มาแล้วค่ะ
ตอนต่อไปมาส่งแล้วนะคะ ท่านไหนยังไม่หลับเชิญเร่เข้ามาอ่านกันโลดค่ะ
ขอบคุณพี่ๆน้องๆเพื่อนทุกคนเลยนะคะที่เข้ามาส่งกำลังใจให้ข้าพเจ้า

.....................................................
ตอนที่๒๑ กุ้งสีชมพู, หอยสีชมพู, ปูสีชมพู, และ...ขาก็สีชมพู
ร้านอาหารที่ประกอบขึ้นจากไม้ง่ายๆมีส่วนที่ยื่นออกไปลักษณะเหมือนใต้ถุนเรือนไม้ที่สร้างโดยกำหนดให้ยกพื้นสูง เท่าที่มองด้วยตาก็พอจะเดาได้ว่าหากเป็นเวลาที่น้ำขึ้นสูงสุด น้ำทะเลคงอยู่ต่ำกว่าระดับพื้นไม้นี่ไม่เกินกว่าหนึ่งเมตร ส่วนที่นั่งกินอาหารซึ่งทางร้านจัดไว้แบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนที่ตั้งโต๊ะกับเก้าอี้ไว้ และอีกส่วนคือโต๊ะไม้ที่ต่อไว้เตี้ยๆความสูงพอๆกับโต๊ะญี่ปุ่น ซึ่งตั้งทับพื้นที่ปูลาดไว้ด้วยเสื่อน้ำมันสีเขียวอ่อนดูสบายตา
อรุณรุ่งเดินลิ่วๆรีบจนขาแทบขวิดนำเข้ามาก่อนโดยไม่ยอมมองหน้าคนตัวโตที่ก้าวตามโดยเว้นระยะห่างไม่ถึงเมตรนั่นเลยสักนิด พอเข้ามาเห็นสภาพภายในร้านก็เลือกเลี้ยวไปทางด้านที่จัดไว้ให้ลูกค้านั่งพื้นทันที แล้วพาตัวเองเข้าไปนั่งติดราวลูกกรงไม้ที่เจ้าของร้านคงออกแบบไว้เพื่อกันเด็กซนพลัดตกลงไปเล่นโคลนด้านล่าง
ด้วยความที่เป็นวันธรรมดาและเพิ่งจะบ่ายสามโมง ทั้งร้านที่มีโต๊ะไว้บริการไม่ต่ำกว่าสิบโต๊ะจึงมีลูกค้าจับจองอยู่เพียงสามโต๊ะเท่านั้น
คนตัวโตด้านหลังถอดรองเท้าแล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งด้านตรงข้าม มือใหญ่ที่พี่ดอนรู้ดีว่าให้ความรู้สึกอบอุ่นแค่ไหนเมื่อได้สัมผัสเอื้อมรับเมนูอาหารที่เด็กในร้านยื่นส่งให้แล้วแบ่งแผ่นหนึ่งยื่นให้คนตัวเล็กกว่าที่มีสีหน้าจะยิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิง แต่ที่แน่ๆสำหรับตนแล้วยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักน่าแกล้งเป็นที่สุด
“อยากกินอะไรเต็มที่เลยนะครับ ท่าทางจะหิวจัดนะเนี่ย”
คนเนี้ยบตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้าที่ตอนนี้ถอดแว่นกันแดดพับวางไว้บนโต๊ะยังไม่เลิกเย้าแหย่เมื่อเด็กที่มายื่นเมนูให้ถอยกลับไปทางหน้าร้านเตรียมยกน้ำกับน้ำแข็งมาบริการก่อนตามคำสั่ง
“ผมไม่ได้หิวจัด!!”
