ่งนั้นขยับไหว

“เห้ย! เอ่อ พอล...นี่คุณรึเปล่า?” แลมป์เอ่ยขึ้นขณะที่จ้องสิ่งนั้นตาเขม็ง ขยับกายลุกขึ้นจากพื้น มองซ้ายขวาหาอีกคนไม่เจอก็ต้องเป็นสิ่งนี้แน่ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ แล้วตัดสินใจดึงผ้าห่มที่คลุมอยู่ออกอย่างรวดเร็ว จากที่จะยิ้มออกเพราะหมอพอลหายแล้ว แลมป์กลับต้องขยับกายวิ่งไปหยิบปืนพกที่เก็บไว้ไม่ห่างมาจ่อสิ่งนั้นไว้ แล้วตะโกนเรียกหาหมอพอลด้วยความเป็นห่วง เพราะสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของหมอพอลมีเพียงเศษเสื้อผ้าที่ถูกฉีกออกกระจัดกระจาย

“พอล พอล! คุณอยู่ที่ไหน! แล้วไอ้นี้มันตัวอะไรวะ”
จะไม่ให้เขาสติแตกพูดมากจนเอาปืนมาจ่อเตรียมยิงได้ยังไง ก็ตื่นขึ้นมาก็เห็นอะไรบ้าๆแบบนี้แล้ว สิ่งๆนี้มันแปลกประหลาด แปลกว่าน้องเขยของเขาอีกอย่างน้อยมันก็รูปร่างคน ถึงจะยังไม่เห็นข้างในก็เถอะนะ ก็บางอย่างที่รูปร่างคล้ายปีกค้างคาวขนาดใหญ่ห่อหุ้มปิดคลุมสิ่งที่อยู่ด้านในมิดชิด

“พอล! คุณอยู่ไหน พอล! พอล... อึก!” ยิ่งเรียกชื่อหมอพอลดังขึ้น แลมป์กับต้องสะอึกและเงียบลงอย่างตกใจ เมื่อทุกครั้งที่เอ่ยเรียกชื่อของอีกคน สิ่งๆนี้กับตอบรับ ราวกับเป็นชื่อของตน ปีกขนาดใหญ่นั้นขยับไหว ยิ่งเรียกยิ่งขยับและกระตุก ไม่นานสิ่งๆนั้นก็ขยับเคลื่อนไหวให้แลมป์ต้องตาโต ก้อนกลมๆนั่นขยับลุกจากที่นอนอยู่เหมือนให้คนภายในได้ลุกขึ้นนั่ง แลมป์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตาโต แต่ก็ยังมีสติถือปืนเตรียมลั่นไก

ปีกค้างคาวสีเดียวกับผิวหนังมนุษย์ขยับไหว ค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน ดังดักแด้ที่กลายเป็นผีเสื้อแสนสวยงาม เช่นเดียวกับคนๆนี้ที่ทำเอาแลมป์ที่ยืนมองมาตาโตตกใจอย่างที่ไม่เคยมีใครได้เห็น

“คุณจะยิงผมหรอ แลมป์...” เปือกตาบางขยับเปิดให้ขนแพรหนาหนุ่มพลิ้วไหวช้าๆให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดังแก้วใสที่มีอัญมณีเม็ดงามสีนิลอยู่ตรงกลางกำลังจ้องมองตรงไปข้างหน้า ริมฝีปากบางขยับเอ่ยเสียงนุ่มคุ้นหูพรางยิ้มบางๆอย่างอบอุ่น ปีกใหญ่ขยับช้าพลิ้วสวยขับให้เจ้าตัวดูเด่น ไหนจะหูแหลมๆและเขี้ยวเล็กที่งอกยาวขึ้นมารวมถึงท่านั่งที่แม้จะใช้แขนปิดบังส่วนลับเอาไว้ แต่มันยิ่งดูเหมือนปีศาจเซ็กซี่จอมยั่วยวนคนมองให้ไปไม่เป็น

“ปะ เปล่า เปล่า พะ พอล คุณ คุณเปลี่ยนไปนะ” แลมป์ที่ทำอะไรไม่ได้อีกตามเคย นอกจากสายตาซุกซนที่กำลังมองสำรวจตามร่างกายที่เขาคิดว่ามันกำลังเปลี่ยนไป แต่ยังไงดีล่ะ มันไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี แถมยังดู มีเสน่ห์.. ดึงดูด.. แถมยังหลงไหล.. น่าสัมผัสไปหมดทุกส่วน”

“เปลี่ยนหรอ.. แล้วนายชอบรึเปล่า...” เสียงใสแผ่วลงสีหน้าดูกังวลนิดๆ แต่เมื่อเหลือบขึ้นมองคนที่เอาแต่จ้องสำรวจไม่วางตาก็ยิ้มออก ผิวกายเปลือยเปล่าขาวเนียนแลดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัสทุกสัดส่วน ขยับเยื้องกายนวยนาดเข้าหาคนที่ยืนอยู่ในท่าคลานเข่า ตาหวานหยาดเยิ้มสบมองไม่วางตา ริมฝีปากบางถูกเผยอเล็กน้อยให้ลิ้นเล็กออกมาแลบเลียอย่างยั่วเย้า มือบางลากไล้อย่างเชื่องช้าไปบนผืนผ้าปูสีขาวแล้วกดลงเพื่อเปลี่ยนข้าง ปีกใหญ่ขยับไหวเล็กน้อยเพื่อช่วยทรงตัว ถัดไปนิดก็เป็นสะโพกเนียนที่กำลังส่ายไปมาโชว์ก้มงอนสวยน่าสัมผัส กับหางยาวมีปลายแหลมตะหวัดไปมา ทำเอาคนที่มองถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“พ พอล ค คุณจะทำอะไร” เสียงใหญ่เอ่ยตะกุกตะกักทำตัวไม่ถูก เมื่อปีศาจเซ็กซี่ตรงหน้าเยื้องกายเข้ามาใกล้ ไหนจะท่าทางที่ยั่วยวน สีหน้าที่ชวนให้ให้คิดลึก พาเอาใจที่ตื่นตะหนกตื่นกลัวแปรเปลี่ยนเป็นเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น แล้วไหนจะมือขาวเนียนที่กำลังยื่นตรงมาหาหมายที่จะแตะตัวเขา แลมป์ได้แต่คิดเพ้อๆไปว่า ถ้าเขาเอื้อมมือออกไปจับบ้าง สิ่งตรงหน้าจะหายไปไหม เพราะคนอย่างหมอพอลตัวจริงไม่มีทางที่จะมายั่วยวนเขาแบบนี้แน่

หมับ!

“เห้ย! ทำอะไรน่ะ” แลมป์สะดุ้งโหยง ถอยหลังหนีห่างออกมาอย่างตกใจ ไม่ใช่เพราะกลัวหรืออะไรหรอก แต่ถ้าโดนของอันตรายนี้เข้า คนที่จะเดือดร้อนก็คือคนที่จับมันนั่นแหละ ให้ตาย อยู่ดีๆมือบางนั่นก็คว้าหมับเข้าที่กลางเป้าเลย จะไม่อะไรหรอกนะ ถ้ามันไม่กำลังตื่นตัวอยู่น่ะสิ เล่นยั่วกันขนาดนั้นไม่ขึ้นก็บ้าแล้ว

“คิกคิก ไม่เห็นจะต้องตกใจขนาดนั้นเลย ผมแค่อยากจะช่วยคุณเท่านั้นเอง ดูสิ.. ผมว่ามันอยากออกมาข้างนอกนะ อยู่ในนั้นท่าทางจะอึดอัดแย่” ปีศาจแสนยั่วก็ยังคงทำหน้าที่อย่างดี พูดไปขำไปอย่างน่ารัก แต่ดันแอบเซ็กซี่และยั่วยวนไปในตัว ปากบางๆที่หยอกเย้าเอ่ยพ่นยาพิษร้ายที่ส่งผลโดยตรงต่อใจคนฟัง แถมยังแลบลิ้นเลียวนขบกัดริมฝีปากบางของตนเบาๆ ดวงตาหวานเยิ้มจ้องมองเรียกสายตาอีกคนไม่ให้มองไปทางไหนได้นอกจากตน มือบางค่อยๆถูกยกขึ้นมาไล้ตามร่างกายเนียนช้าๆปรับเปลี่ยนสายตาคนมองให้มองตามมันไป

“คุณ...ไม่คิดแบบผมหรอ” ยาพิษแสนหวานถูกเอ่ยออกไปอีกครั้ง พร้อมๆกับปีกใหญ่ของตนที่ขยายออกไปโอบดันเอาอีกคนให้ขยับเข้ามาใกล้ดังโดนมนต์สะกดที่ไม่มีทางแก้

“ว้าว... ดูขนาดของมันสิ แถมยังแข็งกับหินแหน่ะ แลมป์คุณมีของดีอยู่กับตัวจริงๆสินะ” มือบางเคลื่อนไปกอบกุมแล้วลูบไล้ผ่านเนื้อผ้าให้ส่วนแข็งแรงที่กำลังโป่งนูนดันเนื้อผ้ากระตุกเล่น นิ้วเรียวค่อยๆลากไล้ตามรูปร่างของมันขึ้นลงจนมันแข็งเป็นหิน จากนั้นก็ขยับรูดซิบพร้อมดึงกางเกงลง จนส่วนแข็งแรงนั้นโผล่พ้นเนื้อผ้าออกมาชี้หน้าไม่ลดละ เผยให้เห็นริมฝีปากที่กำลังยิ้มเหมือนได้เจอของถูกใจ มือเรียวนั้นยังไม่หยุดซุกซนลากนิ้วผ่านมาให้กายอีกคนกระตุกเกร็งด้วยความอยากแกล้ง ยิ่งกระตุกมากเท่าไหร่ปากบางนั่นก็ขำเบาๆตามมันไปทุกครั้งอย่างสนุกสนาน ต่างจากอีกคนที่กำลังกรีดร้องเถียงกับความดีความชั่วของตนในใจ

“ที่จริงผมเป็นสุภาพบุรุษ แต่ในเมื่อคุณยั่วขนาดนี้...เอาสิ ผมว่ามันยังไม่เปียกพอ คุณรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”

“งั้น...ขอทานละนะครับ”
มือบางขยับรูดรั้งเหลือพื้นที่ว่างส่วนบนให้ริมฝีปากบางเข้าครอบครองในเวลาต่อมา ช่องปากเล็กๆกับน้ำลายสีใสช่วยหล่อลื่นจนเปียกชุ่ม ขณะที่ดวงตาพราวเสน่ห์ยังคงจ้องมองกันไม่คาดสายตา ร่างเล็กขยับกายเข้าหามากขึ้น แลบลิ้นออกมาทำหน้าที่ตวัดโดยรอบลากไล้ตั้งแต่ปลายถึงโคนแล้วก็เข้าครอบครองไว้ทั้งปากอีกครั้ง มืออีกข้างตนก็ไม่ยอมให้ว่างหยอกล้อตุ่มไตบนหน้าอกเนียนของตนไปมา หางยาวก็ไม่น้อยหน้าอ้อมมาพันส่วนหน้าของตนที่แข็งขืนแล้วรูดขึ้นลงแผ่วเบา สร้างความวาบหวามมากมายแก่ตนเองและอีกคนที่โดนสัมผัส

“อืม...” มือหนาขยำกุมผมคนตัวเล็กตรงหน้า เงยหน้าครางฮือแผ่วเบาพึงพอใจกับสิ่งที่ได้รับ เอวเริ่มขยับโยกกระแทกเข้าปากเล็กแคบเชื่องช้า เหลือบสายตามองต่ำเห็นคนตัวเล็กเล่นกับร่างกายตัวเองจึงยิ้มออก แลบเลียริมฝีปากกระหายอยากกว่าครั้งอื่นใด เอื้อมมือลูบไล้ปลายปีกสู่หลังขาวเนียน นวดเฝ้นสะโพกบางจนขึ้นรอยมือ อีกข้างก็เอาเข้าปากให้เปียกชุ่มแล้วยื่นมาลูบวนเวียนผ่านช่องทางคับแคบด้านหลังแล้วกดลงไป

“อื้อ! ฮ้า มะ มัน” ร่างบางสะดุ้งเฮือก ปล่อยปากออกจากแท่งร้อนแข็งขืนตรงหน้า ครางฮือเมื่อรับรู้ถึงบางที่เข้ามาภายใน แม้แค่เพียงปลายนิ้วก็ทำให้อึดอัด แต่ร่างกายกับรู้สึกร้อนรุ่มและอยากได้สิ่งที่ใหญ่กว่านี้กระแทกเข้ามา ทำให้ปลายหางที่ทำหน้าที่รัดกายตนด้านหน้าบีบแน่นและรูดรั้งตัวเองแรงขึ้น

“ทำต่อไปสิ” มือใหญ่คว้าจับเอากลุ่มผมโน้มเข้าหาแก่นกายตนแล้วขยับโยกควบคุมจังหวะที่สวนเข้าออกกับสะโพกตน อีกมือก็เพิ่มนิ้วจากหนึ่งเป็นสองและสามตามลำดับขยับเข้าออกที่ช่องทางคับแคบเปียกชุ่มจากน้ำสีใสจนมันเริ่มนุ่มและขยายออกเพียงพอ

“พอก่อน” มือหนาดึงนิ้วทั้งสามออกจนร่างกายของอีกคนกระตุก คว้าจับไหล่ดันร่างเล็กออกห่างอย่างเสียดาย

“อื้อ ไม่นะ!” ร่างบางสะดุ้งเฮือกเอื้อมมือคว้าจับขนมหวานที่ถูกดึงให้หลุดจากปากเอาไว้ ขมวดคิ้วทำสีหน้าแสนเสียดาย ยิ่งส่วนล่างที่ถูกปล่อยให้โล่งก็คลายหางตนมาเล่นกับข้างหลังขยับเข้าออก เพียงเพราะพอใจตรงส่วนนั้นมากกว่า และในใจตอนนี้ก็อยากจะได้บางสิ่งกระแทกเข้ามาโดยไว

“หึ ใจเย็นๆหน่อยที่รัก ผมแค่จะมอบบางสิ่งที่คุณต้องพอใจมากกว่าเดิมให้เท่านั้น นอนลงสิ ช้าๆ...” แลมป์ยิ้มพอใจยิ่งเห็นท่าทางอยากได้ของร่างเล็กตรงหน้าก็ยิ่งหื่นกระหาย ใจจริงอยากจับอีกคนกดลงเตียงและกระแทกซะให้หายอยาก แต่ต้องทำใจเย็นเพราะอยากรู้ว่าอีกคนจะทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม แต่เมื่อเห็นหางปลายแหลมนั่นเปลี่ยนที่จากส่วนหน้าที่คอยรูดรั้งไปแทงเข้าออกด้านหลังนั่นทำให้เขาแอบหึงและกระหายอยากจนทนไม่ได้ มือหนาคว้าจับเอาหางนั้นไว้ในมือไม่ให้มันเข้าไปยุ่มย่ามด้านหลัง รวมถึงรวบมือบางเอาไว้ทั้งสองข้าง ให้ร่างบางต้องรออย่างทรมาน แล้วเอ่ยบอกกล่าวสิ่งที่อยากให้กระทำ ปล่อยมือร่างบางให้นอนหงายราบไปกับที่นอนพร้อมกับปีกด้านหลังที่ขยายเต็ม

ร่างเล็กที่ทำตามคำสั่ง นอนสั่นไหวอย่างกระหายอยาก ดวงตาหวานเยิ้มมีน้ำตาคลอในหน่วยตา ปากบางอ้ากว้างโชว์เขี้ยวเล็กแหลมดูน่ารัก แลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมาจนน้ำสีใสไหลย้อยมุมปาก แก้มแดงปลั่งดังลูกตำตึงสุก มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขขยับเข้ากอบกุมแกนกายตนเองอย่างแรงจนน่ากลัวว่าเล็บยาวแหลมนั่นจะขูดจนเลือดออกและอีกข้างดึงอีกคนเข้าหาอย่างเชิญชวนเต็มที่ คนถูกดึงก็หาได้ปฏิเสธโอนอ่อนทิ้งกายลงค่อมด้านบนหลังจากถอดเสื้อผ้าจนหมดสิ้น

“ข เข้ามาสิ เร็วๆ” ขาเล็กถูกยกขึ้นชิดอกโดยเจ้าตัว มือบางที่มีเล็บแหลมคมลูบไล้วนเวียนอยู่ตรงช่องทางแคบที่ถูกขยายจนนุ่ม ปลายนิ้วเล็กเปิดขยายช่องทางนั้นจนเห็นภายในที่ขมิบตอดอย่างรุนแรง

“อย่ายั่วนักสิ คุณหมอ” แลมป์ขบกามแน่นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในใจก็เอาแต่บอกตัวเองว่าอย่าใจร้อน ไม่งั้นอีกคนเจ็บตัวแน่ แต่ยิ่งเห็นแบบนั้นใครจะทนไหวกัน เล่นยั่วกันขนาดนี้มีหรือจะทนได้ มือหนาคว้าจับเอามือเล็กทั้งคู่ออกไปกดเข่าให้ชิดอกไว้ เพื่อที่ตนจะได้มอบบางสิ่งที่อีกคนต้องการได้ถนัด แกนกายแข็งใหญ่ถูกจับมาจ่อไว้ที่ช่องทางสีสวยแล้วค่อยๆกดใส่มันเข้าไปเชื่องช้า แม้จะถูกขยายแล้วก็ตามแต่ภายในนั้นขมิบตอดรุนแรงและเขาก็ไม่อยากกระแทกฝืนเข้าไป จึงทำการดันเข้าไปให้ลึกเท่าที่ได้แล้วดึงออกมาเล็กน้อยเพื่อตั้งหลักและกระแทกดันเข้าไปใหม่ ยิ่งเขากระทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ร่างเล็กเจ็บปวด ใช่ไม่เจ็บปวด แต่กลับสร้างความวาบหวามให้อีกคนมากมายจนหน้าตาแดงก่ำร่างกายบิดเกร็งสั่นสะท้าน

“อะ อ๊า! ฮ้า...ผม ผมเสร็จซะแล้ว” แรงกระแทกสุดท้ายพร้อมแช่กายไว้ภายในยังไม่ได้ขยับ ร่างทั้งสองก็ขนลุกวาบ เมื่อร่างเล็กเสียวซ่านกระตุกเกร็งปลดปล่อยความต้องการจนเปราะเปื้อนหน้าท้องขาวเนียน หอบหายใจแฮ่กใหญ่ ดวงตายังหวานหยดสบมองอย่างต้องการอีกไม่รู้จบ ภายในช่องทางเล็กก็ขมิบตอดจนอีกคนแทบทนไม่ไหว

“แค่เสียบก็เสร็จแล้ว คุณน่ารักมากเลย แบบนี้ผมต้องให้รางวัลกับคุณจนกว่าคุณจะพอใจแล้วสิ” รอยยิ้มน่าเอ็นดูถูกส่งมอบไปให้ปีศาจน้อยชั่งยั่วที่กระตุกเกร็งตอดรัดแกนกายเขาแน่นจนขยับไม่ได้ มือหนาถูกยื่นไปลูบไล้ใบหน้าพร้อมก้มลงจุมพิษที่หน้าผากแผ่วเบา มืออีกข้างไม่ปล่อยว่างหยอกล้อตามร่างกายปัดผ่านตุ่มไตแล้วตามมาด้วยริมฝีปากหนาร้อนเข้ามาครอบครองแทนที่ ส่วนมือก็นวดเฝ้นตามส่วนอื่นของร่างกายไปเรื่อยๆ ไม่นานร่างกายขาวเนียนก็เต็มไปด้วยรอยกุหลาบแดง กายเล็กก็แข็งขืนอีกครั้ง ช่องทางด้านหลังที่ขมิบแน่นก็คลายลงให้อีกคนขยับเข้าออกสร้างความเสียวซ่านได้

“อะ อื้ม เสียว มากเลย ช้าลงหน่อย อ๊า” จากที่ขยับเข้าออกเชื่องช้าถะนุถนอม ไม่นานร่างบนก็ขยับกระแทกรุนแรงตามอารมณ์จนสั่นไหวไปทั้งเตียง ริมฝีปากบางก็บวมเจ่อจากการถูกถูกจูบ ร่างกายก็ถูกนวดเฝ้นแรงขึ้น แต่กลับแปลกเขากลับยิ่งรู้สึกรุนแรงขึ้นตามไป จนร่างบางต้องเอ่ยปากให้ผ่อนแรงลงเพราะทนความหวาบหวามนั่นไม่ไหว

“ว่าไงนะ เร็วขึ้นงั้นหรอ” รอยยิ้มร้ายถูกประดับขึ้นมุมปาก เสือร้ายเมื่อได้กินเนื้อแล้วมีหรือจะยอมปล่อยให้หลุดมือไป เขาก้มลงจูบปิดปากดูดดึงให้อีกคนทำอย่างอื่นไม่ได้นอกเสียจากร้องคราง ขณะที่ตัวเองกระแทกตามแรงอารมณ์ อาจจะเป็นเพราะแบบนี้เขาถึงต้องห้ามรีบร้อน เขานั้นทั้งอึดทั้งนานแถมยังรุนแรงจนผู้หญิงหลายคนรับไม่ไหว จึงกลัวคนสำคัญคนนี้จะเจ็บไปด้วย แต่กลับแปลกยิ่งรุนแรงยิ่งตอดรัดมากขึ้นจนเขาได้ใจกระแทกรุนแรงปลดปล่อยตัวตนออกมาเต็มที่

“ม่าย.. ไม่นะ อะ อื้อ อื้มมม เสียวจัง อา...ผมจะ เสร็จอีกแล้ว...อื้อ” ร่างบางที่สั่นไหว ร้องครางเสียงแหบแห้งมือทั้งสองถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างตัวอย่างหมดแรง

“พร้อมกันนะ เรียกชื่อผมสิ พอล ผมรักคุณ อืม...” ร่างหนาเอ่ยขอร้องเอาแต่ใจ กระแทกเข้าออกรุนแรงหนักเมื่ออารมณ์ใกล้จะถึงขีดสุด เอ่ยปากบอกรักครั้งแรกขณะทำเรื่องน่าอายไม่ทันคิดว่าไม่สมควรเท่าไหร่ แต่กลับแปลกที่อีกคนพอได้ยินก็ตอดรุนแรง แถมยังมีเรี่ยวแรงยกมือขึ้นมากอบกุมแกนกายของตนรูดรั้งอย่างบ้าคลั่ง แถมยังเอ่ยคำบางคำออกมาพร้อมโน้มมาจูบปิดปาก และปลดปล่อยไปพร้อมๆกัน

“แลมป์ แลมป์ อ ผม ผมก็รักคุณ อะ อ๊า!!!...อือ..อือ..” ร่างบางหอบแฮ่กอย่างเหนื่อยอ่อน ทิ้งกายแผ่หลาบนที่นอน หน้าท้องเปรอะเปื้อนน้ำกามสีขาวขุ่นของตนจนเปียกชุ่ม ช่องทางด้านหลังก็ขมิบไม่หยุดอีกทั้งร่างกายยังกระตุกเรื่อยๆเมื่อน้ำรักจากอีกคนไหลล้นออกมาปะปนกับเลือดสีแดงเล็กน้อยที่แม้จะเตรียมตัวมาดีก็ยังมีปนออกมา เพราะมันเป็นครั้งแรก

“หายเหนื่อยรึยังครับ พร้อมจะต่อกันเลยไหมคุณหมอที่รัก”

“แฮ่ก แค่นี้เรียกเหนื่อยหรอ ถึงผมจะอายุมากกว่าคุณแต่ก็ยังไม่แก่นะ คุณเถอะ ไหวรึเปล่า...”

“ไหวไม่ไหวก็ดูสิครับ น้องชายของผมลุกขึ้นตั้งพร้อมทำงานแล้วนะ”

“งั้นก็เข้ามาสิ...”
จากนั้นเสียงกระทบกันของเนื้อดังลั่นอย่างน่าอาย ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ นานแค่ไหน ท่วงท่ามากมายเช่นไร เรารู้แต่ว่าปีศาจช่างยั่วตนนี้แม้จะเหนื่อยจนแทบไม่มีแรง แต่ก็ยังมีดีที่ ปาก ที่ใช้ทำงานได้ทุกอย่างตั้งแต่ พูดยั่วยวน ไปจนถึงครอบครองสิ่งใหญ่โตไว้ภายใน แล้วมันก็ทำได้ดีไม่แพ้ส่วนใดของร่างกายเลยด้วยสิ

...

รุ่งเช้ามาเยือนทั้งสองอีกครั้ง อาจจะเรียกว่าเช้าของอีกวันไปเลยก็ว่าได้ ร่างบางหลับลงหลังจากเสร็จกิจเช้าวันนั้นแล้วหลับใหลไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ เดือดร้อนคนกระทำที่วิ่งพล่านคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุเป็นต้องให้พยาบาลมาดูให้อับอายกันไปเมื่อเธอต้องตรวจดูทุกสิ่งและรู้ความจริงเข้า แต่ก็โล่งใจเมื่อคนๆนี้ไม่เป็นอะไร ถึงขั้นหายดีเลยก็ว่าได้ แม้ว่าร่างกายภายนอกจะแปรเปลี่ยนไปบ้างก็ตาม เอ้อ รวมถึงอุณหภูมิร่างกายด้วยที่ร้อนรุ่มเหมือนคนเป็นไข้ให้แลมป์ตกใจก่อนหน้า มันกลายเป็นอุณหภูมิปกติของร่างกายหมอพอลไปเสียแล้ว

ร่างบางลืมตาตื่นขึ้น ก็พบกับความเมื่อยขบของร่างกายตน ลุกขึ้นนั่งอย่างอยากลำบากบิดซ้ายขวาพร้อมเอามือปิดปากหาวหวอด แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างกายที่เปลี่ยนไปของตนหยิบยกหันซ้ายขวาดูร่างกายที่เปลี่ยนไปตาโต พร้อมกับเถียงตัวเองในความคิดไปมา

‘เล็บก็งอกแหลม น่ากลัว.. ไหนจะปีกค้างคาวใหญ่โตที่อยู่ด้านหลัง อะไรเนี่ย.. แล้วนี่อะไรมาโดนหน้าเขา หาง! มาได้ไง.. หูทำไมมันแหลมแบบนี้ ไม่นะ.. แล้วทำไมปากเจ็บๆ เขี้ยวแหลมมาได้ไง ไม่ใช่สิ ทำไมปากเจ่อ แล้วตัวเราเป็นอะไร โรคหรอ.. หรือผลข้างเคียงของยา.. ทำไมถึงมีรอยแดงเต็มตัวไปหมด ไหนจะรอยกัด เริ่มแปลกๆแล้วนะ ที่หัวนมก็มี! เห้ย! ผลข้างเคียงไม่น่าจะขนาดนี้นะ แล้วข้างล่างล่ะ’

“โอ้ย! ทำไมเจ็บ...ที่ ก้น...” เสียงแหบ... โห่ เราเป็นอะไร แล้วทำไมด้านหลังมันเจ็บระบมแบบนี้...

