##พิเศษ..ข้าง...ข้่างใจ...##
“เอิง!! เค้าเห็นหมดแล้ว!!” เวรกรรมล่ะครับพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียง ไม่รู้ว่าน้องสาวฝาแฝดตัวดีมายืนแอบอยู่ตรงประตูรั้วตั้งแต่เมื่อไร และตอนไหนน่ะสิ ป่านฉะนี้คงเห็นหมดแล้วล่ะมั้งว่าเกิดอะไรข้างในรถบ้าง.... ถ้าไอ้เอิงซวยนะ ไอ้คุณหมอขิมต้องรับผิดชอบ!!
"เห็นอะไร มั่วแล้วเอย ดึกๆดื่นๆมายื่นล่อยุงรึไง" เนียนครับ ชายเอิงต้องทำเนียน แล้วเดินเข้าบ้านไปแบบหน้านิ่งๆ ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดๆ กฎของผู้ร้ายคือปากแข็งไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีหลักฐานมายืนยัน หึหึ
"เอิง!! เมื่อกี้อะไร คนนี้ใช่ไหมที่คุยโทรศัพท์ด้วยบ่อยๆ" เอาแล้วไง ไอ้เอิงถึงกับสะดุ้ง หันมามองหน้าน้องสาวที่เดินตามมาด้วยใบหน้าเอาเรื่อง แถมด้วยท่าทางยืนกอดอกประหนึ่งจะประกาศสงครามอะไรเยี่ยงนั้น
"ไปบ้านเพื่อนมา แล้วเอารถให้ไอ้ไม้ขับไปหอ พี่เค้าก็เลยมาส่งแค่นั้น" บอกตามความจริงทุกประการนะเออ ก็แค่เฉไฉไม่ตรงกับคำถามเท่านั้นเอง
"เอยเป็นห่วงนะ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าปล่อยให้ไปสืบเองล่ะก็...."
"เฮ้ย!! สืบทำไม?" อ๊ากกกกกก....ก็ถ้าปล่อยให้น้องสาวตัวแสบไปสืบเองล่ะก็ ความแตกแบบไม่ธรรมดาแน่ มีแต่พังกับพัง เพราะอีกฝ่ายดันเป็นผู้ชายนี่ซิ ผู้ชายตัวโตๆ ตัวเป็นๆ เสียด้วย
กว่าค่อนคืน....ที่ไอ้เอิงต้องมานั่งอธิบายความ ยกมาตั้งแต่ ณ วันแรกที่เจอกัน จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ทำให้ความแตกเมื่อกี้นี้ คิดแล้วก็เจ็บใจ เพราะไอ้พี่ขิมแท้ๆเชียวดันทำอะไรไม่เข้าท่า ถ้ามาส่งเฉยๆแล้วกลับไป ก็คงไม่ต้องมาโดนน้องสาวสวดยับอยู่แบบนี้หรอก แถมมีขู่ว่าจะบอกแม่อีก(ทั้งที่รู้ว่าไม่ทำแน่ๆ แต่ก็ต้องกันพลาด)
"ไว้พาเอยไปเจอตัวหน่อยนะ อยากเจอตัวจริง"
.
.
เยี่ยงคำประกาศิตของแม่คนที่สอง แม้จะฟังดูเหมือนประโยคขอร้องแต่...แววตากับสีหน้ามันไม่ใช่ ถ้า...ไม่พามาเองรับรองได้ว่ายัยเอยต้องสืบเสาะหาวิธีจนได้ แล้วขืนให้ไปเจอกันตามลำพัง...แม่เจ้า!! ไม่อยากจะคิด 'พี่มันเป็นผู้ชายนะเว้ย จะมาหวงอะไรนักหนา'
"คุณชอบเอิงจริงๆเหรอ" แว้กกกกกกก!!!!!! ดูคำถามของยัยเอย จะตรงไปไหมน้อง พี่มันนั่งอ้าปากพะงาบๆอยู่นี่ จะกระโดดตบปากก็ไม่ทัน...แล้วดูหน้าคนโดนถาม ถึงกับอึ้ง แล้วแน่นิ่งไปเลย..ใช่ดิ!! ใครจะตอบได้ล่ะคำถามแบบนี้ มันจะดูธรรมดาถ้าเป็นชายหญิงทั่วไปแต่นี่...ไม่ใช่!!
"ถ้าพี่ตอบว่า 'ใช่' ล่ะครับ" เออ..!! ก็ตอบๆไปจะได้หมดเรื่องหมดราวนั่งอึ้งอยู่ได้.... เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย ไอ้นี่ก็จะตรงไปไหน อ้อมๆมั่งก็ได้ คนที่พูดถึงยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เห็นกันบ้างไหมวะครับ!!