“อ้าวเหรอ....ก็พี่เห็นดอว์นรับเมนูไปดูแล้วก็ทำปากขมุบขมิบ เลยนึกว่าเห็นอะไรก็น่ากินไปหมดน่ะสิครับ”
ก็รู้อยู่หรอกนะ ว่าที่เห็นริมฝีปากย้อยนิดๆนั่นขยับพึมพำๆนั่นมันแสดงว่าเจ้าตัวกำลังบ่นแบบไร้เสียงอยู่แท้ๆ แต่จะให้วัชระทำยังไงได้เล่า.....ทั้งที่ไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยมีใครที่ทำให้เกิดความรู้สึกอยากกลั่นแกล้ง อยากยั่วแหย่ตลอดเวลาแบบคนที่หน้าตาแดงเหมือนกุ้งเผาในรูปบนเมนูนี้ไม่มีผิดคนนี้เลย คนอะไรไม่รู้หน้าเปลี่ยนสีกลับไปกลับมาง้าย....ง่าย
.....นี่เรากำลังทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหาตามตำราเลยนี่หว่า....ชอบรังแกคนอื่น เห็นคนอื่นมีอารมณ์แล้วมีความสุข เฮ้ย!! ตายๆนี่มันแบบเดียวกับเด็กเรียกร้องความสนใจชัดๆนี่หว่าไอ้เพชร!! “........หึ.....หึๆๆๆ เลิกแกล้งผมเถอะน่า....ผมเขินจนเหนื่อยแล้วเนี่ย”
ไม่ใช่เพราะร้านนี้ไม่มีระจกเลยสักบานหรอกที่ทำให้อรุณรุ่งไม่รู้ตัวว่าตอนนี้สีหน้าตัวเองมันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ทั้งน่ารักทั้งน่าขันแค่ไหน แต่เป็นเพราะหนุ่มแว่นมัวแต่หรุบตามองเมนูแผ่นเดียวเคลือบพลาสติกแข็งที่ก็มีรายการอาหารอยู่ไม่ถึงยี่สิบอย่างนั่นต่างหาก
....นี่ก็มื้อที่สามที่ออกมากินด้วยกันแล้ว จะให้ผู้ใหญ่อย่าง ‘พี่เพชร’ หาเรื่องมาพูดอยู่ข้างเดียวมันก็กระไรอยู่ กลัวว่าถ้านั่งเงียบเป็นเป่าสากแล้วจะถูกเบื่อเอาน่ะสิ แถมพอนั่งเฉยๆไม่ยอมปล่อยเสียงออกไปเสียบ้างมันก็รู้สึกร้อนหน้ามากขึ้น..มากขึ้นทุกที ทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้ามอง แต่ทำไมถึงรู้สึกถึงสายตาคมๆที่จับมาอยู่ตลอดเวลาได้ก็ไม่รู้ “ก็ดอว์นน่ารัก ยิ่งเขินก็ยิ่งน่ารักนี่”
“แหวะ เดี๋ยวปั๊ดเหมาหมดร้านเลย”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ งั้นถ้าเหลือเราต้องช่วยกันแบ่งหิ้วกลับบ้านนะ”
“คุณนี่....แทนที่จะห้ามเนอะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่รู้เหรอร้านนี้เขารับบัตรเครดิตด้วย รับรองว่าถึงเหมาหมดทั้งพี่ทั้งดอว์นก็ไม่ต้องอยู่ล้างจาน.....ตกลงคิดออกยังจะกินอะไร พี่จะได้เรียกน้องเขามารับออเดอร์”
“เอา....กุ้ง...หอย....ปู....ปลา”
“เดี๋ยวๆ...ไม่ใช่ร้านอาหารญี่ปุ่น จะได้เสิร์ฟแบบซาชิมิ อ้อๆมีหอยนางรม อันนั้นกินสดได้เลย....แถมสรรพคุณดีซะด้วยสิ หึๆๆ”
คนที่พยักหน้ารับทุกรายการจากปากเจ้ากระต่ายที่พยายามปั้นหน้าเคร่งอดไม่ไหวต้องแทรกขึ้นมาจนได้ แถมทั้งๆที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหาเข้าไปทุกทีแต่นายแพทย์วัชระก็ยังอดตบท้ายด้วยการแหย่ ‘คนที่ชอบ’ ไม่ได้อยู่ดี
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะกินหอยนางรมนี่ มาดอนหอยหลอดใครเขากินหอยนางรมกัน”
พี่ดอนเริ่มรู้สึกขึ้นมานิดๆว่า.....ที่แท้แล้วไอ้การคุยเล่นไร้สาระนี่มันก็สนุกดีเหมือนกัน ยิ่งคุยกับคนที่บอกว่าฟังได้ทุกเรื่องแบบเพชรด้วยแล้ว อาการเกร็งๆมันเหมือนจะบอกลาเป็นการถาวรเชียวล่ะ
“งั้นก็หอยหลอดล่ะสิ อืมๆ กินเผ็ดได้เนอะ งั้นเดี๋ยวพี่สั่งหอยหลอดผัดฉ่า....”
