==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้  (อ่าน 1080549 ครั้ง)

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
นี่เป็นวิหารพระโพธิสัตว์ครับ ข้างในมีรูปพระโพธิสัตว์พันมือขนาดใหญ่ประทับอยู่



[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
รูปนี้ไม่มีอะไร เพียงแต่ชอบกางเกงเด็กเพราะเห็นเปิดเป้าหมดทั้งหน้า-หลัง เห็นจู๋และก้นโผล่มาวับ ๆ แวม ๆ
ก็เลยไปขอเขาถ่ายรูปมาเก็บไว้ดูเล่นครับ สอบถามแม่เด็กได้ความว่า กางเกงเด็กเล็กของที่นี่ จะเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด
ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย นัยว่า เพื่อความสะดวกในการถ่ายทุกข์ของเด็ก จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ ก็แปลกดีครับ

ส่วนห้องน้ำในอี้เหอหยวน ถ้าอยู่ด้านในก็จะเลอะเทอะกว่าด้านนอก เพราะคนใช้เยอะ
ถ้าออกมาข้างนอก เขาสร้างอิงตามแบบของเก่า ดูกลมกลืนมาก แล้วก็สะอาดใช้ได้เลยครับ
เลยถ่ายรูปมาให้ดู

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ตอนแรกพวกเราจะทานข้าวกลางวันกันที่อี้เหอหยวน แต่พอลองไปสำรวจร้านค้าดูแล้ว มีแต่ก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูป
ก็เลยตัดสินใจไปหาอะไรกินกันที่ เฉียนเหมิน กัน ก็นั่งรถใต้ดินอีกเช่นเคย
ไปขึ้นที่เฉียนเหมิน แล้วก็เดินไปอีกประมาณ 500 เมตร เพื่อมาเข้าเมืองวัฒนธรรมเชี่ยนเหมิน
อาหารการกินที่นี่ไม่แพงมาก แล้วก็ไม่ชาร์จราคาเพิ่มด้วยครับ
พวกผมก็เลยไปลองชิมบะหมี่กันที่ร้าน Mr. Ho ซึ่งคงจะมีชื่อเสียงพอสมควร รสชาติก็ใช้ได้เลยครับ เพราะมีพริกเผาให้เติมฟรีด้วย
กินกันอิ่มแล้ว ก็เลยถือโอกาสเข้าห้องน้ำที่ร้านซะเลย เพราะมีร้านไม่กี่แห่งหรอกครับ ที่จะมีห้องน้ำไว้บริการลูกค้า
ส่วนใหญ่จะให้ไปใช้ห้องน้ำสาธารณะมากกว่า ก็สะอาดสอ้านดีมากครับ

หลังจากอิ่มหมีพีมัน มีเรี่ยวแรงเดินกันต่อไปแล้ว พวกผมก็เดินเข้าเมืองวัฒนธรรมเชี่ยนเหมิน
เพื่อสำรวจดูร้านค้าของที่นั่น ซึ่งทางการเขาก่อสร้างมาเพื่อต้อนรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาดูโอลิมปิค 2008
ลักษณะอาคารจะสร้างตามรูปแบบเมืองเก่าสมัยศตวรรษที่ 19 ตามที่เห็นในรูปครับ
เป็นถนนคนเดิน ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยจตุรัส โดยมีถนนตัดผ่านตรงกลาง เหมือนสำเพ็ง พาหุรัด บ้านเราแหละครับ
เห็นมีชาวต่างชาติมาเดินชมเมืองกันอย่างหนาตาเหมือนกัน

สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ คือ รถรางสมัยศตวรรษที่ 19 ที่แล่นผ่านมาเป็นระยะ ๆ ให้อารมณ์และบรรยากาศสมัยเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เลยครับ
สินค้าที่นี่ จะเป็นพวกเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า กระเป๋า ของที่ระลึกพื้นเมือง ซึ่งดูแล้ว แบบเขาค่อนข้างเชย ๆ สำหรับบ้านเราน่ะครับ
น้องผมก็เลยไม่ซื้ออะไร นอกจากเดินดูบรรยากาศเท่านั้น น้ำดื่มที่นี่ ขายขวดละ 3 หยวน ซึ่งถูกมากกว่าที่อื่น ที่ขายกันที่ขวดละ 5 หยวน
พวกผมเลยซื้อตุนไว้เพียบเลย

จากนั้นก็กลับมาหาอะไรกินกันที่ถนนหวังฟุจิ่ง เหมือนเดิม เพื่อเตรียมแรงไว้ปีนกำแพงเมืองจีนในวันรุ่งขึ้น

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ถนนวัฒนธรรมเชี่ยนเหมิน


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มีอีกครับ


[attachment deleted by admin]

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
พี่ปุ้ม น่าจะไปเขียนหนังสือนะ เขียนเก่งมาก อ่านแล้วเพลิน แต่บางช่วงก็น้ำเยอะนะพี่ อิอิ ... แต่อ่านแล้วสนุก ได้เกร็ดความรู้ด้วย
ขอบคุณครับ ที่นำมาแบ่งปัน

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ขอบคุณครับ. แจ็ค
ถ้าเขียนเพื่อความสนุกสนานส่วนตัวก็พอได้ แต่จะให้เขียนป็นเรื่องเป็นราว
มีโครงเรื่องเป็นลำดับ เหมือนนิยาย คงไม่สามารถหรอกครับ
เพราะผมไม่ใช่คนช่างจดช่างจำหรือจีนตนาการ
 ที่นำเล่าสู่กันฟังได้นั้น มันเป็นความสนใจส่วนตัวของผมมากกว่า
ผมถึงนับถือไจฟ์เค้าที่สามารถเขียนนิยายได้เป็นเรื่องๆ
อย่างว่าแหละ ผมไม่มีคนข้างตัวมานั่งเป็นกำลังใจหรือช่วยเขียนเหมือนไจฟ์เขานิ อิอิ.  :laugh:

มัวแต่ฝอยเพลิน จะเข้ามาบอกว่า คอมผมเสีย เอาไปซ่อมอยู่ คงจะมาต่อตอนนี้ไม่ได้ครับ
นี่ผมใช้ IPad เปิดอยู่ แต่ไม่สามารถโหลดภาพหรือข้อความได้
มิตรรักแฟนคลับทุกท่านกรุณาอดใจรอสักวันสองวันนะครับ
 :pig4:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
ถั่มต้มแล้วครับ ยืนยันว่า การให้คนใกล้ตัวมาช่วยเขียนหนังสือ หรือ ให้ช่วยสรุปงา่นให้ เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะมันจะทำให้เขาอยู่นิ่งๆ แม้ว่า 10 นาทีผ่านไปจะเห็นแต่หนังสือ แต่ตัวคนช่วยหลับไปแล้ว หรือไม่ก็กำลังเล่นเกมอยู่ก็ตาม
แต่ก็ถือว่า เรียบร้อยดีอยู่ในสายตา 555

ไจฟ์ครับ

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ผมไปรับคอมฯ มาเรียบร้อยแล้วครับ สรุปว่า HD เสีย เลยต้องเปลี่ยนใหม่
คราวนี้เลยติดมัน 500 GB ไปเลย ถ้าเสียอีกที คงเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดไปเลยครับ

เดี๋ยวจะมาต่อบันทึกเดินทางวันที่สี่นะครับ

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เช้าวันที่สี่ กำแพงเมืองจีนที่ด่าน มู่เทียนหยู – โรงงานหยก – โรงงานไข่มุก – โรงงานน้ำชา – สถาบันแพทย์แผนจีน

เช้าวันนี้ จะเป็นเช้าวันสุดท้ายของพวกผมในปักกิ่ง เพราะพรุ่งนี้ พวกเราจะออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแต่เช้าตรู่
คือ เวลา 7.30 น. เพราะฉะนั้น ก็ต้องออกจากที่พักกันตั้งแต่ตีห้า

วันนี้ ผมนัดแอนนี่ให้มารับพวกผมที่ที่พัก เวลา 8.00 น. คณะผม ประกอบด้วย พวกผม 4 คน + เพื่อนน้องอีก 3 คน
ที่บินมาสมทบภายหลัง ทั้งจากเทียนจินและเซี่ยงไฮ้ แล้วกลุ่มนี้ ก็จะบินกลับกรุงเทพฯ พร้อมพวกผมด้วยในวันรุ่งขึ้น
ก็ถือว่า เป็นคณะใหญ่พอสมควรเลยครับ รถตู้ที่แอนนี่หามา มารับพวกเราเมื่อเวลา 8.15 น.
โดยที่แอนนี่ ไม่ได้มาด้วย แต่ให้โซเฟีย มาแทน ชื่อจีนเธอเรียกยากครับ เธอเลยให้เรียกเธอเป็นชื่อฝรั่งแทน
เธอเป็นชาวมองโกลเลียในที่มาทำมาหากินในปักกิ่ง เพราะที่บ้านไม่มีงานดี ๆ ให้ทำ นอกจากทำไร่ทำนา ซึ่งเธอไม่อยากทำ
ที่สำคัญ คือ ถ้ามาทำงานในเมืองหลวง อย่างน้อยโอกาสที่จะเจอหนุ่ม ๆ ที่ดูดี มีอนาคต น่าจะมีมากกว่าแถวบ้านเธอ
อันนี้ ผมสันนิษฐานเอาเองจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเธอ ช่วงที่รอให้สาว ๆ เขาไปถ่ายรูปและซื้อของกัน
ตอนอยู่ที่ด่านมู่เทียนหยู

กำแพงเมืองจีน หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม "กำแพงหมื่นลี้" หรือภาษาจีน เรียกว่า "ว่านหลี่ฉางเฉิง" นั้น
มีความยาวร่วมหมื่นลี้จริง ๆ ครับ จากข้อมูลล่าสุดของสำนักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งประเทศจีน
ที่ได้ทำการตรวจวัดความยาวของกำแพงมาตั้งแต่ปี 2008-2012 เป็นเวลากว่า 5 ปี
ได้ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาว่า
ความยาวที่วัดได้อย่างเป็นทางการ คือ 21,196.18 กิโลเมตร ซึ่งมีระยะทางมากกว่าเดิมที่เคยวัดได้กว่า 2 เท่า คือ 8,850 กม.
ครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศ นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เกิดจากฝีมือของมนุษย์

กำแพงเมืองจีนสร้างเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน
จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ ทั้งพวกเซี่ยงหนูและพวกเติร์ก
โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยฮ่องเต้องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด

ผมคัดลอกข้อมูลบางส่วนมาจาก "เจ๊วิกกี้" - Wikipedia เกี่ยวกับข้อเท็จจริงบางประการของกำแพงเมืองจีนดังนี้

1. เราไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนจากดวงจันทร์ ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดที่สร้างโดยมนุษย์แม้แต่อย่างเดียว
ที่สามารถมองเห็นได้จากดวงจันทร์ ในระดับ low earth orbit เนื่องจากสีของกำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของธรรมชาติ
ก็คือสีของดินและหิน แต่เราสามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนโดยใช้เรดาร์

2. กำแพงเมืองจีนไม่ใช่กำแพงยาวตลอด ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นในหลายยุค หลายสมัย หลายอาณาจักร
และกินเวลานับพันปี โดยเป็นการเชื่อมต่อกำแพงจากดินแดนแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน จนเป็นแนวทอดยาวกว่า 2 หมื่นกิโลเมตร

3. กำแพงเมืองจีนเป็นเสมือนสุสานของผู้ก่อสร้าง มีการบันทึกไว้ว่า นักโทษจากสงครามและทาสกว่า 1 ล้านคน
ถูกใช้เป็นแรงงงานเพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งแรงงานจำนวนมากเสียชีวิตลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยและความหิวโหย
ซึ่งศพผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างใต้กำแพงนั่นเอง
เป็นเวลานานนับศตวรรษแล้ว ที่กล่าวขานกันว่า ทุก ๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีนก็คือหนึ่งชีวิตของแรงงานผู้ก่อสร้างกำแพง

4. การก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ช่วยป้องกันการรุกรานได้ แต่การเข้าครองอำนาจของมองโกล และแมนจู ทั้งสองครั้งนั้น
เกิดขึ้นจากความอ่อนแอ ของราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีนในขณะนั้นๆ
พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฏภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านที่น้อยมาก

5. กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นแค่กำแพง ทุกๆ 300 ถึง 500 หลา จะมีฐานบัญชาการเพื่อใช้สับเปลี่ยนเวรยามและใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ โดยมีหอสังเกตการณ์กว่า 1 หมื่นแห่งตลอดแนวกำแพง

6. กำแพงเมืองจีนถือเป็นเส้นทางคมนาคมเส้นทางหนึ่ง ประโยชน์ของกำแพงเมืองจีนในระยะแรก ก็คือ
มันช่วยให้การคมนาคมและขนส่งในเส้นทางทุรกันดารสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะแนวกำแพงส่วนใหญ่ทอดผ่านเทือกเขาสูง
ซึ่งหากเดินทางตามปกติอาจจะลำบากหรือไม่สามารถเดินทางได้

7. กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้น โดยใช้หิน ดิน และไม้ บางครั้งมีการแพ็คดินไว้ระหว่างไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยกันโดยเสื่อทอ บริเวณใกล้กรุงปักกิ่ง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างโดยใช้หินอ่อน ในบางสถานที่กำแพงถูกสร้างโดยใช้หินแกรนิต
บางแห่งก็ใช้ดินเผา กำแพงทางตะวันตกของจีน ถูกสร้างโดยใช้โคลน ทำให้ชำรุดได้ง่ายกว่า
กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุที่ทนทานกว่า เช่น หิน และแกรนิต

8. จากรายงานผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปี 2004 กล่าวว่า ขณะนี้ กำแพงเมืองจีนมีเหลือให้เห็นเพียง 1/3 เท่านั้น
และกำลังสั้นลงเรื่อยๆ ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากการขาดการดูแลและอนุรักษ์ โดยเฉพาะจากชาวไร่ชาวนา
ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กำแพงเมืองจีนและไม่สนใจประกาศของรัฐบาลที่กำหนดให้กำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติของชาติ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2012 01:16:08 โดย fanfic2010 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
สำหรับกำแพงเมืองจีน ที่ด่าน มู่เทียนหยู (Mutianyu) นั้น
ตั้้งอยู่ ณ อำเภอ ไหว้โหลว ห่างจากปักกิ่งประมาณ 73 กม.

