แม่นางเห็นอาทิตย์ผลุนผลันออกไปประกอบกับก่อนหน้าได้ยินเสียงดังคล้ายมีวัตถุกระทบพื้นภายในห้องบุตรชาย นางมองตามหลังฝ่ายนั้นสักพักค่อยรีบปรี่เข้าไปในห้องต้นเสียง
“ตายแล้วอิท เกิดอะไรขึ้น” นางรุดไปเก็บชามข้าวต้มที่วางอยู่ที่พื้นห้องแล้วตรงเข้าไปดูตัวบุตรชายเอ่ยถามอีก
“เกิดอะไรขึ้นหรืออิท”
“ไม่มีอะไรครับแม่ อุบัติเหตุน่ะครับ” อิทธิโกหก เพราะไม่ยากให้มารดาไม่สบายใจ
“อุบัติเหตุแล้วทำไมคุณอาทิตย์ถึงได้เดินหน้าตึงไปอย่างนั้นล่ะ” แม่นางยังไม่ปักใจเชื่อจึงบอกปัด
“จะอะไรก็ช่างเขาเถอะครับแม่ ตอนนี้อิทค่อยยังชั่วแล้ว แม่นางไปทำงานเถอะนะครับ เดี๋ยวอิทเก็บกวาดบ้านให้เอง”
“ไม่เป็นไรหรอกวันนี้แม่ลางานคุณจันทร์แล้ว”
“แม่ไม่น่ามาเสียงานเพราะอิทเลย”
“อิทต่างหากล่ะที่ไม่น่ามาเจ็บตัวเจ็บไข้เพราะแม่ เรื่องราวเมื่อคืนมันเป็นยังไงบ้าง เล่าให้แม่ฟังได้มั้ย คุณอาทิตย์พาอิทไปถึงไหนเหรอ กลับมาถึงได้เจ็บไข้แบบนี้”
ถึงคราวนี้อิทธิอึกอักหลบสายตามารดา คำพูดเมื่อครู่ตอกย้ำให้หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกข่มเหงทางเพศ เด็กหนุ่มเกิดความรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาเมื่อนึกถึงทุกๆ ภาพที่อาทิตย์กระทำกับตนเยี่ยงคนป่าเถื่อน
“แม่ถามทำไมไม่ตอบล่ะอิท” แม่นางเอ่ยถามใหม่เมื่อเห็นบุตรชายเงียบไป
“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ เป็นไปได้แม่อย่าถามผมถึงคนอย่างคุณอาทิตย์เลยนะครับ ผมไม่อยากเอ่ยถึงเขา” อิทธิบอกปัด แม่นางคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนสองคนที่ไม่ลงรอยกันจึงไม่อยากคาดคั้นอะไร นางเลี่ยงออกไปหาผ้ามาเช็ดถูเก็บกวาดคราบข้าวต้ม อิทธิพยายามฝืนแรงช่วยจนเสร็จเด็กหนุ่มจึงเอ่ยปากเปรยขึ้น
“แม่ครับ แม่ผูกพันกับไร่นี้แค่ไหน”
“ถามทำไมหรืออิท” แม่นางถามอย่างข้องใจ ก่อนจะตกใจที่บุตรชายบอกไม่อยากที่จะอยู่ในไร่นี้แล้ว
“ทำไมล่ะอิท ไม่อยู่ที่นี่แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน” นางเอ่ยถามบุตรชาย สองคนจึงให้เหตุผลซึ่งกันและกัน
“ที่ไหนก็ได้แม่ที่ไม่มีคนคอยจ้องรังแกเราอย่างคุณจิตรแล้วก็คุณอาทิตย์”
“แม่ก็เข้าใจนะว่าอิทคงจะทนมานานแล้ว แต่อิทยังเรียนไม่จบเลยนะ หากเราย้ายไปตอนนี้แม่กลัวอิทจะลำบาก”
“อิทไม่ได้ลาออกจากโรงเรียนนี่แม่ แค่เราหาที่อยู่กันใหม่เอง”
