ว้าว จบแบบนี้ชอบ
ขอบคุณคนโพส คนแต่งน๊า
krappom ไปทำบุญล้างซวยบ้างนะ รึไม่ก็สวดมนต์แผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
แล้วก็รอตอนหมอคมกะนพ
ก็ว่างั้นแหละ
สงสัยต้องไปทำบุญล้างซวยบ้างแล้วล่ะ ไม่ได้เข้าวัดนานแล้ว
ว่าแต่จะเข้าได้มั้ยอ่ะ รู้สึกเห็นสีเหลืองแล้วร้อนๆ ทู้กที เอิ้ก
หัวใจขายแพง ๆ พิเศษ ตอน ฮันนีมูนเสียงคลื่น… กลิ่นทะเล… ลมโชยเบา ๆ…. ทำไมเวลาอยู่กับธรรมชาติแล้วถึงได้รู้สึกมีความสุขขนาดนี้นะ
“…ธร…”
“อือ…” รู้สึกว่ามีอะไรนิ่ม ๆ มาแตะที่ขมับ
“แดดแรงแล้ว เข้าไปนอนข้างในเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย” คุณยะจูบขมับผมเบา ๆ เอามือลูบหัว
ผมเหลือบตามองฟ้าก็เริ่มรู้สึกแสบตา อืม…แดดแรงจริง ๆ คงจะสายมากแล้ว นี่ผมนอนยาวเลยเหรอเนี่ย รู้สึกว่าเพิ่งออกมานอนได้ไม่นานเอง
“อ๊ะ!!~ คุณยะ!!! ทำอะไร!!!~”
อยู่ ๆ คนบ้านี่ก็อุ้มผมขึ้นมาเฉย ๆ
“ก็คุณทำท่าเหมือนจะไม่ลุกนี่นาผมก็จะอุ้มไปส่งให้น่ะสิ”
ยังมาหอมแก้มอีกคนบ้าอะไรนี่!~
“ปล่อย! ผมเดินเข้าไปเอง อายคนอื่นเขา”
ยังมาทำหน้างงอีกปล่อยก่อนสิ….
“อายใคร?”
“ก็โน่นน่ะคนเดินเยอะแยะ”
ผมชี้ไปข้างหลังเขาก็หันไปมองตามแต่ก็ไม่ยอมปล่อยผมซักที ปล่อยก่อนไม่ได้รึไงนะ
“คนเดินเยอะแยะ….
‘ตั้ง’ 3 คน”
“3 คนแล้วใช่คนมั้ยล่ะ!”
“ก็มีแต่ต้อย ต้อง แล้วก็ป๋อง ไม่เห็นมีใคร”
“ก็นั่นแหล่ะ อายเด็ก ๆ เขาบ้างสิ”
อีตาบ้านี่ยังมาหัวเราะ
“โธ่ธร~ เด็ก ๆ พวกนั้นเขาก็รู้หมดแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน จะไปอายเขาทำไม หรือว่าจะให้ผมแสดงให้พวกเค้าดูดี?…”
ยังมาทำหน้าทะเล้นไอ้คนผี!~
“คุณน่ะหน้าด้าน ผมไม่ได้หน้าด้านแบบคุณนี่.. อ๊ะ!!! คุณยะ!!!~” อยู่คุณยะก็ยกผมขึ้นพาดบ่าเฉยเลย ปล่อยนะ!!
“ว่าสามีหน้าด้านได้ยังไง สงสัยต้องลงโทษกันหน่อยแล้ว”
หยุด!!~ จะอุ้มผมไปไหน!! ปล่อย!!!….
ตุบ!!
โอย… คนบ้านี่ อยู่ ๆ ก็มาโยนผมลงบนเตียงซะเต็มแรงเลย อ๊ะ!! ตามลงมานอนด้วยทำไม!!?