"แล้วคำว่าชอบ หมายถึงแค่หน้าตาหรือมากกว่านั้น" เวร!!! ขอตัวไปห้องน้ำทันไหมๆ รู้งี้ปล่อยให้มาคุยกันเองก็ดีหรอกเว้ย ไม่น่าเสนอตัวมาด้วยแบบนี้เลย โฮ่!!ชีวิตไอ้เอิง แต่จะว่าไปคำถามเมื่อกี้ก็อยากรู้นิดๆ
เพราะเป็นแฝดชายหญิงที่หน้าตาคล้ายกันมาก ผิวขาวตัวไม่สูงมาก แถมยังมาติสต์แตกด้วยการปล่อยผมให้ยาวแล้วรวบไว้อีกต่างหาก ไอ้เอิงถูกเข้าใจผิดบ่อยๆกับน้องสาว แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะหน้าเหมือนกันก็เลยไม่ได้ใส่ใจ กลับมองว่าเป็นเรื่องตลกด้วยซ้ำ แต่กับคนนี้....ทำไมถึงอยากรู้
"ชอบ...ก็คือชอบครับ กะเกณฑ์ไม่ได้ว่าชอบตรงส่วนไหนหรือตรงไหนมากกว่ากัน แค่ชอบ..คนนี้เท่านั้นครับ น้องเอย" หมอขิมคลี่ยิ้มจางๆ พร้อมกับยกน้ำขึ้นจิบโดยไม่หลบสายตา กระบวนท่าที่มักใช้ได้ผลเสมอเวลาที่ต้องการสยบคู่ต่อสู้ แถมด้วยการทำท่าประกอบชี้นิ้วไปทางฝาแฝดชายอีกคนที่นั่งทำหน้าเหวอสุดๆ
คนที่ทำได้แค่นั่งฟังเพียงอย่างเดียวกำลังอ้าปากค้างกับบทสนทนาระหว่างน้องสาวกับคุณหมอขิม สมองเกิดอาการหยุดทำงานฉับพลัน คิดอะไรไม่ออกไม่รู้ว่าจะหันไปด่าคนตั้งคำถาม หรือหันไปชกหน้าคนตอบซักทีเป็นรางวัลดี พอรู้สึกตัวอีกทีหน้าก็ร้อนวูบยามที่หันไปสบกับแววตาของคุณหมอเข้า
"ทำไมล่ะ เอิงเป็นผู้ชายแท้ๆนะคะ!!"
"เอย!! พอเถอะ กลับบ้านกัน!!" คนนอกที่ดูเหมือนจะถูกพาดพิงถึงตลอดการสนทนา เริ่มเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง ชายเอิงเป็นฝ่ายผุดลุกขึ้นคว้าข้อมือน้องสาวฝาแฝดแล้วออกแรงกระตุกให้ลุกขึ้นตาม เพราะทนไม่ไหว...อายเกินกว่าจะนั่งฟัง คล้ายมาแอบฟังคนที่กำลังนินทาตัวเอง แต่มันคนละอารมณ์ตรงที่มีสายตาของคุณหมอคอยมองมาตลอดเวลา...มันทำให้ร้อนรนบอกไม่ถูก
"เดี๋ยวซิครับน้องเอิง" เสียงหมอขิมตะโกนไล่หลังมา แม้ว่าจะไม่ได้ดังมากจนทำให้อับอายคนทั้งร้านอาหาร แต่ด้วยอะไรไม่รู้เหมือนหูมันจูนได้แต่คลื่นเสียงของคุณหมอไปเสียแล้ว ต่อให้ตอนนี้หูอื้อตาลาย ชายเอิงก็ยังคงจะได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของคุณหมออยู่ดี แต่...ขาที่กำลังก้าวออกจากร้านมันไม่ได้หยุดลงเหมือนที่ข้างในลึกๆมันบอก
"เอิง!! ยังกลับไม่ได้" ยัยเอยสะบัดข้อมือออกตอนที่เดินออกมานอกร้านจนเกือบถึงรถ สีหน้าไม่พอใจชัดเจน แต่ทางนี้ก็(ต้องแสร้ง)ไม่พอใจเช่นกัน ไม่งั้นคงลากให้กลับด้วยไม่ได้ แล้วใครล่ะที่จะต้องลำบากนั่งทนฟังประโยคอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้...เหมือนจะเป็นไข้..อะไรอย่างงั้น