“ทำอย่างนั้นมันจะดูไม่ดีเท่าไหร่นะ อิทต้องคิดถึงคุณจันทร์ด้วยนะที่เขามีพระคุณต่ออิท การที่เราจะปีกกล้าขาแข็งออกไปจากไร่นี้แม่ว่าท่านคงไม่พอใจเท่าไหร่หรอก”
“แล้วยังไงอ่ะแม่ แม่จะทนให้ตัวเองโดนโขกสับอยู่แบบนี้น่ะเหรออิท ทนไม่ได้หรอกนะที่จะให้ใครๆ มารุมรังแกแม่ในขณะที่อิทยังมีลมหายใจอยู่”
“ต่อไปแม่จะระวังนะ แม่จะพยามเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคุณจิตร อิททนเอาหน่อยนะ อิทเรียนจบเมื่อไหร่หากจะไปไหนค่อยว่ากันอีกที ถึงตอนนั้นแม่จะตามใจอิท”
“กว่าจะถึงวันนั้นเราจะต้องเจออะไรอีกครับแม่นาง”
“อันนั้นแม่ก็สุดคาดเดา แต่แม่สัญญาว่าแม่จะอยู่ห่างๆ คุณจิตรเอาไว้”
“คนมันจะหาเรื่องอยู่ห่างยังไงมันก็จ้องจะหาเรื่องวันยังค่ำแหละครับ”
“อีกไม่กี่เดือนอิทก็จะเรียนจบแล้ว ทนเอาหน่อยเถอะนะ แม่พาอิทระหกระเหินมาตั้งแต่อุ้มท้องแล้ว ก่อนที่แม่จะพาอิทไปไหนอีกแม่อยากให้อิทมีความรู้ติดตัวบ้าง”
“แต่อิทไม่อยากอยู่แล้วนะแม่ นะครับ เราย้ายไปอยู่ที่อื่นกันดีกว่า อย่างที่อิทบอกว่าเราย้ายแค่ที่อยู่ อิทไม่ได้ย้ายโรงเรียนไปไหนเลยนะครับ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะอิท การย้ายที่อยู่ใหม่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ เราจะไปอยู่ที่ไหนกันในเมื่อเรายังไม่มีที่ทางสำรองเอาไว้เลย แม่ว่าอิทตั้งใจเรียนให้จบเถอะนะ ระหว่างนี้แม่จะพยายามหาที่ทางเอาไว้ ถึงตอนที่อิทเรียนจบเมื่อไหร่เราจะได้ไม่ต้องระหกระเหินกันไง”
เหตุผลของมารดาทำหนุ่มน้อยคิดตาม ใช่สินะการย้ายที่อยู่ใหม่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่แล้วยังไงล่ะ นี่เขาจะต้องทนอยู่สู้หน้าสู้ตากับอาทิตย์และจิตราต่อไปอย่างนั้นเหรอ ทำไมนะ ทำไมชะตาชีวิตของเขาจะต้องมาเป็นแบบนี้ด้วย
“ทนอีกหน่อยนะอิทเมื่อมีที่ทางแล้วแม่จะพาอิทไปจากที่นี่ทันที ตอนนี้อิทนอนพักก่อนเถอะนะ เดี๋ยวแม่จะทำข้าวต้มมาให้ใหม่”
แม่นางผละออกไปแล้ว อิทธิได้แต่ถอนหายใจกับการที่ต้องทนอยู่ในไร่นี้อีกต่อไปอีกหลายเดือน หากอาทิตย์รู้เรื่องนี้นายนั่นคงจะสาใจและสมเพชตนไม่น้อยสินะที่ตนไม่อาจไปจากที่นี่ได้อย่างที่เอ่ยไว้
