สวัสดีตอนบ่ายครับ ทุก ๆ คน ก่อนอื่นต้องกอดทุกคนรอบทู้ก่อน

หลังจากที่นอนหลับเต็มอิ่ม ตื่นมาสายโด่ง จนคุณชายต้องขึ้นมาปลุกให้ลงไปกินข้าว (Brunch) ด้วยกัน
ผมรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากเลยล่ะ อยากให้มันเป็นอย่างนี้ทุกวันจังเลย

ตามที่สัญญาไว้ว่า จะมาเล่าเรื่องไปเที่ยวปักกิ่งให้ฟัง ผมจะเริ่มเล่าตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ เลยนะครับ
มันมีเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เผื่อว่าใครกำลังจะเดินทาง จะได้รู้ไว้
ด้วยความที่น้องผมเขามีงานเยอะ ไม่สามารถลางานติดต่อกันได้หลายวัน ซึ่งรวมถึงผมด้วย อิอิ
พวกผมก็เลยตัดสินใจออกเดินทางกันตอนกลางคืน แทนที่จะเดินทางกลางวัน ด้วยเหตุผลว่า
1) ประหยัดเวลา ไปถึงที่จะได้ออกเที่ยวเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปอีกครึ่งค่อนวัน
2) ประหยัดค่าที่พัก เพราะนอนกันมาบนเครื่องบิน
3) ประหยัดค่าเครื่องบิน เพราะเที่ยวสุดท้ายตอนกลางคืน ราคาตั๋วจะถูกเป็นพิเศษ เพราะไม่ต้องเสิร์ฟอาหารชุดใหญ่
แต่การจะหาสายการบินได้ลงตัวกันทุกคนเนี่ย เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก เพราะแต่ละคนก็มีข้อจำกัดกันไปคนละอย่าง
ตอนแรกก็เลยจะไปสายการบินศรีลังกาแทน เพราะราคาถูกมาก แถมตารางบินก็โอเคสุดแล้ว
เที่ยวแรกออกเดินทางกันแต่เช้ามืด 6 โมงเช้า ไปถึงปักกิ่งประมาณ 11 โมง ทำให้มีเวลาเที่ยวได้อีกครึ่งวัน
แต่ติดตรงที่บริษัททัวร์ส่วนใหญ่ก็นิยมเลือกใช้บริการสายการบินนี้เช่นเดียวกัน
แถมมีรายการล็อคที่นั่งไว้เผื่อลูกทัวร์ตัวเองอีก ขนาดจองล่วงหน้าเป็นเดือนสองเดือน ที่นั่งยังเต็ม
แต่พอใกล้ ๆ ถึงวันเดินทาง ก่อนวันเดินทางสัก 7-10 วัน มาดูอีกที ดันมีที่นั่งเหลือ
เพราะบริษัทัวร์เขาต้องยืนยันจำนวนที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน
พอถึงกำหนด รู้จำนวนที่นั่งเหลือแน่นอน สายการบินเขาจึงจะปล่อยที่นั่งที่เหลือมาขายให้ผู้โดยสารทั่วไป
อีกอย่าง คุณชายเขาได้สิทธิ์ตั๋วฟรี เสียแต่ค่าอาหาร 1,600 บาท ส่วนคนอื่นที่เหลือต้องจ่ายค่าตั๋วกันเต็มราคา
เวลาก็ไม่ค่อยลงตัวกัน แต่อยากหนีงานไปเที่ยวกันทุกคน 55555

สุดท้ายก็เลยสรุปกันที่ สายการบินแห่งชาติสาระขัณฑ์ ที่เพิ่งจะมีคำสั่งปลดฟ้าผ่า DD ออกไปสด ๆ ร้อน ๆ
เพราะดันไปขวางทางพวกกรรมการบอร์ดที่เขาจะกินค่าคอมมิชชั่นในการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินฝูงใหม่อีก 30 กว่าลำ
ด้วยความที่แกเป็นนักบริหารมืออาชีพ ไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ มันก็เลยไม่ถูกใจกาฝาก แร้งทึ้งพวกนี้
เขาสั่งให้ทำอะไร แกก็ไม่ยอมทำ ไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดให้ ไม่ยอมโอนอ่อนกินตามน้ำไปกับเขา
เพราะสุดท้ายคนที่จะซวยถึงขั้นติดคุก คือ DD ไม่ใช่บอร์ดที่ส่วนใหญ่ได้รับแต่งตั้งมาเพราะตำแหน่งหน้าที่ทางราชการทั้งนั้น เช่น จาก ทอ. กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ ฯลฯ แถมมีเด็กเส้นจากสายการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวอีก
สุดท้ายแกเลยโดนข้อหาว่า ไม่สื่อสารกับบอร์ด ทั้งที่ผลงานแกผ่านเกณฑ์มาตรฐานทุกอย่างนะครับ
แล้วแบบนี้ บ้านเมืองเราจะเจริญก้าวหน้าได้ยังไง ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยังไม่ลดละเรื่องโกงกินเชิงนโยบายกันอยู่แบบนี้
ผมไม่พูดถึงว่า ต้องให้เลิกมีทุจริตนะครับ ซึ่งต่อให้กลับชาติมาเกิดอีกสิบชาติ ก็เป็นไปไม่ได้
ขอแค่อย่ากินมูมมาม ตะกละตะกรามมากนักก็พอใจแล้ว
ผมให้ทายว่า ค่าคอมมิชชั่นที่จ่ายถูกต้องตามกฎหมาย เขาอนุญาตให้จ่ายได้กี่เปอร์เซ็น?
แถ่น แทน แท๊น 3% ครับ นี่เฉพาะที่จ่ายตามกฎหมายนะครับ ไม่รวมที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะอีกต่างหาก
ลองคำนวณดูนะครับ เครื่องบินลำหนึ่ง ราคาประมาณ 3-5
พันล้านบาท
3% เป็นเงินเท่าไหร่ ถ้ารวมกับเงินใต้โต๊ะที่จ่ายจริงอีกประมาณ 5-10% จะเป็นเงินเท่าไหร่
เพราะเหตุนี้ บอร์ดกี่คณะที่เข้ามาบริหารสายการบินแห่งนี้ ถึงได้กระสันต์อยากจะจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินใหม่กันนัก
แล้วก็หาเรื่องจำหน่ายเครื่องบินเก่าออกไป เพราะเครื่องบินเก่าก็ขายทอดตลาดไปให้ประเทศกำลังพัฒนาอื่นได้
เรียกว่า กินทั้งสองทาง อีตอนจะซืัอมา ก็บรรยายสรรพคุณเครื่องบินใหม่เสียดีเลิศ หาที่ติไม่ได้
แต่พอจะซื้อฝูงใหม่ ไอ้ฝูงที่มีอยู่เนี่ย แม่งเลวหาที่ดีไม่ได้เช่นเดียวกัน
เหมือนตอนซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์เลยครับ 555555
ตอนไปซื้อ คนขายก็จะบอกว่า รถรุ่นนี้ สมรรถนะยอดเยี่ยมต่าง ๆ นา ๆ
แต่พอเอารถคันเดียวกันไปขาย เต้นท์ขายรถแม่งติหาที่ดีไม่ได้
จนคนขายจิตตก พลอยระแวงเกิดอคติกับรถไปเลยก็มี
เอ! ว่าจะเล่าปักกิ่ง ไหงวกมาที่เรื่อง DD ได้หว่า????
ถ้ายังไงก็ขออภัยด้วย
บอกแล้วว่า ผมไม่ใช่นักเล่าเรื่องที่ดี ผมก็เล่าตามใจผมแล้วกันนะครับ
ถือซะว่า เล่าสู่กันฟัง