“พอล! ตื่นแล้วหรอ ผมกังวลแทบแย่ว่าคุณจะฟื้นตอนไหน แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง พยาบาลของคุณเธอบอกผมว่าคุณให้บันทึกความรู้สึกแรกของคุณด้วยอย่าลืมซะล่ะ แล้วคุณหิวไหม คุณต้องการอะ” แลมป์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาอีกคน นั่งลงบนที่นอนจะคว้าอีกคนมากอด แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอีกคนผวา เพราะเขาดันถือทัพพีร้อนที่อุ่นข้าวต้มควันยังขึ้นฉุยอยู่เลยเข้ามาด้วย จึงวางมันลงแล้วเข้าไปโน้มอีกคนมากอดทีนึงแล้วปล่อยออกมาเผชิญหน้ากัน ถามใส่เป็นชุดอย่างลืมตัวว่าตัวเองเป็นคนพูดน้อย ว่าแต่ทำไม พอลของเขาถึงหน้าซีดเผือดเหมือนช็อกอะไรบางอย่างแบบสุดๆกัน

“เดี๋ยว! แลมป์ คุณพูดมากจังนะวันนี้ แล้วทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ นั่นผ้ากันเปื้อนใช่ไหมไม่เข้ากับนายเลยนะ นั่นชั่งมัน ผมสับสนไปหมดแล้ว ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้..ยาใช่ไหม คงใช่ แต่ทำไมถึงมีรอยพวกนี้ และผมยังเจ็บ เอ่อ เจ็บ...” หมอพอลพ่นคำถามออกมาเป็นชุดเหมือนกัน สีหน้าสับสนอย่างแรง แถมยังซีดเผือดเหมือนคนช็อกสุดขีด แต่ก็ยังจะแดงก่ำเขินกับคำถามสุดท้ายของตัวเองอีก

“คุณจำไม่ได้หรอ” แต่ต่างจากอีกคน ที่บัดนี้ชะงักค้างกลางอากาศ ถ้อยคำมากมายถูกลืนกลับลงคอ

“จำ จำเรื่องอะไร ผมจำไม่เห็น ดะ ได้…เลย...มะ ไม่จริงใช่ไหม” สีหน้างุนงงแสดงออกชัดเจน พยายามนึกย้อนแต่ก็ยังตั้งคำถามมากมายในใจตน แต่ไม่นานจนพูดจบประโยค ภาพและเสียงต่างๆของเช้าวันก่อนที่เขาคิดเพียงว่ามันคือฝันชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำยิ่งกว่าภาพ HD ทำเอาหน้าหวานแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกอีกทำได้เพียงพะงาบๆค้าง มองหน้าอีกคนสลับกับร่างกายตัวเองไปมา

“จริงแน่นอนครับคุณหมอทีรักของผม” รอยยิ้มมุมปากถูกประดับขึ้น เมื่อรู้ว่าอีกคนจำได้ แถมยังเอ่ยตอกย้ำให้อีกคนปฏิเสธไม่ได้อีกครั้ง ยิ่งมองยิ่งสนุกเพราะกิริยาท่าทางสองสามวันนี้เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน ตั้งแต่ปีศาจชั่งยั่ว จนถึงแมวน้อยแสนขี้อายที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายเตรียมจะโวยวาย

“แลมป์ นายบ้าไปแล้ว ไอ้คนเสียสติ แล้วนายมาทำกับผมทำไม แล้วไม่ต้องมาเรียกที่รักนะ ผมยังไม่เคยสารภาพกับคุณ...เอ่อ ไม่ ไม่ ไม่เคยสารภาพ” เสียงโวยวายดังที่แลมป์คาดการณ์ดังขึ้นในเวลาต่อมา ผ้าห่มสีขาวถูกดึงขึ้นมาปกปิดร่างกาย พูดรวนสับสนกับความคิดตนเอง แถมยังขยับถอยห่างแม้จะยากลำบากจากการเจ็บสะเทือนถึงช่องทางด้านหลัง แต่ก็ถอยหนี แถมยังยกมือชี้หน้ากันท่าไม่ให้เข้าใกล้ ปีกกว้างขยายห่อหุ้มกันด้านข้างไว้ เขี้ยวเล็กขู่ฟ่อให้กลัว ดวงตาน้ำตาลสบมองอย่างไม่ไว้ใจ

จุ๊บ!!

“เฮือก ทะ ทำอะไร” ร่างบางหดมือกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อคนที่คิดว่าขู่ไปแบบั้นแล้วจะกลัว ก้มลงจุมที่หลังมือของเขา แถมยังยิ้มชั่วร้ายสุดๆมองเขาอย่างไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

“ใจเย็นๆครับที่รัก ผมไม่เร่งรัดคุณหรอก ถึงแม้ตอนนี้เราจะมาถึงขั้นที่เห็นข้างในกันหมดแล้วก็เถอะ” แลมป์ที่ทนมองแมวน้อยขู่ฟ่ออย่างน่ารักไม่ไหว เลยจุ๊บเข้าให้ แต่นั่นกลับตื่นกลัวไปใหญ่ เขาเลยต้องถอยห่าง แม้ว่าจะอยากเข้าไปขย้ำมากมายก็ตาม สงสัยเมื่อวันนั้นจะเป็นข้างเคียงจากยา แม้จะดีต่อใจแต่อย่ามีอีกเลยก่อนหน้านั้นแทบหยุดหายใจตามไปด้วย ว่าแล้วก็เอ่ยทิ้งท้ายด้วยประโยคกำกวมแล้ววิ่งหนีออกไปทำอาหารต่อ ได้ยินเสียงโวยวายจากคนแก่?แต่เด็ด?บนเตียงดังตามมาอีกพักใหญ่

...

เต็มแล้ววววว 100%
หมอพอลกลายเป็นปีศาจค้างคาวชั่งยั่วไปซะละ 555 นี่ผลข้างเคียงยา น่าจะเป็นหลายๆวันให้แลมป์ได้อิ่มเอิบไปเลยเนอะ
ขอบคุณทุกแรงสนับสนุน และติดตามรับชม ให้กำลังใจกันเสมอนะคะ

****อย่าลืมเม้นตอนที่อยากเห็น ของขวัญปีใหม่น้า ในนี้ก็ได้ ในเพจก็ดี อิอิ****

:mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
ขอบคุณน้าาา  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Me die 40 : ความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อม

[เฟิร์ส]
“ชิ น่าโมโหจริง แล้วนี่ยังไม่ตามมาง้ออีกสินะ ไอ้บ้า” งอน น่าจะเป็นคำจำกัดความเดียวสำหรับตอนนี้มากที่สุด หรือไม่ก็คำว่า ไม่พอใจ มาก ล่ะนะถึงจะสื่อถึงอารมณ์ของผมที่นั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ในห้องนอนคนเดียว แถมตัวต้นเหตุที่สร้างเรื่องก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาง้อเขาด้วย ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ว่าพอตื่นเช้าขึ้นมาเตียงก็ว่างเปล่า ในห้องก็ไม่มี สิ่งที่เรียกว่าคนรักก็หายหัว ทั้งๆที่เพิ่งจะคืนดีกันเมื่อคืน อุตส่าห์หายเคืองที่ไปทำเรื่องเสี่ยงตายกันมายกทีมไปแล้ว เช้านี้ก็ยังทำอีก แถมกว่าจะกลับมาก็เล่นไปครึ่งค่อนวัน ดีที่สั่งอาหารขึ้นมาให้ เลยพอจะทำลืมๆคงคิดว่ามีธุระจริงๆ แต่ไอ้โรคไปไหนไม่บอกกล่าวเขาคงจะต้องตักเตือนกันบ้างเมื่อกลับมา
แต่พอกลับมาถึงห้องเล่นเอาพูดไม่ออก เพราะดันพาใครไม่รู้มาด้วยแล้วบอกว่าจะอยู่ด้วยสักพัก ผมก็อึ้งสิครับ ก็หมอนั่นใครก็ไม่รู้ไม่เคยพูดถึงเลย แต่เอาจริงๆผมก็ไม่เคยรู้เรื่องราวของเขามากกว่าการกลายร่างเป็นปีศาจแบบนี้ แล้วชีวิตก่อนหน้านี้ล่ะ เพื่อนเขา ครอบครัว ผมไม่รู้เลย ยิ่งคิดยิ่งน่าน้อยใจตัวเอง แต่นั่นชั่งมันก่อน เรื่องตรงนี้สิมีปัญหา พวกคุณเข้าใจไหมว่าห้องนี่เป็นห้องส่วนตัวของเราสองคน เราสองคนนะ จะมีเข้ามาบ้างก็แค่พี่หมอ แต่นั่นหมอไงไม่ใช่คนอื่น ผมก็เลยไม่พอใจ พอโวยวายก็หาว่าไม่มีเหตุผลไม่มีน้ำใจ จนกลายเป็นทะเลาะใหญ่โต หมอนั่นถึงจะหน้าตายไม่แสดงท่าทางแต่ผมก็เดาออกว่ารู้สึกยังไง แถมยังถอนใจ ผมมันน่าเบื่อซะเต็มประดาเลยสินะ ว่าแล้วก็หงุดหงิดโว้ยยยย
และเพื่อหนีปัญหาที่จะเกิดอีกผมก็เลยพาตัวเองเข้ามาขังในห้อง ไม่ใช่เพราะกลัวหรืออะไรหรอก กลัวคนนอกนั่นตกใจมากกว่า เห็นไอเย็นๆมันฟุ้งตานี่ก็แดงก่ำอย่างโมโห อะไร มาโมโหผมทำไม เลยกะจะเข้ามาเคลียร์กันข้างใน ไม่ได้กลัวโดนทำร้ายเพราะหมอนั่นสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ทำร้าย แต่ก็นะของแบบนี้เอาแต่ใจกันหน่อยไม่ได้เลยรึไง ไอ้เราก็หวังว่าอีกคนจะตามมา แต่จนแล้วจนรอดไอ้บ้านั่นก็ไม่ตามเข้ามาสักที เด็กนั่นเป็นใครเนี่ย ทำไมถึงได้สำคัญกับรีสมากขนาดนี้ เดี๋ยวนะ! ตอนเข้ามาเด็กนั่นบอกว่า ไม่มีที่ไปเลยมาขอความช่วยเหลือจากคุณไมค์ คุณไมค์!
ปึง!
เห้ย! เสียงประตูนี่ และไม่ใช่ประตูห้องเรา เดี๋ยวก่อนถ้าเป็นชื่อนั้นก็คงไม่สนิทเท่าไหร่ มั้ง.. แล้วเดี๋ยวถ้าพากันไปอยู่ที่อื่นทำอะไรบ้างเราก็ไม่รู้สิ ไอ้โง่เฟิร์ส ไปตามมันมาเลย วิ่ง!
“เดี๋ยว! นั่นนายสองคนกำลังจะไปไหน” ผมวิ่งสุดแรงเกิดหมุนบิดประตูออกไปชะโงกถาม หัวใจเต้นแรงมากเพราะเหนื่อย แต่ไม่เท่าไหร่หรอก เรื่องนี้มันสำคัญกว่า เราจะปล่อยให้คนของเราไปอยู่นอกลู่นอกทางไม่ได้ ว่าแต่ทำไม ความคิดผมเปลี่ยนไปขนาดนี้ นี่ผมเป็นสาวแล้วหรอ? คิดบ้าอะไรเนี่ย
“ก็คุณไม่เต็มใจให้เพื่อนผมอยู่ด้วย ผมเลยจะพาเขาไปอยู่ที่อื่น” โอโห สรรพนามเปลี่ยน ผมต้องเล่นด้วยใช่ไหม ท่องไว้ ไอ้บ้านี่ชื่อไมค์ แล้วเดี๋ยวทำไมมันต้องจับมือถือแขนขนาดนั้น นี่เรียกว่าหึงจนควันออกหูรึเปล่า ระบบความคิดของผมถึงเพี้ยนแบบนี้ แล้วทำไมต้องออกมายืนบัง ผมแค่จ้องไอ้เด็กนั่นมากไปหน่อยเท่านั้นเอง นี่ บ้ารีสเห็นผมเป็นยักษ์มารรึไง ตัวเองน่ากลัวกว่าตั้งเยอะ งอนหนักมากกก แต่ใจเย็น ต้องเอาศัตรูมาไว้ใกล้ตัวเองให้มากที่สุดก่อน
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย จะอยู่ก็อยู่ แต่..ต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังพร้อมรีส เข้าใจไหม!” ผมพูดเย้ยๆไปทางเด็กนั่น เข้าใจไหมๆ เด็กน้อย แม้จะหน้าสวยหวานขนาดไหน แต่ฉันนี่ตัวจริง สงสัยผมเพี้ยนแน่นอน ว่าแต่พูดอะไรผิดไป รีสมันถึงได้ทำหน้าเหมือนว่าตกใจอะไรบางอย่างจนปล่อยมือเล็กๆนั่นออกห่างตัว โอ๊ะ! ตายห่า โดนหนักแน่กูคราวนี้ แล้วผมก็ส่งสายตาไปหารีสประมาณว่า รีสฉันขอโทษ แม้ว่าสายตาที่ได้รับกลับมาทำเอาผมกลืนน้ำลายฝืดๆไม่ลงกันพอดี ฮือ...
“คุณไม่ใช่ญาติ...แล้วก็ไม่ได้ชื่อไมค์...หรอครับ ค คุณ คือ...รีส งั้นหรอ” แล้วเด็กหน้าหวานนั่นก็พูดออกมาช้าๆ คงช็อกแหละ หว๋า...มันจ้องใหญ่เลย ผมดูออกนะ สายตานั่น ทั้งผิดหวัง ทั้งเสียใจ ทั้งดีใจ แถมยัง รัก ด้วยงั้นหรอ สองคนนี้ยังไงกันแน่
“เอาเป็นว่าเข้าห้องกันก่อน ผมจะอธิบายให้ฟังทั้งสองคน” ใจเย็นๆ รู้ว่าผิด ไม่ต้องทำตาดุขนาดนั้นนนนน
[เฟิร์ส จบ]


“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ เตอร์รีสขอโทษนะครับ” รีสเล่าเรื่องเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเขาให้ติวเตอร์ฟัง ทั้งเรื่องที่ตายแล้วกลายเป็นแบบนี้แล้วไม่กล้าบอก เรื่องที่คอยสังเกตแอบตามช่วย แล้วก็ขอโทษที่พึ่งมารู้ข่าวเลยช่วยไม่ทัน ติวเตอร์กระโดดกอดคอรีสดีใจยกใหญ่ที่เพื่อนรักเขากลับมา รีสก็เล่าต่อไปเรื่อยๆบอกว่าตัวเองโดนจับไปทดลองตอนนี้กำลังล่าดร.นั่นอยู่ แล้วก็รำลึกความหลังกันอีกพักใหญ่ แต่ไม่พูดถึงเรื่องของเฟิร์สทำเอาเจ้าตัวเริ่มทำหน้าตูม ปึงบังเดินหนีเข้าห้องไปอีก
“รีส เตอร์ดีใจที่สุดเลย ฮึก น่าจะบอกกันบ้างก็รู้ว่ารับได้อยู่แล้ว ว่าแต่คนเมื่อกี้คือ?” ติวเตอร์ผละออกมาหลังจากร้องไห้แล้วทุบอีกคนจนพอใจแล้ว ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง พูดยิ้มๆแต่ก็ยังแกล้งถาม เพราะดูก็รู้ว่าหึงขนาดนั้นจะเป็นอะไรกันได้ แต่เขาก็อยากได้ยินจากปากเพื่อนสนิทที่ไม่เคยคิดจะมีความรักกับเขาสักที
“คือ นั่นเฟิร์ส เป็น เอ่อ ”
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร เตอร์เข้าใจ”
รีสเอาแต่อ้ำอึ้งไม่กล้าบอก ถึงหน้าตายด้านนั่นจะขยับไม่ได้ แก้มีสีเลือดเพราะเขินไม่ได้ แต่ติวเตอร์ก็รู้ดีว่ารีสกำลังเขินอาย แถมเสียงหัวใจก็ดังลั่น ใครไม่ได้ยินก็แปลก แต่คนที่แอบฟังอยู่ที่ประตูไม่ได้รู้เรื่องด้วยว่าอีกคนเขินอาย ได้แต่ทำหน้าตูมงอนเข้าไปอีก
“ว่าแต่เตอร์เถอะ เล่าให้รีสฟังได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงออกมากลางดึกแบบนั้น” รีสกลับเข้าสู่โหมดจริงจัง เพื่อให้เพื่อนเลิกทำหน้าล้อเลียนเขาสักที แต่นั่นเหมือนเขาจะคิดผิดรึเปล่า แต่เขาอยากรู้ ถึงแม้หน้าติวเตอร์จะสลดลงก็ตาม
“คือ เตอร์ เรื่องมันจบแล้วแหละ ครบ3เดือนอย่างที่พี่เขาต้องการ เตอร์ก็หมดประโยชน์ พี่เค้าพาผู้หญิงมานอนที่คอนโด เตอร์เสียใจมากเลย.. ฮึก ถึงพี่เขาจะยื้อ ฮึก แต่เตอร์ก็อยู่ไม่ได้ ถึงคราวนี้พี่เขาจะขู่ว่าจะให้ล้มละลาย แต่เตอร์ก็อยู่ไม่ได้ เราไม่ได้รักกันอย่างที่พี่เขาเข้าใจหรอก เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น พี่ทามคงไม่ทำแบบนั้น ฮือ... รีส..เตอร์ไม่กล้ากลับไปหาพ่อด้วยซ้ำ เพราะมันจะทำให้ท่านเดือดร้อน” ติวเตอร์พูดไปก็ร้องไห้ไป สีหน้าของเขาเจ็บปวดเพราะถูกคนรักหักหลัง รีสคว้าเจ้าตัวเข้ามากอดปลอบอยู่พักใหญ่ และคุยกันไปเรื่อยๆ ติวเตอร์ก็เล่าเรื่องให้รีสฟังไปเรื่อยๆ จนเหนื่อยและหลับลงไป
เฟิร์สที่ยืนฟังอยู่ไม่ห่างก็เอาแต่คิดหนัก แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังไม่เปลี่ยนใจที่จะบอกอีกฝ่ายว่าติวเตอร์อยู่ที่นี่ เพราะว่าฟังๆแล้ว เพื่อนของรีสเองก็รักอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน แต่ยืดเวลาออกไปสักนิดก็ดีเหมือนกัน


“ว่าไง มาทำอะไรตรงนี้ครับเฟิร์ส”  รีสที่เดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้กอดอกจ้องมาที่คนรักของตนที่ยืนแอบฟังอยู่ เฟิร์สสะดุ้งเฮือก แต่ก็ทำงอนกลบเกลื่อนแล้วเดินไปนอนที่เตียง
“เด็กคนนั้นหลับไปแล้วหรอ ถึงได้เข้ามาได้” เสียงประชดประชันดังขึ้นเมื่อเห็นอีกคนไม่เดินตามมาสักที
“ครับ หลับไปแล้ว เลยเข้ามาหาคนงอนได้นี่ไง” รีสพูดยิ้มนิดๆเดินเข้าไปหา สวมกอดอีกคนจากทางด้านหลัง
“งอนบ้าอะไร ไม่มี แล้วนี่จะกอดทำไม เด็กคนนั้นก็อยู่ข้างห้องนะ นี่จะทำ” เฟิร์สดิ้นหนีไปไกล แต่คนข้างหลังก็กระชับกอดแน่นขึ้น พูดเสียงงอนๆไม่หาย แต่ก็เบาในประโยคหลัง แถมหน้ายังขึ้นสี พูดเองเขินเอง
“หึหึ ผมไม่ทำหรอก หรือว่าเฟิร์สอยาก ก็ได้นะครับ แต่ต้องให้เงียบสุดๆจะส่งเสียงดังเหมือนทุกทีก็ไม่ได้นะ” รีสแกล้งแหย่กลับไป พูดช้าๆแล้วไล้ปลายจมูกเย็นๆของตัวเองผ่านกกหู ทำเอาอีกคนตัวแข็งทำท่าจะโวยวายรีสเลยจูบปิดปากแน่น เฟิร์สได้แต่หน้าแดงแปร๊ดพูดไม่ออก จนในที่สุดรีสก็ทนไม่ไหว ทำขั้นต่อไป ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเงียบได้ดังใจรึเปล่า
“ไอ้บ้า ไหนว่าไม่ทำไง อ๊ะ”
“ชู่... เงียบไว้ครับเฟิร์ส อ่าห์”


   ห้าวันผ่านไป เฟิร์สและติวเตอร์เข้ากันเป็นอย่างดี จนกลายเป็นรีสที่เหมือนหมาหัวเน่าแทน ระหว่างนั้นก็พากันไปเยี่ยมเยียนหมอพอลที่ได้ข่าวว่าหายดีแล้ว จนไปถึงก็ได้แต่พากันตะลึง พี่หมอแสนดีของพวกเขาเปลี่ยนไปเหลือแต่ปีศาจแสนเซ็กซี่จอมยั่วยวนที่เอาแต่ติดหนึบอยู่กับแลมป์จนเฟิร์สเอาแต่บ่นว่าหมั่นไส้ เฟิร์สลืมความคิดที่จะส่งติวเตอร์ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทกับไปเจอความเศร้าในขณะที่เจ้าตัวยังไม่พร้อม จนรีสที่โดนเมินหลายต่อหลายครั้งเป็นฝ่ายติดต่อกับแลมป์แทน พวกเขาแอบวางแผนกันลับหลังเฟิร์ส ทั้งสังเกตและลองใจทาม จนในที่สุดก็ยอมบอกความจริงว่าติวเตอร์อยู่ที่ไหน ทามก็มาเอาตัวติวเตอร์ไป แม้ว่ากว่าจะยอมกันได้ก็เล่นปล่อยน้ำตากันท่วมทั้งคู่ เดือดร้อนคนนอกอย่างพวกเขาต้องเข้าไปช่วยอีกตามเคย
   “รีส ให้ติวเตอร์ดีแล้วหรอ” เฟิร์สพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบมานาน ตาเอาแต่มองจ้องไปทางประตูกำลังคิดถึงเพื่อนสนิทคนใหม่ที่เพิ่งได้มาไม่นานก็ต้องปล่อยจากไปอีก
   “ดีแล้วครับ อย่างที่บอก คนรักกันน่าจะเข้าใจกันดีที่สุด ปล่อยให้พวกเขาได้เคลียร์กันเองถูกแล้ว พวกเราก็แค่คนนอก ทำได้แค่ดูต่อไปเท่านั้นครับ” รีสเดินเข้ามาหาโอบกอดมอบไออุ่นให้อีกคน เฟิร์สได้ฟังก็พยักหน้าเข้าใจ ทั้งคู่ยิ้มให้กันเบาๆ รีสกำลังจะก้มหน้าลงจูบ แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
   “ฮัลโหล ครับ ครับ เจอแล้ว ดีใจด้วยนะครับพี่! ...ผมพร้อมตลอด ผมจะพาเฟิร์สไปเดี๋ยวนี้ครับ” เสียงรีสพูดออกมาเสียงดังรอยยิ้มก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์ตอนพูด ทั้งดีใจ จริงจัง ตื่นเต้น จนคนที่มองอยู่เอาแต่งง
   “รีสมีอะไรงั้นหรอ แล้ว เดี๋ยว! จะพาฉันไปไหน” รีสวางสายจบก็จูงมือเฟิร์สจะพาเดินออกไปทันที เฟิร์สก็ได้แต่เดินตามอย่างงงๆเช่นกัน
   “เราจะไปพบคุณพ่อเฟิร์สกัน” รีสพูดขึ้นขณะเดียวกันก็ลากเฟิร์สไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
   “เดี๋ยวสิ!” เฟิร์สได้ยินก็ชะงักเท้ามองหน้าอีกคนด้วยความหวาดกลัวนิดๆ ก็พ่อของเขาโหดมากๆน่ะสิ นี่รีสไม่คิดจะกลัวเลยใช่ไหม แต่รีสกับหันมาหาเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น แถมน้ำเสียงที่ส่งมาให้เฟิร์สมันฟังดูอบอุ่นจนคนขี้กลัวเบาใจไปได้เยอะ
   “เฟิร์สเชื่อใจรีสนะครับ”