อาทิตย์กลับเข้าไปที่เรือนก็พบกับมารดาและป้าของตนกำลังโต้เถียงกันอยู่ถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ชายหนุ่มเข้าไปร่วมฟังการโต้แย้งทันตอนที่ผู้เป็นป้าประกาศว่าจะย้ายที่ทำงานของแม่นางมาอยู่ที่เรือนนี้ เพื่อให้อยู่ใกล้หูใกล้ตาของนาง ป้องกันการาวีจากมารดาของตน
“มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอคะพี่จันทร์ อีนังนั่นมันเป็นใคร มันสำคัญกับชีวิตพี่จันทร์ขนาดไหนกันพี่จันทร์ถึงต้องคอยปกป้องมันขนาดนี้” มารดาเอ่ยโต้ขึ้นทันควันหลังฟังคำประกาศนั่นจบ ชายหนุ่มจึงตรงเข้าไปจับแขนดั่งต้องการให้เจ้าตัวสงบสติอารมณ์ก่อน
“เห็นมั้ยอาทิตย์ ลูกเห็นมั้ยว่าป้าจันทร์ของลูกโดนไอ้อีสองแม่ลูกนั่นล้างสมองมาขนาดไหน” จิตรารีบฟ้องบุตรชาย จันทร์จวงรู้สึกไม่ชอบใจในสิ่งที่ได้ยินจึงแย้ง
“มันจะมากเกินไปแล้วนะจิตรา แม่นางกับอิทธิไม่ได้มาล้างสมองอะไรฉัน แต่สิ่งที่ฉันทำวันนี้ก็เพราะหล่อนนั่นแหละที่ร้ายกาจใส่พวกเขาเกินกว่าที่ฉันจะทนมองเฉยๆ ได้”
“แล้วการที่พี่จันทร์จะเอานังนั่นมาไว้ที่เรือน พี่จันทร์คิดว่าจิตรจะราวีมันไม่ได้เหรอคะ ขนาดอยู่ไกลถึงในไร่จิตรยังตามไปราวีมันได้ เอามันมาอยู่ใกล้มือใกล้ขาแบบนี้ คิดเหรอคะว่ามันจะรอด”
“ก็เอาสิ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าน้องสาวแท้ๆ ของฉันมีนิสัยร้ายกาจผิดมนุษย์มนาขนาดไหน”
“พี่จันทร์ไม่ต้องมาท้าทายจิตรหรอกค่ะ วันไหนที่นังแม่นางนั่นมันก้าวเข้ามาที่เรือนนี้วันนั้นแหละจิตรจะจัดการมันให้พี่จันทร์เห็น คิดว่าจิตรจะกลัวเหรอคะกับการที่มีพี่จันทร์คุ้มกะลาหัว”
“นี่แสดงว่าที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยคิดยำเกรงฉันเลยน่ะสิหล่อนถึงได้กล้าเอ่ยกับฉันแบบนี้”
“เรื่องอื่นจิตรยำเกรงค่ะ แต่เรื่องที่แม่นางคอยปกป้องนังแม่นาง จิตรยำเกรงไม่ไหว วันแรกที่จิตรค้านพี่จันทร์ยังไง วันนี้แม่จะผ่านมาหลายสิบปีจิตรก็ยังจะค้านอยู่แบบนี้ พี่จันทร์จะมองว่าจิตรร้ายกาจยังไงก็ตามเถอะค่ะ แต่จิตรก็ยังจะยืนยันว่าสิ่งที่จิตรทำ จิตรทำไปเพราะจิตรต้องการปกป้องพี่จันทร์ พี่จันทร์น่ะใจดีเกินไป ใครเข้าหายังไงพี่จันทร์ตามไม่ทันหรอกค่ะ”
“นี่เธอมองพี่สาวเธอโง่ขนาดนี้เลยเหรอจิตรา”
“ก็ถ้าไม่โง่พี่จันทร์คงไม่หนีตามผู้ชายไปยังถิ่นทุรกันดานจนโดนญาติโกโหติกาถิ่นนั้นโขกสับหรอกค่ะ หากตอนนั้นจิตรไม่ตามไปด้วย พี่จันทร์จะมีลมหายใจอยู่มาจนถึงวันนี้หรือเปล่าใครจะทราบได้คะ”
“จิตรา!!”
สิ้นเสียงพี่สาวใบหน้าจิตราก็หันสะบัดไปตามแรงฝ่ามือ น้ำตาหญิงร้ายเอ่อล้นขอบตาเพราะนึกเสียใจที่โดนพี่สาวลงไม้ลงมือแบบนี้ อยู่ด้วยกันมาตั้งเท่าไหร่ ก็มีวันนี้เองที่ฝ่ายนั้นลงมือทำร้ายตน เพราะใครล่ะ เพราะไอ้อีแม่ลูกคู่นั้นนั่นยังไง
“พี่กล้าตบหน้าจิตรเพียงเพราะปกป้องไอ้อีขี้ข้าหรือคะ” หล่อนหันมาถามพี่สาวในตอนที่บุตรชายตรงเข้าพยุงร่าง
“ที่ฉันทำลงไปเมื่อครู่สองแม่ลูกนั่นไม่เกี่ยวเลยสักนิดจิตรา แต่เพราะหล่อนมันปากกล้าเกินไปฉันถึงต้องสั่งสอนบ้าง วันนั้นฉันขอให้หล่อนตามฉันไปหรือหล่อนถึงมาทวงบุญคุณกับฉันแบบนี้” จันทร์จวงเองก็ใช่จะเข้มแข็งนัก นัยน์ตานางก็กำลังไหวระริกด้วยหยดน้ำตาเช่นกันเมื่อตอนได้ยินน้องสาวเอ่ยว่า
“พอเถอะครับแม่ อย่าถกเถียงกันต่อเลยนะครับ เดี๋ยวมีใครมาเห็นมาได้ยินเข้าพวกเขาจะเอาไปนินทา” อาทิตย์เอ่ยห้ามมารดาที่กำลังจะอ้าปากโต้ป้าของตน สองคนนี้คงไล่คนรับใช้ไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้วก่อนจะมาถกเถียงกันแบบนี้ บนเรือนถึงไม่มีเงาของใครร่วมอยู่ด้วย แต่ก็นั่นล่ะเสียงของทั้งคู่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้น่ากลัวนักว่าจะเรียกความสนใจให้คนเหล่านั้นให้กลับมาแอบมาดูสถานการณ์
“จิตรเสียใจนะคะที่พี่จันทร์ทำกับจิตรวันนี้ แล้วจิตรก็จะไม่ยอมเลิกราวีนังแม่นางนั้นเด็ดขาด ยิ่งพี่จันทร์ทำกับจิตรแบบนี้จิตรยิ่งไม่ต้องนึกยำเกรงพี่จันทร์ต่อไป ให้มันรู้กันไปสิว่าหากมีเรื่องแตกหักระหว่างจิตรกับยัยแม่นางการที่พี่จันทร์จะขับไล่ใครสักคนออกจากไร่ ใครมันจะเป็นคนโดน”
เอ่ยจบจิตราก็สะบัดหน้าพรืดเดินหนีไปยังห้องพักของตน จันทร์จวงถึงกับทรุดนั่งอย่างหมดแรงเมื่อคิดว่าการกระทำของตนกำลังจะกลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับให้น้องสาวใช้จุดไฟราวีสองแม่ลูกอย่างแม่นางและอิทธิเพิ่มขึ้น
“ป้าจันทร์” อาทิตย์ร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นผู้เป็นป้าร่างทรุด ชายหนุ่มตรงเข้าไปพยุงพาไปนั่งพักตรงจุดลมโปร่ง ก่อนจะหันไปมองยังทางที่มารดาของตนพาร่างหายไป เพิ่งรู้เดี๋ยวเองว่าเจ้าตัวโกรธเกลียดแม่นางกับอิทธิขนาดไหน สิ่งที่อิทธิคอยตามความยุติธรรมให้กับผู้ให้กำเนิดคงมีเหตุและผลมาจากตรงจุดนี้สินะ คิดได้แบบนี้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกเห็นใจและเข้าใจหนุ่มน้อยมากขึ้น
“ป้าไม่เป็นไรแล้วล่ะอาทิตย์ ตามไปดูแม่ของเราเถอะไป” จันทร์จวงเอ่ยบอกหลานชายเพราะอดห่วงความรู้สึกของน้องสาวไม่ได้ เข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำไปเมื่อครู่มันรุนแรงเกินไป ยังไงซะสิ่งที่น้องสาวว่าก็มีส่วนถูก หากในอดีตหล่อนไม่ตามไปปกป้องนาง นางอาจจะโดนข่มเหงจนไม่มีชีวิตรอดมาจนวันนี้ก็เป็นได้
“แม่เป็นคนเข้มแข็ง เดี๋ยวเขาก็ดีขึ้นครับป้าจันทร์” อาทิตย์บอกก่อนจะอยู่ปรนนิบัติผู้เป็นป้าต่อ นึกไม่อยากอยู่ใกล้มารดาตอนนี้ เพราะยังตั้งรับไม่ทันกับสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นถึงความคิดร้ายๆ ของฝ่ายนั้นเมื่อครู่
เย็นย่ำอาทีเลิกเรียนกลับถึงไร่ก็รุดไปดูอาการเพื่อนรักอย่างอิทธิก่อนเป็นสิ่งแรก ตกใจที่เห็นสภาพเจ้าตัวมีรอยแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด
“บอกกูมาไอ้อิทว่าพี่อาทิตย์ทำอะไรมึง” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเมื่อรู้สึกชิงชังพี่ชายขึ้นมา เชื่อเหลือเกินว่าฝ่ายนั้นคงข่มเหงเพื่อนตนด้วยวิธีการป่าเถื่อนแน่ๆ เจ้าตัวถึงได้บอบช้ำจนเจ็บไข้ขนาดนี้
“ไม่มีอะไรหรอกอาที มึงอย่าพูดถึงพี่ชายมึงอีกเลยนะ” อิทธิบอกปัด เพราะไม่อยากนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนโดนกระทำจากอาทิตย์
“ทำไมวะ กูแค่อยากรู้ว่าเขาทำอะไรมึงจนมึงจับไข้แบบนี้” อาทีเอ่ยถาม
“จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ก็ก็ดีขึ้นแล้วว่าแต่มึงเหอะ กูไม่ได้ไปเรียนด้วย เกเรบ้างหรือเปล่า”
“มึงจะให้กูไปเกเกะใครล่ะก็มึงไม่อยู่ แต่พูดก็พูดเถอะเวลามึงไม่อยู่แม่งดูโรงเรียนมันเงียบพิกล”
สองหนุ่มน้อยมองตากันตอนประโยคนั้นจบไป แม่นางเองนั่งล้างถ้วยชามอยู่ใกล้ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะมองภาพนั้น นี่หลานชายเจ้าของไร่จะผูกพันกับบุตรชายตนมากไปหรือเปล่านะ
“มึงก็พูดเกินไป เชี่ย” อิทธิยกมือขึ้นตบหัวเพื่อนเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวจ้องตาตนไม่ถอย อาทีแสร้งเจ็บแล้วตบคืนบ้าง สองคนจึงหยอกล้อกันไปมาตามประสาคนสนิท แม่นางลอบยิ้มกับภาพที่เห็น สักพักก็หนักใจเมื่อคิดว่าหากตนพาอิทธิไปอยู่ที่อื่นแล้วอาทีจะอยู่ยังไงกัน ขนาดห่างกันแค่วันเดียวเจ้าตัวยังบอกว่าโรงเรียนช่างเงียบนัก
“แม่นางครับวันนี้ทำอะไรกินอ่ะ เดี๋ยวผมมากินข้าวเย็นด้วย จะให้ไอ้อิทสอนการบ้านให้หน่อย วันนี้ได้มาเพียบ”
เสียงอาทีดังมาให้ได้ยินปลุกให้นางได้สติ
“เอ่อ จะดีเหรอคะคุณอาที มาทานข้าวที่เรือนดิฉันแบบนี้คุณจิตรทราบจะไม่ดีเอานะคะ” นางเอ่ยให้เหตุผล
“แม่กำลังหลงพี่อาทิตย์อยู่น่าแม่นาง เขาไม่สนใจผมหรอก” อาทีแย้ง แม่นางหันสบตาบุตรชายคล้ายๆ ขอความคิดเห็น
อิทธิมองสบตามารดาเสร็จก็หันกลับมามองหน้าอาทีบ้าง ภาพอาทีตอนนี้ดูช่างไร้เดียงสาต่างจากคนร้ายกาจอย่างอาทิตย์และจิตราเหลือเกิน
“ตามใจอาทีมันเถอะแม่” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อไม่อยากขัดใจเจ้าตัว เพราะอีกไม่กี่เดือนตนและมารดาก็ตัดสินใจที่จะไปอยู่ที่อื่นกัน เวลาที่เหลืออยู่ก็อยากอยู่ใกล้ๆ กับคนๆ นี้ไว้เช่นกัน รู้สึกใจหายไม่น้อยเลยเมื่อนึกถึงเวลาที่ต้องห่างเจ้าตัวไป
“งั้นเดี๋ยวกูไปบอกป้าจันทร์ก่อนนะ เดี๋ยวกูจะรีบมา”
อาทีกำลังจะลุกไป แม่นางฉุกนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนจึงเสนอตัว
“เดี๋ยวดิฉันเดินไปส่งที่เรือนนะคะคุณอาที นี่ก็จะมืดแล้ว”
อาทีมองสบตาคนเสนอตัว ฉุกคิดได้เช่นกันว่าเมื่อคืนตนเองโดนลอบทำร้ายมา
“ทำไมต้องไปส่งอ่ะแม่ ไอ้อาทีมันก็เทียวไปเทียวมาของมันคนเดียวแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร” อิทธิเอ่ยถามขึ้นอย่างนึกสงสัย
“คือเมื่อคืนคุณอาทีโดนลอบทำร้ายน่ะ แม่ลืมเล่าให้อิทฟัง” แม่นางเอ่ยบอก อิทธิได้ฟังถึงกับตกใจหันถามไถ่เรื่องราวจากเพื่อน
“ใครเหรออาทีที่ลอบทำร้ายมึง แล้วมึงเป็นอะไรมากมั้ย”
“ไม่รู้ว่ะ แต่เมื่อคืนหากแม่นางไม่ไปเห็นกู เอ่อ อาจจะตายไปแล้วก็ได้ว่ะ มันกดหน้ากูใส่กับพื้นจนกูหายใจไม่ได้เลย” อาทีรายงาน อิทธิคิดตาม คนอย่างอาทีไม่เคยมีศัตรูที่ไหน แล้วยามค่ำคืนคนนอกที่ไหนกันจะเข้ามาทำอะไรอุกอาจในไร่ได้ถึงเพียงนี้
“งั้นเดี๋ยวก็ไปส่งมึงเอง” เด็กหนุ่มตัดสินใจเอ่ยบอก เพราะนึกเป็นห่วงเพื่อนจับใจ
“มึงไม่สบายอยู่นะ” อาทีแย้ง
“กูค่อยยังชั่วแล้ว ไปเหอะไป” อิทธิลุกพาเพื่อนไปยังจักรยานที่จอดอยู่ แม่นางไม่อยากแย้งเพราะเข้าใจว่าบุตรชายพูดคำไหนมักเป็นคำนั้น
***********************************
ที่เรือนหลังใหญ่ขณะอิทธิพาอาทีมาถึงหน้าเรือน เด็กหนุ่มบอกเจ้าตัวให้รีบไปบอกจันทร์จวงซะส่วนตัวเองจะรออยู่พื่อกลับไปที่เรือนตนพร้อมกัน อาทีทำตามอย่างว่าง่าย
ลับหลังอาทีไปแล้ว อิทธิยืนคิดถึงเรื่องราวที่เจ้าตัวโดนลอบทำร้าย นึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันนั้น อาทีไปมีเรื่องกับใครถ้าไม่ใช่นายสิน ตอนที่ฝ่ายนั้นมากันตนไม่ให้ขึ้นไปหาจิตราบนเรือน หรือว่าคนที่ทำร้ายเพื่อตนจะเป็นไอ้อันธพาลนี้จริงๆ
“ไอ้สิน หากเป็นมึงจริงๆ กูไม่ทวงคืนให้เพื่อนกูก็อย่าเรียกกูไอ้อิท” เด็กหนุ่มเอ่ยลอดไรฟันออกมาเมื่อนึกแค้นเคืองแทนเพื่อนไปแล้วกับสิ่งที่เจ้าตัวโดน ระหว่างนั้นก็ต้องสะดุ้งกับเสียงที่ทักมาให้ขนลุก
“มารอสามีถึงหน้าเรือนเลยเหรอเมียรัก”
โปรดติดตามตอนต่อไป