กำแพงที่ด่านนี้ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับพันปี
ก่อสร้างครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ ฉีเหนือ (ช่วงปี ค.ศ. 550-557)
ต่อมาได้รับการบูรณะและก่อสร้างเพิ่มเติมอีกครั้งในสมัยราชวงศ์หมิง
(ช่วงปี ค.ศ. 1368-1644) โดยสองยอดขุนพลผู้รักชาติ คือ ถานหลุน และฉีจี้กว่าง
โดยใช้หินแกรนิตเป็นวัตถุดิบหลักในการก่อสร้าง เพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรูทางเหนือ
แนวกำแพง ยาวประมาณ 1.4 ไมล์ ตัวกำแพงสูงประมาณ 23-25 ฟุต
กว้างประมาณ 4-5 หลา รถม้าสามารถวิ่งบนกำแพงได้อย่างสบาย ๆ
เชื่อมต่อระหว่างด่าน จูหย่งกวานทางทิศตะวันตกและด่าน กูเป่ยโข่ว ทางทิศตะวันออก
บนกำแพง จะมีหอตรวจการณ์อยู่ทั้งหมด 22 แห่ง ตลอดแนว
บริเวณที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม มีความยาว 2,250 เมตรเท่านั้น
เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8.00 - 16.00 น.

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เนื่องจากวันที่ไป อากาศไม่ดีเลย ฝนตก มีหมอกลงจัดมาก
ทำให้ไม่สามารถมองเห็นแนวกำแพงที่ยาวสุดลูกหูลูกตาได้
ผมเลยต้องผสมผสานทั้งภาพของตัวเองและขอยืมภาพจากเว็บ Travelchinaguide
มาประกอบด้วย เพื่อให้เห็นภาพความสวยงามของด่านมู่เทียนหยู ยามฟ้ากระจ่างสดใส



[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
กลับมาเข้าเรื่องไปไต่กำแพงเมืองจีนกันดีกว่า

จำนวนผู้ที่จะไปไต่กำแพงเมืองจีนคราวนี้ มีทั้งหมด 10 คน นอกจากคณะผมแล้ว
ก็มี นักศึกษาอินเดียชาย-หญิง 2 คน จากเมืองมุมไบ มาเที่ยวกระชับสัมพันธ์กันสองคน
คงเป็นแฟนกัน ทั้งสองคนพูดภาษาอังกฤษดีมาก แทบไม่มีสำเนียงลิ้นรัว
เหมือนคนอินเดียทั่วไป ดูก็รู้เลยครับ ว่า ฐานะทางบ้านคงมีกะตังค์ไม่น้อย
เพราะพี่แกใส่ของแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมลักษณะท่าทางเหมือนพวกลูกเศรษฐี

อีกคนเป็นชาวนอร์เวย์ ท่าทางเซอร์ ๆ ติสท์ ๆ หน่อย พี่แกไว้หนวดเครา
ผมยาวรัดรวบไว้ข้างหลัง อีตานี่ ออกแนวนิ่ง ๆ เฉย ๆ
ส่วนรถตู้ที่พาไป ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย เหมือนรถตู้รุ่นเก่าบ้านเราน่ะครับ
ไม่ใช่ commuter รุ่นใหม่ที่กว้างขวางนั่งสบาย ก็เลยต้องนั่งเบียดกันนิดนึง
ดีที่อากาศเย็นค่อนข้างหนาว ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ไม่งั้นคงแย่

พอขึ้นรถนั่งปุ๊บ โซเฟียก็เรียกเก็บเงินค่าทัวร์ก่อนเลยครับ คงกลัวโดนชักดาบมั้ง
ก็จ่ายกันไปคนละ 150 หยวน ผมมารู้ทีหลัง จากที่ได้คุยกับหนุ่มอินเดียว่า
พวกเขาว่าจ้างทัวร์มาจากแถวถนนหวังฟุจิ่ง ที่เรียกค่าทัวร์ในราคา 180 หยวน
พอเขารู้ว่า พวกผมเสียค่าทัวร์แค่คนละ 150 หยวน พี่แกก็เลยไปโวยวายเอากับโซเฟีย
ว่า ทำไมของพวกเขาถึงกว่าตั้ง 30 หยวน โซเฟียก็บอกว่า เขาไม่รู้เรื่อง
เป็นเพียงผู้นำทางเท่านั้น ถ้ายูสงสัย ก็ต้องไปสอบถามกับบริษัททัวร์ที่จองมาเอง
ผมเดาเอาเองว่า ลักษณะการจัดทัวร์ คงเหมือนกับบ้านเรา
ที่แต่ละบริษัทก็ไปหาลูกทัวร์มาเอง ถ้ามีจำนวนไม่พอที่จะเปิดทัวร์เอง
ก็เอาไปร่วมกับคณะอื่น เพื่อให้จัดได้ แถมได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย
ส่วนค่าใช้จ่ายก็มาหารเฉลี่ยเอาตามจำนวนลูกทัวร์ของตัวเอง
นศ. อินเดียสองคนนั้น คงโชคไม่ดีไปเจอบริษัททัวร์ที่บวกค่าทัวร์เพิ่มเอาเองน่ะครับ
แล้วสุดท้ายแขกก็แพ้จีนครับ เพราะโซเฟียคงถือว่า เงินเข้ามือกรูแล้ว มรึงไม่พอใจ
ก็ไม่ต้องไปก็ได้ กรูไม่ง้อ แล้วก็ไม่คืนเงินให้ด้วย ถือว่า ลูกค้าไม่ประสงค์จะไปเที่ยวเอง
สองคนนั้นก็เลยรู้สึกแย่ตั้งแต่เริ่มเดินทางแล้วครับ
แล้วมันก็ค่อย ๆ เริ่มส่งผลกับพวกผมมาตลอดทริปเลยเหมือนกัน
เพราะพวกเขาจะเรียกร้องนู่นนี่นั่นตลอดเวลา
เหมือนกับจะให้คุ้มค่ากับเงินเสียไปอย่างนั้นแหละ

นั่งรถกันมาร่วมสองชั่วโมง ที่แรกที่พาไป คือ โรงงานผลิตหยก เป็นของรัฐบาลจีน
ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า ถ้ามาเที่ยวที่เมืองจีน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน
ถ้ามากับทัวร์ รัฐบาลจีนเขาบังคับไว้ในโปรแกรมว่า
บริษัททัวร์ต้องสอดแทรกพาคณะทัวร์ไปเยี่ยมชมโรงงานหรือแหล่งสินค้าหัตถกรรมฯ ท้องถิ่นตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ด้วย
ไม่งั้นจะโดนปรับและถูกยึดใบอนุญาตทำกิจการท่องเที่ยว แถมอาจติดคุกอีกด้วย
เพราะฉะนั้น พวกผมก็ต้องทำใจตั้งแต่แรกแล้วว่า นอกจากไปกำแพงเมืองจีนแล้ว
ก็ถูกแถมทัวร์โรงงานสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นพ่วงมาด้วย
ซึ่งพวกทัวร์เขาก็ได้ค่าน้ำชาจากโรงงาน ร้านค้า แบบบ้านเรานั่นแหละครับ