คนตัวโตยกยิ้มตอบรับลูกตายิ้มได้โดยแสร้งเมินๆอาการจิ๊ปากจิ๊กจั๊กกลบเกลื่อนความอายของคนที่ถึงจะตัวไม่เล็กแต่ก็บางกว่ามากเสีย แล้วหันไปสั่งอาหารรัวเป็นชุดกับเด็กลูกจ้างร้านวัยไม่เกินสิบห้าที่ดูท่าจะสนอกสนใจกับฝรั่งพูดไทยได้โต๊ะนี้อย่างปิดไม่มิด.....
ไม่ใช่อะไรหรอก ที่ต้องรีบๆสั่ง เพราะหวงไง.....นายวัชระคนนี้เริ่มจะหวงคุณอรุณรุ่งมากขึ้นทุกที ถึงจะยังไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ก็ขอหวงไว้ก่อน ก็ขืนปล่อยให้คนอื่นมามองนานๆเดี๋ยวเกิดมารู้ซึ้งถึงความน่ารักน่าใคร่ของคุณอรุณรุ่งขึ้นมาบ้างก็แย่น่ะสิ.....
ไม่ได้ๆ ของอย่างนี้ต้องกันไว้ดีกว่าแก้……………………………………………………………….
นายแพทย์วิเศษลงเวรมาเมื่อตอนเจ็ดโมงเช้า พอกลับถึงบ้านพักอาบน้ำแล้วก็เข้านอนด้วยชุดสุดเซ็กซี่บ็อกเซอร์สีเทาที่ยางยืดเริ่มเป็นยางย้วยแล้วตัวเดียว ก็ลมหนาวบอกลาสุพรรณบุรีไปแล้ว จะมีมาก็บางคืนเท่านั้น แต่กลางวันนี่สิ.....ยิ่งวันไหนแดดแรงด้วยล่ะก็ นอนกลางวันทีไรพอตื่นมาบ่ายๆก็มักจะเป็นเพราะร้อนจนนอนต่อไม่ไหวเสียทุกที
เมื่องัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วลุกไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำเรียกความสดชื่นเรียบร้อยก็ปาเข้าไปบ่ายสามแล้ว คุณหมอตาตี่เดินหยีตาด้วยความที่สายตาสั้นแล้วยังวางแว่นไม่เป็นที่ไปกดรีโมทเปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วเลยไปหยิบบางสิ่งออกมาจากถุงกระดาษที่วางส่งๆไว้บนชั้นวางของกระจุกกระจิกข้างตู้เสื้อผ้า ก่อนจะมาทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียงอีกรอบ
หมอกิมเปิดปากถุงล้วงมือลงไปหยิบกล่องกระดาษขนาดเล็กกว่าฝ่ามือนิดๆออกมาพร้อมสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ นึกถึงตอนไปเที่ยวน้ำตกกับไอ้หมาใหญ่กับน้องๆแล้วก็นั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว ในสมองที่มีรอยหยักเยอะแยะสมกับที่เป็นหมอก็เริ่มคิดเองเออเองอยู่คนเดียว
‘น้องดอว์นแม่งโคตรน่ารัก ไม่ใช่แค่ขาว สูง ใส่แว่น.....แต่ตอนลงน้ำตกด้วยกันตอนกลางวันถึงได้เห็น พอใส่ขาสั้นแล้วโคตรเนียน....ไอ้หมาใหญ่ มึงนะมึง เรียกกูไปหาให้ไปรู้ไปเห็นอะไรก็ไม่รู้....ห่านี่ กูเองก็บ้า พอรู้ว่ามันชอบแบบไหนแล้วทำไมมันอดไม่ได้ทุกทีเลยว้า.....เฮ้ออออออ....’
“....เฮ้อออออออออ”
เสียงทอดถอนใจแทนที่จะดังอยู่แค่ในห้วงความคิด หมอกิมกลับปล่อยออกมาแบบไม่มีกั๊ก มือเรียวขาวยกกล่องขึ้นแทบชิดลูกกะตาอ่านวิธีใช้งานของในกล่องอีกรอบ
‘แม่ง ขนกูยิ่งเยอะๆอยู่ ถ้าเจ็บมากกูเอาคืนแน่ ไอ้หมาใหญ่!! ไว้มึงเสร็จกูเมื่อไหร่ กูจะให้มึงเซอเรนเด้อ ฟอร์ กู แบบ คอมพลีททะลี่ เลยมึง’
“เวร แล้วแว่นอยู่ไหนวะเนี่ย....”
กล่องสี่เหลี่ยมสีฟ้าอ่อนที่มีภาพท่อนขาเนียนละเอียดไร้ขนแม้สักเส้นประดับถูกวางทิ้งอยู่ที่ปลายเตียง ในขณะที่คุณหมอผู้มีสายตาซั้นสั้นหงายหลังลงนอนแล้วกระดืบตัวขึ้นไปจนวางศีรษะลงบนหมอน หลับตาลงพลางพยายามนึกว่าเมื่อคืนก่อนเคลิ้มหลับถอดแว่นตาคู่ชีพแล้ววางไว้ตรงไหน
พอนึกถึงท่าประจำที่มักจะทำก่อนนอนหลับได้ ชายหนุ่มผู้เริ่มจะขนลุกเพราะลมเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศมาปะทะแผงอกแบนๆ ไร้ทั้งกล้ามไร้ทั้งนม ก็พลิกตะแคงขวาแล้วทดลองเอื้อมมือบนออกไปควานๆจนสุดแขนเผื่อจะเจอแว่นตาก็ไม่เจอ ทีนี้เลยลองใหม่ พลิกกลับมานอนหงายซึ่งเป็นอีกท่าประจำแล้วสอดมือขวาเข้าไปใต้หมอน
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าขาวใสพร้อมกับดวงตาสีดำสนิทลืมขึ้นส่งยิ้มให้เพดานแบบไร้จุดโฟกัส ก่อนจะสวมแว่นตาแล้วถอนหายใจอีกเฮือก
‘เอาล่ะ เดี๋ยวอาบน้ำอุ่นจัดๆก่อน รูขุมขนจะได้ขยาย’
หมอกิมหันหน้าดูเวลาที่นาฬิกาปลุกหัวเตียงก็พบว่าอีกเดี๋ยวเดียวก็สามโมงครึ่งแล้ว ยกมือลูบท้องราบเรียบ ไร้พุงและไร้กล้ามอีกนั่นแหละ แล้วก็ต้องเบ้ปาก...
‘อีกเกือบชั่วโมงแน่ะ กว่าพวกป้าๆแม่ค้าแม่ขายจะมาตั้งแผงตลาดเย็น ของกินที่ตุนไว้ในห้องก็มีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ถึงจะล่อเข้าไปสองซองก็ไม่เห็นว่าจะอยู่ท้องตรงไหน... เฮ้อ....คิดถึงหมาใหญ่อีกแล้วโว้ย! ตอนอยู่ด้วยกันแบบเมื่อก่อนไม่เห็นต้องกลัวหิวเลย ถึงเวลาไอ้ใหญ่จ๋ามันก็ทอดโน่น ต้มนั่น ตุ๋นนี่ให้กินเอง....อร่อยอีกตะหาก’
“ใหญ่เอ๋ย....มึงนี่คุณสมบัติดีเลิศประเสริฐศรี สมเป็นว่าที่ภรรยาของกิมจริงๆว่ะ” ชายหนุ่มหน้าตี๋ถอนหายใจอีกสองเฮือกแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ไม่ลืมที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในชั้นวางติดมือไปด้วย แถมก่อนผ่านประตูห้องน้ำเข้าไปยังจัดการใช้เท้าขวาจัดการคีบๆเขี่ยๆบ็อกเซอร์ตัวย้วยลง แล้วทิ้งกองเป็นอนุสรณ์ไว้หน้าประตูอีกต่างหาก
เสียงน้ำจากฝักบัวดังซู่ๆอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนนายวิเศษจะก้าวออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับใช้ผ้าที่เช็ดหน้าอยู่เมื่อครู่ซับน้ำตามร่างกายเรื่อยไปจนถึงขาทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็ใช้ผ้าผืนเดิมนั่นแหละพันเอวแล้วเหน็บชายก่อนจะนั่งลงกับพื้นที่ปลายเตียง แล้วคว้าเอากล่องซึ่งบรรจุเครื่องมือกำจัดขนมาเปิด แล้วเริ่มปฏิบัติตามขั้นตอนที่เขียนไว้ข้างกล่องทันที
แขนยาวๆขาวอมชมพูเพราะอาบน้ำอุ่นจัดเอื้อมหยิบแป้งเด็กแคร์ขวดสีขาวฝาทองมาบีบโรยลงบนหน้าแข้งซ้ายแล้วใช้มือปาดทาจนทั่วทั้งน่อง จากนั้นจึงตักของเหลวเหนียวหนืดในกระปุกขึ้นมาแล้วปาดทาทับลงไปจนท่วมขนหน้าแข้ง
“เหนียวชิบ.....แต่หอมว่ะ แม่ง...กินได้มั้ยวะเนี่ย”
ไม้พายที่ใช้ตักและปาดเนื้อแว็กซ์ถูกยกขึ้นจ่อแทบติดจมูก แต่ยังไม่ทันได้ปาดจนทั่วขาเสียงเรียกเข้าจากเบอร์คนพิเศษก็ดังขึ้นเสียก่อน หมอกิมรีบลุกขึ้นยืนแล้วก้าวพรวดๆไปหยิบโทรศัพท์มากดรับทันที แค่ได้ยินเสียงเรียกเข้าว่าเป็นหมาใหญ่ตัวโตก็อารมณ์ดีจนยิ้มปากแทบจะฉีกไปถึงหูอยู่แล้ว
‘ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ไอ้หมาใหญ่มันเป็นอะไร เมื่อก่อนก็โทรมาบ้าง หายไปบ้าง.....แต่หลังกลับจากไปเที่ยวตากคราวนี้ไหงมันโทรมาได้ทุกวันเลยวะ...เอ๊ะ!!! หรือมันจะติดบ่วงขี้อ้อน แบบตอนเป็นกิมอ่อนแอๆ’
ในใจนายแพทย์วิเศษน่ะคิดไปโน่น แต่ปากก็ส่งคำพูดทักทายไปด้วยสุ้มเสียงเริงร่าแค่ว่า
“เหวย....เหวยยยยยยย”
‘กิมจ๋าทำไรอยู่จ๊ะ?’
“ทำ.....เออ ไม่ได้ทำ กำลังหิวเลย ใหญ่แม่ง.....ไปหาถึงโน่นทำไมไม่ทำอะไรอร่อยๆให้กูกินบ้างเลยวะ?”
หนุ่มหน้าตี๋นึกขอบคุณเพื่อนรักในใจว่าถ้าไอ้ใหญ่มันไม่ถามว่าทำอะไรอยู่สงสัยได้ลืมไปแน่ๆว่าต้องรีบเอาผ้ามากดทับไอ้ที่ป้ายๆไว้แล้วดึงออก ไม่งั้นทิ้งไว้นานแว็กซ์เหนียวๆหนืดๆนี่แห้งกรังคาขาท่าจะยุ่ง
‘อ้าว...ก็พาออกไปกินข้างนอกทุกมื้ออ้ะ ไม่รู้นี่ว่าอยากให้ทำให้’
“อยากดิ กินกับข้าวฝีมือใครก็ไม่อร่อยเท่าใหญ่ทำให้กินนี่....อยากกินๆ อยากกินผัดกุยช่ายขาวกะเป็ดตุ๋นมะนาวดองอ้ะ......”
หมอกิมร่ายรายการอาหารไปมือก็วางผ้าทาบลงบนหน้าแข้งส่วนที่มีขนขึ้นกระจุกกันอยู่อย่างหนาแน่น แล้วใช้มือรีดจนผ้าเกาะกับเนื้อแว็กซ์ ได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะลงลูกคอก็ยิ้มตาม
‘หึๆ งั้นคราวหน้านะกิม เดี๋ยวเจอกันคราวหน้าใหญ่จะทำให้กิน ว่าแต่.....คิดถึงใหญ่หรือคิดถึงของกินเนี่ย ฮึ?’
“คิดถึงทั้งสองอย่าง...แต่ว่ากิมคิดถึงใหญ่มากกว่าว่ะ.......ย้ากกกกกกกก!!! อุ๊บ”
‘กิม!!!....กิม กิมเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น?’
ตอนนี้หนุ่มแว่น ณ สุพรรณบุรี กำลังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะใช้มือข้างที่ว่างปาดน้ำตาที่เล็ดออกมาไม่ขาดสายหรือจะใช้มันในการปิดปากตัวเองเพื่อช่วยกลั้นเสียงร้องเหมือนถูกเชือดนี่ดี โทรศัพท์ที่เปิดระบบลำโพงไว้ก็ตั้งอยู่ข้างๆ แถมเสียงถามไถ่ที่ชัดเจนว่าเป็นห่วงมากๆจากไอ้คนปลายสาย ณ เมืองตาก ก็ยังไม่หยุดลงเลยด้วย
“พอดี....พอดีสะดุดขาตัวเอง เจ็บขาอะใหญ่ แต่กู กูไม่เป็นไรมาก.....ซี้ดดดดดด”
กิมจ๋าของใหญ่จ๋าชักลังเลกับแว็กซ์ที่ป้ายๆปาดๆลงไปแล้วยังไม่ได้ดึงเสียแล้ว แต่พอคิดถึงว่าคนปลายสายที่คุณสมบัติเลิศแถมยังแสดงออกว่าเป็นห่วงสุดๆตอนนี้มันชอบแบบเนียนๆ คุณหมอผู้เก็บข้อมูลแล้วคิดเองเออเองไปคนเดียวได้ทุกเรื่องเลยกลั้นใจโปะผ้าผืนใหม่ลงไปแล้วดึงพรวดเดียวหลุดมาทั้งแถบเป็นครั้งที่สอง
‘เจ็บมากเลยเหรอกิม ลุกไหวรึเปล่า? เป็นไงบ้าง มีบวมมั้ย? ร้องอีกแล้ว.....โอ๋ๆๆ กิมคนดี ไม่เจ็บแล้วนะจ๊ะ’
“อืม....ฮึก.....ถ้าเป็นอย่างงี้นะ ถึงเจ็บกว่านี้กูก็ยอม.....”
...................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..ปล.คริคริ บร้าๆๆๆๆๆๆๆ ทำไรก็ไม่รู้ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เด็กคนนี้มาเร็วมาไวรับไปบวกเนิงงงงงง
v
v
v