เนะ....ถ้าจำไม่ผิด เขาเรียกว่า "ไผ่ลืมแล้ง" 55555
พันธุ์ไผ่มีเยอะแยะมากมายหลายชนิด
ทั้งไผ่หวาน ไผ่สีทอง ไผ่จีน ไผ่ไต้หวัน ไผ่ราชินี ฯลฯ
ไผ่เป็นพืชที่ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องการการประคบประหงมอะไรเป็นพิเศษ
ไม่ต้องรดน้ำพรวนดินอะไรมาก ที่สำคัญ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนจริง ๆ
ขนาดใบไผ่ที่ร่วงลงมา ยังเอาไปทำปุ๋ยและอาหารสัตว์ได้
ส่วนต้นไผ่ที่ไม่ได้ขนาด ก็สามารถเอาไปเผาทำเป็นถ่าน
ก็จะได้ถ่านคุณภาพดี มีคาร์บอนมากกว่าไม้อย่างอื่น แล้วมีควันน้อย ร้อนนาน
ควันไม้ที่เกิดจากการเผาถ่าน ก็สามารถขายได้
โดยเอาไปทำเป็นน้ำยากำจัดศัตรูพืชที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ยิ่งถ้าเอาไปผสมกับสะเดา จะได้ยาไล่แมลงศัตรูพืชชั้นดี
โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อยาเคมีใด ๆ เลย
หรือแม้แต่ดินรอบต้นไม้ ที่เขาเรียกว่า "ดินขุยไผ่"
ก็สามารถเอาไปขายทำเป็นส่วนผสมดินปลูกต้นไม้ได้
มีประโยชน์สารพัดเหมือนกล้วยจริง ๆ ครับ
แต่ที่ผมสนใจตอนนี้ คือ วัตถุดิบที่จะไปใช้ผลิตพลังงานชีวมวล (Biomass) มากกว่า
ไม่ต้องวิ่งหาตลาดให้เหนื่อย
ตอนนี้พวกโรงกลั่นน้ำมัน โรงผลิตกระแสไฟฟ้า
เขาเริ่มหันมาให้ความสนใจกับวัตถุดิบจากธรรมชาติ เพื่อหาแหล่งวัตถุดิบอื่นทดแทนน้ำมัน
โดยนำไปแปรรูปผลิตเป็นน้ำมันไบโอฯ หรือผลิตกระแสไฟฟ้า
ซึ่งเริ่มมีบางชุมชนหันมาใช้พลังงานชีวมวลในชุมชนกันบ้างแล้ว
เพื่อช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ
ประเทศไทยเรา ได้เปรียบตรงที่เรามีพื้นที่ทำการเพาะปลูกพืชผลการเกษตร
ได้อย่างมีคุณภาพมาก เรียกว่า "ดินดำน้ำชุ่ม" เพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี
ตอนนี้ต่างชาติ ไม่ว่าจะชาติไหน ทั้งในยุโรป อเมริกา หรือตะวันออกกลาง
แม้แต่ในเอเชียด้วยกัน ต่างก็จ้องจะเข้ามาหาผลประโยชน์ในแถบอาเซียนกันทั้งนั้น
เพราะตอนนี้เราผลิตอาหารและวัตถุดิบเลี้ยงคนเกือบทั้งโลกอยู่นะครับ
ยิ่งทุกวันนี้ แหล่งน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง นับวันจะร่อยหรอลงไปทุกที
ซึ่งตะวันออกกลาง เขามีดีก็แค่น้ำมันเท่านั้น แต่น้ำมันกินแทนข้าวไม่ได้นะครับ
เขาถึงเข้ามากว้านซื้อที่ดินในแถบอาเซียนเอาไว้เป็นจำนวนมาก
เป็นแหล่งสำรองทางวัตถุดิบเพื่อส่งกลับไปป้อนข้าวป้อนน้ำบ้านเมืองเขา
ผมก็เลยนึกถึงคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำขึ้นมา
ที่เคยเล่าไปแล้วว่า ท่านทำนายว่า อีกประมาณ 30 ปี (นับจาก พ.ศ. 2525 นะครับ)
ประเทศไทยเราจะเป็นมหาอำนาจโลก ผมก็ว่า มันก็ชักจะมีเค้านะครับ
เพราะภูมิประเทศ ภูมิอากาศบ้านเราค่อนข้างได้เปรียบกว่าชาติอื่นในอาเซียน
เราอยู่ตรงกลางพอดี หน้ามรสุม ไม่ว่าจะพัดมาจากมหาสมุทรอินเดียหรือฝั่งทะเลจีนใต้
ก็จะมีประเทศอื่นรับแรงกระแทกไปก่อนหน้าเรา ทั้งอินเดีย บังคลาเทศ พม่า เวียดนาม
ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ พอมาถึงบ้านเรา จากมรสุมฤดูร้อนหรือพายุไต้ฝุ่น
ก็อ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุดีเปรสชั่นเท่านั้น แถมยังพัดพาความอุดมสมบูรณ์
มาตกแก่บ้านเราด้วย เราถึงได้ชื่อว่า "สุวรรณภูมิ" หรือ แผ่นดินทอง
น่าเสียดายที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ กลับไปเดินตามกระแสต่างชาติ
ละทิ้งพื้นที่ทำกิน แล้วหันไปสนใจเรื่องอุตสาหกรรมแทน
ทั้งที่บ้านเราเป็นที่ลุ่มเสียเป็นส่วนใหญ่ เหมาะกับการทำเกษตรมากที่สุด
ผลจากการใช้พื้นที่ผิดประเภท ก็เลยเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้วไงครับ
ยกตัวอย่าง จ. อยุธยา ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เหมาะสำหรับการทำนา
และเพาะปลูกผลิตผลการเกษตรอย่างอื่น
ยิ่งอยุธยา ช่วงน้ำหลาก เป็นช่วงที่น่ากลัวมาก กระแสน้ำมีระดับสูงและเชี่ยวกราก
ขนาดพม่ายังพ่ายกระแสน้ำ ตอนที่ยกมาล้อมกรุงศรีอยุธยาเลย
แต่เราดันเอาไปทำเป็นนิคมอุตสาหกรรม ขายให้ต่างชาติมาตั้งโรงงานกันให้สลอน
พอเจอน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้ว ก็เลยจมน้ำมิดหายไปหมดทั่วทุกนิคมฯ
เอ! คุยเรื่องไผ่อยู่ดี ๆ ไหงวกกลับมาเป็นเรื่องอยุธยาได้ไงหว่า???