ผมเอารูปมาลงการเจียรนัยหยกให้ดูครับ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
จากคำบอกเล่าของไกด์ประจำโรงงาน เขาเล่าว่า หยกมีหลายประเภท
มีตั้งแต่ หยกขาว หยกเขียว หยกเหลือง ไปจนถึงหยกสีชมพู
เขาสอนวิธีดูหยกให้ด้วยว่า ถ้าเป็นหยกแท้ ให้ขูดกับกระจก จะไม่มีรอยขีดข่วนบนเนื้อหยก
แต่ถ้าเป็นกระจกหรือหินชนิดอื่น จะเห็นรอยขีดข่วนชัดเจน
นอกจากนี้ เขาก็บอกว่า ถ้าใส่หยกไปนาน ๆ หลายปีเข้า
เนื้อหยกจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีเข้มขึ้น ตามจำนวนปีที่ใส่
ก็เห็นน้องผมกับเพื่อน ๆ เขาก็ช่วยเลือกซื้อกันไปคนละชิ้นสองชิ้น
ส่วนผมกับคุณชายก็ได้แต่เดินตามสาว ๆ เขาแหละครับ มันไม่ใช่แนวพวกผม 555555

พอเดินชมโรงงานหยกเสร็จ ก็เดินทางต่อไปด่านมู่เทียนหยู
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นด่านที่สูงที่สุด ชันที่สุด และสวยที่สุด ในกระบวนด่านทั้งหมด
เพราะตั้งอยู่บนเชิงเขา บนกำแพงเปรียบเสมือนเมืองย่อม ๆ เมืองหนึ่งเลยครับ
เพราะเห็นมีป้อมที่พักนายทหารรักษาด่านตั้งอยู่บนกำแพงด้วย
น่าเสียดายที่วันที่ไปมีหมอกลงจัดมาก ทำให้ทัศนวิสัยแทบเป็นศูนย์
มองไม่เห็นอะไรเกินกว่า 10 เมตร เลยไม่สามารถถ่ายภาพแนวกำแพงสวย ๆ มาฝากได้
ก็เลยไปหาภาพสวย ๆ จากเว็บ Travel China Guide ซึ่งเป็นเว็บของรัฐบาลจีนมาลงให้ดูผสมกับของผมไปด้วยนะครับ

พอรถมาถึงด่าน ก็จอดให้ลงตรงลานจอดรถชั้นที่ 5 ซึ่งอยู่ชั้นล่างสุด
เพราะชั้นบนที่เหลือ มีรถจอดเต็มหมดแล้ว ก็ต้องเดินขึ้นเนินเขา
ไปอีกประมาณ 500 เมตรแหละครับ
ระหว่างทางก็มีชาวบ้านท้องถิ่นเอาของมาขายอยู่สองข้างทาง
ทั้งของกิน ของที่ระลึก แต่โซเฟียได้เตือนพวกเราตั้งแต่อยู่บนรถแล้วว่า
คนขายเป็นชาวบ้านที่ถูกทางการไล่ที่เอามาทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ทางการก็เลยต้องหางานอื่นให้ยังชีพแทน
ซึ่งก็คือ การขายของให้นักท่องเที่ยว ซึ่งเขาจะบวกราคาเพิ่มแบบหน้าเลือดมาก
แล้วถ้าต่อรองราคาแล้วไม่ซื้อ อาจมีการด่าเป็นภาษาจีนแบบสาดเสียเทเสียเป็นของแถม
เพราฉะนั้น ถ้าเลี่ยงได้ ก็ไม่ควรซื้อ พวกผมก็รับฟังไว้ ไม่คิดจะซื้ออะไรอยู่แล้ว

พอมาถึงที่ เห็นของจริงแล้ว มันก็ไม่ค่อยน่าซื้อสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นของที่ระลึก
จำพวก เสื้อยืด หมวกแบบคอมมิวนิสต์ เสื้อหนาว ผ้าพันคอ ฯลฯ
พวกของกินก็เป็นพวกผลไม้สด เช่น แอ๊ปเปิ้ล สตรอเบอรรี่ ฯลฯ
แล้วก็พวกผลไม้อบแห้ง เหมือนแถวดอยสารพัดแม่บ้านเราแหละครับ


ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เนื่องจากที่ด่านนี้ค่อนข้างชัน เขาก็มีทางเลือกให้สองทาง คือ
จะเดินขึ้นไป หรือจะนั่งกระเช้าขึ้นไปก็ได้ ที่ด่านนี้ เขามีสถานีกระเช้าอยู่ 2 ที่
มีบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐมาบริหารจัดการ 2 บริษัท
โซเฟียพาพวกเรามาซื้อบัตรขึ้นกระเช้าที่สถานีหนึ่ง ราคาคนละ 60 หยวน รวมไป-กลับ
ถ้าซื้อขาเดียว ต้องเสีย 40 หยวน ซึ่งขาลง เขามีทางเลือกให้ลงสองทาง
คือ จะนั่งกระเช้าลงมาเหมือนขาไปก็ได้ หรือจะลงเขาโดยรถเลื่อนหรือสไลเดอร์ก็ได้
พวกสาว ๆ เขากลัว เพราะมันทั้งสูง ทั้งหนาว ลมแรง ก็เลยขอลงทางกระเช้าเหมือนขาขึ้น
แต่ผมกับคุณชายอยากลองสไลเดอร์ ก็เลยลงมากันสองคน สนุกดีครับ
ทางลงรถเลื่อนเขาทำเป็นรางแสตนเลสไหลลดเลี้ยวลงมาตามความชันของภูเขา
มีก้านคันโยกให้เบรคหรือเร่งความเร็วให้ด้วย บางช่วงที่โค้งชันมากหน่อย
เขาก็จะมีเจ้าหน้าที่ยืนคุมเป็นช่วง ๆ แล้วก็มีเสียงตามสายบอกให้ชะลอความเร็วลง
เป็นระยะ ๆ ก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ
ตั้งแต่มาเที่ยวปักกิ่ง มีเรื่องนี้แหละครับ ที่ผมชอบเป็นพิเศษ 5555  :laugh:

ผมถ่ายรูปแผนผังของด่านมู่เทียนหยูมาให้ดูครับ จะเห็นว่า ค่อนข้างยาวร่วมสิบกิโลเลย ถ้าเดินไหวนะครับ 
ในภาพโซเฟียกำลังอธิบายให้พวกผมฟังว่า จะต้องเริ่มเดินจากตรงไหน ไปตรงไหนบ้าง มีอะไรน่าสนใจบนนั้นบ้าง
เพราะเธอจะไม่ขึ้นไปด้วย ปล่อยให้พวกผมได้ดื่มด่ำกับความยิ่งใหญ่ของด่านกันเอง
เธอนั่งรอพวกผมอยู่ที่ลานจอดรถชั้น 5 แล้วจะเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้ หลังเดินลงมา