"กลับเถอะเอย ถ้าไม่อยากให้โกรธไปมากกว่านี้ จะเอาอะไรอีก ถ้าไม่พอใจจะเลิกติดต่อกันซะ พอใจรึยัง!!" ที่พูดออกไปนั้น...ไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ เพียงแค่อารมณ์ตอนนั้นมันเกินจะควบคุม สับสนเหมือนคนบ้า ก็เลยไม่ทันสังเกตเห็นว่าคุณหมอที่ตะโกนเรียกตามหลัง วิ่งออกมายืนในระยะที่ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ
"หมายความว่าไง เอยไม่ได้จะขัดขวางนะ ก็แค่...." ไม่รู้ทำไมเพียงแค่หันไปเห็นหน้าพี่ชายฝาแฝดที่กำลังสลด ตอนที่เห็นว่าคุณหมอยืนอยู่ตรงนั้น แล้วสายตาอบอุ่นที่เคยมองมากลับดูเหมือนเศร้าหม่นลงไปอย่างชัดเจน หญิงเอยรู้ทันทีเลยว่าบรรยากาศแบบนี้ ใครกันที่ควรรับบทเป็นคนนอกแล้วสลายตัวให้เร็วที่สุด...คงไม่ต้องการคำตอบใดมายืนยันความรู้สึกของทั้งสองคนอีกแล้ว
ชายเอิงปล่อยให้กุญแจรถในมือถูกน้องสาวคว้าเอาไปแล้วขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ก่อนที่ตัวรถจะเคลื่อนออกไปจากร้านโดยไม่รอให้เจ้าของเข้าไปนั่ง เพราะตอนนั้นเจ้าของรถเองก็คงไม่ได้สนใจหรอกว่าอะไรถูกขโมยไปแล้วบ้าง
"จริงเหรอที่น้องเอิงพูดเมื่อกี้ พี่ทำให้ลำบากขนาดนั้นเชียวหรือครับ" คล้ายจะหมดแรงเสียตรงนั้น ทั้งที่ตลอดมาอุตส่าห์ใจกล้าหน้าด้านมาตลอด แล้วสุดท้าย...มาตกม้าตายแค่เพียงคำพูดไม่กี่ประโยค
"มะ..ไม่ใช่ ผมก็แค่...." พูดไม่ออก คล้ายกับจุกในอกขึ้นมาเสียอย่างงั้น แววตาที่เคยเจ้าเล่ห์หลอกล่อของคุณหมอขิมเจ้าเสน่ห์...หายไปเสียแล้ว....
ยังไม่ทันได้อธิบายความจนจบก็ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมายาวเหยียด ทำเอาคนที่กำลังอึกอักใจหายวาบหน้าเสียหนักขึ้นไปอีก อยากจะพูดอยากจะอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน ปากมันหนักขยับออกมาเป็นคำไม่ได้
"กลับเถอะ..พี่จะไปส่ง..." คนที่กำลังยืนก้มหน้านับเม็ดหินที่เท้าตัวเองโดนพาไปขึ้นรถทั้งที่ยังอยู่ในสภาพเบลอจัด รู้ตัวว่าไม่ได้เมาเพราะไม่ได้แตะเหล้าซักหยด แต่ทำไม....เหมือนตัวมันหวิวๆ
"พี่ขิม...." บรรยากาศในรถช่างเงียบสนิท แอร์ก็เหมือนจะเย็นกว่าปกติ คนที่ไม่เคยเกรงกลัวอะไรอย่างชายเอิงกำลังนั่งบีบมือตัวเอง ค่อยๆหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างคนของคนขับ
"พี่แค่ไปส่งน่ะครับ แล้วจะกลับเลย ไม่อยู่ให้เดือดร้อน" ชายเอิงขมวดคิ้วเข้าหากันตอนที่ได้ยิน
“งั้นก็ช่วยจอดรถตรงนี้เถอะครับ จอดตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้านั่นก็ได้ จอดซิครับ!!” ป้ายรถเมล์ยามเย็นที่ไม่ค่อยมีคนดูช่างเหมาะดีแท้ นึกเจ็บใจตัวเองน่าจะติดรถยัยเอยกลับไปเสียแต่ทีแรกก็หมดเรื่อง จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดทั้งที่กำลังสับสนแบบนี้ ไอ้เอิงกำลังจะบ้า!!
“พี่จะไปส่ง”
“ผมจะลง!!”