ด้านแลมป์
   แลมป์ขับรถไปกับหมอพอลตรงไปยังสถานที่หนึ่งตามที่ได้รับเบาะแสมาว่ามีคนหน้าเหมือนแม่ของเขาที่ตายจากไปในอุบัติเหตุครั้งเมื่อเขายังเด็ก แต่ทั้งเขาและพ่อเชื่อว่าแม่ยังไม่ตาย และออกตามหากันเงียบๆตลอดเวลา จนในที่สุดเหมือนฝันจะเป็นจริง เขาได้รับข่าวดีที่ได้รับการยืนยันใบหน้าว่าคล้ายกันถึง70% ทำให้เขารีบรุดออกมาแม้ว่าครั้งก่อนๆจะผิดหวังไปหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม ดีที่ได้กำลังใจจากคนข้างๆ รอยยิ้มอบอุ่นยังถูกส่งมาเสมอแม้ว่ารูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปก็ยังคือคนรักคนเดิมของเขา แต่ในครั้งนี้มันแตกต่าง แลมป์รู้ว่ามันมีบางอย่าง เขารู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก ครั้งนี้มันมีบางอย่างที่แปลกไปจริงๆ แปลกมากจนเขาต้องเหม่อและนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ อีกทั้งภาพและความรู้สึกในวันวานที่เหมือนผ่านมาเมื่อวานขึ้นมาในหัวตลอดเวลา
   แลมป์รู้เรื่องที่แม่มีคนรักอยู่ก่อนแล้ว ท้องมาก่อน รู้ว่าเขาและเฟิร์สไม่ใช่ลูกพ่อโดยบังเอิญ เฟิร์สไม่รู้เรื่อง  แต่พ่อรักแลมป์เฟิร์สและแม่มาก พ่อมีรอยยิ้มอบอุ่นมีอ้อมกอดอบอุ่นแม้ว่าหน้าของพ่อจะดุมาก แต่เราก็รักพ่อเหมือนที่พ่อรักเรา พ่อให้เราทุกๆอย่างที่อยากได้ ในวันวานเขาเคยมีความสุขมาก ในความทรงจำมีแต่รอยยิ้มของทุกคนในครอบครัว
แต่แล้วในวันนั้น วันที่ฟ้าครึ้ม บรรยากาศหม่นหมอง เสียงของพ่อและแม่ทะเลาะกันดังลั่นแข่งกับเสียงฟ้าที่ร้องดังกระหึ่ม แม่ทนพ่อไม่ไหวอีกต่อไป พ่อไม่ไว้ใจแม่เลยเอาแต่ระแวง ทั้งๆที่แม่รับปากและทำตามทุกอย่างทั้งยังรักหมดใจแล้วตอนนี้ อีกทั้งพ่อยังไม่เลิกยุ่งกับโลกมืดทั้งที่รับปากแต่จนลูกเข้าอนุบาลได้ขนาดนี้ก็ยังทำไม่ได้ ผ่านมาหลายปีเกินไป ที่หลายๆครั้งแม่รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่และผิดอยู่ตลอดเวลา ในบางครั้งพ่อไม่เคยโทษตัวเองเลย อีกทั้งยังเสี่ยงตายจากศัตรูโยที่ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง จนสุดท้ายก็ยื้อต่อไปไม่ไหวแล้ว  แม่ขอให้ทั้งคู่ ‘แยกกันอยู่’ หรือ ‘อย่า’ กัน โดยที่จะพาลูกไปด้วย
 แลมป์บังเอิญได้ยินยืนขาแข็งฟังอยู่อย่างนั้นอย่าไม่ได้ตั้งใจแต่มันขยับขาไม่ออก ทั้งที่อายุยังน้อยแต่เขาเข้าใจว่านี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดี ไม่มีความสุข และเขาไม่ต้องการแบบนั้น เขาอยากให้พ่อกับแม่มีรอยยิ้มเหมือนที่ยิ้มให้เขาและเฟิร์สในทุกๆวัน ความทรงจำตอนนั้นมันกลายเป็นสีจางๆหลังเจอเหตุการณ์ในตอนนี้ แม่และพ่อหันมาเห็นแลมป์ยืนมองอยู่ ทั้งคู่ตกใจหน้าซีด พ่อกำลังจะให้ขนมหวานโดยบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่แม่ที่เคยมีแต่รอยยิ้มของเขากลับหันมามองหน้าเขาทั้งน้ำตา  พูดเสียงสั่นๆว่า ‘ไหนๆลูกก็รู้แล้ว แม่จะพาไปอยู่ด้วย’ แม่จูงมือแลมป์ที่เงียบไม่พูดไม่จา และไปอุ้มเฟิร์สที่นอนหลับอยู่บนเตียงขึ้นบ่าพาไปขึ้นรถ  พ่อไม่ยอมส่งเสียงห้ามลั่น กระชากแขนแม่ไว้ได้สำเร็จ คิดว่าแม่จะยอมถอย แต่ไม่ แม่สะบัดแขนพ่อออกและนั่นทำให้เฟิร์สตื่นและเริ่มร้องไห้ พ่อที่โดนแม่สะบัดหลุดก็เข้ามาจับใหม่อีกมือก็จับแลมป์ไว้ ส่งสายตาอ้อนวอนและเอ่ยขอร้องแม่อย่างหมดแรงในที่สุด หวังให้ใจอ่อน แลมป์ก็หวังแบบนั้นในใจเขาบีบมือของพ่อและแม่แน่น ทั้งคู่กระตุกและหันมามองหน้าเขา แต่แม่ที่น้ำตาไหลพรากไม่หยุดลงแค่นั้น แม่บีบมือของเขากลับ และเอ่ยขอโทษเบาๆ ปล่อยมือเขาและสะบัดมือพ่อหลุดวิ่งเข้ารถล็อคประตูขับออกไปอย่างรวดเร็ว  พ่อของเขาผู้ไม่เคยต้องง้อใคร แต่ตอนนี้กลับวิ่งด้วยแรงทั้งหมดที่มีตามรถของแม่ไปจนถึงรั้วบ้านแต่แม่ไม่ทีท่าแม้แต่จะหยุดรถ พ่อเดินคอตกกลับมาในสภาพเปียกปอนไปทั้งตัว  แลมป์ที่ยืนอยู่เดิมได้เห็นทั้งหมดนั่น น้ำตาของพ่อไหลรินออกมาปนกับสายฝนทั้งที่ไม่เคยมีใครได้เห็น พ่อหันมามองหน้าแลมป์ที่ยืนอยู่ที่เดิมพักใหญ่พยักหน้ากับตัวเองยกมือเช็ดน้ำตาและบอกให้เขาไปรอในบ้านโดยรับปากอย่างมั่นใจว่า ‘พ่อจะไปตามแม่กับน้องกลับมาให้ได้’ แลมป์พยักหน้ารับเบาๆส่งยิ้มให้กำลังใจแก่พ่อของเขาและเดินเข้าบ้านเป็นเด็กดีว่าง่ายแต่ตัวเขารู้ว่าพ่อนั้นเจ็บปวดเพียงใด รักแม่เพียงใด คล้อยหลังแลมป์เดินเข้าบ้านเขาได้หันกลับไปมองทางพ่อที่รีบเร่งไปขึ้นรถทังที่เปียกไปทั้งตัว และขับตามออกไป 
...สุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุ รถมีบางอย่างผิดปกติบวกกับถนนลื่นเพราะฝนตก รถเสียหลักคว่ำไถลตกหน้าผาสูง คาดว่าแม่น่าจะช่วยให้เฟิร์สออกมาจากตัวรถก่อนที่รถจะล่วงลงไปที่หน้าผา พ่อเจอเฟิร์สนอนสลบอยู่ที่พื้นดินในสภาพทั้งเปียกทั้งเปื้อนมีแผลใหญ่ที่หัวเลือดไหลท่วมตัวใกล้กับหน้าผา มองลงไปเห็นเป็นทางแฉลบของรถที่หล่นลงไปข้างล่าง คาดว่าแม่ของพวกเขาติดอยู่ในรถขณะที่มันหล่นลงไปด้วยและคงทรมาน สุดท้ายแม้แต่ตำรวจก็หาศพแม่ไม่เจอเพราะหน้าผาที่สูงชัน พบเจอเพียงเศษรถที่ลงไปอยู่ที่ก้นแม่น้ำกับรอยเลือดและรอยเท้าของสัตว์ขนาดใหญ่ เราไม่อยากจิตนาการณ์กันต่อจากนั้นได้แต่หลอกตัวเองว่าแม่ยังไม่ตายอาจจะได้เทวดาใจดีช่วยไว้ได้ทัน ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงคงจะดี...
เฟิร์สที่ถูกแม่พาออกมาจากรถได้ก่อนแต่อาการก็หนัก เมื่อพ่อไปเจอแทบใจสลายรีบอุ้มไว้ในอ้อมกอดแต่ก็ยังคงร้องเรียกแม่แข่งกับเสียงฟ้าที่ดังกระหึ่ม พ่อคุกเข่ามองหน้าผากออดเฟิร์สไว้แน่นแบบนั้นอยู่พักใหญ่จนตำรวจที่ได้รับเรื่องจากพลเมืองดีมา และพาออกไปส่งรพ. เฟิร์สได้รับบาดแผลหนักจากการที่หัวถูกกระแทกอย่างแรงเลยความจำเสื่อมลืมเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไปซะหมด และเติบโตขึ้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นมายังไง หลังจากนั้นแลมป์ต้องทนรับอารมณ์ของคนเป็นพ่อที่เปลี่ยนไป แต่เพราะอะไรไม่รู้ทั้งพ่อและแลมป์ไม่อยากให้เฟิร์สต้องฝืนใจในการทำอะไร ทั้งสองจะมีข้ออ้างมาขัดกันเองและเลือกที่จะกระทำแทนเองเกือบทุกอย่าง เฟิร์สได้กลายเป็นเด็กมีปัญหาใช้เงินพ่อไปวันๆอย่างที่เห็นก่อนหน้านี้ดีแต่กินเที่ยวบ้านไม่กลับงานไม่เอา  แต่สำหรับแลมป์แล้ว เฟิร์สก็แค่ขี้เหงาและอยากได้รับความรักความสนใจ แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของเขาก็ไม่รู้จะปลอบยังไงดี เลยได้แต่ตามใจ พ่อก็ได้แต่ใช้เงินซื้อความสุขให้กับเขา สุดท้ายก็แก้ไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้หลายๆอย่างจะดีขึ้น
ส่วนพ่อหลังจากนั้น คนที่เคยมีรอยยิ้มอบอุ่นรักครอบครัว ก็กลายเป็นคนเย็นชา และโหดเหี้ยมขึ้น ฝึกแลมป์ให้เป็นนักฆ่าและสืบทอดกิจการด้านมืดทั้งๆที่ตั้งใจจะเลิก ให้เป็นของขวัญแก่แม่ และเลือกแลมป์ที่เป็นลูกรักแม่ให้ลงมือทำ อีกทั้งแลมป์ดันเสียสระยอมรับชะตากรรมนี้แทน แต่ที่แลมป์ทำตามใจของพ่อนั้น เพราะเขารู้ว่าพ่อแค่เจ็บปวด พ่อรับมือกับมันไม่ถูกเลยได้แต่แสดงออกด้านที่เคยทำมา แลมป์รู้ว่าลับหลังพวกเขาทั้งสองคน พ่อมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องทำงานทั้งวันทั้งคืน และในคืนหนึ่งที่แลมป์ดันไปเห็นว่าพ่อผู้เคยเนี๊ยบทุกระเบียบนิ้วรักสะอาดและไม่เคยให้คนอื่นเห็นด้านอ่อนแออีก กับกลายเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่อ่อนแอ เสื้อสูทถูกถอดออกเนคไทปลดหลวมกระดุมติดไม่ตรงทรงผมที่เคยเซตมาอย่างดียุ่งเหยิง พ่อของเขาร้องไห้เงียบๆแต่ดวงตานั้นบวมแดง ในมือถือกรอบรูปของแม่เล็กๆที่เคยวางอยู่บนโต๊ะไว้ ดวงตาแสนอิดโรยนั้นมองที่รูปอย่างอาลัยอาวรณ์ ข้างๆมีเหล้าขวดใหญ่ที่พร่องไปกว่าครึ่ง กับบุหรี่กองใหญ่ที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้าเครียดมากขนาดไหน สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อความอ่อนแอจนต้องจ้องมองคนที่จากไปอีกเนิ่นนาน
แลมป์ที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้น ด้วยความฉลาดแม้อายุจะถึง10ขวบ ความโกรธเคืองในตัวของพ่อที่รักตัวลำเอียงใจร้ายสารพัดก่อนหน้านี้หายไปหมดเกลี้ยง เหลือไว้เพียงความสงสารและเห็นใจในตัวของพ่อเขาเอง จึงได้แต่ทำตามใจพ่อนับจากนั้นโดยไม่ปริปากบ่นอะไร แต่ไม่นานเมื่อแลมป์เริ่มขึ้น ม.ปลาย รักแรกของเขาทำให้เขามีความสุขหลังจากที่อยู่ความมืดมานาน แต่เมื่อพ่อรู้ว่าแลมป์มีความรัก และโชคร้ายที่เด็กผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นลูกสาวของคนที่เคยรักกับแม่ พ่อโมโหมากแถมยังด่าทออย่างเลือดขึ้นหน้าทั้งที่ไม่เคยออกปากด่าทอเขาขนาดนั้น แลมป์ที่เลือกจะปฏิเสธคำสั่งนั้นเป็นครั้งแรก ขัดขืนทุกวิถีทางเขาได้กำลังใจจากผู้หญิงคนนั้นแม้ว่าพวกเขาจะอายุน้อยแต่ก็เชื่อกันว่านั่นคือรักแท้ สุดท้ายเรื่องทุกอย่างจบลงเศร้า พ่อออกคำสั่งเด็ดขาดอย่างใจร้ายว่า ให้เลือกระหว่าง ฆ่าคนๆนั้นทิ้ง หรือ จะให้เฟิร์สเจอแบบที่ตนเจอ แลมป์จึงเลือกที่จะฆ่าคนรักอย่างเจ็บปวดทั้งที่เธอไม่มีส่วนผิดอะไรแถมยังเป็นคนดี หลังจากนั้นเขาก็ไม่อาจรักใครได้อีก จนกระทั่งเจอหมอพอล
   “ไม่เป็นไรนะครับแลมป์ เรื่องมันผ่านไปแล้ว และตอนนี้ผมเชื่อว่าอะไรหลายๆอย่างจะดีขึ้น ครั้งนี้จะต้องเป็นแม่แน่นอน” หมอพอลที่เห็นว่าแลมป์ตกไปอยู่ในความคิดเก่าๆอีกครั้ง ก็เอื้อมมือมาจับมืออีกคนไว้และบีบมันเบาๆ ส่งยิ้มไปให้อย่างเคย ทำให้แลมป์ที่คิ้วขมวดก็คลายลง
   “ครับ ผมก็เชื่อแบบนั้น ขอบคุณครับ...ที่รัก” แลมป์หันไปยิ้มให้อีกคน บอกตัวเองในใจให้เข้มแข็ง แม้ว่าอยู่ต่อหน้าคนนี้ๆทีไร ความอ่อนแอที่เขาพยายามปิดจะถูกเปิดเผยก็ตาม แต่เขาไม่อยากให้คนรักตัวเอมากังวลไปด้วย ทั้งที่อีกฝ่ายให้กำลังใจมาตลอด



...
ต่อข้างล่าง

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
ต่อๆๆ


บ้าน กิจจาวัฒนาพันธ์
   วิรัชน์ที่กำลังนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดในห้องทำงาน แต่ในใจกับรู้สึกดีใจแปลกๆเหมือนจะได้รับข่าวดีบางอย่าง แต่สำหรับเขาข่าวดีมันหายไปพร้อมกับสายฝนในวันนั้นแล้ว จึงได้แต่สะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระทิ้งไป แต่สักพักก็ยกมือดูนาฬิกาทั้งๆที่ไม่ได้นัดใครไว้ กระวนกระวายจนทำงานไม่ได้ จนเขาต้องทิ้งงานตรงหน้า เดินลงมาชงกาแฟเองให้หายฟุ้งซ่าน 
   เมื่อเดินลงมาก็เจอกับแลมป์ที่เดินยิ้มเข้ามาหา ตัวเขารู้ทันทีว่าวันนี้คงมีอะไรผิดปกติ เด็กคนนี้ไม่ยิ้มให้เขามานานหลังจากวันที่เขารับปากว่าจะพาแม่ของเขากลับมา แต่ก็ทำไม่ได้ จนตัวเขาเองได้แต่โทษตัวเองและพาลไปหมดทุกสิ่ง เมื่อคิดได้มันก็สายไปเสียทุกอย่าง ตัวเขาเองถลำลึก อีกทั้งทำร้ายลูกชายไปสารพัด โดยเฉพาะคนโตที่ดึงเข้าสู่ความมืดที่คิดจะวางมือ รอยยิ้มมีความสุขแบบนี้ ทำไมมันรู้สึก...คิดถึง
   “แกเป็นอะไร” ปากกับใจไม่เคยตรงกัน ทั้งที่อยากถามอย่างอื่น อยากแสดงความเป็นห่วง อยากแสดงความรัก อยากทำหน้าที่พ่อ แม้ว่าจะสายไป ก็อยากจะ...ขอโทษ
   “ผมมีคนสำคัญบางคนที่อยากให้พ่อพบครับ” แลมป์เองก็ตื่นเต้น อีกทั้งเพราะตัวเขาไม่ได้ยิ้มให้คนที่ตัวเองเรียกว่าพ่อแบบจริงใจมานาน แต่ด้วยกำลังใจที่ได้มาทำให้กล้าขึ้นเยอะ และตอนนี้เขาก็รู้ว่ามันไม่ได้ยากเลย แทนที่จะทำตามคำสั่งเหมือนหุ่นยนต์ เขาน่าจะมอบความรักทดแทนสิ่งที่พ่อเขาขาดหายไป เพราะความคิดเด็กๆนั่นแท้ๆเลย
   “เชิญทางนี้ครับ ผมให้นั่งรอที่ห้องรับแขกแล้ว” แลมป์ยังคงยิ้ม ยืนมองพ่อของตนที่เหมือนจะอึ้งอะไรสักอย่างจากความรู้สึกส่วนตัว ได้ยินเสียงพึมพำในลำคอเบาๆ คนสำคัญๆ อย่างเหม่อๆทั้งที่ไม่เคยเห็นคนๆนี้อยู่ในสภาพมาดหลุดมานาน และคงจะหลุดกว่านี้แน่ๆเลยถ้าเจอคนสำคัญคนนี้ คนที่เปรียบเสมือนความสุขทั้งชีวิตของพ่อ แลมป์เลยต้องเดินหลบข้างหน้าแล้วผายมือเชิญให้พ่อเดินนำตนไปยังห้องรับแขก
   

   ในห้องรับแขก ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเป็นนายหญิงของบ้านนี้ แต่ตอนนี้กลับโทรม ใส่เสื้อผ้าเก่าๆเท่าที่มี ในวันนี้เธอเลือกชุดที่ดูดีที่สุดมาแล้ว ใบหน้าของเธอถูกปิดด้วยผ้าเพราะเสียโฉมจากอุบัติเหตุรถยนต์ในครั้งนั้น แถมยังเสียแขนซ้ายไปเพราะช่วยลูกชายคนเล็กในวันนั้น ขาซ้ายก็บาดเจ็บเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรักของคนในครอบครัวลดลงเลย   
   “คุณ...” วิรัชน์เดินมาถึงห้องรับแขก ได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้า เขาก็จำได้ทันที ว่าคนๆนี้คือใคร คนสำคัญที่ห่างหายจากชีวิตเขาไปเกือบ20ปี คนที่เขาคิดถึง คนที่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้พบกันอีก
   “วิรัชน์คะ ฉันกลับมาแล้ว ฉันขอโทษที่หายไปนาน ฉันคิดถึงคุณและลูกที่สุด” แม้เสียงจะบางเบา แต่นั่นคือเสียงที่เธอคิดถึงมานาน จึงลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เธอทำได้ไปให้
“ไม่ ผมสิ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ ที่ทำให้คุณทิ้งผมและลูกไป ผมมันแย่ ผมมันไม่เอาไหน ผมมัน ผมมัน ฮึก! ผมดีใจนะที่คุณกลับมา...” วิรัชน์วิ่งเข้าไปสวมกอดแม่ของแลมป์และเฟิร์สเต็มรัก กอดแน่นขึ้นพอๆกับคำพูดที่พร่างพลูออกมาทั้งที่ไม่ใช่คนช่างพูด แถมเสียงที่เปล่งออกมายังสั่นคลอน ท้ายที่สุดก็ร้องไห้ด้วยความดีใจทั้งคู่
แลมป์ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆทั้งสองโดยมีพอลที่ยืนอยู่ด้วยบีบมือเป็นกำลังใจให้กันเบาๆว่าที่ทำถูกต้องแล้ว แลมป์หันไปยิ้มให้พอล ในใจก็นึกโทษรีสที่ยังพาเฟิร์สมาไม่ถึงสักทีทั้งที่โทรมาบอกเองว่าให้เริ่มเลย แล้วนี่อยู่ไหนกัน และยังไม่ทันได้ทำอะไร รีสก็พาเฟิร์สที่ยังกล้าๆกลัวๆเข้ามาในบ้าน พอลเห็นทั้งคู่ก็กวักมือเรียกมา แต่เมื่อเฟิร์สมาเห็นกลับไม่รู้อะไร แถมยังทำหน้างงๆ จนแม่ที่ถูกพ่อกอดอยู่ เอ่ยเรียกทั้งคู่เข้าไปหา มีแต่แลมป์ที่เดินเข้าไปกอด คนเป็นแม่ยังคงเป็นแม่อยู่วันยังค่ำ เธอจับและแยกแฝดทั้งสองได้ตั้งแต่ที่เห็นแลมป์ในครั้งแรก จะมีแต่เฟิร์สที่ยังคงงง
“ผู้หญิงคนนี้...เป็นใคร” เสียงพูดคุยทักทายและรอยยิ้มทั้งหมดหยุดชะงักเมื่อสิ้นเสียงเฟิร์ส ผู้หญิงคนหนึ่งในสายตาเฟิร์สมองมาที่เขาน้ำตาคลอเบ้าคิดว่าลูกโกรธตน
“แม่ของเราไง แม่ครับอุบัติเหตุวันนั้นทำให้เฟิร์สความจำเสื่อม จำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้อีกเลย และผมกับพ่อก็ไม่คิดจะเล่าความจริงให้เขาฟัง แต่ในวันนี้แม่กลับมาแล้ว ผมอยากให้แม่กลับพ่อค่อยๆบอกน้องเอง” แลมป์พูดบางอย่างในใจออกไป แม้ว่าน้องชายของเขาจะอึ้ง แม่จะร้องไห้ และพ่อมองหน้าเฟิร์สไม่ติดเหมือนเขาก็ตาม
หลังจากนั้นแม่ก็เล่าความจริงเกี่ยวกับตัวเขาให้ฟัง พอลกับรีสขอตัวออกไปรอที่ห้องรับแขกเล็กตั้งแต่เฟิร์สมา แม่ที่หน้าเสียโฉมไปครึ่งหน้า ร่างกายผอมลงไป เสื้อผ้าเก่าๆของลูกสาวตายายที่ช่วยชีวิต เล่าความจริงที่ว่าวันนั้นตนไม่ตาย หลังจากที่ช่วยเฟิร์สออกไปจากรถก่อนที่มันจะไถลลงเหว ตอนที่รถได้ไถลลงไปนั้นแม่ยังคงไม่สลบแต่ก็เจ็บหนักเพราะตัวรถเหวี่ยงจนตัวรถลงไปติดต้นไม้ โชคดีมากที่รถไม่เกิดระเบิด แม่พยายามพาตัวเองออกมาจากรถจนได้แล้วพยายามพาตัวเองกลับขึ้นไปข้างบนในสภาพล่อแล่เต็มทน นึกโทษตัวเองตลอดที่ทำให้เกิดเรื่องและห่วงว่าเฟิร์สจะปลอดภัยไหม แม่พาตัวเองเดินไปเรื่อยๆทั้งที่ไม่มีแรงเหลือจนในที่สุดก็สลบและคิดว่าตัวเองคงหมดโอกาสที่จะมีลมหายใจแล้ว แต่เมื่อพอตื่นขึ้นมาเจอสองตายายมาช่วยไว้ สองตายายไปเก็บของป่าและเจอเข้า เสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นของลูกสาวแกที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีด้วยโรคร้าย จึงได้อยู่ที่นั่น สองตายายดูแลแม่ดีจนหายเจ็บแต่ก็หมดเวลาไปหลายปีเพราะกระดูกแม่หักหลายท่อน รักษาแค่วิธีชาวบ้านอยู่ไกลจากหมอและแม่เดินทางไม่ได้ แต่พอหายดีแม่ก็เลยอยู่ตอบแทนสองตายาย รวมถึงไม่กล้ากลับไปสู้หน้าใครอีก อีกทั้งใบหน้าและร่างกายตนก็ไม่เหมือนเดิม จึงไม่อยากมาสร้างความลำบากให้ครอบครัว แต่จนแล้วจนรอดก็ตัดไม่ขาด แม่ขอวิธีเข้าเมืองและยังวนเวียนไปเฝ้ามองดูคนในบ้านเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้เข้าไป ได้แต่ตัดใจและหันหลังกลับ หลายต่อหลายรอบตลอดเกือบ20ปีนี้
แม่เล่าความจริงว่าตอนนั้นโกรธพ่อที่ไม่ยอมฟังตน ทั้งที่มันหลายครั้ง รวมถึงปัญหาเดิมๆอีกหลายเรืองที่คอยกวนใจ วันนั้นเลยตัดสินใจทิ้งความรู้สึกดี ประชดประชันโกหกออกไป แถมยังดึงดัน จนในที่สุดก็สูญเสีย และบอกความจริงว่า แฝดสองคนนี้เป็นลูกของวิรัชน์ ไม่ใช่ใครอื่นตั้งแต่วันนั้นที่พวกเขามีอะไรกันก่อนวิรัชน์บังคับเขามาแต่งงาน แต่เพราะโกรธที่โดนเล่นไม่ซื่อก็บังคับขืนใจเลยบอกว่ามีคนรักอยู่ก่อนแล้วรวมถึงเด็กสองคนนี้เป็นลูกคนอื่น อีกใจหนึ่งคือเขาไม่ชอบพวกมาเฟียนักเลงต่างๆอยากให้พ่อเดินออกจากด้านมืดเพื่อครอบครัวแต่พ่อก็ไม่รับปาสักที จึงประชดประชันไปแบบนั้น นานวันเข้า ปัญหาก็มากขึ้น จนสุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้น และขอโทษที่กลับมาเอาตอนนี้
พ่อก็ยอมเล่าเรื่องของตนหลังจากนั้นเบาๆว่าตนเองก็รู้สึกผิด กล่าวขอโทษแม่แลมป์และเฟิร์ส บอกว่าที่เขาทำไปเพราะคิดน้อย ทำให้ลูกต้องเจอแต่เรื่องอันตราย แต่พ่อไม่ยอมเล่าถึงเรื่องที่ตัวเองเศร้าจนต้องแอบร้องไห้คนเดียว แลมป์เลยพูดบอกออกไป พ่อได้แต่กระแอมขัดคอ แต่แม่รู้ว่านั่นคือความจริง มีแต่เฟิร์สที่ยังคงตามเรื่องไม่ค่อยทัน เพราะรู้เรื่องน้อยที่สุด แต่โดยส่วนตัวแล้วเขารู้ว่าเขามีความสุข และเกิดอาการอยากจะเป็นลูกคนเล็กที่เอาแต่ใจสุดๆขึ้นมา
ในที่สุด 20 ปีที่โดนพรากความสุข จากการที่ต่างคนต่างไม่ยอมรับไม่พุดความจริง และประชดประชันกัน เมื่อกล้าพูดกล้าทำในสิ่งที่ถูก ครอบครัวก็เข้าใจกัน คืนดีกัน และในที่สุดก็พบความสุข พ่อขอให้แม่กลับมาอยู่ด้วย และช่วยเหลือสองตายายตอบแทนบุญคุณจะพามาอยู่ด้วยกันแต่สองตายายปฏิเสธเลยเลือกที่จะส่งเงินช่วยเหลือสร้างบ้านและแวะไปเยี่ยมเยียนบ่อยๆแทน ตอนนี้พ่อออกจากวงการด้านมืดไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ลูกมาเสี่ยงอีกต่อไป ให้แลมป์เลิกเป็นนักฆ่า และค่อยๆถอยห่างออกมาจากวงการได้ในที่สุด จริงๆแล้วพ่อแอบเคลียร์เรื่องพวกนี้มาสักพัก จึงต้องส่งลูกๆไปทำงานแม้วิธีการจะแปลกไปสักหน่อย แต่ก็ช่วยให้เฟิร์สที่ไม่เอาไหนแถมยังสติแตกตอนนั้นได้กลับมาเป็นคนปกติได้


2วันผ่านไป
   ในเมื่อครอบครัวเข้ากันได้ดี  แถมมีแม่อยู่คอยห้าม เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่ตายแน่นอน แลมป์และรีสก็อาศัยจังหวะนี้ ให้รีสไปแนะนำตัวในฐานะลูกเขย ส่วนตัวเองก็จะแนะนำลูกสะใภ้ ตามที่ได้ลองปรึกษากับแม่มาบ้างแล้ว แม่เลยช่วยแนะนำว่าสองวันข้างหน้านี้พ่อหยุดและแม่ขอเวลาทำสวยหน่อย พอสองวันถัดมานี้ทั้ง4ก็เข้ามาหา และจะฝากตัวกับพ่อดีไม่ดีจะได้แต่งงานพร้อมกัน เมื่อทุกคนรู้เรื่อง แม่เอาแต่ยิ้มดีใจใหญ่จับไม้จับมือบอกรับได้ๆแถมยังคิดว่าหมอพอลที่ตอนนี้ไว้ผมยาวปิดหูที่สวมเสื้อมีหมวกคลุมหัมอยู่ทำให้ดูเหมือนผู้หญิง บอกว่าอย่างน้อยก็มีหลานให้อุ้มโดยที่ไม่รอฟังรายละเอียด หมอพอลได้แต่หน้าซีดหันมามองหน้าแลมป์เป็นพักๆ ส่วนเฟิร์สก็ซีดเพราะพ่อเอาแต่จ้อง ลูกชายคนเล็กสุดรักสุดหวงดันกลายไปเป็นเมียคนอื่น
พ่อก็ยังคงเป็นพ่อ เมื่อรู้ว่าใครเป็นใครก็ขอคุยเป็นการส่วนตัว บอกหน้ายิ้มกลับแม่ว่าไม่มีอะไรไม่ต้องกังวลถ้าแม่รับได้พ่อก็รับได้ แต่คล้อยหลังแม่ขึ้นไปพักด้านบน ก็หน้ากลับมานิ่ง ดูดุ กว่าแต่ก่อน ตาดุๆก็จ้องเอาๆ ลูกสาว?และลูกสะใภ้ต้องหันหน้าหนีกลืนน้ำลายลงคือฝืดๆ บ้านทั้งบ้านกลับมาอยู่บรรยากาศมาคุกว่าแต่ก่อน ตอนนี้ทั้ง4คนอยากจะไปเรียกให้แม่ลงมาก่อนสุดๆ พ่อกระแอมออกมาทั้งเฟิร์สและพอลก็สะดุ้งหน้าซีดหนักกว่าเดิม เอ่ยออกมาเบาๆแต่เสียงกดดัน ยิ่งกว่าตอนจะสั่งฆ่าใครสักคนเสียอีก
“สารภาพมา จะเริ่มจากใครก่อน”
“ผมชื่อ รีส ครับ ผมเป็นแฟนของเฟิร์ส แต่ก่อนที่จะรักกันผม ข่มขืนเฟิร์สแล้วผมก็...” รีสสารภาพทุกอย่างออกมาหมด แม้ว่าในบางเรื่องเฟิร์สเองจะร้องห้ามเพราะกลัวพ่อจะโกรธไปมากกว่านี้ แต่ก็โดนสาตากดดันจากพ่อและโดนลากมาไว้ข้างๆ รวมถึงเรื่องแรกเริ่ม เรื่องที่เป็นปีศาจ เรื่องที่หัวใจหยุดเต้น มีพลังวิเศษที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ ทั้งยังแผ่ไอเย็นๆให้ดูอย่างชวนตะลึงในสายตาของคนอื่น  และพูดถึงหัวใจน้ำแข็งของเขาที่ตอนนี้กลับมาเต้นได้เพราะได้รับความรักจากลเฟิร์ส แม้ว่าอาหารจะยังต้องพิเศษเหมือนเดิมแก้ไม่ได้ก็ตาม
“ผมรักเฟิร์สจริงๆ และสัญญาว่าจะดูแลอย่างดี ถ้าคุณพ่ออนุญาตให้เรารักกัน ผมยินดีสู่ขอตามประเพณีแม้เราจะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ก็ตาม” ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆกลับมา ไม่มีแม้แต่เสียงเย้ยหยันห้ามเรียกตัวเองว่าพ่อเหมือนในละครที่ได้ยินมา มีเพียงความเงียบเข้าปกคลุม
ปัง!
“รีส!!”
เสียงลั่นไกปืนและเสียงตะโกนเรียกชื่อคนที่ล้มลงไปนอนกองกับพื้น ด้วยความตื่นตะลึงตกใจของทุกคน พ่อเก็บปืนเข้าที่แล้วยืนมองผลงานเงียบๆ เฟิร์สถลาเข้าไปประคองตัวรีสที่ล้มลงขึ้นมากอด แลมป์คว้าตัวพอลที่สะดุ้งตกใจเข้ามากอดไว้ แม่ที่ยืนฟังเรื่องราวอยู่ตรงบันไดไม่ได้ขึ้นไปพักดังที่กล่าว วิ่งลงมาดูด้วยความตกใจ อย่าปากจะว่าพ่อ แต่แล้วเสียงของคนที่ถูกยิงทะลุก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบนั้นเป็นความตื่นตกใจมากกว่าเดิม เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ที่ฆ่าไม่ตาย บาดแผลก็หายราวปราติหารย์
“กระสุนลูกนั้นคุณพ่อหมายถึงอะไรครับ” รีสลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าอีกครั้ง สบตาประชันหน้ากับพ่อโดยที่สองแขนกอดเฟิร์สที่ยังคงตัวสั่นเอาไว้แน่น
“ฉันจะพิจารณาเรื่องของพวกแกทั้งสองคน เร็วๆนี้” พ่อยิ้มออกมาในที่สุด จริงๆแล้วก็ไม่ได้อยากจะยิงให้ทุกคนต้องตกใจกันแบบนี้ แต่เหมือนถูกสายตาสีแดงนั่นท้าทายบางอย่าง ปีศาจในตัวของเขาเองเลยตื่นขึ้น และลั่นไกลออกไป อีกทั้งไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะยอมให้เขาพิสูจน์ด้วยกระสุนปืน ซึ่งหมายถึงว่า ถ้าพลาดหรือเรื่องทุกอย่างโกหก หมอนั่นจะตาย เพราะคนอย่างเขาลองได้ยิงใครต้องโดนจุดตายในกระสุนลูกเดียวเท่านั้น ในเมื่อยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อลูกชายของเขาขนาดนี้ก็คงต้องรับไว้พิจารณา แม้จะต้องยอมรับว่าลูกชายแสนรักจะกลายเป็นเจ้าสาวก็ตาม ...บางทีเขาอาจจะไม่ต้องวางมือจากด้านมืดและอาจจะขยายกิจการได้ด้วยซ้ำไป
“ขออนุญาตครับ ถึงตาผมแล้ว” แลมป์ที่ดูเหตุการณ์มานานก็เบาใจ และอยากแนะนำลูกสะใภ้กับพ่อบ้าง ดูท่าแล้วจะไม่ต้องเสี่ยงตายแค่ยอมรับอย่างลูกผู้ชายก็พอ พ่อของเขาเป็นคนตรงๆและยอมรับความจริงได้ ท่านจะรู้ทันทีเมื่อมีคนโกหก และจะไม่ฟังอีกต่อไป แต่จริงๆก็รู้มาว่าพ่อฮาร์ตคอแต่ไม่คิดว่าจะโหดขนาดนี้ ที่แนะนำให้รีสโดนกระสุนสักลูกสองลูกก็ไม่คิดว่าจะเอาจริงกันทั้งคู่ เพราะคิดไม่ถึงว่าพ่อจะบ้าจี้ตามไป แต่ก็ลืมไปว่าพ่อเขากับคนอื่นก็ปีศาจดีๆนี่เอง ดีที่หมอนั่นไม่ตายจริงๆ ไม่งั้นแลมป์คงโดนเฟิร์สโกรธเอาแน่ๆที่เป็นตัวต้นคิดเรื่องสารภาพทั้งหมดนี่
“ได้ แต่ฉันอยากฟังเสียงคนที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของฉันเอง” พ่อนั่งลงที่โซฟาข้างๆมีแม่ที่ทนไม่ไหวกลัวเกิดเหตุหัวใจวายแบบเมื่อกี้อีกครั้ง
“ผม เอ่อ ผมชื่อ พอลครับ เป็นหมอและนักวิจัย ผมเป็นมนุษย์แต่มีเหตุบางอย่างที่ทำให้ร่างกายของผมเป็นแบบที่ทุกคนเห็น” พอลค่อยๆขยับเข้าไปใกล้พ่อและแม่ที่โซฟา ถอดหมวกคลุมผมออกเห็นหูแหลมๆนั่นโผล่พ้นเส้นผม บวกกับผมที่ถูกปล่อยไว้ยาวหน้าตาเลยดูขาวสวยน่ารักแบบหมวยๆแม้ว่าจะแล้วว่าเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เข้าใจตอนแรก เมื่อผ้าคลุมถูกทอดออกหมด สายตาของพ่อและแม่ก็จับจ้องไปยังปีกคางคาวที่หลังโดยอัตโนมัติ แต่ไม่รู้ทำไม ดูรวมๆแล้ว กลับลงตัวในเด็กหนุ่มคนนี้มากซะจนแม่อดไม่ได้ที่จะเอ็นดูโอบอุ้มและช่วยส่งสายตาขอร้องพ่ออีกคน ตอนนี้เลยกลายเป็นพ่อที่อยู่ตรงข้าม อีกทั้งแม่ยังงอนๆที่ยิงลูกเขยสุดหล่อของแม่ไปเมื่อครู่ พ่อเลยต้องเลยปั้นหน้าดุ ยิ้มรับตามที่แม่ขอและไปแย่งแม่มากอดไว้แทน พอลก็โดนแลมป์คว้าสู่อ้อมกอดอย่างหวงเช่นกัน เฟิร์สก็กอดรีสแน่นขึ้นทั้งคู่ยิ้มให้กัน ในใจรู้สึกเบาใจและมีความสุขที่สุดเท่าเคยมีมา แม้ว่าเหตุการณ์ต่างๆจะหมุนไวซะจนแทบตั้งตัวไม่ทัน



...
ห่างหายไปนาน แต่ไม่ทิ้งกัน ไม่มีเม้นไม่เป็นไรมียอดวิวก้พอ ยังไงก็จบจ่ะเรื่องนี้

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
​​

Me die 41 : In the End

​สิ้นสุด





เชนและพวกนักสืบที่ช่วยกันสือเรื่องของดร.ตั้งแต่วันที่เข้าไปถล่มรังทดลองของมันวันนั้นยังคงทำงานกันต่อเนื่อง พบเจอเบาะแสต่างๆที่บ่งบอกที่อยู่แต่เมื่อไปดูก็ไม่พบมีเพียงหลักฐานว่าพวกมันหนีไปได้หลายต่อหลายครั้ง เมื่อนำเส้นทางทั้งหมดมาประติดประต่อกันดูเหมือนว่าดร.นั้นจะมุ่งหน้าออกนอกประเทศโดยใช้เส้นทางส่วนมากเป็นแหล่งชนบทและป่าเขา และถ้าปล่อยให้พวกนั้นออกนอกประเทศไปได้สำเร็จล่ะก็คงจะจัดการพวกมันไม่ได้ ตอนนี้จึงต้องเร่งมือแข่งกับเวลา เมื่อพบเบาะแสไมเคิลอาสาไปยังสถานที่นั้นก่อนเพื่อถ่วงเวลารอเชนติดต่อกับพวกรีสแล้วตามมา แม้ว่าช่วงนี้จะติดต่อรีสและแลมป์ยากเพราะต้องการปิดบังเรื่องพวกนี้กับคนรักตัวเองอยู่ก็ตาม

“สำเร็จ! ในตอนนี้ผมมั่นใจเลยว่าเป็นของจริง แต่เราต้องรีบแล้ว ไม่งั้นพวกดร.นั่นคงออกนอกเขตไปแน่ๆ ไมเคิลช่วยติดต่อเจ้านายให้ทีนะครับ ผมจะติดต่อรุ่นพี่เอง” เชนที่นั่งจ้องจอตาไม่กระพริบอยู่ๆก็กระโดดดีใจจนไมเคิลและพวกที่เหลือที่นั่งอยู่ข้างๆตกใจ

“ให้ตายสิ ทีเวลากับติดต่อไม่ได้ เจ้านายล่ะครับ” เชนที่ตอนนี้คิ้วผูกเป็นโบว์ มีแต่ความเครียดอยู่ในหัวตั้งแต่มาช่วยเรื่องดร. จะมีก็แต่คนที่เขาหันไปถามเท่านั้นที่บางเวลาจะกวนตีนเรียกเสียงหัวเราะได้บ้าง

“ทางข้าก็ไม่ เจ้าควรไปบอกพวกนั้นด้วยตัวเอง ข้าจะไปถ่วงเวลาไว้ให้” ไมเคิลส่ายหัวประกอบและอาสาออกไปเองคนเดียวเพื่อหาทางออกให้เด็กน้อยของเขาที่ตอนนี้เครียดมากเกินไป

“แต่...” เชนไม่อยากทิ้งให้ไมเคิลไปคนเดียว เพราะครั้งนี้รู้สึกเป็นห่วงแปลกๆ เหมือนความรู้สึกของเขารับรู้ถึงอันตรายบางอย่างที่รออยู่ข้างหน้า

"เราตกลงกันไว้แล้วจำได้ไหม เจ้าเชื่อข้าบ้างสิเด็กน้อย ถ้าเจ้าเป็นห่วงก็แค่รีบตามไปก็พอ" ไมเคิลยิ้มส่งไปให้เชนมั่นใจในการตัดสินใจนั้น เชนพยักหน้าตกลงอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าไมเคิลเก่งพอตัว แต่ถ้าพวกดร.มันสู้กันตรงๆเขาจะไม่ห่วงเท่านี้เลย แต่พวกนั้นมันลอบกัดเล่ห์เหลี่ยมเยอะจนเกินไป ไมเคิลก็รู้ตัวว่าข้างหน้ามีอันตรายบางอย่างที่อาจส่งผลต่อตัวเขาแต่เขาก็ยังเลือกที่จะไปเมื่อทางนั้นมันคือทางออกสุดท้ายเพราะเขาไม่มีทางให้เด็กน้อยของเขาไปเสี่ยงแทนเด็ดขาด

เชนออกจากฐานลับ ปล่อยให้คนอื่นตามสัญญาณดร.ต่อไป เชนตรงไปยังที่อยู่ของเจ้านายเขาทันที เพราะถ้าไปทางรุ่นพี่ของเขาคงมีปัญหาหนักกว่าอย่างน้อยพี่หมอก็รู้เรื่องอยู่บ้าง และเป็นเรื่องโชคดีจริงๆที่รีสมาอยู่ที่คอนโดแลมป์เพื่อพูดคุยกันตามประสาพี่ชายน้องเขย?ที่เจ้าตัวบอก แต่จริงๆแล้วก็แค่หลบเฟิร์สออกมาปรึกษากันเรื่องสัญญาณที่เชนส่งไปก่อนหน้านี้กัน และที่เลือกมาที่นี่เพราะพี่หมอไปคลินิคตัวเอง ซึ่งนั้นก็เข้าทางเชนพอดี เชนจึงเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้สองคนฟัง

"ในที่สุดก็ตามเจอแล้วสินะ" แลมป์พูดขึ้นมาเมื่อฟังเชนเล่าจบแล้วทำหน้านึกอะไรบางอย่างคิ้วผูกกันเครียดกว่าเดิม รีสก็ด้วย ทั้งสองมองหน้าอย่างรู้อะไรกันสักอย่าง เชนที่ร้อนใจเพราะห่วงไมเคิลก็เร่งเอาๆ

"ผมไม่อยากให้เฟิร์สรู้เรื่องนี้"       "อืม พี่ก็ด้วย"

สองคนพูดรับส่งกันเสียงเครียด เชนที่ยืนฟังอยู่แทบอยากฆ่าเจ้านายกับรุ่นพี่ของเขาเอง ‘รู้ว่าห่วงเมียแต่ช่วยรีบหน่อย คนที่เป็นอันตรายตอนนี้คือไมเคิลนะครับ’ แต่นั่นแค่เสียงในใจ ถึงเขาจะกวนตีน แต่ยังไม่อยากตายก่อนกำหนด ได้แต่ยืนเท้าเอวมองหน้าคนที่เครียดผิดเรื่อง

แซ่ด.. แซ่ด..

สัญญาณการติดต่อถูกส่งมาจากไมเคิล เชนที่พกเครื่องติดตามไว้กับตัวตลอดก็เริ่มตื่นตะหนก ส่งเสียงตอบรับไป แต่ดูเหมือนฝั่งนั้นจะไม่ได้ยิน

"เชน ได้ยินเสียง ข้าไห- ข้า- แซ่ด.. รู้สึกแปลกๆ พวกมันทำ- แซ่ด.. อ้าก!!!!... ซ่าาาาาา!!!"

"ไมเคิล! คุณเป็นอะไร ได้ยินไหม ไมเคิล!!!!"

เสียงของไมเคิลขาดช่วง ต้องการความช่วยเหลือ ไหนจะเสียงร้องทรมานก่อนสัญญาณจะขาดหายไปนั่น แม้แต่มอนิเตอร์ของเชนก็จับตำแหน่งไม่เจอ ทั้งห้องเงียบงัน เชนหน้าตื่นและดูเหมือนจะร้องไห้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ รีสและแลมป์จึงให้เชนรออยู่ที่นี่ เพื่อบอกพอลและห้ามให้ตามไป รวมถึงปิดเรื่องนี้กับเฟิร์ส แม้ว่าเชนจะดื้อเพื่อไปหาไมเคิลแต่ก็ต้องยอมจำนนกับเหตุผลเพราะตัวเขาตอนนี้ก็แทบไม่มีสติ

ตำแหน่งหนึ่งในจอมอนิเตอร์บอกว่านั่นคือดร.ที่เชนตามเจอก่อนหน้ารวมถึงตำแหน่งที่เชนหายไปถูกส่งถึงมือของรีสและแลมป์ที่ตามไปจนถึง ซึ่งที่นั่นเป็นชนบทติดภูเขาสูงถัดไปไม่กี่ลูกจะถึงป่าที่เป็นทางติดกับประเทศเพื่อนบ้าน พวกเขาต้องจัดการพวกนี้ตั้งแต่ตรงนี้

ด้านเชนเมื่อหมอพอลกลับมาเชนก็เล่ารายละเอียดให้ฟัง บอกว่าตนจะไปที่ฐานลับ ส่วนหมอพอลก็ให้ช่วยไปกันทางเฟิร์ส และจะติดต่อกันเป็นระยะๆ

รีสและแลมป์เกือบไปถึงตำแหน่งที่เจอดร.รวมถึงมนุษย์ทดลองสองคนที่ออกมาจากแลปพร้อมกัน แต่ไม่เห็นวี่แววของไมเคิลที่สัญญาณขาดหายไป ดร.ไหวตัวทันหลบหนีออกไปจากตรงนั้นตั้งแต่ยังไม่เห็นพวกเขาเหมือนมีเส้นสายคอยจับตาดูอยู่ไกลๆ ทำเพียงทิ้งพวกลิ่วล้อที่รวบรวมมาได้ไว้กลุ่มหนึ่ง พวกมันกรูกันเข้ามากั้นไม่ให้ผ่านเส้นทางที่จะไปเจอเจ้านายพวกมันได้ตามคำสั่ง

"ไปสิ แค่นี้สบาย" แลมป์ยกยิ้มส่งซิกให้รีสวางใจรีบตามไป ตัวเขาจะรับมือเอง รีสเห็นแบบนั้นก็รีบตามตำแหน่งพวกดร.ไป คล้อยหลังรีส แลมป์ก็เก็บปืนเข้าซอง ยกมือขึ้นมาหักนิ้วข่มขวัญพวกกระจอก กำหมัดเตรียมเตะต่อย เพราะดูจากลักษณะแล้วพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเขาก็ล้มได้แน่นอน

ด้านเชน ที่ยังคงตามสัญญาณดร.ไปเรื่อยๆเพื่อนำทางให้รีส แต่แล้วก็มีสัญญาณรบกวนจากกลุ่มควันสีดำที่คุ้นเคย แต่ครั้งนี้แชนรู้สึกแตกต่าง เหมือนนั่นไม่ใช่ไมเคิลที่เขารู้จัก

"มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับไมเคิลแน่ๆ" เชนรีบให้คนอื่นมาทำแทนตน ส่วนตัวเขานั้นรีบร้อนออกไปหาไมเคิลแทน เพราะรู้สึกถึงความผิดปกติ ทำไมไมเคิลไม่ติดต่อมาหาเขา แถมตำแหน่งในตอนนี้ยังเคลื่อนไหวช้าเร็วเหมือนรอจังหวะบางอย่างอยู่

"เชนพี่ขอไปด้วย" หมอพอลที่รู้เรื่องด้วยก็อยากจะตามไปพร้อมกัน คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย อีกอย่างเขารู้จักดร.ดีมันต้องมีอะไรซ่อนไว้อีก ไม่งั้นไม่เดินทางช้าทิ้งช่วงให้รีสตามได้ง่ายๆแบบนี้

"แล้วพี่เฟิร์สพี่หมอจะทำไงครับ" เชนตอบกลับตามสายขณะที่มือหยิบอุปกรณ์ต่อสู้ของตัวเองเข้ากระเป๋าสะพาย

"นั่นสิ อ๊ะ พี่นึกออกแล้ว เชนค้นเบอร์ของติวเตอร์ให้ทีสิ"

ระหว่างรอสองคนนั้นมาถึง หมอพอลก็กระวนกระวายจนเฟิร์สเริ่มเอะใจ หมอพอลอยากจะไปช่วยเต็มแก่ เมื่อสองคนนั้นมาถึงยังทันได้พักทักทายกันก็รีบร้อนออกไปบอกว่ามีเคสผ่าตัดด่วนแทน

"เชนพี่ออกมาได้แล้ว นายอยู่ตรงไหน" หมอพอลรีบวิ่งออกมาจากคอนโดอย่างรีบร้อน

"ครับพี่หมอ จำรถผมได้ไหม เดินออกมาหน้าคอนโดเห็นเลยครับ เจอกันพี่" เชนกดวางโทรศัพท์คิ้วขมวด ตลกไม่ออกได้แต่กังวลสุดๆ ไมเคิลแปลกไปแน่นอน แต่เขาไม่รู้ว่าไมเคิลคิดจะทำอะไร อาจจะโดนหลอกใช้หรือปั่นหัว ถ้าเป็นไมเคิลไม่ทำร้ายรุ่นพี่อีกแน่นอน พวกเขาสัญญากันไว้แล้ว

เมื่อเชนและหมอพอลมาถึงตำแหน่งของแลมป์ แลมป์ที่จัดการทุกคนหมอบหมดแล้วหันมาเจอก็ได้แต่ตีหน้ายักษ์ใส่เชนและหันไปมองทางหมอพอล เชนที่เห็นว่าเสียเวลา ก็รีบวิ่งไปยังตำแหน่งที่ตนมั่นใจว่านั่นคือไมเคิลที่ตรวจเจอตำแหน่งไม่นานก่อนมาที่นี่อย่างรีบร้อนทั้งที่ปกติตัวเขาเองจะต้องเปิดตัวทีหลัง และที่กังวลตำแหน่งนั้นกำลังตามรีสไปด้านหลังทิ้งช่วงไม่ใกล้ไม่ไกล มันแปลกๆอะไรบางอย่างในใจบอกว่าไมเคิลนั้นทรยศ แต่เขาก็เป็นห่วงทั้งสองคน

แลมป์หันมาไม่เจอเชนหลังจากหันไปดุหมอพอลก็ทำงง แต่หมอพอลรีบอธิบายเพราะเป็นห่วและหาเรื่องผิดปากแลมป์ที่นับวันยิ่งพูดมาก ว่าเชนเจอไมเคิลและหมอนั่นกำลังตามหลังรีสไปห่างๆ มีบางอย่างแปลๆและพวกเขาควรรีบไปอย่ามัวเสียเวลา แลมป์ที่ขัดอะไรไม่ได้แล้วก็ได้แต่ตามใจ แค่ให้หมอพอลสัญญาว่าจะไม่เอาตัวเองเข้าหาอันตรายแล้วคอยช่วยเหลืออยู่ด้านหลังเขา หมอพอลพยักหน้ารับส่งๆแล้วออกวิ่งนำไป ในใจอยากจะตะโกนบอกแลมป์เหลือเกินว่าเขาไม่ได้มีดีแค่เป็นหมอ

ด้านรีส ที่วิ่งตามมาทันพวกดร.จนได้ แต่ก็รู้สึกผิดปกติจากรอยยิ้มนั่นที่ส่งมา สายตาภายใต้กรอบแว่นมีแต่ความอำมหิตและความสนุก? มนุษย์ทดลองสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็นิ่งซะจนเหมือนหุ่นยนต์ที่รอรับคำสั่ง

"หยุดนี้ได้แล้วดร.ผมว่าเราควรมาจบเรื่องนี้กันได้แล้ว" แม้จะมีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ยังเลือกที่จะพูดคุยเพื่อลองเชิง

"จบเร็วก็ไม่สนุกสิ ฉันยังอยากเห็นพลังของเธออยู่นะ รีส ตอนนี้เธอยังเป็นมนุษย์ทดลองที่ดีที่สุดของฉัน ฉันอยากให้เธอมาเป็นสมบัติของฉัน แต่ในเมื่อไม่ตกลงเธอก็ต้องถูกลำลาย และฉันอยากจะทดสอบอะไรบางอย่าง ว่าเธอจะฆ่าปีศาจที่เรียกว่าเพื่อนได้รึเปล่า ...ออกมาได้แล้ว!"