พวกผมก็นั่งกระเช้าห้อยขาขึ้นไป อย่างที่เห็นในรูปนี่แหละครับ ทางขึ้นด่าน ถือว่า ค่อนข้างสูงมาก
เพราะเห็นเสากระเช้า เขาทำเป็นช่วงพักไว้ 3 ช่วง ชีวิตของเราแขวนไว้กับสลิงเส้นเดียวนี่แหละครับ
อากาศหนาวเหมือนอยู่บนดอย ลมแรงด้วย เวลาลมพัดมาที สายสลิงก็ไหวที เสียวดีพิลึกครับ

การนั่งกระเช้าแบบนี้ ต้องรู้วิธีขึ้นและนั่งให้เป็นด้วยนะครับ เพราะเขาจะไม่หยุดให้เรานั่ง
กระเช้ามันจะหมุนเลื่อนไปเรื่อย ๆ เราต้องเดินเข้าไปยืนตรงจุดที่เขากำหนดไว้
แล้วรอให้กระเช้ามันเลื่อนเข้ามาช้อนตัวเราขึ้นไปเอง
พอเรานั่งลงไปแล้ว ก็ต้องรีบดึงก้านล็อกด้านหน้าที่เห็นในรูปเป็นรูปตัวทีเข้ามาล็อกตัวเราไว้อย่างรวดเร็ว
แล้วก็นั่งห้อยขาต่องแต่งอย่างในรูปไปจนถึงยอดเขาเลยครับ ตรงก้านล็อกด้านหน้า จะมีที่วางเท้าเล็ก ๆ ไว้ให้ด้วย
ถ้านั่งคู่ มันก็จะถ่วงน้ำหนักสองข้างไว้ แต่ถ้านั่งเดี่ยว ต้องนั่งตรงกลาง เพื่อไม่ให้กระเช้าเอียง
ระหว่างทาง ผมมองลงไป วิวสวยมากครับ เห็นหมอกเสียดยอดไม้ เห็นลมพัดหมอกปลิว ได้อารมณ์อินดี้ไปอีกแบบ 55555

พวกผมใช้เวลานั่งกระเช้าขึ้นกำแพงกันประมาณ 10 นาที ก็ถึงบนกำแพง
พอขึ้นมาแล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปเดินชมและถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย
แต่นัดเวลากันไว้ว่า ให้มาเจอกันตรงสถานีกระเช้า อีก 1 ชั่วโมงให้หลัง 
อากาศบนกำแพงดีมากครับ ออกเย็น ๆ หน่อย แต่สดชื่น มีลมพัดมาเบา ๆ
ต้นไม้เขียวชะอุ่ม อย่างที่เห็นในภาพ ผมสูดโอโซนเสียเต็มปอด
ถึงจะมีหมอกลงจัด ฟ้าหลัว ไม่มีแดด แต่ทิวทัศน์บนกำแพงก็ยังสวยอยู่ดี
ผมเสียดายที่ฟ้าไม่เปิด ไม่งั้น คงได้เห็นภาพวิวสวย ๆ บนกำแพงเหมือนที่เห็นในหนังสือ
พวกผมก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศบนกำแพงกันเต็มที่ ส่วนใหญ่ก็สดชื่น
ยกเว้น ตอนที่เดินสำรวจห้องโถงในป้อมบนกำแพง ที่ได้กลิ่นปัสสาวะโชยมาเป็นระยะ ๆ
ก็ไม่รู้ว่า เป็นปัสสาวะของทหารรักษาด่าน หรือของนักท่องเที่ยวกันแน่ 5555555
เพราะบนนั้น มีห้องน้ำแค่ 2 ที่ แถมอยู่ห่างกันเป็นหลายกิโล ฟากซ้ายสุด กับฟากขวาสุด
ถ้าเดิน ๆ อยู่แล้วอยากจะยิงกระต่ายขึ้นมา ผู้ชายอาจหามุมลับตาคนปล่อยกระสุนได้
แต่ผู้หญิง คงหาที่เด็ดดอกไม้ยาก เพราะบนนั้นมันไม่มีห้องหับหรือมุมมิดชิดอะไรเลย
มีแต่ทางเดินโล่ง ๆ ตลอดแนวกำแพง

ลองดูในรูปที่ถ่ายมาและไปขอยืมเขาดูนะครับ



[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ผมนำรูปเปรียบเทียบมาให้ดูระหว่าง ภาพที่ผมไปเที่ยว กับภาพยามฟ้าใส



[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มีอีกครับ


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ตอนขาลง พวกผมนั่งสไลเดอร์ลงมา ซึ่งมีทางลงอีกทางหนึ่ง ใกล้กับสถานีกระเช้า

สถานีรถเลื่อน หรือ สไลเดอร์ จะเห็นว่า อาศัยแรงโน้มถ่วงโลกลงมาเพียงอย่างเดียว มีก้านคันโยกอันหนึ่ง เอาไว้เบรคและเลื่อนลงมา พอถึงช่วงโค้ง ก็ต้องอาศัยน้ำหนักตัวเราช่วยส่งกำลังเลี้ยวโค้งด้วย ก็เสียวดีไปอีกแบบครับ

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
หลังจากถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว ก็ได้รับประทานอาหารกลางวัน
ซึ่งโซเฟียเธอจัดไว้ที่ร้านอาหารตรงลานจอดรถที่ 5
อาหารรสชาติใช้ได้ครับ ดีกว่าที่เคยกินมา มีพริกเผาให้ด้วย แต่ก็ยังมัน ๆ เลี่ยน ๆ อยู่ดี
แต่ไม่รู้ว่า เป็นเพราะออกแรงเดินมากหรือเปล่า เลยรู้สึกเจริญอาหารกว่าปกติ
อาหารกลางวันนี้ รวมอยู่ในราคาทัวร์ด้วยนะครับ พวกผมเลยฟาดซะเต็มที่
โดยเฉพาะอินเดียสองคนนั้น แต่หนุ่มนอร์เวย์ พี่แกไม่กินเลย ไม่รู้ทนหิวได้ยังไง

เสร็จจากอาหารกลางวัน โซเฟียก็พาเราโรงงานผ้าไหม ชมกรรมวิธีการผลิตผ้าไหมจีน
ตั้งแต่เริ่มต้นคัดไหมดักแด้ ไปจนถึงสาวไหมออกมาเป็นเส้นไหม เพื่อนำมาทอผ้าไหม
เห็นจากการสาธิตแล้ว ผมสงสารพวกดักแด้มากเลยครับ เพราะเขาต้องฆ่าตัวอ่อน
เพื่อเอารังไหมมาทำเป็นเส้นไหม มันไม่มีโอกาสจะเติบโตเป็นแมลงเลย

จากนั้น ไกด์ประจำโรงงานก็พาพวกเราเดินชมสินค้าประเภทต่าง ๆ
มีทั้งผ้าตัดชุด ชุดเครื่องนอนครบเซ็ท ชุดออกงานต่าง ๆ
กระเป๋า รองเท้า และ Accessories อื่น ๆ อีกมากมาย
พวกผมก็ได้แต่เดินชมสำรวจสถานที่ไปตามโปรแกรมแหละครับ ซื้อไม่ลง
เมื่อนึกถึงที่มาของเส้นด้ายที่ใช้ทอไหม  :m15:

เขาก็มีชุดฉลองพระองค์ของฮ่องเต้และฮองเฮาแสดงไว้ให้ดูด้วย อย่างที่เห็นในรูปครับ



[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
จากนั้นโซเฟียก็พาเราไปนั่งชิมชาที่โรงงานชาของรัฐ
ก็มีเจ้าหน้าที่สาวมาเชิญให้พวกเราเข้าไปนั่งในห้องชงชาที่จัดไว้
แล้วก็มีคนมาสาธิตวิธีดื่มชาแล้วให้พวกเราลองชิมชาหลากหลายประเภทดู
จากนั้น ก็เป็นรายการขายของเหมือนที่อื่น ๆ แหละครับ
เห็นน้องสาวผมเสียเงินซื้อชาบำรุงสุขภาพมาหลายชุดเหมือนกัน
ผมไม่ได้เอารูปมาลงไว้ เพราะมันมีคนอื่นอยู่ในรูปด้วย
เดี๋ยวมีใครรู้จักแล้วเอาไปบอก พวกผมจะซวยเอา
เพราะเพื่อน ๆ น้องไม่มีใครรู้ว่า พวกผมเป็นแฟนกัน
คงคิดว่า พวกผมเป็นเพื่อนสนิทมาเที่ยวด้วยกัน ขออภัยด้วยนะครับ

จากนั้น โซเฟียก็พาเรามาที่สนามกีฬาโอลิมปิค ที่เป็นรังนกนั่นแหละครับ เป็นที่สุดท้าย
แต่ไม่ท้ายสุด เพราะใต้ตึกสเตเดี้ยมในนั้น มันมีร้านจำหน่ายไข่มุก
ซึ่งรวมถึงครีมไข่มุกพอกหน้าที่กำลังเป็นที่นิยมในบ้านเรารวมอยู่ด้วย
งานนี้ พวกสาว ๆ ช็อปกระจาย ทำยังกะของแถมงั้นแหละ ทั้งที่ราคาก็ไม่ถูกนะครับ
กระปุกหนึ่ง ประมาณ 50 กรัม ราคาตั้งพันกว่าแน่ะ แต่ถ้าซื้อ 2 แถม 1 หรือไงเนี่ยแหละ
ก็เลยเกิดการรวมตัวกันซื้อเฉพาะกิจของสาว ๆ ขึ้นมา
ผมเห็นคุณชายเขาไปเดิน ๆ ดูเหมือนกัน ท่าทางเหมือนสนใจ แต่ก็ไม่ซื้อ
แอบกระซิบถาม เขาบอกว่า อยากซื้อเหมือนกัน แต่กลัวเพื่อนน้องจะรู้
แล้วเขาคิดว่า เขาก็มาที่นี่บ่อย ค่อยมาซื้อทีหลังก็ได้
ส่วนผม ไม่เคยสนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้วครับ
ทุกวันนี้ก็อาศัยใช้ร่วมกับของคุณชายเขา เขาใช้อะไร ผมก็ใช้ด้วย ไม่มีก็ไม่ใช้
แล้วผมก็ไม่เห็นว่า มันจะมีอะไรน่าถ่ายรูป ก็เลยไม่ได้ถ่ายไว้นะครับ

ที่สุดท้าย ที่โซเฟียพามา คือ สถาบันแพทย์แผนจีน ที่อยู่ใต้ตึกนั้นเหมือนกัน
ห่างกันประมาณ 500 เมตรได้มั้ง ที่นี่แหละที่ผมสนใจ รอมาตลอดทริปนี้
โซเฟียพาพวกผมเข้าไปลองใช้บริการแช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพร
และนวดเท้าจากพนักงานนวด เป็นบริการฟรีนะครับ
เขาจัดให้พวกผมเข้าไปใช้บริการในห้อง ๆ หนึ่งที่มีเก้าอี้นอนแบบเก้าอี้นวดเท้าบ้านเรา
สักพักก็มีคนเอาถังน้ำใส่สมุนไพรจีนมาให้แช่เท้า ระหว่างที่แช่เท้าไป
เล่าซือแกก็เข้ามาบรรยายสรรพคุณสมุนไพรยาจีนต่าง ๆ ไป
เรียกว่า ไม่ให้เสียเวลาขายของกันเลย
เล่าซือคนที่มาบรรยายสรรพคุณสินค้า แกเคยมาเรียนที่เมืองไทย 3 ปี
เลยพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างดีมาก พวกเราก็แช่เท้ากันอยู่ประมาณ 15 นาที
จนเท้าใกล้จะเปื่อยแล้ว ก็มีพนักงานนวดเดินเรียงแถวกันเข้ามานั่งประจำที่แต่ละคน

ถ้าเป็นบ้านเรา พนักงานนวดส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงใช่มั้ยครับ แต่ที่นี่ ผู้ชายล้วนครับ
แถมแต่ละคนหุ่นยังกับนักกีฬา ผมก็สอบถามคนนวดเท้าของผมว่า
การเป็นพนักงานนวดที่นี่ ต้องเรียนอะไรมาบ้าง ใช้เวลานานมั้ย
เขาบอกว่า ทุกคนต้องจบปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ถึงจะมาทำงานนี้ได้
แล้วเขาก็ทำหน้าภาคภูมิใจมากนักนะครับ ผมก็อึ้งไปนิดนึง
ในใจคิดว่า อะไรวะ แค่เป็นพนักงานนวดที่นี่ ต้องใช้คนจบปริญญาตรีวิทยาศาสตร์เลยเหรอ

แล้วผมก็ถึงเข้าใจ ตอนเล่าซือแกอธิบายให้ฟังว่า
ที่แห่งนี้ เป็นสถาบันฟื้นฟูสภาพและเตรียมความพร้อมให้นักกีฬาของจีน
เพราะฉะนั้น พนักงานของที่นี่ จึงต้องมีความรู้ ความเข้าใจในหลักการยศาสตร์
(Ergonomics) และโครงสร้างร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างดี
ก็คงเหมือน PT ตามฟิตเนสบ้านเรามั้งครับ แต่ผมว่า อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ
ดูเป็นอาชีพมีเกียรติ มีหน้ามีตาไม่น้อยทีเดียวในเมืองจีน
พวกเขาก็นวดเท้าพวกผมไป ขายของไป จนพวกผมเคลิ้มเลยล่ะครับ

นอกจากพนักงานนวดแล้ว ก็จะมีซินแส แบบหมอแมะบ้านเรา
เข้ามาตรวจดูฝ่ามือ ฝ่าเท้าของเรา
เพื่อตรวจดูว่าสุขภาพโดยรวมและอวัยวะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง
ที่พวกเขาต้องการขายคือ ครีมบัวหิมะ สมุนไพรแช่เท้า และยาบำรุงสุขภาพมากกว่า
ซึ่งก็ได้ผล เพราะพวกผมซื้อกันไปหลายอย่างทีเดียว
ขนาดเงินหยวนไม่พอ พี่แกยังให้รูดบัตรได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
ถ้าไม่สะดวกรูดบัตร ก็จ่ายเป็นเงินบาทไทยก็ได้ พี่แกรับหมดทุกสกุลเลยครับ เอากะพี่แกสิ
แถมยังบอกด้วยว่า ถ้าต้องการสั่งของเพิ่ม ก็ให้ติดต่อมาตามนามบัตรที่ให้ไป ค่าจัดส่งฟรี
เพราะรัฐบาลจีนช่วยจ่ายให้ เพื่อต้องการส่งเสริมสมุนไพรจีนให้คนรู้จักกว้างไกลไปทั่วโลก
สั่งมากน้อยแค่ไหนก็ได้ ไม่เสียค่าจัดส่ง รับส่งให้ทั่วโลก

