รู้สึกเหมือนตัวเองแปลกแยกยังไงไม่รู้แฮะ พอพูดถึงเรื่องการเขียนไดอารี่
เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยชอบเขียนเรื่องราวอะไรลงในสมุด
ถ้ามีเรื่องประทับใจ ผมจะเก็บมันไว้ในความทรงจำ
แน่นอนหลายคนอาจคิดว่า ถ้าไม่เขียนไว้ เดี๋ยวมันก็ลืม แต่ผมกลับคิดว่า
ถ้ามันเป็นเรื่องที่ประทับใจเราจริง ๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน
เราก็ต้องจำมันได้อยู่ดี อีกอย่าง เมื่อเวลาเปลี่ยนไป คนก็เปลี่ยนแปลง
การที่เราคิดหรือทำอย่างหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่า เราจะคิดหรือทำอย่างนั้นตลอดไป
เวลาที่ย้อนกลับมาอ่าน เราอาจเห็นทั้งข้อดีและข้อผิดพลาดอยู่ในนั้น
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีครับ ทำให้เรารู้จ้กย้อนมองดูตัวเองและแก้ไขไม่ให้ทำผิดพลาดแบบนั้นอีก
เพียงแต่โดยนิสัยผม ผมจะเป็นคนชอบเรียนรู้จากอดีต อยู่กับปัจจุบัน และมองไปในอนาคต
เพราะฉะนั้น ผมก็เลยไม่ค่อยยึดติดกับอดีตสักเท่าไหร่ แฟนผมก็คิดแบบเดียวกัน
มันถึงทำให้เราอยู่กันได้ 5555
ผมยังจำได้ว่า ตอนที่เราอยู่ด้วยกันแล้ว ผมถามเขาว่า ทำไมถึงมาชอบผม?
ทั้งที่เขาก็มีผู้หญิงสาวสวยเสนอตัวมาให้เลือกมากมาย
เขามองหน้าผม แล้วก็หัวเราะหึ หึ ในลำคอ แล้วบอกว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปกรรม"
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ จบ
ส่วนเรื่องนอนหนุนตักกันนี่ ขอบอกว่า อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี เราไม่เคยทำยังงั้นกันเลยครับ

ไม่รู้สิ คือ รู้สึกว่า มันเขินและประดักประเดิดที่จะทำแบบนั้นกันน่ะครับ ไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วอย่างนึงล่ะ
ถึงอยู่กันสองคนก็เถอะ นึกถึงว่า ผู้ชายตัวโต ๆ สองคนมานอนหนุนตักสวีทกัน แค่คิดก็ผะอืดผะอมแล้วครับ
ขอโทษนะครับที่พูดแบบนี้ อาจจะไปกระทบใครเข้า แต่อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเราสองคนเท่านั้นครับ
ไม่ได้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสม แล้วแต่ความชอบของแต่ละคู่ครับ คู่ใครคู่มัน
สำหรับเรา ถ้าจะแสดงความรักใคร่ห่วงหาอาทรกัน ส่วนใหญ่เราจะใช้สายตาสื่อความหมายกันมากกว่าครับ
แบบว่า ต่อให้อยู่ห่างกันแค่ไหน แต่อีกฝ่ายจะอยู่ในสายตาเสมอ ประมาณนั้นแหละครับ
ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาเป็นคำพูด แต่เราจะแสดงออกด้วยการกระทำแทน
แฟนผมเขาเคยบอกผมว่า "Action lounder than words"
คำพูดนั้น เราจะเสกสรรปั้นแต่งให้สวยหรูดูดียังไงก็ได้
แต่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราไม่ทำตามคำพูด
ถ้าจะมีที่ใกล้เคียงก็คือ เวลาที่ผมหรือเขานอนหลับ เราจะนั่งอยู่ข้าง ๆ
เฝ้ามองดูอีกฝ่ายหลับอย่างเป็นสุขเงียบ ๆ น่ะครับ
อาจมีแอบจับมือกันบ้าง แอบลูบหน้า ลูบผมกันบ้าง เพื่อให้รู้ว่า ยังมีอีกฝ่ายอยู่ด้วย ก็แค่นั้น
ในการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็มีบางเวลาที่เบื่อหน้ากันเหมือนกันครับ บ่อยด้วย
แต่พวกผมก็มีวิธีแก้เบื่อกันครับ คือ เวลาเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ กันขึ้นมา
บางทีเราก็ไปเที่ยวอาบอบนวด (ผู้หญิง) กันสองคน ต่างคนต่างเลือกขึ้นไป
เสร็จแล้วก็กลับบ้านกัน จากนั้น ก็......

ส่วนเรื่องสถานที่ที่อยากไป อาจเป็นเพราะพวกเรามีโอกาสได้เดินทางกันบ่อย
ไอ้ที่อยากไปก็ได้ไปกันมาแล้ว ก็เลยไม่ได้มีสถานที่พิเศษอะไร
ที่ไหนก็ได้ ถ้ามีเราสองคน

@ คิง ยังไง ก็ดูไปก่อนดีกว่าครับ อย่าเพิ่งรีบร้อน ด่วนสรุป ว่าใช่ หรือไม่ใช่
ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรู้สึกที่มีต่อกันดีกว่าครับ ยิ่งถ้าคิงยังฝังใจกับโจอยู่แบบนี้
คิงอาจจะเผลอนำตี๋ไปเปรียบเทียบกับโจโดยไม่รู้ตัว แล้วมันจะไม่แฟร์สำหรับตี๋เขาน่ะครับ
ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า
ป.ล. ที่ฝันถึงอ้นนี่ อย่าลืมมาอะไรมาเซ่นสรวงบวงไหว้ พี่เนะกับพี่ด้วยนะครับ
เราสองคนตกลงจับมือกันตั้งด่านเก็บค่าผ่านทางให้อ้นน่ะครับ วะฮ่า ๆๆ

@ น้องที พี่ขออนุญาตไจฟ์กอดน้องทีแรง ๆ สักทีนะครับ

เด็กอะไร ความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่เกินตัว นับวันจะยิ่งเป็นขวัญใจพี่ป้าน้าอาในนี้ขึ้นทุกวัน
วันไหนไม่มานี่ มีแต่คนบ่นถึง 5555 ส่วนหนึ่ง ต้องยกความดีให้ไจฟ์ด้วยมั้งครับ ที่คอยดูแลน้องเขาอย่างดี
ไม่ชิงสุกก่อนห่าม เอ๊ะ หรือจะรอจนบ่มได้ที่ก่อน ตอนอายุ 18 5555

@ กอดรอบทู้ให้กับทุก ๆ คนครับ