“น้องเอิงครับ อย่าดื้อ...” โชเฟอร์หันมาพูดอย่างอ่อนใจพร้อมกับคว้าแขนคนที่กำลังจะพุ่งตัวออกไปจากรถทั้งที่ยังจอดไม่สนิทเอาไว้ได้ทัน
“อย่ามาว่านะ ผมไม่ได้ดื้อ!!” หมอขิมที่หน้าบึ้งมาตลอดทางตั้งแต่ออกมาจากร้านกลับคลี่ยิ้มขำออกมาจนได้ ‘คนไม่ดื้อ’ แต่เอาแต่ใจเป็นที่สุด ดูจากแววตาเอาเรื่องที่มองมาสิ...ใครไม่ยอมแพ้ก็ให้มันรู้ไป...
“ครับๆ ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ คนไม่ดื้อก็นั่งเฉยๆนะครับ พี่ขิมจะไปส่งถึงบ้าน เอ่อ...แค่หน้าหมู่บ้านก็ได้...” มือที่ยึดอยู่บนต้นแขนคลายออกแต่โดยดี มีเพียงสายตาอ้อนวอนที่มองมาจนไม่สามารถปฏิเสธได้....
....ทำไม...รู้สึกเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีก
แล้ว....ทำไม...ถึงได้รู้สึกเหมือนในอกมันจุกเจ็บแปลกๆ
หมอขิมแอบถอนหายใจออกมาอีกรอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดรอบตัวผู้โดยสารคนสำคัญเอาไว้ ไม่ใช่แค่ป้องกันธรรมดาแต่ยังอยากยึดตัวเอาไว้เพื่อป้องกันการพุ่งตัวลงจากรถแบบเมื่อตะกี้....หัวใจเกือบวายตาย....
“จะถอนตัวแล้วเหรอครับ?” คนที่กำลังจัดแจงคาดเข็มขัดเงยหน้าขึ้นมองคนถามในระยะประชิด...อย่างจงใจ...
“ถ้าทำให้คนที่ชอบลำบากใจ พี่จะยอมถอนตัวครับ” ชายเอิงจ้องมองเข้าไปในแววตาเจ้าของคำตอบอย่างนึกเคือง...ใครกันล่ะที่เป็นฝ่ายเข้ามาก่อน แล้วก็จะถอนตัวออกไปง่ายๆแบบนี้นะรึ!!! ไอ้ หมอ บ้า...แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า ‘ชอบ’ ชายเอิงไม่เชื่อคำแล้วโว้ย!!
“ถ้าจะมาถอนตัวตอนนี้ มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยรึไง มาทำให้ผมลำบากแล้วก็ไป ง่ายไปไหม?คุณหมอ!!” หมอขิมผงะ...ถอยห่างออกมา..ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เสียงที่ตะโกนใส่หูในระยะประชิดแบบนี้ แถมในรถ...หูแทบแตก!!
เด็กศิลป์เวลาติสต์แตก(สติแตก) น่ากลัวแบบนี้ทุกคนไหมหว่า ทั้งที่หน้าแดงออกอย่างงั้น แถมตัวก็ยังโดนยึดเอาไว้ด้วยเข็มขัดนิรภัย...จะรู้ตัวไหมนะว่าถ้าเกิดทางนี้อยากจะรุกขึ้นมาจริงๆ จะไม่มีทางหนีไปไหนได้ หมอขิมคลี่ยิ้มกับตัวเอง ทั้งที่ได้ฟังประโยคต่อว่าแต่กลับฟังเหมือนประโยคบอกความในใจเสียมากกว่า
“แปลว่า...พี่ไม่ต้องถอนตัวก็ได้ใช่ไหมครับ” ยืนหน้าเข้าไปถามจนปลายจมูกเฉียดผ่านแก้มขาวไป ถ้าเจ้าตัวไม่เบือนหน้าหลบเสียก่อน คงได้สัมผัสอย่างที่หวัง
ลมหายใจอุ่นที่เฉียดผ่านข้างแก้มไปทำให้รู้สึกแปลกๆ จนต้องเบือนหน้าหนีไปมองข้างทางแทน ดีนะว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีคน กระจกรถก็ไม่ได้ติดฟิล์มดำทึบ เกิดใครมองเข้ามาเห็นอาจจะซวยได้เหมือนคราวที่แล้ว
“จะไปรู้ได้ไง เป็นหมอก็คิดเอาเองซิ!!”
“พี่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองนะ”
“กะ..ก็เรื่องของพี่ขิมซิ” อึ้ยยยยย....จะคิดอะไรก็คิดไป แต่หน้าไม่ต้องยื่นเข้ามาใกล้แบบนี้ก็ได้นี่
“งั้น...พี่ไม่ถอยแล้วนะ เข้าไปฝากตัวกับคุณพ่อคุณแม่เลยได้ไหม”
“ไม่ต้อง...อึ้ย!!!” แล้วก็จนได้ ไอ้เอิงไอ้บ้า!! ดันหันหน้ากลับไปตอนที่ไอ้พี่หมอขิมมันยื่นหน้าเข้ามาพอดี จมูกก็เลยชนกันโครม(มันไม่ได้เจ็บหรอกครับ แต่ที่เสียงดังโครมนะ...มันคือหัวใจต่างหาก เต้นโครมครามเลยทีเดียว)
“หึ หึ” เสียงคุณหมอหัวเราะชอบใจ แต่อีกคนกำลังนั่งหน้าบึ้งเบือนหน้าออกไปข้างทาง
“จะกลับบ้านแล้ว ถ้าไม่ไปส่งผมจะลง” คนพูดไม่กล้าหันมาสบตาคู่สนทนาอีก เกรงว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิม
“อยากไปเที่ยวห้องพี่ก่อนกลับไหม” หมอขิมแกล้งหยอดคำที่ข้างหู แล้วถอยกลับมานั่งประจำตำแหน่งคนขับตามเดิม แต่สายตากรุ้มกริ่มที่มองมาทำเอาคนถูกมองร้อนรน
“ก็ทางเดียวกันไม่ใช่รึไง” อ๊ากกกกกก ไอ้เอิงอยากโดดตบปากตัวเอง แทนที่จะตอบปฏิเสธไป กลับไปตอบเหมือนตกลงปลงใจซะงั้น แล้วทำไมตอนไปนอนค้างห้องไอ้ป๋าไม้ไม่เห็นจะใจเต้นเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้เลยวะ
“ไม่ใช่ทางผ่านหรอก พี่ตั้งใจไปต่างหาก” ชายเอิงหันไปมองหน้าคนพูดพลางขมวดคิ้วคิดตาม จะว่าไปถนนเส้นนั้นถ้าขับรถเลยไปก็จะออกต่างจังหวัด หมู่บ้านใกล้เคียงก็ไม่มี...เพิ่งจะรู้ว่าที่ผ่านมาคนๆนี้ตั้งใจมา ไม่ใช่แวะแค่ทางผ่านเท่านั้นหรอกเหรอ
“พี่ขิมโกหก หลอกผมมาตลอดเลยนี่” ทั้งที่ปากก็พูดว่า แต่ใบหน้ากลับเบือนไปข้างทางเพื่อซ่อนรอยยิ้มยินดีที่ทำเอาปวดแก้มแทบกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“หลอกเพราะจำเป็น หาเหตุผลแทบตายก็คิดไม่ออก ต้องขอบใจสมุดเล่มนั้น” สมุดเล่มนั้นที่ว่าคือสมุดสเก็ตช์ภาพที่ใครบางคนมาลืมเอาไว้ที่โรงพยาบาลตอนมาเยี่ยมเพื่อน
“หึ!! คนที่ต้องขอบคุณคือผมต่างหาก”
“น้องเอิงว่าอะไรนะครับ?” เพราะกำลังจะเปลี่ยนเส้นทาง สายตาก็เลยมัวแต่สนใจรถที่วิ่งสวนไปมา จนไม่ได้ตั้งใจฟังว่าคนข้างๆกำลังพึมพำอะไร
“ไม่มีอะไร ผมก็แค่บ่นไปงั้นเอง” ผู้โดยสารคนสำคัญยังคงเบือนหน้ามองไปข้างทางเหมือนกับว่ามีอะไรน่าสนใจนักหนา ยกข้อศอกขึ้นมาเท้ากับขอบกระจกรถแล้วเอาฝ่ามือปิดริมฝีปากที่กำลังคลี่ยิ้มของตัวเองเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน...
’โชคดีจริงๆ ที่วันนั้นแกล้งลืมสมุด พร้อมกับลงลายชื่อเอาไว้ ที่จริงตอนแรกกะจะเขียนเบอร์โทรเอาไว้ด้วยซ้ำ ก็แค่...อยากจะลองวัดดวงดูว่าจะมีคุณหมอใจดีเก็บกลับมาส่งคืนให้รึเปล่า....แล้วในที่สุดก็ได้มา...ของที่แกล้งลืมไว้....’
=========================>END<=================
ย่องมาเงียบๆ ตอนดึกดื่น ปัดกวาดเช็ดถูบ้านข้างข้าง
แล้วกอด คนที่แวะเวียนมาแอบส่องหน้าบ้านแน่นๆๆๆ
คิดถึงทุกคนจริงจัง
ปล...ง.....กดโพสหลุด...กดโพสหลุด....ชีวิต!!!