ของผมนี่ ซินแสแกมาแมะมือผมทีเดียว เล่นเอาผมหมดไปเกือบสองหมื่น
เพราะแกบอกว่า ช่วงนี้ เลือดลมผมเดินไม่ดี ไตอาจมีปัญหา
ให้ทานถั่งเฉ้าติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน แล้วจะดีขึ้น
แกโฆษณาว่า ถั่งเฉ้าของที่นี่ เป็นของแท้เพียวๆ  ไม่มีอย่างอื่นปน
มีใบรับประกันคุณภาพเรียบร้อย เพราะเป็นของรัฐบาลจีน
ผมก็ลองซื้อมากินดูหน่อยครับ ตอนนี้ก็กินมาได้เดือนนึงแล้ว
ก็รู้สึกเหมือนกันว่า จากที่อ่อนเพลียง่าย หลัง ๆ นี้ นอนหลับสบายขึ้น
ปัสสาวะบ่อยและใสขึ้นด้วยครับ ของแบบนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นิ 55555
 :laugh:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
หลังจากจบทัวร์นวดเท้าแล้ว โซเฟียก็พาพวกผมมาส่งที่ที่พักตอนหกโมงเย็น
พวกผมก็จ่ายทิปให้เธอกับคนขับรถไปตามประเพณี
มื้อเย็นนี้ พวกผมก็กินกับข้าวฝืมือคุณชายเขาส่งท้ายทริปนี้
เพราะสาว ๆ เขาอยากจะออกไปซื้อของติดไม้ติดมือกลับบ้าน
แล้วค่อยกลับมาจัดกระเป๋า เพราะพรุ่งนี้ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่มืด

ส่วนพวกผม ขออาสาเฝ้าห้องครับ หุหุหุ  :z1:
โอกาสดีอย่างนี้ หาไม่มีอีกแล้ว อุตส่าห์มาปักกิ่งทั้งที จะไม่ให้ถึงปักกิ่งได้ยังไงกันครับ จริงมั้ย?  :impress2:
หลายวันที่ผ่านมา พวกผมก็เกรงใจน้อง ๆ เพราะไม่แน่ใจว่า ผนังห้องมันจะเก็บเสียงได้ดีแค่ไหน
เพราะขนาดคุยกันนอกห้อง ยังลอดเข้ามาถึงข้างในเลย
ผมก็พยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์ ภายนอกก็ทำเฉย ๆ
แต่ในใจนึกแต่ว่า เมื่อไหร่พวกเอ็งจะไปกันสักทีวะ
พวกข้าฯ จะได้เป็นส่วนตัวกันมั่ง
สุดท้าย พอพวกน้อง ๆ ออกจากห้องไปได้สักพัก พวกผมก็    :oo1: นะ
สุดท้ายก็ได้มาถึงปักกิ่งสมใจ  :haun4: 555555

เช้าวันสุดท้าย พวกผมตื่นกันตั้งแต่ตีสาม เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
ถ้าเป็นบ้านเรา ตี 3 ตี 4 นี่ ยังมืดอยู่เลยใช่มั้ยครับ แต่บ้านเขามันเริ่มสว่างเห็นแสงรำไรแล้ว
ตี 5 นี่ ฟ้าแจ้งกระจ่างสดใสมาก ทีอีตอนอยู่ที่นี่ ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกทุกวัน
แต่พอจะกลับ ดันฟ้าสว่างสดใส แสงแดดจ้ามาเชียว หึ มันน่านัก  :m16:

พวกผมลงมาเช็คเอ้าท์แล้วก็ให้ ดอร์แมน ช่วยเรียกแท็กซี่ให้
ดอร์แมนที่นี่ หน้าตาดีไม่เลยทีเดียว เทียบกับคนอื่น ๆ ที่เห็นมา
ถือว่า หล่อใช้ได้ น้องสาวผมเลยเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย
การเดินทางก็สะดวกราบรื่นทุกอย่างครับ กลับมาถึงกรุงเทพฯ ตอนประมาณ 11 โมง
ก็มีการถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกัน จากนั้น แยกย้ายกันกลับบ้าน บ้านใครบ้านมัน

ผมขอจบบันทึกการเดินทางไปปักกิ่งแต่เพียงเท่านี้นะครับ
โอกาสหน้า ถ้ามีโอกาสได้ไปที่ไหนอีก จะมาเล่าให้ฟังอีกครับ ถ้ายังไม่เบื่อกันเสียก่อน
เห็นทริปหน้า คุณชายเขาอยากไปเชียงคาน ช่วงปลายปีนี้
ตอนนี้กำลังขมักเขม้นหาข้อมูลท่องเที่ยวอยู่
ถ้าใครเคยไปมาแล้ว รบกวนช่วยแบ่งปันเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเขียนอะไรยาว ๆ ขนาดนี้
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ
ขอบคุณมาก และ สวัสดีครับ
 :pig4:   :bye2:

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ขอบคุณมากนะ ปุ้ม สำหรับทริปนี้
ถ้าจะไปเชียงคานขอแนะนำที่พักนะ เป็นบ้านหลังกว้าง แบบเก่า พักได้หลายคน เป็นบ้านคนรู้จักกัน มีโอกาสก็จะไปพักที่นี่เหมือนกัน

http://www.chiangkhan.com/forum/topics/2066709:Topic:248595


ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ขอบคุณนะครับ เนะ
แล้วผมจะให้คุณชายเขาลองติดต่อไปดูครับ

อันที่จริง เรื่องท่องเที่ยวเนี่ย คุณชายเขาจะถนัดกว่าผม
ยกเว้นไปเที่ยวเมืองจีน เพราะเขาพูดภาษาจีนไม่ได้ 55555  :laugh:
ถ้าเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษหรือเยอรมัน
เขาจะคล่องมากกว่าผม เพราะไปมาเกือบทั่วโลกแล้ว

ผมจะเข้ามาบอกว่า ช่วงนี้ผมจะยุ่งมาก
เพราะกำลังถ่ายโอนงานให้คนใหม่ ที่จะเข้ามารับหน้าที่แทนผม
แถมยังต้องเตรียมทำประมาณการณ์และงบประมาณปีหน้าอีก
อาจจะไม่ได้เข้ามาบ่อย ๆ นะครับ

ช่วงนี้ สังเกตุว่า พิษเศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มส่งผลกระทบลามเข้ามาในแถบเอเชียแล้ว
จากรายงานล่าสุดที่ได้รับมา บ่งบอกว่า จีนเองก็เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว
เพราะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
ถ้ายักษ์ใหญ่เอเชียอย่างจีน เริ่มติดเชื้อ มันก็จะลุกลามไปยังประเทศอื่นในเอเชีย
อย่างรวดเร็วและอาจรุนแรงกว่า หากรากฐานเศรษฐกิจของประเทศนั้นไม่แข็งแกร่ง

บ้านเราอาจจะโชคดีอยู่บ้าง ที่นโยบายการค้าและเศรษฐกิจของเราค่อนข้างดี
แม้จะมีวิบากกรรมเรื่องปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมาสั่นคลอนบ้าง
แต่ในภาพรวมแล้ว ถือว่า เป็นประเทศหนึ่งที่ฐานเศรษฐกิจยังมั่นคงพอสมควร
เมื่อเทียบกับ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและเวียดนาม ที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น
เช่น ที่เวียดนาม เงินเฟ้อพุ่งสูงกว่า 12% ประเทศอื่นก็พอกัน
ส่วนของไทย ตอนนี้อยู่ที่ 4% ก็นับว่าสูง แต่ยังอยู่ในความคาดหมายของ ธปท.

