Guy Chapter 23
บ่ายวันอาทิตย์ กายนั่งหัวสั่นหัวคลอนอยู่ในรถที่กำลังตะบึงไปตามถนนขรุขระ คนขับอารมณ์ดีขับรถไปฮัมเพลงไป สลับกับการหัวเราะอย่าง 'สะใจ'
“คุณคเชนทร์ เบาๆ หน่อยสิครับ เจ็บก้น” กายบ่น
“ไปทำอะไรมาหรือ” คเชนทร์ถาม
“ทำอะไรหรือครับ” กายเลิกคิ้ว ถามคเชนทร์กลับเพราะต้องการความชัดเจนจากคำถามกำกวมของคเชนทร์
“อยู่เฉยๆ ก็มาบ่นเจ็บก้น ผมก็เลยถามว่าไปทำอะไรมา”
“เป็นริดสีดวงครับ” กายตอบเสียงเข้ม
“อ้าว แล้วทำไม่บอก” คเชนทร์อุทาน สีหน้าตกใจ “นี่สงสัยเจ็บจนไม่ได้นอน ขอบตาคล้ำเหมือนคนอดนอน คงเจ็บมากใช่ไหมครับ คุณก็นั่งนิ่งอยู่ได้ ถ้าก้นเจ็บก็น่าจะบอกผมตั้งแต่แรก ผมจะได้ไม่กระแทกกระทั้น”
“ไม่ได้เป็นหรอกครับ แค่พูดประชด ก็คุณเล่นขับรถไม่หลบหลุมเลย นี่นะแข่งแรลลี่ ผมว่าแข่ง Dhaka cross country น่าจะถูกกว่า” กายบ่นให้คเชนทร์ แล้วบ่นต่อในใจ
...จุกต่างหาก กว่าจะได้นอนก็ดึก พอเข้านอนแล้วก็ใช่ว่าจะหลับได้ง่าย...
“คุณคิดว่าผมชวนมาแข่งแรลลี่เก็บ RC ตามข้างถนนไฮเวย์แบบพวกมือสมัครเล่นงั้นหรือ” คเชนทร์หันมาพูดแล้วเปลี่ยนเกียร์เร่งความเร็วมากกว่าเดิม
...แบบนี้น่าจะให้วรุจน์มานั่งเป็นนาวิเกเตอร์ให้ ขับรถบ้าเลือดและหวาดเสียวพอๆ กัน...
“ซ้ายหรือขวากาย รีบบอกเร็วเข้า” คเชนทร์ถามเมื่อเห็นทางแยกข้างหน้า
“ซ้ายครับ” กายตอบทันที
“แน่ใจนะ” คเชนทร์ถาม
“แน่ใจสิครับ ผมเป็นนาวิเกเตอร์ไม่ใช่หรือ” กายตอบเสียงเข้ม
“ก็เห็นคุณตอบเลย ไม่ดูแผนที่” คเชนทร์แย้ง
“ผมดูแล้ว ตั้งแต่แยกโน้น” กายตอบ
“แน่ใจนะ ถ้าเลี้ยวผิดมีสิทธิ์แพ้นะจะบอกให้ งานนี้ผมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ไหนคุณบอกว่าแข่งกันเล่นสนุกๆ นี่สู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย” กายบ่น
“พอสตาร์ทรถแล้วมันต้องชนะเท่านั้น” คเชนทร์หัวเราะ “คุณไม่ได้ขับเอง คุณไม่รู้หรอกว่ามันส์ขนาดไหน”
“มันส์ไม่มันส์ไม่รู้ รู้แต่ว่าผมมึน” กายกระแทกเสียง และยกมือซ้ายขึ้นจับโครงเหล็กข้างรถเอาไว้ให้มั่นเพราะคเชนทร์กำลังจะหักพวงมาลัยเลี้ยว”
“ซ้ายยย...” กายตะโกนเมื่อคนขับหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา
“อ้าว” คเชนทร์อุทาน
“ผมบอกว่าซ้าย” กายลดเสียงลงแต่ก็ยังดังอยู่ “ซ้าย ซ้าย ซ้าย left left left”
“แปลให้ด้วยเลยหรือ” คเชนทร์หัวเราะแล้วพุ่งรถไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่ จากนั้นใช้มือซ้ายดึงเบรกมือแล้วหมุนพวงมาลัยอย่างแรง เหวี่ยงท้ายรถไปทิศทางตรงขามเพื่อกลับรถ
“โอยยย คุณกลับรถแบบนี้เลยหรือ” กายตะโกน แทบจะกลั้นหายใจ
“เห็นแต่ในหนังฮอลลีวู้ด เป็นไงล่ะ เจอของจริง อึ้ง ทึ่ง เสียงเลยใช่ไหมคุณกาย” คเชนทร์หัวเราะเสียงดังพร้อมดันคันเกียร์เพื่อส่งกำลังให้รถทะยานไปยังข้างหน้า
“ซ้ายนะกาย” คเชนทร์ย้ำ
“ไม่ใช่แล้วครับ ต้องตรงไป ถ้าเลี้ยวซ้ายก็กลับทางเดิมสิครับ เมื่อกี้บอกให้เลี้ยวซ้ายไปทางโน้น” กายชี้มือ “คุณไม่ได้ยินหรือไง คุณมีปัญหาเรื่องทิศทางงันหรือคุณคเชนทร์”
“ผมถึงได้ขอให้คุณมาเป็นนาวิเกเตอร์ให้ไงล่ะ” คเชนทร์ยังคงหัวเราาะอารมณ์ดี
“งั้นผมบอกก็ต้องเชื่อสิครับ”
“ใจเย็นๆ” คเชนทร์ตอบ “ผมแค่อยากโชว์ออฟให้ดูว่าผมกลับรถเก่งขนาดไหน”
“หัวใจจะวาย” กายถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “ตรงไป ถึงแยกแล้วตรงไปเลย”
“แบบผ่าไฟแดงใช่ไหม” คเชนทร์ถาม
“นั่นล่ะ แบบนั้นล่ะ ตรงไป ตรงไปอย่างเดียว” กายย้ำ
เมื่อผ่านทางแยกและใช้เส้นทางตรงเป็นระยะทางกว่าห้ากิโลเมตร สภาพถนนดีขึ้นกว่าเดิม กายเริ่มรู้สึกผ่อนคลายทั้งที่คเชนทร์ใช้ความเร็วสูงยิ่งกว่าเดิม เขานั่งนิ่งชั่วครู่แล้วเริ่มบ่นเรื่องของท่านประธานให้คเชนทร์ฟังว่าโดนตำหนิเรื่องการแปลในการประชุมนำเสนอ F-35 ให้แก่กองทัพอากาศ
“บอกก็ไม่เชื่อ” คเชนทร์สรุป “งานนั้นต้องเอามือวางอันดับสองอย่างคุณการุณย์ไป คุณเองก็ไม่ยอมให้ผมติวให้ เป็นไงล่ะ”
“ผมว่าท่านประธานมีอคติกับผม เขาจงใจพูดเร็วมากเหมือนคุณ ตั้งใจจะให้ผมแปลให้ Jean Michael ฟังไม่ทัน” กายบ่น
“คุณก็แปลฝรั่งเศสผสมอังกฤษไปเลยสิ”
“ผมก็ทำแบบนั้นล่ะครับ”
“โอ้โห เอาตัวรอดเก่งนี่นา” คเชนทร์ชม “นี่ล่ะที่ผมบอกว่าจะติวให้”
“พอ Jean Michael พรีเซนต์เป็นภาษาฝรั่งเศส ผมแปลเป็นภาษาไทยแบบ side by side แล้วก็...”
“อ้าว ทำไม” คเชนทร์พูดแทรก “แบบนี้ก็ตายสิ ทำไมไม่แปลแบบ simultaneous”
“ผมไม่ทราบ” กายส่ายหน้า
“ต้องใช้หูฟัง แจกให้พวกคุณชายชาติทหารในที่ประชุม แล้วก็นั่งแปลใส่ไมโครโฟนแบบที่ล่ามยูเอ็นเขาแปล”
“ผมนึกว่า...”
“ชั่วโมงบินคุณยังน้อย เลยพลาดท่าเสียทีท่านประธาน” คเชนทร์ยกนิ้วชี้หน้ากาย “บอกแล้วว่าให้ผมติวให้ก็ไม่เชื่อ ไม่ไว้ใจผมล่ะสิ คุณไม่กล้าให้ผมติวตัวต่อตัวในที่รโหฐานใช่ไหมล่ะ”
“พลาดท่าเสียทีงั้นหรือครับ” กายยังติดใจประโยคแรกของคเชนทร์
“Jean Michael พูดภาษาอังกฤษได้ดี”
“ผมก็ว่างั้น แล้วทำไม...” กายขมวดคิ้ว
“คิดๆ ดูให้ดี คิดๆ ดูให้ดี” คเชนทร์ร้องเป็นเพลง “เหนื่อยหน่ายตัวเองที่หัวไม่ดี ทำยังไงก็คิดไม่ออก ม่ายออก ม่ายออก อาฮ่ะ”
กายหันไปมองคนขับรถด้วยสายตาขวางๆ ชักจะรู้สึกว่าคเชนทร์ทะลึ่งปนทะเล้นและกวนมากขึ้นทุกที
“คิดออกหรือยังคุณกาย” คเชนทร์ถามอีกเมื่อเห็นกายนิ่งไปนาน
“คุณพฤศแกล้งผมหรือ” กายหรี่ตา พูดเสียงเข้ม
“ตอนแรกเรียกว่าคุณโดนฟันมา ตอนนี้เรียกว่าท่านกำลังแทงคุณด้วยดาบซามูไร” คเชนทร์ 'ปลอบใจ' กาย “ต่อไป ท่านจะยิงคุณด้วยปืนใหญ่ ระวังตัวเอาไว้เถอะ”
“นี่คุณเตือนผมเพราะหวังดี หรือขู่ผมเพราะเป็นซาดิสม์กันแน่” กายขมวดคิ้วให้คเชนทร์ “มีความสุขหรือเปล่าครับที่เห็นผมโดนท่านประธานแกล้ง”
“ถ้าคุณผ่านไปได้ รับรองว่ากลายเป็นคนหนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า” คเชนทร์ยักคิ้ว “เชื่อผมสิ”
...ตกลงคเชนทร์เป็นฝ่ายเขาหรือเปล่านี่ ทำเหมือนช่วย แต่ดูๆ ไปก็เหมือนซ้ำเติม..
...โอย นี่มันบริษัทมหาภัยจริงๆ เลย บริษัทแปลก คนก็แปลก อีกหน่อยเราคงกลายพันธ์จากคนธรรมดาเป็นคนพันธ์แปลกอย่างคนที่ทำงานบริษัทนี้ล่ะมั๊ง...
“เขามีอะไรกับผมนักหนา” กายบ่นขึ้นมาอีกหลังจากนั่งนิ่งไปครู่ใหญ่ “ทำไมต้องมีอคติกับผม ไม่ชอบหน้าผมโดยไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจจริงๆ”
“ท่านเป็นของท่านแบบนั้นเอง” คเชนทร์พูด “ให้ทำใจซะ”
“แค่นี้หรือครับ คุณตอบผมได้แค่นี้หรือครับคุณคเชนทร์” กายหันไปทำหน้าหงุดหงิดใส่คเชนทร์
“คุณกาย คุณกำลงพูดกับรองประธานบริษัทอยู่นะครับ”
“ผมพูดกับคู่หูแข่งแรลลี่ต่างหาก” กายตอบเสียงเข้ม “นี่ไม่ใช่เวลาทำงาน”
“คุณนี่ไม่ใช่ย่อย ไม่ค่อยกลัวใครเลยนะนี่” คเชนทร์เลิกคิ้ว “หรือว่าเมื่อคืนนอนไม่พอ เห็นขอบตาคล้ำๆ เอ๊ะ หรือว่าเที่ยวดึก หรือว่าอารมณ์ค้าง”
...ใครว่าอารมณ์ค้าง ไคลแม็กซ์ไปตั้งสองครั้งต่างหาก เที่ยวดึกก็ไม่ได้เที่ยว นอนดึกและนอนไม่พอนั่นใช่...
...และยังรู้สึกจุกๆ อยู่อีกต่างหาก...
“ผมอดทนมานานแล้ว” กายหน้าบึ้ง ตามองตรงไปข้างหน้า จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนขับรถที่อยู่ข้างๆ จึงหันไปมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ได้หัวเราะเยาะคุณนะ” คเชนทร์ทำหน้าเหรอหรา “เพียงแต่...”
“เพียงแต่อะไรครับ” กายถามเมื่อคเชนทร์แกล้งทำทีจะพูดต่อแต่กลับหยุดไปเฉยๆ “คุณคเชนทร์ เพียงแต่อะไรครับ”
“รู้ไหม เวลาคุณทำหน้าหงุดหงิดแบบนี้ดูน่ารักดี”
“เลิกพูดเล่นได้แล้ว”
“น่า นะ อดทนต่อไปอีกหน่อย” คเชนทร์ปลอบ “อีกนิดดียวเท่านั้นเดี๋ยวก็เสร็จ”
“ไร้เหตุผลจริงๆ เลย” กายบ่น “ผมไปทำอะไรให้”
“บอกแล้วไงว่าท่านเป็นของท่านแบบนั้น พฤศเขาระแวง กลัวใครจะมาคบกับตัวเองเพราะเห็นว่ารวย หรือหวังผลประโยชน์”
“ผมไม่ได้คบ” กายโวยวาย “ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น และไม่มีวันคิดด้วย การแสดงออกยิ่งไม่ได้ทำแม้แต่นิดเดียว”
“ผมไม่ได้บอกว่าคุณคิด” คเชนทร์แย้ง “หรือคุณจะคิดหรือเปล่าผมก็ไม่รู้”
“บอกว่าไม่ได้คิด” กายเสียงแข็ง
“ครับๆ ไม่ได้คิดก็ไม่ได้คิด” คเชนทร์พยักหน้า “แต่ท่านประธานอาจจะคิด”
“คิดอะไร”
“คิดว่าคุณต้องการจับเขาเพราะเขาหล่อและรวย”
“คิดได้ไง เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย” กายส่ายหน้า ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่คเชนทร์พูด
“ท่านเป็นคนคิดมาก ขี้ระแวง เพราะมันเคยเกิดขึ้นบ่อยๆ ที่นี้พอคุณเข้ามาทำงานก็คงคิดว่าคุณต้องการอะไรจากท่าน”
“ผมไม่ได้มีทีท่าอะไรซักนิด” กายรีบพูดแทรก “เขานั่นล่ะมั่วไปคนเดียว”
“มั่ว...” คเชนทร์เลิกคิ้ว “ที่ว่ามั่วนี่คุณหมายความว่าคิดมั่วๆ ใช่หรือเปล่า”
“ก็ใช่นะสิครับ แล้วคุณคิดว่าผมหมายความว่ายังไง”
“ไม่รู้สิ” คเชนทร์ยักไหล่ “คุณก็พูดกำกวม ไม่ชัดเจน คุณต้องพูดให้เคลียร์ คนฟังจะได้เข้าใจ”
...ยังมีหน้ามาพูด ตัวเองพูดเคลียร์นักล่ะ...
กายเผลอเบ้ปากใส่คเชนทร์ “เห็นผมครั้งแรกก็จ้องหน้าเหมือนโกรธมาเป็นปีๆ ยังกับว่าผมเคยไปทำอะไรให้ยังงั้น่ะ”
“นั่นสิ ทำไมล่ะ” คเชนทร์ขมวดคิ้ว พึมพำเบาๆ
“ใครจะไปอยากได้ ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน ใครอยากจะไปคบ ผมว่าคุณหล่อเร้าใจกว่าตั้งเยอะ” กายพูดฉุนๆ
“จริงหรือ” คเชนทร์หันหน้ามาถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ แต่ดวงตาคู่นั้นเต้นระริก
“ว่าแต่คุณเถอะ คิดอย่างที่ท่านประธานคิดหรือเปล่า” กายถามจริงจัง หันหน้ามามองคเชนทร์ แล้วพูดเสียงขึงขังว่า “แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับท่านรองฯ ท่านรู้จักผมน้อยไปซะแล้ว”
“ทำยังไงถึงจะได้รู้จักมากขึ้นล่ะ” คเชนทร์ถามเสียงราบเรียบ ตามองตรงไปข้างหน้าประหนึ่งว่ากำลังตั้งใจขับรถมาก
“ก็มานั่งเป็นนาวิเกเตอร์ให้ขนาดนี้ ก็กำลังรู้จักกันมากขึ้นอยู่นี่ไงครับ” กายตอบ
“เออ จริงด้วย” คเชนทร์พยักหน้า “เห็นตอนคุณหงุดหงิดแล้ว ทีนี้รู้เลยว่าไม่เบาเหมือนกัน ดุใช้ได้”
“ใครดีมาก็ดีไป ใครร้ายมาก็ร้ายตอบ”
“น่าน ยังงี้สิเรียกว่านักเลงจริง” คเชนทร์ยกนิ้วให้เพื่อเป็นการชม
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับคุณคเชนทร์”
“ผมก็ไม่ได้เล่นๆ เหมือนกัน” คเชนทร์ตอบ กายขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจความหมายของคเชนทร์เท่าใดนัก แต่เมื่อหันไปมองถนนและเห็นว่ากำลังจะถึงทางแยก กายจึงทำหน้าที่นาวิเกเตอร์ต่อไปด้วยการบอกให้คเชนทร์เลี้ยวขวา
“คุณดูแผนที่แล้วหรือยังกาย ทำไมถึงได้...”
“เชื่อผมเถอะ เลี้ยวขวานะครับ เลี้ยวไปทางฝั่งที่คุณนั่งขับรถอยู่นั่นล่ะ” กายตอบเสียงเข้ม “ผมไม่ต้องดูแผนที่ทุกแยกหรอก ผมเป็นคนฉลาดพอสมควร ดูครั้งเดียวก็บอกทางได้ ไม่เห็นจะยากตรงไหน เราไม่ได้แข่งรถอยู่แถวสำเพ็งนะครับ”
“ซุปเปอร์นาวิเกเตอร์จริงๆ ไม่ผิดหวังเลยที่ได้คุณ” คเชนทร์ชมแล้วเลี้ยวขวาแรงๆ จนซุปเปอร์นาวิเกเตอร์ถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับประตูรถ
“โอ๊ะ ขอโทษครับ รุนแรงไปหน่อย ผมกลัวเลี้ยวผิด”
“ไม่เป็นไรครับ” กายพูดเสียงฉุน เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านี้ เขาแน่ใจว่าคเชนทร์แกล้ง
“แบบนี้เราชนะแน่” คเชนทร์ผิวปากเป็นทำนองอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์แล้วเพิ่มความเร็วของรถให้ทะยานไปข้างหน้า
เดี๋ยวมีต่อ ขอให้ไปให้นมลูกหมากับป้อนข้าวน้องหมาก่อนนะครับ ตอนนี้มีลูกสี่ขาวสองตัว กำลังกินกำลังนอนกำลังอึกำลังซน
พอถึงครึ่งเรื่อง ความฉงนสงสัยของกายก็จะเริ่มกระจ่างแล้วครับ กะจะให้นิยายเรื่องนี้จบใน 50 ตอนครับ
หนาว ไม่มีคนกอด (แต่ไม่ง้อ เพราะเรามีหมากอด 555)