“คุ…อื้อ!!~…”
เขาตามมาจูบผมเร็วจนผมตั้งตัวไม่ติด ก็เพราะไอ้จูบนี่แหล่ะทำผมหัวหมุนคิดอะไรไม่ออก แรงก็หมดไปซะเฉย ๆ กว่าเขาจะปล่อยผมก็เกือบตาย
“คุณยะ!…”
ผมหยุดมือเขาที่กำลังปลดกระดุมเสื้อผมไว้แน่น เขาเลิกคิ้วมองผมเหมือนจะถามว่า
‘อะไร?’ “นี่มันยังกลางวันอยู่เลย…”
“โธ่ธร~… ที่รัก เรามาฮันนีมูนกันนะ”
ยังมาทำเสียงแบบนี้อีก! ไม่ต้องมาทำหน้าผิดหวังขนาดนั้นเลย
“คุณยะ~ ผมก็รู้ว่าฮันนีมูน แต่มันกลางวันแสก ๆ แบบนี้ถ้าเกิดเด็ก ๆ เขามาเรียกไปกินของว่างล่ะ”
“เราก็ไม่ไปไง”
ตอบง่ายจริง ๆ เลยนะ
“แต่ผมไม่ชอบกลางวัน ….มันร้อน…”
ยังจะมาขำอีก
“ร้อนก็เปิดแอร์ได้”
“มันสว่างเกินไป”
“อายอะไร?”
“ก็อายคุณน่ะสิ!”
เขายิ้มกว้าง ผมล่ะอยากมุดเข้าไปใต้ที่นอนจริง ๆ จะให้มาทำอะไรกันกลางวันแสก ๆ ไม่เอาหรอก
“ก็ได้ ๆ ไม่เอาก็ไม่เอา แต่กลางคืนห้ามขัดใจผมล่ะ”
กว่าจะยอมลุกไปได้…. ยังมาขยิบตาให้อีก ดูซิกว่าจะยอมตกลงกระดุมหลุดไปตั้งกี่เม็ดแล้ว คนบ้าอะไรก็ไม่รู้
ก๊อก!! ๆ
“คุณยะครับ คุณธรครับ”
เสียงป๋องนี่นา คุณยะเดินไปเปิดประตูก็เห็นป๋องยืนยิ้มอยู่
“ผมทำของว่างไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“เดี๋ยวตามไป”
ป๋องหันหลังเดินกลับไป จริง ๆ เลยพ่อครัวคนนี้ พยายามจะทำให้ผมอ้วนให้ได้ ทำอาหารอร่อยไปซะหมดทุกอย่างแถมแกะสลักสวยซะจนไม่กล้ากิน ขนาดผมไม่ได้อยู่วังหม่อมป้าแล้วแต่อาหารยังจัดซะเหมือนที่วัง
“คุณเดาถูกเป๊ะเลยแฮะว่าเดี๋ยวป๋องจะมาเรียกไปกินของว่าง”
ยังจะมาพูดอีก
“น่า~ อย่าทำหน้างอนผมแบบนั้นสิ ไปกินของว่างกันเถอะ” เขาหันมาดึงมือผมให้ลุกตามเขาไป
“คุณธรอิ่มแล้วเหรอครับ?…หรือของว่างของผมไม่อร่อย…” ป๋องถามทันทีที่ผมวางช้อน
“อร่อยมากป๋อง แต่ผมอิ่มจริง ๆ “
ผมอยากจะบอกจริง ๆ ว่าผมกินไม่เข้าแล้ว ทำเยอะแยะตั้งใจจะให้ผมเดินไม่ได้เลยหรือไงกัน
“ป๋องบอกให้ต้อยกับต้องเตรียมไฟฉายไว้นะ ค่ำ ๆ จะพาไปเที่ยวตลาดมืด” คุณยะหันไปสั่งป๋องที่เริ่มเก็บจานของว่าง …
ตลาดมืด…
“ตลาดมืดเหรอคุณยะ”
เขาหันมามองผมแล้วก็หัวเราะ “ไม่ใช่ตลาดแบบนั้นหรอกน่า เป็นตลาดนัดที่เขามาขายของกันตอนค่ำ ๆ น่ะเขาจะจุดเทียนขายของกัน เราต้องเตรียมไฟฉายไปด้วย บางทีถ้าดูดี ๆ ก็จะได้ของดีราคาถูกมาก”
“คุณรู้ได้ยังไง?”
ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะชอบเดินดูของตามสถานที่แบบนั้น
“เพื่อนผมบอกมา แถมยังบอกอีกว่าตอนดึก ๆ ที่นี่จะดาวสวยมาก”
…..ดาว…..
“แต่คุณยะ… เปิดไฟกันสว่างแบบนี้จะเห็นดาวได้ยังไง?”
“ช่วงตี 2 แถวนี้เขาจะปิดไฟทั้งหมด ถ้าเราอยากดูดาวต้องเดินออกไปที่หาด ที่นั่นจะเห็นดาวชัดและสวยที่สุด”
ตี 2 เหรอ…
“ตี 2 เชียวเหรอ”
“ถ้าคุณอยากดูเราก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก็ได้”
“ก็ได้”
“โอ้โห!~ ตลาดมืดจริง ๆ ด้วยค่ะคุณธร มองไม่เห็นอะไรเลย” เสียงต้อยยังคงดังแบบไม่ได้หยุดตั้งแต่ขับรถออกมาจากที่พัก ต้องเริ่มแจกไฟฉายให้ทุกคน
“เอาล่ะ เดี๋ยวเราเดินดูกันไปเรื่อย ๆ ยังไงถ้าหลงกันให้โทรเข้ามือถือหรือว่ากลับมาคอยที่รถก็ได้ ต้อยเอามือถือมาใช่มั้ย?” คุณยะเริ่มสั่งการ
“เอามาค่ะ”
โทรศัพท์มือถือของต้อยผมเป็นคนซื้อให้เอง เพราะเห็นว่าต้อยก็เป็นสาวแล้วคงจะอยากมีเหมือนที่เพื่อน ๆ เขามีกันบ้าง อีกอย่างมันก็สะดวกเวลาไปไหนมาไหน
“ไปกันเถอะ” คุณยะจูงมือผมเดินเข้าไปบริเวณที่เขาจัดเป็นตลาดมืด
ดูท่าทางว่าที่ตรงนี้จะเป็นลานอเนกประสงค์ในตอนกลางวัน ทุกร้านจะวางของขายกับพื้นและจุดเทียนเล่มเดียว ถ้าคนซื้อจะดูของก็ต้องใช้ไฟฉายที่ตัวเองถือมาส่องดูเอา ใครดูเป็นก็ได้ของดี ใครดูไม่เป็นก็เสียเงินไปตามระเบียบ ดูแล้วก็สมกับที่เรียกตลาดมืด ถ้าไม่มีไฟฉายคงจะหลงกันแน่ ๆ
คุณยะเดินไปได้หน่อยก็มาสะดุดกับร้านร้านหนึ่ง เป็นร้านขายเครื่องประดับที่มีคนสนใจค่อนข้างเยอะ
นี่ล่ะนักธุรกิจ….เห็นอะไรเป็นเงินเป็นทองให้ธุรกิจได้ล่ะหยุดดูไปซะหมด ผมหันไปมองต้อยดูท่าทางไม่ค่อยสนใจซักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะราคาที่ค่อนข้างแพงก็ได้และอีกอย่างดูเหมือนต้อยจะสนใจอะไรที่มากกว่าเครื่องประดับนี่
“มีอะไรเหรอต้อย?”
“ตรงโน้นน่ะค่ะคุณธร ต้อยเห็นเขาทำอะไรกันก็ไม่รู้ไฟสว่างเชียว”
ดูท่าต้อยจะสนใจเอามาก ๆ ผมเหลียวมองคุณยะ กำลังสนใจอยู่แต่ของคงจะอีกนานกว่าจะออกจากร้านนี้ได้
“ไปดูกันมั้ย?”
ต้อยหันมายิ้มกว้าง
เราค่อย ๆ แหวกคนเข้าไปดูที่หน้าร้าน อ๋อ!~ เป็นร้านที่เค้ารับเพ้นท์ลายบนผิวมีเพ้นท์เล็บด้วย มิน่าถึงได้ติดไฟซะสว่าง ไม่อย่างนั้นคงมองไม่เห็นลายแน่ แต่ก็น่าแปลกที่จะมีร้านเพ้นท์ลายมาเปิดแผงลอยแบบนี้
“น้องผู้ชายคนนั้นสนใจจะเพ้นท์มั้ยครับ” อยู่ ๆ ผู้ช่วยในร้านก็หันมาถามผม
“ไม่ดีกว่าครับ”
“ไม่ลองหน่อยเหรอครับ ผิวสวย ๆ แบบนี้ลายคงออกมาสวย” เขาลุกเดินเข้ามาใกล้ ๆ พยายามชักชวนเต็มที่
“คงไม่ลองล่ะครับ ผมไม่ชอบให้ภรรยามีลายอะไรเลอะเทอะบนผิวสวย ๆ “
ไม่รู้ว่าคุณยะตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยิ้มนั่นดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้สิ ผู้ช่วยช่างเพ้นท์คนนั้นเดินกลับไปทำงานของตัวเองต่อทันทีที่เจอสายตาแปลก ๆ ของคุณยะเข้า
“ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ เรากลับกันดีกว่า” คุณยะจูงมือผมกลับมาที่รถ
“ต้อย! ชวนคุณธรไปดูอะไรไม่รู้เรื่อง” ต้องเริ่มหันไปดุน้อง
“ไม่เป็นไรหรอกต้อง ผมชวนต้อยไปดูเอง อย่าดุเค้าเลย”
“ต้อยขอโทษค่ะคุณธร”
“ช่างเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก” ผมลูบหัวต้อยเบา ๆ
ต้อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว
“กลับกันเถอะ” ผมชวนกลับที่พักเมื่อเริ่มรู้สึกว่าการเที่ยวเริ่มจะไม่สนุกแล้ว
“ผมนึกว่าคุณอยากจะเพ้นท์ซะอีก”
ยังจะมาแกล้งล้ออีก
“บ้าสิ ให้เอาสีมาวาดบนตัวเป็นลายพร้อยแบบนั้นน่ะผมไม่ชอบหรอก แค่เห็นว่าต้อยเขาสนใจ”
คุณยะเดินมานั่งใกล้ ๆ ผม ดึงมือผมไปจับเล่น
“ผมก็ไม่ชอบ ผมชอบให้ผิวสวย ๆ ของคุณขาวอมชมพูแบบนี้ล่ะ” เขาจูบเบา ๆ ที่หลังมือ
“บ้าน่าคุณยะ ผิวผู้ชายสวยตรงไหนกัน”
ผมดึงมือออกคุณยะก็เปลี่ยนมาลูบแขนแทนจนผมขนลุก
“ก็สวยตรงที่ผิวเนียน ขาว นุ่มมือ ไม่มีริ้วรอยขีดข่วนหรือแผลเป็นแม้แต่น้อยนี่ไงล่ะ”
ไม่ได้ลูบแค่แขนแล้ว ลามไปถึงขาอีกด้วย ผมต้องรีบปัดมือเขาออก
“ไม่เอาล่ะ ไม่คุยเรื่องนี้กับคุณแล้ว ผมไปอาบน้ำดีกว่า”
“ผมอาบให้มั้ย? ผมอาบสะอาดนะ”
สายตาเจ้าเล่ห์จริง ๆ
“ไม่เป็นไร ผมเกรงใจ”
เฮ่อ~ การอาบน้ำอุ่นนี่มันสบายตัวจริง ๆ เลย เดินออกมาจากห้องน้ำเห็นคุณยะง่วนอยู่กับการค้นกระเป๋า
“คุณหาอะไร?”
“ผมจำได้ว่าผมเอาของฝากจากวิชุดามาด้วย”
“ของฝาก?”
“อ้อ! เจอแล้ว… เขาฝากของมาให้คุณ ผมจะให้ทีไรก็ลืมทุกที วันนี้คงได้ใช้”
เขาหยิบกล่องใส่กระปุกครีมอะไรซักอย่างออกมาจากกระเป๋า
“อะไรน่ะ?”
“ของฝากจากออสเตรเลีย มีมาหลายชิ้นเลย รู้สึกจะมีทั้งครีมกันแดด เอ่อ… ครีมบำรุงผิวกลางวัน กลางคืน ครีมล้างหน้า นี่…อันนี้โลชั่นกันยุง”
เอ่อ… ผมคิดว่าคุณวิชุดาคงเข้าใจอะไรผิดไป ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ!!!
“คุณจะทาก็ทาไปเถอะ ผมไม่เอาดีกว่า”
“อ้าว!~ ทำไมล่ะ เขาซื้อมาให้คุณนะ”
ทำไมต้องทำหน้าผิดหวังแบบนั้นด้วย
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะจะได้ต้องทาโน่นทานี่ มันเหนอะหนะ”
“คุณผิวบางแบบนี้โดนยุงกัดก็เป็นผื่นหมดน่ะสิ เจ็บด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย ผื่นขึ้นทายาก็หาย”
แล้วเขาจะต้องมาเดือดร้อนอะไรเนี่ย เขาไม่ใช่คนโดนยุงกัดซักหน่อย
“ก็แล้วจะปล่อยให้เป็นก่อนแล้วค่อยทายาทำไม ป้องกันไว้ก่อนสิ…”
คุณยะไม่ปล่อยให้ผมปฏิเสธดึงผมลงไปนอนที่เตียงแถมยังกดไว้ไม่ให้ผมลุกอีก
“เดี๋ยวผมทาให้” ยิ้มน่ากลัวจริง ๆ
“ไม่เอา”
“รับรองว่าทาอย่างเดียว ไม่ทำอย่างอื่น”
“…แน่นะ?…”
จริง ๆ แล้วไม่น่าจะไว้ใจได้หรอกคนนี้น่ะ
“สัญญา”
ผมปล่อยให้เขาทาโลชั่นโน่นนี่ตามใจเขาจะหยิบ ทาไปได้ซักพักผมก็เริ่มรู้สึกว่าผมคิดผิด ก็นายคนตัวโตนี่ทาอ้อยอิ่งเหมือนลูบขาผมเล่นมากกว่าจะทาโลชั่นให้ แถมยังทาไม่ยอมเลิกอีกด้วย
“คุณยะ….”
“ครับผม”
“เสร็จรึยัง?”
“อีกนิดนึงทาแค่โลชั่นถนอมผิวเอง ยังไม่ได้ทาครีมกลางคืนเลย”
“พอแล้ว ไม่ต้องทาแล้ว”
“น่า ๆ ทาโลชั่นก่อน เดี๋ยวก่อนออกไปดูดาวค่อยทากันยุง”
เขายังคงยิ้มกริ่มทาต่อไปจนผมจะชักขาหนีนั่นล่ะถึงจะยอมทาให้ดี ๆ
“เอาล่ะ คุณนอนเถอะ เดี๋ยวดึก ๆ ผมจะมาเรียกไปดูดาว” เขายิ้มแล้วก็เดินออกจากห้องไป
แปลก…. ปกติอย่างนายคนนี้น่ะเหรอจะยอมออกไปง่าย ๆ แบบนี้ ต้องมีอะไรซักอย่าง แต่….ออกมานอกบ้านแบบนี้ก็คงจะทำตัวดีกับเขาหน่อยล่ะมั้ง เฮ่อ~… คิดไปก็เปล่าประโยชน์ ผมไม่เคยเดาใจเขาได้ซักที นอนดีกว่า….
“…ธร….”
“อือ…”
“ตี 2 แล้ว ไปดูดาวกันเถอะ”
ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น ออกจากห้องน้ำมาเห็นคุณยะยืนยิ้มเผล่เดินเข้ามาจะทาโลชั่นกันยุงนั่นให้
“ผมทาเอง” ผมรับมาทาแขนขา ขืนปล่อยให้ทาให้คืนนี้คงไม่ได้ไปดูดาว
คุณยะหันไปหยิบของอะไรบางอย่างซ่อนไว้ข้างหลัง
“อะไรน่ะ?”
“เซอร์ไพรส์นิดหน่อย ต้องปิดตากันก่อน”
ผมมองเขาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ กะแล้วว่าต้องมีอะไรซักอย่าง
“น่า เชื่อผมสิ” เขาเดินเข้ามาปิดตาผมแล้วก็อุ้มไปข้างนอก
เสียงลมกับเสียงคลื่น คงจะเป็นริมหาด เขาค่อย ๆ วางผมลงบนเสื่อแล้วก็ดึงผ้าปิดตาออก
ผมเพิ่งรู้ว่าสวรรค์บนดินเป็นยังไงก็ที่นี่เอง เสียงคลื่นทะเลเบา ๆ โลมโชยอ่อน ๆ ดาวสว่างเต็มฟ้าทั้ง ๆ ที่รอบด้านมืดจนแทบมองไม่เห็นอะไรบรรยากาศเหมือนกับได้มองเห็นอวกาศทั่วทั้งจักรวาล
“สวยมาก….”
“ใช่… สวยมาก”
“ไม่อยากเชื่อว่ามีที่แบบนี้อยู่บนโลก”
“ถ้าคุณชอบผมจะพามาบ่อย ๆ “ เขาดึงผมเข้าไปพิงอกแล้วกอดไว้หลวม ๆ
“น่าเสียดายที่ผมดูดาวไม่เป็น”
“ผมก็ดูไม่เป็น”
เราหัวเราะกันเบา ๆ
“….ธร….”
“หือ?”
“ผมรักคุณ”
ผมหันกลับไปมองหน้าเขา คำคำนี้ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ ตรงข้ามมันกลับทำให้ใจผมชุ่มชื่นมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยิน
“ผมก็รักคุณ”
เขาจูบผมเบา ๆ จูบอ่อนหวานเต็มไปด้วยความอบอุ่น อ่อนโยน และ ‘รัก’
…แต่เดี๋ยวก่อน!!! เขาไม่หยุดแค่จูบแล้วนี่!!
“…คุ…คุณ….คุณยะ….”
ปากเริ่มซนไล่จูบตามซอกคอลงมาเฉยเลย
“หือ?”
ยังมาหืออีก กอดแน่นจนร้อนไปหมดแล้ว
“ป…ปล่อยผมเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ใครจะมาเห็น นี่มันตี 2 แล้วนะ”
“ก็ถ้าคนอื่นเขามาดูดาวแบบเราบ้างล่ะ”
คนอะไรเนี่ย ทั้งมือทั้งปากยังไม่ยอมหยุด
“จะมาดูได้ยังไงในเมื่อเพื่อนผมไม่เคยบอกใครว่าที่นี่ดาวสวย”
“อ้าว!!?”
คุณยะเงยหน้ามองผมยิ้มหวาน
“เขาบอกแค่เรา เป็นของขวัญฮันนีมูน”
“…แต่….”
เขาไม่ฟังผมพูดต่อก้มลงมาจูบดันตัวผมนอนลงกับเสื่อทันที
“อย่าโยเยสิ คุณสัญญาแล้วนะว่ากลางคืนจะตามใจผม”
จริง ๆ เลยนายคนนี้นี่ พูดไปปลดกระดุมคนอื่นไปก็ได้ด้วย
เฮ่อ~…. ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ชอบมีอะไรกับเขาหรอกนะ ทุกครั้งที่เขากอดผมมันเต็มไปด้วยความรู้สึกรักที่มากมายจนบอกไม่ถูก แต่ตัวเขาเองคงลืมไปว่าผมกับเขาน่ะรูปร่างผิดกัน เขาเป็นคนตัวใหญ่ไม่ว่าอะไร ๆ มันก็….ใหญ่ตามตัวไปหมด เวลามีอะไรกันก็ไม่ใช่ว่าครั้งเดียวแล้วเขาจะพอหรือจะหยุด สุดท้ายคนที่ลำบากก็คือผมนั่นล่ะ ถึงจะแต่งงานกันมาหลายเดือนแล้วแต่ผมก็ยังไม่ชินซักที เอาเถอะ~…..ซักวันผมคงจะชินขึ้นมาบ้าง…..ล่ะมั้ง
“ผมรักคุณ”
ก็คำรักที่มาพร้อมจูบเบา ๆ นี่ล่ะ ที่ผมไม่เคยปฏิเสธได้ซักที
“ผมก็รักคุณ”
...................................
“….ธร….”
อือ… เรียกแต่เช้าเลย เรียกทำไม….
“….ธร….”
รู้แล้วน่า
“อือ…”
“ลุกขึ้นไหวมั้ย? ไปอาบน้ำก่อนซักหน่อยเถอะเดี๋ยวป๋องจะยกสำรับเช้ามาให้”
“ผมอยากนอน….”
“ผมรู้ แต่ลุกขึ้นมาอาบน้ำกินข้าวก่อนเถอะ วันนี้ผมจะให้คุณนอนทั้งวันเลย”
เขาก้มหน้ามาจูบขมับผม
“อือ”
ผมพยายามจะลุกเดินเข้าห้องน้ำ แต่ความพยายามอย่างที่สุดของผมก็ทำได้แค่นั่ง ร่างกายมันปวดเมื่อยไปหมดยกแขนยกขาแทบไม่ขึ้น พ่อคนทำความผิดตัวรู้ตัวช่วยอุ้มผมเข้าห้องน้ำ
น้ำเย็น ๆ ทำเอาผมสะดุ้ง ตื่นนอนใหม่ ๆ แล้วอาบน้ำเย็นเลยทันทีนี่ไม่ดีเลยแฮะ คุณยะเปิดน้ำร้อนเพิ่มจนน้ำในอ่างอุ่นพอดี ผมนอนแช่อยู่ในอ่างปล่อยให้คุณยะฟอกสบู่ให้ หลับตานอนพิงอ่างรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะเพราะคุณยะช่วยนวดไปด้วยฟอกสบู่ไปด้วย
รู้สึกแปลก ๆ …. เหมือนไม่ใช่แค่ฟอกสบู่แล้ว แต่รู้สึกเหมือนมือคุณยะลูบเล่นไปตามตัวผมมากกว่า พอลืมตามองคุณยะก็เล่นเอาขนลุก สายตาคุณยะเหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด ยังไม่ทันจะอ้าปากห้ามคุณยะก็โถมเข้ามาจูบผมทันที
“หยุดนะคุณยะ!!! ผมจะอาบน้ำ!!!”
“ก็อาบสิ ผมก็ช่วยคุณอาบนี่ไง”
“ไม่ต้องแล้ว!! ออกไปเลยผมอาบเองได้”
“ไม่ดีกว่า ผมอยากช่วยคุณอาบ นะที่รัก….”
“คุณยะ!!! หยุดนะ!!! คุณยะ!!!!~………………..
............................................
END
ตอนต่อไปพบกับคุณหมอคมสันและบุรุษพยาบาลนพ