ฉึก!

ไมเคิลกระโดดออกมาจากด้านหลังทำให้รีสที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเซไป หัวไหล่ของเขาเป็นแผลยาวตามรอยเล็บของไมเคิลจากการกระโดดโจมตีเมื่อครู่ เลือดไหลออกชุ่มเสื้อ แต่ไม่นานบาดแผลก็สมานเหลือไว้เพียงคราบเลือดที่เปื่อนเสื้ออยู่

"ไมเคิล..." รีสที่มองหน้าไมเคิลแต่ก็เห็นสิ่งผิดปกติ ดวงตาที่เคยส่องแสงเรืองรอง แต่ตอนนี้กลับขุ่นมัวเหมือนมองไม่เห็นสิ่งใด

"พูดกับมันไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ในหัวของหมอนี่มีแต่ฆ่าทุกคนตามคำสั่งฉันเท่านั้น ...ตามฉันต่อสิ ถ้าเธอสามารถฆ่าเพื่อนของตัวเองได้" ดร.พูดอย่างเหนือกว่ามองดูรีสที่หนักใจเลือกไม่ได้ แววตาใต้กรอบแว่นยังคงสนุกกับเรื่องโรคจิตสุดๆ ดร.ไม่ได้เลิกล้มที่จะเอารีสมาไว้ใช้งาน แต่ต้องการทดสอบ ถ้ารีสแพ้รีสอาจจะตกอยู่ภายใต้อำนาจบางจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าแพ้ก็เท่ากับว่าฆ่าเพื่อนตัวเอง

"ไมเคิลหยุดนะ!" เชนที่วิ่งตามมาทันและเห็นไมเคิลกำลังจะกระโดดใส่รีสอีกครั้ง เมื่อไมเคิลได้ยินเสียงเชน ร่างกายก็กระตุกหยุดลงอัตโนมัติและหันไปมองทางต้นเสียง ดร.หัวเสียที่มีตัวเสือกเข้ามาวุ่นวายเยอะเกินไป เขาคงต้องเลือกทิ้งสิ่งทดลองมีชีวิตและเอาตัวรอดซะก่อน จึงออกเสียงสั่งให้ไมเคิลฆ่าทุกคนที่ขัดขวางตัวเอง รวมถึงให้มนุษย์ทดลองสองคนข้างๆ ส่วนตัวเองก็รีบร้อนหลบหนีออกไปด้านหลัง

"พวกเราจัดการพวกนี้ให้ รีสนายรีบไปเถอะ" แลมป์ที่วิ่งตามมาตะโกนบอกรีสและไปยืนประชันหน้ากับพวกมนุษย์ทดลอง รีสขยับวิ่งตามไปสองคนนั้นก็ขยับจะตามไปกันแต่แลมป์และหมอพอลก็เข้ามาขวาง เช่นเดียวกับไมเคิลที่เห็นรีสขยับก็ทำท่าจะกระโจนออกไปแต่เชนก็เข้ามาขวาง ยิงสวนไปด้วยปืนเข้าหัวไหล่ขวา ไมเคิลที่โดนยิงใส่ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาโจมตีเชน เชนเห็นว่าไมเคิลติดกับก็พาวิ่งออกไปอีกด้านเพื่อลดการเข้าโจมตีเป็นกลุ่มกับอีกสองคน และตัวเขาเองก็ต้องการพื้นที่เพราะเป็นพวกถนัดไกล

พอลและแลมป์หันหน้ามองกันโดยอัตโนมัติ แลมป์รู้ว่าเขาคงสู้พวกตัวทดลองพวกนี้ไม่ไหว และไม่คิดว่าหมอพอลจะไหวด้วย แต่ก็เพื่อถ่วงเวลาฆ่าดร.ได้สิ่งเลวร้ายจะได้จบลง แค่สละชีวิตส่วนน้อย และชีวิตนั้นจะเป็นเขาเองคนรักของเขาทุกคนต้องปลอดภัย เมื่อตัดสินใจก็หันไปยิ้มให้หมอพอลบอกว่าเขาจะล่อให้และรีบหนีไป จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่มนุษย์ทดลองที่ยืนอยู่ตรงหน้าตน ยกปืนขึ้นยิงไปที่ทั้งสองตัวเพื่อล่อให้มาสนใจตัวเขาคนเดียว แต่หมอพอลรู้ว่าแลมป์คิดจะทำอะไรก็เข้าโจมตีพวกนั้นเช่นกัน แลมป์ที่รู้ว่าพอลไม่ยอมแต่ไม่มีเวลามาพูดมากแล้ว ได้แต่รับมือพวกมนุษย์ทดลองที่เริ่มขยับกายเตรียมโจมตีกลับ

ปัง! ปัง!

“ยิงไม่เข้างั้นหรอ” แลมป์ที่ยิงลูกปืนเจาะกะโหลกไปสองนัดติดๆต้องถอยกลับเพราะกระสุนที่ยิงไปถึงเป้าหมายโดน แต่ไม่เข้า!

“ทางนี้เข้าแต่มันไม่รู้สึกอะไรเลย” หมอพอลที่ถอยกลับมาเหมือนกันพูดขึ้น เพราะกระสุนนัดที่เขายิงออกไปใหม่เจาะเข้ากลางลำตัว มีของเหลวสีเหลืองคล้ายน้ำมันไหลเยิ้มออกมา แต่ตัวของมนุษย์ทดลองทั้งสองก็ยังเดินหน้าเข้ามาโจมตี เหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ

มนุษย์ทดลองตัวหนึ่งร่างกายใหญ่โตแต่งกายด้วยชุดคล้ายทหารคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำที่ถูกถอดออก และนั่นทำให้กระจ่างทันทีเมื่อหน้าผากทุถูกกระสุนถากไปนั้นด้านในผิวหนังมีแต่เหล็ก แต่ยังไงมันก็เป็นมนุษย์ทดลอง มันจะต้องมีจุดอ่อนเพียงแค่ตอนนี้แลมป์หามันไม่เจอ มันเข้ามาโจมตีแลมป์ ขณะที่อีกตัวหยุดยืนและจ้องหน้าหมอพอลนิ่งๆ แลมป์วิ่งไปอีกทางและยิงปืนกระหน่ำใส่มันไปด้วยและตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเคลื่อนไหวช้า มันคือหนึ่งในจุดอ่อน แต่ในเมื่อมีจุดอ่อนก็ต้องมีจุดแข็งที่มากขึ้น และเขาจะต้องไม่ประมาท เพราะถ้าแค่นี้เขาเอาอยู่แน่นอน เพียงแค่ยื้อให้รีสไปฆ่าดร.นั่นได้ก็เป็นพอ

หมอพอลที่ยังคงยืนจ้องหน้ากับมนุษย์ทดลองหมายเลข03 ที่ถูกยิงก่อนหน้าแล้วป้ายชื่อออกมาด้านนอก มันทำแค่ยืนนิ่งๆและจ้องเขา ตัวนี้สภาพร่างกายแตกต่างส่วนสูงของมันเกิน2เมตรแน่ๆ และดูท่าใต้ผ้าคลุมนั่นขาของมันน่าจะมีมากกว่าสองและไม่ใช่ขามนุษย์แน่นอน อีกทั้งปลายเท้าของของมันยังแหลมคม  มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนอกจากมองจ้องตัวเขาเหมือนกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง... ใช่! สำรวจ มันจะต้องมีระบบอะไรบางอย่างที่ตรวจสอบอาวุธหรือความแข็งแก่งของคู่ต่อสู้!

หมับ!

หมายเลย03เคลื่อนตัวมายืนซ้อนทับอยู่ข้างหลังหมอพอลด้วยความรวดเร็ว ขาเส้นหนึ่งถูกยกออกมาและแทงเข้ากลางท้องของหมอพอลจนกระอักเลือด มันยกตัวหมอพอลขึ้นสูงเหนือหัวและทำท่าจะทุ่มลงมาที่พื้นให้ตายอย่างทรมาน และคงจะทำแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆจนกว่าอีกฝ่ายจะหมดลมหายใจ

“เอ้ย! อึก!” หมอพอลรู้ตัวช้าไป และกำลังแย่สุดๆ เพราะเอาแต่คอยกังวลไม่ได้หาจุดอ่อนของมันเหมือนที่มันทำ อีกทั้งยังด้อยประสบการณ์ต่อสู้ มีแต่เสียเปรียบกับเสียเปรียบ มันเคลื่อนไหวเร็วเกินไปแม้แต่จะหลีกหนียังไม่ทัน

“พอล!”

ปัง! ปัง!

แลมป์ที่หันมาเห็นหมอพอลกำลังแย่ๆ เขาหันมาสนใจทางหมอพอลวิ่งเข้าหาหมายเลข03ยกปืนยิงที่ขาเส้นนั้นจนมันเสียหายรับน้ำหนักไม่ไหว ค่อยๆเอนลงมาให้ร่างหมอพอลลงสู่พื้นโดยไม่เจ็บมาก แต่มันไม่ได้มีแค่ขาเดียว ขาอีกหลายเส้นขยับหยุบยับจะออกมาจะกระหน่ำแทงร่างหมอพอล แลมป์ที่เห็นแบบนั้นก็ตาเบิกโพรงจะวิ่งเข้าหาโดยที่เขาลืมไปว่าตัวเองกำลังต่อสู่อยู่เช่นกัน มนุษย์ทดลองทหารนั้นเข้าโจมตีแลมป์ด้วยการวิ่งชนจนตัวเขากระเด็นไถลออกไปไกลคลุกฝุ่น จุกจนแทบลุกไม่ขึ้น และรู้สึกถึงกระดูกแขนข้างซ้ายที่ถูกชนจังๆจนหักได้ยินเสียงดังกร๊อบ...เขาประมาท และประมาท = ตาย

ด้านเชนที่ล่อไมเคิลออกไปอีกด้านได้สำเร็จ เขาบรรจุกระสุนพิเศษที่คิดค้นขึ้นเพื่อกำจัดพวกมนุษย์ทดลองแบบนี้ลงในปืนสั้นและเหน็บไว้ขางเอวเผื่อฉุกเฉิน หยิบปืนที่บรรจุกระสุนธรรมดาขึ้นมา ส่วนอีกข้างบรรจุกระสุนช็อตไฟฟ้าสำเร็จรูปที่ไม่รู้จะได้ผลไหมแต่อย่างน้อยก็คงช่วยให้ช้าลงได้ ส่วนในกระเป๋าก็มีกระสุนพิเศษที่ยังไม่เคยทดลองอยู่เต็มกระเป๋าหวังว่ามันจะช่วยเขาดึงสติไมเคิลได้ เขาไม่ได้ต้องการฆ่าไมเคิลแค่จะหยุดเท่านั้น แต่ถ้าหยุดไม่ได้ก็ต้องสูญเสียหนึ่งเพื่อรักษาอีกหลายชีวิต

ตอนนี้ไมเคิลกลายร่างสมบูรณ์ อยู่ในร่างหมาป่าตัวใหญ่เขาแหลมเล็บคม แต่ดวงตากลับหม่นหมองปากอ้ากว้างน้ำลายหยดพ่นลมหายใจออกมาเหมือนหมาบ้าที่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ และเพราะอยู่ในร่างนี้ทำให้เชนเสียเปรียบ แม้ว่าจะเร็วแค่ไหนก็ยังคงเป็นแค่มนุษย์ ย่อมเสียเปรียบเป็นธรรมดา เชนกระโดดไปตามกิ่งไม้ใหญ่พยายามขึ้นที่สูงให้ไมเคิลเสียเปรียบ แต่ก็ยากลำบากเพราะป่าไม้ที่นี่ไม่คุ้นเคย เกือบทำให้ตัวของเขาตกลงมาหลายต่อหลายรอบ

เชนเคลื่อนไหวกายไปเรื่อยๆและยิงกระสุนธรรมดาสวนไป ทุกครั้งที่ยิงโดนหัวใจของเขาเจ็บปวดเพราะเสียงร้องของอีกฝีกฝ่ายทั้งยังเลือดที่ไหลออกมาจากตำแหน่งที่ถูกยิง แต่ร่างนั้นก็ยังไม่หยุดทำให้เชนต้องทำต่อไป

ไมเคิลที่โกรธจนควันออกหูเพราะตอนนี้ตัวเขาเสียเปรียบ พยายามหาวิธีตามให้ทันและกระชากมันลงมาขย้ำที่พื้น แต่เมื่อเร่งสปีด ตัวเขาก็โดนเชนยิงกระสุนไฟฟ้าใส่ทำให้การเคลื่อนไหวหยุดชะงักเป็นช่วงๆเพราะโดนช็อต ยิ่งสร้างความรำคาญให้แก่ไมเคิลเพิ่มความโกรธเป็นทวีคูณ

โฮก!!

เชนกำลังเสียเปรียบเพราะกระสุนไฟฟ้าหมด ไมเคิลกระโจนใส่ขณะที่กำลังจะเคลื่อนกายไปยังกิ่งไม้อีกกิ่งที่สูงกว่า หมาป่าตัวสูงใช้อุ้งมือใหญ่โตตบร่างเชนจนล่วงลงพื้น ความเจ็บจุกแล่นแปร๊ดถึงกระดูกขยับตัวไม่ได้ ไมเคิลที่เป้าหมายล่วงลงพื้นตามตรงการ แต่ยังไม่อยากฆ่าทิ้งต้องการเล่นกับเหยื่อตามประสาสัตว์นักล่า ขาหน้าที่มีเล็บแหลมยาวเข้าตะปบเขี่ยร่างเชนที่นอนฟุบคว่ำอยู่ที่พื้น เขี่ยไปเขี่ยมาอยู่อย่างนั้น แต่ยิ่งเขี่ยเชนยิ่งสะบักสะบอมกว่าเดิม ด้วยน้ำหนักเท้าและเล็บแหลมๆนั่นทำให้เขาเลือดออก เชนเริ่มหายใจรวยรินสติจะครองตนก็แทบไม่มีเหลืออยู่กับตัว มองออกไปด้านข้างเห็นกระเป๋าใส่อาวุธที่หลุดออกไปตนล่วงลงมา อาศัยแรงเท่าที่มีค่อยๆยืดแขนออกไปคว้ามันไว้ เมื่อเอื้อมถึงพยายามล้วงมือเข้าไปหยิบปืนที่บรรจุกระสุนพิเศษกำไว้แน่นและรอเวลา

ไมเคิลที่เล่นกับเหยื่อจนแน่นิ่งก็เบื่อและอยากกิน อุ้งเท้าหนาใช้แรงตบเข้าที่ข้างลำตัว ตัวของเชนพลิกกลับด้านมานอนหงาย ดวงตากลมโตที่เคยสดใสยังคงจ้องมองร่างหมาป่าตัวใหญ่ตรงหน้า เอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบาในลำคอหวังเรียกสติ แม้ว่าจะไม่มีหวังเลยก็ตาม

“ม ไมเคิล..ไมเคิล..”

ไมเคิลไม่แม้แต่จะสนใจฟังเสียงน่ารำคาญนั่น เคลื่อนกายใหญ่โตมาคร่อมทับ ก้มหัวหมายักษ์ลงต่ำสูดดมและสังเกตเหยื่อเพื่อความแน่ใจว่าเหยื่อยังมีชีวิตอยู่แม้จะหายใจรวยริน ปากถูกอ้ากว้างโชว์เขี้ยวคมน่ากลัว น้ำลายเหนียวข้นหยดย้อยโดนตัวของเชนที่อยู่ด้านล่าง เชนอาศัยจังหวะนี้กระชากแขนตัวเองออกจากกระเป๋าเอาปืนจ่อกลางหน้าอกหมาป่าตัวเขื่องและเหนี่ยวไกทันที

ปัง!

“โฮกกกกกก!!!”

เสียงร้องคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวดดังก้องป่า หน้าของหมาป่ายักษ์เชิดขึ้นถอยตัวออกห่างจากเชน ยกขาหน้าปัดหน้าอกตรงตำแหน่งที่ถูกยิงเข้าไปเหมือนต้องการจะเอาออกและบรรเทาความเจ็บปวดที่มี กระสุนพิเศษที่ไม่เคยได้ทดลองแต่ดูเหมือนมันจะทำงานได้ดีเกินคาด ลำตัวของหมาป่ายักษ์กระตุก ชักดิ้นชักงอ กลิ้งตัวอยู่บนพื้นด้วยความทรมาน ส่งเสียงครางหงิงด้วยความเจ็บปวด ไม่นานลำตัวก็หดลงเรื่อยๆจนอยู่ในร่างมนุษย์ที่นิ่งไม่ไหวติงจนที่มองอยู่ใจเสีย

เชนที่นอนหายใจรวยรินมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยใจที่เจ็บปวดไม่ต่างกัน ทั้งยังเจ็บกว่าที่ต้องตัดสินใจลงมือยิงไป ตอนนี้เขาทำได้แค่ภาวนาว่าการที่ตัดสินใจลงไปแบบนั้นแล้วจะไม่เป็นการปลิดชีวิตปีศาจที่เขารัก แต่ยิ่งมองคนๆนั้นดิ้นด้วยความทรมานก็ไม่อาจทนดูได้ นอกจากหลับตาแต่เสียงโหยหวนขอความช่วยเหลือก้องอยู่ในหู เมื่อเสียงเหล่านั้นเงียบลงไป เชนกลับใจไม่ดีกว่าเดิม เพราะมันเงียบเกินไป

“...ไม เคิล…”

เชนขยับลากร่างกายตัวเองด้วยแรงที่มีเข้าไปหาไมเคิลที่นอนนิ่งงัน เอ่ยเสียงเรียกแผ่วเบาแต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยา น้ำตากำลังเอ่อท้นดวงตากลมโต แขนเล็กขยับกอดร่างนั้น แนบใบหน้าซบอกเปลือย และเอ่ยคำบางคำออกมาที่มันส่งผลทำให้ร่างที่แน่นิ่งขยับ...

“...ผมรักคุณ”

ขณะเดียวกัน

รีสที่ตามดร.ไปทัน แต่เห็นว่าเป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีลูกน้อง เลยพยายามไม่ใช้กำลังเข้าไปจับตัวเพื่อเอากลับไปตัดสิน เพราะคำสัญญากับเฟิร์สว่าเขาจะไม่ฆ่าคน ดร.จนมุมเอ่ยร้องขอชีวิต พยายามหลีกหนีไม่พ้นแต่ก็ยังคงยิ้มชวนสยองเหมือนเดิม ทำให้รีสแปลกใจและระวังตัว ดร.แอบหยิบยาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือและจะแทงเข้าที่ตัวรีสเพื่อให้รีสกลายเป็นทาสเหมือนที่ไมเคิลโดน แต่รีสไวกว่าใช้มือใหญ่ปัดยาหลอดนั้นตกพื้นแตก ดร.ที่ถอยออกไปไกลเห็นแบบนั้นก็หัวเสียเพราะนั่นคือหลอดสุดท้ายที่มี นั่นทำให้ดร.เลือกไม่ได้ เขาหยิบยาอีกหลอดแต่สีไม่เหมือนกันจากในกระเป๋ากางเกงตัวเองออกมา รีสตั้งรับการโจมตี แต่คาดไม่ถึงที่ดร.นั่นปักยาหลอดนั้นเข้าที่กลางอกตัวเอง

“หึหึ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ อึก ฮ่าฮ่าฮ่า”

เสียงหัวเราะของดร.ดังลั่น ร่างกายสูงใหญ่และแข็งแรงขึ้นมากกว่ามนุษย์ปกติ ฟันแทงไม่เข้า ดร.เข้าโจมตีรีสทันที รีสเสียหลักไม่ได้ตั้งตัวล้มลงกับพื้น ดร.เห็นดังนั้นก็เข้าโจมตีต่อเนื่อง รีสพยายามปัดป้องและหาทางลุกขึ้นจากพื้น เมื่อลุกขึ้นได้รีสก็ดึงพลังในตัวเองออกมา ไอเย็นแผ่ไปรอบๆ ดวงตาแดงก่ำ เล็บยาวเข้าไปกระชากแขนหมายให้หลุดเพื่อตัดกำลัง แขนของดร.ไม่หลุดออกมาดังคาด รีสที่ตะลึงที่ได้เห็นมนุษย์ธรรมดาทนแรงเขาได้ขนาดนี้ก็พลาดให้กับดร.อีกครั้ง ดร.ใช้อาวุธปลายแหลมที่รีสไม่รู้ว่ามันมาจากไหนฟันเข้าที่แขนรีสข้างที่จับจนขาดหลุดจากกัน แต่เมื่อหายอึ้งเสียงหัวเราะของดร.ในคราแรกก็หายไป รีสเข้าต่อสู้กับดร.อย่างจริงจัง จนเห็นจุดอ่อนที่ด้านหลังเมื่อโดนโจมตีร่างนั้นจะกระตุกและหยุดไปเสี้ยววิ รีสทุบเข้าที่กลางกระดูกสันหลังด้วยแรงที่มีและติดต่อกันหลายครั้ง จนดร.ล้มลงกับพื้นพนมมือไหวเอ่ยขอร้องเสียงสั่น

“ขะ ขอร้อง ไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ” รีสเห็นดังนั้นก็เกิดลังเล ซ้ำคำสัญญากับเฟิร์สที่ว่าจะไม่ฆ่าคนอีกผุดขึ้นมา ลักษณะของดร.ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากมนุษย์เพียงแค่หนุ่มขึ้น

ฉึก!

“อ้ากกกก!!!”

ขณะที่รีสเกิดลังเลเพียงเสี้ยววิ แต่เป็นการเผยจุดอ่อนครั้งใหญ่ ดร.เปลี่ยนแขนของตัวเองข้างหนึ่งเป็นใบมีดที่ยาวและคม เสียบแทงเข้าที่หัวใจของรีสอย่างรวดเร็ว ร่างรีสกระตุกเพราะความเจ็บปวดที่ไม่ได้สัมผัสมานาน และมันกำลังเกิดขึ้นตอนนี้ โดยฝีมือของงูเห่าที่เขาพยายามไว้ชีวิต ดร.กดย้ำใบมีดเข้าเข้าลึกจนเลือดไหลเยิ้มทะลักบาดแผลออกมาอย่างหยุดไม่ได้ ...หัวใจที่กลับมาเต้น ...จุดอ่อนที่เจ็บปวดเพียงจุดเดียว...

“แกมันโง่เอง คิดหรอว่าการที่หัวใจกลับมาเต้นได้จะทำให้แกมีชีวิตปกติ ในเมื่อแกไม่ยอมก้มหัวให้ฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเก็บแกไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามอีกต่อไป ลาก่อน”

“ไม่!!!!!!!!!!”

เฟิร์สที่นอนหลับอยู่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ตะโกนร้องเสียงหลงพร้อมกับมือที่เอื้อมไปคว้าบางอย่างในอากาศที่ว่างเปล่า ทั้งน้ำตายังไหลท่วม หัวใจบีบรัดเจ็บปวดเมื่อในฝันเห็นคนรักของตนสิ้นใจตรงหน้า แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ติวเตอร์และทามที่อยู่นอกห้องได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามาดู ติวเตอร์เห็นเฟิร์สแย่ก็เข้าไปกอดปลอบอยู่นานกว่าจะสงบลง

เฟิร์สนั่งไม่ติดเก้าอี้เอาแต่กังวลเรื่องที่ฝัน ติวเตอร์ที่ได้ฟังด้วยก็กังวลตาม ทามก็นั่งรอฟังเงียบๆ แต่แล้วจู่ๆเฟิร์สก็ผุดลุกขึ้นลง เดินไปเดินมาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง จนทามที่ความอดทนต่ำเริ่มรำคาญ จนโพล่งปากออกไปว่าอยากรู้อะไรก็ไปหาคำตอบอย่ามาเดินวนไปวนมา เฟิร์สหันไปยิ้มให้ทามที่ชี้ทางสว่างและทำท่าจะออกไปยังฐานลับของเชนเพื่อถามข่าว ติวเตอร์ลุกขึ้นห้ามไว้แทบไม่ทันได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปให้ทามที่ปากไม่ดี เพราะเขารับปากตอนคุยโทรศัพท์กับหมอพอลแล้วว่าอย่าให้เฟิร์สออกจากห้องเพราะนั่นหมายถึงชีวิตเฟิร์สและรีสจะไม่ปลอดภัย





...

เก็บไว้ให้ลุ้น 555

ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆเลยค่ะ และไม่ทิ้งกันด้วยขอบคุณมาก

แบ่งหน้าแล้วได้2ตอน แต่สั้นยาวอาจไม่เท่ากันเล็กน้อยนะจ้ะ

เราจะเหลือตอนจบตอนหน้า ตอนพิเศษถ้าอยากอ่าน และคู่พิเศษไมเคิลเชน2,3,ถ้าต้องการร


...
มีคนอ่านป่าวว้าเนี่ยยยย

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Me die 42 : ความสวยงามของการจากลา
   
ปัง!!
“ไม่ไหวก็ไม่น่าฝืนนะครับเจ้านาย” เชนที่โดนไมเคิลประคองมาพูดขึ้นเมื่อยิงใส่มนุษย์ทดลองทหารที่กำลังจะเข้ามาโจมตีแลมป์ ไมเคิลที่ร่างกายฟื้นฟูเร็วกลายร่างกระโจนเข้าไปช่วยเหลือหมอพอลที่กำลังเสียเปรียบจะโดนขาหลากหลายเส้นแทงตายออกมาได้ทัน
“ควรบอกตัวเองมากกว่านะ เจ็บหนักไม่เบาหนิ” แลมป์พักหายใจพูดขึ้นโดยที่ดวงตายังไม่ละจากคู่ต่อสู้ ความมุ่งมั่นและอดทนพวกนี้ของแลมป์ทำให้พักดี เชนยิ้มให้กลับภาพที่เห็นและเข้าไปร่วมต่อสู้ระยะไกลตามที่ตัวเขาถนัด
ทั้งสองคนทีมเดียวกันย่อมรู้ใจและทำงานเข้าขากัน แลมป์เข้าประจันหน้าโจมตีระยะประชิด แต่เมื่อจะเสียเปรียบเชนก็ใช้อาวุธของเขากระหน่ำยิงเข้าใส่ น่าเสียดายที่กระสุนพิเศษของเขาที่เคยใช้กับไมเคิลได้ผลแต่ยิงมนุษย์ทดลองตัวนี้ไม่เข้า เชนจึงโยนอาวุธขึ้นฟ้าเมื่อเห็นว่าหมอพอลสยายปีกตัวเองบินโฉบไปโฉบมาเพื่อล่อแล้วให้ไมเคิลลอบโจมตี แล้วตัวเขาเองก็ใช้กระสุนธรรมดาที่ยิงไม่เข้าแต่สร้างความรำคาญได้กระหน่ำเข้าใส่มัน และนั่นทำให้รู้ว่ามันมีจุดอ่อนอยู่ด้านหลังคอผิวหนังมันเป็นรูกระสุนและร้องเจ็บปวด มันจึงหันมาสนใจเชนที่ลอบยิงอยู่ แลมป์ที่รอจังหวะก็เข้าประชิดตัว ใช้มีดสั้นแทงลงไปตรงนั้นขยับมีดหมุนคว้านจนเป็นรูกว้างเห็นไมโครชิพด้านใน มนุษย์ทดลองทหารเมื่อโดนรู้จุดตายก็หันมาสนใจแลมป์ คว้าตัวของแลมป์ล่วงสู่พื้นและยกเท้าเหล็กกระทืบเข้าที่แขนอีกข้างหวังให้หักตามอีกข้างไป เสียงปืนของเชนดังขึ้นอีกครั้ง ร่างเหล็กใหญ่ยักษ์หยุดนิ่งกระแสไฟฟ้าช็อตทั้งระบบเมื่อไมโครชิพโดนทำลาย ขาที่ยกหวังจะกระทืบค้างกลางอากาศ และนั่นทำให้ร่างของมันเอนลงมาทางนี้ แลมป์เห็นแบบนั้นก็ตาโตสุดขีดเห็นทางไปสวรรค์อยู่รำไรเหล็กเป็นตันๆขนาดนั้นระยะแค่นี้ตายแน่
ตึง!
“ฟู่ว... กว่าจะยิงได้ ฉันแทบกระอักเลือดตาย” แลมป์ถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ หันไปดุเชนนิดๆเพื่อเปลี่ยนเรื่องกันเด็กมันล้อเลียนที่เขาตกใจขนาดนั้
“โทษคร้าบเจ้านาย เอาเป็นว่าเมื่อครู่ผมไม่เห็นล่ะกัน” เชนเดินมาหาแลมป์ยิ้มๆ โชคดีที่แผนของพวกเขาสำเร็จด้วยดี เพราะรอยมีดนั้นคือการมาร์กจุดตายและคนที่จะทำลายไมโครชิพนั่นคือตัวเขานั่นเอง


ทางด้านหมายเลย03 ที่ได้ยินเสียงล้มตึงของยักษ์ใหญ่ทีมตัวเอง แม้พวกเขาจะเป็นมนุษย์ทดลองแต่ทุกคนมีจิตสำนึกเป็นของตัวเองและรักพี่น้อง เพียงแต่ฝืนร่างกายทำตามคำสั่งที่ได้รับมาไม่ได้ ดร.นั่นหลอกให้พวกเขามาทดลองและกลายเป็นสัตว์ประหลาด เขาอยากจะหยุดมัน แต่ร่างกายไม่ยอมฟัง และไม่มีใครรู้เพราะพวกเขาพูดไม่ได้อีกต่อไป โชคดีแล้วที่จะได้ตายในวันนี้...ขอบคุณ
“เพื่อนของนายตายไปแล้ว นายพร้อมรึยัง” พอลพูดขึ้นเมื่อเห็นหมายเลย03หันไปมองทางเพื่อน เขาเคยมีส่วนร่วมกับการทดลองทำไมจะไม่รู้ว่าพวกนี้ยังคงรับรู้ทุกอย่าง แต่ถ้าเขาไม่ฆ่าคนที่ถูกฆ่าก็คือพวกเขาเอง โปรแกรมมันมีแค่นั้นไม่มียกเลิก
หมายเลย03หันมามองทางพอล พอลรู้สึกเหมือนเขาได้คำตอบจากดวงตานั้นว่าพร้อมแล้ว จากตอนแรกจะเข้าโจมตีพร้อมไมเคิลทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักลง หรือมันจะมีทางแก้ไข แต่ก็สายไปที่จะคิดอะไรตอนนี้ ไมเคิลกระโดดเข้าทางด้านหลังจนหมายเลข03ล้มลงพร้อมเข้างับคอกระชากสายไฟต่างๆออกมาเละเทะส่วนหัวหลุดออกจากตัวกลิ้งไปทางพอล เพราะคาดว่าจุดอ่อนน่าจะอยู่ตำแหน่งเดียวกัน
“ดร.เจ้าเล่ห์นั่น!” พอลสบถอย่างหัวเสีย แบบนี้สินะดร.ถึงไม่ให้เขาเข้าไปตอนประกอบร่าง เพราะหมายเลข03มันไม่ตาย ขาหลากหลายเส้นพยายามดิ้นและดันร่างกายของมันขึ้น และนั่นทำให้รู้ว่าด้านบนเป็นเพียงแค่หุ่น ผ้าคลุมสีดำหลุดออกพร้อมกับพลาสติกด้านบน สมองของมันเต้นตุบตับอยู่ในกระจกแก้วทรงกลมล้อมรอบด้วยขาหยุบหยับน่ากลัว ดูเหมือนจะง่าย แต่การที่จะฝ่าขาแสนอันตรายนั่นเข้าไปมันไม่ง่ายเลย เหมือนเอาผิวตัวเองไปให้มีดแล่เนื้อสับเอาก็เท่านั้น
โฮก!!
ไมเคิลที่อยู่ใกล้มันโดนขาแหลมเสียบเข้าที่แผลเดิมเพื่อเป็นที่พยุงตัวขึ้น ไมเคิลปวดหนึบที่หน้าอก เพราะพิษจากกระสุนพิเศษของเชนยังเล่นงานอยู่เนืองๆแถมพอมันยืนขึ้นได้มันก็กระหน่ำแทงแผลเขาจนทนไม่ไหว เชนที่อยู่ไม่ไกลล้มลงกับพื้นเจ็บปวดเช่นเดียวกับไมเคิล สองคนนี้ทำพันธสัญญากันก่อนจะมาที่นี่ สัญญานี้คือการผูกชีวิต ใครเจ็บอีกคนก็รู้สึก แต่ถ้าอีกคนมีพลังอีกคนก็จะมีเช่นกัน เรียกง่ายๆคือการถ่ายโอนพลังชีวิตของทั้งสองฝ่าย ร่างของหมาป่ากลายเป็นคนด้วยความเจ็บจนทนไม่ไหวอีกต่อไป 
“อย่ามาดูถูกพวกเราหน่อยเลยไอ้สัตว์ประหลาด” แลมป์ที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างหลังมันได้ยังไง ยกปืนประดิษฐ์ลักษณะคล้ายหัวRPG จ่อไปที่สมองในกระจกแก้วของมัน พอลที่รออยู่แล้วก็บินเข้าไปลากไมเคิลที่นอนอยู่ออกมา กระสุนถูกยิงออกไปด้วยความแม่นยำเจาะทะลุแก้วหนาที่ครอบสมองของมันเกิดแรงระเบิดตูม เมื่อควันจางลงร่างทดลองล้มอยู่บนพื้น สมองของมันไม่ได้รับความเสียหายเพราะกระจกแก้วร้าวเป็นรูเล็ก ขาเหล่านั้นเริมขยับอีกครั้งและดูว่ามันจะเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม เชนที่เริ่มขยับกายไหวก็ลุกขึ้นหามุมยิงกระสุนพิเศษเข้าเจาะสมองเพื่อไม่ให้มันลุกขึ้นมาได้อีก และก็สำเร็จจนได้ ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทิ้งกายลงสู่พื้นด้วยความเหนื่อย


"เฮ้ ไมเคิล ไม่ยักรู้นะว่านายเองก็ชอบใส่กระโปรง ติดความโรคจิตลูกน้องฉันมารึไง" เมื่อจัดการมนุษย์ทดลองสองคนนั้นเสร็จสิ้น แลมป์ก็ออดไม่ได้ที่จะถามออกไป พอลได้ยินก็หันมาตีแขนเบาๆเชิงดุ สองคนนี้มาช่วยมันก็ดีอยู่หรอกดีมากๆ แต่มันติดตาตั้งแต่ตอนนั้นละ หมาป่าใส่กระโปรง? หมดกันภาพลักษณ์ดุร้าย
"เจ้านาย! หยุดพูดไปเลยนะครับ แค่นี้ไมเคิลก็อายจะแย่แล้ว แต่ถ้าไม่ให้ใส่จะให้เปลือยหรอ หรืออยากเห็นจะได้ให้ทำ ให้พี่หมอดูด้วยดีไหมครับ ห้ะๆ" เชนได้ยินเจ้านายตัวเองแซวปีศาจสุดรักสุดหวงก็อดไม่ได้ที่จะเลือดขึ้นหน้าออกโรงปกป้องแทน แต่ยิ่งพูดเหมือนยิ่งทำให้ไมเคิลอายกว่าเดิมซะอีก
"เจ้านั่นแหละหยุดพูดเชน จะให้ข้าเปลือยน่ะเจ้าไม่หวงรึไง" ไมเคิลหน้าแดงก่ำอายในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เอาจริงๆเขาก็อ่อนไหวเรื่องแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ
"ผมไม่หวงหรอก ก็รู้หนิว่าชอบโชว์ อีกอย่างไอ้เนี่ยน่ะ ก็จับมาตั้งแต่เด็กๆ จำไม่ได้รึไง" ยิ่งเชนพูดไมเคิลยิ่งหน้าแดง นึกย้อนไปหลายสิบปี เด็กประหลาดที่โบสถ์ในวันนั้นก็เจ้าเด็กโรคจิตคนนี้นี่เอง ส่วนเชนเมื่อแกล้งได้ก็เอาแต่หัวเราะคิกคักจนเจ็บแผล ได้รับเสียงสมน้ำหน้าตามๆกันไป
หมาป่าตัวโตที่มีความสุขเมื่อโดนเด็กโรคจิตตัวเตี้ยแกล้งเอาๆ ช่างเป็นภาพที่...เอือม 
"ไปหารีสกันเถอะแลมป์ ผมว่าปล่อยคู่รักโรคจิตไว้ตรงนี้แหละ" หมอพอลและแลมป์ส่ายหัวอย่างระอากับภาพที่เห็นแล้วออกเดินด้วยแรงที่มีไปหารีส แม้แรงจะไม่มีเหลือแต่ก็ต้องไปเพราะพวกเขาจะไม่ทิ้งให้คนในครอบครัวต้องตายเพียงลำพัง


ด้านรีสที่กำลังเสียเปรียบ ถูกดร.ผลักออกจากตัวให้หลุดจากอาวุธปลายแหลมที่สร้างจากแขนของตัวเอง รีสล้มลงกับพื้นยกมือสั่นเทาขึ้นกุมหัวใจที่กำลังเต้นรัวและปวดหนึบ สายตาจ้องไปยังดร.ที่เล่นไม่ซื่อตาเขม็ง ดร.ยิ้มเยาะชายตามองรีสที่สภาพน่าสมเพช ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตกเป็นรองเขาเสมอ และเปลี่ยนแขนทั้งสองข้างของตนเป็นอาวุธปลายแหลม
“ในเมื่อฉันเป็นคนเก็บแกขึ้นมาจากพื้น ฉันก็จะเป็นคนส่งแกกลับไปเหมือนกัน!”
ฉึก!!    ฉัวะ!!
“อ๊าก!!!”
ดร .กระหน่ำแทงที่แผลเดิมซ้ำๆ รีสได้แต่ดิ้นทุรนทุราย ความเจ็บปวดที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานเมื่อกลับมารู้สึกอีกครั้งมันกลับรู้สึกทรมานมากกว่าเดิม หัวใจของเขาเต้นระรัว ร่างกายเริ่มชาดิกจากการที่ยังโดนกระหน่ำแทงลงมาไม่ยั้ง  แผลของเขาแม้มันจะสมานตัวเลือดที่ไหลย้อนกลับเข้าไปแต่มันก็ไม่เพียงพอ มันยังคงช้าเกินไป ช้าเกินกว่าสิ่งที่กำลังออกมา ภายในกายเขาปวดหนึบ ร่างกายเย็นซีดกว่าเดิม มือเท้าเริ่มแข็งขยับตัวยาก ไอน้ำแข็งที่แผ่ออกมาจากตัวก็มากขึ้นทำให้รอบๆกลายเป็นหมอกหนาหนาวเย็น
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ดร.ยังคงไม่หยุดมือจ้วงแทงเร็วกว่าเดิม อ้าปากหัวเราะบ้าครั่งอย่างคนเสียสติ
รีสเลือดไหลทะลักออกจากทวารทั้ง9* มือที่เริ่มแข็งกำหมัดแน่นลดความเจ็บปวดและความแค้นคลึง สีหน้าบ่งบอกถึงความทรมานสุดชีวิต และเขากำลังหมดแรงลง ดร.หยุดมือเมื่อเห็นรีสเริ่มแน่นิ่ง บาดแผลไม่มี ทางสมานตัวได้ทัน อีกทั้งเลือดยังคงไหลออกมาไม่หมด ร่างกายขาวซีดถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง ดร.มองสภาพรีสในตอนนี้อย่างสมเพชถึงที่สุด ปากยังคงอ้ากว้างหัวเราะเสียงดัง ดวงตาของรีสมองตรงไปยังดร.ทั้งอาคาตแค้นทั้งเจ็บใจที่เสียรู้จนต้องมาจบชีวิตลงโดยง่าย อากาศรอบๆแย่ลงเรื่อยๆจากที่เป็นแค่หมอกหนาหนาวเย็นต้นไม้ใบหญ้าเริ่มมีน้ำแข็งเกาะ ยิ่งตัวรีสเย็นซีดลงเท่าไหร่ รอบตัวก็แย่ลงตามเขาเท่านั้น รีสหมดแรงลงนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น เลือดที่ทะลักออกมาเริ่มหยุดและแข็งตัวไม่นานก็กลายเป็นน้ำแข็งเริ่มปกคลุมไปทั่วร่างกาย ดวงตาแข็งกร้าวยังคงจ้องปิดไม่ลงอยู่ภายใต้แผ่นน้ำแข็งที่โอบอุ้มตัวเขาจนกลายเป็นผลึกน้ำแข็งหนาใสดังโรงแก้วที่สร้างไว้เป็นอนุสรณ์ไว้อาลัย พื้นดินก็เริ่มมีน้ำแข็งจับตัวกันเป็นแผ่นแผ่ออกไปรอบๆจากตัวเขา หมอกหนาก็มีลมพัดรุนแรงอีกทั้งยังมีหิมะตกลงมา ไม่นานก็ก่อเกิดพายุหิมะขนาดย่อมๆบริเวณนั้น 
ดร.ยืนมองปรากฏการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง และเขาก็หัวเราะเหมือนคนบ้าอีกครั้ง ทั้งยังตะโกนว่าเขานั้นเอาชนะปีศาจในตำนานได้ แม้จะเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เรื่องเล่าเก่งกาจมันเป็นเพียงตำนานที่ถูกสร้างขึ้น แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น ปีศาจสำหรับเขาก็แค่พวกกระจอกที่เอาชนะได้ด้วยน้ำยาเพียงหลอดเดียว
“เสียดายที่แกกลายเป็นน้ำแข็ง ไม่เช่นนั้นเลือดของแก ฉันคงเอามาใช้ประโยชน์ได้มากกว่าปล่อยให้มันไหลทิ้ง แกนี่มันน่าสมเพชจริงๆ หึหึหึ”
“รีส!!! ไม่นะ! ฮือ มันไม่จริงใช่ไหม ฟื้นสิ ฟื้นขึ้นมา!” เฟิร์สที่ไม่รู้วิ่งมาจากไหนตรงเข้าไปหารีสที่แน่นิ่งอยู่ใต้น้ำแข็งหนา ร่างบางที่ไม่กลัวความหนาวเย็นคุกเข่าก้มลงโอบกอดร้องไห้น้ำตาท่วม ยกมือขึ้นทุบก้อนน้ำแข็งเพื่อปลุกอีกคนไม่ยอมหยุดแม้ว่าร่างกายของเขาจะเริ่มชาจากความหนาวเย็น มือของเขาจะแสบและปริแตกจากการที่โดนน้ำแข็งกัดกิน ดร.เห็นสภาพไร้สติของเฟิร์สก็เบื่อหน่ายหันหลังเดินจากไป
“แก! ไอ้ดร.ชั่ว เพราะแกทำให้รีสต้องตาย!” เฟิร์สหันไปเห็นศัตรูกำลังเดินหนีไป ก็คว้าหยิบมีดปลายแหลมที่ตนพกมาวิ่งเข้าหา ยกสูงขึ้นท่วมหัวแล้วปักลงด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ปึก!
ปลายคมของมีดปักคาอยู่กับกระดูกสันหลังช่วงต้นคอ** เลือดกระฉูดออกมา หน้าตาดร.บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด หันมาหาเฟิร์สด้วยความแค้นคลึง เพราะจุดที่ปักโดนคือจุดอ่อนของร่างกาย ถ้ามีดนั้นหลุดออกหรือสร้างความเสียหายตำแหน่งนั้นมากกว่าที่เป็นอยู่ สมองและร่างกายของเขาจะถูกตัดออกจากกัน และจะให้ร่างกายใช้งานไม่ได้หรือทำให้เขาตายนั่นเอง ซึ่งนั่นดร.ผู้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ก็ไม่มีทางจะยอมรับมันเด็ดขาด
“น่ารำคาญ!” ดร.หันมาหาเฟิร์สที่ยืนขาสั่นด้วยความกลัว ยกแขนสะบัดเฟิร์สออกห่างด้วยความรำคาญ ยกมือกุมต้นคอและประคองมีดเล่มนั้นไว้นิ่งๆ ค่อยๆดึงมันออก บาดแผลเวอะหวะส่งผลต่อแรงที่เริ่มถดถอย ดร.ไม่ยอมตายตรงนี้ มือคว้าหยิบยาอีกหลอดปักเข้าที่ร่างกายตัวเองทันที
“โอ๊ย...” เฟิร์สกระเด็นล้มลงพื้นไถลครูดไปกับพื้นน้ำแข็ง แรงก็แทบไม่มี นอนก็ไม่ได้นอน แถมกว่าจะหนีมาที่นี่ได้ก็แทบตาย ไหนจะความหนาวเย็นและบาดแผลที่ได้รับ ล้มกระแทกแบบนี้ยิ่งทั้งจุกทั้งเจ็บ ดวงตาอ่อนล้าเหลือบลืมขึ้นแต่ก็ผงะเล็กน้อยเพราะมันตรงตำแหน่งเดียวกับที่รีสนอนอยู่ด้านล่าง มือสั่นเทาค่อยๆยกสัมผัสน้ำแข็งตำแหน่งใบหน้าคนรัก และฮึดสู้อีกครั้ง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าสู้ไม่ได้ แต่เมื่อหันไปทางดร.ก็ได้แต่ยืนมองนิ่งอึ้ง ไม่นานก็สั่นไหวไปทั้งร่างเพราะความหวาดกลัว
ดร.ขยับกายถอยหลังหาที่จับยึดกันล้ม แต่ปากกลับยิ้มแถมยังหัวเราะเหมือนคนโรคจิต มือเหี่ยวๆนั่นขยับถอดแว่นที่สวมใส่ออกโยนมันทิ้งไป ผิวหนังเริ่มเต่งตึงขึ้น ร่างกายที่เหมือนจะผุพังตามกาลเวลาเริ่มกลับมาแข็งแรง แผลเหวอะหวะที่คอก็หยุดแสดงอาการแค่นั้น ร่างกายก็สูงใหญ่ขึ้น แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ผิวหนังที่เต่งก็บวมตึงจนเกือบแตก แถมยังมีบางอย่างปูดออกมาที่หัวไหล่ข้างหนึ่ง มือข้างนั้นก็บวมใหญ่จนคล้ายค้อน แต่แขนอีกข้างกับเล็กลีบลงปลายนิ้วแหลมยาวเหมือนอาวุธ ด้านหลังมีหนามแหลมงอกออกมา ท้องก็ยืดย้วยออกมาแถมยังมีบางอย่างที่คล้ายหน้าคนอีกคนอยู่ตรงนั้น และมันขยับพูดและหัวเราะได้!
...สยอง
“อึก!” เฟิร์สกลืนน้ำลายเหนียวข้นลงคออย่างยากลำบาก ขนลุกไปทั่วร่าง สั่นเทิ้มจนคลุมไม่ได้ ได้แต่มองสัตว์ประหลาดด้วยตาเหลือกโลน
“อยากตายนัก ฉันจะสงเคราะห์ให้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะประสานกันทั้งหน้าบนหน้าล่าง เฟิร์สมองสลับไปมาอย่างหวาดกลัว ดร.ขยับร่างกายน่าเกลียดน่ากลัวเข้าหาเฟิร์สช้าๆ เฟิร์สขยับเท้าหนักอึ้งถอยหลัง สะดุดขาตัวเองล้มลงพิงกับก้อนน้ำแข็งที่โอบตัวรีสเอาไว้แน่น
“อ๊าก!!!”
“เพราะแกทำให้ฉันกลายเป็นสัตว์ประหลาด! ดูให้เต็มตา!”
มือเล็กแหลมคว้าจับลำคอเฟิร์สขึ้นโน้มเข้ามาใกล้ใบหน้าน่าขยะแขยง มองดูผิวหนังตึงๆที่เริ่มแตกโผละ ใกล้ๆกับหน้าของเขา ทั้งเลือดทั้งน้ำเหลืองน้ำหนองส่งกลิ่นเหม็น เฟิร์สทั้งดิ้น ขาดอากาศหายใจและเหม็นจนทรมานไปหมด หน้าของเขาแดงก่ำขนลุกขนพอง ทั้งรังเกลียดขยะแขยงและจะตาย มือเฟิร์สใกล้หมดลมดร.ก็เหวี่ยงเฟิร์สลงพื้นกระแทกเสียงดัง ยิ้มเยาะสมเพช แต่ก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยกมือใหญ่คล้ายค้อนขึ้นสูงทุบลงกลางลำตัวของเฟิร์ส เสียงกระดูกแตกร้าวดังลั่น เลือดกระอักทะลักออกจากร่างกาย ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะดิ้นต่อต้านหรือหลีหนี ไม่นานก็หมดลมหายใจลงร่างกายแหลกระเอียดจากการโดนของหนักทุบจนหักแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิม
 
 


ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Re: me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย 42/2
«ตอบ #105 เมื่อ14-06-2017 15:13:14 »

ด้านทามที่ถูกเฟิร์สบอกให้ไปซื้อข้าวต้มมาให้จากที่ไกลแสนไกลกลับมาถึงห้อง เรียกหาใครก็ไม่มีใครตอบ ทั่วทั้งห้องเงียบงัน รีบวางข้าวต้มไว้บนโต๊ะและวิ่งหาคนรักด้วยความเป็นห่วง ได้ยินเสียงอู้อี้ดังออกมาจากห้องน้ำก็เปิดประตูเข้าไปโดยเร็ว เห็นติวเตอร์คนรักของตนโดนมัดมือไขว้หลังยึดกับเท้าตัวเองมีเทปกาวปิดปากขยับยุกยิกอยู่ในอ่างอาบน้ำไปไหนไม่ได้ ทามยืนมองอึ้งๆอยู่อย่างนั้นนานพอควรกลืนน้ำลายลงคอช้าๆเกิดความรู้สึกแปลกๆ แต่ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกลติวเตอร์ก็ดิ้นและส่งเสียงเรียกอีกครั้งจึงได้สติรีบวิ่งเข้ามาแกะเทปกาวให้
“เกิดอะไรขึ้นตัวเตอร์ทำไมถึงโดนมัดไว้แบบนี้” ทามเอ่ยถามขณะมือยังแกะเทปกาวเหนียวๆออกจากแขนข้างหลังหลังจากแกะที่ปิดปากไว้แล้ว
“พี่เฟิร์สอ่ะสิมัดผมไว้ แล้วหนีออกไปแล้ว เราต้องรีบบอกพี่หมอนะ เร็วเข้าพี่ทามรีบๆแก้มัดสิ รออะไรอยู่เล่า” ติวเตอร์พูดขึ้นเจ็บใจนิดๆที่ตัวเองเสียรู้จนได้ แถมยังมาโดนมัดไว้ด้วยท่าทรมานๆนี่อีก ถ้าทามไม่กลับมาคงแย่กว่านี้
“พี่ก็แค่คิดว่าติวเตอร์โนมัดแบบนี้ก็อิโรติกดี ไว้คราวหลังเราลองเล่นแบบนี้ดูไหม” ทามพูดหื่นๆลูบไล้ไปตามขาที่โดนมัด ติวเตอร์หันมามองค้อนหน้าแดงๆโวยวายเสียงลั่น แต่นั่นทำให้ทามได้คำตอบและรอคอยที่จะถึง ‘คราวหลัง’ นั้นไวๆ
 