ถึงแม้เศรษฐกิจภาคครัวเรือนหรือจุลภาค จะมีแนวโน้มเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
เศรษฐกิจมีการชะลอตัวลง แต่ฐานเศรษฐกิจของไทยเรายังค่อนข้างมั่นคง
นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้ผูกติดกับภูมิภาคใด ภูมิภาคหนึ่ง เลยทำให้พอประคองตัวอยู่ได้

แต่อย่างไรก็ดี ถ้าบริษัทแม่มีปัญหา ย่อมส่งผลกระทบลุกลามไปสู่บริษัทลูกในเครือได้
เพราะฉะนั้น ใครที่ทำงานอยู่บริษัทข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทแม่อยู่ในยุโรป
กรุณาเตรียมตัวรับอาฟเตอร์ช็อคเอาไว้ดี ๆ นะครับ
มันอาจจะไม่ร้ายแรงเท่าปี 2538 ที่เจอพิษต้มยำกุ้งกันซะป่วยไปครึ่งโลก แต่อาจซึมยาว เพราะอียูเป็นลูกค้าสำคัญของเรา ถ้าลูกค้าไม่มีเงินซื้อของ มีหนี้สินรุงรัง
แล้วเราจะไปขายใครล่ะครับ

แต่ในบางบริษัท อาจมีการ lay-off พนักงาน เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนใหญ่ขององค์กร
ฉะนั้น ใครที่เคยทำงานสบาย ๆ ชิลด์ ๆ กรุณา "ตื่น" ได้แล้วครับ

ส่วนใครที่กำลังคิดจะเปลี่ยนงาน ถ้าท่านไม่ใช่คีย์แมนคนสำคัญหรือผู้บริหารล่ะก็
กรุณารักษาฐานที่มั่นในปัจจุบันให้ดีเถอะครับ
เพราะมันจะมีแต่ลดคน ขณะที่งานเท่าเดิม หรือมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่

ขอให้ทุกท่านอยู่ดีมีสุข สุขกาย สบายใจ ทุกท่านนะครับ
 :bye2:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
หายไปไหนกันหมดเนี่ย
ส่งเสียงให้กำลังใจกันหน่อยคร้าบบบบ

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
หนูยังอยู่ หนูยังไม่ตายยยยย

เป็นกำลังใจให้พี่ๆผู้สู้ชีวิตต้องทำงานหนักนะคะ  :กอด1:

ที่ทำแบบนี้หวังผลนะเนี่ย(ล้อเล่น5555)

ส้มก็งานเยอะ  เรื่องรอบตัวเยอะ  ชีวิตช่วงนี้ก็เยอะๆเหมือนกันค่ะ  :เฮ้อ:

อยากจะประกาศขายร้านมันซะตรงนี้ ฮ่าๆๆๆ

คิดถึงพี่ๆทุกคนนะคะ  :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
งานยุ่งมากมาย คงเสร็จกลางเดือนนี้หล่ะ ได้ว่างมาคุยด้วย คิดถึงทุกคน ^^

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
 :กอด1: รอบทู้ครับ คิดถึงทุกคนจังเลย
ช่วงนี้ ผมยุ่งเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2556 และทำประมาณการของปลายปีนี้ไปพร้อมกันด้วย
แถมยังต้องถ่ายโอนงานให้คนใหม่อีก เลยเหนื่อยหนักเป็นทวีคูณ
แต่ก็ยังคิดถึง เพื่อนพ้องน้องพี่ทุกคนนะครับ

ส้ม.....รู้สึกช่วงนี้ แต่ละคนมีปัญหายุ่ง ๆ กับชีวิตกันทั้งนั้นเลย
สู้ ๆ นะครับ พี่ขอเอาใจช่วย  :mc4:  :ped149:

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
 :กอด1: พี่ปุ้ม พี่เนะ

ช่ายเลย ชีวิตมีแต่เรื่องวุ่นวายค่าาา

กำลังคิดว่าถ้ามีเวลาเยอะๆๆๆๆๆ จะไปบวชซักเดือน

จะได้เป็นกุศลแก่ตัวเองหน่อย ตอนนี้ชีวิตวุ่นวายเกินไปแล้วเน้อออ

วันนี้ก็เมารถอีก ไม่ได้เมามาสักสิบปีได้ แต่มาตกม้าตายเอาวันนี้  :really2:

พี่ส้มบอกว่า มันเป็นอาการที่บ่งบอกว่าร่างการเราอ่อนแอแล้ว เง้ออออ

เป็นกำลังให้พี่ปุ้มกับพี่เนะค้าบ สู้ๆ  :ped149:

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ส้ม  ขอบใจ พี่แค่งานยุ่งชุลมุนเท่านั้น มีมาต่อเนื่องยังไม่ทันได้พัก งานใหม่ก็เข้ามาอีก ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.
      จะว่าไปที่จริงงานมากและต่อเนื่องมาตั้งแต่ ต้นปีงบประมาณนี้แล้ว เจอเปลี่ยนหัวหน้าใหม่อีก
      กว่าจะปรับตัว ปรับงาน เลยต้องรับเต็ม ๆ
      ช่วงนี้ไม่ได้ไหว้พระสวดมนต์กรวดน้ำเลยใช่ปะ ต้องพยายามทำนะ ให้ใจเรานิ่งสงบ จะได้มีสติ
      พร้อมรับมือกับปัญหารอบ ๆ ตัวเราได้  ไม่อย่างนั้นคนที่จะแย่คือ ตัวเราเอง  ต้องใช้เวลาในการทำ ไม่ใช่ทำวันนี้พรุ่งนี้เห็นผล
      แต่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่บางทีเราอาจจะไม่รู้ตัว จนเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะนึงแล้วมองย้อนไป จะรู้เอง
      แล้วจะเข้าใจคำว่า สุขกาย สุขใจ พี่ขอเป็นกำลังใจให้ส้มผ่านช่วงเวลานี้ให้ได้  :a9:   
 
ปุ้ม  ส่งกำลังใจให้ ดีนะ ที่ได้ไปพักผ่อนบ้าง ไม่งั้นคงเหนื่อยมากกว่านี้


Classical

  • บุคคลทั่วไป
แวะเข้ามาส่อง พอดีเห็นชื่อเนะ แวปๆ

จุ๊ฟๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด