...............
......
...
....................................
ตอนที่๒๕ น้ำจากตา
ราวกับภาพศิลปะแอ็บสแตรคท์ที่ศิลปินจงใจขีดเส้นสายให้บิดเบี้ยว..... น้องสาวตัวน้อยที่เพิ่งส่งยิ้มเขินอายมาให้เมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อนลอยละลิ่วขึ้นตามแรกกระแทกแล้วกลับร่วงหล่นลงนอนสงบอยู่บนพื้น ห่างจากผู้เป็นพี่ไม่ถึงสิบก้าว
อรุณรุ่งก้าวตรงไปที่ร่างนั้นอย่างเลื่อนลอย โลกพลันเงียบสนิทราวปราศจากสิ่งมีชีวิตใดใดมารับรู้ถึงเหตุการณ์ยามเช้าซึ่งเปลี่ยนแปลงคนที่ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
สัญญาณแห่งการมีชีวิตขาดหาย องศาผิดแผกของข้อต่อตามร่างกายแบบบางนั้นประจักษ์กับตา ก่อนที่สีแดงในเฉดที่เข้มที่สุดซึ่งไม่เข้ากับความอ่อนใสของนางฟ้าผู้อ่อนหวานเลยสักนิดจะไหลซึมออกมาย้อมพื้นหลัง พร้อมกับสายตาของผู้เป็นพี่ที่เริ่มพร่าเลือน
หน่วยกู้ภัยเดินทางมาถึงหลังจากนั้นไม่กี่นาที พร้อมกับสัญญาณสั่นของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของอรุณรุ่งแสดงว่ามีสายเรียกเข้า เด็กหนุ่มที่ถูกกันให้ยืนห่างออกมาขณะเจ้าหน้าที่กำลังขนย้ายร่างไร้ชีวิตของน้องสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับแล้วน้ำตาที่แค่เอ่อซึมก็เปลี่ยนเป็นไหลพรั่งพรูราวกับทำนบแตก
‘พี่ดอน....กินข้าวกันรึยังคะลูก ดูน้องด้วยนะคะ น้องรุ่งยังไม่ตื่นเหรอ ทำไมหม่าม้าโทรเข้าเครื่องน้องไม่ได้เลย?’
‘................’
‘หม่าม้าผัดข้าวผัดใส่ทัพเพอร์แวร์อยู่ในตู้กับข้าว ถ้ายังไงทอดไข่ดาวเพิ่มกันคนละฟองก็ดี เดี๋ยวหม่าม้ารับงานเสร็จก็จะแวะซื้อของเข้าบ้านด้วย....ถ้าพี่ดอนกับน้องรุ่งอยากมาเดินเล่นก็มาเจอหม่าม้าสักสิบเอ็ดโมงนะ...’
‘หม่าม้า.......หม่าม้า......’
‘อะไรลูก พี่ดอน!! เกิดอะไรขึ้น!?’
……………..“พี่เลิกงานแล้วครับ ดอว์นหิวรึยัง?” นายแพทย์วัชระเดินเข้ามาในส่วนหลังของห้องตรวจที่มีหนุ่มน้อยผมสีน้ำตาลนั่งก้มหน้านิดๆทอดสายตาเหมือนจับอยู่ที่หนังสือเล่มโตซึ่งเปิดกางอยู่บนเคาน์เตอร์ แต่หากสังเกตให้ดี จะพบว่าสายตาหลังเลนส์คู่นั้นทอดมองไปไกลกว่านั้น และราวกับเจ้าของดวงตานั้นกำลังจมอยู่กับบางอย่างในอดีต
“........ฮะ?”
เสียงตอบรับราวเพิ่งตื่นจากภวังค์ส่งผลให้คนแก่กว่าขมวดคิ้วฉับ ชายหนุ่มเริ่มปลดเสื้อกาวน์สีขาวออก ในขณะเดียวกันก็จับตามองสีหน้าที่ซีดขาวกว่าปกติของคนที่ยังนั่งอยู่กับที่ไปด้วย
“วันนี้เป็นอะไรไปครับ? ดอว์นดูไม่ค่อยสบายเลย เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว.....ลอยไปไหนนักครับ...หืม?”
อรุณรุ่งยิ้มออกกับสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยแบบไม่มีปกปิดของคนตัวโตที่ยังคงความเนี้ยบทุกท่วงท่า หนุ่มนัยน์ตาโศกเลยลุกขึ้นยืนแล้วก้าวช้าๆเข้ามาโอบแขนไปรอบเอวสอบแล้วซบหน้าลงกับบ่ากว้างของคุณหมอ
“ลอย.........มาหาเพชร” ประโยคสั้นๆที่มีสำเนียงสูงต่ำราวดนตรีฉุดหัวใจคนฟังให้อิ่มเอม วัชระรู้ทั้งรู้ว่าเจ้าตัวคนพูดเจตนาเลี่ยงไม่ตอบคำถามของตน แต่ทั้งท่าทางทั้งน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ จะมีใครใจแข็งคาดคั้นเด็กขี้อ้อนในอ้อมกอดคนนี้ได้กัน
“ความจริงดอว์นไม่ต้องสมัครงานก็ได้นะ แค่อ้อนแบบนี้ทุกวันเดี๋ยวพี่เพชรให้กินขนมหมื่นห้า ฮ่าๆๆๆๆ”
คนชมชอบการเย้าแหย่คนรักเอียงหน้าสูดกลิ่นหอมจากกลุ่มผมนุ่มนิ่มซ้ำๆจนหนำใจ ออกแรงเกร็งแขนสองข้างกระชับอ้อมกอดราวจะรัดให้อีกฝ่ายที่ตัวบางกว่าหลอมรวมเข้ามาเป็นเนื้อเดียวกัน
“ลอยมาหาพี่.....แล้วอย่าลอยลับไปไหนนะครับคนดี.....” คนดีของหมอเพชรเงยหน้าขึ้นมาแล้วแตะจูบตรงสันกรามเนียนเรียบ กระซิบตอบคำทั้งที่ตัวเองเริ่มเขินอายจนหน้าแดงไปถึงใบหู
“คุณรัดแน่นขนาดนี้ ถึงจะอยากไป.....ผมก็ไปไม่ได้แล้วล่ะ”
“หึๆๆ ไปไม่ได้จริงๆแหละครับ เพราะเรื่องรู้ถึงพี่สุ ป่านนี้พ่อกับแม่พี่ก็รู้เรียบร้อย......ไม่แน่ ตอนนี้พี่ๆอีกสามก็อาจจะรู้กันครบแล้วด้วยซ้ำ”
“ฮะ!!! คุณ...คุณหมายความว่าไง?”
อรุณรุ่งยันตัวออกจากอ้อมกอดของคุณหมอตัวโตที่ยังพูดเรื่องที่คนฟังรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับคอขาดบาดตายได้ด้วยสีหน้าเรื่อยๆและน้ำเสียงระรื่น จนคนฟังชักไม่แน่ใจแล้วว่าหมอเพชรกำลังพูดภาษาไทยธรรมดาไม่ใช่ภาษาต่างด้าว
“ก็พี่สุน่ะ งานหลักแกเป็นพยาบาล แต่งานพิเศษของแกคือเป็นสายคอยรายงานความเคลื่อนไหวของพี่ให้พ่อกับแม่น่ะสิครับ”
“หา!?”
“ไม่ต้องหาหรอกครับ ป่านนี้พ่อกับแม่คงกำลังนั่งจับเข่าคุยกันแล้วล่ะว่าจะจัดการยังไงดี”
“แล้ว....แล้วผมต้องทำยังไง?”
“ก็ไม่ต้องทำยังไง ทำตัวปกติแบบนี้แหละครับ น่ารักที่สุดแล้ว”
วัชระเอื้อมมือกุมรอบข้อมือของคนที่ยังตกใจจนอ้าปากค้างแล้วรั้งให้ก้าวตามออกมานอกห้อง หันหน้าส่งยิ้มให้พี่สุพร้อมผงกศีรษะลาแต่พอจะเดินผ่านไปคนที่ถูกจูงไม่ยอมปล่อยก็สะบัดมือออกมาพนมไหว้ลาด้วยสีหน้าเจื่อนจืดจนน่าขัน
อรุณรุ่งก้มหน้าก้มตาเดินไม่ยอมสบตากับใครจนขึ้นมานั่งอยู่บนรถคันเดิมแล้วถึงหันมาตีหน้ายักษ์ถลึงตาใส่คนตัวโตที่ส่งเสียงหัวเราะกึกกักในคอไม่ยอมหยุด แถมพอสบตากันเข้าแทนที่วัชระจะเกรงใจแล้วเลิกขำ ชายหนุ่มกลับยิ่งหัวเราะหนักจนต้องก้มหน้าลงแนบกับหลังมือตัวเองที่วางอยู่บนพวงมาลัยแล้วปล่อยเสียงหัวเราะพรืดๆเป็นระลอกแบบกลั้นไว้ไม่ไหวจริงๆออกมา จนในที่สุดคนมองก็พลอยขำตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
“พอได้แล้ว.....ฮะๆๆ ก็มันตกใจนี่ ไม่เห็นจะ...ฮ่าๆๆ น่าขำตรงไหนเลย”
“ครับๆ....ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ขำก็ไม่ขำ..หึๆๆ แล้ว....วันนี้เรากินอะไรกันดี?”
“ตามใจคุณดิ”
“ตามใจดอว์นแหละ เด็กเรียนจบทั้งทีต้องตามใจกันหน่อย ฮ่าๆๆๆ”
“เอ๊.....บอกให้หยุดขำไง.....หยุดขำแล้วออกรถ จะตามใจงั้นพาไปกินก๋วยเตี๋ยวเลย ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือ ต้องร้านอร่อยๆด้วยนะ ไม่งั้นผมจะถือว่าคุณเลี้ยงไม่ดี.....แล้วคราวหน้าก็อย่าหวัง”
“โหดร้ายที่สุด.....หึๆๆ อุ้ย...อย่าทุบสิครับ หยุดแล้ว พี่ไม่ขำแล้ว....ฮะๆๆๆ”
วัชระขับรถขึ้นทางด่วน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาไม่น้อยที่จะพาผู้โดยสารคนเดียวมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวเรือที่รังสิตได้ตามคำเรียกร้อง ต่างคนต่างเจริญอาหารจนเมื่อจบมื้อตรงหน้าหนุ่มแว่นก็มีชามเปล่าอยู่ถึงสามส่วนที่ฝั่งคุณหมอที่เพิ่งปลดเนคไทออกตอนอยู่บนรถก็มีชามเปล่าอยู่ถึงสี่ชาม แล้วทั้งสองคนยังช่วยกันแคะขนมถ้วยกินเล่นต่อได้อีก แต่พอถึงเวลาจ่ายเงินอรุณรุ่งกลับตัดหน้าคนอาสาเป็นเจ้ามือ ทำเอาคนถือว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่าถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด
“แย่ๆ....อุตส่าห์คิดจะตกลงปลงใจด้วยทั้งที สงสัยต้องมีแฟนหน้าแก่ก่อนวัยแล้วมั้งเรา”
“ก็แย่งจ่าย....ไหนดอว์นบอกว่าพี่รวยกว่าไง แล้วทำไมไม่ให้พี่เลี้ยงล่ะครับ?”
“โห.....ก็ถือว่าฉลองเรียนจบ ผมก็อยากเลี้ยงบ้างสิ เอาน่า....นี่มื้อเล็กๆเอง ไว้พี่เพชรค่อยเลี้ยงมื้อใหญ่ๆ ดอว์นจะให้เลี้ยงจนพุงกางเลย....ดีมั้ย?”
คนปฏิบัติการณ์ง้อลงทุนเอนตัวเข้าหา แนบแก้มเข้ากับต้นแขนหนาๆของคนขับรถที่เพิ่งดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเรียบร้อยแต่ยังทำหน้าตานิ่งๆเรียบๆที่คนมองรู้สึกว่ามันไม่เหมือน ‘พี่เพชร’ ที่คุ้นเคยเอาเสียเลย
“อืม.....พี่ว่าจะแกล้งงอนบ่อยๆดีกว่า.....”
“ว่าไงนะ?”
ประโยคที่คนขับรถตัวโตพูดออกมาเหมือนจะพูดลอยๆกับตัวเองทำให้ผู้โดยสารที่กำลังซุกซบเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรงทันที ตามมาด้วยการมองลอดแว่นด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ก็ดูสิ คุณอรุณรุ่งเวลาง้อน่ารักจะตาย....พูดก็ตั้งยาวแถมยังพี่เพชรอย่างโง้น พี่เพชรอย่างงี้อีก เดี๋ยวงอนทุกวันเลยดีกว่า วันละห้านาที....แค่สัปดาห์เดียว คนที่บอกพี่ว่า ‘ผมพูดไม่เก่ง’ ต้องกลายเป็นคนพูดเก่งแหงๆ หึๆๆๆ”
ผู้โดยสารคนพิเศษได้แต่เมินมองออกนอกหน้าต่าง หน้าแดงหูแดงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อย มิไยคนตัวโตที่ทำหน้าที่ขับรถจะชวนคุยเท่าไหร่ก็ไม่มีคำตอบหลุดจากปาก อย่างมากปฏิกิริยาที่วัชระได้รับก็แค่เสียงอือออในลำคอเท่านั้น
ในที่สุดคุณหมอที่ชอบแกล้งเด็กที่นั่งคอแข็งอยู่ข้างๆเป็นชีวิตจิตใจเลยเลิกหาเรื่องมาคุย แต่เปลี่ยนวิธีกลั่นแกล้งเป็นขั้นสุดยอดด้วยการเอื้อมมือเปิดเครื่องเสียงให้เพลงเดิมกับที่เคยฟังตอนสวมบทเป็นโจรขโมยจูบคราวนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“จอดให้ผมลงหน้าซอยก็ได้” ผู้โดยสารเริ่มกลับมามีปากมีเสียงอีกครั้งเมื่อรถเคลื่อนมาใกล้จะถึงหน้าปากซอยเข้าหมู่บ้าน หลังจากนั่งเงียบบำเพ็ญตนเป็นคนใบ้มาเกือบสองชั่วโมง
ไม่ใช่แค่อรุณรุ่งที่แปลกใจว่าทำไมอยู่ในที่แคบๆกันสองคนโดยไม่มีคำพูดสักคำนานขนาดนี้ถึงไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด แถมไม่ใช่แค่ตัวเองด้วยที่รู้สึกสบายๆ เพราะพอเหลือบตาไปมองคนตัวโต ก็เห็นว่าหมอเพชรนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ฮัมเพลงบ้าง เคาะนิ้วเป้นจังหวะกับพวงมาลัยบ้างมาได้ตลอดทางเหมือนกัน แต่นายแพทย์วัชระก็มีอาการสงสัยไม่ต่างกัน
คุณหมอหนุ่มที่มีประสบการณ์มากกว่าให้เหตุผลกับตัวเองว่าเพราะถึงไม่มีคำพูด แต่ร่องรอยที่แสดงว่าผู้โดยสารคนพิเศษกำลังมีความสุขมันทำให้ตนหัวใจพองจนสามารถอยู่เงียบๆได้ แถมชายหนุ่มยังคิดในใจด้วยซ้ำว่าต่อให้นานกว่านี้ เป็นทั้งวันทั้งคืนเลยเอ้า...รับรองได้ว่าจะไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด
“ไม่เอาอ้ะ มาถึงนี่แล้ว เดี๋ยวพี่เข้าไปส่งถึงบ้านเลยดีกว่า.....ไหนเลี้ยวตรงไหน?”
“แยกหน้าเลี้ยวซ้าย แต่แค่หน้าบ้านตกลงมั้ยครับ?”
“พี่ไม่อยากตกลงเลย.....อันที่จริง มีบางอย่างที่พี่ยังไม่เคยบอกดอว์น.....”
วัชระทอดเสียงท้ายประโยคแผ่วเบาจนอีกฝ่ายได้ยินไม่ชัด พอดีกับรถแล่นมาจวนถึงหน้าประตูบ้าน อรุณรุ่งจึงรีบส่งเสียงบอกให้จอด
“อ๊ะ...ถึงแล้ว จอดๆๆ”
รถสปอร์ตสีขาวจอดลงตามตำแหน่งหน้ารั้วบ้านหลังน้อยที่เปิดไฟสว่างไม่ขาดไม่เกิน แต่แทนที่เจ้าของบ้านจะหันมาลาแล้วเปิดประตูลงจากรถ วัชระกลับเห็นคนที่เพิ่งปลดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองชะงักกึกแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากจนคนที่ยังนั่งในตำแหน่งคนขับได้ยินเสียงดังเอื๊อกเบาๆ
“มีอะไรรึเปล่า? อ๊ะ! นั่น”
“อืม....หม่าม้าออกมารอหน้าบ้าน สงสัยเพราะลืมโทรบอกว่าจะกลับค่ำ”
“ดีแล้ว พี่จะได้ลงไปไหว้”
“เอาจริงเหรอ? ผมไม่พร้อมจะบอกแม่ว่าคุณเป็นอะไรเหมือนอย่างที่คุณทำหรอกนะ”
ดวงหน้าขาวจับกับแสงไฟที่ลอดจากฟิล์มกรองแสงเบือนกลับมาสบตากับคนตัวโตเบื้องหลัง ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงออดอ่อย
“ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนั้นไว้ก่อนก็ได้ ตอนนี้พี่ก็แค่ลงไปไหว้ ดอว์นอยากจะแนะนำว่าพี่เป็นพี่ หรือเป็นเพื่อนยังไงก็แล้วแต่....ส่วนเรื่องของเรา เรามาช่วยกัน ค่อยๆทำให้คุณแม่เข้าใจไปทีละนิดก็ได้นี่ครับ”
นายแพทย์หนุ่มเลื่อนรถจอดเทียบกับประตูหน้าบ้านเรียบร้อย แล้วกดปลดล็อค พร้อมๆกับให้ความมั่นใจคนรักที่กำลังอยู่ในอารมณ์ว้าวุ่น
“อืม...ตกลงครับ”
อรุณรุ่งยิ้มออกแล้วเลยเปิดประตูลงจากรถ ไม่ทันได้ยินประโยคลอยๆของวัชระที่เปิดประตูก้าวตามลงมาด้วย
“อีกอย่าง....พี่มีคนคนหนึ่งที่อยากพบมานานแล้ว” “หม่าม้า.....นี่พี่เพชร พี่เพชรเป็น......”
ลูกชายคนเดียวของบ้านเริ่มการแนะนำอย่างไม่แน่ใจด้วยสุ้มเสียงตะกุกตะกักเมื่อเดินนำ ‘พี่เพชร’ ก้าวเข้ามาในแสงไฟที่มุขหน้าบ้านซึ่งมีหญิงวัยกลางคนเรือนร่างบอบบางในชุดนอนผ้าฝ้ายคลุมทับด้วยชุดคลุมสีเข้มอีกชั้นแบบที่ผู้เป็นลูกเห็นจนเจนตายืนรออยู่
“เอ๊ะ!!! หมอ....หมอเพชรลูกคุณหมอวิลาสินีใช่มั้ยคะ?” อรุณรุ่งที่ล้ำอยู่ข้างหน้าหนึ่งก้าวหันขวับกลับมามองคนที่เดินตามเข้าบ้านมาช้าๆทันที หัวคิ้วเข้มจัดหากได้รูปสวยนั้นขมวดมุ่นพร้อมกับมือข้างซ้ายยกขึ้นเลื่อนแว่นสายตาให้เข้าที่ทั้งที่มันก็อยู่ในที่ของมันอยู่แล้วด้วยกิริยายามเผลอตัว
“ครับ คุณอา สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย....แล้วนี่น้องรุ่งไม่อยู่บ้านหรือครับ?”
“น้องรุ่ง!?! / น้องรุ่ง.....” พี่ชายของน้องรุ่งตอบรับด้วยความแปลกใจรวมทั้งอาการเจ็บร้าวที่พุ่งขึ้นมาในอก ในขณะที่ผู้เป็นมารดากลับตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบาทอดยาวและสีหน้านิ่งสงบจนเกินที่นายแพทย์วัชระจะคาดเดาว่าอะไรที่ทำให้ทั้งสองคนมีท่าทีอย่างที่เห็น
“ทำไม?”
เสียงกระซิบถามลอยๆให้พอได้ยินกันสองคนดังจากปากอรุณรุ่งที่มีสีหน้าซีดเผือดจนวัชระใจหาย เมื่อเทียบกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เพิ่งมีให้กันเมื่อเย็น
ขณะขยับจะตอบให้เด็กน้อยที่ยืนเคียงข้างคลายสงสัย คุณเอมอรก็เดินนำเข้าบ้านพร้อมทั้งเชื้อเชิญชายหนุ่มให้ตามเข้าไปในห้องรับแขกแล้ว
“คุณหมอเข้าไปนั่งในบ้านก่อนนะคะ นั่งคุยกันจะดีกว่า”
อรุณรุ่งถูกสั่งให้ไปรินน้ำเย็นๆมาให้คุณหมอ ในขณะที่คุณเอมอรปรับสีหน้าให้เป็นปกติ รอยยิ้มน้อยๆประดับบนวงหน้าที่ยังคงงดงามตามวัย แม้จะต่างไปจากภาพในความทรงจำของชายหนุ่มบ้าง แต่ก็ไม่ผิดแปลกจนจำไม่ได้ แม้ว่าเวลาแค่สี่ปีที่ไม่ได้เจอกันจะทำให้คุณเอมอรดูมีอายุขึ้นอย่างชัดเจนจนน่าใจหายก็ตาม
วัชระรับแก้วน้ำจากมือของคนที่รับรู้กันเพียงในใจว่าอยู่ในสถานะไหนของกันและกันแล้วยกขึ้นจิบแต่เพียงน้อย พอวางแก้วลงชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความเงียบอย่างผิดปกติ
“เอ่อ.....คือ น้องรุ่งหลับแล้วหรือครับคุณอา? ถ้าอย่างนั้นไว้วันหลังผมค่อยมาใหม่ก็ได้ ไม่ได้เจอกันนาน ป่านนี้คงโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วสินะครับ”
“.......น้องรุ่งไปแล้วค่ะ เสียไปจะครบสี่ปีแล้ว”
วัชระเบิกตากว้างคิ้วพาดตรงเลิกขึ้นสูงราวกับเจ้าตัวจะบอกว่าประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ก่อนที่น้ำหยดหนึ่งจะไหลจากหน่วยตาคมกริบ เพียงหยดเดียวก่อนที่ชายหนุ่มจะตั้งสติได้
“ว่าไงนะครับ แต่....แต่น้องรุ่งแข็งแรงขึ้นมากแล้ว....แล้ว?”
“อุบัติเหตุ.....น้องสาวของผมถูกรถชน”.................................................................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..