 
“ขอบใจมากติวเตอร์ที่บอกและจะช่วยหาอีกแรง พี่จะหาทางนี้อีกทีด้วย” พอลกดวางสายจากติวเตอร์ที่โทรมาบอกว่าเฟิร์สหายไป และกำลังออกตามหาอยู่ ยกมือขึ้นกุมขมับหน้าเครียดจนแลมป์ที่เดินมาใกล้อดสงสัยไม่ได้
“มีอะไรพอล หารีสไม่เจอหรอ”
“เปล่า รีสและดร.ยังอยู่จุดเดิมไม่หายไปไหนตอนนี้ยังไม่เคลื่อนไหวมากคาดว่าน่าจะต่อสู้กันอยู่ แต่ที่กังวลเพราะ เฟิร์สหายไป” พอลพูดจบทันไมเคิลและเชนที่เดินมาสมทบพอดี ทั้งหมดก็พากันกลุ้มหนัก โดยเฉพาะแลมป์ที่ห่วงน้องชายมาก เร่งกันหา และบอกเชนติดต่อคนที่ฐานหาตำแหน่งเฟิร์สจากสัญญาณโทรศัพท์ แต่เมื่อเรื่องแจ้งกลับมาปรากฎว่ามันอยู่ที่คอนโดเฟิร์สไม่ได้เอาไป ติดต่อกับทางติวเตอร์ที่ขับรถหาก็ไม่เจอ ร่างกายพวกเขาที่บาดเจ็บก็เริ่มอ่อนแรงลง แถมบรรยากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงเรื่อยๆทั้งที่เป็นหน้าร้อน
“กลิ่นเจ้าสงครามเริ่มจางลง ข้าเริ่มสัมผัสถึงตำแหน่งของเขาไม่ได้” ไมเคิลที่เอาแต่เงียบมานอน พูดออกมาในที่สุด หลังจากเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกตินี้ตั้งแต่ที่อากาศเย็นตัวลง ว่าแล้วว่ามันต้องมาจากเจ้าแห่งสงคราม แต่ที่ไม่ปักใจเชื่อเพราะไม่คิดว่าจะพ่ายแพ้ ทุกคนได้ยินดังนั้นก็มองหน้าเป็นอันรู้กัน เร่งฝีเท้าเดินไปยังตำแหน่งของรีส และภาวนาในใจว่าอย่าให้เฟิร์สมาที่นี่
แต่เมื่อยิ่งเข้าใกล้ความเย็นเยียบความรู้สึกปวดร้าวและหน่วงในใจก็มากขึ้น ทุกคนไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาราวกับตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เสียงเหมือนของแข็งกำลังทุบบางอย่างดังขึ้นใกล้ๆ แลมป์ที่รู้สึกใจเสียราวกับเสียงนั้นทุบลงที่กลางใจเขาอย่างแรง วิ่งเข้าหาที่มาของเสียงนั้นโดยเร็ว เสียงมันดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนน้ำตาของเขาที่มันเริ่มไหลออกมาเช่นกัน คนอื่นเห็นแลมป์วิ่งก็รีบตามไปทันที
“...เฟิร์ส!” เสียงของแลมป์ตะโกนขึ้นสุดเสียงเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เป็นน้องชายของเขาที่กำลังโดนทำร้าย สัตว์ประหลาดร่างกายใหญ่โตง้างมือขึ้นสูงและทุบลงที่ร่างกายผอมบางของเฟิร์ส ร่างนั้นชักกระตุกมีเลือดนอง ไม่แม้แต่จะหันมามองทางเขาสักนิด และไม่นานก็นิ่งไม่ไหวติงหมดลมหายใจลงตรงนั้น โดยมีดวงใจของคนมองแหลกสลายตามไปอีกดวง
ทั้งสามที่วิ่งตามมาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ได้แต่อึ้ง รีสที่นอนตายอยู่ภายใต้แผ่นน้ำแข็ง เฟิร์สที่ยังโดนทุบไม่หยุดแม้ว่าจะสิ้นลมหายใจเลือดไหลฉโลมแผ่นน้ำแข็งเหมือนต้องการจะปกป้องคนด้านล่างอีกชั้น คนเป็นพี่ชายที่กำลังใจสลาย หัวใจทุกตัวกระตุกวาบรับรู้ความเจ็บปวดนั้นทั้งหมด พอลเดินไปหาแลมป์ที่ทิ้งตัวคุกเข่าโอบกอดปลอบใจและน้ำตาไหลไปด้วยกัน เชนอึ้งจนพูดไม่ออกทำอะไรไม่ถูกได้ไมเคิลจับหันหน้าเข้าซบอกโดยที่ตัวเขาหันไปมองทางอื่น
ดร.นั่นบ้าครั่งและยังไม่หยุดทุบเฟิร์สที่กระดูกเริ่มแหลกระเอียดผิดรูป เสียงตุบ ตุบ นั่นทรมานจิตใจของพวกเขาไม่ยอมหยุด ไมเคิลที่ทนมองไม่ไหวดันเชนออกห่างกลายร่างเป็นหมาป่าอีกครั้งแม้แรงจะไม่เหลือ เชนกลืนลูกสะอื้นไห้ลงคอยกมือแตะที่ขาหน้าไมเคิลเบาๆ พยักหน้าให้และวิ่งเข้าหาดร.นั่นเพื่อหยุดการกระทำที่แสนน่ารังเกียจพร้อมกันทันที
แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมสาหัสมา และดร.ก็แข็งแกร่งขึ้น เมื่อกระโดดเข้าโจมตีอีกทั้งยังได้เชนยิงช่วยเบนความสนใจแต่ก็ยังไม่พอ ไมเคิลโดนซัดกระเด็นไปหลายต่อหลายรอบ เชนแม้จะวิ่งไปมาและยิงกระสุนพิเศษใส่หลายนัดแต่ก็ไม่เห็นผลมันเพียงแค่ทำให้ผิวหนังที่โดนนั้นแตกเป็นรูโบ๋ แต่ว่าก็หยุดดร.บ้าครั่งไม่ได้ทำได้เพียงล่อให้ออกห่างจากศพของสองคนนั่นเท่านั้น พอลและแลมป์เห็นสองคนนั้นสู้ก็วิ่งเข้าใส่ แลมป์ที่เลือดขึ้นหน้าเช็ดน้ำตาและขี้มูกทิ้ง หยิบระเบิดและปืนกลขึ้นมาถือ พอลก็ขยับปีกกางออกบินขึ้นฟ้าและสาดกระสุนจากปืนใส่ แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งกระสุนธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้ แลมป์ส่งสัญญาณให้ทุกคนถอยให้พ้นรัศมีและขว้างระเบิดมือใส่ ควันจากระเบิดลอยคลุ้งไอร้อนทำให้น้ำแข็งบริเวณนั้นละลายเป็นวงกว้าง ทั้งหมอคิดว่าเรื่องจะจบแต่กลายเป็นว่าได้ยินเสียหัวเราะลั่นของดร.บ้านั่นและร่างกายที่ไม่เสียหายใดๆเดินออกมา แถมสิ่งนั้นทำให้มันรำคาญและคลั่งกว่าเดิมหลายเท่า
ไมเคิลที่ต่อสู้ระยะประชิดพลาดอีกครั้ง โดนค้อนยักษ์ซัดเข้าที่กลางลำตัวกระเด็นลอยตกลงที่แอ่งน้ำเย็นๆที่อยู่ห่างออกไป ได้แต่นอนร้องครางด้วยความทรมานขยับกายไม่ขึ้น หมาป่าเป็นสัตว์เลือดอุ่นเมื่อโดนน้ำเย็นจนเป็นน้ำแข็งแบบนี้ก็ทำให้เขาเกิดอาการช็อค ถ้าเขาไม่ขึ้นจากน้ำและหาความอบอุ่นเขาจะต้องตาย เชนที่รู้กฎธรรมชาตินั่นดีก็เร่งจะไปช่วย แต่ดร.นั้นหันมาสนใจเขาใช้แขนที่แหลมเหมือนมีดฟันมาทางเขาโชคดีที่ใช้ปืนกันไว้ ปืนขาดสองท่อน เชนไม่เหลืออาวุธต่อสู้ พอลเห็นแบบนั้นก็บินโฉบต่ำล่อสายตาของดร.หันมาสนใจ เชนที่ได้จังหวะพอลช่วยก็วิ่งมาหาไมเคิลที่คืนร่างมนุษย์พยุงขึ้นมาจากแหล่งน้ำ กวาดหิมะที่ติดโคนต้นไม้ออกและพยุงให้นอนตรงนั้น ข้าวของเครื่องใช้ที่มีก็เอามาสุมกองเพื่อให้ความอบอุ่น ตัวเองก็เข้าไปกอดร่างกายของไมเคิลที่สั่นไหวและเย็นเฉียบอัตาการเต้นของหัวใจแผ่วลงเรื่อยๆ
พอลที่บินโฉบไปใกล้เป็นความคิดที่แย่เพราะดร.นั้นคว้าจับไว้และเหวี่ยงลงกระแทกพื้นจนปีกเสียหาย ดร.ทำแบบนั้นซ้ำๆแม้แลมป์จะเบนความสนใจไปเท่าไหร่ก็ไร้ผล ความรู้สึกเจ็บปวดที่จะเสียคนที่รักไปอีกคนทำให้เขาเสียสติ แลมป์วิ่งเข้าดร.นั่นด้วยตัวเอง โดยมีแค่มีดเล่มเดียว เสียงร้องห้ามของพอลดังลั่นพร้อมกับแรงกระแทกสุดท้ายที่ทำให้เขาลุกไม่ขึ้น แลมป์โดนซัดกระเด็นออกไปไกลแต่ก็ยังวิ่งเข้าหาไม่หยุด
ทุกคนต่อสู้ไม่หยุด โดยลืมสังเกตุบรรยากาศรอบตัวที่ไม่รู้เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มันอุ่นขึ้น หิมะและน้ำแข็งที่พื้นรอบนอกเริ่มละลายกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
เสียงปริแตกของแผ่นน้ำแข็งก้อนยักษ์ที่ห่อหุ้มตัวของรีสดังลั่น มันปริแตกตามรอยเลือดสีแดงฉานของเฟิร์สที่ย้อมไว้
คลืน!!
เสียงดังลั่นพร้อมกับพื้นน้ำแข็งเกิดสั่นไหว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหยุดขยับโดยอัตโนมัติไม่เว้นแม้แต่คนที่เสียสติอย่างดร.และแลมป์ ตำแหน่งที่พวกเขายืนหรอนั่งทับมันละลายจนเหลือแต่พื้นดินเฉอะแฉะ แตกต่างจากไอควันสีขาวที่พวยพุ่งมากขึ้น เสียงปริแตกและสั่นไหลของแผ่นน้ำแข็งส่วนอื่นยังคงไม่หยุด รอยแตกนั่นกว้างขึ้นๆแต่มันกับเว้นตำแหน่งที่เฟิร์สอยู่ที่ยังคงเป็นแผ่นน้ำแข็งหนา
ทุกคนต่างตกตะลึงมองไปยังจุดเดียวกัน เสียงน้ำแข็งแตกกระจายเป็นครั้งสุดท้าย เศษของมันกระเด็นบาดทุกสิ่งได้รับบาดแผลไปตามๆกัน ดร.ที่อยู่ใกล้สุดโดนมันทิ่มแทงทะลุเนื้อปักคาไว้กหลายอัน ไอควันสีขาววพวยพุ่งสูงจากตำแหน่งนั้น ควันนั่นเย็นขึ้นๆแตกต่างจากอากาศโดยรอบที่กลับมาร้อนอ้าว ไม่นานควันนั่นก็ค่อยๆจางลงเห็นสิ่งที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์นี้ ทุกคนตะลึงมองตาค้าง
รีสที่ตายไปแล้วลุกขึ้นยืนอยู่นิ่งๆ เหมือนดักแด้ที่รอเวลากลายเป็นผีเสื้อแสนสวย ร่างกายของเขาซีดลงกว่าเดิมซีดจนกลมกลืนกับสีของหิมะ ดวงตาแดงดั่งทับทิมทั้งสองข้าง ผมและขนทุกเส้นกลายเป็นสีขาวทั้งหมด แต่นั่นกับดูเข้ากันดีเกินคาด และทำให้รีสดูสง่างามขึ้นไปอีก ดวงตานั้นกระพริบช้าเหลือบมองไปรอบๆเหมือนกำลังสำรวจ
“ไม่! แกตายไปแล้ว ฉันเป็นคนฆ่าแกเองกลับมือ ฉันต่างหากที่จะกลายเป็นตำนาน ฉันจะเป็นผู้สร้างโลกนี้ใหม่ ฉันจะเป็นพระเจ้า และแกทุกคนต้องตาย อึก! อ่อก!!”
ดร.ที่พร่ามไม่หยุดต้องเงียบลง รีสทำเพียงแค่ชายตาไปมองด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์แตกต่างจากการกระทำ เพราะแค่มองร่างกายดร.ก็ต้องหยุดนิ่งกระอักเลือด แท่งน้ำแข็งปลายแหลมหลายแท่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นเสียบแทงสลับกันไปมาทั่วร่างกายจนดร.ขยับไม่ได้ เสียงร้องด้วยความทรมานดังขึ้นจากปากดร.อีกครั้งเพราะแท่งน้ำแข็งที่ทิ่มแทงนั้นเหมือนอาบดด้วยยาพิษมันเข้าไปทำลายข้างในโดนกัดกินจากความเย็นช้าๆจนหมดสิ้น ความทรมานไม่สิ้นสุด จนกว่าจะตายไปทั้งหมดทิ้งเปลือกภายนอกไว้ให้เน่าเปลือยและกลายเป็นอาหารสัตว์…
รีสเดินไปหาเฟิร์ส นั่งลงชันเข่าแล้วช้อนตัวของเฟิร์สขึ้นมาไว้แนบอก ร่างกายของเฟิร์สบิดเบี้ยวผิดรูป เลือดหยุดไหลเพราะได้ความเย็นช่วยรักษา ร่างกายเย็นซีดปากม่วงคล้ำ แต่รอบดวงตายังคงมีคราบน้ำตาซ้อนทับกับคราบเลือดที่ไหลออกมาบนใบหน้า รีสก้มลงจุมพิษแผ่วเบาบนริมฝีปากเรียวร่างทั้งร่างค่อยๆมีไอเย็นโอบอุ้มดั่งบาเรียป้องกันภัย มือใหญ่กระชับร่างนั้นขึ้นมากอดแน่นขึ้นแนบใบหูเรียวแหลมแนบอกคนที่อยู่ข้างใต้อยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เหมือนที่เขาชอบทำบ่อยๆตอนที่ได้อยู่กับเฟิร์ส แนบฟังเสียงหัวใจที่ครั้งหนึ่งเคยเต้นแรงเมื่อเขาเข้าใกล้ แต่บัดนี้เพียงแค่อีกสักนิด ให้มันส่งเสียงอีกสักครั้งก็ยังดี ดวงตาสีแดงถูกปิดลงช้าๆ รอยยิ้มบางเบาปรากฎขึ้น พร้อมกับน้ำใสๆที่ล่วงหล่นลงมาและกลายเป็นน้ำแข็งเม็ดเล็กกระทบพื้นแตกสลายไป
“ข้าต้องทำเช่นไร ถึงจะได้ครองคู่กับเจ้าอีกครั้ง ยอดดวงใจของข้า...”
พอลที่มองก็ร้องไห้ตามเงียบๆ แลมป์ได้สติอีกครั้งมองเหตุการณ์นั้นเขายิ้มออกมาทั้งน้ำตา ในใจนึกดีใจแทนเฟิร์สที่มีคนรักพิเศษขนาดนี้ แต่ก็ต้องหุบยิ้มอีกครั้งเมื่อรู้ว่ามันไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นทั้งคู่ครองรักกันอีกในชาตินี้ เชนประคองไมเคิลที่ดีขึ้นเดินมาหาทุกคน เห็นรีสก็ยิ้มดีใจและจะวิ่งเข้าไปหาแต่ก็ต้องสะดุดเมื่อมองเห็นคนที่อยู่ในอ้อมแขน กายปีศาจรูปงามนั้นสั่นเทา น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าถูกปล่อยออกมาโดยไม่อาย
“ท่านราเชน...เจ้าแห่งสงครามครั้งนั้น..” ไมเคิลที่นิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นมาเบาๆ แลมป์พอลและเชนหันมามองไมเคิลว่ากำลังพูดถึงใคร แต่ไมเคิลกลับพยุงร่างกายตัวเองเดินเข้าไปใกล้และคุกเข่าลงโน้มคำนับยำเกรงต่อพลังที่กดดันบรรยากาศรอบๆและตัวของเขาเองของคนตรงหน้า แม้ไม่เคยเจอแต่เขาแน่ใจว่านี่คือคนผู้นั้นที่เขาตามหา
ความทรงจำของรีสนับตั้งแต่ครั้งอตีดที่เขาเคยใช้ชีวิตปีศาจนามว่าราเชนอย่างสงบสุขในถ้ำแห่งหนึ่งจนมีเหตุต้องเข้าร่วมสงครามครั้งนั้นอย่างไม่เต็มใจ ความทรงจำที่เขาพลาดพลั้งและจากโลกนี้ไป รวมถึงตอนนี้หัวใจของปีศาจน้ำแข็งชาติก่อนที่หล่อหลอมจนเป็นตัวเขาในปัจจุบัน เขาจำมันได้ทั้งหมด และจะไม่หนีจากมันอีกเหมือนเช่นอดีต
รีสหันมายิ้มเบาๆส่งไปให้และบอกว่าไม่ต้องกลัว พวกเขาเป็นเพื่อนกัน คนอื่นที่ได้ฟังบทสนทนาก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก นอกจากเสียใจและเฝ้าดูการกระทำของเขาต่อไป
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน ข้าก็จะเฝ้ารอ รอจนกว่าเจ้าจะกลับมาข้า...ยอดรัก”
 
 

*ทวารทั้ง 9 คือช่องทางของร่างกาย 9 แห่งที่ธรรมชาติเจาะไว้ 9 ช่อง คือ ตา 2 หู 2 จมูก 2 ปาก 1 ช่องปัสสาวะ 1 ช่องอุจาระ 1 รวมเป็น ทวารทั้ง9
-ในที่ใช้แทนช่องทางที่ของเหลวสามารถไหลออกได้เมื่อร่างกายคนเราสิ้นลมหายใจเจ้าค่ะ
**กระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical vertebrae) ลักษณะทั่วไปของกระดูกสันหลังส่วนคอคือจะค่อนข้างเล็กและเตี้ย รูปร่างของ body เมื่อมองจากด้านบนจะออกเป็นรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งจะเว้าทางด้านบน แต่นูนออกทางด้านล่าง vertebral foramen จะเป็นรูปสามเหลี่ยม มี spinous process ที่สั้นและแยกเป็นสองแฉก (bifid) ที่สำคัญคือมีช่องที่ transverse process ที่เรียกว่า ฟอราเมน ทรานส์เวอร์สซาเรียม (foramen transversarium) ซึ่งภายในเป็นที่อยู่ของหลอดเลือดแดงเวอร์ทีบรัล (Vertebral artery) ซึ่งนำเลือดขึ้นไปเลี้ยงบริเวณก้านสมองและไขสันหลัง กระดูกสันหลังส่วนคอที่มีลักษณะเฉพาะคือชิ้นแรกและชิ้นที่สอง ซึ่งเรียกว่า แอตลาส (atlas) และแอกซิส (axis) ตามลำดับ
-ในที่นี่ ที่ใช้จุดอ่อนของดร.เป็นก้านคอด้านหลังซึ่งเป็นกระดูกสันหลังที่เปรียบเสมือนเกราะนี้ เพราะถ้าถูกทำลายลง มันจะส่งผลถึงการทำงานของร่างกาย ลักษณะคล้ายกับเป็นการตัดขาด สมองกับร่างหาย
ปล.ทั้งนี้ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้เจ้าค่ะ
….
ที่มาของชื่อตอน ที่ปิ๊งขึ้นมาตอนเขียนจบ เพราะอยากแสดงให้เห็นว่าการจากลามันไม่ได้มีแค่ความเศร้า เหมือนที่ตัวละครของเรามีความสุขที่จะรอคอย แม้ไม่ได้สื่อมาก แต่หลายคนคงเข้าใจอารมณ์ตัวละครมาตั้งแต่โอบกอดร่างสิ้นลมของคนรักขึ้นมาแอบอกแล้ว เพราะตัวละครมีความเชื่อ และไม่กลัวต่อวันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน แม้จะเหงา แต่ยังไงเขาก็ยังมีความเชื่อมั่นในจิตใจ ว่าสักวัน คนรักของเขาจะต้องกลับมา
....
จบกันไปอีกตอน เย้ๆ เอาตามจริงตามที่บอกไว้ก่อนหน้าว่าจะจบตอนนี้ แต่นึกไปนึกมา อา...นิยายเราจบ happy end นี่นา เลยเอาสปเชียวมาทำเป็นตอนจบแทน แต่อาจจะสั้นไปนิด ใครชอบจนโหดจบแค่ตอนนี้ได้นะจ้ะ
ขอบคุณทุกๆแรงใจ แรงสนับสนุน และความรักจากรีดเดอร์ที่ส่งมานะคะ
 เอ้อ อีกเรื่องค่ะ บทนำ ไรท์เอาฉบับรีไรท์ลงแล้วเน้อ กันงง มันเป็นเรื่องเล่าถึงชีวิตในอดีตตอนเป็นปีศาจของพรเอกเรา
 
 

 


ออฟไลน์ สิบสาม13

  • นามปากกา AkumaBK
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
    • ติดต่อได้ที่ บ้าน Yaoi , Boy'Love Akumabk
Me die 43 : รางวัลรักแท้
   
   วันเวลาผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่า รีส หรือ ราเชน ปีศาจน้ำแข็งคนนี้ก็ยังเฝ้ารอคอยคนรักของตนกลับชาติมาเกิดอย่างไม่เบื่อหน่าย เขาสร้างบ้านไว้รอคนรักของเขาหนึ่งหลังมันถูกออกแบบโดยเขาทั้งหมด เครื่องใช้ก็เลือกแบบที่คนรักของตนเคยชอบมาประดับบ้านไว้เต็มไปหมด มันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคอนโดรังรักเก่าของพวกเขาที่บัดนี้กลายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ในบ้านมีห้องเย็นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอุณหภูมิติดลบอยู่ ในห้องนั่นมีร่างของเฟิร์ส คนรักของเขาถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีบนเตียงน้ำแข็งที่ถูกประดับด้วยดอกไม้สีขาว ร่างกายนั้นแม้จะซีดเซียวแต่ก็ดูสดใสเหมือนคนเพียงนอนหลับไป รอบๆตัวมีบาเรียน้ำแข็งที่เกิดจากพลังของรีสตั้งแต่วันที่จากไปห่อหุ้มเอาไว้เพื่อป้องกันภัย แม้มันจะดูเบาเบาแต่กลับแข็งแรงเหลือเชื่อ และถ้ามันมีอะไรมากระทบแตะต้องเจ้าของพลังอย่างรีสจะรู้ได้ทันที
   แต่ถ้าถามถึงคนอื่นๆ พวกเขามีความสุขดี แลมป์และพอลกลับไปอยู่ที่บ้านทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่และทดแทนคนที่เสียไป พวกเขาทั้งสองใช้ชีวิตคุ้มค่าถึงที่สุด พ่อของเขาเดินออกจากวงการด้านมืดอย่างสมบูรณ์แบบใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาที่กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างสงบในชีวิตบั้นปลาย บริษัทของพวกเขากำลังรุ่งโรจน์เพราะได้ผู้บริหารมือทองอย่างแลมป์มาสืบทอด หมอพอลก็ได้ทำสิ่งที่อยากทำ เขาได้เปิดโรงพยาบาลและทำการวิจัยสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ซึ่งต่อมามันสำเสร็จและได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่พวกเขาก็ไม่ทิ้งเวลาที่จะให้กันและกันทิ้งไป พวกเขาเลือกเส้นทางที่ชอบแต่ก็เจอเส้นทางที่ใช่สำหรับพวกเขา ใน1สัปดาห์พวกเขาจะต้องเจอกัน1วันและไม่คิดเรื่องงาน พวกเขาทำมันได้และมีความสุขกับมันมากที่สุด
   ส่วนไมเคิลกับเชน หลังจากวันนั้น คนอื่นๆก็ได้รู้ข่าวดีว่าทั้งทำพันธสัญญาต่อกันแล้ว ซึ่งในภาษาปีศาจหมายถึงพวกเขาได้แต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลได้พาเชนกลับไปอยู่โลกปีศาจ แต่พวกเขาก็ไม่ขาดการติดต่อ ส่งจดหมายมาบ่อยครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งจะจดหมายแยกถึงหมอพอลเรื่องยาและสิ่งๆต่างที่สามารถนำมาพัฒนาร่างกายมนุษย์ได้ด้วย นานๆทีพวกเขาจะกลับมาเจอตัวเป็นๆกันสักที นานมากๆเพราะเวลาในโลกปีศาจมันยืนยาวกว่าเวลาในโลกมนุษย์มาก จู่ๆพวกเขาก็ขาดการติดต่อไปเป็นเวลาหลายต่อหลายปี กลับมาอีกครั้งพวกเขาเดินทางขึ้นมาด้วยตัวเอง และสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องแปลกใจคือเชนตั้งท้องลูกของไมเคิลอยู่ด้วย เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนั้นแลมป์ที่กลัวน้อยหน้าก็เร่งวันเร่งคืนทำลูกกันใหญ่ แม้ว่ามนุษย์จะยังทำให้เพศชายท้องโดยธรรมชาติไม่ได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่หมอพอลทำวิจัยได้สำเร็จแล้วก็คือ การฝากมดลูกและฉีดน้ำเชื่อในร่างเพศชาย ซึ่งกว่าจะสำเร็จได้นั้นก็กินเวลาหลายสิบปี
   ทุกๆคนมีความสุขดี ตัวของรีสเองก็มีความสุขดีเช่นกัน ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่ชวนเขาไปอยู่ด้วย แต่เขากลับให้เหตุผลว่าต้องการรอคอยอย่างสงบเท่านั้น ทุกคนมาเยี่ยมเขาบ่อยในช่วงแรกๆแต่ยิ่งนานวันงานเยอะขึ้น พวกนั้นอายุก็มากขึ้น ไม่ค่อยมีเวลาเขาไม่ได้โกรธเคืองมันแม้แต่น้อย ได้แต่มองดูทุกอย่างหมุนเปลี่ยนด้วยรอยยิ้มสงบๆเท่านั้น บริษัทหมุนเปลี่ยนเป็นคนรุ่นหลัง คนที่เขาได้รู้จักจากหายไป แม้แต่ปีศาจหรือคนที่ไปอยู่โลกปีศาจยังดูโตขึ้น
   “ตั้งแต่วันที่เจ้าจากข้าไป วันนี้ก็ครบรอบ100ปีพอดี เจ้าอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมยอดรัก” รอยยิ้มเบาบางถูกส่งไปให้คนที่นอนสงบอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบไล้ใบหน้านวลแผ่วเบา เขามักจะขังตัวเองอยู่ในห้องนี้เกือบทั้งวัน เข้ามาพูดคุย มากินอาหารด้วย มาเช็ดตัว มาเปลี่ยนเสื้อผ้า มาเล่านิทาน หรือเรื่องที่เคยพบเจอมา จนนานวันเข้าเรื่องทั้งหลายก็เริ่มลดน้อยลง เมื่อเขาเข้ามาที่ห้องนี้ เขาจะพูดด้วยเล็กน้อยราวหมดคำพูด แต่เขาไม่เคยเบื่อเลยที่จะทำมันเช่นนี้ซ้ำๆ เพราะในบางครั้ง เขาจะเขามาจับมือหรือมองคนรักของเขาอยู่เนิ่นนาน...หรือแม้ในบางครั้งเขาไม่กล้าสู้หน้าคนรัก ทำเพียงยืนร้องไห้อยู่เงียบๆในมุมหนึ่งของห้องเย็นเฉียบ...
   ในเวลาที่เหลือของวัน เขามักจะท่องไปตามที่ต่างๆไม่เคยซ้ำกัน เพื่อตามหาคนรักของเขา เมื่อครั้งที่คนรู้จักยังมีชีวิตอยู่ผู้คนเหล่านั้นเคยถามเขาว่าทำเช่นนี้ทุกวันไม่เบื่อบ้างหรอ เขาตอบว่าไม่และส่งยิ้มไปหาพวกเขาอย่างอ่อนโยน คนผู้นั้นยิ้มเป็นกำลังใจส่งมาให้เขา จนเมื่อคนพวกนั้นไม่อยู่เขาก็เริ่มท่องไกลขึ้นเรื่อยๆจนรอบโลก แต่ก็ยังไม่เจออยู่ดี
   วันเวลาผ่านพ้นแต่หน้าตาและร่างกายของเขายังไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะผมของหัวใจน้ำแข็งที่อยู่ในกายเขา เขาตื่นขึ้นมาในร่างของปีศาจเต็มตัว และไม่อาจจะแก้ไขมันได้อีก ทำได้เพียงหลบซ่อนผู้คนใกล้ๆที่เริ่มสงสัย ใช้ชีวิตนอกบ้านผิดเวลาดังคนผิดปกติ เขารอดมาถึง100ปี แต่บ้านที่เคยสวยงามบัดนี้มันผุพังและล้าสมัยอีกครั้งแม้ว่าเขาจะปรับปรุงมันเสมอก็ตาม โลกมนุษย์ผันเปลี่ยนหมุนเวียนไปเสียทุกอย่าง มีแต่เขาเท่านั้นที่ยังคงเดิม


   ก๊อก ก๊อก
กลางดึกสงัดคืนหนึ่งเสียงเคาะประตูปริศนาดังขึ้นหน้าบ้านของเขา ชายหนุ่มได้แต่แปลกใจเพราะหลังจากคนที่รู้จักจากไปก็ไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมเขาอีก นอกเสียจากจดหมายจากเชนและไมเคิลที่มักจะถูกส่งมาหาเขาทุกๆ10ปี แต่เขาก็ไม่เคยเห็นคนส่งจดหมายเลยสักครั้ง เขามักจะออกไปข้างนอกและเมื่อกลับมาจดหมายก็วางอยู่หน้าประตูบ้านทุกครั้ง และสาเหตุที่สองคนนั้นไม่สามารถมาเยี่ยมเขาได้ เป็นเพราะมิติระหว่างสามโลกได้ปิดลงไม่มีกำหนดเปิด เพราะต้องการรักษาสันติสุขและสมดุลระหว่างโลกนั้นๆ เพราะก่อนหน้ามีคนต่างมิติเข้าๆออกๆมากเกินไปจนชั้นบรรยากาศแปรปรวนสิ่งมีชีวิตเริ่มอยู่ไม่ได้
“รอข้าเดี๋ยวนะ ข้าจะรีบกลับมา” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ร่างของคนรักที่นอนนิ่งบนเตียง ค่อยๆวางมือเรียวนั่นลงข้างลำตัวอย่างเบามือ และลุกออกไปยังประตูเพื่อดูว่าใครมา
เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนหลังให้ประตู เขายังคงยืนดูเงียบๆรอให้คนนี้หันหน้ามา เพื่อความแน่ใจว่าไม่ใช่พวกสอดรู้สอดเห็น แต่ดูจากการแต่งกายน่าจะเป็นปีศาจ แต่ปีศาจมาทำอะไรที่นี่ ยิ่งคิดยิ่งฉงนมิติเปิดออกอีกครั้งแล้วงั้นหรอ
เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาใส่ชุดคลุมสีดำยาวกรอมพื้นดั่งชุดเดินทาง เมื่อเปิดออกเห็นเส้นผมสีดำคลับดังรัตกาลในคืนเดือนมืด ใบหูเรียวแหลมเจาะห่วงไว้ข้างละสอง ผิวเนียนสีแทนถูกประดับด้วยกำไรข้อมือสีดำทั้งสองข้าง ลำคอห้อยสร้อยสัญลักษณ์บางอย่างที่มีจี้เป็นสีดำ เด็กหนุ่มค่อยๆหันหน้ามาทางประตูอย่างหงุดหงิดที่รอคอยนาน ยกมือขึ้นทุบประตูอีกครั้ง แต่นั่นทำให้คนที่มองอยู่ตกตะลึง แม้ว่าบางอย่างจะเปลี่ยนไปแต่ต้องใช่คนเดียวกันแน่ๆ คิ้วหนาผูกติด ดวงตาคมขีดเข้มขับนัยน์ตาสีดำให้ดูสวยคม จมูกโด่งรั้นดังเด็กดื้อดึง ริมฝีปากอิ่มอวบสีดำ แต่กลับน่าดึงดูด น่าสัมผัสถึงที่สุด
แอ๊ด...
เสียงประตูถูกเปิดออกเชื่องช้า ต่างจากดวงใจของเจ้าของบ้านที่บัดนี้เริ่มเต้นระรัว เมื่อคนที่มาเคาะประตูหน้าบ้านเขา หน้าเหมือนกับคนรักที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้างไม่มีผิด
“ฟ เฟิร์ส... เจ้า... เจ้ามาหาข้า แล้วหรือข้าฝันไป” ชายหนุ่มมือยังคงคว้าจับลูกบิดประตูไม่ยอมปล่อยมือ ส่งเสียงทักทายแผ่วเบาดังคนหาเสียงไม่เจอ แต่มันกลับดังพอให้คนที่อยู่ตรงหน้าหันมาสนใจ
“ฝันอะไรของท่านกัน ข้าตัวเป็นๆนี่แหละที่มาหาท่านตอนนี้ และข้านำจดหมายจากโลกปีศาจมาส่งให้ท่าน ตามคำแนะนำของท่านลุง อ่ะ ท่าน! ปล่อยข้านะ! จะทำอะไร!” เด็กหนุ่มผู้ส่งจดหมายดิ้นเร่าๆขัดขืนเต็มกำลัง ทั้งผลัก ทั้งเตะ ทั้งต่อย ทั้งทุบตีสารพัด ไม่ว่าจะใส่เต็มแรงขนาดไหนก็ไม่หลุดจากอ้อมกอดแข็งแกร่งนั่นสักนิด แถมยังทำให้ชายเจ้าของบ้านแปลกหน้ากอดรัดตัวของเขาแน่นขึ้น มือหนาใหญ่เย็นเฉียบก็เริ่มลูบไล้ไปตามตัวทำเอาขนลุกเกรียวไปหมด ข้อเสียเปรียบพวกเขาคือขนาดลำตัว ชายแปลกหน้าสำหรับเด็กหนุ่มก็เป็นลุงร่างยักษ์ที่ชอบลวนลามเขาเท่านั้น ไวเท่าความคิดเมื่อรู้ตัวว่ากำลังโดนลวนลาม ปากเล็กๆที่มีเขี้ยวน่ารักสองเขี้ยวงอกยาวก็งับเข้าที่หัวไหล่เต็มแรง
“ขอโทษที ข้าดีใจเกินไป จนลืมตัว” ชายแปลกหน้าไม่มีท่าทีของความเจ็บทั้งที่เลือดนั้นซึมออกมาเต็มหัวไหล่ เด็กหนุ่มเห็นดังนั้นทั้งสงสารทั้งสมน้ำหน้า ชอบมาลวนลามเขาก็สมควรแล้ว แต่ข้าทำแรงไปรึเปล่าเลือดออกเลย
ขณะที่เด็กหนุ่มตีหน้ายุ่งเหยิง อีกคนก็ยืนมองเหตุการณ์นั้นอย่างเย็นใจ เขายิ้มอย่างมีความสุข หัวใจที่ห่อเหี่ยวกลับมาเต้นแรงในรอบ100ปีที่ผ่านมา
เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองชายแปลกหน้าช้าๆ แต่กลับเห็นรอยยิ้มและดวงตาที่เอาแต่จ้องมองแทน เขาที่เริ่มรู้สึกร้อนหน้า และทำตัวไม่ถูกเลยตั้งใจจะบังคับส่งมอบจดหมายใส่มือแล้วรีบเผ่นกลับ มือเล็กเอื้อมออกไปคว้ามือใหญ่ขึ้นมาจับหมายทำดังใจนึก
“เอาจดหมายของท่านไป ข้าจะกลับ อ๊ะ!”
เปรี๊ยะ!
เด็กหนุ่มตาโตเมื่อกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านมือของพวกเขาทั้งสองพร้อมกัน ความคิดทุกอย่างหยุดชะงักลง นิ่งอึ้ง พาลให้ในหัวคิดเรื่องไร้สาระอย่างเรื่องเล่าการเจอเนื้อคู่ที่รู้สึกเหมือนกระแสไฟแล่นผ่านนั่นทำเอารู้สึกแปลกๆในใจ เด็กหนุ่มตั้งใจจะปล่อยมือออก แต่กลับถูกมือใหญ่อีกคนจับไว้แน่นขึ้น จ้องมองด้วยหน้านิ่งๆไม่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ดวงตานั้นมีประกายบางอย่าง ตลอด20ปีที่เขาเกิดมา เจอคนมากมายทั้งปีศาจมนุษย์ไม่เว้นเทพก็ยังรู้สึกเฉยๆ แต่กลับคนๆนี้อดยอมรับไม่ได้ว่ารู้สึกคันๆในหัวใจ เขินอายไม่ทราบสาเหตุ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาพาลเอาหน้าร้อนผ่าว ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด
“ข้าขออภัย ข้างนอกอากาศหนาว เชิญเข้ามาดื่มอะไรอุ่นๆในบ้านของข้าก่อน” ชายแปลกหน้าปล่อยมือของเขาลงช้าๆ ผายมือเชิญเข้าไปด้านใน เด็กหนุ่มตั้งใจจะปฏิเสธเพราะความหนาวเย็นเป็นสิ่งที่เขาชอบ แต่เมื่อดวงตาสบกันเขาก็ปฏิเสธไม่ออกทั้งยังเดินตามชายแปลกหน้าเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว
“ข้าชื่อ รีส หรือเจ้าจะเรียก ราเชน ก็แล้วแต่เจ้า” เจ้าของบ้านแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้ใจที่สับสนและกล่าวโทษตัวเองที่เดินตามคนแปลกหน้าเข้าบ้านทั้งที่ไม่รู้จักก็สงบลงเสียดื้อๆ แถมยังรู้สึกว่าเสียงนั้นมันเสนาะหูฟังแล้วสบายใจซะจนอยากฟังอีก
“ขะ ข้าชื่อ เฟรีล เป็นคนส่งจดหมาย...” ความคิดเตลิดเปิดเปิง หน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสีแดงจัด พูดจาติดขัดไม่กล้ามองหน้าคู่สนทนาเลยแม้แต่นิด
“เฟรีล เป็นนามที่ไพเราะมาก ...เจ้านั่งรอก่อนข้าจะไปหาเครื่องดื่มอุ่นๆมาให้” ชายแปลกหน้าเอ่ยชมชื่อของเด็กหนุ่มสายตาก็ยังคงจดจ้องไม่วางตา เด็กหนุ่มที่เขินอายในความคิดก็อายยิ่งกว่าเก่า จนทิ้งช่วงไปนานเหมือนแกล้งจนพอใจ ชายคนนั้นก็ขอตัวออกไป ทิ้งให้เขาจมอยู่กับความคิดที่เริ่มควบคุมไม่ได้
“ที่นี่สวยงามมาก แม้การตกแต่งจะเป็นแบบของมนุษย์ที่ข้าไม่เคยเห็น แต่ทำไม มันถึง รู้สึกคุ้นเคยถึงเพียงนี้” คล้อยหลังคนที่จากไป เขาเริ่มได้สติกลับมาเป็นของตน เด็กหนุ่มเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา และเริ่มทำการสำรวจบ้านอย่างละเอียด แต่ยิ่งมองความรู้สึกของเขาก็เหมือนยิ่งถูกดูดกลืน ในใจของเขาหน่วงไปหมด ทั้งรัก ทั้งเศร้า โกรธเกลียด ห่วงหา เจ็บปวด แต่ก็มีความสุขด้วย ความรู้สึกทั้งหลายปนเปและกำลังจะเอ่อท้นออกมาเป็นหยดน้ำตาโดยที่ไม่รู้ตัว
"เครื่องดื่มได้แล้ว เฟรีลเจ้า...เป็นอะไรรึเปล่า" ชายเจ้าของบ้านเดินออกมาพร้อมเครื่องดื่มอุ่นในมือ เขาวางมันลงทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างน่าสงสาร ขยับเดินเข้าไปนั่งข้างกายเล็กช้าๆยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำใสออกจากตากลมอย่างแผ่วเบา
"ข้าเปล่า ข้า ข้าแค่ ฮือ..." คำพูดทั้งหลายแหล่จุกอยู่ที่ลำคอไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดๆออกไปได้อีกนอกจากปล่อยให้น้ำตาลไหลรินเรื่อยๆ หนุ่มใหญ่ไม่ลุกไปไหนยังขยับนั่งชิดใกล้โอบหัวไหล่บางเข้าซบอกแกร่งลูบเบาๆเชิงปลอบใจ เด็กหนุ่มยิ่งได้รับการปลอบแสนอ่อนโยนของคนข้างกายน้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่ขาดสาย โผลเข้ากอดแน่นปล่อยโฮไม่หยุด...


"ขอบคุณครับ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เดือดร้อนทั้งๆที่ข้าเป็นแค่คนนอก... แต่ข้าไม่รู้จริงๆว่าทำไมถึงร้องไห้ ทุกอย่างมันรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ข้าสับสน และน้ำตามันก็ไหลออกมาเองอย่างห้ามไม่ได้..." พักใหญ่ผ่านไปเด็กหนุ่มหยุดร้องไห้ เช็ดน้ำตาออก ก้มหน้าซ่อนสีแดงจางๆที่แก้มตนขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ หนุ่มใหญ่ไม่ได้ว่าอะไร นอกเสียจากมองอย่างอ่อนโยนและส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ แต่นั่นทำให้เด็กหนุ่มหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
ทั้งคู่นั่งเงียบกันอีกพักใหญ่ คนที่มองก็เอาแต่จ้องไม่ละสายตาไปไหนแถมยังมีรอยยิ้มจางๆที่ให้ทั้งความรู้สึกอบอุ่นและความรักหลายรูปแบบ คนที่โดนจ้องเอาๆก็ยิ่งเขินทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ เขาเขินทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่นาน ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ส่วนลึกในใจเขากลับรู้สึกว่าแววตาคู่นี้ที่มองมามันคุ้นเคยอย่างประหลาด มันสื่อความรู้สึกบางอย่างส่งมาหาเขา
...สุข ...เศร้า ...รัก ...ปรารถนา ...โหยหา ...คิดถึง ...ไม่มีสิ้นสุด
และที่น่าแปลกใจมากกว่านั้น คือ ตัวเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน...


"เฟรีล เจ้าจะสามารถช่วยนำทางข้าไปยังที่อยู่ในจดหมายได้หรือไม่" เสียงนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มเมื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ พร้อมมือที่ยื่นซองจดหมายที่ได้รับมาก่อนหน้าให้คนที่นั่งจิบเครื่องดื่มแก้เขินอยู่ข้างๆหลังจากผ่านไปได้สักพักใหญ่
"ได้สิท่าน แต่ก่อนที่ข้าจะพาท่านไปยังโลกปีศาจได้ ท่านต้องรอข้าเสียหน่อย ข้ายังส่งจดหมายไปยังปีศาจที่อาศัยอยู่มิตินี้ไม่ครบทุกตน" เด็กหนุ่มยิ้มกว้างตอบรับทันที ใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น รู้สึกดีใจอย่างที่สุดที่ได้ยินอีกคนบอกให้นำทาง ถ้าคนๆนั้นไปอยู่โลกปีศาจตัวเขานั้นก็จะได้เจอบ่อยๆ ถ้าเจอบ่อยๆก็อาจจะรู้ก็ได้ว่าความรู้สึกตอนนี้เขาเรียกว่าอะไร ซึ่งมันอาจจะเรียกว่า 'รัก' ก็ได้ และเขาอยากจะรู้จักกับมันเร็วๆ
"ข้ายินดีตัวติดกับเจ้าตลอดเวลา" คำพูดสองแง่สองง่ามถูกส่งออกไป ดวงตาเป็นประกายรอยยิ้มติดเจ้าเล่ห์ของหนุ่มใหญ่ ทำให้เด็กหนุ่มเขินหนัก หน้าแดงก่ำรามไปถึงหู แม้ว่าจะเสหลบไปด้านใด ก็โดนรู้อยู่ดี
"ทะ ท่าน หมายถึงเช่นไร” คำพูดติดขัด ทำตัวไม่ถูก มือไม้ยังไม่รู้จะวางไว้ที่ใดเลยต้องยกขึ้นมาเก้าท้ายทอยแก้เก้อ ยิ่งลอบมองดวงตาแดงเป็นประกายของอีกคน ยิ่งเขินเข้าไปอีกจนต้องหันไปมองอย่างอื่น แต่เมื่อลอบมองทีไรดวงตานั้นก็ยังจ้องอย่างมีความหมาย ไหนจะรอยยิ้มที่ถูกส่งมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พาลเอาใจดวงน้อยเต้นระรัวจนแทบจะหลุดจากอก
“ข้าหมายถึง... ข้าพร้อมจะเดินทางไปพร้อมเจ้า ...ในทุกๆที่...เจ้าจะอนุญาตหรือไม่” หนุ่มใหญ่ขยับกายเข้าใกล้ ก้มลงเกือบชิดใบหูอมชมพู น้ำเสียงนุ่มลื่นถูกเอื้อนเอ่ยช้าๆ พร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนเบาๆอย่างจงใจเชิงหยอกล้อ ให้ไอเย็นจากกายใหญ่ไล้เลียคนที่อยู่ใกล้ๆตื่นเต้นเพิ่มไปอีกเท่าตัว  หัวใจพองโตมองหน้าเด็กหนุ่มละสายตาไปไหนไม่ได้ ยิ่งมองใกล้ยิ่ง...น่ารัก
“ละ แล้ว แต่ ท่านสิ ถ้าท่านต้องการเช่นนั้น ข้าก็ ขัดท่านไม่ได้ แต่ยะ อย่ามาบ่นให้ข้าได้ยินก็แล้วกันว่ามันลำบาก” เด็กหนุ่มหน้าขึ้นสีแดงจัด มือกุมบีบไว้แน่นอย่างตื่นเต้น หัวใจเต้นระรัว หูอื้อ ขนลุกชันไปทั่วร่าง จั๊กจี้ในหัวใจไม่หยุด ยิ่งอีกคนขยับใกล้ ไอเย็นๆจากกายอีกคนกลับยิ่งทำให้ตื่นเต้น ไหนจะจงใจแลบเลียริมฝีปากที่ยิ่งมองยิ่งดูเซ็กซี่ พาลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ร่างกายอ่อนระทวยติดกับดักหัวใจไปเต็มๆ เกิดมา20ปีเจอปีศาจมนุษย์เทพมามากมาย แต่ไม่เคยมีใครดูมีเสน่ห์มากมายเท่านี้

แม้จะเจอกันไม่กี่นาที แต่ความคุ้นเคยที่มีมันเรียกร้อง ให้ยอมจำนน...เฟรีล
แม้จะอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง เขาก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับคนๆเดิมอย่างเต็มใจเสมอ…ราเชน/รีส
.
.
.
ก่อนหน้านั้น
ขณะที่หนุ่มใหญ่เดินไปชงเครื่องดื่มอุ่นมาให้คนที่รออยู่ภายในห้องรับแขก เขาได้เปิดอ่านจดหมายที่ถูกส่งมาถึงเขา จดหมายที่ถูกส่งมาโดยคนที่รู้จักที่ย้ายไปอยู่โลกปีศาจ กำชับว่าต้องอ่านให้ได้มาบนหน้าซอง
‘ถึง รุ่นพี่ที่รัก , ท่านราเชนที่เคารพ
ในที่สุด!!! ก็สิ้นสุดเวลารอคอยสักทีนะครับรุ่นพี่ คนที่รุ่นพี่ตามหาและรอคอยมาตลอด100ปีที่ผ่านมา ผมได้ทำการส่ง ‘ตัวเขา’ ไปหารุ่นพี่ด้วยตัวเองแล้ว ตรวจสอบแล้วว่าเป็นคนๆเดียวกัน ดีใจด้วยนะครับรุ่นพี่ ;p
ข้อมูลส่วยตัวของเขาในชาตินี้ เขาชื่อ เฟรีล (ชื่อยังคล้ายพี่เฟิร์สเลยนะครับ) เป็นปีศาจอายุน้อยที่เพิ่งเกิดมาได้20ปี และที่สำคัญเขาเป็นเพื่อนของลูกชายผมเอง เขาทำงานส่งจดหมายไปทุกมิติ รวมถึงโลกด้วย แต่ก่อนหน้านี้ทีหาไม่เจอพวกผมยังไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนก่อนมาที่นี่ เพราะข้อมูลส่วนตัวของเขาก็ยังไม่แน่ชัด และเป็นปีศาจประเภทไหนก็ยังไม่ทราบเหมือนกันนะครับ แต่แค่นี้ก็พอแล้วแหละ ผมว่ารุ่นพี่ต้องดีใจจนหน้ารุ่นพี่ต้องบานเป็นกระด้งแน่ๆเลย เอ๊ะ ภาษาปีศาจเขาเรียกว่าอะไรไม่รู้ ชั่งเถอะ เอาเป็นว่า...
ยินดีต้อนรับกลับโลกปีศาจนะครับรุ่นพี่ โอกาสครั้งนี้มาถึงแล้ว ใช้ให้คุ้มค่าและมีความสุขกับมันให้มากที่สุดนะครับ
ปล.พาเขากลับมาอย่างปลอดภัยด้วยนะครับ และผมยังไม่อนุญาตให้รุ่นพี่ล่วงเกินเขา บอกไว้ก่อนนะครับว่าตอนนี้ผมและไมเคิลเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนั้นอยู่ เพราะฉะนั้น ห้าม!
ด้วยรักและคิดถึง
    เชน , ไมเคิล’
จดหมายถูกพับเก็บลงอย่างนุ่มนวล ใบหน้าของหนุ่มใหญ่เปื้อนยิ้มดังที่โดนเปรียบเทียบก่อนหน้า ใจของเขาเต้นโครมครามอีกครั้งจากที่ไม่ได้เป็นมานาน ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง 100 ปีที่ผ่านมา ในที่สุดฟ้าก็ตอบรับคำขอของคนที่ซื่อสัตย์และรอคอยในรักเดียวอย่างเขาสักครา
ไม่นานก็เกิดแสงสว่างวาบออกจากห้องที่เขาไว้เก็บรักษาร่างคนรัก หนุ่มใหญ่ค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้มองดูปรากฏการณ์แสนวิเศษที่กำลังเกิดช้าๆด้วยรอยยิ้ม
ร่างกายของเฟิร์สนั้นค่อยๆโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเพียงแค่ละอองใสสีขาวแวววาว รวมตัวกันเป็นมวลก้อนหนึ่งและลอยขึ้นในอากาศ ทั้งสง่างามและแวววาว แสงนั้นลอยวนอยู่ในอากาศสักพักและลอยลงต่ำมาวนรอบตัวเขา รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แสงนั้นมอบให้ เขาได้แต่ยิ้มและผายมือออกไปหาแสงนั้นอย่างคิดถึง แต่แสงกลับลอยออกห่างจากตัวเขาและค่อยๆลอยนำทางเขาไปทางห้องนั่งเล่นที่มีใครบางคนนั่งอยู่ เมื่อหนุ่มใหญ่เดินตามมาถึงห้องนั่งเล่นมองเห็นอีกคนที่กำลังมองสำรวจรอบห้องช้าๆและไม่นานน้ำตาก็คลอท่วมดวงตาใสปริ่มจนจะเอ่อล้นออกมา หนุ่มใหญ่มองค้างอยู่อย่างนั้นและแสงสว่างแวววาวก็เคลื่อนเข้าไปหาเด็กหนุ่มพร้อมกับค่อยๆจางหายไปในอากาศ...
“ยอดดวงใจของข้า ในที่สุดก็กลับมาหาข้าเสียที”


…หนุ่มใหญ่ยืนมองอยูเช่นนั้นสักพัก และเดินกลับไปยกเครื่องดื่มมาให้อีกคน พร้อมเริ่มต้นบทสนทนากับคนๆนี้ที่เขาตัดสินใจจะ เริ่มต้นใหม่ด้วยรัก อีกสักครา
"เครื่องดื่มได้แล้ว เฟรีลเจ้า...เป็นอะไรรึเปล่า"


..... 
จบกันไปแล้วววววววววววววว พอใจกันไหมคะ 555 สั้นไปหน่อยไหมน้อ...
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนถึงทุกวันนี้มากๆเลยค่ะ ขอบคุณทุกแรงใจ แรงสนับสนุน แรงเชียร์ และความรักที่ส่งมาจากรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน ขอบคุณมากจริงๆค่า
ปล.อยากอ่านอีก บอกได้นะเออ แต่งได้จะแต่งมาให้อ่านกัน แต่ถ้าไม่มีก็ลากันตอนนี้นะคะ บายบาย รักทุกคน ขอบคุณมากจ้า
บทรีไรท์ รอก่อนเน้อ กำลังทำการเรียบเรียง แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้แตกต่างมากเท่าไหร่พยายามคงเดิม แต่วิธีการเล่าคงไม่เหมือนช่วงแรกๆ ไรท์จะพยายามทำไม่ให้งงและอ่านได้ง่ายขึ้น 555

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย End
«ตอบ #107 เมื่อ14-06-2017 16:04:43 »

 :mew1:

ออฟไลน์ TaemyG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: me die ?? เพราะคุณ...ทำให้ผมตาย End
«ตอบ #108 เมื่อ15-06-2017 10:20:06 »

 :katai2-1: :mew6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด